วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 12



เนื่องจากทงอีมีชาติกำเนิดเป็นชนชั้นต่ำ ทำให้ถูกนางในฝ่ายตรวจการกีดกัน และได้วางแผนเพื่อที่จะขับไล่ทงอีกออกไป ส่วนจางฮีเจ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองปราบขวา

เนื้อเรื่อง: 

 โฮยาง และแทพุง ไม่พอใจที่ทงอีได้เป็นนางใน โฮยางจึงขอร้องให้แทพุง ผู้เป็นพ่อช่วยไปสืบให้ ส่วนยังดัลและจูซิกตื่นเต้นที่ทงอีได้รับการแต่งตั้งเป็นนางใน


“ทงอี นี่ไงล่ะคือรางวัล รางวัลตอบแทนเจ้าสำหรับเรื่องนั้นไงเล่า” ยังดัล กล่าว

 “รางวัลเหรอ ถึงอย่างนั้นทำไมถึงให้ข้าได้เป็น…” ทงอี กล่าว

 “ใต้เท้า อย่าเอาแต่อึ้ง รีบไปสืบให้ที ว่าเรื่องมันยังไงกันแน่นะเร็ว ๆ สิ” ยังดัล กล่าว

 “รู้แล้ว ข้ารู้แล้วน่า”

“ทงอีจะได้เข้าวังแล้วจริง ๆ ทงอีเก่งจังเลย”

 “พวกเจ้าดูสิ ๆ นั่นไงเห็นมั้ย?”

 ทงอีเดินทางมาหาจางซังกุง หลังได้รับคำสั่ง


“ดูจากท่าทางของเจ้า มีคำสั่งแต่งตั้งลงมาแล้ว..ใช่รึเปล่า?”

“ท่านซังกุง ข้าน้อยได้ยินว่าท่านเป็นคนเสนอให้ข้าน้อยมารับตำแหน่งนางในตรวจการ ไม่ทราบว่าเป็น..ความจริงรึเปล่าคะ?”

“ใช่แล้ว ข้าเสนอเอง”

 “ท่านซังกุง”

“ดูท่าทางเจ้าตกใจมาก มีอะไรเหรอ หรือว่าเจ้าไม่พอใจรางวัลที่ข้าอยากให้เจ้า”

 “อ้อ ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าน้อยแค่รู้สึกว่าตัวเอง..เป็นแค่ชนชั้นต่ำคนนึงเท่านั้น คนอย่างข้าน้อยจะไปกลายเป็นฮังอาที่สูงส่งอย่างนั้นได้ยังไง แบบนี้…”

“ไม่เลย ด้วยความสามารถขนาดเจ้าน่ะ เป็นฮังอายังน้อยเกินไป เจ้าลืมแล้วหรือเรื่องที่ขุนนางหลายร้อยกับนางในของฝ่ายตรวจการยังทำไม่ได้ เจ้ากลับทำได้ถึงสองครั้ง”

“ท่านซังกุง”

 “จงเลิกพูดว่าเป็นชนชั้นต่ำไม่คู่ควรจะได้รับ เพราะแม้แต่ฝ่าบาทก็ยังคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสม พระองค์จึงทรงตอบรับคำขอนี้ของข้าไง”

 “คะ? ฝ่าบาทหรือเจ้าคะ”

“ใช่จ้ะ คนที่รู้ถึงความสามารถของเจ้าดีกว่าใครก็คือฝ่าบาทนั่นแหละ ดังนั้นรางวัลนี้มันสมควรที่เจ้าจะได้รับแล้ว เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นนางในฝ่ายตรวจการ แต่เรื่องที่ข้าอยากรู้ตอนนี้คือ..ความรู้สึกของเจ้า ว่าเจ้ายินดีกับรางวัลนี้หรือไม่ ในใจเจ้า ยอมพ้นจากชนชั้นต่ำมาเป็นนางในรึยัง เจ้าคิดว่ายังไง?”

ซังกุงสูงสุด เห็นว่าการแต่งตั้งทงอี ทางเรือนชีซอนมีเจตนาดูถูกฝ่ายตรวจการของตน จึงบอกให้ซังกุง นำความรู้สึกของฝ่ายตรวจการไปแจ้งให้คณะปกครองได้รู้ ด้านโดซังกุง เข้ารายงานพระพันปีมองซองว่าพวกซังกุงไม่ยอมรับชนชั้นต่ำเข้ามาในฝ่ายตรวจการจึงส่งหนังสือให้คณะปกครองทบทวน

 “มันก็ควรเป็นอย่างนั้น จางซังกุงคิดจะลองใช้อำนาจมาแทรกแซงฝ่ายใน เหอะ มันจะปล่อยให้นางสมใจได้ยังไง ไปกัน ข้าจะไปพบพระมเหสีหน่อย”

ซังกุงสูงสุดเดินทางมาเข้าเฝ้าพระมเหสีอินฮอน

 “ถ้าจะถามหาความรับผิดชอบในความผิดพลาด พวกหม่อมฉันยินดีจะรับการลงโทษทุกอย่าง แต่การส่งสาวใช้ชั้นต่ำมาดูถูกกันแบบนี้ พวกหม่อมฉันไม่มีทางยอมรับได้ ฝ่ายตรวจการเป็นฝ่ายที่ต้องดูแลควบคุมฝ่ายใน ถ้าหากฝ่ายตรวจการต้องเสียความน่าเชื่อถือก็คงจะพังลงสักวันแน่ ขอให้ทรงมีรับสั่งถอนคำสั่งคณะปกครองด้วยเพคะ”

 “ท่านซังกุง”


 “พระพันปีเสด็จ”

 “มีอะไรต้องรีรออีกหาพระมเหสี”

 “เสด็จแม่”

 “พระพันปี”

 “เจ้าก็ตอบรับคำขอของพวกนางไปสิ”

 “เสด็จแม่”

 “เมื่อเป็นข้อเสนอของจางซังกุง เคยมีซังกุงคนไหนที่มีสิทธิยกชนชั้นทาสให้เป็นนางในเหรอ? จางซังกุงเป็นใครถึงทำได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระมเหสี”

 “หม่อมฉัน…อนุญาตไปแล้ว”

 “เจ้าว่าไงนะ”

 “พระมเหสี”

 “คนที่อนุญาตให้เด็กที่ชื่อชอนทงอีได้เป็นนางในฝ่ายตรวจการก็คือข้าเอง” พระมเหสีอินฮอน ตรัส

 “พระมเหสี”

 “ที่ตัดสินใจแบบนั้น เพราะคิดว่าเด็กคนนั้นมีความสามารถจะเป็นนางในฝ่ายตรวจการ เพราะเห็นได้ชัดว่า เด็กคนนั้นสามารถทำในสิ่งที่หลายคนทำไม่ได้”

 “พระมเหสี เด็กคนนั้นเป็นชนชั้นต่ำ จะให้ชนชั้นต่ำมาเป็นนางในได้ยังไง”

 “ไม่ใช่เลยเพคะเสด็จแม่ กฎหมายของโชซอน กำหนดไว้ว่าชนชั้นต่ำก็มีสิทธิเข้าเป็นข้าหลวงในวังได้เพคะ”

 “แต่ว่าเรื่องนี้เป็น…วัฒนธรรมที่ยึดถือกันมาเนิ่นนาน ฝ่ายในไม่เคยให้ชนชั้นต่ำเข้ามาเป็นนางในวังมานานแล้วเพคะ” ซังกุงสูงสุด ทูล

 “ถ้างั้นจากนี้ไปก็เริ่มทำตามกฎหมายซะ  ว่ายังไง ถ้าให้ฝ่ายตรวจการที่คอยควบคุมดูแลฝ่ายในเริ่มแบบนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เจ้าว่าจริงมั้ยล่ะ?”

 “พระมเหสี”

 “เพราะข้าไม่เคยคิดจะถอนคำสั่งนั้นเลย ข้าหวังว่าฝ่ายตรวจการจะเข้าใจการตัดสินใจของข้า”
 จูซิก บอกกับทงอีว่า แม้จะมีหนังสือคัดค้านจากฝ่ายตรวจการก็ไม่ต้องเป็นกังวัลเพราะเรื่องนี้พระมเหสี เป็นคนประทานอนุญาต แล้วมีจางซังกุงเป็นคนเสนอเรื่องไป จากนี้ไปทงอีได้เป็นถึงฮังอาฝ่ายใน

 พระเจ้าซุกจง เล่าเรื่องที่ตนพบทงอีให้พระมเหสีอินฮอนฟัง

 “หมายความว่า ฝ่าบาทพบเด็กคนนั้นตอนปลอมพระองค์ออกไปนอกวังหรือเพคะ”

 “ใช่แล้วล่ะ แต่ว่าเด็กคนนั้น ไม่รู้หรอกว่าข้าเป็นพระราชา เพราะข้าบอกนางว่าข้าเป็นผู้ช่วยผู้ว่า”

 “อะไรนะ?”

 “ถึงจะได้พบโดยบังเอิญ แต่นางเป็นคนฉลาด ที่สำคัญเป็นคนที่จิตใจใสบริสุทธิ์ เด็กที่มีความสามารถขนาดนั้นไปเป็นแค่ทาสรับใช้ มันน่าเสียดายเกินไป เพราะฉะนั้นถึงรู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้พระมเหสีลำบากใจ แต่ข้าก็อยากจะขอร้อง แต่ว่านี่เป็นแค่คำขอร้อง ถ้าไม่เห็นด้วยก็ปฏิเสธได้ เพราะพระมเหสีเป็นใหญ่ที่สุดในฝ่ายใน”

 “ไม่หรอกเพคะ หม่อมฉันจะรับเด็กคนนั้นเข้ามาเป็นนางในฝ่ายตรวจการ เรื่องแต่งตั้งคนในราชสำนัก ฝ่าบาททรงยุติธรรมเปิดเผยอย่างที่สุด ถ้าฝ่าบาททรงเห็นว่าเด็กคนนั้นคู่ควรก็ย่อมน่าเชื่อถือกว่าใคร เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หม่อมฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ”

 “พระมเหสี” พระเจ้าซุกจง ตรัส จากนั้น จางซังกุงได้มาขอเข้าเฝ้าพระมเหสี


 “หม่อมฉันอยากมาขอบพระทัยพระองค์เพคะ”

 “เจ้าพูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ข้าทำไป ก็เพราะข้าเองก็คิดว่าเด็กคนนั้นคู่ควรพอต่างหาก”

 “แต่ว่าต้องขอประทานอภัยที่เรื่องนี้ ทำให้เกิดการต่อต้านในฝ่ายในไม่น้อยเลย ฉะนั้นในเรื่องนี้ หม่อมฉันจะรับผิดชอบแก้ปัญหาเองเพคะ”

 “เจ้าจะแก้ปัญหานี้เอง เจ้าจะทำยังไงล่ะ? ”

 “คงเริ่มจากปลอบใจคนในวังก่อน แล้วค่อยหาวิธีทำให้ฝ่ายตรวจการสงบลงหม่อมฉัน มีวิธีจัดการกับเรื่องนี้เพคะ ขอให้พระมเหสีทรงวางพระทัยเพคะ”

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเอาใจใส่ฝ่ายในเหลือเกินนะ แต่น้ำใจนี้ข้าขอรับไว้ด้วยใจก็พอ คนที่ทำให้ฝ่ายในวุ่นวายคือข้าไม่ใช่เจ้าหรอก คนที่ยอมรับเด็กคนนั้นมาเป็นนางในคือข้า และคนที่ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ของฝ่ายในได้ก็มีแต่พระมเหสีเท่านั้น ดังนั้นจะปัดความรับผิดชอบให้เจ้าได้ยังไง เรื่องที่ทำให้ข้ารู้สึกเสียใจเพราะการที่เจ้าเป็นคนเสนอเด็กคนนี้ขึ้นมา ทำให้ฝ่ายในลือกันไปว่าเจ้าจะเข้ามาแทรกแซงอำนาจของฝ่ายใน และข้า ก็ไม่อยากให้จางซังกุงต้องถูกคนเข้าใจผิดอย่างนี้อีก ดังนั้น ข้าจะแก้ปัญหาฝ่ายในนี่เอง ส่วนเจ้าก็ถอยหลบออกไปสักก้าวนึง”

“เดิมทีคิดว่าจะถูกพระมเหสีตำหนิ  นึกไม่ถึงว่าพระองค์จะปลอบใจ เป็นพระกรุณายิ่งเพคะ  แต่พระมเหสี ในเมื่อหม่อมฉัน ก็เป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายในแล้วจะนิ่งเฉยกับเรื่องนี้ได้ยังไงเพคะ  ในเมื่อพระมเหสีทรงทราบดีว่า ข่าวลือที่ว่าหม่อมฉันไปแทรกแซงฝ่ายในนั่นเป็นเพียงการเข้าใจผิด  เช่นนี้ย่อมไม่มีผลอะไรกับหม่อมฉัน  ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่กล้าผลักภาระที่ควรทำเพคะ”

อัน ทูลเตือนพระมเหสีอินฮอน เรื่องที่ประทานอนุญาต  เพราะจางซังกุงกำลังวางแผน เพื่อทำให้ฝ่ายในสั่นคลอน ฉวยโอกาสขยายอำนาจตัวเอง แต่พระมเหสีตรัสว่ารู้แผนของจางซังกุงแล้ว


แทซุก เตือน จางซังกุงว่า หากคิดจะกุมอำนาจฝ่ายในต้องได้ฝ่ายตรวจการมาอยู่ในมือ  แต่ก็ไม่ควรรีบร้อนเกินไปควรจะใช้วิธีอ่อน 

“แต่ข้า..มีเลือดของชนชั้นต่ำอยู่ครึ่งนึง  ท่านลืมกันไปแล้วเหรอ  ฝ่ายตรวจการคือที่รวมนางในที่เก่งและชาติกำเนิดดีมากที่สุด ถ้าใช้ไม้อ่อนกับคนอย่างพวกนาง พวกนางจะยอมสยบให้ข้างั้นหรือ?”

 “ใช้ไม้แข็งกับพวกนางแล้วมีประโยชน์ยังไง ต่อให้ฉลาดยังไง นางก็เป็นแค่สาวใช้ ถ้าเด็กคนนั้นทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะกลับทำให้ท่านเสียหน้าเปล่า ๆ” โฮยอน กล่าว

 “ไม่หรอก เด็กคนนั้นจะต้องทำได้ดีแน่  นางจะต้องทำได้ดีมาก โปรดเชื่อใจข้าเถอะ”

 ซอ รู้เรื่องที่ทงอีได้รับการแต่งตั้งเป็นนางในจากผู้ช่วยของเขา ระหว่างนั้นจงคู ก็เข้ามา บอกว่าเกิดเรื่องใหญ่ในกองปราบ แล้วก็แจ้งให้ซอ รีบออกไปดู ก็พบกับฮีเจ


 “เป็นไงบ้าง เหมาะกับข้าใช่มั้ย มันก็แหง  หุ่นข้ามันมาตรฐาน ไม่ว่าจะใส่อะไรก็เจริญหูเจริญตา ฮะ ๆ โอ้ว ๆ  คารวะท่านผู้บัญชาการ ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้มารับตำแหน่งนายกอง  ข้าน้อยมีชื่อว่าจางฮีเจขอรับ”

 “ท่านดูสิ เจ้านี่มันมาได้เพราะใช้เส้นชัด ๆเลย” จงคู กล่าว

 “เมื่อวานมีคนมาแจ้งกับข้าแล้วว่า ใต้เท้าโฮแทซุกเป็นคนแนะนำเจ้ามาทำงานที่นี่” ซอ กล่าว

 “หะ ใต้เท้า รู้ตั้งนานแล้วเหรอ”

 “ไม่รู้ว่ายังไง เรื่องมันถึงได้เป็นอย่างนี้ ฮะ ๆ”

 “การแต่งตั้งเจ้าไม่ได้อยู่ในอำนาจของข้า ข้าเลยไม่อยากพูดมาก แต่ว่าจะเลือกใช้เจ้ารึเปล่านั้น เป็นอำนาจของข้า”

 “อ้อ ขอรับ”

 “ถ้าเจ้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่จริง เจ้าก็ต้องพยายามให้มาก  ถ้าเก่งจริงข้าก็จะเลือกใช้เจ้า  แต่ถ้าทำผิดพลาด ก็จะถูกไล่ออกได้เหมือนกัน”

 “แน่อยู่แล้วใต้เท้า ข้าน้อยจะไปกล้า เถียงใต้เท้าได้ยังไงกันล่ะ หึๆ”

 “ในเมื่อเจ้าเป็นรุ่นพี่ก็ช่วยสอนงานเค้าด้วยล่ะ” ซอ สั่งจงคู และผู้ช่วย

 “อ้อ รับทราบขอรับใต้เท้า แหะ ๆ ๆ ได้ยินรึยัง ใต้เท้าซอของเราไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นใครเป็นพี่ชายของใคร ดังนั้น ต่อไปเจ้าเป็นลูกน้องข้าตั้งใจเรียนรู้งานให้ดี เข้าใจรึเปล่า อะไร  ยิ้มอะไร เข้าใจรึยัง จะไปไหน เดี๋ยวสิ ๆ เจ้าจะไปไหน เดี๋ยว  โธ่เอ๊ย ข้าอยากจะบ้าตาย” จงคู กล่าว

 ชอนซู กำลังนำผลชันสูตรไปเก็บในห้องให้กับทหารคนหนึ่ง ระหว่างนั้นก็พบกับฮีเจโดยบังเอิญ


“นี่ท่านคือ..” ชอนซู ถาม

 “ใช่ ข้าเอง ชายชู้ไง” ฮีเจ กล่าว

 “เอ่อท่าน ท่านเป็นนายกองหรือ?” ชอนซู ถาม

 “ชุดเนี้ยเหรอ จับพลัดจับผลู เพิ่งจะมาเป็นกับเค้าวันนี้ ฮิ ๆ บันทึกคำให้การในคดีฆ่าชนชั้นสูง ดูเหมือน
\เจ้ากำลังอ่านอย่างเมามันนี่”

“อันนี้เหรอ จะเป็นไปได้ยังไง  ข้าน้อยมาเก็บบันทึกผลชันสูตร  แต่ยังหาที่วางไม่เจอน่ะ”

 “หึ ๆ ๆ ๆ มีฝีมือต่อสู้แถมยังดูมีความลับ  ยิ่งดูข้ายิ่งจะสนใจซะแล้ว”

 “ท่านพูดอะไร?”

 “ขอโทษทีที่มาขัด เอ้า อ่านของเจ้าต่อไปเถอะ ไปล่ะ”


 
จูซิก และยังดัล จัดงานเลี้ยงให้ทงอี ยังดัลร้องไห้เสียใจที่ทงอีจะไม่อยู่ที่กองดนตรีแล้ว ส่วนจูซิก บอกให้ทงอีนำซอไปด้วย อยู่ในฝ่ายในอยากเล่นตอนไหนก็เล่นได้เลยไม่มีใครว่า ต่อจากนี้ทงอีจะพ้นจากชนชั้นต่ำแล้ว

 ทงอีออกมาข้างนอก นึกถึงพ่อ ก็พูดขึ้นว่า

 “ท่านพ่อคะ พรุ่งนี้ข้าก็จะไปจากกองดนตรีแล้ว  ข้าจะไม่ต้องมาเป็นชนชั้นต่ำ แต่เป็นนางในแล้ว  ถึงข้าจะกลัว แต่ข้าก็อยากลองสักตั้ง  ต้องมีจิตใจที่สูงค่า  ถึงจะกลายเป็นคนสูงส่งได้จริงมั้ยคะ ข้า..อยากลองใช้ใจแบบนี้ ไปทำในเรื่องที่มีคุณค่าสูงส่งดูบ้างน่ะ ข้าจะทำได้ดีมั้ย ข้าอยากทำให้ดีค่ะ  ท่านต้องช่วยข้านะ”

 พระเจ้าซุกจง เบาพระทัยขึ้นหลังการต่อต้านจากฝ่ายตรวจการลดลง

"อืม แต่ข้ารู้สึกเสียดายที่จะต้องแต่งตั้ง เด็กคนนั้นเป็นนางใน เพราะว่าสักวันนึงนางก็จะรู้ความจริงว่าข้าเป็นพระราชาแต่ไม่ใช่ผู้ช่วยผู้ว่า นางเห็นข้าเป็นผู้ชายเดินดินธรรมดา ข้ากลับรู้สึกมีความสุขมากกว่า”

 “ฝ่าบาท” ขันที กล่าว

 “อืม เจ้าออกไปได้แล้วล่ะ”

 ทงอี เดินทางมาที่ฝ่ายตรวจการพบกับยูซังกุง จึงสั่งให้ชิบิ พานางไปหาซังกุงสูงสุด


“ข้าน้อยคารวะท่านซังกุงสูงสุดค่ะ ข้าน้อย แซ่ชอน  ชื่อทงอีเจ้าค่ะ”

 “ที่นี่น่ะเป็นฝ่ายที่เข้มงวดที่สุดในฝ่ายใน  ถึงเมื่อวานเจ้าจะยังเป็นทาสรับใช้  แต่วันนี้เมื่อเจ้าเหยียบเข้ามา  เจ้าต้องทิ้งกิริยาต่ำ ๆ พวกนั้นออกไปให้หมด เข้าใจรึเปล่า?”

 “ค่ะ ข้าน้อยจะจำไว้ค่ะท่านซังกุง”

 “พาออกไปได้”

 “ค่ะท่านซังกุง”

 จองซังกุง พาทงอี ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และบอกให้นางสงบเสงี่ยม แล้วให้หญิงรับใช้พาไปที่พัก ด้านชิบิ และเอจอง ไม่ชอบหน้าทงอี เพราะเห็นว่านางมาจากทาสรับใช้


 

 “ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าน้อย อ้อ ไม่  ข้าชื่อชอนทงอีจ้ะ”

 “ข้าขอเตือน ว่าอย่าหวังไว้สูงนัก เพราะที่นี่ไม่มีใครเห็นว่าเจ้าเป็นคนกันหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด ที่พวกนางเกลียดเจ้า  ไม่ใช่เพราะมาจากชนชั้นต่ำอย่างเดียว  ที่พวกนางเกลียดก็คือความคิดที่เจ้าอยากปีนขึ้นสู่ที่สูงโดยไม่เจียมตัวเท่านั้นแหละ” จองอิม กล่าว

 “ไม่จำเป็นต้องเสียใจหรอก กับการที่เด็กพวกนั้นทำแบบนั้นน่ะ” จองซังกุง กล่าว

 “ท่านซังกุง”

 “นางในทุกคนในที่นี้ต้องพยายามอย่างน้อยสิบปี มากหน่อยหลายสิบปี ต้องฝึกฝนอย่างหนักกว่าจะได้มาอยู่ในฝ่ายตรวจการ พวกนางภูมิใจกับการได้เป็นฝ่ายนางในที่ดีที่สุด พวกนางต้องผ่านความลำบากมานานหลายปี แต่เจ้ากลับใช้เวลาข้ามคืน ทำลายความภูมิใจที่พวกนางยึดถือไป เจ้ามายืนในตำแหน่งนี้ได้ โดยยังไม่พยายามเลย  เจ้าต้องกัดฟันทนต่อไป  ถึงจะไม่รู้ว่าเจ้าจะสามารถทำอะไรได้มากแค่ไหน แต่ตราบใดที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเจ้าทำได้ดีกว่าพวกนาง  ก็จะไม่มีใครเห็นเจ้าเป็นคนระดับเดียวกันหรอก”

 ชิบิ กับ เอจอง สอบถามยูซังกุง ว่านางยอมรับเรื่องของทงอีได้แล้วหรือ ควรจะให้นางในทั้งหมดประท้วง เพื่อให้งานของฝ่ายตรวจการชะงัก แต่ยูซังกุง บอกทั้งสองว่าไม่ต้องยุ่ง ทงอีไม่มีทางที่จะอยู่ที่นี่ได้นานอย่างแน่นอน

ยูซังกุง มาขอเข้าเฝ้าพระพันปีมองซอง เมื่อกลับไปที่ฝ่ายตรวจการ ก็เรียกทงอี ออกมาฝึกร่วมกับซังกุงคนอื่น ๆ ทันที ส่วนพระพันปีมองซอง ก็ตรัสกับอินกุ๊กว่า มีวิธีไล่เด็กที่ชื่อทงอี โดยยูซังกุง บอกว่า ภายในสามวันเด็กคนนั้นจะต้องถูกตะเพิดกลับไปกองดนตรีแน่นอน โดยใช้วิธี ไล่นางออกไปตามกฎของฝ่ายตรวจการ ซึ่งก็คือ กิจกรรมการจัดทดสอบของฝ่ายตรวจการ รออีกแค่สามวัน  จางซังกุงจะต้องอับอายขายหน้าแน่นอน

 ชอนซู มาหาฮีเจ ซูเทคเข้าใจว่าเป็นคนร้ายจึงต่อสู้กัน


 “พอเถอะ ไม่ต้องต่อสู้แล้ว เค้าไม่ได้เป็นภัยกับข้าหรอก เจ้ามาช้ากว่าที่คิดนะ ท่าทางมีความอดทนดีนี่”

“ทำไมท่านถึงไม่เปิดโปงข้า?” ชอนซู ถาม

 “ข้าก็บอกแล้วไง ว่าข้ายิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกชอบเจ้าน่ะ  ดูเหมือน..เจ้ากำลังตามหาอะไรอยู่  อยากจะได้ของมีอยู่ตั้งหลายวิธี วิธีที่ดีที่สุดในนั้นคือ หาทางเข้าใกล้คน ที่จะได้สิ่งนั้นมา ว่ายังไง ถ้าข้าให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการได้ เจ้าจะมาทำงานกับข้ามั้ย?”


เมื่อยังดัลกลับมาก็บ่นเรื่องสาวใช้ที่อยู่กองดนตรีแล้วได้รับการแต่งตั้งให้ไปอยู่ฝ่ายตรวจการให้กับชอนชูฟัง เพราะกลัวนางถูกกลั่นแกล้ง  เพราะยังดัลเห็นทงอีเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เรื่องนี้ทำให้ชอนชูคิดถึงทงอีขึ้นมาเหมือนกัน

ทงอีคิดถึงคำพูดของจองอิมที่ให้นางพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากคนอื่น ๆ จึงตั้งใจอ่านหนังสือต่อ

 “ พงซานทงอี  เจ้าต้องพยายามมากกว่านี้ หน้าที่นางในประจำตำหนักใหญ่ มีซังกุงรับบัญชาสิบสี่ห้องเย็บปักยี่สิบสาม ห้องจัดเก็บสอง ห้องสุขาสอง ห้องครัวสิบสาม ห้องผลไม้สิบเอ็ด สิบเอ็ดนะ ห้องทำความสะอาดสิบสอง ห้องผลไม้สิบเอ็ด ทำความสะอาดสิบสอง”

 ยูซังกุง บอกกับ ซังกุงสูงสุดว่า จะให้  ทงอีเข้าสอบประจำปีด้วย


 “หะ? เจ้าจะให้เด็กคนนั้นเข้าสอบด้วยงั้นเหรอ นี่เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่ จะให้เด็ก  ทงอีนั่นเข้าสอบครั้งนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?”

 “ก็เป็นอย่างที่ท่านได้ยินค่ะ เมื่อทงอีอยู่ในฐานะนางในของฝ่ายตรวจการ นางก็จำเป็นต้องเข้ารับการสอบเหมือนนางในคนอื่น ๆ ด้วยสิคะ”

 “แต่เด็กคนนั้นเพิ่งจะมาอยู่เพียงแค่สามวันเท่านั้นนะคะ แบบนี้เด็กคนนั้นคง…” จอง กล่าว

 “เข้าใจแล้ว  ทำไปตามนั้น”

 “ท่านซังกุง”

 “ทงอีเป็นนางข้าหลวงเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ดังนั้นนางก็ควรจะอยู่ในกฎเกณฑ์เดียวกัน” ซังกุงสูงสุด กล่าว

 “เช่นนั้นข้าจะรีบไปเตรียมการให้เรียบร้อยค่ะ” ยูซังกุง กล่าว

 ยูซังกุง มาบอกทงอีให้เข้าสอบพร้อมกับคนอื่น ๆ

 “เอ๋..ข้าก็ต้องเข้าสอบกับเค้าด้วยเหรอคะ?”

 “ใช่แล้ว เจ้าเป็นนางในฝ่ายตรวจการ  ดังนั้นเจ้าก็ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์เดียวกับคนอื่น”

 “แต่ข้าน้อย ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ”

 “ไม่เป็นไร ทำเต็มที่ตามความรู้ที่มีก็พอ”

 “ค่ะ ข้าเข้าใจแล้วค่ะ”

 พงซังกุง ไม่เข้าใจคำสั่งที่ยูซังกุง บอก จองซังกุงจึงช่วยอธิบายให้ฟัง

 “ไม่เข้าใจรึ? การสอบคะแนนจะแบ่งระดับเป็นคับ-อึล-บอง-จอง ถ้าทำคะแนนไม่ได้ ระดับอึลก็จะไม่ผ่านคุณสมบัตินางในฝ่ายตรวจการ”

 “แต่ว่านางเพิ่งเข้ามาจะไปสอบได้ระดับอึลได้ยังไง ระดับจองก็ไม่น่าจะผ่านแล้ว”

 “ถึงได้ตั้งใจทำแบบนี้เพื่อจะไล่เด็กคนนั้นออกไป เมื่อมาเป็นนางในฝ่ายตรวจการ เลยจับให้นางเข้าสอบไปด้วย และถ้าผลการสอบออกมาแล้ว ค่อยขับนางออกไปตามกฎ” จองซังกุง กล่าว

 เมื่อถึงวันสอบทงอีเดินทางมาเข้าสอบด้วยทำให้ชิบิ และเอจองประหลาดใจ


 “จากนี้จะเริ่มการสอบอย่างเป็นทางการ การสอบครั้งนี้หัวข้อหลักคือ ต้องท่องคัมภีร์ทางสายกลางได้” ยูซังกุง กล่าว

 “ทางสายกลาง..” หลายคน กล่าว

 “อ่านมารึยัง?” เอจอง ถาม

 “รู้จักรึเปล่า?” จองอิม ถาม

 “คะ ไม่รู้ข้าไม่เคยอ่านเลยค่ะ” ทงอี กล่าว

 “เจ้ารู้มั้ยว่าการสอบครั้งนี้หมายถึงอะไร ?”จองอิม กล่าว

 “ค่ะ เป็นการสอบประจำปีนางในฝ่ายตรวจ การ ยูซังกุงบอกว่าข้ารู้แค่ไหนก็ให้ทำไปแค่นั้น แต่ก็ยังเสียดายอยู่ดี ถ้าเป็นหนังสือที่เคยอ่านมาคงจะดีกว่านี้”

 “การสอบครั้งนี้มีกฎว่า ถ้าได้คะแนนไม่ถึงที่กำหนด จะต้องถูกขับออก” จองอิม บอก

 “คะ?”

 “เข้าใจมั้ย การสอบครั้งนี้จัดเพื่อคัดนางในของฝ่ายตรวจการที่ไม่ได้มาตรฐานออก”

 “นี่หมายความว่ายังไงคะ คะแนนไม่ถึงจะถูกขับออกเหรอคะ?  แต่เล่มนี้ ข้ายังไม่เคยอ่านมาก่อนเลย อย่างนี้ข้าจะทำยังไงดีคะ ท่านฮังอา..” ทงอี ถาม


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา