วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 20



จางฮีเจกลัวว่าแผนการปลงพระชนม์พระพันปีจะถูกเปิดโปงจึงคิดจะกำจัดทงอีทิ้ง ขณะที่กลุ่มขุนนางฝ่ายใต้ได้พยายามกดดันให้มีการปลดพระมเหสีอินฮอน แม้ว่าพระเจ้าซุกจงจะเชื่อใจพระมเหสี แต่ก็วางพระองค์ลำบาก ทงอีกับซอโยงกีพยายามหาทางช่วยเหลือพระมเหสี ทำให้ทงอีตัดสินใจไปหาจางฮีเจตามลำพัง

เนื้อเรื่อง:


ใต้เท้าซอพาชอนซูมาสอบสวนจนทราบว่า ชอนซูและทงอีช่วยกันสืบหาความจริงเรื่องตั๋วแลกเงินที่จ่ายให้หมอหลวง เป็นตั๋วเงินที่ออกจากร้านค้าที่มีความสัมพันธ์กับพระมเหสี ใต้เท้าซอยังให้คนไปนำตัวเสมียนร้านตั๋วแลกเงินมา สอบสวน

 “ข้าจะขอเตือนเจ้าอีกครั้ง บางทีเจ้าอาจจะออกตั๋วเงินโดยไม่คิดอะไร แต่เจ้าอาจจะมีความผิดร้ายแรงในข้อหากบฏเพราะเรื่องออกตั๋วเงินนี้ก็เป็นได้ เจ้าคงรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้พระพันปีกำลังประชวรหนัก นั่นเป็นเพราะมีคนวางแผนลอบปลงพระชนม์พระพันปี และหลักฐาน…ที่สำคัญมากก็คือตั๋วเงินที่เจ้าเป็นคนออกใบนั้น เอาล่ะ คราวนี้ข้าจะถามอีกครั้ง ใครเป็นคนบงการให้เจ้าออกตั๋วเงินใบนั้นหา? ถ้าเจ้ายอมสารภาพกับข้าตอนนี้ ข้าจะลองพยายามหาทางช่วยลดโทษให้กับเจ้า” ใต้เท้าซอคาดคั้น

 “ข้า.. ข้าน้อยก็ไม่รู้ ว่าคนคนนั้นเป็นใคร? จริง ๆ ขอรับ ข้าน้อยไม่รู้จริง ๆ ข้าแค่ออกตั๋วเงินตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้น จริงนะขอรับใต้เท้า ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ”

 “งั้นข้าก็ช่วยไม่ได้ ข้อหาร่วมปลงพระชนม์พระพันปี เจ้าคงจะหนีไม่พ้นแน่” ใต้เท้าซอขู่

 “ใต้ ใต้เท้า ถึง ถึงข้าจะ..ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่ง แต่น่าจะมีวิธีสืบหาได้ว่าเค้าเป็นใครขอรับ”

 “วิธีไหน?” ใต้เท้าซอถามอย่างตื่นเต้น

 “ค่า ค่าตอบแทนที่…จ้างให้ข้าน้อย ออกตั๋วเงิน ตั๋วเงินของจริง ที่ออกให้ข้าน้อยขอรับ ไม่ ไม่ได้ออก โดยร้านค้าของพวกเรา แต่เป็นร้านใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง เป็นตั๋วของร้าน พัคจูมอง ถ้าตามสืบไปจากตั๋วเงินนั้น อาจจะได้ตัวคนบงการว่าเป็นใคร” เสมียนบอก ใต้เท้าซอครุ่นคิดตาม



ซูเทคเตรียมกำจัดทงอีตามคำสั่งของฮีเจ โดยจะนำไปถ่วงน้ำ ชอนซูทราบเรื่องจึงตามไปช่วยไว้ทัน และพาทงอีมาพบใต้เท้าซอ

ใต้เท้าซอเล่าเรื่องที่สอบสวนเสมียนร้านค้าขายตั๋วแลกเงินให้ฟัง

 “ตอนนี้เสมียนคนนั้นอยู่ที่ไหนคะ”

 “เค้าไปเอาหลักฐานกับมือปราบนัมแล้ว”

 “เค้าไปทางไหน พวกเค้าไปทางไหนคะ?” ทงอีรีบถาม

 “มีเรื่องอะไรเหรอ?”

 “คนที่จับข้าไปพูดว่า มีคนของมันในกองปราบจะหาโอกาสช่วยเสมียนคนนั้นออกมา”

 “อะไรนะ นี่เจ้าพูดจริงเหรอ?”

 “ค่ะใต้เท้า”

 ใต้เท้าซอรีบตามลูกน้องไปหาจงคู แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าลูกน้องของเขาถูกฆ่าตาย ส่วนมือปราบนัมก็พาตัวเสมียนหนีออกไปได้ แต่ก็มาสิ้นใจตายกลางทาง ใต้เท้าซอจึงนำเรื่องมาเล่าให้ทงอีฟัง ทงอีรู้สึกหมดหวังเพราะพยานถูกกำจัดไปแล้ว


ทงอีมาขอเข้าเฝ้าพระมเหสีพร้อมกับบอกเรื่องเสมียนร้านค้าตั๋วแลกเงินตายซึ่งถือเป็นพยานที่เหลือเพียงคนเดียว

“ขอประทานอภัยเพคะ ถ้าหากว่าเสมียนคนนั้นยังไม่ตาย ก็จะพิสูจน์ได้แล้วว่าตั๋วเงินใบนั้นเป็นของปลอม”

 “ไม่เป็นไร ขนาดนี้ยังสืบหาความจริงไม่ได้ เรื่องนี้คงจะหมดหนทางแล้วล่ะ”

“ตอนนี้ยังไม่หมดหวังซะทีเดียวเพคะพระมเหสี ก่อนเสมียนคนนั้นจะตาย เค้าได้ สารภาพว่าเค้าได้รับตั๋วเงินกับจดหมายฉบับนึงเป็นค่าตอบแทน เค้าไม่วางใจเลยเอาไปซ่อนไว้ที่นึง ถ้าหากหาหลักฐานเจอ เราก็จะรู้ได้ว่าใครเป็นคนบงการให้เสมียนคนนั้นทำแบบนี้ ดังนั้นพระมเหสี โปรดให้เวลาหม่อมฉันอีกหน่อย ยังไงหม่อมฉันก็จะไม่ยอมแพ้ ต้องคืนความบริสุทธิ์ให้พระมเหสี” ทงอีกล่าวน้ำเสียงมุ่งมั่น

พระอาการของพระพันปีทรุดหนักขึ้น  ขณะที่พวกขุนนางฝ่ายใต้คนของฮีเจและพระสนมฮีบินต่างก็ดีใจ เพราะมั่นใจว่าพระมเหสีอิน ฮอนจะต้องถูกถอดยศ  และพระสนมฮีบินจะถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นพระมเหสีแทน พร้อม ๆ กับข่าวลือเรื่องพระพันปีสิ้นพระชนม์

 ขณะเดียวกันขุนนางฝ่ายใต้ก็พยายามกดดันให้ปลดพระมเหสีอินฮอนออกจากตำแหน่ง


“ทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ตำแหน่งพระมเหสีจะต้องเป็นแบบอย่างให้แก่ประชาราษฎร์ พระมเหสีที่สร้างเรื่องเช่นนี้ขึ้นจึงควรจะถูกถอดถอนพ่ะย่ะค่ะ” แทซุกกราบทูล

 “ท่านพูดเกินไปแล้วท่านเสนาฯ ถอดถอนเชียวรึ พระมเหสีทำความผิดใหญ่หลวงอะไรถึงต้องถูกถอดยศแบบนั้น?” อินกุ๊กค้าน

 “อย่าคิดจะปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือเลยดีกว่าน่า หมอหลวงที่ใส่ยาในพระโอสถของพระพันปีก็สารภาพแล้ว อีกอย่าง หมอหลวงคนนั้นก็มีความสัมพันธ์กับตระกูลพระมเหสี หลักฐานที่ปรากฏ มันชี้ไปที่พระมเหสีทั้งหมด ยังจะบอกว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด คิดจะหาข้ออ้างเพื่อกลบเกลื่อนผ่านไปรึไงหา?”

 “ฝ่าบาท นี่เป็นการใส่ร้ายเรื่องทั้งหมดเป็นแผนการที่วางเอาไว้เพื่อจะใส่ร้ายพระมเหสี ฝ่าบาทโปรดตรวจสอบเพื่อล้างมลทินให้พระมเหสีด้วย”

 “คดีนี้ศาลไต่สวนสืบสวนอย่างละเอียดแล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรต้องตรวจสอบให้ชัดอีก?” แทซุกเสียงแข็ง
 “ทำอย่างนี้ได้ยังไง  ท่านเสนาฯ”

 “พอแล้ว ๆ ๆ หยุดทะเลาะกันสักที พระอาการพระพันปียังอยู่ในอันตราย เวลานี้ พวกท่านกลับเอาเรื่องนี้มาทำให้ข้าหนักใจมากขึ้นอีกรึ?”

 “ฝ่าบาท ขอบังอาจกราบทูล กระหม่อมทูลขอก็เพราะเหตุนี้พ่ะย่ะค่ะ พระอาการของพระพันปีต้องทรุดหนัก จนอยู่ในอันตรายก็เพราะมีแผนการที่ชั่วร้ายอยู่เบื้องหลัง ฝ่าบาท ตอนนี้ในวังหลวงยังมีคนที่ทำความชั่วร้ายใหญ่หลวงนี้ลอยนวลอยู่ การที่หลักฐานปรากฏชัดแจ้ง จะเพิกเฉยการลงโทษต่อไปอีกคงไม่ได้ ขอให้ทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

 “ทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

พระมเหสีอินฮอนดูแลพระอาการประชวรของพระพันปี เด็กก็มารายงานเรื่องที่ขุนนางฝ่ายใต้กำลังประชุมกดดันพระเจ้าซุกจงให้ถอดยศพระมเหสี พระมเหสีอินฮอนตกพระทัยเป็นอย่างมาก


“พระ..มเหสี จะถอดยศ อะ..อะไรกัน?” พระพันปีเริ่มรู้สึกตัว

“เสด็จแม่ ๆ หมอหลวง รีบไปตามหมอหลวงมาเร็ว หมอหลวง เสด็จแม่ ๆ ๆ ๆ ฟื้นสิเพคะเสด็จแม่ เสด็จแม่”

กลุ่มที่สนับสนุนพระสนมฮีบินพยายามให้พระเจ้าซุกจงปลดพระมเหสี เพราะความผิดเรื่องลอบปลงพระชนม์พระพันปี สร้างความลำบากใจแก่พระเจ้าซุกจงเป็นอย่างมาก แม้พระองค์จะไม่เชื่อว่าพระมเหสี
จะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่ก็วางพระองค์ลำบากเพราะหลักฐานที่มีล้วนมัดพระมเหสีจนดิ้นไม่หลุด

 ทงอีบอกใต้เท้าซอว่าตัดสินใจที่จะไปกับฮีเจตามลำพังเพื่อถ่วงเวลา ใต้เท้าซอให้มือปราบติดตามดูทงอีห่าง ๆ เพื่อป้องกันอันตราย เมื่อทงอีมาขอพบทำให้ฮีเจแปลกใจมาก

 “อะไรนะ เด็กคนนั้นเหรอ?”

 “ขอรับ นางบอกว่าชื่อชอนทงอี แถมยังเป็นนางในของฝ่ายตรวจการด้วย”

 “นังเด็กคนนั้น กล้ามาหาข้าด้วยตัว  เอง นางมาหาข้า..ด้วยเรื่องอะไรกันแน่ ให้นางเข้ามาได้”

ทงอีได้รับการอนุญาตให้เข้าพบฮีเจเมื่อฮีเจเจอทงอีก็เอ่ยขึ้น


“เชื่อเลย ได้เจอกับเจ้าที่นี่ ยินดีจริง ๆ ถึงข้าจะได้ยินมานาน แต่เจ้ากล้ากัดไม่ปล่อยจริง ๆ ก่อนหน้านี้ข้าถึงเตือน พระสนมฮีบิน ว่าให้ไล่เจ้าไปให้ไกล ๆ ซะ เอาเถอะ เจ้าอยากคุยอะไรกับข้าก็พูดมา ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะพูดเรื่องอะไร”

 “ข้ารู้ว่า คนที่คิดจะฆ่าข้าน้อยเมื่อคืนนี้ก็คือ..ใต้เท้านี่เอง”

 “โอ้ว..แล้วยังไง เจ้าคิดจะเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ข้าเหรอ โอย ข้าล่ะกลัวจัง ก็ได้ จะถือว่าข้าทำก็ได้ แล้วยังไง เจ้าจะเอาหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ หรือว่าเจ้าจะไปฟ้องกับพระราชา ต่อให้พระราชาโปรดเจ้าสักแค่ไหน ถ้าไม่มีหลักฐาน พระองค์จะเชื่อเจ้าได้รึ? ข้าเป็นพี่ชายของพระสนมฮีบิน ถ้าเจ้าทำแบบนี้ ก็เท่ากับใส่ร้ายพระสนมฮีบินด้วย”

 “จะไม่มีเรื่องแบบนั้น ก็เหมือนที่ใต้เท้าพูด ข้าน้อยไม่มีหลักฐานในมือ แต่ว่า หลักฐานความผิดอีกอย่างที่ใต้เท้าทำไว้เมื่อคืน อยู่ในมือ..ของข้าเรียบร้อยแล้ว”

 “อะไรนะ?” ฮีเจตกใจ

 “เสมียนที่ใต้เท้าว่าจ้างให้เค้าออกตั๋วเงิน ปลอมยังไงล่ะ เมื่อคืนนี้ ท่านวางแผนฆ่าคนปิดปาก คงกำลังตามหาเสมียนอยู่ใช่มั้ย ในตอนนี้ คนคนนั้นอยู่กับข้าแล้ว”

 “อะไรนะ?”

 “เสมียนคนนั้นอยู่กับข้าน้อยแล้ว” ทงอีขู่

 “นังตัวแสบ เจ้า..คิดจะพูดอะไรหา นี่เจ้ากำลังลองใจข้าใช่มั้ย คิดจะแต่งเรื่องโกหกมาล่อข้ารึ?”

 “ถ้าคิดว่าโกหก ท่านก็คงผิดแล้ว ข้าเชื่อว่าท่านคงกำลังตามหาศพคนคนนั้นจนทั่ว แต่ท่านไม่มีวันหาเจอแน่ เพราะตอนนี้ เสมียนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ถึงเค้าจะบาดเจ็บ แต่ก็ได้รับการรักษา จนอาการค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว เค้ายังมีชีวิตอยู่ ข้ามาเพื่อนำข่าวนี้มาบอกท่าน”

 “นังตัวแสบ เจ้ากล้ามากที่มาต่อรองกับข้า แต่ถ้าข้าคิดจะฆ่าเจ้าซะตอนนี้ก็ทำได้”

 “ใต้เท้าไม่มีทางฆ่าข้าน้อยที่นี่หรอก เพราะมีคนหลายคนรู้ว่าข้าน้อยมาที่นี่ แถมยังมีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่นะคะใต้เท้า”

 “นังเด็กอวดดี คิดจะทำอะไร ถึงได้มาเพื่อบอกเรื่องนี้กับข้า เจ้ามีเป้าหมายอะไรหา?” ฮีเจโมโหจัด

 “ข้ายินดีส่งตัวเสมียนให้ท่าน แต่ว่า ท่านต้องบอกให้ศาลไต่สวนหยุดการสอบสวนคดีนี้เดี๋ยวนี้ เพราะว่าข้าต้องการแค่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพระมเหสี ข้าจะส่งคนให้กับท่าน ขอให้ท่านหยุดการสอบสวนคดีนี้ซะ” ทงอีบอก

 “หึ เจ้ากำลังฝันเฟื่องอยู่รึ เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดเจ้าเรอะ ถ้าเสมียนคนนั้นอยู่กับเจ้าจริง เจ้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาต่อรองกับข้าเลย”

 “ต้องต่อรองสิคะ และเหตุผลนั้นก็อยู่ที่ หากถอดยศพระมเหสีแล้ว ต่อให้พาเสมียนเข้าวังก็คงจะสายเกินแก้ ข้าจำเป็นต้องชิงเวลา ทำให้ศาลไต่สวนหยุดการสอบสวนก่อน”

 “ข้าต้องการจะพบหมอนั่นก่อน รอให้ข้าแน่ใจก่อนว่า..” ฮีเจพยายามต่อรอง

 “ใต้เท้า ข้าเป็นนางในฝ่ายตรวจการ ข้าไม่โง่ขนาดให้ใต้เท้าพบคนคนนั้นในเวลานี้หรอก ที่ข้าต้องการพูดก็มีแค่นี้ ที่เหลือ ใต้เท้าจะเชื่อหรือไม่ อยู่ที่ท่านจะตัดสินใจ”

“เจ้านี่มัน..ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้หรอก นางจะเก่งขนาดนั้นเชียวรึ?” ฮีเจยิ้มเย้ย เพราะลูกน้องบอกว่าตอนที่เจอเสมียนคนนั้นถูกแทงบาดเจ็บหนักใกล้ตาย

“ถึงเค้าจะบาดเจ็บ แต่ก็ได้รับการรักษา จนอาการค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว เค้ายังมีชีวิตอยู่” ทงอียิ้มพยายามเก็บความรู้สึก

 “ย้าก.. ยัยชอนทงอี นังสารเลว” ฮีเจโกรธอยากขยี้ทงอีให้ตายคามือ แต่ก็ทำไม่ได้

 พระสนมฮีบินมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง หวังจะมาบีบให้พระเจ้าซุกจงปลดพระมเหสีอินฮอน แต่พระเจ้าซุกจงไม่ให้เข้าเฝ้า สร้างความผิดหวังให้พระสนมฮีบินเป็นอย่างมาก อีกทั้งฮีเจก็มา บอกให้หยุดการสอบสวนไว้ชั่วคราว แต่พระสนมฮีบินไม่ยอม

ใต้เท้าซอ ชอนชู และทงอีรอฟังข่าวจากฮีเจ ขณะเดียวกันชอนซูก็คิดไปสืบหาเบาะแสที่คลังเสมียน ด้านโฮยอนและแทยุนก็ช่วยกันทรมานนางในของพระมเหสีอินฮอน หวังให้นางสารภาพว่าพระมเหสีอยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์พระพันปี โฮยอนและแทยุนรายงานว่านางในคนหนึ่งสารภาพแล้วว่าพระมเหสีเป็นคนมอบตั๋วเงินให้หมอหลวง พระเจ้าซุกจงจึงเรียกพระมเหสีมา สอบสวนทันที


“เจ้ามีอะไรจะพูดมั้ย? พูดอะไรบ้างสิ ถึงเหตุการณ์มันจะเป็นอย่างนี้ แต่ข้าก็ยังอยากจะฟังเจ้าพูด”

 “ถ้าหม่อมฉันพูดแล้ว ฝ่าบาทจะทรงเชื่อหม่อมฉันมั้ย? ถ้าหลักฐานทั้งหมดนี้ ชี้ความผิดมาที่หม่อมฉัน เวลาแบบนี้ฝ่าบาท จะเชื่อหม่อมฉันหรือเพคะ?”

 “ขอโทษนะพระมเหสี ในตอนนี้ข้าเอง ก็จนปัญญาเหมือนกัน ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่รู้เรื่องด้วย ถึงในใจ ข้าจะอยากเชื่อเจ้าก็ตาม แต่ในเมื่อหลักฐานที่พบ พิสูจน์ว่าเป็นฝีมือคนตระกูลเจ้า ข้าก็คงไม่อาจจะปกป้องเจ้าได้อีกต่อไป”

 “ไม่เป็นไรเพคะฝ่าบาท ยังไงฝ่าบาทก็ให้โอกาสหม่อมฉัน ได้มาแก้ต่างกับพระองค์เอง หม่อมฉัน ซาบซึ้งแล้วเพคะ เพียงแต่ หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลขอ ในช่วงที่เสด็จแม่ยังมีพระชนม์ชีพ ขอหม่อมฉันอยู่ข้างท่านได้มั้ยเพคะ ฝ่าบาท จะทรงอนุญาตได้มั้ยเพคะ”

 “หมอหลวงบอกข้าว่า เสด็จแม่อาจจะ อดทนอยู่ต่อได้อีกไม่นานนัก”

 “หม่อมฉันทราบเพคะ สามวัน ไม่สิ แค่คืนนี้คืนเดียวก็ยังดี ได้โปรดให้หม่อมฉัน ได้อยู่ข้างเสด็จแม่ ถึงช่วงเวลาสุดท้ายด้วยเถอะ” พระมเหสีกล่าวอย่างยอมรับ

ทงอีกับชอนซูยังไม่ยอมสิ้นหวังออกไปหาหลักฐานที่กองพระคลัง และก็เจอหลักฐานเป็นจดหมายและของที่เสมียนให้หญิงในกองคลังเก็บไว้ แต่ก็ช้าเกินไปเพราะพระพันปีสิ้นพระชนม์เสียก่อน


“เสด็จแม่ ประทานอภัยให้ลูกด้วย ลูกอกตัญญู ได้โปรด โปรดประทานอภัย ให้ลูกอภัยให้ลูกด้วยเสด็จแม่ ฮือ ๆ ๆ เสด็จแม่ ฮือ ๆ ๆ เสด็จแม่ ฮือ ๆ ๆ”

 “เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ไปทำอะไรมาเนี่ย?” จองซังกุงถามทงอี

 “มีอะไรคะท่านซังกุง ในวัง ในวังเกิดอะไรขึ้นเหรอ? ท่านซังกุง”


“ตอนนี้พระพันปีทรง สิ้นพระชนม์แล้ว”

 “อะไรนะ พระพันปีสิ้นพระชนม์”

 “แล้วตอนนี้ พระราชาทรงมีราชโองการให้จัด พิธีถอดยศพระมเหสีแล้วด้วย”

 “ถอดยศหรือคะ เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่มีทางเป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้ค่ะท่านซังกุง”


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา