วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 23




จางฮีเจส่งมือสังหารเข้าวังเพื่อตามฆ่าทงอี ทงอีจึงต้องกำหลักฐานหลบหนีเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังถูกอาวุธลับของศัตรู ทางด้านพระเจ้าซุกจงที่ออกไปล่าสัตว์ คิดจะเอาหนังกวางที่ล่าได้มาทำรองเท้าให้ทงอี แต่แล้วเมื่อได้รับรายงานว่าห้องเอกสารกองพระคลังถูกวางเพลิง พระเจ้าซุกจงก็รู้สึกตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เนื้อเรื่อง:


“นี่หนังสือผ่านทาง ขอบคุณมากค่ะ พวกเค้าต้องการฆ่าเรา แย่แล้ว ท่านพ่อคะ พี่ชายคะ ได้โปรดช่วยข้าด้วย”

“อยู่ทางนั้น จับให้ได้” คนร้ายตะโกนบอกพวกเมื่อเห็นทงอี



จางฮีเจส่งมือสังหารเข้าวังเพื่อตามฆ่าทงอี ทงอีจึงต้องนำหลักฐานหลบหนีมาหาหัวหน้าศาล“ใต้เท้า ๆ ๆ”

 “เจ้าเป็นใคร?”

 “ข้ามาหาท่านหัวหน้าศาลค่ะ”

 “นี่เจ้าคือ..  มาทำอะไรที่นี่ตอนนี้” หัวหน้าศาล ถาม

 “ใต้เท้า”

 “เอาให้ข้าดูสิ  เจ้าพวกสารเลวนี่  กล้าทำเรื่องฉาวโฉ่ขนาดนี้ ยังคิดจะฆ่าเจ้ากล้าส่งมือสังหารเข้าไปในวังอีก” หัวหน้าศาล กล่าว

 “ที่กองพระคลังเกิดไฟไหม้  คงเพราะพวกเค้าต้องการทำลายหลักฐานค่ะ”

 “ต้องเป็นอย่างนั้นแน่  แต่มันคงไม่คิดไม่ฝันว่าหลักฐานจะมาอยู่ในมือเจ้าก่อน”

 “ควรจะทำยังไงดีคะ”

 “ข้าจะนำไปถวายให้พระราชา  ไม่มีเวลาอีกแล้ว ข้าจะตามเสด็จไปที่สุสานหลวง แต่ช่วงนี้เจ้าต้องไปหลบซ่อนตัวก่อน  ถ้าพวกมันกล้าบุกไปถึงในวัง  มันคงกล้าทำทุกอย่าง  ชุดนางในสะดุดตาเกินไป  เจ้าไปหาชุดอื่นมาเปลี่ยนก่อน เข้าใจมั้ย  เจ้ารีบไปหาที่ปลอดภัยซ่อนตัวก่อน”

 “ค่ะใต้เท้า  ขอบคุณมากค่ะ”

 “กำชับกับจางเซ ว่าต้องคุ้มครองนางในชอน ไปถึงบ้านลุงข้าที่ยางจูอย่างปลอดภัย” หัวหน้าศาลสั่ง

 “ขอรับใต้เท้า”

 “อ๊าก ว้าย”

 “ใต้เท้า เกิดอะไรขึ้นคะ  ใต้เท้า”

 “คนร้ายมากันแล้ว  เจ้าต้องรีบไปซะ”

 “คะ?”

 “ตามข้ามา มาทางนี้ เร็ว” หัวหน้าศาลสั่งลูกน้องให้รีบพาทงอีหนีไป โดยตนเองจะถ่วงเวลาพวกคนร้ายไว้ และให้ทงอีเก็บหลักฐานไว้เพราะตนเองอาจจะไม่รอดและต้องส่งหลักฐานถึงพระราชาให้ได้

 คนร้ายบุกเข้ามาเพื่อตามหาทงอี แต่หัวหน้าศาลไม่ยอมบอกจึงถูกคนร้ายสังหาร ขณะที่ทงอีหนีออกไปได้ก่อน ด้านใต้เท้าซอมาหาจองซังกุง เมื่อรู้ว่ามีคนคิดจะฆ่าทงอี


“สามชั่วยามก่อน เกิดไฟไหม้ที่กองพระคลัง แล้วมีชายชุดดำกลุ่มนึงบุกเข้าวัง แล้วแอบเข้าไปในห้องพักของทงอีค่ะใต้เท้า” จองซังกุง กล่าว

 “หา”

 “พวกนั้นคงฉวยโอกาสที่พระราชาไม่อยู่  ทำลายหลักฐานและสังหารทงอีแน่เลยค่ะ”

 “แล้วทงอีล่ะ  แล้วตอนนี้ทงอีอยู่ที่ไหน”

 “นางหายตัวไป”

 “อะไรนะ?”

 “เราตามหาทงอีไม่เจอ  ตอนนี้ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ไหน”

ฮีเจ รอมือสังหารกลับมารายงานผล เมื่อรู้ว่า มือสังหารหาทงอีไม่พบ ก็รีบไปทูลพระสนมฮีบิน


“นี่ท่านว่าอะไรนะพี่ชาย  ตามหาทงอีไม่เจองั้นรึ?”

 “ถึงนังเด็กแสบนั่นจะโดนมีดบินปักเข้า แต่นางก็ยังดิ้นรนหนีไปได้ พวกเค้าบอกว่ายังไม่พบศพพ่ะย่ะค่ะ”

 “ถ้างั้น  หมายความว่านางอาจยังไม่ตายน่ะสิ”

 “คิดว่า ไม่น่าจะรอดได้ คนพวกนั้นทำงานดีและเรียบร้อย  ในเมื่อบาดเจ็บหนักอย่างนั้นคงตายกลางทาง ต่อให้นางรอดชีวิตจริง  ก็คงหนีไปได้ไม่ไกลนักแน่นอน”

 “ไม่ได้  วางใจไม่ได้เด็ดขาด  เด็กคนนั้นทำลายแผนของท่านและข้ามาหลายครั้ง  ครั้งนี้ต้องกำจัดนางซะให้สิ้นซาก  จะยอมให้นางมีโอกาสรอดไปไม่ได้”

 “พะย่ะค่ะ พวกมือปราบและทหารของข้าก็ออกค้นจนทั่วเมืองแล้ว เชื่อว่ายังไงก็ต้องหาเจอ  ไม่ต้องห่วงไปหรอกพระสนม”

 “ข้าไม่อยากเห็น หน้าของเด็กคนนั้นอีกต่อไปแล้ว”

 “จะเป็นอย่างที่ท่านต้องการ เชื่อใจข้าสิ บางทีตอนนี้นางอาจจะกลายเป็นอาหาร อันโอชะของพวกสัตว์ป่าที่ได้กลิ่นคาวเลือดนางไปแล้วก็ได้”


 

ระหว่างทางกลับจากสุสาน พระเจ้าซุกจง ได้ออกล่าสัตว์ยิงกวางได้ จึงรับสั่งกับขันทีว่าจะนำหนังมาตัดรองเท้าให้กับทงอี จากนั้นแทซุกก็นำจดหมายจากวังหลวงเข้ามาถวาย

 “ฝ่าบาท”

 “เกิดไฟไหม้ที่กองพระคลัง เกิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไงหา?” ซุกจง ตรัส

 “ฝ่าบาท กระหม่อมสงสัยว่าอาจมีคน วางแผนก่อกบฏในช่วงที่ฝ่าบาทไม่ได้ประทับอยู่ในวัง”

 “กบฏเหรอ  จะเป็นไปได้ไง ศาลไต่สวนกลับเมืองหลวงไปก่อน แล้วไปสืบต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้มา”

 “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

 “เตรียมกลับวังหลวงทันที เร็วเข้า”

 “พ่ะย่ะค่ะ”

 “กบฏเหรอ?” พระเจ้าซุกจงตรัส

พระสนมฮีบินยังไม่สบายใจ นายหญิงยูนบอกอย่ากังวลเพราะฮีเจบอกจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว และไม่น่าจะมีปัญหาภายหลัง


 “เรื่องที่ต้องห่วงที่สุดคือ ทงอีต่างหาก ตราบใดที่ไม่เห็นศพเด็กนั่น ข้าจะไม่วางใจแน่ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ถ้าหากว่านางยังไม่ตาย ก็น่าจะไปหาหมอรักษาตัว แต่นี่ทั้งเมืองหลวงกลับไม่พบร่องรอยของนางเลย เด็กคนนั้นหายตัวไปอยู่ที่ไหนกันนะ หรือว่า…” พระสนมฮีบินกล่าวอย่างกังวล

 “พระสนม มีอะไรหรือเพคะ”

 “หรือว่า หรือว่านางไปหาพระราชา”

  

ทงอีบาดเจ็บแต่ก็พยายามตามพระเจ้าซุกจงที่กำลังเสด็จกลับวัง แต่ก็ไม่ทัน ด้านชอนซูและใต้เท้าซอกลับมาถึงวังหลวง ก็ได้ข่าวว่าทงอีหายตัวไปจึงออกตามหา และรู้ว่าหัวหน้าศาลถูกลอบฆ่า จึงกังวลว่าทงอีจะถูกลอบฆ่าด้วยเช่นกัน ชอนซูตามหาทงอีไม่พบจึงไปเอาเรื่องกับฮีเจ เพราะคิดว่าเรื่องนี้ฮีเจเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ฮีเจทำเป็นไม่รู้เรื่อง ใต้เท้าซอต้องรีบห้ามเพราะกลัวเรื่องจะไปกันใหญ่

 “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึ ตอนนี้เป็นเวลาที่เราควรทำตัวให้สงบมากที่สุด” ใต้เท้าซอต่อว่า

 “ตอนนี้แม้แต่ทงอีเป็นหรือตายก็ไม่รู้ จะให้ข้าทนรอโดยไม่ทำอะไรได้ยังไงใต้เท้า”

“พวกนั้นก็ไม่รู้ร่องรอยของทงอีเหมือนกับเรานั่นแหละ เมื่อคืนนี้กองปราบฝ่ายขวาออกตามหาทงอีจนทั่วเมือง แปลว่า ทงอีคงยังมีชีวิตอยู่ เข้าใจรึยัง เราต้องอดทนกันต่อไป ถ้าเราหลงกลไปติดกับพวกมัน เราก็จะเสียโอกาสสุดท้ายที่จะตามหาทงอี”

“ใต้เท้าหมายความว่าไงขอรับ หลงกลพวกเค้าอะไร?” ชอนซูถามอย่างสงสัย

 “ความเคลื่อนไหวของพวกนั้นไม่ปกติดูเหมือนจะวางแผนโยนความผิดเรื่องเมื่อคืนให้กับทงอี และข้าก็เชื่อว่า มันต้องไม่ใช่แค่นี้ด้วย”

 ฮีเจส่งจดหมายไปบอกพระสนมฮีบินว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้  พระสนมฮีบินจึงสั่งให้แทซุกและโฮยอนไปจัดการตามแผนเดิม

 โฮยอนมากราบทูลพระเจ้าซุกจงป้ายความผิดเรื่องการลอบวางเพลิงกองพระคลังให้กับทงอี


“จากการสืบสวน หลักฐานชี้ไปอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ ในช่วงเวลาที่เกิดไฟไหม้ มีขันทีและองครักษ์เห็นนางในชอนรีบร้อนวิ่งออกมาจากกองพระคลัง”

 “ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก นางในชอนมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนี้”

 “ขอประทานอภัยที่ต้องกราบทูล เป็นเพราะว่า นางจะวางแผนใส่ร้ายพระสนมฮีบิน”

 “อะไรนะ ใส่ร้าย?” พระเจ้าซุกจงอุทานอย่างตกพระทัย

 “พ่ะย่ะค่ะ ข้อมูลนี่ เป็นความเคลื่อนไหวของผู้บัญชาการซอและฝ่ายตรวจการที่เราสืบมา เพราะนางในชอนเชื่ออย่างปักใจว่าพระสนมฮีบินเป็นคนวางแผนให้พระมเหสีถูกปลด ผู้บัญชาการซอและฝ่ายตรวจการทั้งหมด จึงแอบสืบเรื่องนี้กันอยู่ลับ ๆ เรื่องที่อ้างว่ากองพระคลังทำความผิด เป็นแค่เรื่องที่ปั้นแต่งขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ทั้งหมดนี้ เพื่อจะโยนความผิดให้พระสนม จึงทำเป็นหาหลักฐานที่ปลอมแปลงขึ้น พอเห็นว่าเรื่องจะล้มเหลว นางในชอนเลยจุดไฟเผาห้องเก็บเอกสารแล้วหลบหนีไปพ่ะย่ะค่ะ”

 พระเจ้าซุกจงส่ายหน้า ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ พระเจ้าซุกจงไม่เชื่อว่าทงอีจะเป็นคนเผากองพระคลังและโยนความผิดให้พระสนมฮีบิน จึงมาสอบถามกับใต้เท้าซอ


 “เรื่องทั้งหมดนี้…ก็เป็นไปตามที่ฝ่าบาททรงทราบ กระหม่อมกับนางในชอน สงสัยว่าพระมเหสีถูกใส่ร้าย จึงได้ตรวจสอบพระสนมฮีบินและขุนนางกลุ่มฝ่ายใต้”

 “หะ? แต่ว่า ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ยอม รายงานให้ข้ารู้เรื่องด้วยล่ะ? รีบบอกมาสิ ข้าถามว่าทำไมเจ้าถึงไม่บอก”

 “กระหม่อมทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าไม่มีหลักฐานแน่ชัด กระหม่อมคงไม่กล้ากราบทูลฝ่าบาท”

 “ก็แปลว่า เจ้ากับทงอีก็เลย…ตามหาหลักฐานมาตลอด? ทำไมเป็นอย่างนี้ แล้วทำไมทงอี  ถึงไม่ยอมบอกอะไรข้าเลยซักนิด ที่จริงนางควรจะมาบอกข้าก่อนนี่”

 “นางในชอน คงไม่อาจจะพูดออกไปได้พ่ะย่ะค่ะ เพราะว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับพระสนมฮีบินที่ฝ่าบาททรงรัก เช่นนี้ทงอี จะกล้ากราบทูลฝ่าบาทง่าย ๆ ได้ยังไง”

 “แล้วตกลงเป็นยังไง พระสนมถูกสงสัยว่าจะเป็นคนใส่ร้าย แล้วพวกเจ้าเจอหลักฐานมั้ย?”

 “ไม่เลย เรายังหาหลักฐานไม่เจอ”

 “อะไรนะ?”

 “ไม่ว่าจะพยาน หรือหลักฐานที่จะชี้ความผิดได้ ยังหาไม่พบเลยสักอย่าง หลักฐานสุดท้ายเดิมอยู่ที่กองพระคลัง แต่นางในชอนที่จะเข้าไปเอาหลักฐานนั้นมา ตอนนี้ก็หายตัวไปแล้ว”

 “ถ้างั้นเด็กคนนั้น ตอนนี้ทงอีไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ?”

 “ไม่ทราบเลย หลังจากที่หายไปเมื่อคืน ก็ไม่มีใครได้พบนางอีกเลย ฝ่าบาท นางในชอนเป็นคนที่รู้ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ว่านางกลับเก็บทุกอย่างไว้ในใจ นางยังไม่ทันได้กราบทูลฝ่าบาทสักคำ ก็หายตัวไปซะแล้ว”

 พระเจ้าซุกจงเสด็จไปพบพระสนมฮีบินที่ตำหนักชีซอน เพื่อถามนางถึงเรื่องที่เกิดขึ้น


“ข้าเพิ่งจะไปพบผู้บัญชาการซอมา ผู้บัญชาการซอเล่าเรื่องที่เค้ากับทงอีสืบให้ข้าฟังจนหมดทุกเรื่องแล้ว แน่นอนว่าพวกเค้าไม่มีหลักฐานอะไรในมือเลย และในตอนนี้ก็ไม่อาจจะพิสูจน์อะไรได้เลย แต่ถ้าหากข้าจะปล่อยให้ผ่านไปอย่างนี้ ข้าคงรู้สึกค้างคาใจเกินไป”

 “หม่อมฉันคงไม่คิดจะถามฝ่าบาทว่า ทรงได้รับรู้อะไรมาบ้าง เพราะหม่อมฉันรู้ดีว่าพวกเค้า พูดอะไรกับพระองค์บ้าง ถามมาตรง ๆ เถอะเพคะ ว่าที่ฝ่าบาทต้องการได้ยินจากหม่อมฉัน มันคืออะไร?”

 “เพราะข้ารู้จักเจ้ามานานกว่าใครทั้งนั้น ไม่มีใครที่เข้าใจเจ้ามากไปกว่าข้าแน่ และไม่มีใครเข้าใจข้ามากกว่าเจ้า ข้าเชื่ออย่างนั้นเสมอ แต่ถ้าจะบอกว่า จะให้ข้าเชื่อง่าย ๆ ว่าทงอีใส่ร้าย ใส่ความเจ้าอย่างไม่เหตุผลอะไรเลย ข้าก็คงทำไม่ได้”

 “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น หม่อมฉันเป็นอย่างนั้นหรือเพคะ ในพระทัยพระองค์ หม่อมฉันเป็นคนยังไงล่ะ?”

 “อ๊กจอง” พระเจ้าซุกจงไม่กล้าตรัส

 “ตอบมาเถอะเพคะ ทรงรีบร้อนเสด็จมา ก็เพื่อจะมาถามหม่อมฉันให้แน่ใจว่า หม่อมฉันเป็นคนทำจริงรึเปล่า…ไม่ใช่อย่างนั้นหรือเพคะ? ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่ได้ทำ หม่อมฉันไม่เคยปิดบัง ฝ่าบาทเลย…แม้แต่ครั้งเดียว นี่คือความจริงที่จะกราบทูล ใกล้จะถึงวันสถาปนาพระมเหสีแล้ว ถ้าฝ่าบาทยังไม่สามารถเชื่อในตัวหม่อมฉัน ก็ขอให้ยกเลิกงานพิธีนั้นเถอะ ถ้าฝ่าบาททรงเชื่อพระทัยหม่อมฉันไม่ได้ นั่นไม่ใช่ความผิดของฝ่าบาท เป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไม่ตัดพ้อเลยเพคะ”

 หลังจากพระเจ้าซุกจงเสด็จไปพบและพูดคุยกับพระสนมฮีบิน พระเจ้าซุกจงก็มีพระบรมราชโองการปลดใต้เท้าซอออกจากตำแหน่ง สร้างความดีใจให้กับบรรดาขุนนางฝ่ายใต้และกลุ่มของพระสนมฮีบินเป็นอย่างมาก


จงคูและผู้ช่วยจะขอตามใต้เท้าซอไปด้วย แต่ใต้เท้าซอขอให้ทั้งสองอยู่ที่กองปราบฝ่ายซ้ายต่อไป เพราะเขาจะไปไม่นาน

“ยังไงข้าก็จะต้องกลับมา ข้าจะจากไปชั่วคราว เพื่อจะกลับมาอีกครั้ง ข้าจะไม่กลับมามือเปล่าแน่ ข้าจะต้องตามหาทงอีให้เจอ และหาทางมาพิสูจน์ความผิดของพวกเค้าให้ได้ ก่อนจะถึงวันนั้น ต่อให้จะเหนื่อยยากแค่ไหน ก็ขอให้พวกเจ้าทนต่อไป อย่าปล่อยให้กองปราบฝ่ายซ้ายต้องตกไปอยู่ในมือคนพวกนั้นไปด้วย” ใต้เท้าซอกล่าว

 “ขอรับ ใต้เท้า” จงคูและผู้ช่วยรับคำ

 ฮีเจจะไปพบพระสนมฮีบิน แต่ถูกชอนซูจับตัวมา ฮีเจย่ามใจเต็มที่ขู่ชอนซูกลับ


 “พวกเจ้าเก็บดาบซะ ข้าบอกว่าให้เก็บดาบไงล่ะ เจ้าคงไม่ได้คิดจะมาก่อเรื่องอีกหรอกนะ ถ้าอย่างนี้ไม่สู้ลอบมาเอาชีวิตข้ากลางดึกจะฉลาดกว่าเยอะ”

 “ใช่แล้ว ข้าไม่ได้จะมาเอาชีวิตท่าน ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านพ้นจากความทรมานง่าย ๆ”

 “หมายความว่ายังไง” ฮีเจถามอย่างสงสัย

 “ทงอียังไม่ตาย ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นเพราะพวกท่านยังไม่พบศพทงอีกันล่ะสิ ใช่มั้ยล่ะ?”

 “เจ้าคิดจะพูดเรื่องอะไร หมายความว่ายังไง”

 “ข้าน่ะรู้จักนางดีกว่าใคร ไม่ว่าจะถูกบีบคั้นทรมานซักแค่ไหน นางก็ไม่มีวันยอมก้มหัวให้แน่ และไม่ยอมแพ้ตัวเองง่าย ๆ รอไปเถอะผู้บัญชาการจาง รอวันที่ข้าจะพาน้องเข้ามา” ชอนชูกล่าว ฮีเจถึงกับหน้าถอดสี

ขันทีเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงพร้อมกับนำของสิ่งหนึ่งมาถวาย “ตอนล่าสัตว์ได้ ฝ่าบาททรงรับสั่งเอาไว้ นี่ รองเท้าทังเฮพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทตั้งพระทัยจะมอบให้นางในชอน จะทำยังไงพ่ะย่ะค่ะ จะให้ส่งคืนกลับไปมั้ย”


“ไม่ต้องหรอก วางมันเอาไว้ที่นี่แหละ”

 “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

 “ทงอี เจ้าไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหนนะ ได้โปรดขอแค่เจ้ายังมีชีวิต ข้าก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว ได้โปรดเถอะนะ เจ้าต้องไม่ตายนะ” พระเจ้าซุกจงครุ่นคิดอย่างร้อนพระทัย

พระเจ้าซุกจงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพระมเหสีคนใหม่


“มีพระราชโองการ ประทานการแต่งตั้งพระสนมจางให้มาดำรงตำแหน่ง พระมเหสีโชซอน ขอประกาศต่อฟ้า ประกาศต่อเทพไท ต่อไปพระมเหสีกับพระราชา จะใช้คุณธรรมแห่งฟ้าดิน ปกครองหมู่ประชาราษฎร์ ให้บ้านเมืองได้อยู่เย็นเป็นสุข ให้เหล่าประชาชนและปวงขุนนาง ต่างสรรเสริญในพระบารมี” ข้าหลวงประกาศ

 “ขอให้ พระราชา และพระมเหสี ทรงพระเจริญ…ขอให้ พระราชา และพระมเหสี ทรงพระเจริญ ขอให้ พระราชา และพระมเหสี ทรงพระเจริญ”


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา