วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 26




ในที่สุดทงอีก็รู้ถึงจุดประสงค์ที่จางฮีเจมายังอึยจู แต่ไม่นานจางฮีเจก็จับทงอีได้ และเมื่อรู้ถึงฐานะของวูนเทคที่ปลอมเป็นล่ามมาก็มีคำสั่งให้ตามจับชิมวูนเทค ขณะที่อ๊กจองเริ่มรู้สึกกังวลในพระทัยของพระราชา จึงได้ร่วมกับกลุ่มฝ่ายใต้เพื่อวางแผนบางอย่าง

เนื้อเรื่อง:


 

“นายท่านคะ ๆ”

 “ทงอี”

 “นายท่านคะ”

 “ทงอี ใต้เท้า”

 “เถ้าแก่ วันนี้ท่านไม่ได้เห็นอะไรเลย เข้าใจรึเปล่า?”

 “ทงอี ๆ”

ฮีเจ จับตัวทงอีมาสอบสวนว่าทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่


“ถ้าใต้เท้าจะถามว่า ข้ารอดชีวิตมาได้ยังไง ใช่ ข้าถูกมือสังหารที่ท่านส่งมาทำร้าย จนเกือบไปพบยมบาลแล้ว แต่ว่าข้าก็ยังไม่ตาย ไม่สิ ต้องบอกว่ายังตายไม่ได้”

 “นังงูพิษ ชีวิตนี้..ไม่เคยเจอใครน่ากลัวอย่างเจ้าเลย ข้าพูดจริงนะ ต่อให้เป็นผู้ชาย ก็ไม่เคยมีใครทำให้ข้าเจ็บใจได้ขนาดนี้ เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนนึง บอกมาเจ้าหลบมาทำอะไรที่อึยจูนี่ เจ้าชิมวูนเทค เจ้าไปรู้จักมันได้ไง”

 “ใต้เท้า เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว” มือสังหาร กล่าว

“มีอะไร?”

 “เจ้าล่ามคนเมื่อกี้ ไม่ใช่ล่ามตัวจริงขอรับ”

 “อะไรนะ?”

 “ข้าน้อยได้รับรายงานว่า ล่ามตัวจริงถูกวางยาสลบหมดสติ เลยไม่ได้ไปที่หอนางโลมขอรับ”

 “ถ้างั้นคนที่มันมาเป็นล่ามนั่นเป็นใคร หรือว่า ไอ้หมอนั่นคือเจ้าชิมวูนเทค”

 มือสังหารบอกกับฮีเจว่าได้ส่งคนออกตามจับตัว ชิมวูนเทค ในข้อหาหลบหนีโทษเนรเทศแล้ว ส่วนทงอีจะให้ฆ่านางหรือไม่

 “ยังไม่ได้ ตอนนี้ฆ่านางไม่ได้ มีหลายเรื่องที่ต้องเค้นให้นางสารภาพก่อน เรื่องที่ข้ามาเพื่อเจรจาต่อรองกับต้าชิง นอกจากชิมวูนเทคแล้วยังมีใครรู้อีก ต้องสืบรู้ให้ได้ ใครก็ตามที่รู้เรื่องนี้ ต้องกำจัดให้หมด เข้าใจมั้ย?”

 “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ ข้าน้อยจะไปเค้นสอบนังเด็กคนนั้นให้สารภาพเอง”

 “นังชอนทงอีเอ๊ย ครั้งนี้ข้าต้องฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าให้ได้”


มือสังหารนำตัวทงอีมาถามถึงรายละเอียดในเรื่องการเจรจาระหว่างใต้เท้าจางฮีเจกับทูตต้าชิง มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง ให้สารภาพมาให้หมด ช้าเร็วยังไงนางก็ต้องตาย แต่อยากจะตายสบายหรือว่าอยากจะถูกทรมานจนตาย ก็ให้เลือกเอาเอง นอกจากชิมวูนเทคกับทงอี ยังมีใครรู้เรื่องนี้อีก

 “ข้าเคยเป็นคนทรมานนักโทษของศาล และยังไม่มีใครที่ทนการทรมานของข้าได้ อย่าหาเรื่องทรมานตัวเองเลย รีบสารภาพมาเถอะ”

 พระมเหสีมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง


“พระมเหสีมาป่านนี้ เจ้ามีเรื่องอะไรรึเปล่า?”

 “ทำไมถามอย่างนั้นเพคะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร หม่อมฉันจะมาเข้าเฝ้าพระองค์ไม่ได้หรือเพคะ”

 “ไม่ใช่ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ มาพอดีเลย ข้ากำลังนอนไม่หลับอยู่พอดีเลย”

 “นี่มันนิยายไม่ใช่หรือเพคะ”

 “ใช่แล้ว อีกไม่นานก็จะถึงวัยที่องค์ชายจะต้องเริ่มเรียนหนังสือแล้วล่ะ พูดมีสัจจะ ประพฤติเที่ยงตรง การที่เกิดเป็นคนจะต้องไม่พูดหลอกลวง การกระทำก็ต้องเที่ยงตรงไม่คดงอ เจ้าเป็นอะไรเหรอ?”

 “ไม่มีอะไรหรอกเพคะ คงเป็นเพราะหม่อมฉันเข้าใจดีว่า การอยู่โดยไม่เสแสร้งมันยาก เลยรู้สึกเศร้าขึ้นมาเพคะฝ่าบาท แล้วฝ่าบาทเคยเสแสร้ง…อะไรกับหม่อมฉันบ้างรึเปล่าเพคะ หม่อมฉันเอง เกิดมาป็นหญิง จะในฐานะผู้หญิง หรือฐานะพระมเหสี หม่อมฉันอาจเคยพูดอะไรไม่จริงไปมากมาย แต่ว่ากับฝ่าบาท ทุกครั้งที่พบพระพักตร์ หม่อมฉันไม่เคยจะเสแสร้งยิ้มให้พระองค์ ใจที่หม่อมฉันมีให้ไม่เคยที่จะเสแสร้งต่อฝ่าบาทเลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นถ้าหากว่า ความรู้สึกที่ฝ่าบาทมีให้มีความเสแสร้ง หม่อมฉันคงเศร้า และเจ็บปวดใจมากเพคะ”

 “พระมเหสี”

 ฮีเจ ไม่พอใจที่เจ้าเมืองยังไม่เดินทางกลับมาและยังตามจังชิมวูนเทคไม่ได้ ส่วนทงอียังไม่สารภาพอะไร จึงสั่งให้นำตัวนางมาสอบสวนอีกครั้ง


 “ถ้าจับเจ้าแซ่ชิมได้ก็ว่าจะส่งเจ้าไปลงนรกเป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนี้คงต้องส่งเจ้าไปก่อนแล้วล่ะ”

“ถึงท่านจะฆ่าข้า ความจริงก็ไม่มีวันสาบสูญไปแน่”

“อะไรนะ?”

 “นอกจากวางแผนใส่ร้ายพระมเหสี ยังทำเรื่องชั่วช้าขายความลับของบ้านเมืองเพื่อรักษาอำนาจตัวเองอีก นี่ท่าน ไม่กลัวฟ้าลงโทษรึไง?”

 “ฮะ ๆ ๆ ว้าว นังเด็กนี่มันใจกล้าจริง ๆจนถึงป่านนี้แล้ว ยังคิดจะสั่งสอนข้าอีก”

 “ใต้เท้า”

 “ช่างเถอะ ยังไงครั้งนี้ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ข้าจะกางหูรอฟังก็ได้ แต่ว่า โชคดีของเจ้า มันไม่มีอีกแล้ว วันนี้ข้าจะต้องเห็นเจ้าตายตรงหน้า ด้วยตาทั้งสองข้างของข้าเอง”


 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” วูนเทคเข้ามา

 “นายท่าน”

 “หนอย เจ้านี่มัน”

 “ข้าเอาของที่ใต้เท้าต้องการมาให้แล้ว ดังนั้น ท่านต้องปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป”

 “อะไร หมายความว่าไง?”

 “บันทึกทึงลก ข้าจะยอมยกให้ แต่ต้องปล่อยนางไปซะ”

 “อะไรนะ?”

 “นะ นายท่าน”

 “บันทึกที่ท่านร้อนรนอยากจะได้มันมา ตอนนี้มันอยู่ที่ข้าแล้ว ว่ายังไงใต้เท้า บันทึกทึงลกแลกกับผู้หญิง ข้าว่าท่านคงไม่ขาดทุนหรอก” วูนเทค กล่าว

 “ไม่ต้องมาเล่นลูกไม้ ของอย่างนั้นจะไปอยู่ที่เจ้าได้ยังไง”

 “เพราะผู้ช่วยผู้คุมค่ายเปียงยาง จางฮักซูเป็นเพื่อนนักเรียนในกลุ่มตะวันตกของข้าไง”

 “อะไรนะ?”

 “เจ้าเมืองอึยจูที่น่าจะไปถึงนานแล้ว ยังไม่ส่งข่าวมาเลยใช่มั้ยล่ะ?”

 “เจ้า..”

 “เพราะว่าท่านเจ้าเมืองยังเอาแต่วิ่งวุ่นอยู่ทั่วเมืองเปียงยาง เพื่อตามหาบันทึกที่หายไปไง”

 “ว่าไงนะ”

 “ไง ท่านจะตัดสินใจยังไง ใกล้ได้เวลาที่คณะทูตต้าชิงเดินทางแล้ว ถ้ามัวคิดจะรอเจ้าเมืองที่ไม่กลับมาสักที ก็ไม่สู้ รีบปล่อยนางเพื่อแลกกับบันทึกดีกว่า”

 “บัดซบ”

 ฮีเจ ไม่เชื่อว่า วูนเทคจะได้บันทึกไป จึงสั่งให้ลูกน้องไปสืบว่าผู้ช่วยผู้คุมค่ายเปียงยาง จางฮักซูเป็นคนเดียวกับที่วูนเทคอ้างหรือไม่ ด้านวูนเทคก็ได้คุยกับทงอี


“ท่านคะ ท่านทำแบบนี้ได้ยังไงคะ ท่านจะเอาบันทึกให้เค้าได้ยังไง บ้าไปแล้วเหรอ”

 “แล้วไง หรือเราจะยอมตายเพื่อปกป้องความลับเล็ก ๆ แค่นั้นจริง ๆ”

 “ก็แปลว่าท่านคิดจะให้เค้าไปจริงเหรอคะ?”

 “ต้องเอาชีวิตรอดก่อน”

 “ท่านคะ”

 “เจ้าตั้งใจฟังข้าให้ดีนะ ตอนนี้จางฮีเจคงกำลังไปสืบอยู่ว่าผู้ช่วยผู้คุมค่ายเป็นใคร และสุดท้ายก็ต้องยอมเลือกปล่อยเจ้าไปก่อน เจ้าออกไป เอาชีวิตรอดให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”

 “ทำอย่างนั้นไม่ได้ ต่อให้ท่านเอาบันทึกไปให้กับพวกเค้าจริง ก็ไม่แน่ว่าพวกเค้าจะยอมปล่อยท่านซะหน่อย ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าท่านอาจจถูกฆ่าตาย แล้วข้าจะหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวได้ยังไง ข้าทำอย่างนั้นไม่
ได้หรอก”

 “หลงนึกว่าเจ้าเป็นคนฉลาด ที่แท้ก็ไม่จริงเลย ก็อย่างที่พูด ถึงข้าจะยอมเอาบันทึกให้มันไป จางฮีเจก็ยังจะฆ่าข้าอยู่ดี ก่อนถึงตอนนั้น ข้ายังถ่วงเวลาได้ เจ้าต้องรีบหนีไปจากนี่ แล้วรีบหาทางมาช่วยข้า ถ้าในช่วงที่ข้าถ่วงเวลาไว้นี้ เจ้ากลับมาช่วยข้าไปได้ก็ดี แต่ถ้าข้าต้องตายจริง มันก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้”

 “ท่านคะ ไม่ได้หรอก”

 “ถ้าข้ากับเจ้าต้องมีใครตายไปสักคน ก็ให้เจ้ามีชีวิตอยู่ดีกว่า เจ้ามีประโยชน์กว่าเป็นร้อยเท่า เจ้ายังมีเรื่องที่ต้องรีบกลับ ไปทำที่เมืองหลวงนี่ ถ้าเจ้าทำได้จริง ๆ ข้าเองก็ได้ล้างความแค้นด้วย เพราะฉะนั้น ชีวิตเจ้ามันสำคัญกว่าข้า”

 “นายท่าน”

 “ลากตัวไป” มือสังหาร สั่งลูกน้อง

 ฮีเจยอมปล่อยตัวทงอี แต่ชินวูนเทคถูกจับเป็นตัวประกันแทน


“เอาละ บอกมาได้แล้วว่าอยู่ที่ไหน?”

 “อยู่บนเขาซงฮัวหลังสะพานคังนู ทางเข้าเขาลูกนั้นจะมีป้ายหิน เหนือป้ายจะมีต้นสนแดงสะดุดตาอยู่ มันถูกฝังอยู่ใต้ต้นนั้น”

 “รีบส่งคนไปหาเดี๋ยวนี้” ฮีเจ สั่ง

 “ขอรับ”

 “ถ้าเจ้ากล้าหลอกข้าละก็ ข้าจะให้เจ้าตายศพไม่สวยแน่”

 ขุนนางหลายคนถวายฎีกา เขียนเรื่อง อดีตพระมเหสี กำลังวางแผนจะกลับมาคืนตำแหน่งขอให้มีการสอบสวนเพราะมีข่าวลือทำให้ประชาชนเริ่มสั่นคลอน

 “การที่ใจผู้คนสั่นคลอน ย่อมจะมีเหตุผลในตัวมัน ประชาชนเริ่มนินทา ยังไม่ยอมเอามาดูความบกพร่องของตัวเอง ยังพยายามตั้งข้อหาให้อดีตพระมเหสีที่ไม่ได้ทำความผิดอะไร ฎีกาพวกนี้ ข้าไม่มีวันอนุมัติอย่างแน่นอนและถ้าใครยังถวายฎีกานี้มาอีก ข้าจะทำการถอดจากตำแหน่งให้หมด เข้าใจรึเปล่า?”

 “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

 เมื่อพระราชาปฏิเสธฎีกาเรื่องอดีตพระมเหสี แทซุกจึงรีบมาเข้าเฝ้าพระมเหสีฮีบิน

 “เรื่องนี้คงต้องรอบคอบมากกว่าตอนคดีอดีตพระมเหสี เพราะหากกลายเป็นเรื่องใหญ่โต อาจจะเดือดร้อนมาถึงพระมเหสีเองก็ได้” แทซุกทูล

 “ข้าถึงให้ท่านเตรียมพร้อมให้รอบคอบกว่านี้ไงล่ะใต้เท้า พระราชายังเชื่อในตัวอดีตพระมเหสี ข้าถึงได้บอกว่าต้องพิสูจน์ให้ได้ ไม่ใช่แค่การกล่าวหากันลอย ๆ แบบนี้”


 

 พระเจ้าซุกจงรับสั่งให้คนนำเสื้อผ้าไหมกองไว้ที่บ้านอดีตพระมเหสี แต่เมื่อนางออกมาเห็นก็ให้นำไปแจกให้ โรงหมอชาวบ้าน เพราะนางเป็นนักโทษถูกเนรเทศ จะมาใส่เสื้อแพรไหมกินอาหารดีไม่ได้ ด้านพระเจ้าซุกจงสอบถามขันทีเรื่องของประทาน ที่นำไปส่ง และตัวอดีตพระมเหสี

 “นางดูเป็นไงบ้าง?”

 “ขอประทานอภัย พระองค์ทรงดูซูบผอมลงไปมาก”

“เฮ้อ ก็นั่นสินะ เกิดในตระกูลชนชั้นสูง อยู่แต่ในวังมาตั้งหลายปี กลับต้องไปอยู่ในกระท่อมนั่น คงลำบากไม่ใช่น้อยเลย ข้ามันไม่เอาไหนจริง ๆ คนทำให้นางต้องซูบผอมอย่างนั้นก็คือข้า แต่ทำได้แค่เจ็บปวดใจ”

 “ฝ่าบาท”

 ทงอี รีบมาหา ซอลฮี เพื่อขอความช่วยเหลือ เพื่อช่วยวูนเทค เมื่อส่งคนไปสืบก็พบว่าเขาถูกนำตัวไปไว้ที่โกดังใกล้ท่าเรือและมีทหารเฝ้าอยู่มาก

“เราต้องเบี่ยงเบนความสนใจจางฮีเจก่อน หาทางรั้งจางฮีเจให้อยู่ที่หอนางโลมได้มั้ย?” ทงอี กล่าว

 “ข้าจะลองดูนะ แต่เค้าจะยอมฟังข้าเหรอ” ซอลฮี กล่าว

 “ท่านชิมวูนเทคถึงกับยอมสละชีวิตเค้าเพื่อช่วยข้า ยังไงข้าก็ต้องช่วยเค้าออกมาให้ได้”


 ซอลฮีมาหาฮีเจ ออกอุบายว่าอยากจะเลี้ยงรับรองทูตต้าชิง เพราะอึยจูกับต้าชิง มีการติดต่อการค้าขายกันไม่น้อย ถ้าได้รู้จักกับท่านทูตพวกนั้น จะมีประโยชน์กับกิจการของนางไม่น้อยทีเดียว และนางก็อยากสานสัมพันธ์กับฮีเจด้วย ทำให้ฮีเจหลงเชื่อสั่งลูกน้องไปเชิญใต้เท้าเฉินไปที่หอนางโลม

 “ไม่ว่ามองมุมไหน เจ้าก็ไม่น่าจมปลักอยู่อึยจูเลย ฉวยโอกาสกลับเมืองหลวงไปพร้อมกับข้าดีกว่า ไว้ข้าจะดูแลเจ้าเอง”

 “ในเมื่อใต้เท้าให้เกียรติข้าน้อยอย่างนี้ ข้าก็จะลองคิดดูค่ะ” ซอลฮี กล่าว

 “อื้ม ๆ ฮะๆ”ใต้เท้าซอ และชอนซู เดินทางมาถึงอึยจู ก็สอบถามชาวบ้านถึงกลุ่มพ่อค้าที่ใหญ่สุด เมื่อได้คำตอบก็รีบเดินทางไปหาพ่อค้าพยอน

  
 “พวกท่านคือ?”

 “รู้จักคนที่ชื่อชอนทงอีรึเปล่า?” ใต้เท้าซอ ถาม

 “ชอนทงอี ข้าไม่รู้จักหรอก หึ ๆ”

 “พวกข้ารู้ว่านางอยู่ที่นี่ ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน” ชอนซูถาม

 “นี่ ท่าน ท่านจะทำอะไร”

 “พวกข้าไม่ได้อยากทำร้ายท่าน ข้าแค่อยากรู้ว่าตอนนี้ทงอีอยู่ที่ไหนหา?”

 “เรื่องนั้นข้า คือว่าข้า..”

 “รีบบอกมาเดี๋ยวนี้”

 “ใต้เท้าจางฮีเจ ที่มาจากเมืองหลวงจับตัวชอนทงอีไปแล้ว” พ่อค้าพยอน กล่าว

 “มันจับไปที่ไหน บอกมาว่าตอนนี้จางฮีเจอยู่ที่ไหน”

 เมื่อใต้เท้าซอ รู้ว่าจางฮีเจเป็นคนจับทงอีไป คงหาทางฆ่านางแน่ ตอนนี้ทางที่จะช่วยทงอีได้มีทางเดียว ก็คือใช้ป้ายระดมพล

 ทหารที่เฝ้าโกดักเริ่มถอนทหารกลับหลังจากมีคำสั่งระดมพลจากทางการอึยจู จึงเหลือแต่คนของจางฮีเจ ทงอีจึงวางแผนให้ผู้ช่วยของซอลฮี นำเหล้าไปให้ดื่มเพื่อหวังให้หมดสติแล้วเข้าไปช่วยวูนเทคจนหนีออกไปได้

  

ที่หอนางโลม ฮีเจ และทูตของต้าชิงดื่มกินอย่างสนุกสนานจากนั้นฮีเจก็นำของที่ทูตต้าชิงต้องการมามอบให้ และก็เดินทางไปที่โกดังเพื่อจะฆ่าวูนเทคทิ้ง

 “นี่มันอะไรกัน ทหารที่เฝ้าอยู่ที่นี่ไปไหนหมด”

 “ข้าน้อยก็ไม่ทราบ”

 “รีบเข้าไปดูสิ เร็วเข้า” ฮีเจ สั่ง

 “นี่มัน.. เจ้าหมอนั่นหนีไปแล้ว”

 “เว้ย.. ต้องเป็นฝีมือนังเด็กทงอีนั่นแน่ รีบไปตามจับพวกมันสองคนกลับมา ต่อให้ต้องใช้ทหารหมดค่ายอึยจู ก็ต้องจับกลับมาให้ได้” ฮีเจสั่ง

 “ขอรับ”

 “เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ ใต้เท้า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ๆ”

 “มีเรื่องอะไรอีก?”

 “ผู้บัญชาการซอมาปรากฎตัวที่อึยจู แถมยังใช้ป้ายระดมพลเรียกระดมทหารทั้งเมืองไปหมดเลยขอรับ ทหารที่เฝ้าอยู่ที่นี่ก็เลยต้องกลับไปหมด”

 “อะไรนะ ซอโยงกีมาที่อึยจูรึ?” ฮีเจ ตกใจ

 ทงอี พาวูนเทค หนี เขารู้สึกเหนื่อยจึงขอให้ทงอีหยุดพัก เมื่อต้องหนีต่อ ทงอีเห็นท่าทางการวิ่งของวูนเทคก็นึกถึงท่าทางวิ่งของพระเจ้าซุกจงก็หัวเราะออกมา


 “นี่เจ้าหัวเราะเยาะข้าเหรอ?” วูนเทค ถาม

 “ไม่ใช่หรอกค่ะ ข้าแค่นึกถึงใต้เท้าผู้ช่วยเจ้าเมืองท่านนึงที่วิ่งไม่ค่อยเป็นเหมือนท่านนี่แหละ”

 “ไม่ใช่ข้าวิ่งไม่ค่อยเป็น เจ้าต่างหากที่ผิดปกติ แต่ถึงยังไงก็ขอบใจนะ ข้ายังนึกว่าเจ้าจะทิ้งข้าแล้ว”

 “นี่ท่านเห็นข้าเป็นคนยังไงกันฮะ อย่าเห็นข้าอย่างนี้นะ ในเมื่อเป็นเพื่อนกันแล้วก็ต้องช่วยกันถึงที่สุด”

 “นั่นสิ ข้าโตมาป่านนี้ เพิ่งเคยเจอคนที่เชื่อมั่นในตัวเองแบบนี้”

 “แต่ว่านะ ข้าคิดไปคิดมา ข้ายังติดใจเรื่องที่ท่านเอาบันทึกทึงลกไปให้จางฮีเจอยู่ดี ตอนนี้เค้าคงจะเอาให้ทูตต้าชิงไปแล้ว”

 “ข้าต้องกลายเป็นคนบาปเพราะต้องการช่วยเจ้านี่แหละ”

 “นั่นสิคะใต้เท้า ชีวิตข้ามันมีค่าขนาดนั้นเหรอ ข้ารู้สึกเหมือนกำลังทำความผิดใหญ่หลวงกับบ้านเมืองไว้น่ะ”

 “ข้าต้องไปที่ที่นึงสักหน่อย เจ้าไปหาซอลฮีที่ท่าเรือที่นัดกันไว้ก่อน” วูนเทค กล่าว

 “ท่านจะไปที่ไหนอีก”

 “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า ไปรอข้าที่นั่นก็พอ”

 “ท่านคะ”

 “ไม่ต้องพูดแล้วไปเถอะ”

 “ท่านคะ ๆ เฮ้อ”

 มือสังหารเข้ามารายงานฮีเจว่าพระมเหสีฮีบินมีคำสั่งให้ฮีเจกลับเมืองหลวง

“เจ้าซอโยงกีมันถือป้ายระดมพลมาที่นี่ด้วย ถ้าเจอมันที่นี่คงเกิดเรื่องยุ่งแน่ ข้าต้องรีบกลับเมืองหลวงเดี๋ยวนี้ ส่วนพวกเจ้า อยู่ตามจับเจ้าชิมวูนเทคกับชอนทงอีต่อ จัดการเก็บให้เรียบร้อย”

 “ได้ขอรับ ข้าต้องกำจัดพวกมันได้แน่นอน ใต้เท้ารีบเดินทางกลับเมืองหลวงดีกว่า”

 “ข้าไปล่ะ”

ใต้เท้าซอระดมทหารของเมืองอึยจูสั่งให้ทุกคนออกตามหานางในชื่อชอนทงอี จะต้องค้นให้ทั่วทุกซอกทุกมุม จากนั้นก็สั่งชอนซูพาคนไปตามหาจางฮีเจ

 ทงอีมาที่ท่าเรือพบกับซอลฮี ขอโทษนางที่ทำให้ต้องรีบออกจากอึยจูไปเพราะตน

“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า เพราะข้าเองก็ชักจะเบื่ออึยจูแล้วเหมือนกัน แต่จะว่าไป ทำไมป่านนี้ชิมวูนเทคยังไม่กลับมาอีก ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าเนี่ย?”

 “นั่นเค้ามาแล้วค่ะ ท่านคะ เรารีบไปกันเถอะ ท่านรีบขึ้นเรือเถอะ” ทงอี กล่าว

 
“ข้าไม่ไปด้วยหรอก เจ้าก็ไปกับซอลฮีละกัน” วูนเทค กล่าว

 “อะไร ท่านจะไม่ไปเหรอ ท่านอยู่ที่นี่ มันอันตรายเกินไปนะคะ” ทงอีกล่าว

 “ชีวิตข้า ข้าเอาตัวรอดได้ไม่ต้องห่วง พระราชาเนรเทศให้ข้าต้องมาอยู่ที่นี่ แล้วข้าจะไปอยู่ที่อื่นได้ยังไง”

 “ท่านคะ”

 “นี่เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้เจ้า”

 “นี่อะไรหรือคะ”

 “บางทีของสิ่งนี้ อาจจะช่วยเจ้าที่จนหนทาง และคนที่ถูกเนรเทศอย่างข้าพ้นผิด นี่เป็นบันทึกทึงลกของจริงน่ะ”

 “แล้วที่เอาไปให้ทูตต้าชิงนั่นล่ะ”

 “นั่นแค่บันทึกลาดตระเวนเมือง เนื้อในเป็นของปลอม จริงแค่ปกน่ะ”

 “นายท่าน”

 “ข้าไปเจอเจ้าเมืองอึยจูที่ค่าย แล้วก็หาทางขโมยบันทึกฉบับจริงจากเจ้าเมือง จากนั้นก็เอามาปลอมแปลง”

 “หา?”

 “พอค่ายเปียงยางรู้ว่าบันทึกทึงลกหายไปก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้น เจ้าเมืองอึยจูขโมยเอกสารทางการ ก็เลยถูกลงโทษอยู่ที่นั่นไง”

 “แต่ว่า ทางต้าชิงจะไม่รู้เหรอว่าที่เอาไปเป็นของปลอม แล้วแบบนี้จะไม่มีปัญหาเหรอคะ?”

 “ไม่มีปัญหาหรอก ถ้าพวกเค้ารู้ว่าเป็นของปลอม ก็จะไม่ช่วยจางฮีเจกราบทูลเรื่องรับรองรัชทายาทน่ะ กลับเป็นผลดีกับเราซะอีก บันทึกทึงลกไม่ถูกเอาไป เรื่องรัชทายาทถูกปฏิเสธ ฮิ ๆ เจ้าเอาเล่มจริงเล่มนี้..กลับไปเปิดโปงความชั่วของจางฮีเจ แล้วก็ช่วยข้าออกไป ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้แน่”

 “ค่ะใต้เท้า ข้าจะต้องทำให้ได้ค่ะ”

 “การคุ้มครองเด็กคนนี้มีความหมายอย่างยิ่งยวด ขอฝากเจ้าด้วยนะ”

 “ท่านไม่ต้องห่วงค่ะ” ซอลฮี กล่าว

 “เอาละ พวกเจ้ารีบเดินทางเถอะ”

ฮีเจ กลับมาถึงเมืองหลวงก็รีบเข้าเฝ้าพระมเหสีฮีบิน

  
 “ทุกอย่างเป็นยังไงบ้างคะพี่ชาย”

“เรื่องรับรองรัชทายาท ตอนนี้พระมเหสีวางพระทัยได้ เราเจรจาต่อรองและให้ผลประโยชน์ตามที่พวกเค้าขอแล้ว”

“ขอบคุณพี่มากเลย นี่พี่สร้างผลงานชิ้นใหญ่เลยนะเนี่ย?”

 “แต่ทำไมพระมเหสี ทำไมถึงได้เรียกให้กลับมาเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน”

 “เพราะพระราชา ทรงตามหาทงอีอยู่ตลอด”

 “อะไรนะ”

 “ที่พระองค์ทรงปลดซอโยงกีออกจากตำแหน่งก็เพราะเหตุผลนี้ พระราชาไม่เคยลืมเด็กที่ตายไปแล้วนั่น ยังคงตามหาตัวของนาง เพื่อจะได้รู้ความจริงเรื่องอดีตพระมเหสี”

 “อะไรนะ อะไรเนี่ย..”

 “ดีที่เด็กคนนั้นตายไปแล้ว แต่อดีตพระมเหสียังเป็นหินขวางทางของเรา ดังนั้น..”


 “พระมเหสี นังเด็กคนนั้น มันยังมีชีวิตอยู่”

 “อะไรนะ?”

 “ชอนทงอียังไม่ตาย และยังมีชีวิตอยู่พระมเหสี”

 “ท่านหมายความว่ายังไงพี่ชาย ทงอียังไม่ตายเหรอ รีบบอกข้ามาสิ เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เป็นไปได้ยังไงกัน”

 “ข้า.. ไปเห็นนางมากับตา ข้าได้พบนาง นางยังมีชีวิตอยู่..ที่เมืองอึยจู” ฮีเจทูล


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา