วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 30




จางฮีเจถูกองครักษ์จับกุมตัวไปสอบสวนที่ศาลตรวจการ กลุ่มขุนนางฝ่ายใต้จึงเป็นห่วงว่าแผนใส่ร้ายอดีตพระมเหสีจะแดงขึ้นมา ในขณะที่พระเจ้าซุกจงได้เตือนให้อ๊กจองกลับใจเสีย แต่อ๊กจองกลับบอกว่าไม่เคยทำผิดต่อพระราชา

เนื้อเรื่อง:

หมอหลวงรักษาทงอีจนนางอาการดีขึ้นและฟื้นขึ้นมา พบชอนซูกำลังเฝ้านางอยู่


 “พี่ชอนซูคะ”

 “ทงอี รู้สึกดีขึ้นรึยัง?” ชอนซู ถาม

 “ค่ะ ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ข้าขอโทษค่ะ อุตส่าห์รับปากพี่ไว้แล้ว แต่กลับทำให้พี่ต้องเป็นห่วงอีก”

 “ไม่เป็นไร ๆ แค่เจ้าฟื้นขึ้นมาปลอดภัยก็พอ”

 “จริงสิพี่ชอนซู ตอนนี้ในวังเป็นยังไงบ้างคะ?”

 “เจ้าไม่ต้องห่วง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น”

 “พูดจริงเหรอคะ”

 “ใช่แล้ว ด้วยหลักฐานที่เจ้าได้ก็น่าจะเอาผิดพวกเค้าได้แล้ว เรายังใช้หลักฐานปลอมล่อพวกนั้นออกมาจับตอนขโมยหลักฐานอีก แค่นี้ก็หนีไม่รอดแล้วล่ะ”

พระมเหสีฮีบินตกพระทัยเมื่อรู้ข่าวเรื่องฮีเจ พี่ชายของตนถูกกองปราบจับตัวไปไต่สวน ด้านแทซุกก็ตกใจเช่นกัน จึงสอบถามโฮยอนว่าฮีเจถูกจับด้วยข้อหาอะไร



 “คดีอดีตพระมเหสี”

 “หะ?”

 “ดูเหมือนพระราชาจะได้หลักฐานเกี่ยวกับคดีอดีตพระมเหสีมาขอรับ”

 “เป็น เป็นไปได้ยังไง หรือว่า เป็น.. เพราะเด็กที่หายไป ทุกอย่างจบแล้ว”

 “ท่านลุง” โฮยอน กล่าว

 “เรื่องนี้ คงไม่ใช่แค่จางฮีเจคนเดียว ถ้าอดีตพระมเหสีเป็นผู้บริสุทธิ์ พระมเหสีก็จะเดือดร้อนไปด้วย แบบนั้นกลุ่มฝ่ายใต้ทั้งหมดก็จะพังกันทั้งหมด”

 ใต้เท้าซอนำตัวฮีเจมาสอบสวนด้วยตนเอง “มันเป็นกับดัก ทั้งหมดนี่เป็นกับดักที่มันวางไว้”

 “ไม่ได้เจอกันนานนะใต้เท้า” ใต้เท้าซอ กล่าว


“เลวมาก เจ้ารู้รึเปล่าว่าตอนนี้เจ้าทำอะไรลงไป เจ้ากล้าจับคนบริสุทธิ์อย่างข้ามาไต่สวน ถ้าข้าออกไปได้เมื่อไหร่ ข้าจะเล่นงานเจ้าเป็นคนแรกเลย ยังยิ้มอีก เจ้าคงจะเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ”

 “ท่านทำความชั่วช้าเอาไว้มาก ยังกล้าบอกว่าตัวเองไม่ผิดอีก คนเราจะทำยังไงถึงจะหน้าด้านได้อย่างท่านกันน่ะ”

 “อะไรนะ”

 “ที่ท่านวางแผนใส่ร้ายอดีตพระมเหสี รวมทั้งเรื่องที่พยายามฆ่านางในชอนปิดปาก พระราชาทรงทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว”

 ขันทีเข้ามารายงานพระเจ้าซุกจงว่าทงอีฟื้นขึ้นแล้ว


“นี่เจ้าพูดจริงรึ ตอนนี้ทงอีฟื้นขึ้นมาแล้วใช่มั้ย?”

 “พ่ะย่ะค่ะ เพิ่งมีคนมาส่งข่าวเมื่อสักครู่นี้เอง”

 “เฮ้อ ถือว่าโชคดีจริง ๆ ค่อยหายห่วงหน่อย แม่คนนี้เหมือนเกิดมาเพื่อทำให้ข้าเป็นห่วงแท้ๆ เลย ไม่ว่าจะอยู่ข้างกายข้ามั้ย นางก็ทำให้ใจข้าร้อนใจได้ทุกที”

 “แต่เอาไว้ข้างกายจะไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

 “หา เจ้านี่ก็พูดไปถึงไหนแล้วเนี่ย”

 “ตอนนี้จะทำยังไงพ่ะย่ะค่ะ จะเตรียมเสด็จไปมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

 “ไม่ดีกว่า ตอนนี้อย่าเพิ่งไปเลย”

 “หืม”

 “ถึงจะร้อนใจอยากไป แต่อย่าเพิ่งออกหน้าเลย ตอนนี้เรื่องทุกอย่างถูกเปิดโปง สายตาทุกคนในวังกำลังจ้องมาที่ข้า ถ้าข้าทำอะไรวู่วามไป อาจจะทำให้มีคนรู้ที่อยู่ของทงอีได้ เรื่องนี้ยังไม่ใช่จุดจบแต่มันเพิ่งเริ่ม หลักฐานที่ทงอีเอากลับมา จะปลุกให้ลมพายุพัดโหมขึ้นอีกใหม่”

 พระมเหสีฮีบินคิดว่าต้องเป็นทงอีแน่ ๆ ที่เอาหลักฐานที่พบในกองพระคลังให้พระราชา และฝ่าบาทได้วางกับดักเอาไว้เพื่อล่อจับพี่ชายตน จึงตัดสินใจเดินทางไปขอเข้าเฝ้า


 “นั่งก่อนสิพระมเหสี”

 “ในที่สุด วันนี้ฝ่าบาทก็ยอมพบหม่อมฉัน ทำไมหรือเพคะ ฝ่าบาทมีเรื่องอยากจะถามหม่อมฉันไม่ใช่หรือ?”

 “พระมเหสี”

 “ปล่อยตัวพี่ชายหม่อมฉันเถอะเพคะ พี่ชายของหม่อมฉันไม่ได้ใส่ร้ายอดีตพระมเหสี เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดเพคะ”

 “แต่ข้ามีหลักฐาน ว่าเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับท่านแม่ทัพจางนะ”

 “เพคะ หม่อมฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน หม่อมฉันยังทราบว่า ทงอีเป็นคนถวายหลักฐานนั่นให้ฝ่าบาท ทั้งหมดเป็นหลักฐานจากนางในคนนึง เป็นหลักฐานจากทงอีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นเพคะ ถ้างั้นหม่อมฉันล่ะเพคะ ถ้าที่ทงอีพูดมาเป็นความจริง คำพูดของหม่อมฉันโกหกหรือเพคะ คำพูดทงอีไม่ต้องพิสูจน์ก็สามารถทำให้พี่ชายหม่อมฉันเข้าคุก แต่คำของหม่อมฉันต้องรอพิสูจน์หรือ? ฝ่าบาท ถ้าคนที่ใส่ร้ายพระมเหสีคือพี่ชายหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่มีทางไม่รู้หรอก และถ้าหม่อมฉันรู้เห็น หม่อมฉันก็ควรจะถูก..จับด้วยหรือเพคะ?”

 “ถ้าข้าถามเจ้าว่า เจ้ารู้เห็นการกระทำของพี่ชายเจ้ารึเปล่า เจ้าจะตอบว่ายังไง?”

 “คำตอบเรื่องนี้ สำคัญกับฝ่าบาทมากนักหรือ ไม่ว่าหม่อมฉันจะพูดโกหก หรือว่าพูดความจริง พระทัยของฝ่าบาทก็พร้อมจะเชื่อ..แต่คำของทงอีใช่มั้ยเพคะ”

 “พระมเหสี”

 “หม่อมฉับกับพี่ชายไม่ได้ทำอะไรผิด ได้โปรดเชื่อหม่อมฉันเถอะเพคะ หม่อมฉันคือ..พระมเหสีที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยหัตถ์ของพระองค์เองนะ หม่อมฉัน..ทูลลาเพคะฝ่าบาท”

 “อ๊กจอง กลับใจตอนนี้ยังไม่สาย ถ้าเจ้ายอมพูดความจริงกับข้าตอนนี้ ต่อให้ไม่อาจลบล้างความผิดได้ แต่ใจข้าก็จะยังให้อภัยเจ้า ข้าขอร้องล่ะ”

 “หม่อมฉันไม่เคยทำอะไรที่ผิดต่อฝ่าบาทเลยเพคะ หม่อมฉันกราบทูลได้เพียงแค่นี้ แค่นี้เท่านั้นเพคะฝ่าบาท” พระมเหสีฮีบินทูลแล้วเสด็จกลับ ระหว่างทางก็คิดในใจ

“ทรงทราบมั้ยเพคะ ถ้าทำแล้วดึงพระทัยฝ่าบาทกลับมาได้ ถึงจะต้องรับความผิดที่ไม่ได้ทำหม่อมฉันก็ยอม แต่ว่าในตอนนี้ หม่อมฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นพระองค์โปรดจำไว้ ว่าคนที่ทำให้หม่อมฉันต้องเป็นอย่างนี้ ก็คือฝ่าบาทเอง หม่อมฉันถึงต้องเป็นแบบนี้”

กลุ่มขุนนางฝ่ายใต้เป็นห่วงว่าแผนใส่ร้ายอดีตพระมเหสีจะแดงขึ้นมา จึงเข้าเฝ้าพระมเหสีฮีบิน


“เพราะไม่จัดการให้เบ็ดเสร็จแต่แรกถึงได้เป็นภัยตามมาอย่างนี้ ถ้าพระราชามีหลักฐานอยู่ในมือจริง พวกเราคงดิ้นไม่หลุดแน่พระมเหสี” โฮยอน ทูล

“พระมเหสี เหตุการณ์ชี้ชัดว่าพระราชาทรงคิดยังไง ตำแหน่งพระมเหสีจะต้องสั่นคลอนไปด้วยคง..” แทซุก ทูล

“แล้วพวกท่าน คิดว่าจะรับมือยังไงกันล่ะ? คิดจะตัดข้าและพี่ชายทิ้ง แล้วค่อยหาทางเอาตัวรอดใหม่อย่างนั้นใช่มั้ย?”

“ถ้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ก็เลิกพูดแบบเมื่อครู่ซักที ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ก็เหมือนที่พวกท่านบอก ตอนนี้เราเดินมาถึงสุดขอบหน้าผาแล้ว ถ้าพลาดพลั้งเพียงนิดเดียว เราทุกคนก็จะพินาศกันหมด เพราะฉะนั้น ถ้าพวกท่านไม่อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างหลุดจากมือไป ตอนนี้ท่านจงตั้งใจฟังในสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดซะ”

พระมเหสีฮีบิน คิดแผนเพื่อจะเล่นงานทงอี เพื่อให้ฝ่ายใต้รอดพ้นจากความผิด โดยจองซังกุง และนางในฮันที่ถูกจับตัวไปถูกปล่อยตัวออกมาหมด


 

“ท่านซังกุง ทราบข่าวรึยังคะ จองซังกุง กับจองอิมถูกปล่อยตัวออกมาหมดแล้ว ทางศาลไต่สวนบอกว่าไม่มีอะไรน่าสงสัยก็เลยปล่อยตัวออกมา” อึนกึม กล่าว

“ข้ารู้แล้ว” ยูซังกุง กล่าว

“หา?”

“เอ่อ ท่านซังกุง ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ได้คะ หรือพวกเราจะโดนจับเป็นคนต่อไป” ชิบิ ถาม

“พวกเจ้าไม่ต้องห่วง จะไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอก ที่ปล่อยพวกนางมาเพราะมีเหตุผลน่ะ”

“เหตุผล”

“เหตุผลอะไรคะท่านซังกุง?”

จองซังกุง และ จองอิม สงสัยว่าพระมเหสีฮีบินมีแผนอะไร เพราะจู่ ๆ พวกนางก็ถูกปล่อยตัวออกมาทั้ง ๆ ที่เมื่อวานยังถูกไต่สวนอยู่ ด้านพระเจ้าซุกจง เมื่อรู้เรื่องนี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

พระมเหสีฮีบินเสด็จมาพบกับฮีเจ ที่ห้องคุมขัง


“พี่ชายคะ”

“พระมเหสี ๆ”

“ทำไมพี่ถึงได้ถูกทรมานอย่างนี้”

“ข้าไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่เป็นไรพระมเหสี นี่ข้ายังเป็นห่วงพระมเหสีมากกว่าอีก ฮะ ๆ ไม่ต้องให้อภัยกับข้าหรอก ทั้งหมดเป็นเพราะ..ข้ามันไม่ได้เรื่องเอง”

“จะเป็นความผิดของท่านได้ยังไง ท่านเคยเตือนข้าว่าอย่าเอาเด็กคนนั้นมา แต่ข้าไม่ยอมฟังท่านเอง ข้าต่างหากที่ทำให้เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้”

“พระมเหสี”

“ข้าจะแก้ไขเรื่องทั้งหมดให้กลับคืนมาเอง ข้าจะไม่ยอมให้ท่านต้องถูกทำร้ายอีกต่อไปแล้ว”

“พระมเหสี”

เหล่าขุนนางฝ่ายใต้มาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง ทูลว่าพวกตนไม่ยอมรับในหลักฐานที่ฮีเจถูกกล่าวหา


“ฝ่าบาท ตอนนี้แม่ทัพจาง ถูกกักขังอยู่ในศาลตรวจการเพราะหลักฐานที่นางในคนนึงเอากลับมา แต่นางในคนนั้นเป็นใครกัน นางคือนักโทษหลบหนีที่ถูกสงสัยว่าวางเพลิงกองพระคลังพ่ะย่ะค่ะ” โฮยอน ทูล

“นั่นเป็นเพราะ ตอนนั้นนางในคนนั้นกำลังถูกตามเอาชีวิต” 

“แต่นั่นเป็นแค่คำให้การของนางฝ่ายเดียว”

“ท่านว่าอะไรนะ?”

“ผู้ต้องสงสัยในคดีลอบปลงพระชนม์พระมเหสี ยังถูกปล่อยตัวไปทั้งหมดเพราะไม่มีหลักฐานมากพอที่จะสามารถเอาผิดได้พ่ะย่ะค่ะ ด้วยเหตุผลเดียวกัน จะปล่อยให้มีการตัดสินความผิดเพียงเพราะหลักฐานที่นางในเพียงคนเดียวนำกลับมาได้ยังไงกันพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาทให้ทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“จะต้องมีการพิสูจน์หลักฐาน ที่นางในผู้นั้นนำมาเสียก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท”

“หึ อย่างนี้นี่เอง ศาลไต่สวนรีบปิดคดีพระมเหสีเพราะอย่างนี้เหรอ?”

“การกระทำของศาลไต่สวนไม่ได้มีเจตนาอื่น แต่พวกกระหม่อมแค่หวังว่าจะมีการสอบสวนอย่างโปร่งใสเที่ยงตรงพ่ะย่ะค่ะ” แทซุก ทูล

“สรุปแล้ว พวกท่านทุกคนต้องการอะไรกันแน่ แบบไหนถึงจะเรียกว่าสอบสวนอย่างโปร่งใสเที่ยงตรง”

“ขอให้ส่งตัว นางในคนนั้น” แทซุก ทูล

“อะไรนะ?”

“คนที่นำหลักฐานมาถวายฝ่าบาท ก็คือนางในที่ชื่อชอนทงอี นางในคนนั้น ต้องถูกตรวจสอบโดยศาลไต่สวน ไม่ใช่ทหารองครักษ์เพื่อให้คดีนี้ไม่เป็นที่กังขาพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอให้ฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

พระเจ้าซุกจง รับสั่งกับใต้เท้าซอว่าจะไม่มีวันยอมส่งตัวทงอีให้พวกขุนนางฝ่ายใต้ ด้านพระมเหสีฮีบินสอบถามกับโชซังกุงเรื่องขุนนาง และเมื่อรู้ว่าพวกบัณฑิต ก็จะออกมาเคลื่อนไหวด้วยก็พอพระทัยอย่างมาก


“พระมเหสี ทำแบบนี้แล้วจะแก้ปัญหาได้จริง ๆ เหรอ” ยูน ทูลถาม

“ไม่หรอก แค่นี้คงยังไม่พอแน่ พวกขุนนางใหญ่ขอให้ส่งตัวทงอีให้พวกเค้าตรวจสอบหลักฐานที่ได้มา แต่ถ้าพระราชาไม่สามารถส่งตัวทงอีมาให้ทุกคนได้ ผลจะเป็นยังไงล่ะคะ”

“หรือว่า นางจะ..”

“ต้องทำให้เด็กคนนั้นหายสาบสูญ หลักฐานก็จะกลายเป็นขยะที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”

โฮยอนให้คนไปสืบจนรู้ที่อยู่ของทงอี จากนั้นก็นำแผนไปบอกกับแทซุก เมื่อรู้ว่าที่นั่นมีคนเฝ้าไม่ถึงสิบคน ก็เตรียมจะส่งมือสังหารไปจัดการทงอี

ทงอีขอใต้เท้าซอเข้าวังเพื่อยืนยันเรื่องหลักฐานกับขุนนางฝ่ายใต้ แต่ถูกขัดขวาง


“ไม่เข้าใจพระราชาที่อยากจะปกป้องเจ้ารึไง จะส่งเจ้าไปถูกทรมานที่ศาลได้ยังไง”

“แต่นั่งอยู่นี่ก็ทำอะไรไม่ได้ สำหรับข้าน้อยมันทรมานยิ่งกว่า ที่ข้าน้อยทนความเจ็บปวดหนีพ้นความตายมาได้ ก็เพราะต้องการจะให้พระราชาทรงรับทราบความจริง แต่พอมาถึงตอนนี้ ท่านจะบอกให้ข้าน้อยอยู่เฉยได้ยังไงกันคะ”

“ทงอี”

“ขอร้องล่ะใต้เท้า ถือว่าทำเพื่อพระราชา ได้โปรดยอมให้ข้าน้อยทำแบบนี้เถอะ”


 

คนร้ายบุกมายังที่ซ่อนตัวของทงอีแต่ถูกชอนซู และจงคูต่อสู้ขัดขวาง จนต้องรีบกลับไป ใต้เท้าซอจึงเข้าเฝ้าถวายรายงาน พระเจ้าซุกจงตรัสถามหาทงอีด้วยความเป็นห่วง ใต้เท้าซอทูลว่าโชคดีที่ตอนคนร้ายบุกเข้ามาทงอีไม่ได้อยู่ที่นี่    

“ไม่ได้อยู่ที่นี่ หมายความว่ายังไง แล้วตอนนี้นางไปอยู่ที่ไหนซะล่ะ?”

ทงอี เดินทางมาหาอดีตพระมเหสีอินฮอน


“ข้ามีโอกาสได้พบเจ้าอีกครั้งนึง ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ”

“พระมเหสี”

“ข้าได้ยินแล้ว ว่าเจ้าถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยข้า แม้แต่คำว่าขอบคุณ ข้าก็ไม่รู้จะพูดยังไงเลย”

“ไม่เพคะพระมเหสี นั่นเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันอยู่แล้วนี่เพคะ”

“ใครว่าล่ะ ตอนนี้เจ้าอยู่ในอันตรายแค่ไหน ข้าย่อมรู้ดี ได้ยินว่า คนพวกนั้นเรียกร้องให้พระราชาส่งตัวเจ้าไป”

“ใช่เพคะ ที่จริง ที่หม่อมฉันมาขอเฝ้าก็เพราะเรื่องนี้เพคะ หม่อมฉันจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าหลักฐานนั้นเป็นความจริง แต่ถ้าหม่อมฉันโชคร้ายทำไม่สำเร็จ หม่อมฉันเกรงว่าจะทำให้พระมเหสีต้องตกอยู่..ในอันตรายมากยิ่งขึ้น”

“อย่าพูดอย่างนั้น ข้าติดค้างเจ้า ต่อให้ต้องใช้ทั้งชีวิตก็ไม่อาจชดใช้ได้หมด แล้วเจ้าจะพูดอย่างนี้กับข้าได้ยังไง”

“พระมเหสี”

“เฮ้อ ที่จริงข้ามีเรื่องบางอย่าง ที่อยากจะบอกกับเจ้าน่ะ เป็นเรื่องของพระราชาน่ะ เจ้าไม่รู้สึกเลยเหรอว่า พระราชาทรงมีเจ้าอยู่ในพระทัยพระองค์อยู่ตลอด”

“พระมเหสี เรื่องนี้มัน..”

“ทงอี เจ้าต้องตั้งใจฟังข้าให้ดีนะ ที่จริง..ข้าได้แต่เป็นห่วง ว่าเจ้าจะเก็บความรู้สึกเพราะห่วงความรู้สึกข้า ดังนั้น เจ้าอย่าทำอย่างนั้นเลย”

“พระมเหสี”

“กับพระราชาข้าเคยหวังว่า นอกจากเป็นพระมเหสีแล้ว ยังจะได้เป็นผู้หญิงสำหรับพระองค์ด้วย ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ข้าเข้าใจนานแล้ว ว่าตำแหน่งนั้นมันไม่ได้เหมาะกับข้าเลย เพราะในพระทัยของพระองค์ เจ้าของพระทัยดวงนั้น คือเจ้านะทงอี เพราะฉะนั้น เจ้าต้องคอยอยู่เคียงข้างพระองค์”

“พระมเหสี ตรัสอะไรกันเพคะ หม่อมฉันมิบังอาจ หม่อมฉันไม่คู่ควรหรอกเพคะ”

“ไม่เลย ไม่ใช่อย่างนั้น ความคู่ควรนั้น พระราชาทรงประทาน..ให้กับเจ้ามาตั้งนานแล้วล่ะ ดังนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องลังเลอะไร จงเปิดรับ..พระทัยของ..ฝ่าบาทอย่างยินดีที่สุด และถวายหัวใจของเจ้า นี่ถือเป็นคำขอร้องอย่างจริงใจ ในฐานะพระมเหสี ที่ขอร้องต่อเจ้า”

“พระมเหสี”

ทงอีกลับมาก็พบว่าพระเจ้าซุกจงเสด็จมา ทงอีถูกตำหนิที่ไม่ยอมอยู่ที่นี่กลับออกไปข้างนอก จากนั้นพระเจ้าซุกจงก็เสด็จไปข้างนอกพร้อมทงอี เมื่อชอนซูกลับมาก็สอบถามใต้เท้าซอ

  

“ทงอีออกไปกับพระราชาหรือขอรับ?”

“ใช่แล้วล่ะ”

“แล้วถ้าคนพวกนั้นมาเห็นเข้า..” ชอนซู กังวล

“เจ้าไม่ต้องห่วง เพราะถึงยังไง พวกเค้าก็ไม่กล้าทำอะไรพระราชา ที่จริง ข้ามารอเจ้าเพราะมีเรื่องอยากคุยด้วย เมื่อกี้ก่อนพระราชาจะเสด็จ ได้ตรัสเรื่องบางอย่างกับข้า ข้าคิดว่า เรื่องนี้ ควรจะต้องบอกให้เจ้ารู้”

เมื่อออกมาข้างนอกทงอีกลัวว่าจะมีใครมาเห็น


“ข้างนอกมีองครักษ์คุ้มกัน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าเป็นพระราชายังไม่กลัว หรือกลัวคนอื่นจะคิดว่า..”

“ฝ่าบาท ฮิ ๆ ๆ แต่ว่าทำไม จู่ ๆ ถึงอยากมาที่นี่ล่ะเพคะ”

“ช่วงที่เจ้าไม่อยู่ ข้ามาที่นี่ตลอดเลย เพราะเจ้าข้าถึงได้ทำความฝันให้เป็นจริง ความฝันที่จะเป็นผู้ชายเดินถนนธรรมดา ไม่ใช่แค่ถูกคนเหยียบหลัง แถมถูกลงโทษ ให้ดื่มเหล้ากินหนังหมูด้วย มันน่าสนุกออก พระราชาอย่างข้า..”

“ฝ่าบาท ชู่ว์ ฝ่าบาท ทำไมถึงตรัสถึงเรื่องนี้บ่อยจังเลย ลืมไปดีกว่ามั้งเพคะ”

“ให้ลืมเหรอ ข้าจะลืมได้ยังไง เรื่องนี้ถึงตายก็คงลืมไม่ได้ ที่มีแบบนี้ก็เพราะยังดีที่ข้าใจกว้าง  ถึงได้ทนรับพฤติกรรมเจ้าได้”

“เพคะ น้ำพระทัยกว้างใหญ่มาก ดังนั้นฝ่าบาทต้องเอาเรื่องนี้มาล้อหม่อมฉันไปทั้งชาติใช่รึเปล่า?”

“อ้อ มันแน่นอน จะล้อไปทั้งชาติเลย”

“ตรัสจริงหรือเพคะ”

“ฮะ ๆ ๆ”

“แต่ว่า ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลเพคะ หม่อมฉันทราบเรื่องที่เกิดเมื่อกลางวันแล้ว”
    
“ทงอี เรื่องนี้..”

   
“หม่อมฉันอยากเข้าวังไปทำในสิ่งที่ควรทำ โปรดประทานอนุญาตด้วย”
    
“เจ้าเป็นแค่นางในตัวเล็ก ๆ คนนึง เจ้าไม่กลัวพวกเค้าจะทำอะไรเจ้ารึไงหา?”
    
“ตอนนี้หม่อมฉันไม่กลัวแล้ว ในวังมีฝ่าบาทที่จะคอยปกป้องหม่อมฉันอยู่แล้วนี่นา”
    
“ทงอี”
    
“ดังนั้นหม่อมฉันไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิดเดียว เล่นมีพระราชาคอยหนุนหลังหม่อมฉันอยู่ แล้วจะมีใครกล้าทำอะไรหม่อมฉันเพคะ ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพคะ ปล่อยให้หม่อมฉันเข้าวัง ไปทำในสิ่งที่สามารถทำเพื่อฝ่าบาทได้ดีกว่า”
    
“ทำเพื่อข้าเหรอ?”
    
“เพคะ หม่อมฉันอยากร่วมกับจองซังกุง แล้วก็ท่านพงซังกุง แล้วก็เพื่อนในฝ่ายตรวจการทุ่มเทรับใช้ฝ่าบาทต่อไปเหมือนที่ผ่านมาไง”
    
“ฝ่ายตรวจการ?”
    
“เพคะ หม่อมฉันอยากกลับไปที่นั่น อยากช่วยทวงความเป็นธรรมให้นางใน และทาสรับใช้ทั้งหลาย ทำงานในฐานะของนางในฝ่ายตรวจการต่อ เพราะหม่อมฉันคิดว่า นี่แหละคือสิ่งที่ทำเพื่อฝ่าบาทได้ ตอนนี้ มีฝ่าบาทคอยดูแลหม่อมฉันอยู่ด้วย แค่นี้ก็ไม่มีใครกล้ารังแกอีกแล้ว หม่อมฉันก็เลยไม่รู้สึกกลัวสักนิดเลยเพคะ”
    
“เชื่อเค้าเลย”
    
“ฝ่าบาท ได้โปรดประทานอนุญาตเถอะเพคะ”
    
“เฮ้อ เอาไงดี ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นให้ข้าทำอะไรบางอย่างเพื่อเจ้าบ้างได้มั้ย?”
    
“หะ?”
    
“ให้ข้าทำ เพื่อที่จะปกป้องเจ้า ในรูปแบบที่ข้าทำได้”
    
“หมายความว่า..”
  
พระเจ้าซุกจงเรียกราชเลขา มารับสั่งให้พรุ่งนี้เรียกประชุมขุนนางใหญ่ที่ท้องพระโรง เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้นขันทีไปหาทงอีแจ้งว่ามีรับสั่งให้นางเข้าวัง


“นี่มัน.. นี่คืออะไรหรือคะใต้เท้า”
    
“นี่เป็นของที่พระราชามีรับสั่งให้นำมา เป็นชุดที่จะให้เจ้าใช้..ใส่เข้าวัง”
    
“แต่ว่านี่ ชุดนี้ไม่ใช่ชุดที่ข้าจะใส่ได้หรอกค่ะใต้เท้า นี่ นี่มัน” ทงอี ตกใจ
  
พระเจ้าซุกจง เสด็จมาที่ท้องพระโรง รับสั่งให้เหล่าขุนนางตรวจสอบทงอีได้

     
“เมื่อกี้ข้าบอกว่า ข้าอนุญาตให้ศาลไต่สวนดำเนินการตรวจสอบชอนทงอีได้ แต่ก่อนถึงตอนนั้น พวกท่านต้องรู้อะไรไว้อย่างนึงนางในชอนทงอีจะเข้าวังมาวันนี้ ไม่ใช่นางในฝ่ายตรวจการอีกต่อไป”
    
“ฝ่าบาท หมายความว่ายังไงพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่นางในฝ่ายตรวจการ?” แทซุก ทูล
    
“เพราะนับจากนี้ไป นางจะกลายเป็น ซึงอึนซังกุงคนใหม่ และมีฐานะเป็นนางในถวายตัว”



* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา