วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 32




แทซุกต้องการที่จะขับไล่ทงอีจึงสั่งให้มีการสืบที่มาของนาง ทางด้านอ๊กจองกับจางฮีเจที่ไม่รู้เรื่องบันทึกถึงลูกเป็นของปลอมก็กำลังกังวลกับการรับรองรัชทายาทของทางต้าชิง ซอโยงกีกับชอนซูตัดสินใจที่จะเดินทางไปอึยจูเพื่อหาหลักฐานความผิดครั้งนี้ ขณะที่ในเรือนของทงอีกลับเกิดโรคติดต่อ และระบาดไปถึงตำหนักของว่าที่รัชทายาท จึงมีการปล่อยข่าวว่าทงอีคิดร้ายต่อรัชทายาท

เนื้อเรื่อง:




พระเจ้าซุกจงคิดถึงแต่ทงอี แม้แต่ยามออกว่าราชการ ด้านทงอีก็พยายามเรียนรู้การเป็นนางในถวายตัว แต่ทงอีก็ไม่ละทิ้งนิสัยดั้งเดิมที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น พระเจ้าซุกจงได้ให้ขันทีมาบอกทงอีว่าจะให้เลือกซังกุงมาประจำที่เรือนของทงอี
    
“ขอรับ ท่านซังกุง อีกซักพักเรือนโบคยองสร้างเสร็จท่านก็ย้ายไปพักที่เรือนได้ เมื่อถึงตอนนั้น นางในที่รับใช้อยู่คงต้องกลับไปที่เดิมของพวกนาง”
    
“ต้องกลับไปงั้นเหรอ?”
    
“ดังนั้น จะมีการจัดนางในใหม่มารับใช้แทน ท่านพอจะมีใครอยู่ในใจบ้างรึเปล่า?”
    
“ข้าคงไม่มีหรอก”
    
“เพราะนางในเหล่านี้จะอยู่ข้างกายของท่าน ดังนั้นจึงควรเลือกคนที่เหมาะสมและเข้าใจท่านมากท่านซังกุง” ขันทีบอก
  
พอรู้ว่าทงอีจะไปอยู่เรือนโบคยองที่สร้างขึ้นใหม่ จองซังกุงและจองอิมก็ขอมารับใช้ทงอีเพื่อคอยปกป้องนางจากพวกขุนนางฝ่ายใต้


 

“หา...พวกท่านน่ะเหรอ?” ทงอีตกใจ
    
“คิดว่านางในคนอื่นคงจะไม่ยอมมาง่าย ๆแน่ เพราะว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่ยังเกรงบารมีของพระมเหสีอยู่”
    
“แล้วถ้าทำอย่างนั้น ฝ่ายตรวจการจะทำยังไงล่ะ? ท่านทั้งสองมีปณิธานอยู่ในงานด้านการตรวจการไม่ใช่เหรอคะ?”
    
“แต่ว่าในตอนนี้ การคุ้มครองท่านซังกุงเป็นเรื่องสำคัญกว่ามาก”
    
“นางในถวายตัวไม่ได้เป็นง่ายนะท่านซังกุง แค่พูดผิดไปคำนึงก็อาจถึงชีวิตได้ อีกอย่าง พระมเหสีที่คอยคิดจะให้ร้ายท่านมาตลอด ก็ยังเป็นใหญ่อยู่ในฝ่ายในนี้อีกด้วย”
    
“ดังนั้นถ้าจะอยู่รอดที่นี่ จะต้องมีคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดอยู่ด้วยนะท่านซังกุง”
    
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่ข้าจะให้พวกท่านทิ้งความมุ่งมั่นของตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ” ทงอีกล่าวอย่างลังเล
    
“ท่านซังกุง” 
    
“ถ้าหากจะต้องหาคนที่ไว้ใจได้มา ข้าจะพยายามลองหาด้วยกำลังของข้าเองดู ยังจำตอนที่ข้าไปอยู่ฝ่ายตรวจการใหม่ ๆ ได้มั้ยคะ ถึงแม้ตอนนี้จะยังเลือนราง แต่ก็เหมือนกับที่ท่านทั้งสองจริงใจกับข้า ข้าอยู่ที่นี่ ก็คงจะหาคนที่จริงใจกับข้าได้อย่างแน่นอนค่ะ” ทงอีมั่นใจ
    
จองอิมและจองซังกุงไม่รู้จะทำอย่างไรดีเพราะไม่อยากขัดความตั้งใจของทงอี  แต่ก็อดเป็นห่วงทงอีไม่ได้ 


แทซุกคิดหาทางสกัดทงอี เพราะต่อไป  ทงอีจะต้องมีอำนาจเพิ่มมากขึ้น โฮยอนกังวลเพราะพระราชาโปรดปรานทงอีมาก แทซุกจึงให้คนไปสืบปูมหลังของทงอีว่าก่อนเข้าวังทงอีเคยทำอะไรมาก่อน  ด้านฮีเจหลังจากถูกปล่อยตัวตามที่พระมเหสีฮีบินขอร้องพระราชาเอาไว้ ก็ถูกลดชั้นไปอยู่กรมพิธีการคอยจัดเลี้ยงต้อนรับแขก
  
ฮีเจเจ็บใจทงอีเป็นอย่างมากจึงมาปรึกษาพระมเหสีฮีบิน หรือ อ๊กจอง เพื่อคิดกำจัดทงอี


“พี่อย่าพูดอย่างนั้นอีกนะ นี่มันเป็นสงครามระยะยาว ดังนั้นจำเป็นจะต้องเตรียมใจให้ดี” พระมเหสีฮีบินพูดน้ำเสียงนิ่ง
    
“แต่ว่าพระมเหสี”
    
“ทั้งตัวข้า  แล้วก็รัชทายาทด้วย ไม่ว่าจะยังไง พระราชาก็ยังทรงโปรดลูกข้ามากที่สุดไม่ใช่รึ? เดี๋ยวพอทางต้าชิงส่งคำรับรองมาถึง พี่ชายเองก็จะถือว่ามีผลงานในเรื่องนี้มากที่สุด ถึงตอนนั้นก็จะเลื่อนขั้นพี่ขึ้นมาใหม่ ไม่มีใครรู้เรื่องบันทึกทึงลกหรอก ดังนั้นพอเรื่องนี้สำเร็จมันก็จะกลายเป็นผลงานของพี่นะ” มเหสีฮีบินกล่าวโดยที่ไม่รู้ว่าบันทึกทึงลกเป็นของปลอม
    
“แต่ตอนนี้ เรื่องการรับรองรัชทายาทก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ ที่จริงทางต้าชิง  ก็น่าจะมีข่าวคราวมาบ้างแล้วนี่”
    
“ดังนั้นพี่ชายจะต้องไปตามเรื่องนี้ดู พี่เข้าใจรึยังคะ?”
    
“ได้ พระมเหสี”
  
ทงอีเอาต้นฉบับบันทึกทึงลกมามอบให้ใต้เท้าซอ


“นี่ก็คือ ต้นฉบับบันทึกทึงลกที่ข้าเคยพูดกับท่านไว้ ใต้เท้าจางฮีเจ นำสิ่งนี้ไปแลกกับต้าชิงเพื่อให้รีบเร่งรับรองรัชทายาท ในตอนนั้นคนที่เสี่ยงชีวิตปกป้องบันทึกนี้ไว้อยู่ที่อึยจูค่ะ”
    
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะยืนยันความผิดเค้าได้ ข้ากับองครักษ์ชาจะไปที่อึยจู เพื่อสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดเอง”
    
“ที่สำคัญ คือต้องคุ้มครองความปลอดภัยของท่านชิมวูนเทค ฝากท่านด้วยนะใต้เท้า”
    
“ทราบแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” ใต้เท้าซอจึงเดินทางไปที่อึยจู  โดยมีชอนซูติดตามไปด้วย


 

ที่เรือนของทงอี จู่ ๆ ก็เกิดโรคระบาด  มีนางใน 2 คนเกิดป่วยหนัก หมอหลวงรีบมาดูแลและขอให้ทงอีกลับเข้าไปที่เรือนเพราะยังไม่รู้ว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงหรือไม่ ด้านนางในหลายคนต่างก็ตื่นตระหนกไม่อยากไปอยู่โบคยองเพราะกลัวติดโรค  แต่พงซังกุงและเอจองกลับเสนอตัวอยากไปอยู่กับทงอี
  
หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายในเรือนของทงอี  ยอนซองก็รีบไปบอกนายหญิงยูนว่าทำอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้ นายหญิงยูนยิ้มบอกว่าตอนนี้แค่รอโอกาส
    
“เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ คิดจะอาจเอื้อมตำแหน่งของพระมเหสีรึ? ความทุกข์ที่ลูกข้าได้รับข้าจะให้เจ้าชดใช้สองเท่า จะต้องให้ฝ่าบาทไล่มันออกจากวังด้วยพระองค์”
  
เรือนโบคยองของทงอีสร้างเสร็จแล้ว  พระเจ้าซุกจงดีพระทัยมาก แต่ขันทีบอกว่าคงต้องเลื่อนเวลาให้ทงอีย้ายไปเรือนหลังใหม่พร้อมกับบอกเรื่องที่เกิดโรคระบาด


“มีคนล้มป่วย แล้วทงอีเป็นอะไรรึเปล่า?” พระเจ้าซุกจงตรัสถามตกพระทัย
    
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านซังกุงไม่เป็นอะไร”
    
“เฮ้อ งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
    
“แต่ว่า ขอประทานอภัย เพราะเรื่องนั้น พระองค์คงต้องรออีกสักพัก ก็วันที่ร่วมหอ กับชอนซังกุงพ่ะย่ะค่ะ พระองค์รอที่จะไปร่วมหอกับซังกุงในวันย้ายเรือนมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
    
“อะ อะไร เจ้าพูดเหลวไหลอะไรของเจ้า อย่าเดามั่วซั่วสิ นี่ ข้าบอกว่าไม่ใช่ไงล่ะ แต่ว่า ถ้ามีนางในไม่สบายอยู่ ทงอีคงจะไม่ค่อยสบายใจนัก  เป็นเจ้านายก็แบบนี้แหละเจ้าว่าจริงมั้ยล่ะ”
  
พระเจ้าซุกจงให้ขันทีนำเสื้อผ้าชุดธรรมดามาให้ทงอีเปลี่ยนและพานางไปสังสรรค์ที่ร้านเหล้า  โดยมียังดัลและจูซิกไปร่วมสังสรรค์ด้วย ระหว่างนั้นเกิดฝนตก พระราชา ทงอี และเหล่าองครักษ์จึงต้องพักในโรงแรมเล็ก ๆ พระเจ้าซุกจงพักอยู่ในห้องเดียวกับทงอีทำให้ทั้งสองรู้สึกขัด ๆ เขิน ๆ

   



  



“ขอประทานอภัยเพคะ ต้องให้พระองค์มาค้างแรมในที่ซอมซ่อแบบนี้ อยู่กับหม่อมฉันทีไร พระองค์เป็นต้องมาลำบากทุกที หม่อมฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดี”
    
“ลำบากอะไรกัน การได้อยู่กับเจ้าข้ามีความสุขทุกครั้งเลยต่างหาก ทำไม ถึงต้องพูดแบบนั้นด้วย โอ้ย ฝนตกแล้วทำไมมันร้อนนักนะ คงต้องดื่มให้ชุ่มคอซักหน่อยแล้ว”
    
“งั้นหม่อมฉันจะรินให้เพคะ”
    
“ก็ได้ งั้นเจ้าก็รินมาเถอะ หึ ๆ ทงอี”  พระเจ้าซุกจงยิ้มเมื่อเห็นทงอีเขินจนไม่รู้ว่ารินเหล้าล้นแก้ว “เจ้ารินจนล้นแล้วนะ ก็ดูเจ้าเข้าสิ รินจนเหล้าล้นแล้ว ฮะ ๆ ๆ”
    
“โอ๊ะ ทำไงดี ขอ ขอประทานอภัยเพคะ ผ้าล่ะ ผ้าอยู่ที่ไหน ขอประทานอภัยเพคะ โอ้ย หม่อมฉันทำอะไรป้ำเป๋ออีกแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้”
    
“ฮะ ๆ ๆ ทงอี” พระเจ้าซุกจงมองทงอีด้วยความเอ็นดู
  
หมอหลวงเฝ้ารักษาอาการนางในเรือนของ ทงอี แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ทงอีมาเยี่ยมแต่หลายคนก็ไม่อยากให้ทงอีอยู่นานเพราะกลัวติดโรค แต่ทงอีไม่สนใจ ไม่นานนักก็เริ่มมีคนอื่นติดโรคเพิ่มมากขึ้น  และเริ่มระบาดไปที่เรือนของว่าที่รัชทายาท


“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีคนในตำหนักล้มป่วย” มเหสีฮีบินกล่าวอย่างตกใจ 
    
“คงเป็นโรคติดต่อในวังหลวงค่ะ มีอาการเหมือนนางในที่ป่วยในเรือนของชอนซังกุงเลยเพคะ”
    
“ลูกข้าล่ะ ลูกข้าไม่เป็นไรใช่มั้ย?” มเหสีเป็นห่วงลูกชายเป็นอย่างมาก
  
ฝ่ายมเหสีใช้โอกาสนี้ปล่อยข่าวว่าทงอีคิดทำร้ายรัชทายาท


“ฝ่าบาท ทรงทราบมั้ย ว่าโรคนี้ระบาดออกมาจากเรือนชอนซังกุง”
    
“พระมเหสี นี่มัน..” พระราชาพูดไม่ออก
    
“ทรงวางพระทัยเถอะเพคะ หม่อมฉันไม่คิดจะโทษหรือพูดจาเหลวไหลว่าเป็นเพราะชอนซังกุงแน่เพคะ นั่นเป็นคำพูดเหลวไหลของพวกนางในที่ชอบพูดมาก หม่อมฉันไม่เชื่อเรื่องนั้นหรอก แต่ว่า ถ้าหากไม่อยากให้ชอนซังกุงต้องเดือดร้อนเพราะข่าวลือ ก็ควรรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็วเพคะ”
    
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าจะทำยังไงล่ะ?”
    
“เรื่องนี้เกิดขึ้นกับนางในเรือนของซังกุงฝ่ายใน ดังนั้นหม่อมฉันจึงอยากจะจัดการเอง จะได้รึเปล่าเพคะ?”
  
ด้านทงอีแปลกใจเรื่องการเกิดโรคระบาดในเรือนของตนเอง เพราะทำไมเกิดโรคเฉพาะนางในเท่านั้น และนางในก็ใช้น้ำคนละบ่อกับตำหนักรัชทายาทจึงไม่น่าระบาดถึงกัน
  
ใต้เท้าซอและชอนชูเดินทางมาอึยจูเพื่อตามหาวูนเทค  แต่ได้รับการบอกเล่าว่าทางการอึยจูเปลี่ยนจุดเนรเทศและเอาตัววูนเทคไปแล้ววูนเทคถูกนำตัวมาระหว่างทางและจะถูกลอบฆ่า  แต่ใต้เท้าซอตามมาช่วยไว้ทัน


 
     
“เจ้าก็คือชิมวูนเทคใช่มั้ย?” 
    
“ท่านรู้จักข้าเหรอ?”
    
“ทงอีส่งพวกเรามาน่ะ”
    
“ทงอีเหรอ ตัวแสบนั่นเหรอ? นางส่งพวกท่านมาใช่มั้ย?”
    
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ คนพวกนั้นถึงได้คิดจะกำจัดเจ้าล่ะ?” ใต้เท้าซอถามแปลกใจ
    
“วันนี้คณะทูตของต้าชิงจะผ่านมาที่อึยจู อีกไม่นานพวกทูตต้าชิงจะมาถึงแล้ว เค้าคงจะฆ่าข้าปิดปากเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อนละมั้ง”
    
“คณะทูตพวกนั้นเอาคำรับรองรัชทายาทมาด้วยงั้นรึ?” ชอนซูโพล่งถามขึ้น
    
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ว่าเป็นพวกทูตธรรมดา หรือว่าเป็นคณะทูตที่นำเอาคำรับรองรัชทายาทมาด้วย”
  
ทงอีให้จองซังกุงไปสืบเรื่องโรคระบาดในเรือน จองซังกุงไปตรวจสอบและรับมารายงาน


“ได้ตรวจสอบใบสั่งซื้อ แล้วก็ยาที่เกี่ยวข้องกับนางในทั้งหมดแล้ว แต่ว่ายังไม่เจออะไรที่น่าจะมาเป็นสาเหตุได้เลย”
    
“เฮ้อ สืบไม่ได้เลยรึ?”
    
“ต้องขออภัยด้วยค่ะท่านซังกุง”
    
“อย่าพูดงั้นสิ ขนาดหมอหลวงยังไม่รู้เรื่อง จะสืบหาง่าย ๆ ได้ยังไงล่ะ”
    
“ท่านซังกุง ๆ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”
    
“เกิดเรื่องอะไรเหรอ?”
  
โฮยอนมาหาทงอีโดยอ้างว่าจะมาตรวจสอบสาเหตุของโรคติดต่อ

  
“ท่านซังกุง เพื่อทำการตรวจสอบสาเหตุของโรคติดต่อ จึงต้องปิดกั้นจุดที่มีโรค เพื่อทำการตรวจสอบโดยละเอียดอีกทีขอรับ”
    
“มันน่าจะเป็นงานของสำนักหมอหลวง ทำไมศาลไต่สวนถึงได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล่ะ?”

“โรคติดต่อไปถึงตำหนักว่าที่รัชทายาท อาจจะมีใครที่จงใจใช้โรคในการให้ร้ายรัชทายาท  ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่ามีข้อสงสัยอยู่” โฮยอนยิ้มร้าย
  
อดีตมเหสีอินฮอนกังวลใจเรื่องที่เกิดขึ้นจึงเรียกอินกุ๊กมาพบ


“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

“ในตอนนี้เรื่องราวดูร้ายแรงมากขึ้นทุกที ถึงจะแค่มีการจับตัวนางใน แต่สุดท้ายคงคิดจะกดดันไปถึงชอนซังกุงอย่างแน่นอน”
    
“แล้วตอนนี้ฝ่าบาทคิดยังไง ชอนซังกุงเป็นผู้บริสุทธิ์ ฝ่าบาทน่าจะทราบดีกว่าใครนี่”
    
“ก็เพราะว่านี่เป็นเรื่องของฝ่ายใน ทำให้ฝ่าบาทไม่มีข้ออ้างจะก้าวก่าย”
    
“พระมเหสี จะทำยังไงดีเพคะ”
    
“นี่ต้องเป็นแผน เล่นงานชอนซังกุงอย่างแน่นอน เหมือนตอนที่พวกเค้าเล่นงานข้า พวกนั้นคิดจะใช้แผนใส่ร้ายชอนซังกุงอีกคนนึง” อดีตมเหสีอินฮอนมั่นใจ
  
ทงอีมาขอเข้าเฝ้าพระมเหสีฮีบิน แต่ถูกห้ามเข้าพบเพราะกลัวเอาโรคร้ายมาแพร่ระบาด


 

“คงจะไม่ได้หรอก รีบกลับไปเถอะ แค่รัชทายาทยังไม่พอ คิดจะแพร่โรคติดต่อมาถึงพระมเหสีอีกรึ? ยืนอึ้งทำไม ไปสิ”
    
มเหสีฮีบินพอรูว่าทงอีมาขอพบก็เสด็จออกมา

“พอเถอะ หยุดโวยวายได้แล้ว ไม่ได้เจอกันซะนานนะ คิดไม่ถึงว่าเจ้า จะเป็นฝ่ายมาหาข้าด้วยตัวเองแบบนี้ ว่ามา เจ้าคิดจะพูดอะไรกับข้าเหรอ?”
    

* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา