วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 34




ถึงแม้จางฮีเจจะมอบบันทึกฉบับปลอมให้กับต้าชิง แต่ทางต้าชิงกลับยังให้การรับรองรัชทายาท พระเจ้าซุกจงเห็นชิมวูนเทคกลับมาที่เมืองหลวง จึงได้ขอให้คอยช่วยเหลือทงอี เพื่อที่จะสืบหาประวัติของทงอี อ๊กจองจึงตัดสินใจเตรียมตั้งทงอีเป็นพระสนม

เนื้อเรื่อง:

หลังจากเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงแล้วฮีเจก็รีบมาเข้าเฝ้าพระมเหสีฮีบิน


“พระมเหสี”
    
“ข้าเองก็เพิ่งได้รับแจ้งมา ราชโองการรับรองรัชทายาทมาถึงแล้ว” 
    
“ข้าเพิ่งกลับมาจากตำหนักใหญ่ เมื่อกี้พระราชายังตรัสชมว่าเป็นความชอบของข้าเลย ฮะ ๆ”
    
“บอกแล้วว่าเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ ดูเหมือนข้าจะกังวลมากไปเอง” 
    
“ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างที่เราต้องการ  ทุกอย่างจะต้องราบรื่น ขอให้รออีกสองสามวันเท่านั้น”
    
“ข้าเชื่อว่ารออีกไม่นาน พี่ชายจะต้องได้ตำแหน่งของท่านกลับคืนมาอย่างแน่นอน” พระมเหสีฮีบิน ตรัส
    
“ตำแหน่งของข้าไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก ที่สำคัญที่สุดคือความมั่นคงในตำแหน่งของพระมเหสี เมื่อตำแหน่งองค์รัชทายาทมั่นคง ตำแหน่งพระมเหสีก็จะไม่มีทางสั่นคลอนได้อีกแล้ว”
    
“ใช่  เรื่องนั้นแน่นอน  ยังไงข้าก็ได้ชื่อว่าเป็นมารดาของรัชทายาท  ไม่สิ  วันหน้าก็จะได้เป็นพระชนนีของพระราชาโชซอน”
    
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”
  
อินกุ๊ก และอันมาเข้าเฝ้าอดีตพระมเหสีอินฮอน


“พระมเหสี”
    
“เรื่องรัชทายาท ก็ถือว่าเป็นข่าวดี นี่เป็นเรื่องที่พระราชาทรงเฝ้ารอไม่ใช่หรือ”
    
“แต่ว่านี่ ไม่ใช่แค่เรื่องรัชทายาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระมเหสีและยังเกี่ยวกับ...พระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ  พระมเหสี  ต่อไปพวกเค้าจะมีอำนาจมากขนาดไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่พระองค์จะกลับไปวังหลวงอีกครั้ง ก็จะยิ่งเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก”
    
“ก็คงอย่างนั้น บางทีข้าอาจจะไม่ได้กลับวังหลวงอีกเลย”
    
“พระมเหสี” อัน กล่าว
    
“ข้าไม่รู้จะพูดอะไรดี ทุกคนพยายามทุ่มเททำเพื่อข้า ทั้งหมดต้องโทษที่ข้าไม่เอาไหน
    
“พระมเหสี ทำไมพระองค์ถึงตรัสอะไรอย่างนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะ...กระหม่อมโง่เขลาเองพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดประทานอภัยให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
    
“ใต้เท้า”
    
“แต่ว่า พวกเราจะยอมถอดใจแบบนี้ไม่ได้ ถึงตอนนี้กลุ่มตะวันตกจะเสียอำนาจไปเกือบหมด แต่ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็จะต้องทำให้พระองค์กลับคืนไปสู่ตำแหน่งพระมเหสีอีกครั้งให้ได้ ต้องทำให้ได้พ่ะย่ะค่ะ” อินกุ๊ก ทูล
  
ทงอีคิดว่าท่านชิมวูนเทคกลับมาแล้ว จะเปิดโปงเรื่องที่ฮีเจขายความลับสำคัญของบ้านเมืองออกไปให้ทุกคนรู้เรื่องก็จะจบได้ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น จึงคิดจะทำอะไรซักอย่างเพื่อไม่ให้ความจริงถูกฝังกลบไปแบบนี้
    
ชอนซู  เสนอใต้เท้าซอให้เอาบันทึกทึงลกและเรื่องทั้งหมด ไปกราบทูลฝ่าบาท

    
“จริงอยู่ ถ้าเราทำแบบนั้น ฝ่าบาทจะต้องเชื่อคำพูดของชอนซังกุงอย่างแน่นอน  แต่ว่า หลังจากนั้นจะเป็นยังไง  ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยกับทุกคนโดยผ่านชอนซังกุง คิดว่ากลุ่มฝ่ายใต้จะทำยังไง พวกเค้าจะยอมก้มหัวรับผิดงั้นรึ”
    
“ใต้เท้า” 
    
“เดิมเราอ้างได้ว่าที่ต้าชิงยังไม่มีราชโองการรับรองรัชทายาทก็เพราะบันทึกทึงลกนี่ แต่ตอนนี้ราชโองการถูกส่งมาแล้ว  แล้วเราจะเอาหลักฐานอะไรมาเอาผิดพวกเค้าได้ รังแต่จะทำให้ชอนซังกุง ต้องตกที่นั่งลำบากมากกว่าเดิมมากกว่า”
  
ทงอีตัดสินใจจะเดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง แต่จองซังกุงไม่เห็นด้วย


“ท่านซังกุง ท่านทำไม่ได้นะคะ  นี่เท่ากับกอดขวดน้ำมันกระโดดลงในกองไฟนะ”
    
“ขอร้องละค่ะ ขอให้ข้าไปเถอะ ข้าต้อง การไปเข้าเฝ้า ข้าจะยอมให้เรื่องนี้ ถูกปิดบังไม่ได้”
    
“ท่านซังกุง  ท่านต้องห่วงความปลอดภัยตัวเองก่อนนะคะ” จองอิม กล่าว
    
“ข้าเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้หลักฐานของกองพระคลังมา จนถึงตอนนี้ยังจะให้ข้ามาห่วงตัวเองอยู่อีกเหรอ”
    
“ท่านซังกุง”
    
“พระมเหสีอินฮอนจะทำยังไง ทำแบบนี้พระมเหสีที่ต้องถูกปลดทั้งที่ไม่ผิด ก็คงไม่มีวันได้กลับคืนตำแหน่งอีกน่ะสิ”


“ชอนซังกุง ส่งบันทึกมานี่” ใต้เท้าซอเข้ามา
    
“ใต้เท้า”
    
“ท่านจะเอาไปให้พระราชาตอนนี้เพื่ออะไรกัน ถ้าท่านยังเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ก็มีแต่จะเพิ่มความทุกข์พระทัยให้พระองค์ ทำไมท่านถึงไม่เข้าใจนะ”
    
“ใต้เท้า”
    
“ท่านไม่รู้เหรอว่าท่านไม่ควรเป็นคนออกหน้าเอง เพราะตอนนี้ท่านไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว จากนี้ไปหนทางที่ท่านเดิน จะส่งผลต่อชีวิตคนรอบข้างทุก ๆ คน พวกข้าทุกคน ก็จะไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงแค่นี้เหมือนกัน ขอให้ท่านเชื่อใจเราทุกคน  ให้พวกเรามารับหน้าที่นี้แทนท่านไม่ได้หรือ ชอนซังกุง”
    
“ใต้เท้า”
  
ฮีเจ มาบอกมารดาเรื่องราชโองการรับรองรัชทายาทมาถึงแล้ว และพระราชายังเรียกตนเข้าไปตรัสชมด้วยว่านี่เป็นเพราะความชอบของตน ยูนแนะนำให้หาของไปขอบคุณพวกคณะทูตที่นำราชโองการรับรองรัชทายาทมา ระหว่างนั้นมือสังหารเข้ามาบอกว่าคณะทูตอยากพบฮีเจ

    
จางฮีเจ เดินทางมาพบคณะทูตต้าชิง ใต้เท้าเฉินจึงบอกว่าบันทึกทึงลกที่ให้ไปเล่มนี้มันเป็นของปลอม
    
“เป็นของปลอม หมายความว่ายังไง?”
    
“ป่านนี้ยังไม่เข้าใจอีกเรอะว่าเจ้าเอาอะไรมาให้พวกข้า” ใต้เท้าเฉิน กล่าว
    
“ใต้ ใต้เท้าเฉิน มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ข้าจะไปสืบหาสาเหตุของเรื่องนี้เอง”
    
“แหงล่ะ เจ้าควรจะทำอย่างนั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่รู้เรื่องนี้ หรือว่าไม่เกี่ยวข้องจริง ๆ จำเอาไว้นะใต้เท้าจาง ที่ข้ายังช่วยเจ้าทั้งที่ข้าได้บันทึกของปลอม เพราะข้าต้องการจะให้เจ้ารู้ว่า ข้าสามารถยกเลิกมันก็ได้”
    
“อะไรนะ?”
    
“ข้าต้องการบันทึกทึงลกของจริงกลับไปต้าชิง ถ้าเจ้าเอามันมาให้ข้าไม่ได้ ข้าก็จะเอาเรื่องที่เจ้าเอาบันทึกทึงลกเล่มปลอมมาแลกกับการขอให้ข้าช่วยเรื่องรัชทายาท ไปกราบทูลพระราชาโชซอนให้หมด”
    
“ใต้เท้า”
    
“ดังนั้น ทางที่ดีจำคำของข้าไว้ ถ้าเจ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้น เข้าใจรึยัง”

  

ฮีเจสงสัยว่าทำไมเรื่องราวมันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ ระหว่างเดินทางกลับก็ได้พบกับวูนเทค ที่ออกมาเดินเล่นในเมืองพอดี ฮีเจตกใจที่พบวูนเทคที่เมืองหลวง วูนเทคบอกว่าตอนนี้ตนเองมีพระราชาหนุนหลังอยู่จึงไม่กลัวว่าฮีเจจะทำอะไรตนเองอีก
    
ใต้เท้าซอพาวูนเทค เข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง ทูลว่าเขาเป็นคนช่วยเหลือชอนซังกุงตอนที่อยู่อึยจู พระเจ้าซุกจงจึงขอคุยกับวูนเทคเป็นการส่วนตัว รับสั่งว่ามีเรื่องที่อยากให้วูนเทคทำ
    
ฮีเจมาเข้าเฝ้าพระมเหสีฮีบิน


“พระมเหสี”

“พี่ชายมาได้พอดีเลย ข้าก็มีเรื่องอยากจะปรึกษาท่านอยู่พอดี ใต้เท้าเฉินที่ช่วยเหลือเราครั้งนี้ เราควรจะปิดปากเค้าเอาไว้ให้แน่นหนา ที่ว่าหนังที่เช็ดน้ำมันบ่อย ๆ ย่อมอ่อนนุ่ม ถ้ามันจำเป็น ต่อให้ต้องจ่ายเงินทองเท่าไหร่...”
    
“พระมเหสี ต้องขออภัยด้วย ตอนนี้ไม่ใช่จะมาคิดถึงเรื่องนั้น”
    
“ท่านหมายความว่ายังไงล่ะ หรือว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น?”
    
“มันเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง เพราะตอนนี้มันเกิดปัญหา ที่เป็นเรื่องใหญ่มโหฬารขึ้นแล้ว”
    
“หา?”
  
วูนเทคบอกกับใต้เท้าซอว่าตนได้พบจางฮีเจมาก่อนที่จะมาที่นี่

     
“ทำไมถึงได้ทำอะไรวู่วามอย่างนี้”
    
“ให้เค้ารู้ว่าข้ากลับมาแล้ว ข้าอยากรู้ว่าถ้าเค้ารู้ว่าข้ากลับมา เค้าจะมีปฏิกิริยายังไง”
    
“หมายความว่ายังไง?”
    
“บันทึกทึงลกที่ให้เค้าไปเป็นของปลอม แต่ของจริงยังอยู่ที่พวกเรา เรื่องนี้...เจ้าจางฮีเจมันรู้เรื่องรึยัง ข้าก็เลยต้องไปหยั่งเชิงดู เพื่อจะให้แน่ใจซะก่อน โชคดีที่เหมือนเค้าไม่รู้เล่มจริงอยู่ที่พวกเรา ยังมีอีกเรื่องนึง ข้ายังได้รู้อะไรมาอีกอย่างนึงด้วย”
    
“ท่านรู้อะไรมาเหรอคะ?”
    
“ดูเหมือนสถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปแล้ว จางฮีเจตอนออกจากเรือนรับรองมันซีดซะยิ่งกว่าไก่ต้มอีก ข้าได้ไปเห็นคนเดียวน่าเสียดายชะมัด ดังนั้น มันต้องเกิดปัญหาอะไรแน่ ๆ”
    
“แต่ตอนนี้ ราชโองการก็มาถึงแล้วนี่คะ” ทงอี กล่าว
    
“เพราะฉะนั้น พวกเราจะต้องไปสืบหาคำตอบว่า เรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าจางฮีเจหน้าซีดแบบนั้น มันจะต้องมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่ ถ้าทำให้เจ้าจางฮีเจจนมุม นั่นก็น่าจะเป็นทางรอดทางใหม่ของพวกเรา ตอนนี้เรื่องทุกอย่างยังไม่ปิดฉาก  พวกเรายังมีโอกาสจับพวกเค้ามารับโทษตามกฎหมายได้อยู่
  
ฮีเจ ทูลเรื่องบันทึกทึงลกให้พระมเหสีฮีบินรู้ และตอนนี้กำลังให้คนออกตามหาตัวจริงอยู่


“เพราะอะไร ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นอย่างนี้ได้ ทั้งที่จะจบลงแล้วแท้ ๆ หรือว่าเล่มของจริง จะอยู่ในมือของคนพวกนั้น”
    
“ไม่หรอก ไม่มีทางเป็นอย่างนั้น  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเค้าจะไม่เอามันออกมา ข้าส่งคนไปเปียงยางเพื่อตามหาเล่มจริงมาแล้ว เชื่อว่าไม่นานทุกอย่างคงคลี่คลาย ดังนั้นตอนนี้ เราควรจะฆ่าเจ้าชิมวูนเทคที่รู้เรื่องนี้ให้พ้นไปซะก่อน”

“ฆ่ามันไม่ได้ เราจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ เค้าเป็นคนที่พระราชาทรงเรียกกลับมาเอง ถ้าท่านไปทำอะไรเค้า อาจจะเป็นการชักภัยมาถึงตัวก็ได้”
  
พระเจ้าซุกจงรับสั่งให้วูนเทคคอยช่วยทงอี
    
“วังหลวงเป็นที่ที่แปรเปลี่ยนไปตามขั้วอำนาจ แต่ชอนซังกุง กลับต้องมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางวังวนแบบนี้ ก่อนเรียกเจ้ากลับมา ข้าได้อ่านฎีกาทั้งหมดที่เจ้าเคยส่งมาราชสำนักแล้ว ถึงจะดูไร้มารยาทไปบ้าง แต่ก็ดูออกว่า เป็นคนฉลาดมีน้ำใจ
    
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” 
    
“ข้าอยากให้เจ้าช่วยชอนซังกุงอีกแรงนึง เด็กคนนั้นต้องการกองหนุนในราชสำนักมาค้ำจุน ให้นางสามารถยืนอยู่ในวังหลวงนี้ได้”
    
“ตอนนี้เรื่องทุกอย่างยังไม่ปิดฉาก พวกเรายังมีโอกาสจับพวกเค้ามารับโทษตามกฎหมายได้อยู่”

  
พระมเหสีฮีบินให้คนโฮยอนไปสืบประวัติของทงอี โฮยอนจึงให้แทพุงและโฮยางไปตีสนิทกับจูซิกและยังดัล เพื่อหลอกถามประวัติของทงอี จนรู้แค่ว่านางเคยอยู่หอนางโลมแล้วถูกส่งต่อมาที่กองดุริยางค์ เมื่อพระมเหสีฮีบินยังไม่รู้ประวัติทงอีที่ชัดเจน จึงวางแผนเพื่อให้พระราชาแต่งตั้งทงอีเป็นพระสนม วิธีนี้จะทำให้ได้รู้ประวัติของทงอีทั้งหมด
  
พระมเหสีฮีบิน เข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง ทูลว่าจะแต่งตั้งทงอีเป็นพระสนมและตอนนี้ได้มีคำสั่งออกไปแล้ว ด้านพงซังกุงเมื่อรู้เรื่องก็มาบอกกับทงอี


 

“ท่านซังกุง ไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นพระมเหสีที่ตัดสินพระทัยเรื่องนี้เอง นางกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่คะ?” จองอิม กล่าว
    
“ข้าก็ห่วงเรื่องนี้ ถึงกับตัดสินพระทัยขนาดนี้ เบื้องหลังต้องมีแผนการอะไรอยู่แน่” จองซังกุง กล่าว
  
ทงอีสงสัยว่าทำไมพระมเหสีถึงจะแต่งตั้งตนเป็นพระสนม ระหว่างนั้นพระมเหสีก็เสด็จมาหา

    
“ท่าทางของเจ้า ดูจะตกใจกว่าที่ข้าคิดนะ”
    
“หม่อมฉันได้ยินว่าพระมเหสีเป็นคนทูลเสนอเรื่องนี้กับพระราชา จะบอกได้มั้ยเพคะ ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น”
    
“ทำไม เจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาอื่นแอบแฝงรึ คนที่เห็นคุณค่าของเจ้าคนแรกก็เป็นข้าคนนี้ไม่ใช่หรือ? ก็เหมือนที่ข้าผลักดันให้เจ้าได้เป็นนางใน ข้าว่าตำแหน่งวังหลัง มันก็ดูแล้วเหมาะสมกับเจ้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ หลังจากได้รับแต่งตั้งแล้ว หวังว่าเจ้าจะทุ่มเทรับใช้พระราชา อย่างสุดความสามารถของเจ้าที่มี จริงสิ ไม่รู้ว่าเจ้าได้ยินมารึยังว่า ก่อนจะมีพิธีแต่งตั้ง  จำเป็นจะต้องผ่านขั้นตอนบางอย่างซะก่อน” 
    
“ผ่านขั้นตอนอะไร?”
    
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เป็นขั้นตอนทางธรรมเนียม คือต้องมีการตรวจสอบสาแหรก พ่อแม่หรือประวัติของเจ้าเท่านั้น เมื่อฝ่ายตรวจการณ์มาสอบถาม เจ้าก็ให้ความร่วมมือกับฝ่ายตรวจการณ์ไป”
    
“ตรวจ  ตรวจสอบประวัติ ของพ่อแม่หรือเพคะ” ทงอี หน้าซีด
    
“ถูกต้อง เพราะการเป็นส่วนหนึ่งในราชวงศ์ จะต้องสืบประวัติความเป็นมาของเจ้า ก่อนที่จะรับเข้ามาในราชวงศ์”
  
พระมเหสีฮีบินเห็นทงอีหน้าซีดก็รู้ว่านางต้องมีปัญหาเรื่องประวัติแน่ ด้านทงอีก็รู้ว่าจุดประสงค์ที่แต่งตั้งตนเป็นพระสนมเพราะพระมเหสีต้องการรู้ประวัติของตน
  
เมื่อชอนซู รู้เรื่องจะมีการแต่งตั้งทงอีเป็นพระสนม ก็สอบถามใต้เท้าซอว่าขั้นตอนก่อนจะได้รับแต่งตั้ง และพิธีการนี้จะต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง

“ทำไมเจ้าถึงอยากรู้เรื่องนี้ ก่อนอื่นก็ต้องตรวจสอบพื้นเพประวัติพ่อแม่ แล้วสรุปออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ว่าเจ้าถามถึงเรื่องนี้ทำไมเหรอ?”

“นึกไม่ถึงว่า...จะเกิดขึ้นเร็วอย่างนี้ ทงอี” ชอนซู กล่าว


       
ชอนซูเดินทางมาหาทงอีที่เรือนรับรอง
    
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวข้าน่ะ” ทงอี กล่าว
    
“พวกเค้าทำแบบนี้ก็เพื่อให้เจ้าหวั่นไหว  ตั้งแต่เจ้ากลับเข้าวังมา พวกเค้าก็พยายามค้นหาจุดอ่อนของเจ้า คิดว่าคงจะสืบหาประวัติไม่เจอ  เพราะพี่ได้ทำลายประวัติและหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวของเจ้าไปจนหมดสิ้นแล้ว”
    
“พี่ชอนซูคะ”
    
“พวกเค้าถึงได้ลงมือทำแบบนี้ เพื่อบีบให้เจ้าจนมุมแล้วเปิดเผยเรื่องที่ปิดบังออกมาเอง เจ้าไม่ต้องห่วงนะทงอี จะต้องไม่มีอะไร ที่จริงข้าพอเดาออกแต่แรกแล้ว ถ้าวันนึงเจ้าต้องไปอยู่ในวังหลัง หรืออยู่ตำแหน่งที่สูงกว่านั้น ไม่ว่ายังไงอดีตก็จะถูกพยายามเปิดเผยเข้าสักวัน”
    
“พี่ชอนซูคะ”
    
“ดังนั้นพี่เตรียมวิธีรับมือไว้ให้แล้ว  เพียงแต่ว่า ข้าคิดไม่ถึงว่าทุกอย่างมันจะรวดเร็วขนาดนี้ ดังนั้นนะทงอี ขอให้เจ้าเชื่อใจพี่ ให้เวลาพี่อีกนิดนะ ไม่ว่ายังไง พี่ก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ให้ได้ ไม่ต้องห่วงนะทงอี พี่จะ...ปกป้องเจ้าเอง”
    
“พี่ชอนซูคะ”
  
ยูซังกุง สั่งให้อึนกึมชิบิ เข้าไปตรวจสอบข้อมูลกับกองทะเบียน เพื่อดูข้อมูลประวัติชอนซังกุงก่อนจะเข้าวัง ก่อนประกาศตั้งพระสนมจะต้องมีการร่างโองการ
  
ชอนซู มาหาซอลฮี นางได้เตรียมเรือที่จะไปซึงจูไว้ให้ชอนซูพร้อมแล้ว เขาจึงรีบเดินทางไปทันที ด้านพระเจ้าซุกจงได้เสด็จไปหาทงอี


“โอ้โห แผ่นดินจะแยกอยู่แล้ว ทำไมเอาแต่ถอนหายใจล่ะ”
    
“ฝ่าบาท”
    
“ความรู้สึกที่ได้เดินกับเจ้าแบบนี้มันดี  ถึงจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย ถึงจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม เวลาที่เจ้าไม่อยู่ในวัง ทุกครั้งที่เดินมาที่นี่ ข้ารู้สึกปวดใจทุกทีเลย จนเคยคิดอยากจะถมบ่อน้ำนี้ให้เต็มซะ เพราะมองน้ำทีไร เห็นหน้าเจ้าลอยมาทุกที หึ ๆ ๆ”
    
“ฝ่าบาท”
    
“นั่งก่อนสิ เฮ้อ เจ้าดูเหมือนมีเรื่องอะไรในใจนะ เห็นท่าทางเจ้าแบบนี้ ข้าชักจะเริ่มกลัวแล้วสิ ทงอี เป็น...เพราะเรื่องเมื่อกลางวันเหรอ  เรื่องที่พระมเหสีจะตั้งเป็นพระสนมเหรอ?”
    
“ฝ่าบาท ที่จริง...”
  
พระเจ้าซุกจง รับสั่งให้ใต้เท้าซอเข้าเฝ้า


 “ท่านมาแล้วเหรอ”
    
“ฝ่าบาทต้องการให้กระหม่อมสืบเรื่องชอนซังกุง ขอประทานอภัย ทรงหมายความว่าอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”
    
“เหมือนเด็กคนนั้น มีความลำบากใจอะไรที่พูดไม่ได้ ถึงข้าจะไม่อยากถามว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ข้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้”
    
“ฝ่าบาท เรื่องลำบากใจหรือ?”
    
“ทงอีเคยบอกข้าว่า นางต้องสูญเสียพ่อและพี่ชายไปอย่างไม่เป็นธรรม”
    
“พ่อและพี่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
    
“ใช่แล้ว  เพราะนางเป็นชนชั้นต่ำ นางอาจจะเคยพยายามหนีเพื่อให้พ้นจากการเป็นทาส  แต่อาจถูกฆ่าตายระหว่างหลบหนี  แน่นอนว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเป็นเพราะเรื่องนั้น คงตัดสินว่านางผิดไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ความผิดที่ส่งผลต่อความมั่นคงของบ้านเมือง ข้าก็จะปิดบังให้นาง  ดังนั้น ข้าต้องการรู้ความจริงของเรื่องนี้โดยละเอียด ข้าอยากรู้ว่าข้าเดาผิดรึเปล่า อีกอย่างที่นางบอกว่าพ่อกับพี่ชายต้องตายอย่างไม่เป็นธรรม เป็นเพราะพวกชนชั้นสูงทารุณรึเปล่า”
    
“แต่ว่าฝ่าบาท ทำไมฝ่าบาทถึงทรงคาดเดาอย่างนั้น เป็นเพราะชอนซังกุงทูลฝ่าบาทอย่างนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
    
“ไม่ใช่หรอก ข้าคาดเดาเอาเองน่ะ ที่จริง หลายเดือนก่อน ข้าเคยไปที่หน้าผาที่ทงอีไปกราบไหว้ในวันครบรอบวันตายของพ่อกับพี่”
    
“หน้าผาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
    
“ใช่ บนเขาโอบงซัน เป็นหน้าผาสักจุดนึงแหละ ท่านพอจะรู้จักที่มั้ย”
    
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้จักมันดี”
    
“พ่อและพี่ ของทงอีเสียชีวิตที่นั่น”
    
“เป็นที่นั่นจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ชอนซังกุงสูญเสีย พ่อกับพี่ชายไปบน...หน้าผานั้นจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”
    
“ใช่แล้ว แล้วมันมีเรื่องอะไรเหรอ?”
  
วูนเทค มาหาจองซังกุง


“ท่านคือจองซังกุงใช่รึเปล่า? ส่วนฮังอาคนสวยนี่ คงเป็นจองอิมฮังอาใช่มั้ย?”
    
“ชอนซังกุงได้บอกกับพวกข้าไว้หมดแล้ว  แต่ว่าท่านคนเดียวจะไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอคะ” จองซังกุง ถาม

“แน่นอนอยู่แล้ว แล้วพวกของที่ข้าต้องการล่ะ”

“อยู่นี่หมดแล้วค่ะ มีป้ายผ่านทาง นี่น่าจะเข้าเรือนรับรองได้สบายค่ะ” จองอิม กล่าว
    
“ขอรับ”
    
“เอ่อ แต่ว่า ท่านคิดจะทำยังไงต่อคะ  งานเลี้ยงที่เรือนรับรองมีจางฮีเจเป็นพ่องานอยู่ มีฝ่ายพิธีการเป็นคนดูแล  แล้วท่านจะหาทางเข้าไปใกล้คนพวกนั้นได้ยังไง”
    
“แอบเข้าไป”
    
“หา นั่นน่ะเหรอแผนของท่าน”
    
“ท่าตกใจของท่านเหมือนใครบางคนเลย  ข้าจะแอบเข้าไป ไปบอกชอนซังกุงอย่างนี้แหละ  แล้วท่านจะเข้าใจเอง แหะ ๆ ๆ”
  
มือสังหารเข้ามารายงานฮีเจว่าค่ายที่เปียงยางบอกว่าไม่พบบันทึกทึงลกตัวจริง


 

“ไม่พบเล่มจริง ที่อยู่กับเราเป็นของปลอม ของจริงมันก็น่าจะยังอยู่ที่ค่ายเปียงยาง หรือจะเป็น อย่างที่พระมเหสีว่า นังเด็กชอนทงอีนั่นอีกแล้วรึ”
  
วูนเทค แอบเข้ามาหาคณะทูต อ้างว่าตนเป็นล่ามที่กรมพิธีการ ส่งมา
    
“ล่ามเหรอ”
    
“ขอรับ ก่อนหน้านี้ที่อึยจูข้าก็เคยเจอใต้เท้า ใต้เท้าจำไม่ได้หรือขอรับ ข้ามาเป็นล่ามให้ใต้เท้าจางฮีเจไง ท่านนึกออกรึยังขอรับ”
    
“อ้อ เจ้าพูดมาข้าเพิ่งนึกออก”
    
“ขอรับ ใต้เท้าจางฮีเจมีข้อความฝากมาบอกน่ะ ใต้เท้าเฉินอยู่ข้างในรึเปล่า?”
    
“ใต้เท้าอยู่ เชิญข้างในได้เลย”
    
“ขอรับ”
  
ใต้เท้าซอ มาที่กองปราบแจ้งว่าต้องการดูคดีของคอมเกเมื่อสิบสองปีก่อน เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็เดินทางไปหาทงอี ขณะที่เรือนของทงอี วูนเทค ก็มารายงานเรื่องที่ไปสืบ

  

“พวกเค้ากำลังตามหาบันทึกทึงลกกันอยู่หรือ?” ทงอี ถาม
    
“ขอรับท่านซังกุง พวกเค้ารู้แล้วว่าบันทึกเล่มนั้นเป็นของปลอม ดังนั้นที่พวกเค้ามา ก็เพื่อมาทวงเอาเล่มจริงกับเจ้าจางฮีเจ น่ะ ที่จางฮีเจหน้าซีดเป็นไก่ต้มวันนั้น ก็เพราะเรื่องนี้แหละขอรับ”
    
“พวกเค้ายังไม่รู้ว่าบันทึกเล่มจริง อยู่ที่ไหนใช่รึเปล่า?”
    
“ขอรับท่านซังกุง มีแต่มันเท่านั้น โอกาสที่เราเหลืออยู่ตอนนี้  ก็คือบันทึกทึงลกของจริงนี่”
    
“ท่านซังกุง ข้าน้อยพงซังกุงเองค่ะ”
    
“มีเรื่องอะไรเหรอ” 
    
“ท่านซังกุงท่านแม่ทัพซอมาขอพบค่ะ”
    
“ใต้เท้าซอเหรอ?” ทงอี กล่าวแล้วให้ไปเชิญเข้ามา
    
“ใต้เท้า พวกข้ากำลังมีเรื่องจะบอกท่าน” วูนเทค กล่าว
    
“เจ้าช่วยออกไปก่อนสักครู่จะได้มั้ย” ใต้เท้าซอ กล่าว
    
“เอ๋ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับชอนซังกุง  ขอให้ท่านช่วยออกไปก่อน” วูนเทค กล่าว
    
“ใต้เท้า  มีเรื่องอะไรเหรอ  ไหนท่านบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับข้าไง ใต้เท้า”


“เมื่อหลายปีก่อนนี้ ข้าเคยมีเพื่อนรัก ถึงเค้าเป็นชนชั้นต่ำ แต่ก็เป็นทั้งเพื่อนและครูข้า ข้าถึงได้...เชื่อใจเค้าเหมือนเชื่อใจตัวเอง แต่ว่าท่านพ่อของข้า กลับถูกเค้าฆ่าตาย ข้าเคยเชื่อคนคนนั้นเท่าตัวเอง ถึงแม้ว่าเค้าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มคอมเก  องค์กรของพวกชนชั้นต่ำที่ผิดกฎหมาย แถมพวกเค้ายังออกสังหารบรรดาชนชั้นสูง ผ่านไปหลายปี ข้ายังเฝ้าตามหาลูกสาวเค้ามาโดยตลอด เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่มีชื่อเหมือนกับท่านพอดี” ใต้เท้าซอ กล่าว
    
“ใต้เท้า”
    
“แซ่เช ชื่อทงอี  เด็กคนนั้นคือท่านใช่มั้ย ตอบข้ามาสิ  เด็กผู้หญิงที่ข้าตามหา  ท่านคือเด็กที่ชื่อ...ทงอีใช่รึเปล่า?”
  

* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา