วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 36




เมื่อทูตต้าชิงบีบให้จางฮีเจมอบบันทึกการจัดกองกำลังชายแดนให้ พระมเหสีจางอ๊กจองจึงได้วางแผนให้จัดงานเลี้ยง เพื่อรวมคนของพวกทงอีทั้งหมดให้ไปออกงาน แล้วแอบส่งคนไปค้นหาบันทึกทึงลก แต่ก็ถูกพวกของทงอีซ้อนแผน

เนื้อเรื่อง:





 

  


 

  

 

 

เมื่อฮีเจตรวจสอบแล้วว่าบันทึกทึงลกเป็นของจริง จึงได้นัดใต้เท้าเฉินไปที่หอนางโลมเพื่อมอบบันทึกให้ ด้านวูนเทคที่ถูกพวกแทยินและโฮยอนจับตัวมาหวังจะกำจัดทิ้ง แต่วูนเทคกลับหัวเราะออกมาโดยไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย ไม่นานนักชอนซูก็นำกำลังทหารมาช่วยวูนเทคไว้ ส่วนใต้เท้าซอก็นำกำลังไปจับกุมฮีเจ

 “นี่มันอะไรกัน ทำไมมีทหารบุกมาที่นี่”

 “เป็นทหารองครักษ์ขอรับ พวกเค้าล้อมหอนางโลมเอาไว้หมดแล้ว”

 “อะไรนะ บันทึกทึงลก บันทึกทึงลกล่ะ บันทึกทึงลก ๆ ใต้เท้า เอามาให้ข้า” ฮีเจหน้าตื่นจะเข้าแย่งบันทึกกลับมาจากใต้เท้าเฉิน

 “อะไร” ใต้เท้าเฉินไม่ยอมให้

 “ไม่ได้ยินรึไงหา ข้าบอกให้เอาคืนมา ไปให้พ้น ถ้าไม่อยากตายก็เอาคืนมาเดี๋ยวนี้ เอามา ๆ ข้าบอกให้เอามา”

 ใต้เท้าซอกำลังบุกเข้ามาถึงตัวฮีเจ พอเห็นว่าจวนตัวฮีเจก็คิดจะเผาบันทึกทิ้ง

 “เจ้าทุ่มเทเพื่อจะแย่งมันมาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม ถึงคิดจะเผาทิ้งง่าย ๆ ซะล่ะ” ใต้เท้าซอกล่าวเย้ยหยัน
แท้ที่จริงเรื่องทั้งหมดเป็นการวางแผนของทงอีและวูนเทคที่ซ้อนแผนของพระมเหสีฮีบินและฮีเจ เพราะทงอีมั่นใจว่ากลุ่มพระมเหสีต้องการจะชิงบันทึกทึงลก จึงทำเป็นคล้อยตามยอมอยู่ในงานเลี้ยงปลอบขวัญทูตต้าชิง และให้ใต้เท้าซอทำเป็นส่งทหารองครักษ์ไปร่วมงาน เพื่อให้พวกพระมเหสีตายใจ และได้บันทึกไปง่าย ๆ เพื่อตลบหลังจับคนผิดให้ได้ทั้งหมด


 “ท่านปลอดภัยดีใช่มั้ย ได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?” ทงอีถามวูนเทค

 “ก็แค่ถูกตีไปไม่กี่ที ไม่เป็นอะไรมากหรอก ก็แค่ขยับข้อทีมีเสียงดัง กร๊อบกร๊อบที มันก็ตลกดีออกนะ ฮะ ๆ ๆ” วูนเทคคุย

 “ข้าว่าไม่น่าจะใช่อย่างนั้นนะ ตอนนั้นดูตัวสั่นไม่เบานี่” ชอนซูแซว

 “เหรอ?” ทงอีขำ ๆ

 “เอ๊ะนี่ ๆ ก็เป็นเพราะเจ้านั่นแหละ ถ้าเจ้ามาช้ากว่านี้อีกหน่อย หัวข้าคงหลุดจากบ่าไปแล้ว”

 “ฮะ ๆ ๆ เอาเป็นว่าดีแล้วที่ท่านปลอดภัยดี ข้ายังเป็นห่วงกลัวท่านจะบาดเจ็บเลย”

 “ไม่หรอก ข้าไม่ปล่อยให้เรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นหรอก เราทุกคนต่างก็รอวันนี้กันไม่ใช่เหรอ”

 “ใช่ เราต่างก็รอวันนี้” ทงอียิ้มออกมาที่เรื่องคลี่คลาย

“พระมเหสี คงถึงเวลาที่ทุกอย่างจะพลิกกลับมาสู่ความถูกต้องสักที”

 ด้านพระมเหสีฮีบินพอทราบข่าวเรื่องที่ฮีเจถูกจับพร้อมบันทึกทึงลกที่จะส่งให้ใต้เท้าเฉินก็ตกใจมาก

 “มันเป็นกับดักเหรอ ทุกอย่างเป็นกับดัก ที่เจ้าวางไว้ใช่รึเปล่าทงอี?”


 “เรื่องที่ว่ามันเป็นความจริงเหรอนี่?” พระเจ้าซุกจงตกพระทัย เมื่อใต้เท้าซอกราบทูล

 “ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท พวกเค้าวางแผนจะเอาบันทึกทึงลกเล่มนี้ ไปให้ต้าชิงเพื่อแลกเปลี่ยนกับการรับรองรัชทายาท ต้องขอประทานอภัยที่ไม่ได้ทูลแต่แรก เพราะก่อนหน้านี้พวกเค้ารอดมาได้หลายครั้ง จึงหาหลักฐานมัดตัวให้ดิ้นไม่หลุดอีก”

“เพราะอะไร ทำไมมันถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว พวกเค้ากล้าดูหมิ่นข้า และถึงกับยอมขายชาติบ้านเมืองได้ เพราะอะไร ทำไมถึงทำแบบนี้ได้ เป็นขุนนางบ้านเมืองทำไมทำแบบนี้”พระเจ้าซุกจงร้อนพระทัยไม่คิดว่าพระมเหสีฮีบินจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ จึงมาสอบถามกับทงอี


“เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งแต่ที่อึยจูแล้วใช่รึเปล่าหาทงอี ทงอี”
    
“ใช่แล้วเพคะฝ่าบาท ผู้ช่วยศาลตรวจการ ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อรักษาบันทึกทึงลกฉบับนี้เอาไว้” ทงอีกราบทูล
    
“แล้ว..พระมเหสีล่ะ พระมเหสีก็รู้เรื่องนี้ด้วยรึเปล่า?”
    
“ฝ่าบาท” ทงอีก้มหน้าไม่กล้ากราบทูล
    
พระเจ้าซุกจงถึงกับผิดหวังเป็นอย่างมาก “หะ..”
  
ด้านพระมเหสีฮีบินพอรู้เรื่องที่พี่ชายถูกจับตัว ก็รีบมาหาที่คุมขัง แต่ถูกทหารขวางไว้ 
    
“หลีกทางเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ยินรึไง”
    
“ขอประทานอภัย กระหม่อมหลีกไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
    
“บังอาจนัก นี่เจ้าอยากตายนักใช่มั้ย?”


 “เชิญเสด็จกลับดีกว่าพระมเหสี กระหม่อม ทหารองครักษ์ชาชอนซู” ชอนซูก้มหัวทำความเคารพ
    
“เจ้าคนนี้เอง พี่ชายของชอนซังกุงน่ะ” พระมเหสีฮีบินจ้องหน้าชอนซู
    
“ขอประทานอภัย พระมเหสีไม่อาจเข้าไปข้างในได้พ่ะย่ะค่ะ”
    
“หุบปากนะ ข้าจะไม่พูดเป็นครั้งที่สอง ข้าต้องการพบใต้เท้าจางฮีเจ หลีกทางเดี๋ยวนี้”
    
“ต่อให้กระหม่อมยอมหลีกทางให้ พระมเหสีก็ไม่ได้พบใต้เท้าหรอก” ชอนซูยืนยัน
    
“หา?”
    
“ตอนนี้ใต้เท้าถูกส่งตัวไปคุกหลวง และพระราชาเสด็จไปสอบสวนเรื่องนี้ด้วยพระองค์เองแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ชอนซูบอก พระมเหสีฮีบินถึงกับหน้าซีด
  
พระเจ้าซุกจงได้เสด็จมาไต่สวนฮีเจด้วยพระองค์เอง


“สิ่งนี้สินะ เรื่องที่เจ้าทำไปเพื่อให้มีการรับรองรัชทายาท แต่ถึงทำอย่างนั้น ข้าก็ยังพยายามเชื่อเจ้า ว่าเจ้าทำเพราะเจ้าเป็นลุงของเค้า”
    
“ฝ่าบาท ขอได้โปรดตรวจสอบใหม่ นี่ไม่ใช่ความจริง กระหม่อมถูกใส่ร้าย” ฮีเจรีบบอก พวกของฮีเจก็รีบบอกว่าตนเองถูกใส่ร้ายเช่นกัน
    
“หุบปาก พวกเจ้ายังคิดจะแก้ตัวอย่างไร้ยางอายอยู่อีกงั้นรึ? ทุกคนฟังให้ดี ไต่สวนความผิดให้ถึงที่สุด ลงโทษและทรมานพวกมันอย่าได้หยุด จนกว่าพวกมันจะยอมรับสารภาพ เข้าใจรึยัง?” พระเจ้าซุกจงตรัสเสียงดัง
    
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
    
ใต้เท้าซอจึงสั่งให้ลูกน้องเริ่มการไต่สวนและทรมานฮีเจและพวก เพื่อให้รับสารภาพ
    
ด้านแทพุงและโฮยางพอรู้ว่าความจริงเปิดเผยก็คิดจะหนีเอาตัวรอด แต่จูซิกและยังดัลได้นำกำลังทหารมาจับตัวไว้
  
พวกต้าชิงทราบข่าวจากคณะทูตที่เดินทางกลับไปว่า ใต้เท้าเฉินร่วมมือกับคนของโชซอนทำเรื่องไม่ดีขึ้น ฮ่องเต้จึงส่งขันทีมาเจรจา เพื่อชดใช้การกระทำผิด


“หลังจากที่คณะทูตกลับไป ฮ่องเต้จึงทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่พระประสงค์ของฮ่องเต้อย่างแน่นอน ดังนั้น กระหม่อมขอประทานอภัยด้วย” ทูตแสดงความเคารพพระเจ้าซุกจง
    
“ตัวข้าเองก็เชื่อว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เจตนาของต้าชิงโดยตรง ก็เหมือนกับขุนนางโชซอน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนพวกนั้น ต้าชิงเอง คงจะไม่ต่างกันสินะ แต่ต่อให้เป็นความผิดคนไม่กี่คน การที่ต้าชิงหยามเกียรติข้าและโชซอนคงไม่อาจให้อภัยได้จริงมั้ย?”
    
“นั่นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เกี่ยวกับเรื่องนี้ โชซอนจะเรียกร้องอะไร หรือจะลงโทษคนผิด ขึ้นอยู่กับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้ก็ทรงกำชับในเรื่องนี้มาเช่นกัน” ทูตกราบทูล
  
“ต้าชิงส่งราชทูตกลับมาหรือ?” ทงอีถามจองซังกุง
    
“ค่ะ เค้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเลยมาขอโทษและให้สิทธิพระราชาลงโทษขุนนางต้าชิงได้เต็มที่”
    
“ท่านซังกุง ตอนนี้เรื่องทั้งหมดก็ค่อย ๆ คลี่คลายแล้วนะคะ” จองอิมยิ้ม
    
แต่ทงอียังสีหน้ามุ่งมั่น “ยังไม่ใช่หรอก เพราะยังเหลืออีกเรื่องนึง ตอนนี้พระมเหสียังคงอยู่นอกวัง ตราบใดพระมเหสียังไม่เสด็จกลับ เรื่องทุกอย่างก็ยังไม่ถือว่าจบ” ทงอีคิดที่จะช่วยล้างมลทินให้อดีตพระมเหสีอินฮอน
  
แม้พระมเหสีจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เหล่าขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายใต้ต่างก็พากันกราบทูลว่าพระมเหสีฮีบินไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ทงอีซึ่งเดาเหตุการณ์ออกจึงหารือกับใต้เท้าซอว่านางจะออกหน้าจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะได้เตรียมวิธีพิสูจน์เรื่องนี้ไว้แล้ว ใต้เท้าซอฟังแล้วแปลกใจมากว่าทงอีจะทำอย่างไร
  
ทงอีให้จองซังกุงไปจับตัวยูซังกุงมาไต่สวน ในข้อหาที่เข้าไปค้นห้องพระสนมโดยพลการ



“นี่ท่านไม่ได้ยินงั้นรึ เรื่องที่ท่านเคยเข้าไปรื้อค้นห้องพักชอนซังกุง พวกข้ารู้เรื่องหมดแล้ว” จองซังกุงบอก
    
“หุบปากนะ ข้าไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นเลย” ยูซังกุงปฏิเสธ
    
“ท่านแน่ใจรึ? เรื่องนี้คงต้องไปสอบสวนกันในห้องไต่สวนฝ่ายตรวจการ”
    
“เจ้าว่าอะไรนะ?” 
    
“รีบคุมตัวยูซังกุงและสองคนนี้ไป” จองซังกุงสั่ง บรรดานางในก็กรูเข้ามาจับยูซังกุงเอาไว้ 
    
“จองซังกุง เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึ ข้าเป็นซังกุงสูงสุดของฝ่ายตรวจการ เจ้ามีสิทธิอะไรจะมาจับข้าหา?” ยูซังกุงเสียงดัง แต่จองซังกุงไม่สะทกสะท้าน “ราชโองการไงท่านซังกุง ยืนเฉยทำไม รีบคุมตัวไปสิ”
    
“จะทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่มีหลักฐาน เจ้าทำกับข้าอย่างนี้ได้ยังไง” ยูซังกุงยังเล่นแง่
    
“แล้วถ้าเอาหลักฐานมาล่ะ ท่านจะยอมรับผิดแต่โดยดีมั้ย?”
    
“อะไรนะ” ยูซังกุงตกใจมาก
  
ทงอีไปขอพบพระมเหสีที่ตำหนัก



“เจ้าจะมาดูสภาพตอนจนมุมของข้ารึ? หรือว่าเจ้า..จะมาหัวเราะเยาะเย้ยเพื่อแสดงความสะใจต่อหน้าของข้าคนนี้ล่ะ ถ้างั้นเจ้าผิดแล้ว ข้าไม่ล้มง่ายอย่างนั้นหรอก หรือเจ้าคิดว่า ข้าจะหลุดจากตำแหน่งเพราะเรื่องแค่นี้” พระมเหสีฮีบินยังหยิ่งไม่ยอมรับ
    
“พระมเหสี”


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา