วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 4




นางโลมซอลฮีได้ทำตามคำขอร้องของทงอี ที่จะเข้าไปอยู่ในวัง เพื่อหลบหนีจากการตามล่าของมือปราบและตามหาความจริงในคดี ซอลฮีจึงขอให้ผู้คุมกองดนตรีจูซิก ช่วยรับทงอีเข้าไปในกองดนตรีในวัง

เนื้อเรื่อง



“นี่เป็นเครื่องดนตรีที่มาใหม่ใช่มั้ย?”  จูซิก ถาม

“ขอรับ”

“อันนั้น  อันนี้”

“อะไรนะ”

 “ข้าบอกให้หยิบไปไว้บ้านข้าบ้างไง”

 “หา อีกแล้วเหรอ”

 “ใช่  ไปเอาพิณเก่ามาขัดให้เงาแล้วเอามาเปลี่ยน  เข้าใจรึยัง”

 “แต่ว่าใต้เท้า  อย่างนี้ก็ขโมยน่ะสิ”

 “ขะ ขโมยเหรอ มานี่เลย ขโมยอะไรกันหา ไอ้เจ้านี่ ข้าแค่เอาของมาแลกเปลี่ยนกันนิดหน่อย”

 “หะ”

 “ซอลฮีอยู่ไหนนะ” จูซิกถามถึงนางโลม

 “บ้าชะมัด แล้วชอบมาโทษว่าเราเล่นได้ไม่ดี ทงจูมัวทำอะไรอยู่นะ มันน่าจะมากะซวกเจ้านี่ซักทีนึง” นักดนตรี กล่าว

 “อย่าพูดไปนะ หน้าต่างมีหู” นักดนตรี อีกคนกล่าว

 “เฮ้อ ดันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ อย่างเจ้าทงจูน่ะ เค้าเป็นทั้งคนซื่อ เป็นคนดีจะตายไป จุ๊ ๆ ๆ น่าสงสารออก”

คดีคอมเก ทำให้เมืองหลวงวุ่นวายไปหมด มีข่าวว่ายังมีคอมเกเหลืออยู่ ทำให้ชนชั้นสูงพากันออกจากเมือง ส่วนคนที่ไม่ได้ไป ก็พากันจับข้าทาสของตัวเองมาส่งให้ทางการ ไม่ก็ลงโทษกันเอง เมื่อซอรู้เรื่องก็กลัวว่าบ้านเมืองจะไม่เหลือความสงบสุข จึงได้ไปมอบหมายหน้าที่ให้แทซุกเป็นคนจัดการ 


“ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องจับสมาชิกกลุ่มคอมเกและครอบครัวที่เหลืออยู่โดยเร็ว  มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เมืองหลวงกลับมาสงบสุข เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเพราะข้าน้อยไร้ความสามารถเอง  ถ้าจบคดีนี้แล้ว ทำให้เมืองหลวงกลับมาสงบสุขเหมือนเดิมแล้ว ข้าน้อยขอลาออกจากตำแหน่ง” ซอ กล่าว

“พ่อของเจ้าถูกคนที่ไว้วางใจสังหาร เจ้าเองคงจะเจ็บปวดมากพอแล้ว จะไม่กดดันเกินไปรึ?” แทซุก ถาม

“ขอรับ”

 “งั้นก็แล้วแต่เจ้าเถอะ ข้าจะหาทางช่วยเจ้าอีกแรง”

 “ขอบคุณขอรับ”

 “แต่เรื่องที่เจ้าจะลาออก อย่าเพิ่งไปคิดเลย คนเราไม่ว่าใครก็ทำผิดกันได้ ข้าไม่อยากเสีย คนเก่งอย่างเจ้าไปเพราะเรื่องเล็กแค่นี้ ถ้างั้นข้าฝากด้วยนะ”


 “ท่านลุง ท่านจะให้ผู้บัญชาการซอจัดการ ถ้างั้นข้าก็..” โฮยอน กล่าว

 “เจ้าทำได้ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว”

 “ไม่เป็นไรขอรับ เรื่องนี้ข้าเป็นคนรับผิดชอบมาแต่ต้น คงจะมาหยุดกลางคันไม่ได้”

 “ทำไม  กลัวคนอื่นแย่งผลงานไปเหรอ?”

 “ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้น ท่านลืมแล้วเหรอว่าซอโยงกีเคยเป็นตัวปัญหา ท่านจะเลี้ยงเสือไว้เป็นภัยทำไม?”

“ข้ารู้ดี  แต่ข้าก็ชอบการที่เค้าเป็นเสือ มีแต่เสือที่จะจับสัตว์ร้ายได้ ส่วนจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ จับมาได้อย่างมากก็แค่กระต่าย” แทซุก กล่าว


ผู้ช่วยของซอโยงกี รายงานให้ซอโยงกีรู้ว่า กลุ่มคอมเกที่ถูกจับมีแปดคน คนในครอบครัวอีกประมาณยี่สิบคน พวกที่ยังหนีอยู่ในเมืองอาจจะตามจับได้ แต่ที่หนีไปนอกเมืองคงหมดทางจะตามเจอ 

“ไม่ได้ จะต้องตามจับกลับมาให้หมด  ต้องให้ประชาชนในเมืองรู้ว่าอันตรายถูกกำจัดแล้ว  คนพวกนั้นต้องเลือกซ่อนตัวในที่ที่เราปล่อยปละ ส่งมือปราบไปค้นแถบชานเมืองแถวกอนด๊อกซุงชินและอินชาน ที่มีมือปราบอยู่น้อยที่สุด”

 “ขอรับ ใต้เท้า”

 “ส่วนมือปราบคนอื่น ๆ ให้เฝ้าเส้นทางที่จะไปคังฮา คังฮาเป็นเส้นทางที่ข้ามไปต้าชิงได้ คนพวกนั้นรีบร้อนหนี ถ้าจะหนีพวกเค้าต้องไปคังฮาแน่”

 “ขอรับใต้เท้า”

ทหารยังออกตามจับตัวทงอี ลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มคอมเก แต่นางก็ยังสามารถหนีรอดมาได้จนเจอกับกลุ่มเด็กที่กำลังลอยไฟช่วงปีใหม่ ชายคนหนึ่งได้มอบโคมให้นางนำไปลอยและอธิษฐาน


“ท่านพ่อคะ ท่านเห็นมั้ย มันเป็นสัญลักษณ์ที่ข้าส่งถึงท่าน ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะเชื่อฟังท่านพ่อ  พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป ท่านพ่อคะ พี่ชายคะ พี่ชอนซู ลุงทงแจ ข้าจะไม่มีวันลืมพวกท่านทุกคนเลยข้าจะไม่ทำให้พ่อห่วง จะเข้มแข็งและมีชีวิตต่อไป ขอให้..วิญญาณท่านพ่อบนสวรรค์  ช่วยคุ้มครองทงอีด้วยนะ”

ดอรา เข้ามาขโมยกินข้าวในร้านขายเหล้าจนถูกสาวเจ้าของร้านจับได้แล้วจะนำตัวไปให้กองปราบ แต่ทงอีที่ผ่านมาแถวนั้นได้เข้าไปช่วยจนทั้งสองหนีรอดออกมาได้

“ทงอี นี่เจ้ายังไม่ตายอีกเหรอ?”

“แคดอรา มันอะไรกัน ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่”

 “ทุกคนถูกจับไปหมด ข้ารอดมาคนเดียว ตอนแรกเราจะนั่งเรือหนี แต่สุดท้าย พ่อข้าถูกพวกมันฆ่าตาย พ่อข้าตายแล้ว”

 “แคดอรา เจ้าอย่าร้องไห้นะ อย่าร้องไห้”

 “ทงอี ฮือ ๆ”

 “อย่าร้องนะแคดอรา อย่าร้องไห้”

 ทงอี พาแคดอรามายังประตูผีหลังวัง


“ประตูผี มันเป็นอะไรเหรอ” ดอราถาม

“เวลาที่ในวังมีคนตาย จะเอาศพออกทางประตูนี้” ทงอี บอก

 “อะไรนะ ศพเหรอ?”

 “เบา ๆ สิ ไม่ต้องกลัว คนในวัง..ยกเว้นฝ่าบาทกับเชื้อพระวงศ์จะต้องรีบออกจากวังไปก่อนที่จะตาย ดังนั้นศพที่จะถูกขนออกมาทางนี้ มีไม่เยอะหรอก”

 “จริงเหรอ ใครบอกเจ้าล่ะ?”

“พ่อข้าบอกไว้ ดังนั้นที่นี่จึงปลอดภัย พวกมือปราบค้นหาจนทั่วเมือง แต่ไม่มีทางเข้าใกล้วังหลวงแน่ ไม่มีทางนึกถึงว่าเราจะอยู่ตรงนี้”

“โห เจ้านี่เก่งแม้กระทั่งการหนี ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้เลย”

 “มาห่มนี่เอาไว้ เจ้าหนีมาคนเดียวเหรอ?”

 “อืม อย่าพูดถึงเลย ตอนหนีมาข้าหิวมาก เลยเข้าไปบ้านบ้านนึง ถูกหมาป่ากัดเข้าด้วย”

 “หะ หมาป่า เลี้ยงหมาป่าในบ้านเหรอ?”

 “หมาบ้านเหมือนหมาป่าเลย”

 “อะไรนะ?”

 “จริงนะ เขี้ยวมันยาวแค่นี้ ดูสิ ดูที่ข้าถูกกัด”

 “นี่เจ้าถูกน้ำแข็งกัด เจ้าทึ่ม ทำไมถึงปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ล่ะ”

 “คงจะแข็งไปหมดแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เจ้าก็เหมือนกัน มือเท้าเจ้าแข็งแล้วใช่มั้ย?”

 “นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”

 “ถ้าหากพ่อข้ายังอยู่ ถึงพ่อจะว่าข้าเป็นเด็กบ้า แต่พ่อก็ยังช่วยเป่ามือเท้าให้ข้า ข้าคิดถึงพ่อจัง พ่อตีทุกวันก็ไม่เป็นไร ข้าอยากให้พ่ออยู่ตรงนี้จังเลย”  แคดอรา กล่าว


 “อย่าร้องไห้แคดอรา ถ้าอยากเจอพ่อก็เจอสิ”

 “จะเจอยังไง พ่อตายไปแล้ว”

 “แคดอรา มองบนฟ้านั่นสิ”

 “ฟ้าเหรอ?”

 “พวกท่าน อยู่บนนั้นไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ก็จะมองเห็นท้องฟ้า แสดงว่าพวกท่านยังอยู่กับพวกเราทุกที่”

 ซอโทษตัวเองที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไปหมด แต่ผู้ช่วยของเขาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต้องโทษเชยอวอน จากนั้นก็มีลูกน้องเข้ามารายงานว่าพบลูกสาวหัวหน้ากลุ่มคอมเกแล้ว ทั้งหมดจึงรีบเดินทางออกไปดู

 “ถึงจะแต่งเป็นเด็กผู้ชาย แต่ใช่เด็กคนนั้นแน่ขอรับ” ผู้ช่วยซอ กล่าว

 “แปลว่านางก็ยังไม่หนีออกจากเมืองหลวง นางก็เป็นแค่เด็กคนนึง อากาศหนาวอย่างนี้ คงทนอยู่ได้ไม่นานหรอก”


แคดอราปวดท้องอย่างหนัก เนื่องจากกินเนื้อย่างที่เสียไป ทงอีจึงพาแคอราไปหาหมอ โดยหมอได้ให้ยาเพื่อช่วยอาเจียน ด้านจงคูออกมาตามจับทงอี แต่ยังไม่พบ ก็เจอกับบ่อน จึงหยุดเล่นพนัน

 “เพิ่มอีกสองตำลึง ทั้งหมดสามตำลึง ข้าแทงฝั่งสายแดง” จงคู กล่าว

 “เหอะเห่อ คนที่ชนะไม่ใช่สายแดง ยังมัวยืนอึ้งทำไมข้าบอกแล้วว่าเขียวชนะ” คิมฮวัน กล่าว

“เอ่อ นี่เจ้าคือ..”

 “เปลี่ยนมาแทงเขียว”

 “เฮ้ ๆ ๆ เจ้าทำอะไร”

 “เชื่อข้าเถอะน่า ข้าเห็นเจ้าน่าสงสารถึงได้ช่วย” คิมฮวัน กล่าว

 “หะ แต่เมื่อคืนข้าเพิ่งฝันเห็นหมูเลือดแดงฉานทั้งตัวข้าอยากแทงฝั่งแดง”

 “หมูตัวนั้นก็คือเจ้า เป็นเพราะเจ้าเอาเงินมาแทงพนันหมดตัวเลยถูกเมียแพ่นกบาลเลือดอาบต่างหาก”

 “หะ เจ้าคนคนนี้นี่ พูดบ้าอะไรหา เดี๋ยวก่อน ไม่แทงเขียว แทงแดง แทงสีแดง ไอ้เจ้าบ้านี่” จงคู กล่าว

 “ดี ๆ นั่นแหละ ๆ ดี ๆ”

 “ฮะ ๆ ได้มาเต็มกระเป๋าเลยนี่  ไปก๊งเหล้าแล้วค่อยกลับดีกว่า ฮะ ๆ” คิมฮวัน กล่าว


“ทำไมอาจารย์ถึงเอาวิชามาใช้กับเรื่องแบบนี้ด้วยล่ะ” ศิษย์ของคิมฮวัน ถาม

 “ทำไม อยู่กับข้าแล้วขายหน้ารึไง งั้นก็ไปหาเมฆสักก้อนมานั่งเป็นนักพรตดื่มน้ำค้างสิ”

 “อาจารย์”

 “เป็นไงล่ะ โหงวเฮ้งแบบนั้นอยู่ถึงวันนี้ก็บุญโขแล้ว เจ้าลองดูให้ดี โหงวเฮ้งอับวาสนาอย่างนั้นหายากนะ ซวยถึงขนาดนกยังขี้ลงปากได้ ต่อให้จับหมีได้ก็จะไม่ได้กินดีหมี เชื่อเค้าเลย” คิมฮวัน กล่าว

 แคดอรา รู้สึกตัวก็เรียกหาแต่ทงอี หมอเห็นทงอีเป็นผู้หญิงแต่แต่งตัวเป็นผู้ชายก็เริ่มสงสัย ทงอีเห็นท่าไม่ดีจึงบอกแคดอราให้รีบออกไปจากที่นี่ ทั้งสองวิ่งหนีไปเฉี่ยวชนกับจงคู

 “พวกเด็กไม่มีมารยาท” จงคู กล่าว

 “เห็นเด็กสองคนวิ่งไปทางนั้นรึเปล่า”

“สองคน คนนึงเป็นผู้หญิง อีกคนเป็นผู้ชายน่ะ”

 “เด็กสองคน ทำไมเหรอ?” จงคู ถาม

 “ก็นางเป็นลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มคอมเก” ชายคนหนึ่ง กล่าว

“คอม..เก”

 “พวกเค้าวิ่งไปทางไหนเหรอ?”

 “อะไรนะ โอย ๆ ข้ารู้สึกปวดท้องจะแย่เจ้าช่วยดูให้ข้าหน่อย รีบมาช่วยข้าก่อนเถอะ” จงคู แกล้งเจ็บ


ทงอีบอกกับดอราว่าถ้าจะหนีให้พ้นจากที่นี่ต้องไปที่ประตูผี แต่ให้แยกกันหนีเพื่อไม่ให้ถูกเห็นได้ง่ายแล้วค่อยไปเจอกันที่ประตูผี แต่ระหว่างที่ทงอีจะหนีก็ถูกทหารจับตัวไว้ได้ เมื่อนางเห็นซอก็จำได้ว่าเคยพบกัน

 “ใต้เท้า ใต้เท้า  ข้าน้อยเอง ทงอี ท่านจำข้าไม่ได้เหรอ  ข้าเคยเจอท่านที่กองปราบ ข้าเป็นคนเอาป้ายอันนั้นให้ท่าน ท่านยัง เคยชมข้าว่าข้าทำดีมากอยู่เลย  ใต้เท้า ปล่อยข้าไปเถอะค่ะใต้เท้า โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ฮือ ๆๆ  ตอนนี้ท่านพ่อข้า ท่านพ่อของข้า  ท่านพ่อข้าถูกคนใส่ร้าย พ่อข้าตายอย่างไม่เป็นธรรม ข้าขอร้อง ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ  ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”

“เจ้าไปซะ ไปซะเถอะ  และนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้ไปข้าจะไม่ปล่อยลูกสาวของนักโทษไปอีก ดังนั้น อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าอีก” ซอ กล่าว

 “ท่านพ่อข้าไม่ผิด พ่อข้าไม่ได้เป็นคนทำนะใต้เท้า ข้าเห็นสัญลักษณ์นั้นแล้วสัญลักษณ์มือที่ผู้ตรวจการทำให้ดู ข้าเห็นท่านฮังอาทำสัญลักษณ์นี้ท่านเคยบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญมากนี่ เพราะฉะนั้น ท่านลองไปตามหาฮังอาคนนั้น แล้วไป..”

 “ทางนั้น เด็กนั่นอยู่ตรงนั้น ลูกฆาตกรอยู่นั่น”

 “อย่ายิง หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่ายิงธนู หยุดนะ ๆ  หยุดยิง ข้าบอกให้พวกเจ้าหยุด หยุดเดี๋ยวนี้ เอาธนูลงเดี๋ยวนี้ หยุดนะ” ซอ สั่งทหาร

 “ว้าย..” ทงอี ร้อง

“มีเด็กอยู่ตรงนี้แน่ะ”


ที่หอนางโลม แทยุน และโฮยอน มาคุยเรื่องที่ใต้เท้าโฮจะแต่งตั้งซอโยงกีเป็นผู้ว่าเมืองหลวง ซึ่งตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของโฮยอน

 “เจ้าไม่ต้องตื่นเต้นไปหรอก สิ่งที่ข้าได้มา มีค่ากว่าตำแหน่งนั้นซะอีก” โฮยอนกล่าว

“หือ”

 “เพราะว่าอำนาจ มันไม่ใช่ว่าจะได้มาจากการสืบทอด มันต้องแย่งชิง..ท่านลุงกำลังสอนเรื่องนี้กับข้า ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว  อืม ต้องมาฟังเรื่องไร้สาระ เจ้าคงเบื่อสินะ” โฮยอนกล่าว

 “ข้าน้อยไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น  วางใจได้ค่ะใต้เท้า” ซอลฮี หญิงนางโลม กล่าว

 “ไม่เจอกันนานดูเปลี่ยนไปนะ เจ้าที่เคยเย็นชาเหมือนดอกไม้หิน ยอมเผยยิ้มน้อยน้อยออกมาเป็นด้วย”

 “เพราะว่า ตอนนั้นข้าน้อยมีใครคนนึงในใจแล้ว ถึงทำอาชีพนี้  แต่ข้าน้อยก็รักศักดิ์ศรีมากค่ะ” ซอลฮี กล่าว

 “ทำไมพูดว่าตอนนั้น มันเป็นอดีตไปแล้วรึไงหา?” โฮยอน ถาม

“ค่ะ ผู้ชายคนนั้นไม่อาจอยู่กับข้าได้  สุดท้าย มันก็เลยจบลงไปง่าย ๆ”

 “งั้นรึ  ถ้างั้น  คืนนี้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าได้แล้วสิ”

 “ขออภัยค่ะ  วันนี้ข้าน้อยมีนัดแล้วค่ะ”

 “มีนัด?”

 “ค่ะ ข้าน้อยให้คนของเจ้ากรมพิธีการช่วยบางอย่าง เลยนัดว่าคืนนี้ข้าน้อยจะไปหาที่จวนเพื่อตอบแทนค่ะ”

“หนอยแน่ะ จะบังอาจไปแล้ว ใต้เท้าจริงใจกับเจ้า เจ้ากลับอ้างข้ารับใช้เหรอ?” แทยุน กล่าว

 “ฮะ ๆ ๆ ช่างเถอะ ข้าเรียกนางเพราะนับถือในความถือดี” โฮยอน กล่าว

 “นี่แม่นางซอลฮี  ออกมาข้างนอกหน่อย” ชายคนหนึ่งเรียก

 “ขออภัยด้วยค่ะ ใต้เท้า”

 “ไปเถอะ” โฮยอน กล่าว

 “เป็นแค่นางโลมชั้นต่ำ  ใต้เท้าจะลงโทษนางก็ได้  ทำไมปล่อยให้ทำตามใจล่ะ” แทยุน กล่าว

 “นั่นน่ะสิ  แต่เห็นเด็กคนนี้แล้ว ข้ากลับรู้สึกภูมิใจมากกว่า ที่นางจะตอบแทนคนของเจ้ากรม  เจ้าช่วยไปจัดการให้ที ดอกไม้ที่ข้าไม่ได้ดอมดม  ข้าจะไม่ยอมให้คนอื่นมาชิงเอาไปแน่”

ซอลฮีออกมาพบชายคนหนึ่ง แล้วก็พาไปพบกับทงอี


 “เป็นไง รู้สึกตัวแล้วใช่มั้ยจ๊ะ?”

“ท่านเป็นใครคะ?” ทงอี ถาม

 “เจ้าจำไม่ได้แล้วเหรอ เราเคยพบกันที่กองดนตรีไงจ๊ะ  ไม่ต้องห่วง  เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าชื่อซอลฮี เป็นเพื่อนในกองดนตรีของพี่ชายเจ้า”

 “ท่านบอกว่าพี่ชอนซูเคยฝากให้ท่านดูแลข้าเหรอ?”

 “ใช่จ้ะ หลังจากเกิดเรื่อง เค้าเคยมาหาข้าครั้งนึงน่ะ”

 ซอลฮี สอบถามความเรียบร้อยจากผู้ชายที่จะเป็นคนพาทงอีหนีออกจากเมืองหลวง 

 “ข้าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ข้าเลือกเรือเที่ยวที่คนคึกคักที่สุดไว้”

 “หนังสือรับลูกบุญธรรม ใช้สิ่งนี้ เจ้าจะพาเด็ก ๆ ออกจากเมืองหลวงได้” ซอลฮี กล่าว

 “แต่ว่าตอนนี้ เวรยามตรวจเข้มงวดมาก  ถ้าถูกทางการสอบสวนขึ้นมาล่ะ”


 “ข้าไม่อยากไปจากเมืองหลวง” ทงอี กล่าว

 “ทงอี อะไรนะ เจ้าบอกว่าจะเข้าวังเหรอ?” ซอลฮี ถาม

 “ค่ะ ขอร้องท่านละ ถ้าท่านพอมีวิธี ได้โปรดช่วยให้ข้าได้เข้าวังด้วย”

 “ทงอี”

 “ในเมืองหลวงนี้ ที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือวังหลวง  ข้าได้ยินมาว่าพวกมือปราบจะไม่เข้าไปที่นั่น  และ
จะไม่มีใครที่คิดไปตรวจค้นในวังด้วย เพราะฉะนั้น..”

 “ไม่ได้ทงอี ข้ารับปากชอนซูว่าจะคุ้มครองเจ้า”

 “แต่ข้าจะต้องตามหาท่านฮังอาคนนั้น สัญลักษณ์มือที่ผู้ตรวจการทำ  ฮังอาคนนั้นคงรู้ความหมาย  ข้าเชื่อว่านางจะต้องรู้แน่ว่า สัญลักษณ์นั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่”

 “ทงอีจ้ะ”

“ท่านพ่อของข้า กับพี่ชายของข้าถูกให้ร้ายตายอย่างไม่เป็นธรรม แต่กลับไม่มีใครยอมเชื่อพวกเค้าเลย แม้แต่ท่านใต้เท้าซอ ก็ไม่ยอมเชื่อคำพูดของพ่อข้าแล้ว  เพราะฉะนั้น  ข้าจะต้องสืบให้ได้ว่าเป็นฝีมือของใคร ข้าจะต้องรู้ให้ได้ ข้าเคยรับปาก ท่านพ่อว่าจะต้องอยู่ที่นี่  จะต้องมีชีวิตต่อไป ดังนั้นข้า จะต้องรักษาสัญญานี้ เพราะฉะนั้น โปรดช่วยให้ข้าได้เข้าวังด้วย ขอร้องล่ะค่ะ”









 


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา