วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 41




การที่ทงอีถูกกลุ่มคอมเกคุกคาม ทำให้ได้พบกับแคดอราเพื่อนในสมัยเด็ก ชอนซูพยายามกล่อมแคดอราไม่ให้ฆ่าคนชั้นสูง แต่แคดอราไม่ยอมรับฟัง อีกด้านหนึ่งจางมูยอลได้นำเรื่องนักโทษฝ่ายใต้ที่ถูกเนรเทศนำทรัพย์สินไปช่วยคนยากจนรายงานต่อพระเจ้าซุกจง ทำให้พระเจ้าซุกจงคิดว่าควรจะปล่อยตัวหรือไม่

เนื้อเรื่อง:



ทงอีเห็นสัญลักษณ์คอมเกก็สงสัยรีบถามขึ้น
    
“พวก พวกเจ้าเป็น...”
    
“ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะส่งท่านไปอย่างสบาย”
    
“กลุ่มคอมเกใช่รึเปล่า? สัญลักษณ์นั้น  สัญลักษณ์คอมเก ช่วยบอกข้าทีได้มั้ย พวกเจ้าเป็นสมาชิกของ..กลุ่มคอมเกกันจริงรึเปล่า?”
    
“อะไรนะ  รู้ได้ยังไง ท่านรู้ได้ยังไงกัน?”
    
“อย่ามัวชักช้า รีบฆ่าผู้หญิงคนนี้ซะ”
    
“เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนคนคนนี้จะรู้อะไร  บอกมา ท่านรู้เรื่องของคอมเกได้ยังไง  แล้วรู้ได้ยังไงว่าพวกเราเป็นกลุ่มคอมเก ท่านเป็นพระสนมแต่กลับรู้จักพวกข้า หรือว่าในตอนนี้ทางราชสำนักก็รู้เรื่องนี้แล้ว ไม่ได้ยินรึไง  รีบตอบข้ามาเดี๋ยวนี้”
    
“ข้าว่า..เราไม่มีเวลาแล้ว  เร็วเถอะ”
    
“เพราะท่านพ่อข้า ท่านพ่อของข้าเป็นคอมเกเหมือนกัน”
    
“ห๊ะ?”
    
“ท่านเชยอวอน หัวหน้ากลุ่มคอมเกผู้ก่อตั้งกลุ่มคอมเก ท่านพ่อของข้า เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน”
    
“ท่านได้ยินรึเปล่า ว่านางพูดอะไรอยู่”
    
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ท่านแค่หาข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอด”
    
“ข้าไม่ได้โกหก  เป็นความจริง กลุ่มคอมเกที่พ่อข้าก่อตั้งขึ้น ไม่เคยแกว่งดาบฆ่าใคร แต่พวกเจ้า ทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้  ทำไมคอมเกถึงฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมไร้จิตใจแบบนี้”
    
“หุบปากนะ ท่านเป็นถึงพระสนมจะมาเป็นลูกสาวของท่านหัวหน้ากลุ่มคอมเกได้ยังไงกันหา?  ยืนเฉยทำไม  รีบลงมือสิ  ก็ได้  งั้นข้าจะลงมือเอง”
    
“หยุดก่อน” ชายคนหนึ่งของกลุ่มคอมเก กล่าว
    
“อะไรนะ? 
    
“เป็นความจริงเหรอ ท่านเป็นลูกสาวของ...”
    
“นางกำลังโกหกแน่ ไม่เข้าใจอีกเหรอ นางแค่กำลังปั่นหัวเราเท่านั้น”
    
“แย่แล้วขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว พวกทหารมาแล้ว พวกทหารกำลังจะมาที่นี่”

ผู้ช่วยของมินพาทหารมาซุ่มดูที่ตำหนักจากนั้นก็กลับไปรายงานต่อมินว่า หลังจากพวกนางในกับทหารองครักษ์ไป ก็มีกลุ่มคนน่าสงสัยบุกเข้าไปที่ประทับพระสนมซุกวอน เขาจึงรีบนำทหารเดินทางมา
 
“ไม่มีใครอยู่เลยขอรับ พระสนมซุกวอนก็ไม่ได้อยู่ที่นี่”
 
“ห้ะ แล้วมัวทำอะไร รีบนำทหารออกไปตามหาเร็วเข้า แล้วก็รีบ แจ้งเรื่องไปยังวังหลวง” มินสั่ง
 
“ขอรับ”


 “ถ้าพวกเจ้าตามหาข้าอยู่ ก็ไม่จำเป็นแล้ว” ทงอีเข้ามา
 
“พระสนม”
 
“นี่พวกเจ้าเป็นใครหา ทำไมถึงได้กล้ามาตรวจค้นที่นี่?”
 
“พระสนม”

หลังจากหนีออกมาจากตำหนักลูกน้อง ของดอรา รายงานว่าพวกตนยังไม่ได้ฆ่าพระสนม


“เจ้า เจ้าพูดจริงเหรอ?”
 
“เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นพูดจาแปลก ๆ นางบอกว่า นางเป็นลูกสาวหัวหน้าคอมเกคนก่อน และตอนนั้นมีทหารเข้ามา นางยังช่วยพวกข้าให้หนีออกมาเลย”
 
“ตอนนั้นเหตุการณ์คับขัน พวกข้าอาจจะหลงกลนาง พระสนมของพระราชาจะเป็น..”
 
“ไม่ใช่ นางพูดความจริง พระสนม  ไม่สิ ผู้หญิงคนนั้น เป็นลูกสาวของหัวหน้าคนก่อน นางชื่อทงอี” ดอรา กล่าว

ทงอีไม่พอใจที่พวกทหารบุกเข้ามา

“นี่มันเรื่องอะไรหา ดูจากชุดที่ใส่ คงเป็นทหารของจวนว่าการ”

“พ่ะย่ะค่ะพระสนม ข้าน้อยออกลาดตระเวน ได้รับรายงานว่าที่นี่มีคนบุกเข้ามา ก็เลยรีบมาพ่ะย่ะค่ะ ปลอดภัยดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
 
“ข้าไม่เป็นไรหรอก”
 
“ทหารองครักษ์ที่เฝ้ายามอยู่ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม พระสนม ไม่ทรงเห็นใครที่น่าสงสัยเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
 
“หมายถึงคนที่น่าสงสัยหรือ?”
 
“พ่ะย่ะค่ะ”


“พระสนม” ชอนซู เข้ามา
 
“พี่ชอนซูคะ” ทงอีกล่าว จากนั้นทั้งสองก็ออกไปคุยกันลำพัง
 
“ดีใจจังที่ปลอดภัยอยู่ พระสนม”
 
“มีคนของคอมเกมาที่นี่ค่ะพี่ พวกเค้ามาที่นี่”
 
“พระสนม เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว ข้าถึงได้รีบมาที่นี่ไง”
 
“ท่านรู้ด้วยหรือ รู้ได้ยังไง พี่ชอนซูคะ”
 
“เพราะข้าไปพบ หัวหน้าพวกเค้ามา”
 
“ท่านไปพบหัวหน้าพวกเค้า? แล้วเป็นใครกันล่ะ เค้าเป็นใครกันแน่คะ พี่ชอนซูคะ”
 
“พระสนม ท่านยังจำแคดอราได้มั้ย  เพื่อนเล่นของท่านตอนเด็ก ๆ ที่ชื่อแคดอราน่ะ”
 
“แคดอราเหรอ  เอ่อ อ้อ ข้าจำได้ดี ข้าต้องจำได้สิ แต่ว่าทำไมพี่ถึง...พี่คะหรือว่า..”
 
“ใช่พ่ะย่ะค่ะพระสนม แคดอราก็คือ หัวหน้า กลุ่มคอมเกที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่”

ชอนซูได้ไปหาดอราแล้วบอกเรื่องที่ทงอีได้รับแต่งตั้งเป็นพระสนม ภาพในวัยเด็กระหว่าง ดอรากับทงอีจึงผุดขึ้นมาในใจของดอรา ชอนซู สั่งให้ทหารคุ้มกันพระสนมให้แน่นหนาขึ้น กลุ่มหนึ่งไปขวา กลุ่มสองอยู่ฝั่งซ้าย


“เป็นพวกขโมยงั้นรึ?” มินถาม
 
“ถูกต้องแล้ว คงฉวยโอกาสที่องครักษ์ไม่อยู่ โจรขโมยแถวนี้ก็เลยฉวยโอกาสบุกเข้ามา  โชคดีที่พระสนมทรงปลอดภัย  ดังนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วงเชิญกลับไปเถอะ”
 
“แต่เรื่องนี้ ไม่ได้เกิดที่อื่น แต่ว่าเป็นที่ประทับของพระสนมซุกวอน ยังไงก็ต้องรายงานให้เบื้องบนทราบ..”
 
“ฟังข้านะ พระสนมกังวลพระทัยมากว่าเรื่องนี้จะทำให้พระราชากังวลโดยใช่เหตุ  ทางจวนอย่าได้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ดีกว่า เรื่องคุ้มครองความปลอดภัยของพระสนม เป็นหน้าที่ทหารองครักษ์ข้าจะไปรายงานท่านแม่ทัพเอง  ไม่ต้องทำให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้ เข้าใจรึเปล่า?”
 
“ขอรับใต้เท้า” มิน กล่าว และยังสงสัย

ทงอี บอกกับชอนซูว่าต้องการพบดอรา เขาจึงพาทงอีไปยังที่หลบซ่อนของดอรา


“แคดอรา เจ้าคือแคดอราใช่มั้ย? เจ้าก็คือ แคดอราเพื่อนของข้าใช่มั้ย?”
 
“ทงอี มันเป็นความจริง นี่เจ้ากลายเป็น  เจ้ากลายเป็นพระสนมไปแล้ว” ดอรา กล่าว
 
“แคดอรา”      
 
“พระสนมเหรอ? ข้าคงจะบ้าไปแล้ว ข้าไม่ควรเรียกอย่างนั้น ข้าควรจะ..เรียกเจ้าว่าพระสนม”
 
“อย่าพูดอย่างนี้สิแคดอรา ข้าก็คือทงอีไง ทงอีที่เป็นเพื่อนเล่นของเจ้า ข้าจำไม่ได้เลยนะเนี่ย กลายเป็นผู้ชายที่เป็นผู้นำอย่างนี้ ถ้าไม่บอกข้าคงจะจำเจ้าไม่ได้แน่ ไม่สิ ไม่ใช่หรอก  ไม่ว่าอยู่ที่ไหนขอแค่ได้ยินชื่อเจ้า ข้าก็ต้องจำได้แน่  เพราะคนที่ชื่อแคดอรา คงมีแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้น เป็นเพราะพ่อเจ้า อยากให้เจ้ามีอายุยืน ก็เลยไปขอให้จ้าวตั้งชื่อนี้ให้ ฮิ ๆ ๆ เจ้าก็เลยมีชื่อแบบนี้ไง”
 
“นั่นสิ เจ้าพูดถูก ขอโทษนะทงอี ถึงข้าจะได้ยินว่า พระสนมเคยเป็นชนชั้นต่ำ แต่นึกไม่ถึงว่า จะเป็นเจ้าได้  ถ้าข้ารู้มาก่อน ข้าคงไม่..คงจะไม่..”
 
“อย่าพูดอย่างนั้นแคดอรา นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
 
“ทงอี”
 
“แต่ว่า ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าอย่างนึง ทำไมทำอย่างนั้น ทำไมกลุ่มคอมเก..”
 
“เรื่องนี้เรา..อย่าไปพูดถึงดีกว่า ถึงเจ้าจะกลายเป็นพระสนมแล้ว แต่เจ้าก็ยังเป็นเพื่อนของข้า ดังนั้นข้าไม่อยาก..คุยเรื่องนี้กับเจ้า”
 
“แคดอรา”

ชอนซู มาพบแคดอรา ขอร้องให้หยุดฆ่าคนชั้นสูง


 “เรื่องที่พี่ชอนซูอยากพูดกับข้า ข้ารู้ดีทุกอย่าง แต่ข้าคิดว่ามันคงจะไม่มีประโยชน์ เพราะข้าจะไม่หยุดทำเรื่องนั้นแน่นอน ดังนั้นจากนี้ไป ข้าจะไม่มาพบทงอีและพี่อีกแล้ว”
 
“แคดอรา การแก้แค้นไม่ใช่เจตนาของท่านหัวหน้า ไม่ใช่จุดประสงค์ของการตั้งคอมเก”
 
“แต่ว่าข้าตั้งกลุ่มคอมเกมาด้วยจุดประสงค์นี้”
 
“แคดอรา”
 
“ไม่อยากให้แก้แค้นจอมเวรรึ ผิดแล้ว ทั้งท่านหัวหน้า พ่อข้ารวมถึงพี่ คิดผิดกันหมด พวกเราทำแบบนั้นสุดท้ายแล้วได้อะไร ก็มีแต่ต้องตายด้วยน้ำมือของพวกชนชั้นสูง ข้าเห็นมันกับตา ตาทั้งสองข้างมองดูทุกคน ในครอบครัวถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ข้าต้องเห็นภาพท่านพ่อของข้า..ค่อย ๆหมดลมหายใจไป ข้าต้องเสียท่านพ่อไป ต่อหน้าต่อตาของข้าเอง ภาพทุกคนที่หนี มาซ่อนตัวกับท่านพ่อข้า แล้วถูกทางการฆ่าอย่างโหดร้าย ข้าเพียงคนเดียว..ที่ได้เห็นเรื่องราวทุกอย่างนี้ พ่อข้าทำความผิดอะไรพี่ชอนซู  แล้วญาติพี่น้องกลุ่มคอมเกพวกเค้าทำผิดอะไรงั้นรึ? แล้วเมื่อไหร่เราจะมีชีวิตได้อย่างคน ทำงานหนักเหมือนวัวเหมือนม้า ถูกปฏิบัติเหมือนหมาเหมือนหมู ทั้งที่หวังแค่มีชีวิตอยู่รอดเท่านั้น แต่ทุกคนกลับต้องมาถูกฆ่าตายอย่างไม่เป็นธรรมสักนิด เพราะเราเป็นชนชั้นต่ำ เพราะว่าเราเกิดมาเป็นชนชั้นต่ำน่ะ”
 
“แคดอรา”
 
“หนี้เลือดพวกนี้ จะต้องล้างแค้นพวกมันด้วยเลือด ความเจ็บปวดต้องตอบแทนด้วยความเจ็บปวด  มีแต่วิธีนี้ พวกมันถึงเข้าใจถึงความเจ็บปวดที่ต้องหลั่งเลือด”
 
“แคดอรา ข้าเข้าใจว่าเจ้าทรมานยังไง  เพราะข้าเคยผ่านความรู้สึกนั้นมา ข้าเคยคิดว่าถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากฆ่าพวกชนชั้นสูงทุกคนเหมือนที่เจ้าทำ แต่ว่าเราไม่มีสิทธิเหมือนที่พวกเค้าไม่มีสิทธิฆ่าชนชั้นต่ำ ไม่มีสิทธิฆ่าคน ไม่ว่าเป็นชนชั้นสูงหรือชนชั้นต่ำ หรือว่าใครก็ไม่ควรถูกฆ่าหรอก”
 
“พี่ชอนซู”

“กลุ่มคอมเก หยิบดาบเพื่อให้มีชีวิตอยู่  ไม่ได้อยู่เพื่อฆ่าล้างแค้นใคร เราหยิบดาบเพื่อคุ้มครองชนชั้นต่ำ ที่ไม่มีใครสามารถคุ้มครองเค้าได้เท่านั้น แต่ถ้าหยิบดาบขึ้นมาแล้วทำความผิดเช่นเดียวกับที่พวกชนชั้นสูงทำ เจ้าก็ไม่ใช่คอมเกอีกแล้ว เจ้าเป็นคนบาป แคดอรา” ชอนซู กล่าว
 
ทงอีพยายามพูดให้ดอราเลิกฆ่าคนชั้นสูง


 “ถ้าพวกท่านอยากจะแจ้งทางการมาจับข้า  ข้าจะไม่ตัดพ้ออะไรเลย เพราะข้าเองก็คิดว่าต้องเป็นแบบนี้แต่แรกแล้ว” ดอรา กล่าว
 
“นี่เจ้า...เจ้าคิดว่าข้าจะทำแบบนั้นเหรอ เจ้าคิดว่าพี่ชอนซูจะทำแบบนั้นกับเจ้าได้งั้นเหรอ ขอร้องละแคดอรา อย่าทำให้คนบริสุทธิ์ต้องล้มตายอีกเลย คนที่เราควรไปแก้แค้นไม่ใช่คนพวกนั้น แต่เป็นคน ที่ทำให้กลุ่มคอมเกต้องล้มตายอย่างไม่เป็นธรรม เราต้องตามหาคนคนนั้น พี่ชอนซูกับข้ากำลังตามหามันอยู่ เพราะฉะนั้น พวกเจ้าช่วยรอกันอีกหน่อยได้มั้ย ก่อนที่เราจะจับพวกเค้ามาลงโทษ ข้าขอให้เจ้าหยุดฆ่าคนก่อนได้มั้ยหา? แคดอรา แคดอรา”

พระสนมทงอีตรัสถามพงซังกุงเรื่องคัมภีร์ที่ให้ไปหา เมื่อรู้ว่าได้มาหมดแล้ว ก็สั่งให้ไปตามชิมวูนเทคมาพบในตอนฟ้าสาง จากนั้นชอนซูก็มาเข้าเฝ้า


“ความหมายของสัญลักษณ์  ข้าต้องรู้ให้ได้ค่ะพี่ชอนซู  ดังนั้นข้าอยากขอให้ท่าน ช่วยจับตาแคดอราเอาไว้ อย่าให้เค้าไปทำความผิดอีกเลย”
 
“แต่เรื่องกลุ่มคอมเก  คิดว่าคงปิดบังอีกไม่ได้แล้ว”
 
“เรื่องนั้นข้ารู้ และอดีตของข้าก็...ไม่สามารถปิดได้เช่นกัน”
 
“แต่พระสนม..”
 
“เมื่อแคดอรา ได้ก่อตั้งกลุ่มคอมเกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เรื่องนี้ยังไงก็ต้องถูกสืบรู้  และเมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็ไม่คิดจะหลบซ่อนอีกต่อไปค่ะพี่  ตอนแรกคิดว่า ความจริงทุกอย่างจะปิดบังไปได้  ข้าไร้เดียงสาเกินไปพี่ชอนซู มันปิดไม่ได้ตั้งแต่ต้น และก็เป็นไปไม่ได้ด้วย แต่ยังไง  ข้าจะให้ทุกอย่างจบแบบนี้ไม่ได้ ก่อนหน้านั้น ต้องหาตัวคนที่บีบให้ท่านพ่อและกลุ่มคอมเก ให้เดินเข้าสู่ความตาย  ข้าจะจับพวกเค้าด้วยมือข้าเอง”
 
“พระสนม”

มูยอล ที่เป็นเจ้าเมืองฮันยางมาเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง


“เจ้าเข้ามาสิ รายงานนี่ เจ้าเป็นคนส่งมาใช่มั้ย?”
 
“พ่ะย่ะค่ะ  กระหม่อมถวายขึ้นมาเอง”
 
“พวกขุนนางที่ถูกเนรเทศ เอาทรัพย์สินของตัวเองไปบริจาคช่วยเหลือชาวบ้านที่อดอยากจริงหรือ?”
 
“ใช่ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท  ในจำนวนนี้ยังรวมถึงจางฮีเจด้วย นักโทษหลายคนที่ถูกเนรเทศได้เอาทรัพย์สินตัวเองออกไปบริจาคช่วยเหลือคนที่อดอยาก กระหม่อมได้ทราบเรื่องนี้มานานแล้ว  แต่ก็ยังไม่ได้ทูลรายงานกับฝ่าบาท เพราะว่าพวกเค้าเป็นนักโทษที่ถูกเนรเทศ อีกอย่าง กระหม่อมเป็นขุนนางกลุ่มฝ่ายใต้ จึงกลัวว่าฝ่าบาทจะเข้าพระทัยผิดว่ากระหม่อมปกป้องเค้า แต่ว่า ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องกราบทูลคุณความดีของพวกเค้าตามตรง นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ขุนนางควรจะกระทำ  กระหม่อมจึงได้ถวายฎีกาทูลขอต่อฝ่าบาท”
 
“เจ้าเมืองฮันยาง จางมูยอลเป็นคนเที่ยงตรงมาก  เป็นเรื่องที่เค้าสืบมา ย่อมไม่ผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ” ข้าหลวง กล่าว
 
“ข้าถึงได้รู้สึกแปลกใจไงล่ะ คนพวกนั้นทำเรื่องแบบนี้เหรอ?”
 
“โดยเฉพาะแถบซัมนัม ถ้าไม่ได้เงินช่วยเหลือจากทรัพย์สินของจางฮีเจมา คงไม่อาจบรรเทาความอดอยากของชาวบ้านได้”
 
“จางฮีเจ?” พระเจ้าซุกจง ตรัส
 
“ฝ่าบาท พระอาญาไม่พ้นเกล้า ตอนนี้ขุนนางฝ่ายใต้ที่ถูกเนรเทศ ยังไม่มีใครกลับมาเมืองหลวงเลยสักคนเดียว ถึงแม้พวกเค้าจะมีความผิดใหญ่หลวง แต่การลงโทษครั้งนี้ก็อาจจะดูรุนแรงเกินไปบ้าง ตอนนี้มีเหตุการณ์ที่กลุ่มคอมเกออกฆ่าคนจนเมืองหลวงเกิดวุ่นวาย ในเวลาเยี่ยงนี้ ราชสำนักยิ่งต้องการขุนนางมีประสบการณ์มาร่วมงานกันพ่ะย่ะค่ะ”
 
“เฮ้อ..”

แทพุง โฮยาง และพัค ต่างรอข่าวจากวังหลวงอย่างใจจดใจจ่อ ว่าพระเจ้าซุกจงทรงตัดสินพระทัยอย่างไร ส่วนจางฮีเจก็เช่นกัน ได้ตั้งความหวังว่าจะกลับเข้าเมืองหลวงให้ได้
 
อินกุ๊ก เข้าเฝ้าถวายรายงานพระมเหสีอินฮอน เรื่องฎีกาของเจ้าเมืองฮันยาง


 “หมายความว่า พระราชากำลังพิจารณาว่าควรจะยอมให้กลุ่มฝ่ายใต้กลับมารึเปล่ารึ?”
 
“พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี พวกเค้าถึงกับยอม บริจาคทรัพย์สมบัติของตัวเอง ไปช่วยคนยากจน  เหมือนกับว่าพวกเค้าได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว”
 
“ก็หมายความว่า พวกเค้ายอมเดิมพันทุกอย่างแล้ว”
 
“พระมเหสี แล้วจะทำยังไงเพคะ พระราชาทรงมีพระเมตตากับประชาชน คงไม่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้แน่”
 
“ถูกต้อง  อีกอย่างตอนนี้เมืองหลวงกำลังวุ่นวาย พวกเค้ามีเหตุผลมีน้ำหนักมากพอที่จะได้กลับมาอีกครั้ง”

วูนเทค มาเข้าเฝ้าพระสนมซุกวอน เมื่อเห็นหนังสือก็ทูลถามว่าเป็นหนังสืออะไร ทงอีจึงบอกว่าเป็นคัมภีร์หก ที่อาจจะทำให้พบความหมายของสัญลักษณ์มือในนี้ก็เป็นได้  


“กวี ประวัติศาสตร์ อี้จิง จริยา ชุนชิว ดนตรี หกเล่มรวมกันเป็นคัมภีร์หก ได้รับการยอมรับจากทางใต้ ว่าเป็นคัมภีร์สำคัญฉบับดั้งเดิม ข้าถึงได้คิดว่า จะลองค้นหาจากทั้งคัมภีร์หกเล่มนี้ดู ถ้าหากสัญลักษณ์มือนั่น..เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันในหมู่ขุนนางฝ่ายใต้  เราก็อาจจะพบคำตอบจากในนี้ก็ได้นะ?”
 
“อย่างอี้จิงมี 64 ลักษณ์ ก็ทำเป็นสัญลักษณ์มือได้ ดังนั้นปริศนาอาจจะมาจากตรงนี้ก็ได้นะ”
 
“ใช่ ท่านเข้าใจถูกแล้ว”
 
“แต่ว่าคัมภีร์หก มีเนื้อหากว้างจนเดาได้ยาก จะรู้ได้ไงว่าจะเกี่ยวข้องกับส่วนไหนน่ะ?” วูนเทค ทูลถาม
 
“ข้ารู้ดี  ว่ามันไม่ใช่ง่าย แต่ว่าพวกเราไม่มีเวลาอีกแล้ว  จะต้องรีบไขปริศนาเรื่องสัญลักษณ์มือนี้”
 
“พระสนม หรือว่า..มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก คราวก่อนก็เป็นอย่างนี้ จู่ ๆ ท่านก็เกิดกังวลแบบนี้ขึ้นมา”

ชอนซู เดินทางมาหาใต้เท้าซอรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือกลุ่มคอมเก เขาจึงถูกใต้เท้าซอตำหนิที่รู้เรื่องแล้วไม่รายงาน


 “ข้าขอโทษขอรับใต้เท้า” ชอนซู กล่าว
 
“นี่ผู้คุมชาชอนซู” ใต้เท้าซอ กล่าว
 
“แต่ว่า  ข้าไม่ได้ขอให้ท่านช่วยปิดบังเรื่องนี้ และข้าก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ เหมือนที่ฆาตกรที่ฆ่ากลุ่มคอมเกที่บริสุทธิ์ต้องถูกลงโทษ คนฆ่าชนชั้นสูงบริสุทธิ์ก็ต้องถูกลงโทษเช่นกันแต่ว่าข้าอยากขอเวลาให้พวกข้าอีกหน่อย พระสนมซุกวอนเองทรงทราบว่าจากนี้ไป คงไม่สามารถปิดบังอดีตที่แท้จริงได้ แต่ก็ยังอยากตามหาฆาตกรตัวจริงได้ก่อน ก่อนจะถึงตอนนั้น ข้าอยากขอร้องให้ใต้เท้าช่วยเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน  ให้พระสนมมีเวลาตามหาคนอยู่เบื้องหลังก่อน” ชอนซู กล่าว
 
“แต่ข้าว่า มันคงไม่ง่ายอย่างนั้น คดีที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงตอนนี้ จวนว่าการเป็นคนรับผิดชอบ เข้าใจรึเปล่า  ถ้าจางมูยอลจับพวกกลุ่มคอมเกมาได้ซะก่อน เรื่องทุกอย่างก็คงจะสายเกินไป”

มูยอล สั่งให้มินแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมตัว หลังจากมีราชโองการให้นำตัวนักโทษที่ถูกเนรเทศรวมถึงนักโทษจางฮีเจกลับเมืองหลวงในทันที มินได้รายงานมูยอลเรื่องที่มีคนบุกเข้าไปในที่ประทับพระสนมซุกวอนเมื่อคืน


 “แล้วทำไมเจ้าถึงเพิ่งมาบอกข้าเอาตอนนี้”
 
“เพราะเมื่อคืนดึกมากแล้ว เลยไม่กล้ามาใต้เท้า แต่ว่า..”
 
“เจ้ามันไม่ได้เรื่องจริง ๆ  เจ้ายังกล้ามาหาข้ออ้างอีกรึ?”
 
“ขออภัยขอรับ”
 
“จะต้องมีอะไรแน่  เกิดเรื่องถึงขนาดนี้ แต่กลับปิดเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกนั้นต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ ข้าต้องการดูศพทหารองครักษ์ที่ถูกฆ่าในที่ประทับ ส่งคนไปตรวจสอบว่าศพพวกนั้นถูกส่งไปที่ไหน”
 
“ขอรับใต้เท้า”

จองซังกุง มาหาใต้เท้าซอ ขอร้องให้บอกว่าเกิดเรื่องอะไรกับพระสนม


 “ท่านซังกุง”
 
“พระสนมปิดบังอะไรบางอย่างกับพวกข้าเพราะไม่อยากให้พวกข้ามีอันตราย  แต่เราต้องรู้ว่าเรื่องอะไร พวกข้าถึงจะคุ้มครองความปลอดภัยพระสนมได้” จองอิม กล่าว

“ใต้เท้า ถือว่าข้าขอร้องล่ะ เรื่องที่พระสนมพยายามปิดบังคืออะไรคะ?”

ใต้เท้าซอไม่ยอมบอกเรื่องที่ปกปิดแก่จองซังกุง นางจึงคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว
 
“พระสนมซุกวอนเคยพูดกับข้าเมื่อนานมาแล้วว่า ท่านไม่มีคุณสมบัติที่คู่ควรจะได้อยู่เคียงข้างกับพระราชา บางทีคำพูดในตอนนั้น อาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตอนนี้ก็ได้” จองซังกุง กล่าว
 
“ท่านซังกุง”
 
“ถ้าพระสนมเกี่ยวข้อง กับคดีความผิดบางอย่างอยู่ เจ้าจะทำยังไง เจ้าจะยังติดตามรับใช้ท่านมั้ย?” จองซังกุง กล่าว

ยังดัล เห็นทงอีมาพบดอรา พร้อมกับชอนซู จึงนำเรื่องนี้ไปบอกกับจูซิก


“แต่ฟังดูแล้ว เหมือนมีเรื่องลับลมคมในเลย บรรยากาศที่ประทับก็ประหลาด วันก่อนนะ พระสนมก็ปลอมตัวแอบออกไปข้างนอก” จูซิก กล่าว
 
“ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่รู้สึกไม่ดีเลยนะ” ยังดัล กล่าว
 
“หยุดปากสักทีเถอะ พระสนมจะมีเรื่องไม่ดีได้ไง องค์ชายก็เจริญชันษาพระวรกายแข็งแรง”
 
“จริงนะ จะไม่มีเรื่องแน่นะ” ยังดัล กล่าว
 
“ปัดโธ่” จูซิก อุทาน

มูยอล มาที่กองปราบเพื่อดูศพที่ถูกส่งมาจากที่ประทับของทงอี


“แผลแบบนี้..”
 
“มีอะไรหรือขอรับ”
 
“ศพชนชั้นสูงที่ถูกกลุ่มคอมเกฆ่าตายวันก่อนอยู่ไหน ลักษณะแผลเหมือนกัน” มูยอล กล่าว
 
“หะ?”
 
“กลุ่มคอมเก พวกที่บุกเข้าไปที่ประทับพระสนมคือคอมเก ถ้าหากพวกนั้นจะสังหารพระสนมทำไมถึงได้จากไปเฉย ๆ ทำไมพระสนมจะต้องพยายามปิดบังเรื่องนี้ด้วย”
 
“ใต้เท้า”
 
“หรือว่า เหตุผลที่พระสนมซุกวอนออกไป..” มูยอล กล่าว

ขันที เข้าเฝ้ารายงานพระเจ้าซุกจงเรื่องที่พระสนมเสด็จกลับไปประทับอยู่กับองค์ชายที่ตำหนักโบคยอง แล้ว พระเจ้าซุกจงจึงรีบเสด็จไปหา


 “ทงอี”
 
“ฝ่าบาท”
 
“อ้อ ไม่เป็นไร ไม่ต้องลุกขึ้นหรอก เฮ้อ พอกลับมาถึงวัง เจ้าก็รีบไปดูองค์ชายก่อนข้าอีก ผิดหวังจริง ๆ หรือว่า ข้าไม่ใช่คนโปรดของเจ้าแล้ว”
 
“ไม่ใช่เพคะ จะเป็นไปได้ยังไงเพคะ”
 
“ถ้าบอกว่าเป็นไปไม่ได้ กลับถึงวังแล้วก็น่าจะมาบอกข้าก่อนสิ”
 
“เพราะว่า หม่อมฉันกลัวว่าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับฝ่าบาทไม่ได้น่ะเพคะ”
 
“สัญญา?”
 
“ก็หม่อมฉันเคยบอกว่ากลับมาแล้วจะให้ฝ่าบาทได้เห็นรอยยิ้มสดใส แต่หม่อมฉันกลัวว่า จะทำไม่ได้น่ะเพคะ”
 
“อะไร เจ้าก็เลย..ไม่คิดจะมาพบข้าเพราะเรื่องนี้เหรอ ถ้าเจ้ายังยิ้มไม่ออก ข้าก็จะแหย่ให้เจ้ายิ้มเอง”
 
“ฝ่าบาท”


 “ฮะ ๆ ๆ แต่เอาเป็นว่า ได้เห็นเจ้ากลับวังมาข้าก็โล่งใจ คอมเกทำให้คนหวาดกลัวไปทั่ว ข้าเองก็กลัวว่าเจ้าจะมีอันตรายถ้าอยู่ที่นั่น ฮะ ๆ ๆ” พระเจ้าซุกจง ตรัส
 
“ฝ่าบาท มีเรื่องนึง ที่หม่อมฉันอยากจะถามความเห็นของฝ่าบาท”
 
“เอาสิ บอกมาเลยว่าเรื่องอะไร”
 
“ไม่ทราบฝ่าบาท มองคดีที่คอมเกก่อขึ้นยังไงเพคะ?”
 
“หมายความว่ายังไง มองคดีกลุ่มคอมเกยังไงน่ะหรือ? ทงอี”
 
“ตอนนี้ พวกเค้าเข่นฆ่าชนชั้นสูง ทำให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบขึ้น เป็นความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้ เรื่องนี้หม่อมฉันทราบดีเพคะ”
 
“อืม”
 
“ถึงอย่างนั้น ฝ่าบาทจะทรงลองคิดดูสักนิดได้มั้ยเพคะว่าเหตุผลที่ชนชั้นต่ำเลือกจะลุกขึ้นมาถือดาบคืออะไร บางทีถ้าพวกเค้าไม่เลือกทำแบบนั้น พวกเค้าคงไม่อาจรักษาชีวิตตัวเองและครอบครัวให้อยู่รอด อยู่บนแผ่นดินนี้ก็ได้เพคะ”

วูนเทค มาพบใต้เท้าซอ หารือเรื่องคัมภีร์      


“ไม่ว่าจะดูยังไง ก็ยังไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย ต่อให้เกี่ยวข้องกับตัวเลขพวกนี้ แปดกับห้า แล้วก็ตัวเลขสิบกับห้า หมายถึงอะไรกันแน่”
 
“แล้วบัณฑิตที่เชี่ยวชาญคัมภีร์ ว่ายังไง?” ใต้เท้าซอ ถาม
 
“คำตอบก็ยังเหมือนกันหมด ข้อมูลแค่ไหน ไม่สามารถวิเคราะห์อะไรได้เลย”

มูยอล สั่งกำลังทหารทั้งหมดของเมืองฮันยาง ออกตามกวาดล้างกลุ่มคอมเกในเมืองหลวงให้หมดสิ้น ด้านจูซิก ได้มาขอเข้าเฝ้าทงอี


 “เชิญนั่งก่อนสิคะ นี่มัน..”
 
“กระหม่อมไปที่หอนางโลม ซอลฮีเลยฝากให้นำมาถวาย..พระสนม นางบอกว่า หวังว่าจะช่วยปลอบพระทัยได้ ฮะ ๆ เอ่อ พระสนมมีเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ ยังดัลบอกบางอย่างกับกระหม่อม พระสนมมีพระพักตร์แบบนี้ กระหม่อมเห็นแล้วเป็นห่วงมาก พระสนม ทรงมีเรื่องอะไรรึเปล่า กระหม่อมจะช่วยแบ่งเบาได้บ้างมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

ทงอีร้อนใจ จึงอธิษฐานให้พ่อและพี่ชายช่วย
 
“ท่านพ่อคะ พี่ชายคะ ตอนนี้ข้าควรจะทำยังไง ยิ่งนานข้ายิ่งรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่ว่าจะเรื่องสัญลักษณ์มือ หรือว่าฆาตกรที่ใส่ร้ายกลุ่มคอมเกที่บริสุทธิ์ ข้าอาจหาไม่เจอก็ได้ เพลง ตัวโน้ต แปด ห้า สิบ ห้า หรือว่าจะเป็น..”

ทงอี สั่งให้ใต้เท้าซอ และวูนเทค เข้าเฝ้า บอกกับทั้งสองว่าตนรู้คำตอบแล้วมันคือตัวโน้ตสิบสองตัว

  
  

 “พระสนม หมายความว่ายังไงพ่ะย่ะค่ะ”
 
“นี่ไงล่ะ มีคนของกลุ่มฝ่ายใต้ บรรจุคัมภีร์ดนตรีเพิ่มในคัมภีร์ห้า แล้วจัดหมวดให้เป็นคัมภีร์หกแทน แสดงว่าพวกเค้าให้ความสำคัญกับดนตรีมาก”
 
“พระสนมทรงหมายความว่า ความลับนี้น่าจะซ่อนอยู่ในโน้ตสิบสองตัวหรือ?” ใต้เท้าซอ ทูล
 
“ใช่ เสียงที่แปดในเสียงดนตรี อิมจอง เสียงที่ห้า โคซอน เสียงที่สิบ นัมยอ และเสียงที่ห้า ก็กลับไปที่โคซอนอีก แค่โน้ตพวกนี้คงบอกอะไรไม่ได้ แต่เอาอักษรตัวแรก ของอิมจองกับนัมยอออกมา แล้วก็เอาอักษรของเสียงที่ห้า ของทั้งสองตัวมาด้วย”
 
“อิมโคนัมซอน” วูนเทค กล่าว
 
“อิมโคนัมซอนก็คือ..”
 
“คำว่าซอน อาจมีความหมายถึงขุนนาง ดังนั้นคำว่านัมซอนสองคำหลังก็หมายถึงขุนนางกลุ่มฝ่ายใต้ คำว่าอิมโค..”
 
“ต้องไม่ผิดแน่ ใต้เท้าก็เคยบอกว่าคดีครั้งนั้น อาจเป็นฝีมือคนในกลุ่มฝ่ายใต้ไม่ใช่หรือ ถ้างั้น อิมโค..”
 
“ก็คือ..” ใต้เท้าซอ กล่าว
 
“หรือว่าเป็น..”
 
“ต้องใช่แน่นอน อิมโคก็คือ.. ชื่อรองของอดีตเสนาบดีโฮแทซุก ต้องใช่แน่ใต้เท้า สิ่งที่ผู้ตรวจการจางพยายามจะบอกข้าตอนนั้น สัญลักษณ์มือนั่น อาจจะหมายถึงเสนาบดีโฮแทซุกก็ได้” ทงอี กล่าว
 
“ใต้เท้า..” วูนเทค กล่าว


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา