วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 42



ทงอีที่ค่อย ๆ สืบรู้ความจริงในคดีคอมเกปีซินยู จนรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือโฮแทซุกกับจางอ๊กจอง ในขณะที่จางฮีเจและกลุ่มฝ่ายใต้ได้กลับมายังเมืองหลวง ส่วนจางมูยอลก็จับเบาะแสได้ว่า ทงอีมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มคอมเก

เนื้อเรื่อง:

แทซุกดีใจ ที่โฮยอนใกล้จะได้กลับมาเมืองหลวงในอีกไม่กี่วัน ตนเองจะได้มีแขนขาทำงานอีกครั้งหลังจากที่ยอมอดทนต่อพายุที่พัดโหมเข้าใส่ในตอนนั้นก็เพื่อรอวันจะเริ่มใหม่
  
วูนเทคเดาเรื่องออกว่าใต้เท้าโฮแทซุกใช้วิธีกำจัดหัวหน้ากลุ่มฝ่ายใต้ทิ้ง เพื่อให้ตัวเองได้ขึ้นมาครองตำแหน่งแทน

    
“แล้วก็โยนความผิดทั้งหมดนี้ให้กับกลุ่มคอมเก แถมยังหลอกใช้ข้าด้วย อีกอย่างนึง ถ้าเรื่องนี้เป็นการกระทำของกลุ่มฝ่ายใต้จริง จะต้องไม่ใช่ฝีมือของคนคนเดียวแน่ จะต้อง..มีบุคคลอื่นร่วมด้วยแน่นอน”ใต้เท้าซอ กล่าว
    
“ใต้เท้า ท่านหมายความว่า..”
    
“พระสนมฮีบิน ขอโทษนะคะ ข้าขอตัวไปพิสูจน์บางอย่างก่อน” ทงอี กล่าว        

“พระสนม”
  
ทงอีสืบจนรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคดีของกลุ่มคอมเกในปีซินยู คือโฮแทซุก และพระสนมฮีบินที่ตอนนั้นเป็นนางใน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าพ่อของตนเอง
  
มูยอล เข้าเฝ้าพระสนมฮีบิน รายงานว่าสิ่งที่พระสนมซุกวอนทำในตอนนี้ ต้องเกี่ยวข้องกับคดีของกลุ่มคอมเกแน่นอน


 

“แต่พระสนมเป็นสมาชิกของราชวงศ์นะ ทำไมถึง..”
    
“ก่อนที่พระสนมจะได้รับแต่งตั้ง นางเคยเป็นชนชั้นต่ำมาก่อน เข้าพระทัยหรือยัง นั่นก็หมายความว่า นางอาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคอมเกที่เป็นชนชั้นต่ำ”

พระสนมฮีบินสั่งให้พวกซังกุงคอยจับตาดูพระสนมซุกวอนอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าทำอะไร หรือจะไปพบใคร จากนั้นทงอีก็เดินเข้ามา
    
“เสด็จไปไหนหรือเพคะพระสนม เสด็จออกจากวังลับ ๆ ในเวลานี้ มีเรื่องด่วนที่สำคัญมากหรือเพคะ?”
    
“ข้าได้ยินว่าท่านแม่ไม่ค่อยสบาย ก็เลยจะกลับไปเยี่ยมท่านหน่อย แต่ดูเหมือนข้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องอธิบายเรื่องนี้กับเจ้านะ เอาละพูดมาเถอะ ว่าเจ้ามาหาข้าที่นี่ในเวลานี้ คงไม่ใช่แค่จะมาคุยเล่นหรอกนะ”
    
“ยังจำได้มั้ยเพคะ หลายปีก่อน ตอนที่หม่อมฉันเพิ่งพบท่าน หม่อมฉันเคยขออนุญาตดูป้ายพกติดตัวของท่านน่ะ”
    
“ป้ายพกหรือ?”
    
“เพคะ หม่อมฉันจะขอล่วงเกิน ขอดูป้ายพกที่ท่านซังกุงพกติดตัว จะได้หรือไม่เจ้าคะ?”
    
“เจ้าลองเปิดดูสิ”
    
“วันนั้นท่านบอกว่าป้ายพกนั้น เป็นอันที่ท่านพกติดตัวมาตลอดตั้งแต่เด็ก แต่ว่า.. ป้ายที่ท่านพกติดตัวมีแค่อันเดียวหรือเพคะ ท่าน.. ไม่มีอันอื่นอีกแล้วจริง ๆ เหรอ?” ทงอี ถาม
    
“นี่เจ้ามาพูดเรื่องอะไร ทำไมจู่ ๆ ถึงถามเรื่องป้ายพกนั่น แถมยังถามถึงอันอื่นอีก นี่เจ้ากำลังจะ..”
    
“นี่ไง พระสนมยังมีป้ายพกแบบนี้อีกอันใช่มั้ย หม่อมฉันอยากทูลถามเพียงเท่านี้”


“นี่มัน.. มันป้ายพกของข้านี่ แต่ว่าทำไมเจ้าถึง...”
    
“ป้ายพกอันนี้ เป็นของท่านใช่มั้ยเพคะ”
    
“หมายความว่าไง เพราะอะไรเจ้าถึงจะต้องมาถามเรื่องป้ายพกกับข้า ไม่ได้ยินรึ ข้าถามว่าทำไมถึงได้มาถามเรื่องที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ ไม่ได้ยินรึ ข้าถามว่าทำไมถึงได้มาถามเรื่องที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ”
  
ชอนซูมาพบทงอี นางจึงเล่าเรื่องที่สืบรู้ให้เขาฟัง
    
“พี่ชอนซู ใต้เท้าโฮแทซุกกับ..พระสนม ฮีบิน เป็นคนอยู่เบื้องหลังสาเหตุที่ทำให้พ่อกับพี่ตาย พวกเค้าโยนความผิดให้กลุ่มคอมเก แต่ข้ากลับไม่รู้เรื่องเลย เคยจงรักภักดีกับพระสนมฮีบิน ข้าเชื่อในความจริงใจของนาง เลยทุ่มเทใจกายเพื่อช่วยนาง”
    
“พระสนม”
    
“ข้าจะ..ไม่มีทางให้อภัยนางแน่นอน คนที่เอาเลือดเนื้อของพ่อ และพี่ชายข้าเป็นเครื่องสังเวย เพื่อขึ้นไปอยู่ในตำแหน่ง ข้าไม่มีวันที่จะ ยอมให้อภัยคนแบบนี้แน่”
  
เมื่อฮีเจเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง พระสนมฮีบินก็เสด็จมาพบหารือเรื่องทงอีทันที


“ความเคลื่อนไหวของพระสนมซุกวอนผิดปกติ?”
    
“ใช่ ผิดปกติมาก นางกำลังปิดบังเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับกลุ่มคอมเก และดูเหมือนนางกำลังสืบบางอย่างของพวกเรา”
    
“พระสนม ท่านหมายความว่า” ฮีเจ กล่าว
    
“ข้าคิดว่าเวลานี้ วิกฤติและโอกาสกำลังอยู่ตรงหน้าพร้อม ๆ กัน และไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เรื่องนี้ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ข้า..หรือว่านางอยู่หรือไปได้เลย”
    
“กระหม่อมพอจะเข้าใจความหมายของท่านแล้ว”
  
ทงอี เรียกประชุมใต้เท้าซอ วูนเทค ชอนซู และลูกน้อง

  
“ต่อให้สัญลักษณ์มือหมายถึงโฮแทซุก แต่หลักฐานแค่นี้คงไม่สามารถเอาผิดกับเค้าได้ จำเป็นต้องมีหลักฐานแน่นกว่านี้” ชอนซู กล่าว
    
“ใช่ ท่านพูดถูกแล้ว บันทึกคดีในปีนั้น กับคำให้การของพระสนม ถึงจะพอรื้อฟื้นคดีได้ แต่เราจะเหลือช่องโหว่ให้พวกเค้าพ้นผิดไม่ได้” วูนเทค กล่าว
    
“แต่ว่าเรื่องมันผ่านมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว ยังจะมีหลักฐานอะไรอยู่อีกงั้นหรือ?” ใต้เท้าซอ กล่าว

“ถ้าไม่มี เราก็ต้องสร้างขึ้นมา” ทงอี กล่าว

“พระสนม ท่านหมายความว่า..”
    
“เราต้องวางแผนล่อให้โฮแทซุกสร้างหลักฐานนั้นขึ้นมา”
  
โฮยอน และเจ้าหน้าที่แทยุน ผู้ช่วยท่านโฮยอน กลับมาเมืองหลวงไม่ได้เพราะยังไม่ได้รับอภัยโทษ ทำให้แทซุกไม่พอใจ คิดว่าจางฮีเจกับพระสนมคิดจะบีบให้ตนโดดเดี่ยวด้วยการตัดแขนขาที่จะใช้งาน จึงรีบเดินทางไปจวนว่าการฮันยาง แต่ระหว่างจะออกเดินทาง ก็ได้พบประกาศพวกคอมเกในอดีต    
    
“ใต้เท้า ท่านอย่าไปถือสาเลยขอรับ นี่อาจจะเป็นการกระทำของกลุ่มชนชั้นต่ำคอมเกก็ได้”
    
“นี่ นี่มัน ทำไมถึงได้..”
  
แทซุก มาหามูยอล บอกเรื่องมีประกาศคอมเกมาแปะอยู่หน้าบ้านตน เขียนว่าจะเปิดโปงเรื่องที่เคยใส่ร้ายกลุ่มคอมเกไว้ และยังเขียนว่ารู้ว่าตนเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีกด้วย

   
“อะไรกัน เป็นฝีมือเจ้าใช่มั้ย?”
    
“ว่ายังไงนะ?”
    
“นอกจากกำจัดลูกน้องข้า ตอนนี้ยังคิดจะคิดบัญชีกับข้าด้วยใช่รึเปล่า?” แทซุก ถาม
    
“ใต้เท้า” 
    
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะบีบข้าจนมุมได้รึ ถ้าข้าตกอับพระสนมฮีบินก็ต้องตกไปกับข้าด้วย คิดว่า ข้าจะยอมแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวรึ”
    
“โปรดตั้งสติให้ดีก่อน ถ้าเรื่องถูกเปิดโปงจริงอย่างที่ใต้เท้าบอก ก็คงจะไม่มีใครรอดได้ แล้วข้าจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง” มูยอล อธิบาย
    
“แต่คนที่รู้ความลับนี้มีแต่พระสนมฮีบินกับเจ้าเท่านั้น”
    
“ถ้าเป็นแบบนั้น แสดงว่าต้องมีใครที่รู้ความลับนี้อยู่อีก ความลับนี้ ต้องมีคนอื่นรู้ด้วยแน่”
  
ชอนซู มารายงานใต้เท้าซอหลังพบความเคลื่อนไหวของแทซุก

  
“ข้าส่งคนติดตามลูกน้องใต้เท้าโฮแล้ว อีกไม่นานก็น่าเปิดเผยช่องโหว่ออกมา” ผู้ช่วยซอ กล่าว
    
“แต่ว่า ยังมีอีกเรื่องนึงที่น่าแปลกขอรับ” ชอนซู กล่าว
    
“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
    
“คนแรกที่ใต้เท้าโฮไปหา กลับเป็นเจ้าเมืองฮันยางขอรับ”
    
“จางมูยอล?” ใต้เท้าซอ กล่าว
    
“ขอรับ ทำไมเค้าถึงต้องรีบมุ่งไปที่นั่นก่อน”
    
“อาจเป็นเพราะ ป้ายประกาศนี้ประกาศในนามของคอมเกก็ได้ เพราะตอนนี้จวนว่าการฮันยางมีหน้าที่สืบคดีนี้”
  
มูยอล สงสัยว่าพวกคอมเกจะรู้ความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และพระสนมซุกวอนกับพวกคอมเกเกี่ยวข้องกันยังไง จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่มินไปที่กองปราบแล้วเอาบันทึกคดีที่เกี่ยวกับกลุ่มคอมเกในปีซินยูมาให้หมด
    
ทงอีได้เรียกใต้เท้าซอเข้าเฝ้า

  
“กระหม่อมได้ส่งคนไปสะกดรอยโฮแทซุกตามที่พระสนมรับสั่งแล้ว ตอนนี้ที่เหลืออยู่ ก็คือการรอเวลาและโอกาส ที่พวกเค้าจะทำลายตัวเค้าเอง”
    
“ใต้เท้า ข้าฝากเรื่องนี้และยกอำนาจตัดสินใจให้ใต้เท้า ที่ข้าเรียกท่านมาพบวันนี้ ก็เพราะมีเรื่องจะปรึกษากับท่าน เมื่อไหร่ที่เรื่องถูกเปิดเผย ข้าก็จำเป็นต้องกราบทูลความจริงทุกอย่างต่อพระราชา”

“พระสนม ทำแบบนั้น..”
    
“ข้าจำเป็นต้องทำแบบนั้น เรื่องทั้งหมดนี้ เกิดจากสัญลักษณ์มือที่ข้าได้เห็นในตอนนั้น ถ้ายังคงปิดบังเรื่องนี้ เราไม่มีทางสืบหาความจริงในคดีนี้ได้ ตัวข้าเองก็เข้าใจในข้อนี้มาตั้งนานแล้ว เป็นห่วงก็แต่พระราชา..”
    
“พระสนม คดีในปีนั้นเป็นแผนใส่ร้าย โปรดเชื่อพระทัยฝ่าบาทเถอะ ถ้าเรื่องนี้ถูกพิสูจน์ เชื่อว่าพระราชาไม่มีทางเอาผิดพระสนมเพราะเรื่องนี้แน่”
    
“ไม่หรอก ข้ายังจะหวังให้ทรงอภัยโทษข้าได้ยังไงกัน ใต้เท้า ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ข้าจะไม่หนีและจะรับผลทุกอย่างนั้นเอง แต่ถ้าหาก ข้ายังมีทางเลือกจะหนีได้ มีเพียงเรื่องเดียวที่ข้าอยากจะหลีกหนีซะ ก็คือเรื่องขององค์ชาย มีแต่องค์ชายเท่านั้น ข้าไม่อยากให้เค้าต้องเดือดร้อนเพราะแม่”
    
“พระสนม”
    
“ดังนั้นข้าอาจจะต้องขอร้องเรื่องลำบากสำหรับท่าน”
    
“พระสนม”
    
“ข้าฝากองค์ชายด้วยใต้เท้า”
    
“พระสนม ทรงหมายความว่ายังไงพ่ะย่ะค่ะ?”
    
“ไม่ว่าวันหน้าเป็นยังไง ใต้เท้าท่านจะต้องไม่เป็นอะไร และท่านต้องอยู่ในวังต่อไปเพื่อช่วยคุ้มครององค์ชายแทนข้า และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านต้องปัดความเกี่ยวข้องทุกอย่างกับข้า ท่านต้องบอกว่าแค่ได้รับคำขอให้ช่วยสืบเรื่องนี้ ที่ข้าเป็นลูกหัวหน้ากลุ่มคอมเก ท่านไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย”
    
“พระสนม กระหม่อมคงทำไม่ได้ ทรงลืมแล้วหรือว่ากระหม่อมเคยทูลว่าจะ...”
    
“เพราะเรื่องนี้แหละ ข้าถึงได้มาขอร้องกับท่านนี่ไงล่ะ ข้ารู้ดีว่าที่ต้องทำแบบนี้ มันจะทำให้ใต้เท้าเจ็บปวดขนาดไหน”
    
“พระสนม”
    
“ได้โปรดรับคำขอนี้ด้วย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ในวังหลวงนี้คนที่พอจะคุ้มครององค์ชายได้ มีแต่ท่านคนเดียวเท่านั้น ข้าขอร้องท่านล่ะ ได้โปรดรับคำขอข้า ถือซะว่าทำเพื่อองค์ชายนะ”
  
ชอนซูไปบอกแคดอราเรื่องที่รู้ว่าฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าคนกลุ่มคอมเกในอดีตเป็นใคร

   
“แคดอรา อีกไม่นานพวกเราก็จะสะสางเรื่องนี้ได้ เพราะฉะนั้น เจ้าต้องเก็บดาบของเจ้าไปซะ จะฆ่าคนอีกไม่ได้”
    
“แต่พวกท่าน คิดว่าพวกชนชั้นสูงจะได้รับการลงโทษอย่างนั้นรึ?”
    
“แคดอรา”
    
“ใช่ บางทีพวกท่านอาจมีหลักฐานมาพิสูจน์ความผิดของพวกนั้นได้ แต่เรื่องนี้ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก เพราะพวกเค้าจะต้องหาทางดิ้นหลุดจนได้ เพราะมันเป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว บ้านเมืองนี้เป็นของชนพวกชั้นสูง ผลของการที่โยนความผิดให้กลุ่มคอมเก อย่างมากก็แค่ถูกเนรเทศไปยังชายแดนเท่านั้น สุดท้ายก็ยอมทนเพื่อเอาชีวิตรอด แล้วก็หาทางกลับคืนตำแหน่งได้ใหม่” 
    
“ถึงอย่างนั้นก็ฆ่าพวกเค้าเองไม่ได้แคดอรา ถ้าเมื่อไหร่ที่เราได้หลักฐานมัดตัวแล้ว เชื่อว่าพระราชาจะตัดสินทุกอย่างด้วยความเป็นธรรมแน่”
    
“พระราชาจะทำอะไรได้ล่ะ? พระราชาก็เป็นพวกเดียวกับชนชั้นสูงไม่ใช่หรือไง?”
    
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เชื่อใจพระองค์เถอะแคดอรา ถ้าพระองค์ทรงรับทราบเรื่องนี้แล้วไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร พระองค์ต้องให้ความเป็นธรรมแน่”
  
มูยอล มาหาพระสนมอ๊กจองทูลเรื่องคดีของกลุ่มคอมเกในปีซินยู

   
“คดีกลุ่มคอมเกในปีซินยูรึ?”
    
“พ่ะย่ะค่ะพระสนม กระหม่อมได้อ่านบันทึกแล้วพบเรื่องน่าสงสัยมากเรื่องนึง ในนี้บันทึกว่า หัวหน้ากลุ่มคอมเกที่ถูกสังหารไปตอนนั้น มีลูกสาวที่ยังเด็กอยู่คนนึง”
    
“ลูกสาวที่ยังเด็ก?”
    
“พ่ะย่ะค่ะ ในบันทึกนี้เขียนว่าเด็กคนนั้นตายไปแล้ว แต่มันมีปัญหาบางอย่างอยู่ ก็คือตอนที่มีการสรุปว่าเด็กคนนี้ตาย ไม่มีการพิสูจน์ศพ แต่เป็นการ สรุปสำนวนตามคำพูดของผู้บัญชาการกองปราบซอโยงกี และนี่ก็เป็นภาพวาดของเด็กคนนั้นพ่ะย่ะค่ะ ที่สำคัญคือนางมีชื่อ ว่าเชทงอีพ่ะย่ะค่ะ ถึงจะเป็นการคาดเดา ที่ยังไม่ได้ถูกพิสูจน์ แต่ถ้าหาก..สนมซุกวอนคือเด็กคนนี้”
    
“ข้าเคยเจอเด็กคนนี้”

“ห้ะ?”
    
“ข้าเคยพบนางมาก่อน” พระสนมอ๊กจอง ตรัส แล้วคิดถึงเรื่องในอดีต
    
“เอ๋?”
    
“เพราะอย่างนี้นี่เอง สนมซุกวอนถึงได้มาถามข้าเรื่องป้ายพก”
    
“พระสนม”
    
“เด็กคนนั้นคือสนมซุกวอน เข้าใจรึยัง ลูกสาวหัวหน้ากลุ่มคอมเกที่หายไป เด็กคนนี้ ก็คือสนมซุกวอน” 
    
“พระสนม ถ้าเป็นอย่างนั้น..”
    
“นางจะต้องรู้ความจริงทุกอย่างแล้วแน่ ความลับในคดีครั้งนั้น นางก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”
  
แทซุกสั่งลูกน้องให้ไปบอกหัวหน้าศาลตรวจการ ว่าให้ตรวจสอบบันทึกคดีในปีซินยูอย่างละเอียดต้องทำลายหลักฐานนั่นให้หมด

“ว่าไง เรื่องที่ข้าสั่งให้ไปทำน่ะ” แทซุก ถาม
    
“คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ก็คือท่านฮงแทยุนเจ้าหน้าที่ศาลไต่สวนที่ถูกเนรเทศไปขอรับ ข้าน้อยสั่งให้คนลอบไปจัดการแล้วขอรับ”

      
คนของแทซุก มาหาบันทึกของปีซินยู แต่ไม่พบเพราะวูนแทคได้แอบมาเอาไปก่อน แล้วสั่งทหารให้จับตัวคนของแทซุกไว้ ด้านทงอีได้เดินทางไปที่ตำหนักใหญ่ แต่ก็ไม่พบพระเจ้าซุกจงที่ได้เสด็จออกจากตำหนักไปก่อนที่ทงอีจะมาถึง                   
  
พระเจ้าซุกจง เสด็จมาที่กองปราบเพื่อหาบันทึกคดีที่เกี่ยวกับชนชั้นต่ำ

    
“ในบันทึกนี้ มีแต่คดีที่ชนชั้นสูงฟ้องชนชั้นต่ำอย่างเดียว ทำไมถึง..ไม่เห็นมีคดีที่ชนชั้นต่ำฟ้องร้องบ้าง?”
    
“เอ่อ คือ.. คือว่า..”
    
“เพราะอะไร ไม่มีทางที่บ้านเมืองแห่งนี้ จะไม่มีคดีที่ชนชั้นสูงทารุณต่อชนชั้นต่ำ หรือว่าทางกองปราบ ไม่รับแจ้งความเรื่องของชนชั้นต่ำเลย”
    
“ฝ่า ฝ่าบาท”
    
“ผู้บัญชาการ”
    
“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
  
มูยอล มาบอกฮีเจว่าพวกทงอีเริ่มรู้ความจริงแล้ว

    
“เชื่อว่าพวกเค้าได้รู้ความจริงในคดีนั้นแล้ว ดูเหมือนประกาศนั่น จะเป็นเหยื่อล่อที่วางเอาไว้จับใต้เท้าโฮแทซุก อย่างนั้นตอนนี้ พวกมันก็คงมีหลักฐานอยู่ในมือแล้ว”
    
“อืม ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องวางแผนสะสางเรื่องนี้ซะ”
    
“พระสนมฮีบิน..อาจจะใช้วิกฤติครั้งนี้ เพื่อพลิกกลับมาเป็นโอกาสก็ได้นะใต้เท้า”
    
“อะไรนะ?”
    
“ใต้เท้า”
  
ฮีเจ มาบอกแทซุกให้หลบไปจากเมืองหลวงซักพัก
    
“พวกเค้ามีหลักฐานมัดตัวท่านอยู่ในมือ ข้าอยากขอให้..ท่านหลบหน้าไปสักพัก แล้วที่เหลือ พวกข้าจะวางแผนคลี่คลายเรื่องนี้ให้กับท่านเอง”
    
“แต่ว่า..”
    
“ใต้เท้าก็แค่ขอทูลลาพระราชากลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด แน่นอน เวลานี้ในเมืองหลวงกำลังวุ่นวาย แต่ว่า ท่านจำเป็นต้องอดทนกลับไปอยู่บ้านสักระยะ แล้วช่วงนี้เรื่องของพระสนมซุกวอนกับคดี พวกข้าจะสะสางให้เรียบร้อย เพราะถ้าท่านเป็นอะไร พระสนมก็จะต้องพังไปด้วยแน่ ดังนั้น ท่านยอมรับความช่วยเหลือจากพวกข้าดีกว่า”
  
ลูกน้องของดอรา มารายงานว่า โฮแทซุกมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ

   
“จากรายงานที่สหายของเราส่งมา ดูเหมือนโฮแทซุกกำลังหนีจากเมืองหลวงกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด”
    
“ส่งกองกำลังออกไปเดี๋ยวนี้ โฮแทซุกเป็นตัวสำคัญมากสำหรับเรา ยังไงก็ต้องจับตาเค้า อย่าปล่อยให้หายเข้ากลีบเมฆได้ง่าย ๆ 
  
ดอราและพวก ตามโฮแทซุกไปจนพบ ขณะเดียวกับฮีเจก็ส่งคนไปฆ่าแทซุก เพื่อโยนความผิดให้คนของกลุ่มคอมเก ด้านชอนซู รีบมารายงานให้ทงอีรู้

    
“หมายความว่ายังไงพี่ชอนซู คอมเกเหรอ ท่านบอกว่าคอมเกฆ่าใต้เท้าโฮแทซุกเหรอ?”
    
“ศพของใต้เท้าโฮแทซุกนอนตายอยู่ข้างสมาชิกของกลุ่มคอมเก ทางการไปพบเข้าอย่างนั้น”
    
“หรือว่า เรื่องนี้เป็นฝีมือของแคดอราจริง เฮ้อ แคดอราล่ะพี่ชอนซู ค่ายของคอมเกอยู่ที่ไหน”
    
“พระสนม”
    
“พี่ชอนซูคะ”
  
ใต้เท้าซอ มาบอกชอนซูว่าได้ยินข่าวมาว่าค่ายกลุ่มคอมเกถูกตีแตกแล้ว


“ทางการฮันยาง ค้นไปเจอรังที่ซ่อนพวกเค้า  ที่เราตามเฝ้าดูโฮแทซุกมาหลายวัน  กลายเป็นความว่างเปล่าไปหมด หลักฐานที่สำคัญที่สุดก็ไม่เหลืออีกแล้ว  คอมเกทำเรื่องที่โง่มาก พวกเค้าน่าจะยอมเชื่อฟังเรา”
    
“ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ แคดอราไม่ใช่คนที่ทำอะไรวู่วามอย่างนั้นแน่ เหมือนที่ข้าเคยบอก หัวหน้ากลุ่มคอมเกเป็นเพื่อนของพระสนมตั้งแต่เด็ก  เพื่อพระสนมเค้าคงไม่ทำอะไรวู่วามแบบนั้นแน่ นี่ต้องเป็นกับดักแน่ ๆ ขอรับ”

“กับดัก?”
    
“ขอรับ เจ้าเมืองฮันยาง”
    
“หะ?”
    
“เจ้าเมืองฮันยางจางมูยอล เค้าเป็นคนยังไงกันแน่ เค้าเป็นคนที่เชื่อถือได้จริงเหรอ?” ชอนซู ถาม

  
“ใต้เท้า ๆ ท่านได้ข่าวรึยัง ได้ยินว่ามีสมาชิกคอมเกคนนึง ที่หนีไปได้ในตอนสังหารโฮแทซุก” 

วูนเทค เข้ามา
    
“อะไรนะ?”
    
“ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม ตอนนี้ทั้งเมืองฮันยางติดประกาศจับเค้าจนทั่วทั้งเมืองแล้ว”


แคดอรา ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ มาหมดสติหน้ายังดัล เขาจึงพาเข้ามาที่พัก เมื่อรู้สึกตัว ก็บอกว่าเป็นกับดัก มีคนฆ่าโฮแทซุก และให้ ยังดัลนำจดหมายไปให้ทงอี เขาจึงรีบนำไปให้จูซิก เพื่อนำเข้าวังไปให้ทงอี
    
“แคดอรา” ทงอี กล่าว
    
“พระสนมเนื้อหาในจดหมายที่หัวหน้ากองดนตรีส่งมาคืออะไรเพคะ?” พงซังกุง ถาม
    
“พงซังกุง รีบไปเชิญท่านแม่ทัพองครักษ์มาที่นี่ที ไม่สิ จะเชิญใครมาก็ได้ จะพี่ชอนซู ชิมวูนเทคก็ได้ ให้พวกเค้ารีบมาพบข้าเลย” ทงอี สั่ง
    
“เพคะพระสนม”

วูนเทค บอกกับชอนซู และใต้เท้าซอ ว่า ประตูเมืองทั้งสี่ถูกปิดหมดแล้ว ทหารทุกคนถูกระดมไปที่จวนว่าการ 
    
“ถ้าครั้งนี้แคดอราถูกทางการจับ ก็จะต้องถูกใส่ร้ายป้ายสีอีกแน่”
    
“และพระสนมก็จะมีอันตรายมากขึ้นไปอีก ไม่ว่ายังไง เราก็ต้องตามหาเค้าให้เจอก่อน” ใต้เท้าซอ กล่าว

ซอลฮี มาดูอาการของแคดอรา พบว่าเขาเสียเลือดมาก จึงให้ยังดัลไปตามหมอ แต่ก็ไม่สามารถทำตามได้ เพราะมีทหารอยู่เต็มเมืองและเฝ้าอยู่ทุกร้านหมอ แม้จะหามาได้คนหนึ่งแต่ก็ถูกจับได้ระหว่างทาง ตนสามารถหนีมาได้คนเดียว
  
ใต้เท้าซอ นำกำลังลูกน้องออกตามหาแคดอรา ทั่วเมือง มินได้มารายงานมูยอล ว่าตอนลาดตระเวนพบคนน่าสงสัย น่าจะเป็นดอรา ที่หลบหนีไป เมื่อจะตามไปจับ มูยอลกลับห้ามไว้ ระหว่างนั้นพระเจ้าซุกจงได้เสด็จมาที่จวนของมูยอล

     
“ฝ่าบาท ทำไมถึงเสด็จมาได้?”
    
“นี่มันเรื่องอะไรกัน เพราะอะไรโฮแทซุกถึงได้ถูกฆ่าตาย?”
    
“ฝ่าบาท”
    
“ข้าเพิ่งได้ยินข่าวระหว่างที่ออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน”
    
“พระอาญาไม่พ้นเกล้าพ่ะย่ะค่ะ ที่จริงกระหม่อมก็มีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
    
“มีเรื่องอะไรก็บอกข้ามาเถอะ ท่านเจ้าเมือง”

ยูซังกุงมาบอกจองซังกุงว่าตอนนี้เจ้าเมืองฮันยางรู้ความเคลื่อนไหวของพระสนมซุกวอนทั้งหมด


“ข้าต้องขอโทษที่ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ก่อน ถึงจะขัดพระสนมฮีบินไม่ได้ แต่ข้าทรยศพระสนมซุกวอนไม่ได้ ข้าก็เลยได้แต่รายงานเรื่องทั่วไป ไปอย่างนั้นเลยไม่น่าจะมีอะไร”
    
“ถ้าอย่างนั้น พวกนางเอาอะไรไปบอกคนพวกนั้นบ้างล่ะ?” จองอิม กล่าว
    
“เห็นว่าที่ผ่านมาไม่มีเรื่องพิเศษ แต่สักหลายยามก่อนหน้านี้ เหมือนจะมีความผิดปกติบางอย่างขึ้นมา” ยูซังกุง กล่าว

จองซังกุง และจองอิม รีบมาหาทงอี พบแต่พงซังกุง นางบอกว่าพระสนมรู้สึกอึดอัด เลยอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก แล้วเสด็จไปที่สวนแล้ว เมื่อตามไปถึงก็ไม่พบ เจอแต่ใต้เท้าซอ ที่มาเฝ้าพระสนมตามรับสั่ง แต่ก็หาตัวพระสนมไม่เจอ

ทงอีมาหาซอลฮี สอบถามถึงแคดอรา นางจึงพาไปพบยังที่พัก

    
“แคดอรา ๆ”
    
“ตอนมาถึงเค้าก็ไม่ได้สติเลย แบบนี้ คงจะทนต่อไปไม่ไหวแน่” ซอลฮี กล่าว
    
“แล้วหมออยู่ไหน?” ทงอี ถาม
    
“พวกหม่อมฉันเชิญหมอมาไม่ได้เลย เพราะมีทหารเฝ้าอยู่เต็มไปหมดเพคะ”
    
“ไม่นะแคดอรา เจ้าจะตายไม่ได้ ข้าจะช่วยเจ้าได้ยินมั้ย เจ้าต้องเข้มแข็งไว้ ข้าขอร้องล่ะแคดอรา นี่เป็นป้ายของข้า ท่านรีบเอาไปที่ท่าเรือ น่าจะพอหาเรือของทางราชวงศ์ได้” ทงอี กล่าว
    
“พระสนม”
    
“นำเรือนั้น พาแคดอราหนีไปจากเมืองหลวงซะ”
    
“พระสนม”
    
“ไม่มีเวลาอีกแล้วค่ะ รีบไปให้เร็วที่สุด เร็วเถอะค่ะ”

ซอลฮี และคนรับใช้กำลังจะนำตัวแคดอราออกจากวังหลวง


“ข้าขอโทษ มันเป็นเพราะข้า” แคดอรา เริ่มรู้สึกตัว
    
“อย่าพูดอย่างนั้น เป็นเจ้าก็ทำแบบนี้เหมือนกัน เข้มแข็งเอาไว้ เร็วเข้า” ทงอี กล่าว

“โอ๊ย”

“พระสนม ต้องไปเร็วเพคะ เร็วเพคะ” ซอลฮี ทูล

“รีบไปกันเร็ว เร็ว  ไปเร็ว  อดทนอีกหน่อยนะแคดอรา”

“นายหญิง นายหญิง มีทหารของจวนว่าการ ทหารของเจ้าเมือง มาล้อมไว้หมดแล้วขอรับ” ผู้ช่วยซอลฮี เข้ามา

ซอลฮี รีบทูลให้พระสนมซุกวอน รีบหลบหนีไป ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตน

  


“ไม่ได้ ข้าไปไม่ได้  ทำแบบนั้นไม่ได้ แคดอรา ๆ ๆ ต้องอดทนไว้นะแคดอรา  เจ้าต้องอดทนเอาไว้นะ แคดอรา” ทงอี เรียก
 
“ทงอี” พระเจ้าซุกจงเสด็จมาถึง
 
“ฝ่า ฝ่าบาท”
 
“นี่มันเรื่องอะไรกัน  ทำไม..  ทำไมเจ้าถึงได้.. มาอยู่ในที่แบบนี้” พระเจ้าซุกจง ตรัสถาม
 
“ฝ่าบาท”
 
“มัวรออะไรอยู่ นั่นหัวหน้ากลุ่มคอมเก  รีบจับตัวไปเดี๋ยวนี้” มูยอล สั่งลูกน้อง

“ขอรับ”
 
“พระสนม ๆ ๆ”
 
“ไม่นะ  แคดอรา ๆ ๆ”
 
“ปล่อยข้า ๆ ทงอี” แคดอรา ตะโกน
 
“แคดอรา ๆ”  
 
“ทงอี” พระเจ้าซุกจง ตรัส


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา