วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 43




ทงอีกราบทูลต่อพระเจ้าซุกจงว่าที่แท้ตนคือเชทงอี ไม่ใช่ชอนทงอี และเป็นลูกสาวหัวหน้ากลุ่มคอมเกในอดีต ส่วนเหล่าขุนนางก็มาร่วมกันทูลขอให้ประหารทงอี ในโทษฐานช่วยเหลือหัวหน้ากลุ่มคอมเกปัจจุบัน แต่พระเจ้าซุกจงไม่ยอมให้ทงอีได้รับอันตรายใดๆ

เนื้อเรื่อง:

พอรู้ว่าทงอีเป็นลูกสาวหัวหน้ากลุ่มคอมเกในอดีต พระสนมฮีบินและมูยอลจึงวางแผนเชิญเสด็จพระเจ้าซุกจงไปนอกวัง เพื่อให้พระองค์เห็นด้วยตาพระองค์เอง ว่าทงอีมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มกบฏ มูยอลนำกำลังทหารเข้าจับกุมแคดอราและพวก เมื่อพระเจ้าซุกจงเห็นทงอีอยู่ในกลุ่มก็ตกพระทัยเป็นอย่างมาก

   
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไม.. ทำไมเจ้าถึงได้.. มาอยู่ในที่แบบนี้?”

“ฝ่าบาท”
    
“มัวรออะไรอยู่ นั่นหัวหน้ากลุ่มคอมเก รีบจับตัวไปเดี๋ยวนี้” มูยอลออกคำสั่ง ทหารจึงกรูเข้าจับแคดอรา 

ด้านทงอีตัดสินใจที่จะสารภาพต่อพระเจ้าซุกจง
    
“นี่มันเรื่องอะไรกันทงอี หรือว่าเจ้าเคยรู้จักกับหัวหน้าของกลุ่มคอมเกคนนั้นจริง ๆ ใช่รึเปล่าหา? ไม่จริง ไม่มีทางเป็นอย่างนั้น ไม่มีทางหรอก ทั้งหมดนี้ ต้องเป็นความเข้าใจผิดแน่ ๆ เจ้ารีบพูดมาสิ ทำไมเจ้าไม่อยู่ในวังแต่มาอยู่ที่นี่ ทำไมถึงรู้จักกับนักโทษ เจ้ามาทำอะไรกันแน่ ทงอี”

“หม่อมฉันเคยจะกราบทูลเรื่องทั้งหมดแล้วเพคะ กราบทูลเรื่องทุกอย่างที่ปิดบังพระองค์มานาน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างคงจะสายเกินไปแล้วเพคะฝ่าบาท” ทงอีก้มหน้านิ่ง
    
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจำเป็นต้องเชิญพระสนมซุกวอนไป เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ มีหลายเรื่องที่กระหม่อมต้องทูลถามพระสนมพ่ะย่ะค่ะ ทำอะไรอยู่ เชิญเสด็จพระสนมไปเดี๋ยวนี้” มูยอลสั่งทหาร


ข่าวการจับกุมกลุ่มคอมเกรู้ไปถึงหูใต้เท้าซอและชอนซู และที่สำคัญทงอีอยู่ในกลุ่มด้วย สร้างความหนักใจให้กับทั้งคู่มาก ขณะเดียวกันก็สร้างความสะใจให้กับฮีเจและพระสนมฮีบินมาก

“ได้ยินว่ามีหลักฐานว่า นังทงอีใช้ป้ายส่วนพระองค์เพื่อจะใช้เรือราชวงศ์ อีกอย่างหนึ่ง พระราชาก็เสด็จไปเห็นนางกำลังช่วยหัวหน้ากลุ่มคอมเกหลบหนีด้วย คราวนี้นังเด็กคนนั้น ไม่มีทางดิ้นหลุดแน่พระสนม”

มูยอลเข้ามาพูดสอบปากคำแกมขู่ทงอี


“จำป้ายส่วนพระองค์ได้มั้ยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินว่าท่านคิดจะใช้เรือของราชวงศ์ เป็นความจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ อ้อ แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ไม่น่าประหลาดใจนัก เพราะตอนนี้พระสนมกำลังเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท การจะใช้เรือของราชวงศ์ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่แปลกก็คือ พระสนมเสด็จออกมากลางดึก ทั้งยังประทับอยู่ที่หอนางโลมเพียงองค์เดียว ซ้ำยังรีบร้อนทำเรื่องแบบนั้นด้วย พระองค์ทรงคิดจะทำอะไรกันแน่ หรือว่าพยายามจะช่วยให้หัวหน้าของกลุ่มคอมเกหลบหนีไป”

ทงอีมองหน้ามูยอลอย่างรู้ทัน “ท่านคือเจ้าเมืองฮันยางใช่มั้ย?

“พ่ะย่ะค่ะพระสนม”
    
“ท่านเจ้าเมือง ทำไมตอนที่ท่านพบข้าในสถานการณ์นั้น ท่านไม่แปลกใจเลย ในตอนนี้ก็เช่นกัน อย่างกับว่า ท่านล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างดีอยู่แล้ว การคาดเดาของท่านอาจจะไม่ผิด แต่ข้าจะไม่พูดกับท่าน ข้าจำเป็นต้องกราบทูลเรื่องทั้งหมดกับพระราชาก่อน”
    
“พระสนม เกรงว่าเรื่องนี้...” มูยอลพยายามจะขัด  แต่ทงอียังยืนยัน “ท่านวางใจได้ข้าไม่ได้คิดจะหนี คำตอบทั้งหมดที่ท่านต้องการรู้ ข้าจะไปกราบทูลต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท”

พระเจ้าซุกจงร้อนพระทัยจึงเรียกชอนซูเข้าเฝ้าและสอบถาม


“ฝ่าบาท เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของกระหม่อมเอง โปรดรับสั่งประหารกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ พระสนมก็แค่ไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องของเพื่อนวัยเด็กได้ กระหม่อมเองที่ผิด ที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นฝีมือพวกเค้าแต่กลับไม่ยอมจับ”

“เจ้าไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งทงอีกับเจ้า ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้เลย ทำไม เจ้าเป็นทหารองครักษ์ รู้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคอมเก แต่ทำไมเจ้ากลับยังทำนิ่งเฉย ต่อให้เป็นเพื่อนในตอนเด็ก แต่ทำไมพระสนมถึงได้พยายามปกป้องหัวหน้ากลุ่มคอมเก อีกอย่าง เรื่องที่พระสนมพยายามจะบอกคืออะไร หรือว่าเรื่องนั้นคือ เรื่องที่เจ้าเคยบอกข้าเมื่อนานมาแล้ว เรื่องที่พระสนมพูดไม่ออก...”

ขณะนั้นทงอีก็ขอเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง


“เรื่องนั้นหม่อมฉัน จะกราบทูลฝ่าบาทเองเพคะ”

ชอนซูจะแย้งเพราะไม่อยากให้ทงอีเสียหาย  แต่ทงอีตัดสินใจแล้ว “ถือว่าข้าขอร้องล่ะพี่ ข้าจะต้องเป็นคนพูดเอง อย่าทำให้ข้าจะต้องทำสิ่งที่จะละอายต่อพระองค์อีกเลย ได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ความจริงที่น่ากลัว ที่หม่อมฉันปิดบังมาเนิ่นนาน ไม่ยอมบอกออกไป หม่อมฉัน...”

“ไม่ต้อง ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เจ้าฟังข้าก่อนเถอะนะ” พระเจ้าซุกจงรีบตรัส “ใช่แล้ว ข้าพอจะเดาทุกอย่างออก หลายปีก่อนเจ้าและพ่อเจ้าเคยได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มคอมเก ใช่แล้ว แม่ทัพองครักษ์ก็เคยบอกข้าไว้อย่างนั้น พวกเจ้าต้องหนีเพราะชนชั้นสูงกดขี่ และกลุ่มคอมเกก็ช่วยพวกเจ้าหลบหนี เจ้ามองว่าเป็นความผิดใหญ่หลวง เจ้าก็เลยคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับข้า และตอนหลังพวกเค้ากลับปรากฏตัวอีกครั้ง แล้วเลยเอาเรื่องนี้ มาขู่ว่าจะเปิดโปงเจ้า กลุ่มคอมเกหลอกใช้เจ้า..”
    
“ไม่เพคะฝ่าบาท มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น คนคนนั้นไม่เคยหลอกใช้หม่อมฉัน หม่อมฉันยินดีที่จะช่วยพวกเค้าด้วยความเต็มใจ”
    
“หะ?” พระเจ้าซุกจงตกพระทัยมากกับคำพูดของทงอี
    
“หม่อมฉัน ความจริง หม่อมฉันไม่ใช่ชอนทงอีเพคะ เชยอวอน คนคนนี้ คือพ่อของหม่อมฉันที่ตายไป เชทงอี คือชื่อที่หม่อมฉันปิดบังมานานแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่ทาสที่หลบหนี แต่หม่อมฉันโตในหมู่บ้านพันเป็นลูกสาวของสัปเหร่อ เป็นลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มคอมเกที่ถูกฆ่าในปี ซินยู พ่อของหม่อมฉัน ก็คือหัวหน้ากลุ่มคอมเก พี่ชายที่ตายไปก็เป็นสมาชิกกลุ่มคอมเก และเรื่องนี้ เรื่องนี้เพคะฝ่าบาท มันก็คือ อดีตที่หม่อมฉันไม่อาจจะ...กราบทูลพระองค์ได้ หม่อมฉันไม่สามารถ นิ่งดูดายความตายของเค้าได้ ถึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะช่วยให้พวกเค้าหนีรอดไปจากเมืองหลวง ฝ่าบาท หม่อมฉันยินดีรับโทษทัณฑ์ทุกอย่างเพคะ แต่ว่า นางในในตำหนักหม่อมฉันไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่คนเดียว แม้แต่ท่านแม่ทัพองครักษ์ รวมถึงนางในในฝ่ายตรวจการทุกคน ดังนั้นได้โปรด อย่าได้ลงโทษ....”

   
ทงอีพูดยังไม่ทันจบ พระเจ้าซุกจงก็ตะโกนเสียงดัง “พอแล้ว หยุดพูดสักที ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อย่าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เจ้ายินดีรับโทษทุกอย่าง เจ้าทำได้ยังไง พูดคำที่โหดร้ายอย่างนี้กับข้าเหรอ เจ้าทำได้ยังไง ข้าหลวงฮันมานี่” 
    
“พะ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
    
“พาพระสนม พาพระสนมออกไป เชิญพระสนมกลับตำหนักไปเดี๋ยวนี้” พระเจ้าซุกจงกริ้ว และเสียพระทัยมาก ส่วนทงอีก็เสียใจไม่แพ้กัน
  
ทงอีรู้ว่านางจะต้องได้รับโทษประหาร จึงให้บรรดาซังกุง และทุกคนที่ดูแลตำหนักโบคยองออกไปหาที่อยู่ใหม่ เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องมารับความผิดร่วมกับนางด้วย แต่ทุกคนก็ไม่คิดจะไปยังยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างทงอี แม้จะต้องตายก็ยอม
  
เหล่าขุนนางฝ่ายใต้ต่างก็พยายามกราบ ทูลให้ลงโทษทงอี


“ฝ่าบาท พระสนมซุกวอนทำความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้ พระสนมซุกวอนเป็นบุตรสาวของหัวหน้ากลุ่มคอมเกที่บั่นทอนความสงบสุข พระสนมปิดบังชาติกำเนิด ทั้งยังหลอกลวงราชวงศ์และราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ”
    
“แถม..พระสนมซุกวอนยังไปปกป้อง ช่วยเหลือกลุ่มคอมเกที่ทำความผิดเอาไว้ ดังนั้น จึงควรได้รับโทษเฉกเช่นเดียวกับสิ่งที่กลุ่มคอมเก กระทำไว้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
    
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ขอให้ทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
    
“ขอให้ทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ๆ”
    
“ฝ่าบาท พระสนมซุกวอน เป็นบุตรสาวของเชยอวอนหัวหน้ากลุ่มคอมเกอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อคอมเกตั้งขึ้นใหม่ ก็ได้วางแผนฆ่าเหล่าชนชั้นสูง แต่พระสนมยังวางแผนช่วยพวกเค้าหลบหนี อีก เรื่องทุกอย่างกระจ่างชัดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
  
ด้านฮีเจและพระสนมฮีบินต่างก็ยิ้มรับชัยชนะ

    
“ขุนนางราชสำนัก รวมตัวกันไปทูลขอให้พระราชาลงโทษ เชื่อว่าพระองค์คงทำเฉยได้อีกไม่นานแน่” ฮีเจยิ้มสะใจ

“ต้องเพิ่มความกดดันต่อไปเรื่อย ๆ อย่าให้ นางเหลือหนทางรอดได้อีกเป็นอันขาด”

 “ไม่ต้องห่วงพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่าในตอนนี้พระราชากริ้วอย่างที่สุด อีกไม่นานจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่”
 หลังได้ยินข่าว นายหญิงยูนก็รีบมาพบลูกสาวเช่นกัน “ในที่สุดนังเด็กคนนั้นก็จะถูกกำจัดออกไปให้พ้นสักที”

“ใช่ ถูกที่สุดเลยท่านแม่ ในที่สุดพวกเราก็ไม่ต้องห่วงพะวงอะไรอีก ฮะ ๆ ๆ”

 “ใช่ ข้าอุตส่าห์ทนถูกเหยียดหยามก็เพื่อ รอให้มีวันแบบนี้ ถึงอุตส่าห์อดทนมีชีวิตอยู่มา ต่อให้ต้องตายก็ไม่เสียใจแล้ว สะใจจริง ๆ พระสนม”

 สามแม่ลูกหัวเราะอย่างสะใจ


พระมเหสีอินฮอนมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นแผนของพระสนมฮีบินจึงเสด็จมาพบ “เป็นยังไง ในที่สุดเจ้าก็กำจัดพระสนมซุกวอนออกไปจากวังได้ พอใจแล้วใช่มั้ย”

“ขอประทานอภัย หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าพระมเหสีกำลังตรัสเรื่องอะไรอยู่” พระสนมฮีบินตีหน้าเฉยไม่รู้เรื่อง

 “งั้นหรือ?”

 “หม่อมฉันก็เสียดายพระสนมซุกวอน นางปิดบังเรื่องร้ายแรงอย่างนั้นมาจนถึงตอนนี้ เชื่อว่าพระราชากับพระมเหสีก็คงจะตกพระทัยกันมากเลยทีเดียว” พระสนมฮีบินกล่าวน้ำเสียงสะใจ

 “นั่นสินะ ทั้งตกใจ..แล้วก็โกรธมาก ข้าเชื่อว่าพระราชาก็รู้สึกอย่างนี้ด้วย แต่ว่าคนที่ทำให้ข้าโกรธที่สุด ไม่ใช่พระสนมซุกวอน แต่เป็นเจ้าฮีบิน ข้านึกไม่ถึงเลยว่าจนป่านนี้เจ้าก็ยังไม่สำนึกเลย แถมยังใช้..แผนสกปรกแบบนี้มาบีบให้พระสนมซุกวอนต้องจนมุมอีก อย่าคิดว่าทุกอย่างจะสมใจเจ้าไปหมดนะฮีบิน เพราะในตอนนี้ ข้าไม่ใช่พระมเหสีแต่ชื่อแล้ว ดังนั้นเจ้าจำเอาไว้ ข้าจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำให้พระสนมซุกวอนต้องมารับความทุกข์เหมือนกับข้าในอดีตอย่างแน่นอน” พระมเหสีกล่าวเตือน

พระเจ้าซุกจงถูกกดดันจากบรรดาขุนนางเรื่องให้ลงโทษประหารทงอี พระองค์จึงเสด็จไปคุยกับแคดอราตามลำพัง


“เจ้าคือหัวหน้ากลุ่มคอมเกใช่มั้ย? เจ้ามีชื่อว่าอะไร?”

“แค แคดอราพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้ายังเป็นเด็กหนุ่ม ในเมื่อเป็นเพื่อนเล่นพระสนม คงยังไม่ถึงสามสิบมั้ง ในมือข้าเป็นฎีกาที่มันถูกส่งขึ้นมา บันทึกว่า พวกเจ้าทำอะไรลงไปบ้าง ทำความผิดที่ร้ายแรงน่ากลัวแค่ไหน ข้าจำมันได้เป็นอย่างดี นี่เป็นความผิดที่ไม่มีทางให้อภัย และพวกเจ้าต้องชดใช้ความผิดเหล่านี้ด้วยชีวิต แต่ว่า ในจดหมายยังขาดบางอย่าง เจ้ากับสหายของเจ้า ทำไมถึงได้ลุกขึ้นมา ก่อคดีฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ได้ เหตุผลไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในนี้”

“ฝ่า ฝ่าบาท”

“ข้ามาวันนี้ ก็เพราะอยากจะรับฟังเหตุผล เจ้าลองบอกข้ามา มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทำไมเจ้าถึงได้ฆ่าชนชั้นสูงอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้” พระเจ้าซุกจงถามเสียงเข้ม

“ฝ่าบาท เป็นเพราะว่า เพราะว่าไม่มีใครทำเรื่องนี้แทนเราได้พ่ะย่ะค่ะ” แคดอราเริ่มเล่าเรื่องราวที่คับแค้นใจ

“พวกกระหม่อมอยากฆ่าชนชั้นสูงให้หมดไปจากแผ่นดินนี้ แต่ไม่มีใครทำแทนเราได้เลย ถึงแม้เราจะเกิดเป็นคน แต่เรากลับไม่สามารถมีชีวิตได้เหมือนคน ถูกขูดรีดตลอดชีวิต สุดท้ายก็ต้องมาถูกฆ่าตายทั้งที่ไม่ได้ผิด แต่กลับไม่มีใครที่ จะเป็นปากเสียงให้พวกเรา นี่แหละคือประเทศนี้ กระหม่อมจึงได้เลือกหยิบดาบขึ้นมา เพื่อจะให้บทเรียนแก่พวกเค้าบ้าง พวกเราก็เป็นคน อย่าเห็นชีวิตของพวกเราเป็นผักปลาอีก ดังนั้นกระหม่อม ไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำเลย ถึงจะรู้ว่าความผิดนี้มี โทษถึงตาย แต่ถ้าเกิดเป็นชนชั้นต่ำอีก และต้องถูกกดขี่ทารุณอีกตลอดชีวิต กระหม่อมจะหยิบ ดาบ ขึ้นมาทำความผิดเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่เรื่องนี้.. พระสนมซุกวอนไม่ได้ทำผิดอะไร รวมถึงท่านหัวหน้าที่ตายไปในปีซินยูท่านก็ไม่ได้ทำผิด ท่านหัวหน้าก็แค่..หยิบดาบปกป้องชนชั้นต่ำที่ถูกคนข่มเหง ถึงแม้จะถือดาบ แต่ท่านก็ไม่เคยใช้ดาบ นั้นฆ่าใครซักคน ท่านกลับต้องมาถูกคนใส่ร้ายจนต้องตาย พระสนมซุกวอนต้องสูญเสียพ่ออย่าง  ไม่เป็นธรรมแบบนี้”

คำพูดของแคดอราสร้างความตกพระทัยแก่พระเจ้าซุกจงยิ่งนัก

“หมายความว่าอะไรหา ไม่เป็นธรรมรึ? พ่อของพระสนมซุกวอน ต้องตายทั้งที่บริสุทธิ์รึ?”

พระมเหสีอินฮอนยังเสด็จไปให้กำลังใจ  ทงอี


“เจ้าต้องจำคำของข้าไว้ให้ดี เจ้าต้องไม่หวั่นไหว ข้าจะต้องปกป้องเจ้าให้ได้”

 “พระมเหสี โปรดอย่าทำอย่างนั้นเลย เพคะ พระองค์ก็ทรงทราบในความผิดของหม่อมฉันแล้ว”

 “ก็จริง เจ้าเป็นลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มคอมเก แต่ตอนนั้นพ่อเจ้าและกลุ่มคอมเก ถูกใส่ร้ายนั่นไม่ใช่ความผิดของพ่อเจ้า และยิ่งไม่ใช่ความผิดของตัวเจ้าเข้าไปใหญ่ ข้ารู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของโฮแทซุก และก็รู้ว่าเจ้าพบหลักฐานที่มีทั้งหมดแล้ว”

 “แต่ว่าถึงจะเป็นอย่างนั้น อดีตของหม่อมฉันก็ไม่สามารถลบล้างได้ อีกอย่าง หม่อมฉันมีเจตนาจะช่วยหัวหน้ากลุ่มคอมเกหลบหนี..”

 “หมายความว่าเจ้าคิดจะ.. แบกรับความผิดทุกอย่างไว้จริง ๆ หรือ ไม่เข้าใจหรือซุกวอน ว่าถ้าทำแบบนั้น เจ้าอาจจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต ซุกวอน”

ฝ่ายพระสนมฮีบินต่างก็คิดว่าแผนการกำจัดทงอี ครั้งนี้จะถึงจุดจบของทงอีอย่างแน่นอน มูยอลจึงมีคำสั่งให้ทหารไปเฝ้าตำหนักโบคยองไว้ และห้ามทงอีออกจากตำหนักโดยเด็ดขาด ขณะเดียวกัน  วูนเทคก็ขอเข้าเฝ้าพระราชา และทูลเรื่องการตายของแทซุก และคดีกบฏคอมเกในอดีตให้พระเจ้าซุกจงฟัง ทำให้พระเจ้าซุกจงทราบความจริงในหลายเรื่อง จึงเสด็จไปหาทงอีที่ตำหนัก


“ข้าได้ฟังเรื่องของพ่อเจ้าแล้ว ในตอนนั้นเค้าต้องการจะทำอะไร แล้วทำไมเค้าถึงต้องตาย นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้า เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของพระราชาอย่างข้า นานแล้วที่เจ้าอยากจะบอกความจริงเรื่องนี้กับข้า แต่ว่าข้า ข้าไม่ยอมให้เจ้าพูดเอง”

 “ฝ่าบาท”

 “เพราะฉะนั้น ที่เจ้าต้องปิดบังเป็นความผิดของข้า คนที่ทำให้ชนชั้นต่ำต้องถูกให้ร้าย เป็นความผิดของพระราชาอย่างข้า ดังนั้น เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกทำร้ายเด็ดขาด  ดังนั้นทงอีเจ้า…”

 “หม่อมฉัน หม่อมฉันช่วยเหลือกลุ่ม  คอมเก รู้ทั้งรู้ว่ากลุ่มคอมเกก่อตั้งขึ้น แต่กลับไม่ยอมบอกไป หม่อมฉัน ยังช่วยหัวหน้ากลุ่มคอมเกหลบหนีเพคะ” ทงอีไม่อยากให้พระเจ้าซุกจงโทษพระองค์เอง “ถึงท่านพ่อหม่อมฉันจะถูกใส่ร้าย แต่เรื่องนั้นก็ไม่สามารถปิดบังได้หรอกเพคะ ทุกคนรู้ความจริงเรื่องนี้ดี”

 “เพราะฉะนั้น ข้าถึงต้องการจะให้เจ้าพูดโกหก เข้าใจรึเปล่า เจ้าแค่บอกว่า เจ้าช่วยเหลือเพื่อนตอนเด็กเท่านั้น เจ้าไม่รู้ว่าเค้าเป็นหัวหน้ากลุ่มคอมเก เป็นเพราะคนคนนั้นมาหลอกลวงเจ้า เค้ามาเพื่อหลอกใช้เจ้า เจ้าไปที่นั่นโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

 “ฝ่าบาท”

 “แล้วที่เหลือ ข้าจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เอง ดังนั้น..”


 “หม่อมฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ ฝ่าบาทจะให้หม่อมฉันพูดโกหกต่อหน้าทุกคนได้ยังไงกันเพคะ” ทงอีไม่ยอมเพราะเกรงว่าจะเสื่อมเสียพระเกียรติของพระราชา “แล้วผู้คนจะวิจารณ์กันยังไง ทั้งขุนนางและประชาชนจะพูดถึงเรื่องนี้ยังไง ไม่ได้หรอกเพคะ จะทำอย่างนั้นไม่ได้ หม่อมฉันจะให้ร้ายฝ่าบาท เพียงเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดไปได้ยังไงกันเพคะฝ่าบาท ฝ่าบาททรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินนะเพคะ”

 “ไม่เป็นพระราชาก็ไม่เป็นไร เจ้าไม่เข้าใจเหรอ ข้าไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเลย ขอแค่ให้ข้าปกป้องเจ้า ขอแค่ปกป้องเจ้าได้ ต่อให้ข้าขึ้นชื่อ..ว่าเป็นพระราชาเหลวแหลกข้าก็ไม่กลัว เรื่องพวกนั้นน่ะ ข้าไม่สนใจเลยสักนิด ใช่ ข้าเกิดมาในวังหลวง เกิดมาเพื่อเป็นพระราชา และเป็นพระราชามาตลอด ข้าเองก็ไม่คิดว่าข้าจะเป็นแบบนี้ได้ แต่จะให้ข้า ให้ข้าต้องเสียเจ้าไป ข้าคงทนไม่ได้ ทงอี ถือว่าข้าขอร้องเจ้าก็ได้ ทงอี ข้าขอร้องล่ะนะ เจ้ายอมปิดบังเรื่องทั้งหมดนี้ได้มั้ย เรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเจ้า ทงอี ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน”

 พระเจ้าซุกจงตรัสอ้อนวอน ทงอีน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร เพราะไม่อยากให้พระราชาต้องมาร้อนพระทัยในเรื่องของตนเอง

 พระเจ้าซุกจงไม่เอาผิดทงอี มูยอลเจ็บใจมากที่ทำอะไรทงอีไม่ได้


“ฝ่าบาท ทรงหมายความว่ายังไงพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทไม่ยอมให้กระหม่อมสอบสวนพระสนมงั้นหรือ?”

 “พระสนมไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นางไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นหัวหน้ากลุ่มคอมเก” พระเจ้าซุกจงตรัส

 “ฝ่าบาท แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้น ฝ่าบาทก็ทรงเห็นด้วยพระองค์เอง แล้วทำไมมีราชโองการเช่นนี้มาถึงกระหม่อม กระหม่อมไม่สามารถยอมรับพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้จำเป็นต้องดำเนินไปตามหลักการ”

 “หัวหน้าของกลุ่มคอมเก ยอมรับสารภาพกับข้าแล้ว และพระสนมซุกวอนก็ยอมรับว่าคนคนนั้นพูดความจริง แล้วท่านยังจะสอบสวนอะไรอีก”

 “ฝ่าบาท”

 “ทำไมหา เจ้าวางแผนไว้รึไง” พระราชาตวาดเสียงดัง “ข้าตัดสินใจแบบนี้เจ้าถึงได้รับไม่ได้ ข้าได้ยินว่าเจ้าเคยส่งคนเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของพระสนม ข้าพูดถูกรึเปล่าหา?”

“เพราะว่า กระหม่อมได้รายงานลับ ว่าพระสนมลอบติดต่อกับคนพวกนั้นอย่างลับ ๆ พ่ะย่ะค่ะ และสุดท้ายมันก็เป็นความจริงไม่ใช่หรือ ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะปิดบังด้วยความรู้สึกส่วนพระองค์ เป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลต่อบ้านเมืองพ่ะย่ะค่ะ”

 “นี่ท่านเจ้าเมือง”

 “ไม่ว่าฝ่าบาทจะมีราชโองการยังไง กระหม่อม ก็ต้องทำคดีนี้อย่างยุติธรรม ถ้าถูกปลดหรือถูกประหารเพราะขัดราชโองการ กระหม่อมก็จำเป็นต้องรักษาหน้าที่ตัวเอง ในฐานะขุนนางฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” มูยอลกล่าว แต่ในใจหวั่นไหวว่าเรื่องนี้อาจไม่ลงเอยอย่างที่คาด

มูยอลนำเรื่องมาปรึกษาพระสนมฮีบินและฮีเจ เพราะพระราชามีท่าทีแข็งกร้าวมาก พระสนมคิดแผนแก้เกม


“งั้นก็หยุดพุ่งเป้าที่พระสนมซุกวอน ในเมื่อฝ่าบาทมีราชโองการอย่างนั้น แต่ให้จับตัวคนของนางไปสอบสวนให้หมด ดูสิว่า ถ้าทำแบบนี้พระสนมซุกวอนจะยังนิ่งเฉยมั้ย คนของนางจะต้องมาเดือดร้อนเพราะนาง ถ้าชนชั้นสูงทั้งประเทศลุกขึ้นมาคัดค้าน และไม่ไว้วางใจพระราชาจนกระทั่งประชาชนขาดความเชื่อมั่น พระสนมซุกวอน จะยังหลบอยู่แต่ในตำหนักต่อได้มั้ย”

พระสนมฮีบินคิดแผนที่จะบีบคั้นทงอีให้หนักขึ้นไปอีก

ซังกุงและคนในตำหนักโบคยองถูกจับตัวไปสอบสวนทั้งหมด รวมถึง ชอนซู จูซิก และ ยังดัล ส่วนพระสนมฮีบินก็ปล่อยข่าวเรื่องที่ พระเจ้าซุกจงปกป้องทงอี ทั้งที่มีความผิด เพื่อให้ประชาชนไม่เห็นด้วย และเป็นการกดดันพระราชาให้พิจารณาโทษของทงอี

 “ฝ่าบาท ได้โปรดลงโทษพระสนมซุกวอนด้วยเถอะ ขอให้ทรงแยกแยะถูกผิดดีชั่ว อย่าทรงเมินเฉยต่อเสียงของประชาชนเลย ขอได้โปรดพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

 “ฝ่าบาท ทรงจัดการเรื่องอย่างนี้คงไม่เหมาะนัก กระหม่อมเอง ก็เคารพนับถือพระสนมซุกวอน และรู้สึกเสียใจกับเรื่องครั้งนี้มาก แต่ถึงจะอย่างนั้น ก็ไม่สามารถปิดบังความผิดได้พ่ะย่ะค่ะ”

 “ข้าไม่อยากฟังออกไปซะ” พระเจ้าซุกจงตรัสเสียงดัง

“ฝ่าบาท”

 “เรื่องที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว ข้าไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่”

 พระเจ้าซุกจงครุ่นคิดถึงบรรดาเสนาบดีกราบทูล


“ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป การต่อต้านคงไม่มีทางจบ ฝ่าบาททำเช่นนี้ รังแต่จะเป็น การทำลายพระบารมี”

 “ไม่เป็นพระราชาก็ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเลย ขอแค่ให้ข้าปกป้องเจ้า ขอแค่ปกป้องเจ้าได้ ต่อให้ข้าขึ้นชื่อ..ว่าเป็นพระราชาเหลวแหลกข้าก็ไม่กลัว”

พระเจ้าซุกจงกำชับไม่ให้เรื่องที่มีการเรียกร้องให้ลงโทษทงอี รู้ไปถึงตำหนักโบคยองอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ต้องการให้ทงอีเกิดความหวั่นไหว และให้ไปตามใต้เท้าซอมาพบ เพื่อจะนำคดีกลุ่มกบฏคอมเกในอดีตมาสะสางใหม่ ส่วนทงอีถูกบีบคั้นหนักเพราะคนในตำหนักถูกจับไปสอบสวน นางไม่อยากให้ทุกคนเดือดร้อน จึงเดินทางไปที่จวนผู้ว่าเพื่อรับสารภาพว่านางปิดบังฐานะที่แท้จริง และรู้เห็นกับกลุ่มคอมเก



 * ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา