วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 51




ทงอีบอกกับอ๊กจองว่าต้องการให้ลูกได้อิสระไม่ใช่อำนาจ แต่ก็ถูกอ๊กจองปฏิเสธ พระเจ้าซุกจงบอกกับทงอีว่า ถ้าทงอียอมรับ ก็จะถูกแต่งตั้งเป็นพระมเหสี แต่ทงอีก็ยังไม่ตัดสินใจ กึมกับรัชทายาทหนีออกไปเที่ยวเล่นนอกวัง รัชทายาทถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขโมยจึงถูกจับ ทำให้ในวังต้องออกตามหา

เนื้อเรื่อง:


ทงอี สงสัยว่า ทำไมจู่ ๆ พระราชาถึงตั้งเป็นสนมเอก จึงจะเดินทางไปที่ตำหนักใหญ่ ระหว่างนั้นพระสนมฮีบิน ก็เข้ามา

“ถ้างั้นจะรอสักครู่ได้รึเปล่า?”



“พระสนม”
 
“ข้ามาวันนี้เพื่อมา...ตอบคำถามของเจ้า” พระสนมฮีบิน ตรัส  
 
“พระองค์ ยินดีจะทำแบบนั้นจริง ๆ หรือเพคะ”
 
“ใช่แล้ว ข้าจะยอมทำแบบนั้น เพื่อเจ้าและข้า เพื่อองค์รัชทายาทและองค์ชายยอนอิง ข้ายินดีจะรักษาโอกาสสุดท้ายที่เจ้าให้กับข้า”
 
“พระสนม”

“พระองค์ยินดีจะทำแบบนั้นจริง ๆ หรือเพคะ” ทงอีถามย้ำ
 
“ใช่แล้ว ข้าจะยอมทำแบบนั้น เพื่อเจ้าและข้า เพื่อองค์รัชทายาทและองค์ชายยอนอิง ข้ายินดีจะรักษาโอกาสสุดท้ายที่เจ้าให้กับข้า และข้าก็จะใช้โอกาสสุดท้ายนี้ ทำให้เจ้าได้รับรู้ว่า คนที่เป็นเงาตัวจริงไม่ใช่ข้าแต่เป็นเจ้า และไม่ใช่องค์รัชทายาท แต่เป็นองค์ชายยอนอิงลูกของเจ้าต่างหาก เข้าใจรึยัง ข้าจะต้องทำให้เจ้ามาคุกเข่าต่อหน้าของข้าให้จงได้” ฮีบินกล่าวอย่างโกรธแค้น
 
“พระสนม ที่ท่านตรัสแปลว่า..” ทงอีไม่คิดว่าสนมฮีบินจะดื้อดึงเช่นนี้
 
“ชั่วขณะนึง ที่ข้าเคยลังเลคิดจะคว้ามันเอาไว้ เพราะข้าเหนื่อยมาก และข้อเสนอของเจ้า ก็ถือว่ายั่วยวนได้ไม่เลว แต่ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจ่ายค่าตอบแทนสักเท่าไหร่ ข้าจะไม่มีวันยอมใช้ชีวิตเป็นเงาของใครอีกคนนึงเป็นอันขาด ขอโทษด้วยที่ข้าต้องคืนมันให้เจ้า ถ้าหากเจ้าคิดว่า แค่ของพวกนี้และหลักฐานทุกอย่างนั่นเอาผิดได้ก็ลองดู เพราะข้าจะเดิมพันด้วยทุกอย่างที่ข้ามีเหมือนกัน”
 
“พระสนม พระสนม ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้เลยหม่อมฉันขอร้อง ถือว่าทำเพื่อรัชทายาท” ทงอีพยายามเตือนสติ
 
“สำหรับข้า นี่แหละคือการทำเพื่อรัชทายาท เด็กคนนั้นเกิดมาเพื่อจะเป็นรัชทายาท เป็นคนที่จะเป็นพระราชา นั่นคือทั้งหมดในชีวิตของเด็กคนนั้น ข้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้ากับองค์ชายยอนอิงมาแย่งทุกอย่างไปจากชีวิตเค้าแน่ ดังนั้นข้าจะสู้กับเจ้าถึงที่สุดซุกอึย โชคชะตาที่รอเราอยู่คืออะไร ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่สิ รวมถึงรัชทายาทและองค์ชายยอนอิง ผลของสงครามมันจะเป็นยังไง ว่าไงล่ะ เจ้าไม่อยากจะรู้ผลนั้นรึ?”
 
พระสนมฮีบินยังดึงดันที่จะให้อำนาจอยู่ในมือของตนเอง ทงอีผิดหวังและเสียใจแทนสนมฮีบินที่ต้องการให้เกิดความแตกแยกและแย่งชิงเช่นนี้


 
    

หนังสือจริยธรรมแห่งกษัตริย์ ซึ่งเป็นหนังสือที่องค์รัชทายาทจะได้อ่านเพียงพระองค์เดียว จู่ ๆ ก็มาปรากฏอยู่ในห้องขององค์ชายยอนอิง ทำให้องค์ชายยอนอิงถูกกล่าวหาว่าขโมยตำราเล่มนี้มา ขณะเดียวกับมีนางในเห็นคนมาลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ตำหนักรัชทายาทก่อนหนังสือจะหายไป องค์ชายยอนอิงถูกสอบว่าเวลาที่มีคนเห็นคนเข้าไปที่ตำหนักรัชทายาท องค์ชายยอนอิงอยู่ที่ไหน องค์ชายยอนอิงอ้ำอึ้งไม่ตอบเพราะตอนนั้นเขาอยู่กับองค์รัชทายาทลียูน แต่องค์รัชทายาทห้ามบอกใครเด็ดขาด ทงอีเดาว่าเรื่องนี้เป็นกับดักที่จะให้ร้ายองค์ชายยอนอิง
 
ด้านฮีเจบอกสนมฮีบินว่า เรื่องที่หนังสือจริยธรรมแห่งกษัตริย์ไปอยู่ในห้องขององค์ชายยอนอิง เป็นฝีมือของเขาเอง ฮีบินบอกเรื่องแค่นี้คงไม่สามารถกำจัดยอนอิงได้ ฮีเจบอกเขาเพียงต้องการซื้อเวลาเท่านั้น
 
“ก็หมอหลวงหญิงที่ถูกพวกมันแย่งไปไงล่ะ รวมถึงตุ๊กตาผ้ากับของในพิธีสาปแช่งที่ท่านคืนพวกมันไป ข้าแค่อยากให้พวกมันไม่มีทางใช้ไพ่ใบนั้นได้ทัน ต่อให้เรื่องนี้คลี่คลายได้ พวกมันก็ไม่อาจใช้หลักฐานนั้นมาสั่นคลอนตำแหน่งของรัชทายาทได้อีกต่อไป เพราะนั่นจะยิ่งทำให้คนคิดว่า พวกเค้าใส่ร้ายเพราะอยากแย่งชิงตำแหน่ง ดังนั้นพระสนม แค่อยู่เฉย ๆ ก็พอแล้ว ใช้เรื่องนี้ซื้อเวลาไป แล้วเราก็แค่วางแผนขับไล่สนมกับองค์ชายยอนอิงออกจากวัง” ฮีเจเปิดเผยแผนของตนเอง

องค์ชายลียูนเห็นองค์ชายยอนอิงนั่งร้องไห้เพราะถูกกล่าวหาว่าขโมยตำราก็สงสาร



“เจ้ามานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวเหรอ?”
 
“มะ ไม่พ่ะย่ะค่ะ พี่ชาย หม่อมฉันไม่ได้ขโมยหนังสือของท่านนะ หม่อมฉันไม่ได้..” องค์ชายยอนอิงพยายามบอก
 
แต่องค์ชายลียูนรู้นิสัยของน้องชายดี “ข้ารู้ เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้ยังไง เจ้าไม่ยอมบอกว่าเมื่อวานตอนบ่ายเจ้าอยู่ที่ไหน และเพราะอย่างนี้เลยทำให้เจ้ายิ่งถูกเข้าใจผิด ไม่บอกเพราะข้าใช่มั้ย เพราะสัญญาระหว่างเรา..”
 
“ก็ท่านเคยบอกหม่อมฉันว่า อย่าให้ใครรู้เรื่องอาการป่วยของท่าน ท่านบอกหม่อมฉันแบบนี้นี่ ยังไงก็ต้องเก็บเป็นความลับ” องค์ชายยอนอิงยังนั่งเศร้าใจ
 
“องค์ชายยอนอิง” องค์ชายลียูนยิ่งสงสารน้อง
 
“ดังนั้น ท่านไม่ต้องห่วงพี่ชาย เมื่อสัญญากันแล้ว ยังไงข้าก็ต้องรักษาไว้”
 
“เจ้าเป็นห่วงข้าใช่มั้ย เจ้าเจอเรื่องแบบนี้แล้วยัง..อุตส่าห์..”
 
“พี่ชาย” สองพี่น้องโผเข้ากอดกัน
 
องค์ชายลียูนคิดจะปกป้องยอนอิงที่เดือดร้อนเพราะตนเอง องค์ชายลียูนจึงขอเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง

บรรดาเหล่าเสนาฯต่างมาเรียกร้องให้พระเจ้าซุกจงจัดการเรื่องที่องค์ชายยอนอิงขโมยตำรา



“ฝ่าบาท เรื่องนี้จะปล่อยไปง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ตำราเหล่านี้ เป็นแบบเรียนสำหรับรัชทายาทเพียงเท่านั้น หนังสือแบบนี้ จะให้องค์ชายนำไปอ่านได้ยังไง ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”
 
“ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้กระเทือนต่ออนาคตของบ้านเมืองฝ่าบาท กระหม่อม ขอให้ทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าเสนาฯต่างแสดงความเห็นด้วย
 
“นั่นสิ พวกท่านทั้งหลายพูดถูก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย แค่มีหนังสือจริยากษัตริย์ติดไปกับองค์ชาย ก็ทำอย่างกับว่าเค้าจ้องจะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท โหมกระพือเรื่องราวให้ใหญ่โต คนที่สั่นคลอนราชสำนักและความมั่นคงก็คือพวกท่าน” พระเจ้าซุกจงเสียงเข้ม
 
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรงพ่ะย่ะค่ะ จะถือว่าเป็นเรื่องพลั้งเผลอไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
 
“พลั้งเผลอ เจ้าพูดถูกแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่การพลั้งเผลอ แต่เป็นความตั้งใจที่องค์รัชทายาทมอบให้องค์ชายยอนอิงด้วยตัวเอง เข้าใจรึยัง รัชทายาทมาหาข้าเมื่อครู่ บอกข้าว่าหนังสือเล่มนี้เค้าเป็นคนมอบให้องค์ชายยอนอิง แบบนี้ยังคิดจะลงโทษองค์ชายยอนอิง ฐานที่จ้องจะชิงตำแหน่งรัชทายาทมั้ย เอาล่ะ เรื่องที่พวกท่านทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่กล่าวหาองค์ชาย จะว่ายังไงกันดี ไปเอาราชโองการมา” พระเจ้าซุกจงตรัสสั่ง ขันทีถวายราชการโองการให้ “นี่คือ ราชโองการแต่งตั้ง พระสนมเชซุกอึยเป็นพระสนมขั้นหนึ่ง”
 
“เอ่อ นี่มัน ๆ ๆ..” เหล่าเสนาฯตกใจ
 
“คราวนี้ พวกท่านคงจะว่า พระสนมซุกอึย อยากเป็นพระมเหสีอีกสิ”
 
“ฝ่า ฝ่าบาท นี่ นี่เกรงว่า”
 
“ทำไมต้องตกใจท่านเสนาฯ พระสนมซุกอึยก็เป็นสมาชิกราชวงศ์ อีกอย่าง เมื่อมีฐานะพระสนมเอกแล้ว พระสนมคนมีสิทธิที่จะได้ขึ้นเป็นพระมเหสีได้เหมือนกัน” พระเจ้าซุกจงตรัสน้ำเสียงเฉียบขาด

พระสนมฮีบินพยายามเก็บอาการเมื่อรู้ว่าพระเจ้าซุกจงตั้งแต่ทงอีเป็นสนมเอกและอาจจะให้ขึ้นเป็นพระมเหสี เพราะนางเดาเหตุการณ์ไว้นานแล้ว ส่วนฮีเจร้อนใจเพราะเท่ากับว่าตำแหน่งรัชทายาทขององค์ชายลียูนต้องสั่นคลอนแน่นอน และหากอาการป่วยขององค์ชายลียูนถูกเปิดเผย องค์ชายยอนอิงจะต้องขึ้นมาแทนในตำแหน่งองค์รัชทายาทแน่นอน ฮีเจจึงมาปลุกระดมพวกขุนนางฝ่ายใต้ให้คัดค้านเรื่องนี้

ทงอีไม่เข้าใจที่พระเจ้าซุกจงแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นสนมเอกและไม่อยากรับตำแหน่ง นี้


“ฝ่าบาท ทำไมพระองค์ถึงตรัสอย่างนั้นในท้องพระโรงเพคะ ถึงแม้พระองค์จะกริ้วเรื่ององค์ชายยอนอิงมาก แต่ตรัสไปอย่างนั้นไม่เกินไปหรือเพคะ”
 
“เกินไปงั้นเหรอ หมายถึงเรื่องไหนล่ะ? เรื่องที่ข้าอาจตั้งเจ้าเป็นพระมเหสีเหรอ เจ้าคิดว่าข้าพูดไปเพราะความโกรธเท่านั้นเหรอ ทั้งหมดที่ข้าพูดในท้องพระโรง ข้าพูดจากใจจริงทงอี เพราะข้ากำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่”
 
พระเจ้าซุกจงตัดสินพระทัยตรัสเรื่องคำขอร้องสุดท้ายของพระเมหสีอินฮอน “ก่อนที่พระมเหสีจะสิ้นใจ นางได้ขอเรื่องนี้กับข้าไว้  นางขอให้ตั้งเจ้าเป็นพระมเหสี ทำแบบนี้ องค์รัชทายาท องค์ชายยอนอิง ถึงจะปลอดภัยได้     ทั้งคู่”
 
“แต่ว่าฝ่าบาท”

“จริงอยู่ ข้ารู้ดีว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าก็รู้ว่าทำแบบนี้จะทำให้เจ้าต้องแบกภาระแค่ไหน ตอนแรก ข้าคิดว่าเพื่อรัชทายาท ข้าควรจะแต่งตั้งให้ฮีบินได้เป็นพระมเหสี คงเป็นการตัดสินที่เหมาะสมกับราชวงศ์และบ้านเมือง แต่หลังจากที่เกิดเรื่องไร้สาระอย่างวันนี้ขึ้น ข้าก็พอจะเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่พระมเหสีกังวลคืออะไร นี่มันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น และต่อไปพวกขุนนางก็จะโหมเรื่องรัชทายาทกับองค์ชายอีกหลายครั้ง ถ้าฮีบินเป็นพระมเหสี ก็คงจะไม่มีใครที่สามารถรับรองความปลอดภัยขององค์ชายยอนอิงได้ แต่กลับกัน ถ้าเจ้าเป็นพระมเหสี เจ้าต้องปกป้องรัชทายาทแน่”
 
“ฝ่าบาท” ทงอีพูดไม่ออกจำนนด้วยเหตุผล
 
“ดังนั้นขอให้เจ้าช่วยพิจารณาอีกครั้งได้มั้ย เพื่อรัชทายาท องค์ชายยอนอิง รวมถึงเพื่อข้าด้วย” พระเจ้าซุกจงขอร้อง
 
ทงอีหนักใจมากจึงนำเรื่องมาปรึกษาชอนซูและใต้เท้าซอ ทั้งสองเห็นด้วยที่จะให้ทงอีรับตำแหน่ง


“พระสนม พรุ่งนี้จะมีพิธีแต่งตั้งท่านเป็นพระสนมซุกบิน ดังนั้นขอให้พระองค์ ทรงทำพระทัยให้สบาย ดำรงอยู่ในตำแหน่งอย่างปกติก็พอ นั่นต่างหาก คือสิ่งที่พระองค์ควรทำในเวลานี้” ใต้เท้าซอกล่าว
 
ทงอีครุ่นคิดหนักกับเหตุผลที่หลาย ๆ คนอยากให้นางรับตำแหน่ง ด้านพระสนมฮีบินแค้นจัดคิดหาทางที่จะเอาคืนทงอีให้ได้


  

 

องค์ชายลียูนเรียกองค์ชายยอนอิงมาพบและชวนออกไปนอกวัง องค์ชายยอนอิงห้ามแต่องค์ชายลียูนไม่ฟัง ปลอมพระองค์ออกไปเที่ยวนอกวังจนได้
 
ฮีเจเรียกประชุมขุนนางฝ่ายตนเองเพื่อหาทางแก้เกม มูยอลเข้ามากระแหนะกระแหนบอกตำหนักโบคยองได้ตัวหมอหญิงไปแล้ว และรอเวลาจะเปิดโปงพระสนมฮีบิน ฮีเจร้อนใจจึงนำเรื่องมาบอกน้องสาว
 
“ท่านบอกว่าซุกบินกำลังรอเวลาอย่างนั้นเรอะ”
 
“แน่อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ สักวันนางจะใช้หมอหลวงหญิง มาเปิดโปงเรื่องโรคของรัชทายาทกับทุกคน ไม่อย่างนั้นเหตุผลที่นางเก็บเรื่องหมอหลวงหญิงกับหลักฐานในพิธีสาปแช่งมาถึงวันนี้คืออะไร? ต้องเป็นอย่างที่ไอ้เจ้ามูยอลบอก ตอนนี้พวกเค้าแค่กำลังรอเวลา พระสนม ขุนนางกลุ่มโซนนตัดสินใจจะรวมพลังกัน สนับสนุนท่านขึ้นเป็นพระมเหสี”
 
“ดังนั้น ถ้าพระสนมซุกบินกับองค์ชายหายไปก็จบ” พระสนมฮีบินพูดน้ำเสียงร้าย
 
“ใช่ ใช่พ่ะย่ะค่ะพระสนม” ฮีเจยิ้มเหี้ยมเกรียม

มูยอลมาปรึกษาทงอี ให้รีบจัดการฝ่ายพระสนมฮีบินโดยเปิดโปงเรื่องอาการป่วยขององค์ชายลียูน เพื่อกำจัดกลุ่มสนมฮีบินออกไป


“พระสนม ถึงมีกำลังน้อย แต่กระหม่อมอาจจะช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อย เราจะต้องเปิดโปงแผนการที่ตำหนักชีซอนหลอกลวงพระราชาและราชวงศ์ ตอนนี้ถึงเวลาที่จะบอกเรื่องทั้งหมดกับราชสำนักและขับไล่คนที่สนับสนุนพระสนมฮีบินออกไป”
 
“ท่านรองเจ้ากรมกลาโหม ดูเหมือนว่าท่านจะเข้าใจข้าผิดไปแล้ว” ทงอีบอก
 
“ที่ตรัสว่าเข้าใจผิดคือ..”
 
“ข้าไม่คิดจะเอาเรื่องการประชวรของรัชทายาทมาแก่งแย่งผลประโยชน์เลย”
 
“พระสนม”
 
“แน่นอน การปิดบังเรื่องใหญ่อย่างนี้อาจทำให้เกิดปัญหาได้ แต่อย่างน้อย รัชทายาทเป็นพี่ชายคนเดียวขององค์ชายยอนอิง เค้าทั้งสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง ข้าไม่อยากทำลายความผูกพันของพี่น้อง”
 
“พระสนม ในวังหลวงไม่มีใครสามารถหลีกหนีการเมืองเพื่ออยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ แม้แต่ระหว่างนางในด้วยกันก็ยังมีการแก่งแย่งอำนาจผลประโยชน์กันเลย”
 
“ดูเหมือนว่าการปกครองที่ท่านกับข้าเข้าใจนั้น มันคงจะไม่ตรงกัน” ทงอีพูดตรง ๆ
 
“พระสนมไม่ควรมีความคิดแบบนี้ หากไม่ลงมือก่อนก็จะต้องถูกกระทำ..” มูยอลเตือน
 
“ในเรื่องนี้ ท่านกับข้าคงมองต่างมุมกัน” ทงอียังยืนยันคำเดิม

พอออกมาจากวัง ยอนอิงซึ่งคุ้นเคยกับการมีชีวิตนอกวังมาก่อนจึงพาองค์ชายลียูนเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน แต่จู่ ๆ องค์ชายลียูนก็ถูกกล่าวหาว่าขโมยของและถูกจับไปกักบริเวณ ทั้งสองไม่กล้าเปิดเผยฐานะตัวเอง ยอนอิงจึงไปขอร้องให้อาจารย์ยุนฮักช่วย




  

ด้านในวังพอรู้ว่าองค์รัชทายาทหายไปก็ตาม หากันวุ่น ทงอีได้รับรายงานเรื่องที่องค์รัชทายาท หายตัวไป ส่วนพงซังกุงก็มารายงานว่าองค์ชายยอน อิงก็ไม่อยู่เช่นกัน
 
“นี่พวกเจ้าพูดอะไร กึมไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเหรอ หรือว่า..” ทงอีเดาว่าทั้งสองพระองค์ต้องเสด็จไปด้วยกันแน่

ทงอีร้อนใจจึงจะออกไปนอกวัง “ข้าจะออกไปตามหากึมกับรัชทายาท ที่ที่กึมรู้จักข้ารู้ดี ก่อนที่เรื่องจะใหญ่กว่านี้ ข้าต้องรีบตามหากึมกับรัชทายาทให้พบ”
 
“พระสนม” พงซังกุมพยายามห้าม
 
“ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว พงซังกุงรีบไปตามพี่ชายมาพบข้าที” ทงอีสั่ง
 
ชอนซูมาพบทงอี ทงอีบอกจะออกไปนอกวังเพื่อตามหาองค์ชายทั้งสองพระองค์ และขอให้ชอนซูช่วยตามหาด้วย ชอนซูจึงนำเรื่องมาบอกใต้เท้าซอ


“หา พระสนมจะเสด็จไปเองเหรอ” ใต้เท้าซอตกใจมาก

“ขอรับ พระสนมทรงทราบดีว่าองค์ชายรู้จักที่ไหนบ้าง ดังนั้นบางทีท่านอาจจะหาทั้งสองพระองค์พบ” ชอนซูบอก

“นี่หัวหน้าชา ต้องระวังใว้ ถ้าองค์รัชทายาททรงเป็นอะไรไปจริง องค์ชายอาจจะต้องเดือดร้อนไปด้วย เจ้าและพระสนมจะต้องพาองค์ชายกับองค์รัชทายาทกลับมาให้ได้ก่อนตำหนักชีซอน” ใต้เท้าซอกล่าวหนักใจ

“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว” ชอนซูรับคำ



* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี

หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา