วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 56



เพื่อลบล้างข่าวลือในวังหลวง พระมเหสีอินวอนตัดสินใจให้องค์ชายยอนอินรีบอภิเษก ซึ่งตามกฎหลังอภิเษกแล้วต้องไปอยู่นอกวัง แต่เพื่อปกป้องกึม จึงขอให้ตนเองเป็นผู้คัดเลือกพระชายาให้ลูก

เนื้อเรื่อง:



“พระมเหสี ที่พระองค์ทรงทำแบบนี้ คงเป็นเพราะมีข่าวลือในวังใช่มั้ยเพคะ หม่อมฉันหมายถึง เรื่องที่ลือกันว่าองค์ชายยอนอิงคิดจะแย่งชิงตำแหน่งขององค์รัชทายาท”
 
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ถึงกับพูดเรื่องอย่างนี้มาได้โดยไม่สะทกสะท้าน ทำไมล่ะ เพราะเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนโปรดของพระราชารึ แล้วเจ้าเข้าใจไม่ผิดหรอก เจ้าเป็นพระสนมแต่กลับกล้าถือว่าตัวเองเป็นคนโปรดของพระราชาจนคิดจะสั่นคลอนอนาคตของบ้านเมือง ตราบใดที่ข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะไม่มีวันนิ่งเฉยกับเรื่องนี้แน่” มเหสีอินวอนตรัส
 
“ขออภัยเพคะพระมเหสี หม่อมฉันขออนุญาต กราบทูลด้วยความหวังดีซักหน่อย วังหลวง เป็นที่รวมของข่าวลือคำกล่าวหามากมาย ถ้าหากพระมเหสีผู้ที่เป็นประมุขของฝ่ายใน ไม่สามารถจะแยกแยะได้ว่า สิ่งไหนเป็นความจริงสิ่งไหนเป็นแค่ข่าวลือ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ฝ่ายในแต่เป็นราชวงศ์และบ้านเมืองด้วย ได้โปรดจำคำของหม่อมฉันไว้เพคะ” ทงอีพูดอย่างเหลืออด
 
“อะไรนะ ซุกบิน นี่เจ้ากล้าสั่งสอนข้าอย่างนั้นรึ” อินวอนโกรธจัด
 
“เพคะ หม่อมฉันกล้าสั่งสอนเพคะ ในฐานะที่อยู่ในฝ่ายในและเป็นผู้ใหญ่คนนึงของราชวงศ์ หม่อมฉันจำเป็นต้องทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพระมเหสี” ทงอีกล่าวอย่างตรง ๆ


มเหสีอินวอนเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงบอกเรื่องจะจัดอภิเษกให้องค์ชายยอนอิง พระเจ้าซุกจงบอกยอนอิงยังเด็กเกินไป  อินวอนบอกว่าตอนที่พระเจ้าซุกจงอภิเษกก็อายุเท่ากัยยอนอิง และเรื่องการจัดอภิเษกก็เป็นหน้าที่ของนาง หากพระเจ้าซุกจงคัดค้านในเรื่องที่นางได้กล่าวไปแล้วจะทำให้ตำแหน่งมเหสีเสียหายได้ พระเจ้าซุกจงทรงอึ้งไปเพราะอินวอนพูดอย่างมีเหตุผล

ทงอีนำเรื่องมาปรึกษาใต้เท้าซอ ชอนซู และวูนเทค เพราะไม่มีเหตุผลมาหักล้างเหตุผลของมเหสีอินวอนได้ และการที่จะปล่อยให้องค์ชายยอนอิงอภิเษกและย้ายไปอยู่นอกวัง ก็อาจเกิดอันตรายแก่องค์ชายยอนอิงได้ แม้สนมฮีบินจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ใต้เท้าซอจึงให้วูนเทคไปเกลี้ยกล่อมเหล่าขุนนางกลุ่มโซนนเพื่อให้ช่วยกันคัดค้านเรื่องนี้


“ใต้เท้า พระสนมซุกบินสละแม้แต่ตำแหน่งพระมเหสีเพื่อทุกคน แต่ทำไมพวกเค้าถึงยังตามจองล้างจองผลาญอยู่อีก” ชอนซูกล่าวอย่างหนักใจ
 
“เพราะว่าการมีองค์ชายอยู่ยังเป็นอันตรายสำหรับพวกเค้า เราไม่ฆ่าเค้าเค้าก็ฆ่าเรา นี่แหละราชสำนัก” ใต้เท้าซอกล่าว
 
“แต่ข้าคิดว่าสาเหตุคงไม่ได้มีแค่นั้น เพราะพระสนมซุกบินมีชาติกำเนิดเป็นชนชั้นต่ำ เป็นเพราะองค์ชายมีสายเลือดของชนชั้นต่ำอยู่ด้วย พวกเค้าจึงรู้สึกรังเกียจและต่อต้าน พระราชามาจากชนชั้นต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเค้าไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อน ก็เลยคิดจะหาทางกำจัดให้เร็วที่สุด ถ้าเป็นอย่างนี้จริงละก็ องค์ชายไปอยู่นอกวังก็คงไม่รอดชีวิต ข้าจะไม่มีวัน ไม่มีวันยอมให้เรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด” แววตาชอนซูมุ่งมั่นมาก

องค์ชายยอนอิงพอทราบข่าวเรื่องที่พระองค์จะต้องเข้าพิธีอภิเษกก็กังวลใจมาก  เพราะไม่อยากไปอยู่นอกวัง  และไม่อยากจากเสด็จแม่ด้วย ทงอีปลอบลูกชายบอกจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
 
ทงอีเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงปรึกษาเรื่องนี้ พระเจ้าซุกจงโกรธตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องลูกชายได้ และคิดว่าจะหาทางช่วยองค์ชายยอนอิง แต่ทงอีห้ามไว้เพราะเกรงว่าจะมีข่าวลือว่าพระราชาลำเอียง รักยอนอิงมากกว่ารัชทายาท  ทงอีจึงขอแก้ไขเรื่องนี้เองและจะปกป้องยอนอิงให้ถึงที่สุด


ทงอีบอกมเหสีอินวอนว่าจะทำตามประสงค์  แต่ขอเป็นคนคัดเลือกคู่ครองให้องค์ชายยอนอิงเอง อินวอนไม่พอใจบอกว่าทงอีก้าวก่ายหน้าที่ของนาง
 
“ไม่ใช่เลยเพคะพระมเหสี นี่ก็คือ กฎระเบียบเรื่องพระราชพิธีอภิเษกของเชื้อพระวงศ์ในฝ่ายตรวจการ ในนี้บันทึกว่า นอกจากการคัดเลือกชายาองค์รัชทายาท มีหลายกรณีมากที่มารดาองค์ชายทั่วไปสามารถคัดเลือกพระชายาให้องค์ชายได้ พระมเหสีมีรับสั่งให้อภิเษกโดยให้เป็นไปตามอำนาจของพระองค์เพคะ หม่อมฉันยินดีปฏิบัติตาม แต่เช่นนี้พระมเหสีก็ควรจะทำตามกฎระเบียบของราชวงศ์ด้วยเช่นกันเพคะ” ทงอีกล่าว
 
มเหสีอินวอนจนด้วยเหตุผลจำใจต้องทำตามที่ทงอีขอ

หลังจากมีการประกาศออกไปเรื่องการสรรหาคู่ครองให้องค์ชายยอนอิง สร้างความตื่นเต้นให้กับตระกูลร่ำรวย มีชื่อเสียง เหล่าชนชั้นสูงที่มีลูกสาวเป็นอย่างมาก พร้อมกับเตรียมถวายชื่อลูกสาวของตนเองเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก  แต่ทงอีก็ปฏิเสธทุกราย เพราะนางไม่ต้องการคนที่ร่ำรวยหรือมีชื่อเสียง แต่นางต้องการตระกูลที่มีความจงรักภักดี และเป็นกำลังใจให้กับองค์ชายยอนอิงในอนาคต

อินวอนมาพบรัชทายาทและบอกเรื่องที่องค์ชายยอนอิงจะต้องออกไปอยู่นอกวังหลังจากอภิเษก และขอให้องค์ชายลียูนไม่ต้องกังวล  เพราะอินวอนจะอยู่เคียงข้างและปกป้องรัชทายาทเอง แต่องค์รัชทายาทก็ยังไม่คลายกังวลใจ ยังไม่ยอมเสวยพระกระยาหาร ทงอีจึงทำอาหารพิเศษมาให้


“นี่เป็นโจ๊กสาหร่ายกับบ๊วย บ๊วยจะช่วยให้มีกำลัง ลองเสวยดูหน่อยนะ บ๊วยจะช่วยให้เจริญอาหาร และฟื้นร่างกายให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น รัชทายาทเสวยเยอะ ๆ เถอะนะ”
 
“ทำไมต้องทำอย่างนี้กับข้า สำหรับพระสนม ข้าควรจะตายไปดีกว่าไม่ใช่เหรอ? แต่ว่า ทำไมองค์ชายยอนอิงกับท่าน ถึงยังจะทำอย่างนี้กับข้าอีก” องค์ชายลียูนยึงรู้สึกคลางแคลงพระทัยในทงอีและลูกชาย
 
“รัชทายาท”
 
“เสด็จกลับไปเถอะ ช่วยบอกองค์ชายยอนอิงด้วยว่า ขอให้เค้าอย่าได้มาหาข้าอีก ข้ารู้เรื่องที่เค้าแอบมาถวายพระพรให้กับข้าทุกวัน ทำแบบนี้ข้าคงรู้สึกอึดอัด เพราะข้าไม่อยากจะเห็นหน้าองค์ชายยอนอิง”
 
“รัชทายาท ใจจริงของท่านไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เพียงแต่ความเจ็บปวดที่ยังอยู่ในใจทำให้..    อยากกีดกันองค์ชายยอนอิงไปให้ไกลไกล ทั้งที่ห่วงเค้าไม่ใช่หรือ ความจริงองค์ชายยอนอิงก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน”

องค์ชายยอนอิงเสด็จมาหาองค์ชายลียูนเหมือนเช่นทุกครั้ง


“รัชทายาท อีกหน่อย ข้าก็คงจะต้องไปจากวังหลวงแล้ว ข้าคงไม่ได้อยู่กับท่านในวังอีกต่อไปแล้ว”

“ข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า ข้าเป็นศัตรูที่เจ้าจะต้องเหยียบข้ามไป ส่วนเจ้าก็เป็นศัตรูที่ข้าต้องล้มให้ได้”
 
“ข้ารักพี่ชายจริงจริงนะ เหมือนที่รักเสด็จแม่  และรักเสด็จพ่อ ข้ารักพี่จริงจริงนะ” องค์ชายยอนอิงพยายามอธิบาย

รายชื่อหญิงงามยังถูกส่งมาให้ทงอีเลือกไม่ขาดสาย แต่ทงอีก็ไม่เลือกสักคน โดยนางบอกว่ามีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว แต่ไม่มีใครส่งรายชื่อเข้ามา ดังนั้นนางจึงจะไปเชิญด้วยตัวเอง ทงอีเสด็จไปบ้านที่ปรึกษาพระราชพัคตงจู พอมูยอลและซางฮอนรู้ถึงกับกังวลใจ  เพราะพัคตงจูเป็นตระกูลดังอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวงและยังเป็นผู้มีอิทธิพลมากในกลุ่มบัณฑิต และพ่อของพัคตงจูยังเคยเป็นผู้นำกลุ่มโซนนด้วย


มเหสีอินวอนทราบเรื่องที่ทงอีจะเดินทางไปพบพัคตงจูก็รีบมาขัดขวาง เพราะเกรงว่ากลุ่มขุนนางที่มีอิทธิพลจะทำให้แนวร่วมของทงอีแข็งแกร่งขึ้น แต่ทงอีไม่สนใจขอตัวเดินทางไปพบพัคตงจูในทันที ขณะที่มูยอลก็เดินทางไปพบใต้เท้าพันดูฮงซึ่งเป็นเพื่อนรักของพัคตงจู เพื่อให้ช่วยยับยั้งอีกด้านหนึ่ง
 
มูยอลพบกับชอนซูโดยบังเอิญจึงกล่าวเยาะเย้ย


“คงจะจนมุมแล้วสิ ดูเหมือนว่าพระสนมคงไม่มีทางจะไปแล้ว ถึงได้คิดจะพึ่งพาตระกูลใหญ่น่ะ แต่ว่าสุดท้ายก็คงแพ้หมดกระดาน ทั้งเรื่องพระคู่ครอง และเรื่องที่จะรั้งให้องค์ชายอยู่ในวังหลวงต่อ”
 
“ไม่หรอก เพราะพระสนมจะต้องได้ทั้งสองอย่างมาอย่างแน่นอน และสุดท้ายใต้เท้าก็จะเป็นกำลังสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย”
 
“อะไรนะ” มูยอลแปลกใจกับคำพูดของชอนซู

ทงอีเดินทางไปที่บ้านพัคตงจูก็จริง แต่ไม่ได้พบกับพัคตงจู แต่นางมาพบกับบัณฑิตของจงเจ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของยุนฮัก เนื่องจากจงเจมีลูกสาวชื่อ เฮอิน เป็นเด็กสาวที่ทงอีเห็นว่าเหมาะสมที่จะเป็นชายาของยอนอิง ทำให้พวกขุนนางบางคนไม่พอใจ แม้แต่พระเจ้าซุกจงก็แปลกพระทัยไม่น้อย



“อะไรนะซอจงเจเหรอ เค้าเป็นใครน่ะ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเค้าเลย”
 
“เป็นอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ เพราะเค้าเป็นแค่บัณฑิตที่ไม่มีตำแหน่งขุนนาง” ใต้เท้าซอกราบทูล
 
“หา เป็นแค่บัณฑิตหรือ?”
 
“ในอดีตเค้าเคยสอบบัณฑิตหลวงได้ แต่ไม่มีเป้าหมายจะเป็นขุนนางจึงเป็นครูสอนหนังสือในเมืองเล็ก ๆ”
 
“ทำไมถึงได้เลือกคนอย่างนั้น นี่เป็นการตัดสินใจของซุกบินจริง ๆ เหรอ”
 
“พ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่พระสนมทรงตัดสินพระทัยไว้แต่ก่อนออกปิดประกาศคัดเลือกพ่ะย่ะค่ะ”
 
“เฮ้อ อะไรเนี่ย?” พระราชายังแปลกใจไม่หาย


ซางฮอนหัวเราะชอบใจเย้ยหยันที่ทงอีไม่สามารถหาคนที่ตระกูลสูงมาเป็นชายาขององค์ชายยอนอิงได้ แต่ไม่นานพัคตงจูก็มาบอกว่า ทงอี เลือกลูกสาวของจงเจซึ่งที่ดินที่จงเจอยู่คือฮวงจุ้ยของพระราชา เป็นสถานที่ที่รัชทายาทอึยคยอง พระบิดาของพระเจ้าซองคงเคยอยู่มาก่อน พระเจ้าซอนโจก็เคยมาสร้างห้องเรียนหนังสือที่นี่ ซึ่งทั้งสองพระองค์ไม่มีท่าทีจะได้เป็นพระราชา เมื่อใคร ๆ รู้เจตนาของทงอีต่างก็พากันกังวลใจ โดยเฉพาะมูยอลและซางฮอน

“เรื่องนี้เหลวไหลที่สุด แค่ความเชื่องมงายแค่นี้พวกท่านก็หวั่นไหวแล้วรึ” มูยอลพยายามจะปฏิเสธแต่ในใจไม่วายกังวล

“ไม่ใช่พวกข้า แต่เป็นประชาชนต่างหาก ที่เหลวไหลงมงายคือประชาชน ที่น่ากลัวที่สุดก็คือใจประชาชน ถ้าพวกเค้าเอาเรื่อง พระราชาสององค์ก่อนมาเชื่อมโยงกับองค์ชายยอนอิง ก็จะเชื่อว่า องค์ชายยอนอิงต่างหากที่เป็นโอรสสวรรค์”

“หรือท่านจะให้องค์ชายยอนอิงอยู่ในวังต่อไป เพราะกลัวใจคนไม่กี่คนเนี่ยนะ?”

“ใต้เท้าจางพูดถูกต้องแล้ว จะให้องค์ชายอยู่ในวังต่อไปเพราะเหตุนี้ไม่ได้”

“แต่ถ้าให้องค์ชายไปอยู่ที่นั่น แล้วข่าวลือรุนแรงมากขึ้นจะทำไง จะประมาทความรู้สึกประชาชนไม่ได้” เหล่าเสนาถาม

“ใต้เท้า ท่านคิดมากไปแล้ว” มูยอลบอก

“ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน เราจะประมาทไม่ได้” เหล่าขุนนางพากันถกเถียงกันเซ็งแซ่


แผนสร้างสถานการณ์ให้เหล่าขุนนางหวั่นไหวเป็นไปตามที่ทงอีคาด เพราะตอนนี้ขุนนางต่างพากันกลัวใจประชาชน จึงมีความคิดที่จะให้ยอนอิงอยู่ในวังหลวงต่อไป มูยอลต้องการล้มล้างความเชื่อของประชาชน เลยส่งลูกน้องไปตัดต้นไม้ที่อดีตพระราชาเคยปลูกเอาไว้นับร้อย ๆ ปีทิ้ง  แต่ก็ถูกชอนซูจับได้

“ถ้าเจ้ายอมฟังคำเตือนของข้าก่อนที่จะเดินถลำมาถึงจุดนี้ก็คงดี” ชอนซูกล่าว

“แปลว่า เรื่องทั้งหมดนั่น.. คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะอยู่รอดได้รึ?”

“ดูเหมือนว่าชีวิตของท่านจะอยู่ในมือของข้านะ คนอย่างท่านจะมีอดีตที่ใสบริสุทธิ์ได้ยังไง แต่ฝีมือเหนือชั้นไม่เบา ทำให้ข้าต้องเหนื่อยไปไม่น้อย ดูไม่เหมือนคนเที่ยงตรงที่ลือกันเลยซักนิด รวมหัวกับพ่อค้ากลุ่มทางใต้ ทำเรื่องสกปรกได้อย่างไร้ช่องโหว่ แถมตบตาผู้คนได้สนิทเลยทีเดียว ฟังไว้ให้ดีท่านรองเจ้ากรม สิ่งที่ข้าได้ทำลงไปทั้งสามครั้งนั้น แค่อยากให้ท่านรู้ว่าความฉ้อฉลที่ท่านซ่อนเอาไว้นั้น ข้าเปิดโปงมันได้ตลอดเวลา รวมไปถึงชีวิตของท่านด้วย ข้าอยากได้เมื่อไหร่ก็มาเอาได้ทั้งนั้น แต่ท่านไม่ต้องห่วงไปหรอก เพราะมันจะยังไม่ใช่วันนี้ ตอนนี้ยังมีเรื่องที่ต้องรบกวนให้ท่านไปทำ ส่วนมันเป็นเรื่องอะไร ข้าจะบอกท่านเดี๋ยวนี้แหละ”

มูยอลถูกชอนซูขู่จะเปิดเผยปูมหลังจึงเอาตัวรอดโดยการเข้าข้างเหล่าขุนนางที่ต้องการให้องค์ชายยอนอิงอยู่ในวังหลวงต่อไปหลังอภิเษกเพื่อความปลอดภัย


“แต่ว่า ทำแบบนี้ก็จะผิดกฎราชสำนัก ที่กำหนดว่าองค์ชายที่อภิเษกต้องออกไปประทับนอกวัง” เหล่าเสนาคัดค้าน

“ข้าก็รู้กฎระเบียบข้อนี้ดี แต่ว่า ตอนที่องค์ชายอยู่นอกวังก็เคยถูกลอบปลงพระชนม์มาแล้ว ในเมื่อเคยเกิดเรื่องอย่างนี้ จะยอมให้องค์ชายที่ยังเยาว์วัยออกไปได้ยังไง” พระเจ้าซุกจงตรัส

“ฝ่าบาท ขอให้ทรงตระหนักถึงเหตุผลของกฎระเบียบด้วยพ่ะย่ะค่ะ กฎข้อนี้กำหนดขึ้น เพื่อคุ้มครององค์รัชทายาทนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ขอให้ทรงนึกถึงองค์รัชทายาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ฝ่ายสีน้ำเงินกล่าว

“ฝ่าบาท เรื่องนี้จะไม่มีการยกเว้น ดังนั้นขอให้ทรงเข้าพระทัยในความภักดีของพวกกระหม่อมด้วย”

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่ควรยึดตายตัวเกินไป” มูยอลเอ่ยขึ้น เหล่าเสนาแปลกใจมาก มูยอลหน้านิ่ง “ในอดีต องค์ชายบ๊กซองโอรสพระเจ้าจุงจงก็เคยประทับอยู่ในวังเป็นเวลาสองปีหลังจากอภิเษกพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้จึงไม่เรียกว่าเป็นการฝืนกฎระเบียบของราชสำนัก”

“แต่นี่..ท่านรองเจ้ากรม” เสนาจะพยายามคัดค้าน แต่มูยอลโพล่งแทรกขึ้น “ฝ่าบาท ดังเช่นที่ฝ่าบาทตรัส การประทับอยู่นอกวังเป็นอันตรายสำหรับองค์ชาย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยขององค์ชาย จึงควรให้ประทับอยู่ในวังหลวงไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

คำกล่าวของมูยอลมีเหตุผล  ทำให้ขุนนางหลายคนเห็นด้วย  แต่ซองฮอน โกรธมาก “นี่  นี่.. หนอย..”


ทงอีได้ข่าวเรื่องที่องค์ชายยอนอิงไม่ต้องไปอยู่นอกวังแล้ว  จึงรีบมาเข้าเฝ้าพระราชา

“ฮะๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย เจ้าทำให้พวกเค้ายอมเปลี่ยนใจได้ยังไง?”
 
“วันหลังหม่อมฉันจะอธิบายให้ฟังเองเพคะ แบบละเอียดเลย” ทงอียิ้ม
 
“ฮะ ๆ เจ้านี่เก่งจนข้าประหลาดใจเลย ข้าดีใจมากเลยนะ เพราะข้าทำอะไรไม่ได้จนแทบจะบ้าอยู่แล้ว ข้าจะได้ยอมรับงานอภิเษกองค์ชายได้อย่างสบายใจ ฮะ ๆ ๆ งานอภิเษกครั้งนี้  ข้าต้องการให้ยิ่งใหญ่ที่สุด คราวนี้ เจ้าห้ามบอกว่าไม่ได้อีกนะ เข้าใจรึเปล่า” พระราชาตรัสอย่างดีพระทัย
 
“เพคะฝ่าบาท ครั้งนี้หม่อมฉันจะยอมแอบไปอยู่ข้างหลังแต่โดยดี” ทงอียิ้ม
 
“ฮะ ๆๆ” พระราชาหัวเราะอย่างมีความสุข

งานอภิเษกขององค์ชายยอนอิงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางความสุขของทุกคน ทงอีจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พระราชาฟัง

  


“ตอนแรกที่เลือกลูกสาวของซอจงเจเป็นเจ้าสาว หม่อมฉันแค่เห็นว่าเป็นตำนานที่น่าสนใจเท่านั้น แต่เรื่องที่ขุนนางกลุ่มโซนน กลัวที่สุดกลับเป็นเรื่องแบบนี้ไปได้”
 
“ก็ไม่แปลกหรอก ไม่มีพลังอะไรที่น่ากลัวไปกว่านั้นแล้ว”
 
“ขอบพระทัยที่ทรงทำตามสัญญาเพคะ ทั้งเรื่องที่ให้หม่อมฉันเลือกชายาขององค์ชายด้วยตัวเอง หรือที่ทรงยอมให้หม่อมฉันจัดการเรื่องนี้”
 
“กษัตริย์ตรัสแล้วต้องไม่คืนคำ โองการหนักแน่นดั่งภูผา ข้าจะผิดคำพูดได้ยังไง แต่ข้าก็ยังคิดว่า องค์ชายยังจำเป็นต้องอภิเษกกับผู้หญิงจากตระกูลที่มีอำนาจ ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้า แต่ยังไง ถ้านึกถึงทางที่องค์ชายยอนอิงต้องเดินต่อไป ที่สำคัญที่สุด คืออำนาจที่เหนือเหล่าขุนนาง”
 
“ทางที่องค์ชายยอนอิงต้องเดินหรือเพคะ?”
 
“ทงอี ถึงเรื่องครั้งนี้จะจบอย่างราบรื่น แต่ว่าขุนนางกลุ่มโซนน ไม่มีทางปล่อยองค์ชายยอนอิงไปง่าย ๆ หรอก สำหรับข้าแล้ว พวกเค้าต่างเป็นลูกชายที่ข้ารัก แต่สำหรับพวกเค้า รัชทายาทกับองค์ชายเป็นแค่เบี้ยที่พวกเค้าใช้แก่งแย่งอำนาจกัน กลุ่มโซนนใช้รัชทายาท กลุ่มโนนนใช้องค์ชาย และนับจากนี้ไป พวกเค้าจะยังไม่หยุดการแก่งแย่งนี้ ข้าก็เชื่อว่า เจ้าคงจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ทางที่องค์ชายยอนอิงต้องเจอ และต้องเดินในวันข้างหน้ามันจะเป็นยังไง”
 
“ฝ่าบาท”


“ดังนั้นข้าอยากจะถามคำถามที่สำคัญกับเจ้าหน่อยทงอี ไม่ใช่ในฐานะพระราชา แต่ในฐานะของพ่อ และถามเจ้าในฐานะที่เป็นแม่ของลูก เจ้าเคยคิดว่าองค์ชายยอนอิงจะต้องได้ขึ้นครองราชย์มั้ย? เคยคิดว่าสิ่งนั้นเป็น ทางเดียวที่ทำให้เด็กคนนั้นอยู่รอดในวังหลวงรึเปล่า?”
 
“คนที่จะสืบราชบัลลังก์ เป็นพระราชาต่อจากฝ่าบาทนั้น มีเพียงองค์รัชทายาทเพียงองค์เดียว เรื่องนี้ จำเป็นต้องเป็นแบบนี้เพคะ แต่ว่า วิธีที่จะปกป้องชีวิตองค์ชายยอนอิง ได้ก็คือ ให้องค์ชายยอนอิง ให้เด็กคนนั้นเป็นพระราชาด้วยเช่นกัน หม่อมฉันคิดอย่างนี้เพคะ และนี่เป็นสิ่งที่คนเป็นแม่อย่างหม่อมฉันได้ตั้งใจอยากจะให้เป็น”

หลังได้ฟังทงอีกล่าวทูลแล้วพระเจ้าซุกจงก็ตรัส
 
“รัชทายาทกับองค์ชายต่างก็ได้ขึ้นครองราชย์ทั้งคู่ เพื่อรักษาชีวิตงั้นรึ? ดีมาก มันสมกับเป็นเจ้าจริง ๆ ในวังหลวงที่ไม่เหยียบย่ำคนก็จะถูกเหยียบย่ำนี้ ยังคิดแบบนี้ได้ก็เพราะว่าเป็นเจ้า ถึงจะมีความฝันในรูปแบบนี้ได้”
 
“ฝ่าบาท”


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี

หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา