วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 58




ชอนซูพยายามรวบรวมกองกำลังเพื่อป้องกันทงอีจากแผนชั่วของมูยอล ขณะที่พระมเหสีอินวอนได้มาพบทงอีเพื่อถามว่าทงอีมีเจตนาอันใดแอบแฝง ขณะที่มูยอลก็รีบไปหาพระมเหสีเพื่อขอให้จัดการสั่งให้ทงอีออกจากวังในทันที โดยวางแผนชั่วร้ายซ้อนเอาไว้

เนื้อเรื่อง:

ชอนซู เดินทางมาหา มูยอล สอบถามว่าเขากำลังเล่นตลกอะไร


“เล่นตลกอะไร อ๋อ หมายถึงอำนาจหัวหน้าศาลไต่สวนถูกเปลี่ยนมือเหรอ เรื่องนี้เจ้าไม่ควรจะมาถามข้า เจ้าควรจะไปถามเจ้ากรมที่กำกับดูแลศาลไต่สวนอีกที เพราะว่าเรื่องนี้เจ้ากรมเป็นคนขอร้องมาเอง ทหารองครักษ์ออกไปนอกวัง ทหารในวังก็ลดลงไปตั้งครึ่ง เจ้ากรมคงคิดว่าจะต้องบัญชาการเป็นระบบมั้ง ก็เลยส่งทหารกรมกลาโหมมาด้วย เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้เจ้ามาทำหน้าแตกตื่น จะขี้ตกใจไปหน่อยรึเปล่า?”

 “อย่าคิดทำเหลวไหลล่ะ ขอให้จำไว้ ข้าเคยบอกว่าข้าเอาชีวิตท่านได้ตลอดเวลา ดังนั้น ทางที่ดีอย่าทำอะไรวู่วามจะดีกว่า”

“งั้นหรือ ถ้างั้นลองดูก็ได้ ถ้าหากเจ้าเอาชีวิตข้าได้ เจ้าเองก็คงหนีไม่รอดหรอก และถ้าเป็นอย่างนั้น ในวังจะเหลือใครคอยคุ้มครองพระสนมกับองค์ชาย อย่าลืมว่าตอนนี้ วังหลวงไม่เหลือใครแล้ว”

 พระมเหสีอินวอน เสด็จมาหาทงอี ตรัสถามว่าทำไมนางจึงปฏิเสธตำแหน่งพระมเหสี


“ได้ยินว่าถ้าเจ้ายอม คนที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้ไม่ใช่ข้าแต่จะเป็นเจ้าแทน แต่ว่า ทำไมเจ้าถึงได้ปฏิเสธ นี่แหละที่ข้าอยากรู้”

 “พระมเหสี”

 “เจ้าคิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร แผนที่เจ้าเก็บซ่อนเอาไว้ มันคืออะไรหา? ปฏิเสธตำแหน่งพระมเหสี แต่กลับจ้องชิงตำแหน่งรัชทายาท เมื่อต้องการตำแหน่งรัชทายาท ทำไมเลือกชายาอย่างนั้นให้กับองค์ชายรัชทายาท ทำไมถึงได้วางใจเจ้านัก ลองพูดมาสิ ว่าเจ้าเป็นคนยังไงกันแน่ แล้วเรื่องที่ลือกันในวังมันคืออะไร?”

“ทำไมพระมเหสีมาถามหม่อมฉันล่ะเพคะ ที่จริงแล้วข่าวลือเกี่ยวกับหม่อมฉันและองค์ชายยอนอิงในวังหลวง พระมเหสีคงจะรู้สึกคลางแคลงพระทัย ถึงได้เสด็จมากลางดึกเพื่อมาถามหม่อมฉันด้วยองค์เองใช่มั้ยเพคะ?”

“แล้วเป็นเพราะอะไร หรือว่าเจ้ายอมเสียสละตัวเอง ไม่รับตำแหน่งพระมเหสีเพื่อรัชทายาทหา?”

“ไม่ใช่เพคะ ไม่ใช่การเสียสละตัวเองเลย ควรจะบอกว่าเป็นเพราะ.. หม่อมฉันโลภต่างหากเพคะ อยากปกป้องทั้งรัชทายาทและองค์ชายพร้อมกัน ไม่ต้องการจะเสียใครคนใดคนนึง นี่แหละคือความโลภของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่เคยคิดเลยว่า หม่อมฉันจะนำเภทภัยใหญ่หลวงมาให้ราชสำนัก เพราะอย่างนี้ถึงได้ทำให้..”

“อะไร ถึงได้ทำให้อะไร.. เภทภัยอะไร เหรอ?” พระสนมอินวอน ตรัสถาม

“พระมเหสี หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะกราบทูล เป็นเรื่องที่พระองค์ควรจะทราบมากกว่าใครทั้งหมดเพคะ”

มูยอล รู้ว่าพระมเหสีเสด็จไปตำหนักโบคยอง ก็รีบมาขอเข้าเฝ้า ทูลว่าตำหนักโบคยองน่าสงสัย


“พระราชามีรับสั่งไล่พระสนมซุกวอนออกจากวัง พวกกระหม่อมก็รู้สึกว่าคนใกล้พระสนมทำตัวน่าสงสัย”

“การกระทำที่น่าสงสัยหรือ?”

“พ่ะย่ะค่ะ โดยเฉพาะพี่ชายพระสนม ซุกบิน หัวหน้าศาลไต่สวนชาชอนซู ดูน่าสงสัยมาก พ่ะย่ะค่ะ คล้ายกับว่ากำลังวางแผนจะทำอะไรกับองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

“องค์รัชทายาทรึ หรือว่าพวกเค้าคิดจะ…”

“ใช่ ใช่พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”

“หลักฐานล่ะ ท่านพูดมาเพราะพบหลักฐานอะไรรึเปล่า?”

“ไม่เลย ตอนนี้ยังไม่พบหลักฐานเลยพ่ะย่ะค่ะ แต่การกระทำของคนพวกนั้นไม่ปกติ จนอาจจะเป็นอันตราย ดังนั้นจะต้องสืบหาความจริงแล้วรีบหาทางยับยั้ง ตอนนี้พระราชาไม่ได้ประทับอยู่ในวัง การคุ้มกันในวังจึงไม่แน่นหนาและอันตรายมาก พวกเค้าอาจจะฉวยโอกาส ทำการใดที่เป็นประสงค์ร้าย กระหม่อมเป็นห่วงเรื่องนี้มาก”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น มีทางจะสืบได้มั้ยว่าเรื่องอะไร?”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมถึงได้มาเข้าเฝ้าพระมเหสีตอนนี้ มีเรื่องนึงที่ต้องขอให้พระมเหสีทรงช่วยเหลือ”

“ข้าน่ะหรือใต้เท้า”

“พ่ะย่ะค่ะ ใช่พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”

ชอนซูมาหาทงอี ทูลเรื่องที่รองเจ้ากรมจางมูยอล กุมกำลังทหารทั้งหมดในวัง


“กระหม่อมรู้สึกว่าความเคลื่อนไหวของพวกเค้าดูไม่ปกติ” วูนเทค ทูล

“พอพระราชาเสด็จออกจากวัง หอจดหมายเหตุก็ถูกคนลึกลับจู่โจม”

“หอจดหมายเหตุเหรอคะ?”

“พ่ะย่ะค่ะ พระราชาต้องการจะสละราชสมบัติ จึงได้มีคำสั่งให้หอจดหมายเหตุเรียบเรียงประวัติศาสตร์ของพระราชารุ่นก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“ก็หมายความว่าคนพวกนั้นอาจจะเดาเจตนาของพระราชาออกแล้วก็เป็นได้”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะพระสนม ถ้าพวกเค้ารู้ว่าพระราชาทรงคิดจะให้องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์และให้องค์ชายเป็นรัชทายาท พวกเค้าคงไม่มีทางอยู่เฉยแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“ดันมามีอำนาจคุมทหารในวังในตอนนี้ บางทีคนพวกนั้นอาจจะฉวยโอกาส มาเอาชีวิตพระสนมกับองค์ชายก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” วูนเทค ทูล


ชอนซู ให้วูนเทคไปขอความช่วยเหลือจากขุนนางกลุ่มโนนน และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายนั้นไว้ ส่วนตนเองจะรีบเอาเรื่องนี้ไปรายงานแม่ทัพองครักษ์ เพื่อตรวจดูด้วยว่ากำลังทหารที่พวกเรามีตอนนี้มีอยู่เท่าไหร่

มินรายงานมูยอลว่าพวกทงอีเริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้ว

“กว่าจะถึงก็ครึ่งวัน ก่อนที่ทหารองครักษ์จะได้ข่าวแล้วรีบกลับวังมา พวกเราก็จะมีเวลาหนึ่งวันพอดี จะแพ้หรือชนะก็อยู่ที่…ในหนึ่งวันนี้ ต้องจัดการเสร็จในวันเดียว เข้าใจรึยัง?”

“ขอรับ ใต้เท้า”

เอจอง มารับองค์ชายกึมหลังเรียนเสร็จเพื่อพาไปพบทงอีตามรับสั่ง ด้านจองอิม สั่งพวกนางในฝ่ายตรวจการเฝ้าตำหนักโบคยองชั่วคราว หลังจากสืบรู้ว่ารองเจ้ากรมกลาโหมคุมกำลังในวังหลวงอยู่ทั้งหมด ส่วนชอนซู สั่งรวบรวมทหารในศาลไต่สวนได้จำนวน 20 คน แล้วให้ติดอาวุธทั้งหมด

ใต้เท้าซอเห็นว่าพระเจ้าซุกจงยังไม่บรรทม จึงเข้าไปเพื่อจะทูลถาม


“พอทีเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังจะพูดอะไร แต่ว่าเจ้าคงจะเปลืองน้ำลายเปล่าแน่”

“ฝ่าบาท จะทรงสละราชสมบัติ ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากขอให้ทรงพิจารณาใหม่”

“พิจารณาใหม่เหรอ วันหน้าข้าคงจะต้องฟังคำนี้อีกเป็นร้อยเป็นพัน แม้แต่เจ้าก็ยังพูดอย่างนี้เหรอ?”

“ฝ่าบาท เรื่องนี้จะนำพาเภทภัยมาสู่วังหลวงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเชื่อว่าพระสนมซุกบินก็ไม่อยากเห็นพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ทุกคนก็ควรจะรู้ว่า นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”

“ฝ่าบาท”

“ข้าเลือกที่จะสละราชสมบัติ เป็นการตัด สินใจดีที่สุดในฐานะพระราชา รัชทายาทก็เหมือนดวงไฟ ที่อยู่ท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ ถ้าข้าตายไปตอนนี้ ปล่อยให้รัชทายาทที่อ่อนแอขึ้นครองราชย์ ก็คงจะถูกพวกขุนนางชักโยงจนหมดสิ้นพระราชอำนาจไปแน่ เพราะฉะนั้น ข้าจะทำอย่างพระเจ้าแทโจ สละราชสมบัติให้รัชทายาทครองราชย์ เพื่อให้องค์ชายยอนอิงครองราชย์อย่างราบรื่น ให้ราชวงศ์มั่นคงไม่สูญเสียอำนาจไป ข้าอยากให้ท่านเข้าใจว่าที่ข้าทำไป มันผ่านการคิดมาอย่างรอบคอบ ตัดสินใจอย่างนี้ ถ้าเห็นแก่บ้านเมืองก็ขอให้เข้าใจด้วย” พระเจ้าซุกจง ตรัส

“แต่ฝ่าบาทเคยอยู่ในฐานะที่สูงสุดของแผ่นดินนี้ พระองค์จะเป็นยังไงถ้าทรงสละราชสมบัติแล้ว”

 “ฮะ ๆ ๆ ตำแหน่งพระราชาจะสำคัญอะไรต่อให้ข้าทิ้งมันไป ข้างกายข้าก็มีซุกบินทั้งคน ข้ามีคนที่มีค่ากว่าสิ่งเหล่านั้นอยู่ข้างกายแล้ว”

มูยอลสอบถามมินเรื่องที่สั่งให้ไปทำ มินยืนยันว่าได้จัดการตามที่สั่งแล้ว จะไม่มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด จากนั้นมูยอล ก็ไปเข้าเฝ้าพระมเหสีอินวอน


 “ท่านต้องการให้ข้าช่วยเรื่องอะไรใต้เท้า”

 “โปรดสั่งให้พระสนมซุกบินออกจากวังก่อนกำหนด”

 “ท่านว่าอะไรนะ?”

 “เรื่องที่พระสนมซุกบินต้องไปประทับนอกวัง ขอให้มีรับสั่งให้ไปวันพรุ่งนี้เลย” มูยอล ทูล

“แต่ข้าคิดว่าจะให้ ซุกบินออกไปหลังจากพระราชาเสด็จกลับมาแล้วตอนนี้พระราชาอยู่นอกวัง ทำไมต้องรีบร้อนให้นาง..”

“พระมเหสี เพราะว่าเวลานี้พระราชาไม่ได้อยู่ในวังในเวลาอย่างนี้ พวกเค้าจะมีแผนการร้าย ซึ่งอาจไม่มีใครคาดคิดก็ได้ การย้ายไปนอกวังก็ถูกกำหนดไว้แล้ว คำนึงถึงความปลอดภัยของรัชทายาท ก็ควรรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

ซางฮอน มาพบมูยอล สอบถามว่าจะสามารถเชื่อในคำพูดที่มูยอลเล่าได้จริงหรือไม่


“ถ้าท่านไม่สบายใจ ก็เชิญถอนตัวออกมาเถอะใต้เท้า”

“นี่เจ้า…”

“พระราชาไม่ได้คิดจะสร้างความวุ่นวายขึ้นมาเล่น ๆ แน่นอน พระราชาทรงคิดจะสละบัลลังก์จริง ๆ ถ้าสละราชบัลลังก์สำเร็จ แล้วองค์ชายยอนอิงเป็นรัชทายาท สนมซุกบินก็จะได้ครองอำนาจสูงสุด เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราทุกคนจะต้องตายกันหมดแน่ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะกำจัดพระสนมซุกบินและองค์ชายยอนอิงให้สิ้นซากไป ถ้าพระราชาเสด็จกลับมา ก็จะไม่มีโอกาสอย่างนี้อีกแล้วนะใต้เท้า ใต้เท้า” มูยอล กล่าว

ชอนซู สอบถามความเคลื่อนไหวของมูยอลจากทหารที่ส่งไปสืบเรื่อง จากนั้นจงคูเข้ามารายงานว่าเกิดเรื่องใหญ่ พระมเหสีสั่งให้ทงอีออกจากวัง ชอนซูจึงรีบไปหาวูนแทค
   
“ให้ออกจากวังตอนนี้ จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ตอนนี้แม้แต่ทหารที่จะมาคุ้มกันพระสนมยังเรียกใช้ไม่ได้เลย”
   
“เจ้าจางมูยอลมันวางแผนก็เพื่อเรื่องนี้ ถ้าหากพระสนมออกจากวังไปตอนนี้ ทหารของเราที่มีอยู่หยิบมือก็จะต้องแบ่งไปอารักขาองค์ชายและพระสนมทั้งสองทางพร้อมกัน”
   
“ทำแบบนี้เพราะคิดจะมัดมือเท้าเรา หรือว่าพวกมันคิดจะทำร้ายทั้งสองพระองค์จริง ๆ บ้าไปแล้ว เจ้าจางมูยอลมันทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ได้ยังไง”

ทงอีไปเข้าเฝ้าพระมเหสี เพื่อขอเลื่อนเวลาอีกวัน แต่ถูกปฏิเสธ จึงกลับมาสั่งให้พงซังกุงเตรียมตัวเก็บของ แล้วองค์ชายกึมก็วิ่งเข้ามาหา

   
“เสด็จแม่จะออกจากวังแล้ว นี่มันอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ ที่เสด็จพ่อตรัสว่า จะไล่ท่านออกจากวังเป็นความจริงใช่มั้ย แต่เสด็จแม่สั่งให้ พวกนางในไม่ให้บอกเรื่องนี้กับลูก เป็นเรื่องจริงใช่มั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
   
“กึม เข้ามาใกล้ ๆ แม่สิ”
   
“ทำไม ทำไมเสด็จแม่ถึงจะต้องออกจากวังไปด้วย ลูกไม่ยอมหรอก ถ้าเสด็จแม่จะต้องไปอยู่นอกวัง ลูกก็จะขอตามไปด้วย”
   
“กึมจ๊ะ ถึงจะออกจากวังก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เจอกันนี่ เจ้าก็ยังมาเยี่ยมแม่ได้ทุกวัน แถมเมื่อไหร่ที่แม่อยากเจอเจ้า แม่ก็ยังเข้าวังมาได้เสมอ”
   
“ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่ได้ ลูกไม่อยากให้เสด็จแม่ไปอยู่นอกวังเลยนี่”
   
“หนุ่มน้อย ลูกผู้ชายจะมาร้องไห้เพราะต้องแยกจากแม่ได้ยังไง แม่เคยสอนไว้ว่ายังไง ตอนนี้เจ้าแต่งงานแล้ว เจ้าต้องหนักแน่นเป็นผู้ใหญ่สิ” ทงอี กล่าว
   
“เสด็จแม่ ทำไมเสด็จพ่อถึงต้องขับไล่เสด็จแม่ออกไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ งั้นลูกก็จะเกลียดเสด็จพ่อแล้ว เมื่อก่อนลูกไม่เคยรู้สึกอย่างนี้ แต่ตอนนี้ลูกเกลียดเสด็จพ่อแล้วจริงด้วย”
   
“ไม่ใช่นะกึม จะคิดอย่างนี้ไม่ได้ ที่ทำไปทั้งหมด ก็เพื่อตัวของเจ้า ก็เหมือนกับ หลายปีก่อนที่แม่กับลูกใช้ชีวิตอยู่นอกวังกัน เสด็จพ่อทำแบบนี้ ก็เพราะหวังดีกับเจ้านะ”
   
“เพราะอะไรล่ะ ทำไมทำแบบนี้แล้วถึงบอกว่าทำเพื่อลูกล่ะ?”
   
“กึมจ๊ะ”
   
“โปรดบอกลูกเถอะเสด็จแม่ ทำไมเสด็จแม่ต้องออกไปจากวังหลวงด้วย”

องค์รัชทายาทลียูน มาขอให้พระมเหสีอินวอนถอนรับสั่ง เรื่องพระสนมทงอี


“รอให้เสด็จพ่อเสด็จกลับมาถึงวังหลวง หม่อมฉันจะทูลขอร้องเสด็จพ่อให้ถอนรับสั่งใหม่ เรื่องให้พระสนมออกไป รอให้เสด็จพ่อกลับมาก่อนก็ยังไม่สายเกินไปหรอก ดังนั้น พิจารณาเรื่องนี้ใหม่เถอะพ่ะย่ะค่ะ”
   
“ข้าทำแบบนั้นไม่ได้รัชทายาท เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายใน ข้าย่อมมีเหตุผลของข้าไม่ใช่เรื่องที่รัชทายาทควรจะยุ่ง”
   
“พระมเหสี”
   
“ดังนั้น เจ้ากลับไปดีกว่า ไปทำสิ่งที่เจ้าควรจะทำ พระราชาไม่ได้ประทับอยู่ในวัง รัชทายาทจะต้องปฏิบัติราชกิจแทนไม่ใช่หรือ? วันนี้ยอนฮวาบังมีงานเลี้ยงขุนนางปลดเกษียณ พระราชาแปรพระราชฐานอยู่ ดังนั้นรัชทายาทก็ต้องไปแทน รัชทายาทกลับไป เตรียมตัวเข้าสู่งานดีกว่า”

ชอนซู สั่งให้จงคู จัดกำลังทหารคุ้มกันตำหนักองค์ชาย และทหารที่จะอารักขาพระสนมไปตำหนักลีฮยอน ด้านมูยอลนำลูกน้องมาดักทำร้ายทงอีตามแผนที่วางไว้

   
“การคุ้มครองพระสนมไปตำหนักลีฮยอนเป็นหน้าที่ของกรมกลาโหม พวกเค้าจะคอยคุ้มครองพระองค์เอง ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกพ่ะย่ะค่ะ” มูยอล กล่าว
   
“ท่านมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนี้ กุมอำนาจทหารในวัง แถมยังรีบบีบข้าออกจากวังหลวงไปทันที” ทงอี ถาม
   
“อย่าตรัสอย่างนั้นพระสนม กระหม่อมก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของพระองค์เท่านั้น ทำไมพระองค์ถึงตรัสออกมาอย่างนี้”
   
“ใต้เท้า”
   
“ขอประทานอภัยด้วย คนที่ทำอะไรโดยไม่คิดให้ดีไม่ใช่กระหม่อม แต่เป็นพระองค์เอง พระองค์กำลังยุให้ ฝ่าบาทกระทำเรื่องน่ากลัวอยู่ไม่ใช่หรือพระสนม แต่ว่าเรื่องนี้ไม่มีวัน จะเป็นไปอย่างที่ท่านคาดหวัง ความปลอดภัยของพระสนมสำคัญที่สุด คอยถวายการอารักขาอย่าให้บกพร่องล่ะ” มูยอล กล่าว

ทงอีบอกกับวูนเทคว่า จางมูยอล รองเจ้ากรมรู้ถึงเจตนาของพระราชาแล้ว



“ถ้าหากจางมูยอลรู้เรื่องนี้จริง เค้าจะต้องมีแผนการอะไรอยู่ในใจแน่ เพราะเค้ารู้ดีกว่าใครว่า ถ้าองค์ชายได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทอนาคตของเค้าจะจบลงทันที” ชอนซู กล่าว
   
“พระสนม หาทางยื้อเวลาออกจากวังไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ” วูนเทค กล่าว
   
“ไม่หรอก ข้าจะออกไปตามที่กำหนด”
   
“พระสนม”
   
“ทิ้งทหารไว้ในวังให้มากที่สุดเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยขององค์ชาย” ทงอี สั่ง
   
“พระสนม แต่เรื่องนี้..” ชอนซู กล่าว
   
“ต่อให้จางมูยอลใจร้อนซักขนาดไหน ก็คงยังไม่กล้าทำอะไรข้าในเมืองหลวงแน่ ดังนั้นข้าอยากขอให้ท่านอยู่ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยขององค์ชายก่อน”
   
“พระสนม”

“โปรดทำตามที่ข้าขอเถอะพี่ชอนซู”

มูยอลสั่งให้มินไปสืบจนรู้ว่าฝั่งทงอีกำลังเคร่งเครียด ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ด้านวูนแทคและชอนซูวางแผนการอารักขาทงอี


“ถ้าทำแบบนี้คงไม่อาจคุ้มครองความปลอดภัยของพระสนมได้ ระหว่างทางไปถึงตำหนัก จะต้องผ่านเขาลูกนึง ซึ่งอาจมีการดักซุ่มโจมตี ถ้าพวกเค้าวางแผนจะปลงพระชนม์พระสนม”
   
“ใต้เท้า  คงต้องใช้ทหารส่วนตัวแล้ว  ช่วยระดมทหารส่วนตัวของพวกขุนนางมาช่วยเสริมที” ชอนซู กล่าว
   
“ทหารขุนนางกลุ่มโนนนรึ?”
   
“ใช่  เมื่อจดหมายส่งไปถึงใต้เท้าซอ  ทหารองครักษ์คงออกเดินทางมาแล้ว  ก่อนทหารองครักษ์จะเดินทางกลับมาถึง เราต้องหาทางคุ้มครองพระสนมให้ปลอดภัยที่สุด”
   
ใต้เท้าซอสั่งให้ทหารสองกลุ่มรีบกลับเมืองหลวงในทันที และพอพระราชาเสด็จกลับมาให้รีบถวายจดหมายให้ทันที
   
“ท่านแม่ทัพซอ อย่าเพิ่งไปตอนนี้” พระเจ้าซุกจง ตรัส
   
“ฝ่าบาท”
   
อินกุ๊กสั่งให้ลูกน้องเอาจดหมายไปให้ขุนนางในกลุ่มโนนนสั่งให้รวบรวมกำลังทหารให้ได้มากที่สุด ด้านจองซังกุงทูลทงอีว่า ตอนนี้นางในฝ่ายตรวจการจะคอยอารักขาพระสนม ส่วนหัวหน้าศาลไต่สวน จะนำทหารส่วนตัวไปดักซุ่มรอเพื่อคอยคุ้มครองพระสนม เพราะสถานการณ์ตอนนี้ใต้เท้าชอนซูคงคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด

มูยอล เข้าพบซางฮอน บอกว่าตอนนี้ทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่พวกเราวางไว้แล้ว


“ไม่มีปัญหาอะไรแน่นะ ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมา ถูกจับได้ว่าจะทำร้ายพระสนมซุกบินกับองค์ชายยอนอิงละก็..”
   
“ใต้เท้า  ทำร้ายพระสนมกับองค์ชายอะไร” มูยอล ถาม
   
“หืม?”
   
“ข้าน้อยไม่เคยพูดอย่างนั้นเลยนะใต้เท้า”
   
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า ถ้าไม่ใช่ว่าจะเอาชีวิตพวกเค้า แล้วทุกอย่างที่ทำมามันคืออะไร?” ซางฮอน กล่าว
   
“ข้าน้อยแค่ต้องการใช้โอกาสนี้ กำจัดสนมซุกบิน องค์ชาย และคนใกล้ตัวของนางทิ้ง แต่ข้าไม่เคยบอกว่าจะลงมือเอง ข้าไม่มีทางทำเรื่องที่เสี่ยงอย่างนั้นแน่” มูยอล กล่าว

“ถ้างั้นใครจะเป็นคนทำเรื่องนี้ล่ะ”

“ก็พระราชาไง”

 “อะ  อะไรนะ?”

“กำจัดพระสนมซุกบินกับองค์ชาย ต้องให้พระราชาเป็นคนทำเรื่องนี้ด้วยตัวของพระองค์เอง”

 “หา?”

ทงอีจะออกเดินทางแต่พงซังกุง เข้ามาทูลรายงานว่า ต้องเลื่อนเวลาเดินทางออกไปเพราะคนแบกเกี้ยวเกิดป่วยตอนนี้กำลังส่งคนไปหาคนแบกเกี้ยวคนใหม่มา คงต้องรออีกสักพัก

  


ชอนซู นำทหารล่วงหน้ามาตรวจดูเส้นทางเสด็จ

“มุ่งไปทางตำหนักลีฮยอน รวมถึงที่ยอน ฮวาบัง และที่นี่ต้องระวังให้มาก เพราะตรงนี้เป็นป่ารกทึบ แถมลับหูตาคนอาจจะมีคนดักซุ่มเพื่อลอบทำร้ายพระสนมได้ เข้าใจรึเปล่า?”

“ขอรับ”

“ตอนนี้เกี้ยวน่าจะออกจากวังมาแล้ว เดี๋ยวก็คงจะมาถึงที่นี่  ดังนั้นกลุ่มที่หนึ่งไปเฝ้าอยู่ตรงนั้น ส่วนกลุ่มที่สองมาเฝ้าดูกับข้าตรงนี้ก่อน ขอให้ทุกคนเฝ้าระวังตลอดเวลา เข้าใจใช่มั้ย”

“ขอรับ”

ทงอีจะมาเข้าเฝ้ารัชทายาท แต่ได้เสด็จออกนอกวังไปก่อนแล้ว โดยนางในทูลว่าได้เสด็จไปงานเลี้ยงขุนนางปลดเกษียณ


“เป็นงานเลี้ยงที่กำหนดไว้วันนี้ องค์รัชทายาทจึงต้องเสด็จไปเป็นประธานแทนพระราชา น่ะเพคะ”

 “ตอนแรกข้าคิดว่าจะมาลารัชทายาท น่าเสียดายที่ข้ามาช้าไป เข้าใจแล้ว”

“เพคะพระสนม”

“ระหว่างทางก็อาจจะได้พบเพคะ พระสนมไม่ต้องห่วงไปหรอก” พงซังกุง ทูล

“หืม”

 “เมื่อกี้พวกนางบอกว่ารัชทายาทเสด็จไปงานขุนนางปลดเกษียณ ถ้างั้นก็น่าจะเป็นที่พักขุนนางปลดเกษียณที่ยอนฮวาบัง พระองค์กล่าวลารัชทายาทระหว่างทางได้เพคะ”

“งานเลี้ยงขุนนางปลดเกษียณอยู่ที่ยอนฮวาบังรึ?”

“เพคะ เพราะตอนนี้ยังเป็นฤดูร้อน ก็น่าจะเป็นที่นั่น”

“ที่ยอนฮวาบังก็คือ..”

“เอ๊ะ?”

“มันอยู่ใกล้กับตำหนักลีฮยองที่ข้าต้องไป”

“มีอะไรหรือเพคะพระสนม?”

“เฮ้อ หรือว่าพวกนั้นจะ.. หรือว่า..” ทงอี กล่าว

“พระสนม”

มูยอล บอกกับซางฮอนว่า พระราชาจะกำจัดพระสนมกับองค์ชายเอง


“หมายความว่ายังไงหา?” ซางฮอน ถาม

“เพราะว่าพระสนมจะถูกข้อหาปลงพระชนม์รัชทายาท”

“ห๊า ว่ายังไงนะ”

“เพราะในวันนี้พระสนมซุกบินกับคนใกล้ชิดจะฉวยโอกาสที่พระราชาไม่ประทับอยู่ในวัง วางแผนปลงพระชนม์องค์รัชทายาทน่ะใต้เท้า นี่คือเหตุผลที่ข้าต้องกุมอำนาจทหาร แล้วหาทางบีบให้พระสนมเดินทางออกจากวังหลวง  ระหว่างที่พระสนมเดินทางออกนอกวัง  พวกนั้นที่กำลังร้อนใจคงใช้ทหารส่วนตัวเพื่อไปจู่โจมองค์รัชทายาทแน่นอน” มูยอล กล่าว

“รองเจ้ากรม..”

“แต่ว่า ใต้เท้าท่านไม่ต้องห่วง องค์รัชทายาท  จะปลอดภัยดี และแผนของพวกเค้าก็จะพังทลาย ทุกคนจะต้องถูกจับกุมข้อหาคิดปลงพระชนม์ และถูกตัดหัวกันอย่างถ้วนหน้า  ใต้เท้า”  มูยอล กล่าวอย่างมั่นใจ

ทงอี เริ่มรู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล บอกกับจองซังกุงว่า พวกนั้นไม่ได้คิดจะเอาชีวิตตนกับองค์ชาย แต่วางแผนจะซุ่มทำร้ายองค์รัชทายาทเพื่อโยนความผิดให้กับพวกเรา จากนั้นก็รีบนำเรื่องนี้ไปบอกชอนซู

“ขอร้องล่ะพี่ชอนซู อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามลงไปนะ”

 ชอนซูกำลังจะไปตรวจดูความเรียบร้อยเส้นทาง ทหารคนหนึ่งเข้ามารายงานว่า ทั้งหมดเป็นกับดัก พระสนมมีรับสั่งให้อยู่เฉยไว้ห้ามลงมือ หลังจากนั้นก็มีคนร้ายโจมตีขบวนเสด็จขององค์รัชทายาท


“รีบคุ้มครองรัชทายาท”

“ขอรับ”

 “มีคนร้ายดักซุ่ม พระสนมถูกทำร้ายแล้ว ไปเร็ว”

“ย๊าก..”

“ไม่ได้นะ หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดให้หมด ๆ นี่เป็นกับดัก นี่เป็นกับดัก สิ่งนี้น่ะ เหรอ แผนของเจ้าจางมูยอล” ชอนซู ตะโกน

 มูยอล รีบมาทูลพระมเหสีอินวอนเรื่ององค์รัชทายาท


“ว่ายังไงนะ องค์รัชทายาทถูกลอบทำร้ายเหรอ แล้วรัชทายาทอยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีรึเปล่าหา?”

“พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทหนีรอดได้ พ่ะย่ะค่ะ”

 “เฮ้อ”

 “ในที่สุดสิ่งที่กระหม่อมกังวลก็เป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ ตอนแรกยังแค่สงสัย  นึกไม่ถึงว่าพระสนมซุกบิน จะวางแผนปลงพระชนม์รัชทายาทจริง ๆ”

“ท่านพูดจริงเหรอ เรื่องนี้พระสนมซุกบินรู้เห็นด้วยงั้นหรือ?”

“เพราะคนร้ายที่ถูกจับได้ในที่เกิดเหตุ ก็คือพี่ชายของพระสนมซุกบินพ่ะย่ะค่ะ พวกนั้น ใช้ทหารขุนนางกลุ่มโนนน ซุ่มรอโจมตีขบวนเสด็จองค์รัชทายาท  พระมเหสีเราต้องจับพวกเค้าให้หมดก่อนที่จะหนีไปพ่ะย่ะค่ะ” มูยอล ทูล

“ให้ข้าเป็นคนทำหรือ?”

“พ่ะย่ะค่ะ  ได้โปรดใช้โองการของฝ่ายใน  เพื่อจะจับกุมพระสนมและองค์ชาย รวมถึงคนสนิททั้งหมด มาดำเนินคดีพ่ะย่ะค่ะ”

“โองการฝ่ายในรึ?”

“พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้องค์รัชทายาทยังไม่สามารถเสด็จกลับวัง ดังนั้นตอนนี้โองการฝ่ายในของพระมเหสีมีอำนาจเท่าราชโองการ ไม่มีเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดตัดสินพระทัยด้วยเถิด จะต้องรีบก่อนที่พวกเค้าจะหนี ต้องรีบจับกุมพวกเค้าในข้อหาลอบปลงพระชนม์รัชทายาทโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ พระมเหสี” มูยอล ทูล



วูนเทค ทูลเสนอให้ทงอี รีบเสด็จหนีก่อน แล้วรอจนกว่าพระราชาจะเสด็จกลับมาสืบสวน แต่ทงอีปฏิเสธ ด้านพระมเหสีอินวอน ตัดสินพระทัยเชื่อในสิ่งที่มูยอลทูล รับสั่งว่าจะเขียนโองการตามที่ทูลขอ เพื่อจับกุมคนที่วางแผนร้ายมาดำเนินคดี

“กล้าคิดทำร้ายองค์รัชทายาท ทั้งยังทำเรื่องหมิ่นพระเกียรติราชวงศ์อย่างนี้ สมควรจะได้รับการลงโทษ กลับไปรอคำสั่งจากข้าก่อนท่านรองเจ้ากรม  ไม่นาน ข้าจะมีคำสั่งออกไป”

“พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”

หลังจากออกมาจากเข้าเฝ้าพระมเหสีมูยอลก็กล่าวกับมิน

 “เรียบร้อย ที่เหลือจากนี้ก็แค่ให้พระมเหสีไปจัดการต่อเอง กล้ามาอวดดีกับคนอย่างข้า ชะตาชีวิตชนชั้นต่ำ จบสิ้นกันแค่นี้แหละ” มูยอล กล่าวแล้วสั่งให้มินรีบส่งทหารไปจับกุมพระสนมซุกบินกับองค์ชายยอนอิงกับคนใกล้ชิดทุกคน

องค์ชายกึมรู้ข่าวเรื่ององค์รัชทายาทถูกลอบทำร้ายก็ตกพระทัย จากนั้นก็มีทหารมาล้อมตำหนักองค์ชายกึมไว้เพื่อทำการคุ้มกัน ด้านมูยอลได้เดินทางไปพบกับทงอี


“กระหม่อมเคยเตือนพระองค์แล้วนะพระสนม ว่าสักวันพระองค์จะเสียใจ ที่ตัดสินพระทัยสลัดมือจากกระหม่อม”

“นั่นสินะข้าชักจะเสียใจเหมือนกัน ถ้าข้ายอมร่วมมือกับใต้เท้าแต่แรก ก็คงจะไม่มีเรื่องอย่างในวันนี้เกิดขึ้นแน่”

“พระองค์จะมาเสียใจภายหลังก็คงจะไม่ทันแล้วพ่ะย่ะค่ะ ยืนเฉยอยู่ทำไม คุมตัวพระสนมซุกบินไปเดี๋ยวนี้”

“ขอรับ  จับพระสนมซุกบินไป พวกเจ้าทำอะไรกัน ไม่ได้ยินคำสั่งของใต้เท้ารึไงหา?” มิน สั่ง

“ไอ้พวกงี่เง่า” มูยอล ตะโกน

“พวกเค้าคงไม่ฟังคำสั่งท่านหรอกใต้เท้า  ตอนนี้พวกเค้าจะฟังคำสั่งของข้าเพียงคนเดียว  ก็คือจับท่านดำเนินคดี” ทงอี กล่าว

“ว่ายังไงนะ?”

“มัวยืนทำอะไร รีบเข้าไปจับตัวเร็วเข้าสิ” พงซังกุง กล่าว

 “ปล่อยข้า  พวกสารเลว จะบ้ารึไงมาจับข้าทำไมหา?”

 “ปล่อยนะ บังอาจนัก พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึไง รีบออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้นะ” มิน กล่าว




 “คนที่พวกเจ้าควรจะจับไม่ใช่ข้า แต่ว่าเป็น พระสนมซุกบินตามโองการฝ่ายในที่พระมเหสีส่งมาให้ต่างหากเล่า พวกเจ้าไม่รู้รึไง”

 “โองการของฝ่ายในรึ?  ท่าน..คงหมายถึงป้ายอันนี้ใช่รึเปล่าใต้เท้า?” ทงอี กล่าว

 “พระสนมซุกบิน”

 “ราชเลขาฯ อะไรกันเนี่ย..”

 “ท่านพูดถูกแล้วใต้เท้า พระมเหสีทรงมี โองการฝ่ายในตามที่ใต้เท้าได้บอกมา คือรับสั่งให้จับคนที่คิดร้ายรัชทายาทมาดำเนินคดีให้หมด  และนักโทษคนนั้นคือรองเจ้ากรมจางมูยอล ท่านนั่นแหละใต้เท้า”


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี

หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา