วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า ตอนที่ 13



ในที่สุดเฮวอน (ออนยอน) ก็ได้แต่งงานกับซงแทฮา เมื่อแทกิลมาเห็นจึงคิดจะรามือและเลิกทำอาชีพนักล่าทาส จนเกิดการทะเลาะกับวังซอน ขณะที่ชอลวุงต้องการแก้มือ จึงตามฆ่าบัณฑิตที่ร่วมลงชื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อหาตัวแทฮา

เนื้อหา

ในที่สุดแทกิลก็พบออนยอน (เฮวอน) อดีตคนรักที่เฝ้าตามหามานานนับสิบปี แต่ออนยอนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ทาสสาวใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนที่อยู่ในความทรงจำของแทกิล หากเป็นทาสหลบหนีที่สวมรอยเป็นชนชั้นสูง และกำลังจะเป็นภรรยาของ 'ซง แทฮา' ทาสหลบหนีที่เขาออกตามล่าโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน  


แทกิลเห็นแทฮาและอดีตคนรักอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจึงรู้สึกเจ็บปวดและคับแค้นใจในขณะเดียวกัน... ทาสหลบหนีและอดีตคนรักที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสังหารพ่อแม่และเผาบ้านของเขา มีชีวิตที่สุขสบายและมีความสุขกับอดีตแม่ทัพ ส่วนนายน้อยอย่างเขากลับต้องกลายมาเป็นนักล่าทาสและมีชีวิตที่ยากลำบากเพียงเพราะต้องการออกตามหาเธอ


แทกิลถือดาบสั้นเตรียมพุ่งเข้าใส่แทฮาและเฮวอนด้วยความแค้น แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งเดินออกมา แทกิลเข้าใจว่าองค์ชายน้อยเป็นลูกของทั้งคู่จึงหยุดชะงัก แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักล่าทาสจอมโหด แต่เขาไม่อาจทำลายครอบครัวของเธอ อย่างน้อยก็ไม่มีวันทำร้ายหรือพรากพ่อพรากแม่ต่อหน้าลูก แทฮารู้สึกว่ามีใครบางคนแอบซุ่มดูอยู่ จึงเดินตรงมายังแทกิล แต่แทกิลก็กระโดดข้ามกำแพงหนีไปได้ทัน

แทกิลนั่งพิงผนังกำแพงด้านนอกอย่างอ่อนแรง เขาใช้เวลาไล่ล่าความฝัน (ที่จะได้เจออดีตคนรัก) มานานนับสิบปี แต่ทุกอย่างกลับพังลงตรงหน้าในชั่วพริบตา และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แทฮาและเฮวอนก็กำลังเข้าพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยมีคนของแทฮาเป็นผู้ทำพิธีให้

* ระหว่างทำพิธีเจ้าบ่าวหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ส่วนเจ้าสาวหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เจ้าสาวคำนับเจ้าบ่าว 2 ครั้ง ส่วนเจ้าบ่าวคำนับตอบเจ้าสาว 1 ครั้ง จากนั้นทั้งคู่จึงล้างมือ และดื่มเหล้ามงคล 


ระหว่างที่แทฮาและเฮวอนกำลังเข้าพิธีแต่งงาน แทกิลก็เดินกระปรกกระเปรี้ยเข้ามาในตลาดก่อนทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เขานำภาพวาดของทาสสาวออนยอน (ที่พกติดตัวตลอดเวลา) ออกมาดู พลางร่ำไห้น้ำตาไหลพราก น้ำตาของเขาหยดลงบนภาพวาด...บริเวณดวงตาของเธอ

ซอลฮวาเดินผ่านมาพบแทกิลเข้าจึงร้องเรียก "พี่ชาย" แต่ผู้ชายที่เธอเห็นไม่ใช่พี่ชายคนเดิม แทกิลที่อยู่ตรงหน้าเธอกำลังร้องไห้โฮเหมือนคนขาดสติ พลางทุบภาพวาดเข้ากับหน้าอก ซอลฮวาพูดไม่ออกได้แต่จ้องมองอย่างตกตะลึง เธอทนเห็นแทกิลเจ็บปวดใจเพราะผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ จึงหันหลังเดินออกไป แม้จะเดินเลี่ยงออกมาแล้วแต่เสียงกรีดร้องของแทกิลยังคงดังก้องไปทั่วทั้งตลาด เธอรู้ว่าแทกิลรักผุู้หญิงคนนี้มาก แต่ไม่เคยนึกฝันว่าเขาจะผิดหวังเสียใจมากมายขนาดนี้


อีกด้านหนึ่งในเมืองฮันยาง (เมืองหลวงของอาณาจักรโชซอน และชื่อเดิมของกรุงโซล) ชอน จีโฮ เดินทางมาถึงบ้านอย่างโดดเดี่ยว หลังสมุนมือขวาถูกชอลวุงสังหารอย่างเลือดเย็นที่เกาะเชจู เขาล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน พลางร้องเรียกลูกสมุนที่เหลือ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ แถมบ้านยังเต็มไปด้วยหยากไย่ เขาจึงรู้ว่าไม่มีใครได้กลับบ้าน

จีโฮ ไปดักรอจิตรกรบังที่ร้านเพื่อสอบถามข่าวคราวเกี่ยวกับลูกสมุนของเขา ทำให้รู้ว่าลูกสมุนของเขาถูกฆ่าตายหมดแล้ว ทั้งหมดถูกพบในสภาพโดนแขวนคอที่ศาลาริมน้ำอับกูจง มิหนำซ้ำทางการยังนำศพไปทิ้งอย่างไม่ใยดี จีโฮรู้ทันทีว่าเป็นแผนฆ่าปิดปากของชอลวุง เขาจึงขอให้จิตรกรบังช่วยวาดภาพชอลวุง ก่อนออกตามล่าด้วยความแค้น

ส่วนทางด้านชอลวุงนั้น ก็กำลังเริ่มแผนตามล่าแทฮาและองค์ชายน้อย โดยสอบถามจากเหล่าบัณฑิตที่ร่วมลงชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้องค์ชายน้อยซกยอน เขาสังหารบัณฑิตทุกคนที่ไม่ยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่ซ่อนของแทฮาและผู้ร่วมขบวนการ


วันเดียวกันนั้น แทกิลได้ขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์ในวัดพุทธอุนโจ เขานั่งลงตรงหน้ารูปปั้นพระโพธิสัตว์ แล้วคุยกับรูปปั้นโดยเรียกท่านว่า 'พี่ชายพระโพธิสัตว์' (พุทธเชา ออนนี่*) เขาได้ยินมาว่าพระโพธิสัตว์เป็นผู้ตรัสรู้ จึงถามท่านว่า 'ตนควรทำยังไงต่อไปดี' 

* โดยปกติแล้วคำว่า 'ออนนี่' เป็นคำที่ผู้หญิงใช้เรียกพี่สาว แต่ตัวละครชายในเรื่องนี้ (เช่น วังซอน แทกิล แก๊งค์ล่าทาสจีโฮ ทาส  โจร และชนชั้นต่ำ) จะเรียกผู้ชายที่ตนนับถือหรือยกย่องให้เป็นพี่ใหญ่ว่า  'ออนนี่'

แทกิลไม่รู้ว่า ขณะนั้นเฮวอนกำลังเดินขึ้นเขามาที่วัดอุนโจด้วยเช่นกัน เธอเขียนข้อความทิ้งไว้ให้แทฮาโดยบอกว่า นับแต่นี้เธอจะลืมอดีตคนรักที่ฝังอยู่ในใจมานานหลายปี แล้วมอบหัวใจให้เขาคนเดียว



หลังไม่ได้คำตอบจากรูปปั้นพระโพธิสัตว์ แทกิลจึงก้มลงกราบหนึ่งครั้งแล้วลุกขึ้นรอคำตอบ จากนั้นก็พูดเองเออเองโดยหาว่า พระโพธิสัตว์ไม่พอใจที่เขากราบครั้งเดียวเลยไม่ยอมตอบ แทกิลจึงก้มลงกราบอีกครั้งอย่างตั้งใจและแสดงความเคารพมากกว่าเดิม เมื่อกราบเสร็จแล้วแทกิลก็ค่อยๆ แบมือออก แม้จะเป็นวิธีการกราบไหว้ตามปกติ แต่มือที่คลายออกก็สื่อให้เห็นถึงการปล่อยวาง (ปล่อยเฮวอนไป) และนั่นก็คือคำตอบที่แทกิลได้รับจากพระโพธิสัตว์   

ความจริงแล้วแทกิลเองก็ตั้งใจว่าจะทำอย่างนั้นหลังได้พบเฮวอน แต่เขายังรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจจึงเดินทางมากราบไหว้ขอพรพระโพธิสัตว์ ขณะที่เฮวอนเองก็เดินทางมาที่วัดนี้เพื่อสงบจิตใจและปลดปล่อยแทกิลไปเช่นกัน 


เฮวอนตั้งจะมากราบไหว้พระโพธิสัตว์แต่กลับมาพบบัณฑิตโจเสียก่อน เขาขอให้เธอไปจากแทฮา อย่างน้อยๆ ก็รอจนกว่าเขาจะทำงานใหญ่สำเร็จ ทั้งยังเสนอว่าจะช่วยหาที่พักให้  เฮวอนปฏิเสธข้อเสนอโดยยืนยันว่าเธอจะอยู่เคียงข้างและคอยสนับสนุนเขา มิหนำซ้ำ เธอยังกล้าต่อปากต่อคำ และสบตาบัณฑิตโจอย่างไม่สะทกสะท้าน 

หลังเริ่มต้นชีวิตใหม่กับแทฮา เฮวอนก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อสามีของเธอ แม้บัณฑิตโจจะไล่อย่างสุภาพให้เธอออกจากวัดไป เพราะกลัวความลับรั่วไหล (กลัวมีคนสะกดรอยตาม) แต่เธอยังคงยืนกรานว่าต้องการมาไหว้พระ และจะใช้เวลาไม่นาน


เฮวอนเห็นพระน้อยปิดประตูห้องสักการะจึงรู้ว่ามีคนไหว้พระอยู่ในห้อง เธอเดินอ้อมไปทางด้านหลังเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอให้ห้องว่าง ระหว่างนั้นแทกิลก็เดินออกจากห้องมา เขาหันไปมองยังทิศที่เฮวอนเพิ่งเดินอ้อมไปก่อนหน้า ส่วนเฮวอนก็หันหลังกลับไปมองยังจุดที่เธอเพิ่งเดินผ่านมาเช่นกัน 

ขณะเดียวกัน พระเจ้าอินโจก็กำลังยิงธนูประลองฝีมือกับราชทูตยงที่เดินทางมาจากต้าชิง แม้ทั้งคู่จะอยู่ในฐานะที่แตกต่าง แต่ราชทูตยงก็สนทนากับพระราชาแห่งโชซอนแบบปกติธรรมดาโดยไม่ใช้ราชาศัพท์ เนื่องจากโชซอนพ่ายสงคราม และพระเจ้าอินโจก็เคยก้มพระเศียรยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าราชทูตยง ดังนั้น ราชทูตยงที่มาในฐานะตัวแทนจักรพรรดิ์ต้าชิงจึงอยู่ในสถานะที่เหนือกว่า ถึงแม้ตำแหน่งจะด้อยกว่าก็ตาม


ราชทูตยงหยิบยกเรื่องที่ทางโชซอนกว้านซื้อเขาควายน้ำเป็นจำนวนมากมากดดันพระเจ้าอินโจ แต่พระเจ้าอินโจรู้ว่าเป้าหมายหลักของเขาคือ การนำตัวองค์ชายน้อยกลับไปเลี้ยงในฐานะลูกที่อาณาจักรต้าชิง ซึ่งเป็นเรื่องที่พระองค์ยอมรับไม่ได้เพราะถือเป็นการสั่นคลอนราชบังลังก์ (พระองค์ต้องการกำจัดพระนัดดาเพื่อไม่ให้มีโอกาสขึ้นครองราชย์ แต่ทางต้าชิงและเหล่าบัณฑิตกลับสนับสนุนให้พระนัดดาของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน) ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงบอกราชทูตยงอย่างไม่สะทกสะท้านว่า ถ้าเขาต้องการสั่งห้ามไม่ให้โชซอนซื้อขายเขาควายน้ำก็เชิญทำได้ตามใจชอบ ราชทูตยงโกรธมากที่กดดันพระเจ้าอินโจไม่สำเร็จ จึงสั่งให้คนของเขาไปที่เกาะเชจูเพื่อสืบข่าวคราวและตามหาเบาะแสของแทฮากับองค์ชายน้อย 

หลังตามสืบจนรู้ว่าบ้านชอลวุงอยู่ที่ไหน จีโฮก็บุกเข้าไปภายในบ้านหวังล้างแค้นให้ลูกสมุนทันที แต่คนที่เขาพบก็คือ อี ซอนยอง ภรรยาพิการของชอลวุง จีโฮไม่นึกฝันว่าภรรยาของนักฆ่าใจคอโหดเหี้ยมอย่างชอลวุงจะมีสภาพเช่นนี้ เขาเล่าให้เธอฟังว่าสามีของเธอเป็นคนใจคอโหดเหี้ยมและฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น ซอนยองผิดหวังและเสียใจมากเมื่อรู้ว่าบิดาบีบบังคับให้สามีเธอออกไปเรื่องชั่วๆ  จีโฮใช้มีดจ่อคอซอนยองแล้วถามว่าชอลวุงอยู่ที่ไหน ซอนยองน้ำตาร่วง แทนที่จะร้องขอชีวิตเธอกลับขอร้องให้จีโฮฆ่าเธอเสีย จีโฮรู้ว่าถึงฆ่าเธอตายชอลวุงก็ไม่เสียใจ เขาจึงไม่เพียงไว้ชีวิตแต่ยังอวยพรให้เธออายุยืนอีกด้วย 


ขณะที่ชอลวุงตามสืบจนรู้ว่าแทฮาและองค์ชายน้อยอาศัยอยู่ที่โซวอนเก่า (หอศึกษาของเหล่าบัณพิต) บริเวณเชิงเขาทางด้านล่างของวัดอุนโจ วังซอนเองก็สืบจนรู้ที่ซ่อนของแทฮาเช่นกัน เขาจึงนำมาเล่าให้เชฟังในระหว่างทานข้าวเย็น และตกลงกันว่าจะเดินทางที่นั่นในวันรุ่งขึ้น

เชเห็นซอลวามีอาการแปลกๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอไม่ยอมแตะต้องอาหาร มิหนำซ้ำยังเอาแต่นั่งร้องไห้ตลอดเวลา จึงหันไปถามด้วยความเป็นห่วงว่าเธอจะไม่ยอมทานข้าวจริงๆ หรือ ซอลฮวายังคงนั่งนิ่งไม่ตอบ เชจึงส่งสายตาบอกให้วังซอนลองถามดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซอลฮวาตอบว่า เธอเห็นผู้ชายนั่งร้องไห้ เลยคิดว่าแม้แต่ผู้ชายก็ยังปล่อยโฮแบบนั้นได้ เธอเห็นผู้ชายเป็นแบบนั้นแล้วมีความสุข แต่ก็รู้สึกเศร้าใจในขณะเดียวกัน เธอเคยคิดว่าในโลกนี้จะไม่มีผู้ชายแบบเขาคนนั้น แต่พอเจอแล้วเธอกลับเข้าไม่ถึงตัวเขาเลยด้วยซ้ำ  

ที่ผ่านมาซอลฮวาเจอแต่ผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น จนกระทั่งได้พบแทกิลที่รักผู้หญิงคนหนึ่งสุดหัวใจ เขาออกตามหาคนรักนานนับสิบปี และร้องไห้โฮด้วยความเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าสูญเสียคนรักไป แทกิล คือ ผู้ชายในฝันของซอลฮวา และเขาก็เป็นผู้ชายที่ไม่มีที่ว่างในหัวใจให้เธอ


ขณะเดียวกัน ชายในฝันของซอลฮวาก็กำลังไปหาอดีตคนรักที่บ้าน เขาตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยเธอไปจึงแอบย่องไปดูเธอเป็นครั้งสุดท้าย แทกิลยืนดูเงาของแทฮาและเฮวอนอยู่ทางด้านนอก เขาเอื้อมมือไปทาบเงาบริเวณใบหน้าของเฮวอนพลางลูบไล้ไปมา ไม่นานทั้งคู่ก็โผเข้าหากัน หลังจากนั้นไฟจึงดับลง แทกิลเห็นรองเท้าเฮวอนวางอยู่หน้าห้อง เลยหยิบขึ้นมาดูและลูบไล้อย่างทะนุถนอมพลางนึกถึงความหลัง ก่อนที่จะวางลงโดยหันกลับด้านเพื่อให้เธอสวมใส่ได้ง่ายเวลาออกจากห้องในตอนเช้า

แทกิลกลับมาที่โรงเตี๊ยมและพบว่าวังซอนรู้ที่ซ่อนของแทฮาแล้ว เขาถามทุกคนว่าถ้าได้ค่าหัวแทฮาแล้วจะนำเงินไปทำอะไร วังซอนตอบว่าจะนำไปซื้อที่ดินบนเกาะเยาจูแล้วสร้างโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่ภายในมีทั้งร้านเหล้า บ่อน และผู้หญิง ส่วนเชอยากมีที่ดินกว้างๆ สำหรับปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้มีอาหารเพียงพอตลอดช่วงฤดูหนาว และมีลานกว้างให้ลูกๆ ได้ฝึกยิงธนู


ถึงแม้ซอลฮวาจะไม่มีส่วนร่วมในเงินค่าหัวของแทฮา แต่แทกิลก็ถามเธอว่าอยากได้อะไร ซอลฮวานึกถึงวันที่แทกิลตามไปช่วยนำตัวเธอออกจากคณะละครเร่ แล้วตอบว่า เธอก็แค่อยากเจอผู้ชายดีๆ สักคนที่รักเธอ และไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอาหารมื้อต่อไป 

วังซอนขำกลิ้งเมื่อได้ยินซอลฮวาพูดว่าอยากเจอผู้ชายดีๆ ที่ไม่เห็นเธอเป็นของเล่น ทั้งๆ ที่เธอเคยใช้เรือนร่างหากินในคณะละครเร่ แทกิลสั่งให้วังซอนหุบปาก ขณะที่ซอลฮวารู้สึกเสียใจมากจึงเดินออกจากห้องไป วังซอนโวยวายว่าตนพูดอะไรผิด แทกิลจึงบอกว่าความฝันของวังซอนและเชซื้อได้ด้วยเงิน ผิดกับความฝันของซอลฮวา (และของตัวเขา) ที่ไม่มีวันเป็นจริง ถึงแม้จะมีเงินมากมายแค่ไหนก็ตาม


เช้าวันรุ่งขึ้น วังซอนและเชเตรียมออกเดินทางไปตามล่าแทฮาที่โซวอนเก่า ขณะที่แทกิลยังคงนั่งนิ่ง เขาบอกทั้งคู่ว่า "ไปกันเถอะ" วังซอนนึกว่าแทกิลชวนออกไปตามล่าแทฮา แต่แทกิลกลับชวนพวกเขาให้เดินทางกลับเมืองฮันยาง โดยบอกว่าแทฮาไม่ได้อยู่ที่นี่ จากนั้นก็เดินนำออกจากห้องไป

วังซอนโกรธมากที่แทกิลจะให้พวกเขากลับบ้านมือเปล่า ทั้งๆ ที่สู้อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล เขาต้องการนำเงินค่าหัวแทฮามา สร้างเนื้อสร้างตัวหลังเหน็ดเหนื่อยกับงานล่าทาสมานานหลายปี (แต่ก็ยังลำบากและไม่มีเงินใช้เหมือนเดิม) เมื่อเห็นแทกิลยืนกรานว่าจะกลับเมืองฮันยาง วังซอนจึงบอกว่าใครอยากกลับก็เชิญ แต่เขาจะออกตามล่าแทฮาและรับเงินค่าหัวคนเดียว


วังซอนพูดจบก็ทำท่าว่าจะเดินออกไป แทกิลจึงคว้าตัวเขาไว้แล้วชกหน้าสั่งสอน (ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง) เต็มแรง ด้วยความโมโหวังซอนเลยตรงเข้าต่อสู้กับแทกิลแต่สู้ไม่ได้จึงเจ็บตัวอยู่ฝ่ายเดียว (และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่วังซอนไม่ควรออกไปตามจับแทฮาคนเดียว) เชเข้ามาขวางไม่ให้ทั้งคู่ต่อสู้กันเอง แต่วังซอนกลับจะทำร้ายเชจึงถูกเชสั่งสอนอีกคน เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่ยอมหยุดทำร้ายกัน เชจึงโยนดาบให้แทกิลและวังซอนแล้วบอกให้ทั้งคู่สู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง 

แทกิลถือดาบสั้นเดินเข้าหาวังซอนซึ่งถือดาบรอในท่าเตรียมพร้อมเช่นกัน แทนที่จะต่อสู้กันเอง แทกิลกลับปักดาบลงกับพื้นไม้ ทำให้วังซอนรู้สึกโล่งใจ เขาเดินเข้ามาหาแทกิลแล้วเรียก "แทกิล ออนนี่" จากนั้นก็แบมือทวงส่วนแบ่งที่แทกิลเก็บรักษาไว้ เพราะเขาจะแยกตัวออกไปใช้ชีวิตตามลำพัง เชไล่ให้วังซอนเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้อง ตอนแรกเขาไม่ยอม แต่แล้วก็ทำตามที่พี่ใหญ่เชบอกแต่โดยดี


พอวังซอนเข้าห้องแล้ว เชก็หันมาบอกแทกิลให้ออกไปคุยกันข้างนอก เขาถามแทกิลว่าทำไมถึงอยากกลับเมืองฮันยาง แทกิลโกหกว่าแทฮาไม่ได้อยู่ที่นี่ เชเลยถามต่อว่า เขาเจอออนยอนแล้วใช่ไหม แทกิลปฏิเสธโดยบอกว่าถ้าเจอเธอแล้วเขาจะกลับมามือเปล่าทำไม เช เลยถามย้ำว่าแล้วทำไมอยู่ๆ ถึงอยากกลับเมืองฮันยาง

แทกิลชวนเชให้เลิกทำอาชีพล่าทาส โดยบอกว่าเขาเบื่อที่ต้องใช้ชีวิตแบบทุกวันนี้เต็มทน เช ยังคงคาดคั้นว่าเขาเจอออนยอนแล้วใช่ไหม แทกิลไม่ตอบ แต่กลับบอกว่าเขาซื้อที่ดินเอาไว้ 100 มาจิกิ (ราว 31 ไร่) พวกเขาจึงสามารถสร้างบ้านในฝันที่นั่นได้อย่างสบาย เชถามว่าเขานำเงินมากมายมาจากไหน แทกิลตอบว่า เป็นเงินส่วนแบ่งของทุกคนที่เขาแอบเม้มไว้มาโดยตลอด

แทกิล ตะโกนดังลั่น (เหมือนอยากให้โลกและเฮวอนรู้) ว่า 'เจ๋งใช่มั๊ยล่ะ มีบ้าน มีที่ดินเป็นของเราเอง และได้อยู่พร้อมหน้ากัน' แทกิลแสดงออกราวกับจะวางมือแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความสุข แต่แล้วเขากลับรำพึงรำพันกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้าว่า 'หลังจากนั้นค่อยตามหาออนยอน' เชถามว่า ออนยอนมีความสุขดีใช่ไหม แทกิลหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งๆ ที่น้ำตาคลอเบ้า เชเห็นสภาพแทกิลแล้วก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง เลยตกลงใจว่าจะกลับเมืองฮันยางกับแทกิล


ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเดินกลับโรงเตี๊ยม ซอลฮวาก็เดินเข้ามาหา เชถามว่า 'เธอมาทำอะไรที่นี่' ซอลฮวาคิดมาโดยตลอดว่าเธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวนักล่าทาส จึงบอกเชให้เลิกถามอย่างนั้นเวลาที่เธออยู่ตรงหน้าเขา แทกิลบอกให้เชกลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อน เพราะเขาอยากบอกลาซอลฮวา แทกิลอ้างว่าถ้าให้เงินซอลฮวานิดหน่อยเธอคงตามตื๊อไม่เลิก เขาเลยอยากซื้อผ้าตัดเสื้อสวยๆ เป็นของขวัญให้เธอก่อนจากลา

หลังบอกให้เชกลับไปรอที่โรงเตี๊ยมแล้ว แทกิลก็พาซอลฮวามาที่ตลาด โดยบอกว่าจะตัดเสื้อผ้าสวยๆ ให้ แทกิลในวันนี้ผิดไปจากแทกิลคนเดิม เขาไม่เพียงทำดีกับเธอ แต่กลับยิ้มและหัวเราะอย่างเปิดเผยแทนที่จะเก๊กหน้าเข้มเหมือนทุกครั้ง ซอลฮวาถามว่าทำไมเขาถึงอยากตัดเสื้อให้เธอ แทกิลตอบว่า เพราะการตามหาแม่ให้เธอไม่ใช่เรื่องง่าย ซอลฮวารู้ว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง เลยบอกแทกิลว่าแม่ของเธอตายไปแล้ว นอกจากจะไม่แปลกใจแล้วแทกิลยังลูบหัวเธอแล้วพูดว่า นอกจากเขาแล้วจะมีใครซื้อเสื้อผ้าให้สาวน้อยที่กำพร้าแม่อย่างเธอ


ระหว่างนั้น เฮวอนก็ออกมาหาซื้ออาหารให้องค์ชายน้อยที่ตลาดเช่นกัน และในขณะที่กำลังเลือกซื้อของอยู่นั้น เธอก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งซึ่งมีหน้าตาละม้ายคล้ายนายน้อยอี แทกิล... เฮวอนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ และพยายามเพ่งมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเพื่อความแน่ใจ ในที่สุดเธอก็พบว่าผู้ชายคนนั้นคือนายน้อยอี แทกิลจริงๆ  

เฮวอนแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง ตลอดสิบปีที่ผ่านมาเธอเข้าใจว่าผู้ชายที่เธอรักได้ตายในกองไฟแล้ว ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยลืมเขาจนกระทั่งแต่งงานกับแทฮา เมื่อวานนี้เธอเพิ่งสัญญากับตัวเองและแทฮาว่าจะปล่อยแทกิลไปจากใจ เธอกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายที่คอยปกป้องและช่วยชีวิตเธอนับครั้งไม่ถ้วน แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกและพาเธอมาพบแทกิลอีกครั้ง


เฮวอนนึกถึงภาพในอดีตของนายน้อยแทกิล พลางเดินไปดูหน้าเขาใกล้ๆ สายตาของเธอจับจ้องที่ใบหน้าของแทกิลตลอดเวลา ที่แท้นายน้อยแทกิล...ผู้ชายคนเดียวที่เธอรักสุดหัวใจและเจ้านายที่ถูกพี่ชายของเธอทรยศหักหลัง ยังมีชีวิตอยู่....นายน้อยของเธอยังไม่ตาย!!!


* ภาพ captures / ละครเคบีเอส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา