วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 3




ซ๊อกรันพาฮวางจองมารักษาตัวกับหมออัลเลนที่บ้านล่ามยู เพราะเสียเลือดมาก อาการของฮวางจองจึงถึงขั้นโคม่า แต่ด้วยฝีมือของหมออัลเลนจึงทำให้ฮวางจองพ้นขีดอันตรายได้

เบ๊กโดยังบอกวาตาว่าจะไปเรียนการแพทย์แผนตะวันตกที่ญี่ปุ่น วาตาบอกเมื่อเรียนจบและได้ใบประกอบโรคศิลปะมา เขาจะรับรองให้เป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลแห่งแรกของโชซอน โดยังแปลกใจกับเรื่องที่จะมีการก่อสร้างโรงพยาบาล วาตาจึงพาโดยังไปพบอ๊กกุน

“เค้าเป็นบุตรชายของเจ้ากรมราชทัณฑ์” วาตาแนะนำ

“เจ้ากรมราชทัณฑ์ งั้นก็..ใต้เท้าเบ๊กแทยุนน่ะสิ” อ๊กกุนถาม

“ใช่ ท่านเข้าใจถูกแล้ว” โดยังคำนับ

“ถ้างั้น เจ้ามาหาข้าด้วยเหตุผลอะไร?”

“ข้าได้ยินว่าท่านจะคอยส่งเด็กหนุ่มชาวโชซอนไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่นทุกปี ปีนี้ข้าก็อยากจะเข้าร่วมด้วย”

“เจ้าเป็นถึงบุตรชายขุนนางใหญ่อย่างนี้ ทำไมถึงได้สนใจอยากไปเรียนต่างประเทศ”

“อะโน... เค้าบอกว่าอยากเรียนวิชาการแพทย์ตะวันตก” วาตาบอก

“นั่นเป็นความคิดที่น่ายกย่องมาก แต่ว่า ท่านพ่อของเจ้าจะยินยอมให้เจ้าไปหรือ ดูเหมือนจะมาเสียเที่ยว เชิญกลับไปเถอะ”

“ข้าตัดความเป็นพ่อลูกกันไปแล้ว ถ้าท่านยอมช่วยเหลือข้า จะให้ไปญี่ปุ่นพรุ่งนี้เลยก็ยังได้”

“ตัดความเป็นพ่อลูกกันรึ?” อ๊กกุนถามย้ำ

“อย่าเอาพ่อมาตัดสิน ว่าตัวข้าจะเป็นคนแบบไหน ข้าก็เป็นหนึ่งในคนที่ฝันอยากจะเห็นโลกเป็นแบบเดียวกับท่านเหมือนกัน”

“เจ้าพูดถึงความฝันอย่างนั้นหรือ ขงจื๊อกล่าวว่า คนปากหวานมักไม่ค่อยมีคุณธรรม ขงจื๊อบอกว่าคนที่จงใจพูดจาให้ฟังดูรื่นหูมักไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ และเจ้าก็ทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้าเป็นคนแบบนั้นด้วย คนที่ตัดขาดได้แม้กระทั่งพ่อตัวเอง ข้าจะเชื่อใจและช่วยเหลือได้ยังไง”

อ๊กกุนไม่คิดจะช่วยเหลือ ยิ่งทำให้โดยังอยากเอาชนะ

ฮวางจองฟื้นจากสลบ และขอบคุณล่ามยู ซ๊อกรัน และหมออัลเลนที่ช่วยชีวิตเขา โดยังมาที่บ้านล่ามยูและพบกับฮวางจอง แต่เขาจำฮวางจองไม่ได้เป็นคนเดียวกับที่เขาสั่งให้ไปฆ่า เนื่องจากฮวางจองได้ปลอมตัวเป็นชนชั้นสูง

“แต่ว่าไปถูกยิงบาดเจ็บได้ยังไง” โดยังถาม

“ข้าจำอะไรไม่ได้เลย”

“คงเพราะถูกทำร้าย เลยจำอะไรไม่ได้เหรอ งั้นข้าขอดูแผลหน่อยได้มั้ย เย็บได้สวยงามจริง ๆ มันวิเศษมากเลย คงเพิ่งเคยรักษาด้วยแพทย์ตะวันตกครั้งแรกสินะ”

“กับตัวเองเป็นครั้งแรก แต่ก่อนนี้เคยเห็นแล้ว ข้าเคยเห็นการเจาะสายยางเข้าไปในปอด มีคนป่วยที่มีอาการไอเรื้อรังอยู่ แต่เพิ่งรู้ทีหลังว่านางเป็นโรคที่เรียกว่าเยื่อหุ้มปอดอักเสบ พวกเค้าใช้เข็มเจาะเข้าไปที่หลังนาง แล้วดูดเอาหนองเหลือง ๆ ออกมา” ฮวางจองนึกถึงแม่ตนเอง

“เยื่อหุ้มปอดอักเสบ หมอเยอรมันชื่อว่าคอชได้ค้นพบโรคนี้เมื่อสองปีก่อน แม้อาจจะถึงตายได้ แต่ถ้าได้กินดีพักผ่อนเพียงพอ ก็พอรักษาได้ คนในครอบครัวเหรอ ตายไปแล้วใช่มั้ย?”

“นางไม่มีชีวิตอยู่แล้ว นอกจากนี้ข้ายังเคยเห็นการผ่าศพด้วย”

โดยังยิ้ม ๆ “อ้อ คงผ่าศพคนไข้ที่เยื่อหุ้มปอดอักเสบ นั่นไม่ได้เรียกว่าการผ่าศพ เค้าเรียกว่าการพิสูจน์ศพ ในศาสตร์แพทย์ตะวันตก การผ่าศพเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพื่อให้รู้ตำแหน่งของระบบอวัยวะ จึงจะพัฒนาความรู้ทางการแพทย์ได้”

“ทำให้บางครั้งถึงกับต้องขโมยซากศพมา เพื่อเรียนรู้เหรอ?” ฮวางจองจ้องหน้าโดยัง โดยังหน้าเสีย “ถูกต้องแล้ว มันเป็นการเรียน”

“มีอะไรเหรอ? ข้าพูดผิดไปหรือ?”

“อ้อ ไม่ผิด มีคนบอกว่าเรียนแพทย์ตะวันตกจะต้องผ่านการผ่าศพมาอย่างน้อยสามศพ”

“อย่างนี้นี่เอง”

โดยังครุ่นคิดพร้อมกับจ้องหน้าฮวางจอง “หรือว่าเจ้าเป็น..เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า?”

“น่าจะไม่เคยเจอกัน พวกเราเพิ่งเจอกันครั้งแรก” คราวนี้ฮวางจองหน้าเสียเพราะกลัวโดยังจำได้

“แต่หน้าคุ้น ๆ นะ อ้อ ข้านึกออกแล้ว เราเคยเจอกันที่ร้านหนังสือไง ตอนเจ้าเอาตำราไปขายน่ะ”

“อ้อ ใช่ ท่านพูดขึ้นมา ข้าก็เพิ่งนึกออก”

“ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเจ้าถึงได้รู้เยอะจัง”

โดยังเห็นอัลเลนเป็นอเมริกันแต่เข้ามาอยู่ในโชซอนจึงถามล่ามยูว่าอัลเลนมาทำอะไร ล่ามยูบอกว่าอัลเลนเข้ามาเผยแพร่ศาสนา และมีความฝันที่จะสร้างโรงเรียนสอนการแพทย์ เพื่อสร้างหมอสมัยใหม่ในโชซอน

ฮวางจองหายตัวไปจากบ้านล่ามยู โดยเขียนจดหมายขอบคุณที่ช่วยชีวิตเขาทิ้งไว้ด้วย แม่ของซ๊อกรันรู้สึกแปลกใจที่ทำไมจู่ ๆ ฮวางจองก็หนีไปโดยไม่บอกกล่าว จึงกลัวว่าฮวางจองจะขโมยของในบ้าน จึงให้เด็ก ๆ ช่วยตรวจดูแต่ก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ ร่างกายของฮวางจองยังไม่หายดี เขาหนีออกมาก็ต้องหมดสติไปอีกครั้งเพราะเลือดยังไหลไม่หยุด โดยมองชงและซังพูลช่วยไว้

อ๊กกุนมีแนวคิดเรื่องการปฏิรูปโชซอน ขณะที่แทยุนและมินยองอิกไม่เห็นด้วย ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงแนวความคิดของตนเองต่อพระเจ้าโกจง ทูตญี่ปุ่นโกรธแค้นที่แผนปฏิรูปมีการคัดค้านจึงคิดจะใช้กำลังทหาร โดยังลูกของแทยุนซึ่งใฝ่ฝันที่จะเป็นแพทย์สมัยใหม่จึงมาติดสินบนอ๊กกุนให้ช่วยสนับสนุนตนเอง

“ในเมื่อท่านไม่เห็นถึงความจริงใจของข้า ข้าจึงใช้วิธีนี้มาแสดงความจริงใจ”

“หึ ถ้างั้นข้าก็อยากฟังสักหน่อยว่า ความจริงใจของเจ้าคืออะไร?”

“อุดมการณ์ของท่านคือพยายามจะปฏิรูปโชซอนให้มีความทันสมัย ถึงข้าไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ว่าอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่นแม้ต้องผิดใจกับพ่อคงไม่ต่างอะไรกับท่าน ที่มุ่งมั่นจะปฏิรูปโชซอนแม้ต้องเป็นศัตรูกับทางราชสำนัก วันนี้การที่ข้ายอมทรยศพ่อ ยอมสละตนเอง ก็เพื่อความฝันอันยิ่งใหญ่อันนี้ เพื่อจะให้การแพทย์ตะวันตกได้หยั่งรากลึกลงในประเทศ นี่คือความตั้งใจของข้า” โดยังบอก

“แต่ถ้าเจ้ามีเงินก้อนนี้ เจ้าไม่ต้องได้รับการช่วยเหลือจากข้าก็ไปเรียนได้สบายนี่” อ๊กกุนยังวางท่า

“หลังจากข้าเรียนสำเร็จ ข้าหวังว่าท่านจะมอบตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลโชซอนให้กับข้า แผนการยิ่งใหญ่ก็คือการสร้างคน โบราณว่าจะสร้างความฝันอะไร ก็ต้องเริ่มจากการสร้างคนขึ้นมาก่อน เรายังขาดแคลนแพทย์แผนปัจจุบัน ถ้าวันหน้ามีชาวโชซอนเป็นผู้บริหารโรงพยาบาล นอกจากจะเป็นการสร้างความทันสมัยขึ้นแล้ว ยังเป็นการทำให้โชซอนไม่ถูกครอบงำ”

คำตอบของโดยังถูกใจอ๊กกุนยิ่งนัก “ฮะ ๆๆก่อนหน้านี้ถือว่าข้าดูไม่ออกเอง มา หึ ๆ ๆ”

อ๊กกุนพาโดยังมาคุยกับยงชิก “เอาละ จากนี้ไปให้ทิ้งความเป็นชนชั้นสูงเน่าเฟะที่ยึดถือกันมาหลายร้อยปีไปซะ เติมเต็มมันด้วยความเสมอภาคและวิทยาการสมัยใหม่ที่จะเข้ามาแทน”

“ต้องปลุกเร้าอย่างกับจะไปออกรบกันเลยนะครับ”

“เพราะว่าการปฏิรูปในโชซอนก็ไม่ต่างอะไรกับทำสงครามจริง ๆ นักหรอก มันเป็นสงคราม อืม มันเป็นสงครามจริง ๆ”

“ข้าต้องขอลากลับก่อน” โดยังเคารพจะลากลับ

“เดี๋ยวพ่อหนุ่ม ข้ามีอะไรที่อยากจะบอกเจ้าสักเรื่อง พรุ่งนี้ต้องยับยั้งไม่ให้พ่อของเจ้าเข้าวัง”

“มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้นเหรอ?”โดยังถามอย่างแปลกใจ

“พรุ่งนี้จะมีการเคลื่อนกำลังแล้ว และคนที่เป็นผู้นำฝ่ายตรงข้ามในสงครามครั้งนี้คือมินยองอิก และพ่อเจ้าก็อาจจะโดนหางเลขไปด้วย ตอนนี้เข้าใจความหมายข้ารึยัง พรุ่งนี้ช่วยยับยั้งอย่าให้เขาเข้าวัง”

ฮวางจองอาการดีขึ้นจนเริ่มทำงานได้  เขาได้รับงานจนของไปที่ทำการไปรษณีย์เปิดใหม่และพบว่า ของที่เขาขนไปคือปืนที่ถูกนำเข้ามาอย่างลับ ๆ เพื่อจะเป็นอาวุธในการปฏิรูป ฮวางจองรู้ว่าล่ามยูจะมีอันตรายจากการใช้กำลังทหาร เขาจึงเข้าไปช่วยเหลือ แต่ด้วยเครื่องแต่งกายแบบชนชั้นต่ำซึ่งผิดกับครั้งแรกที่ล่ามยูเจอตอนฮวางจองได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตอนนั้นอยู่ในคราบชนชั้นสูง ทำให้ฮวางจองต้องโกหกว่าเขาปลอมตัวเป็นคนรับใช้เพื่อเข้ามาช่วยล่ามยู พร้อมกับพามินยองอิกซึ่งได้รับบาดเจ็บหนีออกไป

พระเจ้าโกจงหลังจากทราบว่ามีการเคลื่อนกำลังทหารก็ตกใจ อ๊กกุนรีบเข้ามากราบทูล “ฝ่าบาท รีบเสด็จลี้ภัยไปที่วังคองฮูก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เจ้ารีบบอกความจริงกับข้ามาเดี๋ยวนี้”

“พวกกระหม่อมก็ไม่แน่ใจ แต่ควรเสด็จลี้ภัยก่อน” ยองชิกทูลย้ำ

“แม้แต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ยังไม่รู้เลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะหนียังไง แล้วเราหนีอะไรอยู่ พวกเจ้ายังเรียกตัวเองว่าเป็นขุนนางของพระราชาได้อีกงั้นรึ” พระมเหสีตวาด

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกราบทูลได้แค่ในตอนนี้ที่นี่มีอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”

“ทำไมบ้านเมืองถึงได้กลายเป็นอย่างนี้”

“ฝ่าบาท ห่วงความปลอดภัยของพระองค์ก่อนเพคะ”

“ฝ่าบาท รีบเสด็จเถอะพ่ะย่ะค่ะ” อ๊กกุนรีบทูล

ซ๊อกรันได้ข่าวเรื่องการใช้กำลังทหารและมีผู้ได้รับบาดเจ็บก็ร้อนใจ เพราะล่ามยูก็อยู่ในงานด้วย หลังจากรู้ว่ามีการพาผู้บาดเจ็บไปอยู่ที่บ้านใต้เท้าม๊กอินต๊อก ซ๊อกรันจึงรีบพาหมออัลเลนไป เพื่อช่วยชีวิตคนที่ได้รับบาดเจ็บทันที

มีทหารมาส่งข่าวให้แทยุนทราบเรื่องที่คิม อ๊กกุนก่อเรื่องพร้อมกับรายงานสถานการณ์

“ใต้เท้ามินถูกฟันบาดเจ็บสาหัส ส่วนใต้เท้าคนอื่น ก็ถูกเผากลางกองไฟ”

“พระราชาประทับอยู่ที่ไหน?” แทยุนร้อนใจมาก

“ถูกพวกกลุ่มปฏิรูป  พาเสด็จไปที่วังคองฮูแล้ว”

“โอ้ย ข้าจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว พวกเจ้ารอข้าเดี๋ยว” แทยุนจะออกไป แต่ถูกโดยังห้ามไว้ “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านออกไปตอนนี้ไม่ได้นะ”

“นี่เจ้ากลับมาเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย?” แทยุนถามลูกชาย

“ท่านไม่อาจต้านพายุใหญ่ได้หรอก ท่านอ้างว่าป่วยอยู่ที่บ้านก็ได้ ที่เหลือ ข้าจะไปจัดการให้ท่านเอง”

แทยุนมองหน้าลูกชายอย่างโกรธ ๆ “เจ้าเคยด่าว่าข้าอยากเกาะตำแหน่งเอาไว้ไม่ใช่เหรอ? แต่ตอนนี้เมื่อบ้านเมืองมีภัยเจ้ากลับจะให้ข้าเอาแต่ห่วงตัวเองอย่างนั้นรึ?”

“ใช่ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ถ้ามีชีวิตรอดแล้ว ท่านถึงจะรักษาตำแหน่งของท่านเอาไว้ ถึงจะมาด่าข้าหรือว่าจะทำอะไรต่อไปได้ ขอแค่รักษาชีวิตไว้ ก็จะทำทุกอย่างต่อไปได้”

“นี่ข้าสั่งสอนเจ้ามาอย่างนี้เรอะ” แทยุนต่อว่าลูกชายเสียงดัง

“ท่านคิดจะด่าข้ายังไงก็ได้ แต่ข้าหวังว่าในตอนนี้ท่านพ่อจะไม่ตัดสินใจผิดพลาด”

“คงได้แต่ด่าตัวเองที่เลี้ยงลูกเป็นอย่างนี้” น้ำเสียงแทยุนผิดหวังมาก

“ถ้าท่านไปตอนนี้ท่านจะต้องตายแน่”

“ไอ้ลูกไม่เอาไหน” แทยุนด่าลูกชาย “เงียบไปเลย ไปเร็ว ข้าจะไปวังคองฮู”

“พี่ใหญ่ อย่าไปดีกว่าน่า” คูฮอนท้วง

“บ้านเมืองจะล่มสลายอยู่แล้ว คนเป็นขุนนางกินเงินแผ่นดินจะนั่งเฉยได้ยังไง”

“คิดให้ดีก่อนเถอะท่านพ่อ ทำไมต้องสละชีวิตเพื่อคนพวกนั้นด้วย” โดยังพยายามจะขวาง












เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา