วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 13



คิมโทนวางแผนระเบิดห้องทดลองจนโดยังได้รับบาดเจ็บ ฮวางจองเข้าไปช่วยทำให้โดยังรอดตาย นังนังเห็นท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ของคิมโทนทำให้นางสงสัย คิมโทนเห็นว่านังนังอาจรู้ความลับของตน จึงวางแผนใส่ร้ายนังนังจนถูกไล่ออกจากเจจุงวอน คิมโทนเอาของกลางไปใส่ความฮวางจองว่าเป็นคนทำให้ห้องทดลองระเบิด เป็นเวลาเดียว กับนังนังได้กลับมาทำงาน และเปิดเผยเรื่องที่คิมโทนเป็นคนเอาค้อนที่เป็นหลักฐานไปไว้ในห้องของฮวางจอง



“เจ้ารู้ได้ยังไง ว่าค้อนอันนั้นเป็นของนักศึกษาคิม” ฮวางจองถามอย่างแปลกใจ

“ก่อนหน้านี้ ตอนไปทำความสะอาดห้องท่าน ข้าไปเจอว่าเค้าถือค้อนอันนั้นเข้ามาในห้องของท่าน”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ประมาณหนึ่งวัน ก่อนที่ข้าจะถูกขับไล่ออกไป”

“เค้าคงคิดจะเอาหลักฐานมาใส่ร้ายข้าแต่ถูกเจ้าเห็นเข้าซะก่อนเลยป้ายความผิดเรื่องขโมยยาให้”

“เลวมาก เอ๊ะ คน ๆ นั้น” มียองสบถออกมา และนึกถึงว่าเคยเจอคิมโทนมาก่อน “ว่าแล้วว่าเคยเห็นที่ไหน คน ๆ นั้นเคยมาเจอกับหมอวาตานาเบ้ที่หอนางโลมอยู่บ่อย ๆ โธ่ ข้าน่าจะนึกให้ออกเร็วกว่านี้หน่อย”

คิมโทนถูกจับได้จึงรีบหลบหนี ทำให้ฮวางจองพ้นจากข้อกล่าวหา ฮวางจองยังได้นำเรื่องราวมาคุยกับหมออัลเลน


“นี่เป็นสมุดจดที่ได้มาจากห้องคิมโทน เป็นลายมือเดียวกับที่เขียนในจดหมายนี่ คิดว่าคิมโทนวางแผนจะขับไล่ข้าออกไป แต่มาถูกนังนังเห็นเข้าซะก่อน เค้าเลยใส่ร้ายให้นังนังถูกไล่ออกไป แล้วค่อยหาทางเล่นงานข้า”

“แล้วทำไมเค้าจะต้องทำกับคุณอย่างนั้น” ฮัลเลนรู้สึกสงสัย 

“ข้าสงสัยว่า เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นคำสั่งของหมอวาตานาเบ้”

“ดอกเตอร์วาตานาเบ้ ทำไมเค้าต้องทำกับคุณอย่างนั้น”

“เรื่องนั้น..ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่..ตอนปฏิวัติ ตอนนั้นหมอวาตานาเบ้เคยคิดที่จะใช้ยาสลบฆ่าใต้เท้ามินยองอิก แต่ว่าข้าไปขัดขวางเอาไว้ ขอโทษด้วยครับ ข้าน่าจะบอกเรื่องนี้กับท่านนานแล้ว แต่นี่ก็เป็นแค่การคาดเดาของข้าเอง”


คูฮอนร้อนตัวจึงรีบโยนความผิดไปให้วาตานาเบ้ เพราะกลัวความแตกว่าเขาและผู้จัดการโอเป็นคนขโมยยาไปขายเพื่อเอาเงินไปเที่ยวหอนางโลมและดื่มเหล้า

“เอ๊ะ อ้า ๆ ๆ ใช่เลย ๆ ๆ ที่แท้เรื่องก็เป็นอย่างนี้ ใช่เลย ๆ ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็เชื่อมต่อกันติดแล้ว ฝีมือเจ้าวาตานาเบ้ คอยจับตาดูเจจุงวอนของเรา แล้วก็อยากรู้ว่าที่นี่ใช้ยาอะไรบ้าง ก็เลยมาขโมยยาของพวกเราไป หมายความว่า เจ้านี่แหละ ๆ ๆ ที่เป็นคนขโมยยาออกไป จริงมั้ยล่ะผู้จัดการโอ”

“ฮะ อ้อ ใช่ ๆ น่าจะใช่นะ” ผู้จัดการโอรีบกลบเกลื่อน

“เป็นความผิดของผม เรื่องนังนังผมควรจะสอบสวนให้รอบคอบ เพราะการตัดสินที่ผิดพลาดของผม สุดท้ายเลยทำให้นังนังต้องติดโรคฝีดาษด้วย” หมออัลเลนสำนึกผิด

“เฮ้อ ท่าน ผอ. เองอย่าไปโทษตัวเองเพราะเรื่องนั้นเลย ก็ถือซะว่าทางเราไม่ได้ตั้งใจ แต่พอฟังเสร็จแล้วก็รู้สึกได้ว่า เรื่องนี้นักศึกษาฮวางก็เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แต่โดยังที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กลับต้องมาเจ็บสาหัส” คูฮอนแสร้งทำเป็นพูดเห็นอกเห็นใจ พร้อมกับโล่งใจที่โยนความผิดไปให้คิมโทนได้

โรคฝีดาษเกิดแพร่ระบาดอย่างหนักใน โชซอน ทำให้ชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก หมออัลเลนจึงให้ใต้เท้ายูไปนำผงหนองจากต้าชิงมาทำวัคซีนป้องกัน


“ทุกคนอยู่ในความสงบก่อน ถ้าทุกคนมากันพร้อมแล้ว ผมก็จะเริ่มพูดละนะ คือว่าผมมีเรื่องที่ต้องขอโทษกับทุก ๆ คน ดูเหมือนว่าผงหนองที่สูดเข้าไปเมื่อหลายวันก่อน มันแทบจะไม่เป็นผลอะไรเลย ดูเหมือนว่าจะเป็นผงหนองที่มีอายุนานเกินไป”

“แปลว่า ให้พวกข้าสูดของที่ป้องกันไม่ได้เข้าไป แล้วปล่อยให้พวกข้าไปอยู่ในที่ที่มีคนเป็นฝีดาษเต็มไปหมดเหรอ?” พอนถามอย่างตกใจ

“นี่คิดจะฆ่านักเรียนให้ตายรึไงเนี่ย ถ้าพวกข้าตายไป ใครจะมาทำหน้าที่หมอในประเทศนี้ล่ะฮะท่าน ผอ. ดูแลนักเรียนให้ดีหน่อยสิ อีกอย่างตอนนี้ในเจจุงวอนมีคนไข้ติดเชื้อฝีดาษอยู่เต็มไปหมดเลย ท่านจะจัดการยังไง เพราะคนไข้ฝีดาษทำให้คนไข้อื่นไม่กล้ามารักษา” ฮันถามขึ้น



“นี่เจ้าเริ่มเป็นห่วงเจจุงวอนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? เชื่อเลย” เจอุ๊กค่อนขอด

“คนไข้ต้องได้รับการรักษาที่เท่าเทียม”
        
“ใช่ เราไม่สามารถปฏิเสธคนไข้ได้หรอก ใครก็ตามที่ป่วยก็สามารถมารักษา..” ซ๊อกรันเห็นด้วยกับฮวางจองฮันตวาดใส่ “เงียบไปเลย เป็นผู้หญิงสะเออะมาพูดอะไร กล้าเถียงผู้ ชายฉอด ๆ อย่างนี้เหรอ”
     
“คุณหนูยูซ๊อกรันเป็นผู้ช่วยของคุณหมอ  ฮอร์ตั้น นางเป็นคนของเจจุงวอนนางมีสิทธิที่จะพูด” ฮวางจองเถียงแทน พะนอจึงต่อว่าฮวางจอง “แล้วเจ้ามีสิทธิอะไรมาออกหน้าแทนนาง”

“ก็นั่นน่ะสินะ คราวก่อนตอนนักศึกษา เบ๊กบาดเจ็บก็เห็นนางไปเฝ้าทั้งวันทั้งคืน คงเป็นผู้หญิงของนักศึกษาเบ๊ก มั้ง”

“นักศึกษาฮัน” โดยังเสียงเข้ม

“ถ้าไม่ใช่ ก็แล้วไปสิ” ฮันเสียงอ่อนลง

“ทุกคนพอกันได้แล้ว เพราะทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ทุกคนมีสิทธิที่จะพูด ที่สำคัญ ผมไม่มีทางที่จะส่งพวกคุณไปตายแน่ โรคฝีดาษจะติดต่อผ่านทางเสมหะ ดังนั้นถ้าคุณใส่ผ้าปิดปาก ล้างมือให้สะอาด ดูแลร่างกายให้ดี ก็จะไม่ติดโรคนี้” หมออัลเลนบอก

“ท่านพูดอย่างนี้ได้เพราะท่าน ผอ. มีภูมิคุ้มกันแล้วนี่ แต่พวกข้าสิ เหมือนเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง ต้องคอยหวาดกลัวตลอดเวลา”

“มีใครติดโรคนี้เพราะผงหนองใช้ไม่ได้ผลมั้ย หลายวันนี้มีใครเป็นไข้สูงเพราะไป ใกล้ชิดกับคนป่วยโรคฝีดาษบ้าง?” โดยังประกาศ


นักเรียนเจจุงวอนต่างก็วิตกกังวลกลัวว่าครอบครัวตนเองจะติดเชื้อฝีดาษ

“ท่าน ผอ. ให้พวกนักเรียนที่เป็นห่วงครอบ ครัวได้กลับบ้านสักครั้งดีมั้ยครับ ให้เค้าไปสอนคนในครอบครัวใส่ผ้าปิดปาก แล้วก็ไปสอนเรื่องการล้างมือบ่อย ๆ รวมถึงไปสอนคนในหมู่บ้านด้วย” ฮวางจองเสนอ


หมออัลเลนก็เห็นด้วย “นี่เป็นความคิดที่ดี ถ้างั้นก็เอาตามนี้ ส่วนตัวผม จะอยู่ต่อสู้กับโรคฝีดาษกับทุกคนที่โรงพยาบาลนี่ ล่ามยูจะเอาผงสะเก็ดหนองที่เพิ่งจะบดใหม่ไม่นาน มาให้พวกเราใหม่ แล้วเราจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง”

พอทราบข่าวว่าหมออัลเลนไปนำผงหนองจากต้าชิงเพื่อมาทำวัคซีนแก้โรคฝีดาษ วาตานาเบ้จึงได้มาหารือกับทูตญี่ปุ่น

“พวกเจจุงวอนประกาศว่าพรุ่งนี้ จะมีการแจกผงหนองแถมแจกผ้าปิดปากแล้วก็สบู่ให้ฟรี”

“ผงหนองนั่นไม่มีประโยชน์อะไรหรอกครับ เพราะสำหรับฝีดาษมีแต่วัคซีนฝีวัวถึงจะดีที่สุด” วาตานาเบ้บอก จึงถูกทูตญี่ปุ่นด่ากลับ “เจ้าโง่ ดีที่สุดแล้วยังไง ไม่เห็นจะมีใครมาที่นี่สักคนเลย”

“เพราะชาวโชซอนมันโง่เง่า ผลมันถึงได้กลายเป็นอย่างนี้น่ะ ชาวโชซอนคิดว่าถ้าปลูกฝีจากวัว จะกลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ กลัวจะมีเขางอก แถมยังเชื่อว่าจะออกลูกมาเป็นวัวด้วย”

“งั้นเหรอ? เจ้าเพิ่งรู้รึไงว่าคนโชซอนมันโง่เง่า เจจุงวอน ยังเอาผงโสโครกนั่นไปซื้อใจคนได้ แต่เจ้ามัวทำอะไรอยู่ฮะ? ถ้าเอาแต่จะรอให้คนมาหาละก็ อีกไม่นานที่นี่ต้องปิดตัวลงก่อนแน่” ทูตญี่ปุ่นหันไปพูดกับคิมโทน “ข้าจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย ได้ยินว่าผงหนองจะมาถึงที่เจจุงวอนในวันพรุ่งนี้ เจ้าจะต้องไปขโมยมาให้ได้ ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ ข้าจะเอาชีวิตของเจ้ามาแทน”

คิมโทนรีบรับคำอย่างกลัว ๆ

พวกหมออัลเลนได้พยายามหาวิธีป้องกันและแก้ปัญหาโรคฝีดาษระบาด ระหว่างที่รอผงหนอง ทั้งการป้องกันโดยแจกผ้าปิดปากปิดจมูก หรือการแจกสบู่ล้างมือ นอกจากนี้ยังใช้หนอนมาช่วยในการรักษาอีกด้วย

“เคยได้ยินแต่หมักถั่วเอาไว้เพื่อจะทำเต้าเจี้ยว แต่ข้าไม่เคยได้ยินการหมักเนื้อเพื่อให้เน่ามาก่อนเลย โอย.. ดูสิคะ” มักเซงเห็นหนอนก็ขยะแขยง

“ที่ต้องการก็คือหนอนพวกนี้แหละ” ซ๊อกรันบอก

“คงไม่ได้จะเอาไปให้ ผอ. อัลเลนกินหรอกนะคะ ก็เหมือนบางคนที่เค้ากินหนอน เค้าจะเอาใส่ลงไปต้มในน้ำแกงน่ะค่ะ” มักเซงพูดไป ขนลุกไป


“อี๊ กล้าทำแบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย” เจอุ๊กทำหน้างงเมื่อหมออัลเลนบอกจะใช้หนอนรักษา

“เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มนึง มีทหารที่บาดเจ็บจากสงครามพบว่า คนที่มีหนอนขึ้นตามแผล แผลจะหายเร็ว แต่คนที่ไม่มีแผลก็จะหายช้า” โดยังบอก

“ใช่แล้วครับ ยังมีการบันทึกอีกว่า แพทย์ของนโปเลียนเคยใช้หนอนรักษาแผล นอกจากนี้ ยังเริ่มมีการใช้หนอนรักษาแผลมาตั้งแต่หลายพันปีก่อนหน้านี้แล้ว เพราะหนอนจะกินเนื้อที่เน่าและน้ำหนองจากบาดแผลไป นี่ทุกคนดูสิ สุดยอดใช่มั้ย?”

“หนอนที่น่ารังเกียจก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ” ซ๊อกรันยิ้ม

“ใช่ครับ ดูท่าทางแผลน่าจะหายเร็วขึ้น”

ฮวางจองเสริม

“เหตุระเบิดครั้งนี้ ทำให้มีคนต้องบาดเจ็บ และเดือดร้อนกันไปตั้งหลายคน”

“ครั้งนี้นักศึกษาฮวางเลยต้องถูกเข้าใจผิดไปด้วย คงจะลำบากใจมากสินะ” ซ๊อกรันกล่าวเห็นใจ

“ไม่หรอกครับ อย่างข้าจะไปเทียบกับนักศึกษาเบ็กที่เจ็บตัวกับนังนังที่ต้องป่วยได้ยังไง ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ” ฮวางจองรีบบอก



ใต้เท้ายูกลับจากการเดินทางไปเอาผงหนองที่ต้าชิง ระหว่างทางได้ถูกพวกคิมโทนมาปล้นเอาผงหนองไปทั้งหมด ใต้เท้าคิมกลับมาถึงเจจุงวอนด้วยความกังวล 

“ต้องขอโทษด้วย วันนี้ยาถูกขโมยไปหมดเลย” 

“โชคดีแล้วที่มิสเตอร์ยูยังปลอดภัยกลับมา” หมออัลเลนบอก 

“ไม่เป็นอะไรแน่นะคะ” ซ๊อกรันเป็นห่วงพ่อ 

“อืม พ่อไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าผงหนองที่ถูกขโมยไปหมดนี่สิ ทำยังไงดี” 

หมออัลเลนครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี 

“เดิมทีเราควรจะได้ให้วัคซีนในวันนี้”

“ไอ้พวกนั้นมันเป็นใครเหรอครับ?” โดยังถามขึ้น ใต้เท้ายูส่ายหน้า “พวกมันปิดหน้าปิดตาเลยไม่เห็นว่าเป็นใคร อ้อ พวกมันยังปาระเบิดลูกสีดำลูกเท่ากำปั้นเด็กได้ พอโดนระเบิดนั้นเข้า ข้าถึงได้หมดสติไปน่ะ” 

ฮวางจองแปลกใจมาก “ระเบิดลูกสีดำ ๆ หรือครับ” 

“ใช่ น่าจะเป็นพวกที่ทำจากดินปืน” ใต้เท้าคิมยืนยัน 

“ตอนที่เจ้าคิมโทนหนีไป เค้าก็ขว้างระเบิดใส่ข้าเหมือนกัน” ฮวางจองเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว 

“นี่อาจเป็นฝีมือของวาตานาเบ้ เพื่อขัดขวางไม่ให้เจจุงวอนให้วัคซีนป้องกันโรคสำเร็จ” โดยังคาดคะเน 

“ถ้างั้นควรไปแจ้งกองปราบ ให้ช่วยตามผงหนองกลับมาดีมั้ยคะ” ซ๊อกรันออกความเห็น โดยังถอนหายใจ “นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ วาตานาเบ้ได้รับการคุ้มครองจากอำนาจกงสุล ดีไม่ดีอาจเป็นปัญหาทางการทูตก็ได้ อีกอย่าง นี่ก็เป็นแค่การสงสัย” 

“ตอนนี้ชาวบ้านมารอรับผงหนองกันอยู่ข้างนอกแล้วด้วย” ฮวางจองยิ่งกังวลหนัก หมออัลเลนบอกว่าคงต้องให้ชาวบ้านกลับไปก่อน สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านมาก


โดยังเสนอความคิดเรื่องการทำวัคซีนเองจากฝีวัว “เคยอ่านทฤษฎีใหม่ของฝีดาษของจีซ๊อกยัง ข้าจำได้ว่ามันไม่ได้ยากเย็นมากนัก ถ้าเราได้หนังสือเล่มนั้นมาก็จะดีมาก แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ก็ลองทำวัคซีนตามหนังสือรวมเรื่องหัดของจองยักยองดูก็ได้ เราอาจทำสำเร็จก็ได้”

“ผงหนองมีปัจจัยกระทบมากเกินไป การได้ผลก็ขึ้นกับระยะเวลา ถ้าเป็นของเก่าก็ไม่ได้ผล ผงใหม่เกินก็อันตรายเกินไป แต่ถ้าเราสามารถได้เชื้อฝีจากวัว ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้อีก” ซ๊อกรันออกความเห็น 

“งั้นก็ดี เราจะมาระดมสมอง ทำวัคซีนจากฝีวัวกัน ในบทความของแลนเซทที่ผมเก็บไว้ น่าจะมีบันทึกเกี่ยวกับวัคซีนฝีดาษอยู่” หมออัลเลนบอก 

“งั้นเราไปหากันเถอะค่ะ” ซ๊อกรันกระตือรือร้นทันที

ทั้งหมดช่วยกันหาหนังสือและวิธีทำวัคซีคจากฝีวัว 


“ก่อนอื่นจะต้องเก็บเอาหนองที่ติดเชื้อจากฝีของวัวมาก่อนเหรอ?” หมออัลเลนบอก 

“ครับ จากนั้นก็ค่อยเอาเชื้อหนองนี้ ฉีดต่อเข้าไปในลูกวัว เราก็จะได้เชื้อฝีวัวมา” โดยังเสริม

“ตามทฤษฎีแล้วดูง่ายมาก แต่ความจริงคงไม่ง่ายนัก อันดับแรก เราจะไปหาเชื้อจากหนองที่ไหน หาเด็กเป็นโรคฝีวัวที่ไหน เพราะเราไม่มีภูมิต้านทานที่ได้จากเชื้อฝีวัว อีกอย่าง ตอนนี้ที่หาได้แค่ผงหนองที่จะเอามาเพาะภูมิต้านทาน”

“คนที่มีวัคซีนจากฝีวัวมีแต่หมอญี่ปุ่นเท่านั้น ข้าจะหาทางเอามาให้ได้เอง” โดยังรับอาสา

“ผมคิดว่าน่าจะยากมาก ถ้าเราบอกว่าเราต้องการเพาะฝีวัว เค้าคงไม่ยอมช่วยเราแน่ ๆ”

“เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปที่โรงตีเหล็กเพื่อสั่งทำมีดที่พูดถึงในหนังสือเรื่องหัดมา” ฮวางจองบอก

“ดีมากเลย ต่อมา เราจะไปหาลูกวัวมาจากไหน ควรจะเป็นลูกวัวที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานเท่าไหร่”

“ในเรื่องนี้ข้าได้บอกกับท่านพ่อของข้าแล้ว และท่านบอกว่าจะหามาให้พวกเรา”

“ดีมาก ถ้างั้นพวกเราก็เริ่มกันได้เลย” หมออัลเลนยิ้ม มีความหวังมากขึ้น



ซ๊อกรันยังได้ให้มียองไปหลอกเอาหนองฝีวัวจากวาตานาเบ้ด้วย

หมออัลเลนมากราบทูลพระเจ้าโกจงว่าจะทำวัคซีนเอง

“จะทำวัคซีนอย่างนั้นเหรอ? อืม นอกจากวิธีนี้แล้วไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง ๆ รึ”

“ในเวลาที่ยังไม่มีวิธีรักษา วิธีแก้ไขเพียงอย่างเดียวก็คือการป้องกัน” หมออัลเลนกราบทูล

“ฝ่าบาท ควรจะมีการจัดพิธีจับไล่โรคระบาดอีกสักครั้งมั้ยเพคะ ควรหาหมอผีเก่ง ๆ มาทำพิธีเพื่อขับไล่อีกสักครั้งนึง” มเหสีตรัส

“วิธีงมงายแบบนั้นไม่สามารถพรีเวนชั่นโรคฝีดาษได้หรอกเพคะ” ฮอร์ตั้นบอก

“อะไรนะ?”

“ฉันหมายความว่า..” ฮอร์ตั้นพูดยังไม่จบ หมออัลเลนก็โพล่งขึ้น “ฝ่าบาท ไม่ว่าจะทำพิธีกรรม หรือไสยศาสตร์ก็ดี แต่ว่า..วัคซีนคือสิ่งที่จะดียิ่งกว่า”



“ท่านหมายถึงฝีจากวัวนั่นน่ะหรือ” มเหสีตรัสย้ำ

“ใช่ ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในตอนนี้ เจจุงวอนกำลังทดลองที่จะทำมันขึ้นเอง”

“แล้วต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไรมั้ย?” พระเจ้าโกจงตรัสถาม

“เราจะทำด้วยกำลังของตัวเอง” หมออัลเลนกล่าวตอบ

“ทำไมคุณไม่ถามเรื่องหนังสือเกี่ยวกับวัคซีนฝีดาษล่ะ ชาวโชซอนคนนึงเคยเขียนไว้นี่” ฮอร์ตั้นถามเป็นภาษาอังกฤษ หมออัลเลนรีบตอบเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน “เค้าถูกพระราชาเนรเทศเพราะหนังสือเล่มนั้น ถ้าเราพูดอะไรผิดไป อาจจะทำให้ทำวัคซีนไม่สำเร็จก็ได้”

ฮวางจองและหมออัลเลนได้ให้ซังพูลแอบไปรับเชื้อมาจากพวกญี่ปุ่น


“ซังพูล รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ฮวางจองถาม

“ตอนแรกก็รู้สึกแสบนิดหน่อย แต่ตอนนี้เริ่มปวดแล้วครับ”

“ทนลำบากหน่อยนะ ต้องรอจนกว่าจะมีตุ่มหนองขึ้นมาตรงที่ถูกจิ้มก่อน” ฮวางจองปลอบใจ

“ซังพูล ลำบากแล้วนะ นักศึกษาฮวาง เราไปประชุมเถอะ นักศึกษาเบ๊กกับมิสยูกำลังรอเราอยู่” หมออัลเลนพูดขึ้น

ฮวางจองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เคยทำ วัคซีนในโชซอน ซึ่งผู้นั้นก็คือ จีซ็อกและนำมา บอกทุกคน

“เมื่อสิบปีก่อน ข้าเคยทำงานกับใต้เท้า    จีซ็อกยังมาก่อน” ใต้เท้ายูพูดขึ้น


“อ้า ท่านพูดจริงเหรอครับ วันนี้ข้าบังเอิญไปได้เข็มปลูกฝีที่เค้าสั่งทำ” ฮวางจองดีใจ

“อ้อ อย่างนั้นเหรอ งั้นก็โชคดีมาก ตอนที่เคยรู้จักกันน่ะ ใต้เท้าจีกำลังตั้งโรงปลูกฝีขึ้นมา เค้าต้องการที่จะฉีดวัคซีนให้กับทุกคน โรงปลูกฝีควรจะอยู่ในที่ที่หาพบได้ยาก และก็ควรเป็นที่     ที่สามารถหาลูกวัวมาทำการทดลองได้ไม่ยาก     จนเกินไป ดังนั้น ข้าก็เลยฝากให้คนฆ่าสัตว์ที่รู้จัก คนนึงช่วยจัดที่เพื่อทำโรงปลูกฝีในหมู่บ้านคนฆ่าสัตว์”

“งั้นเราก็ทำการทดลองกับลูกวัวที่ศูนย์นั่นเลยสิ” โดยังเสนอ

“โชคร้าย ที่ศูนย์นั่นตอนหลังถูกกลุ่มพวกแม่มดหมอผีมาทำลายจนใช้การไม่ได้แล้ว วันนี้ตอนที่ข้าไปขอลูกวัวมา ข้าเจอคนฆ่าสัตว์ที่เคยช่วยให้ใต้เท้าจีตั้งโรงปลูกฝีที่ชื่อว่ามาตังแกคนนั้นด้วย เค้าบอกว่าโรงปลูกฝีนั้นยังคงอยู่ ข้าก็เลยถามว่าถ้าซ่อมจะใช้ได้อีกมั้ย เค้าเลยรับปากว่าจะช่วยซ่อมแซมให้พวกเรา บอกว่าเรื่องนี้เอาไว้เป็นหน้าที่ของเค้าเอง แถมยังบอกว่าจะเตรียมลูกวัวที่จะใช้ทดลองปลูกฝีไว้ให้ด้วย”

“มิสเตอร์ยู ต้องขอบคุณคุณมากจริง ๆ” หมออัลเลนกล่าวจากใจจริง


เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา