วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 27




ทหารญี่ปุ่น จับตัวพระเจ้าโกจง มาคาดคั้นถามหาพระมเหสีอยู่ไหน แต่พระเจ้าโกจงไม่ยอมตรัสบอก ฮวางจอง เข้ามา พระเจ้าโกจงจึงตรัสถามถึงพระมเหสี

“พระองค์หมดสติไปเท่านั้น เดี๋ยวก็จะ ฟื้นขึ้นมาเองพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท รีบเสด็จเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“เป็นยังไงบ้าง?”

“เอ่อ ช่วยคุ้มครองพระราชากับองค์รัชทายาทออกไปก่อนนะ” ฮวางจอง บอกทหาร

“ไปตามหาพระมเหสี พระมเหสี” พระ เจ้าโกจง รับสั่ง

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

ทหารญี่ปุ่นชอบถามซ็อกรันว่าเห็นพระมเหสีหรือไม่ นางปฏิเสธไม่รู้จักพระมเหสี




“ลองคิดให้ดีสิ เจ้าเคยมาที่โรงพยาบาล ฮันซองกับหมอฝรั่งคนนั้นนี่ หมอที่เคยเข้ามาในวัง ไม่มีใครไม่รู้จักพระมเหสีหรอก”

“ข้าไม่ใช่แพทย์ตะวันตก และข้าก็ไม่เคยเข้าเฝ้าพระมเหสี”

“เจ้าคิดว่าจะหลอกข้าได้งั้นรึ ข้าจะนับแคหนึ่งถึงสาม รีบบอกข้ามาหนึ่ง สอง”

“ข้าไม่รู้หรอก”

“สาม ย้าก...”

“บาดเจ็บมารึ?” ทหารเห็นคนบาดเจ็บเข้ามา

“เข้าไป ไปรักษาให้เค้า ข้าบอกให้ไปรักษาไง” ทหารสั่งซ๊อกรันจนนางตื่นกลัว

ฮวางจอง มาหาข้าหลวงโอ สอบถามว่าพระมเหสีอยู่ที่ไหน

“พระองค์ถูกพา แฮ่ก..ถูกพาเข้าไปที่ห้องตรวจโรคแล้ว” ขันทีโอ กล่าว

“ท่านกดแผลเอาไว้ก่อนนะ” ฮวางจอง สั่ง

ทหารญี่ปุ่นไม่รู้ว่าใครเป็นพระมเหสี จึงสั่งให้ฆ่าทิ้งให้หมด แต่ระหว่างนั้นผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็ได้แสดงตนว่าเป็นพระมเหสี เพื่อให้ทหารฆ่า

“ข้าว่าพวกเจ้า ไม่มีตัวจริงเลยสักคน แต่ยังไง พวกเจ้าทั้งหมดก็ต้องตายอยู่ดี ไม่ต้องเสียเวลาหาแล้ว ฆ่ามัน”

“ย้าก..”

“หยุดเดี๋ยวนี้” พระมเหสี ตรัส

“ในที่สุดก็เผยตัว” ทหารญี่ปุ่น กล่าว


“ข้านี่แหละ พระมเหสีแห่งโชซอน”

“ไม่ใช่นางนะ เป็นข้าต่างหาก” หญิง อีกคนกล่าว

“พอเถอะ ไม่ต้องแล้ว”

“พระมเหสี ๆ”

“ทำไมพวกเจ้าถึงต้องการฆ่าข้า” มเหสี ตรัสถาม

“นี่ไม่รู้จริง ๆ รึว่าทำไม ก็เพราะว่าเจ้าเป็น ก้อนหินขวางทางของพวกข้าอยู่”

“ไอ้เจ้าพวกโง่เง่าเอ้ย คิดว่าฆ่าผู้หญิงคนนึงแล้ว พวกเจ้าจะสมปรารถนาได้อย่างนั้นรึ แผ่นดินของโชซอน มีวัฒนธรรมประเพณีความเป็นชนชาติอย่างที่บ้านเมืองของพวกเจ้าไม่มีอยู่แล้ว ถึงพวกเจ้าจะฆ่าข้าไป ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้”

“จะตายอยู่แล้วยังปากมากอีก ย้าก..”

“หยุดก่อน มันก็จริง เมื่อก่อนโชซอนเคยเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้โชซอนเป็นได้ ก็แค่เนื้อข้างทางที่รอให้ใครมาขย้ำ หรือหยิบไปกินเท่านั้น” ทหารญี่ปุ่น กล่าว 

“ฮะ ๆ ๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็คงเป็นสุนัขที่เฝ้ารอจะกินเนื้อก้อนนั้นอยู่สินะ”

“สุนัข นั่นสินะ อยากจะคิดอย่างนั้นก็ได้ โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ฮะ ๆ ๆ ๆ แต่พวกข้าจะต้องฆ่าเจ้าของเนื้อก้อนนั้นให้ตายซะก่อน ข้าจะฆ่านายหญิงของมันทิ้งซะ” ทหารญี่ปุ่น กล่าว

“ช่างน่าเศร้าและเจ็บแค้นนัก ทำไมบ้านเมืองถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ได้ แต่พวกเจ้าไม่มีทางได้ โชซอนไปครองอย่างที่พวกเจ้าหวังแน่ มา ฟันเลยสิ ถึงแม้ข้าจะต้องตายไปอยู่ในปรโลก ข้าก็จะคอยจับตาดูพวกเจ้า จับตาไว้ไม่ให้คลาดสายตา” พระมเหสี ตรัส



“พระมเหสี” ซ๊อกรัน กล่าว

“ฆ่ามัน”

“พระมเหสี พระมเหสี” ซ๊อกรัน ร้องเรียก“พระมเหสี ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ” หญิงหลายคนร้องไห้



“ฮือ ๆ ๆ มันไม่จริง พระมเหสี ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ว้าย ๆ ๆ จะทำอะไร ๆ ไม่นะ ๆ พระมเหสี”

“ฮือ ๆ ๆ พระมเหสี ฮือ ๆ ๆ”

“ย้าก...โอ้ย...”

“คุณหมอยู ๆ พระมเหสีล่ะ..อยู่ที่ไหน?” ฮวางจอง เข้ามา



“ฮือ ๆ ๆ” ซ๊อกรัน ร้องไห้

“พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว” มียอง กล่าว

ทูตรัสเซีย มาหาทูตญี่ปุ่นคนใหม่ ถามเรื่องพระมเหสีสิ้นพระชนม์



“ผมไม่เห็นได้รับข่าวนี้เลย พระมเหสีสิ้นพระชนม์แล้วเหรอ?” ทูตญี่ปุ่น กล่าว

“แต่คุณเป็นคนสั่งให้ปลงพระชนม์” ทูตรัสเซีย กล่าว “เหอะ รู้มั้ยว่าชาวโชซอนชอบสร้างข่าวลือแบบนี้เป็นประจำ คุณอย่าไปเชื่อข่าวลือ ของพวกเค้าเด็ดขาด”

“เรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวลือ เพราะผมเห็นมาเองกับตา” อันเดอร์ กล่าว

“แล้วคุณเห็นอะไรล่ะ?”

“คนญี่ปุ่นบุกเข้าไปปลงพระชนม์พระมเหสีถึงในวัง แล้วก็จุดไฟเผา”

“พระมเหสีถูกไฟเผาเหรอ แต่พระนางไม่ใช่ตุ๊กตากระดาษสักหน่อย เป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี เหลวไหลอย่างที่สุด”

“มีคนเห็นชาวญี่ปุ่นจากโรงพยาบาลฮันซอง อยู่ในเหตุการณ์ในวังหลวงด้วย” อันเดอร์ กล่าว

“พวกผมต้องทำการสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียดแน่ และจะประกาศการกระทำที่ชั่วร้ายให้โลกรู้” ทูตรัสเซีย กล่าว

“ปั้นน้ำเป็นตัวแท้ ๆ ใส่ร้ายกันชัด ๆ เลย ผมจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้แน่”

หลังจากทูตรัสเซียกลับไป ทางทูตญี่ปุ่นก็ต่อว่าลูกน้องที่จัดการเรื่องไม่เรียบร้อย 



“ขอโทษครับ”

“ขอโทษเหรอ? แล้วแกไปทำเรื่องที่ต้องขอโทษทำไมหะ? เจ้าเป็นถึงบัณฑิตฮาร์เวิร์ด เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้เหรอ?”

“แต่ตอนนี้ ศพถูกเผาไปแล้ว ไม่มีทางหาหลักฐานได้แน่ครับ”

“ใช่แล้วครับ ถูกเผาหมด ไม่เหลือซาก เมื่อไม่มีศพเหลืออยู่ ก็ทำพิธีศพไม่ได้” ทหารญี่ปุ่น กล่าว

“ชะ ๆ ใช่ ใช่แล้วครับท่าน” วาตานาเบ้ กล่าว

“ก็ได้ ที่สำคัญตอนนี้คือเราจะต้องรีบหยุดข่าวลือนี้ซะ จะให้มีข่าวลือว่าเราฆ่าพระมเหสีไม่ได้ คูมิโมโต้”

“ไฮ้” คูมิโมโต้ กล่าว

“คุณเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฮันซอง รายงานข่าวติดต่อกันทุกวันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา วาตานาเบ้”

“ไฮ้” วาตานาเบ้ กล่าว

“นับจากวันนี้ไปสั่งให้ โรงพยาบาลฮันซอง  งดการเก็บค่ารักษาพยาบาลชาวโชซอน แล้วให้ปล่อยข่าวไปว่า พระมเหสีของโชซอนได้เสด็จหนีออกจากวังไปเอง”

“เข้าใจแล้วครับ เราจะทำตามนั้น เข้าใจแล้วครับผม”

“ในวังมีคนเจ็บและตายจำนวนมาก เจจุงวอนคงจะวุ่นกันจนไม่ได้พักเลยสิ”

“ใช่แล้วครับท่าน ใช่ครับ”

“ทำงานให้ดีล่ะ” ทูตสั่ง

ฮวางจอง เข้ามาตรวจพระวรกายขององค์รัชทายาท



“ฝ่าบาท นอกจากบาดแผลที่พระศอ ก็ไม่มีพระอาการอะไรน่าเป็นห่วง  องค์รัชทายาททรงปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ  องค์รัชทายาทจะค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับพ่ะย่ะค่ะ”

“งั้นรึ  ไม่เป็นอะไรมากก็ดี” พระเจ้าโกจง ตรัส

“เสด็จพ่อ  ลูกอยากเจอเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาท ทูล

“เสด็จแม่ ได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว  เจ้าไม่ต้องห่วง”

“ถ้าเช่นนั้นก็ดี”

“บ้านเมืองข้ามันเกิดเรื่องอุกอาจแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกันนะ ข้ารู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์นี้จริง ๆ”

ซ๊อกรัน บอกให้นังนังที่ได้รับบาดเจ็บไปพักผ่อน แต่นางปฏิเสธ จากนั้นก็หันไปเห็นมียอง จึงเข้าไปดู



“ปล่อยนางเถอะค่ะ  นางคงจะเสียขวัญไม่น้อย” นังนัง กล่าว

“นั่นสินะ”

“พระองค์เป็นผู้ที่มีเมตตามากจริงๆ  เป็นครั้งแรกที่ได้พบและเป็นครั้งสุดท้าย ที่ข้าได้พบพระมเหสี” นังนัง กล่าว

หญิงรับใช้นำอาหารมาให้พระเจ้าโกจง แต่พระองค์รับสั่งให้นำออกไป

“ฝ่าบาท ไม่ควรจะทรมานพระวรกายนะเพคะ  พระองค์ไม่ได้เสวยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

“ข้ากินไม่ลงเอากลับไปเถอะ”

“ได้โปรดเสวยสักหน่อยเถอะเพคะ  อาหารเหล่านี้ปลอดภัยดีเพคะ”

“ข้ากินไม่ลงเอาออกไป”

“ฝ่าบาท พระองค์ต้องมีพละกำลัง ถึงจะจัดการเรื่องบ้านเมืองต่อไปได้นะเพคะ”

“ข้าบอกว่าให้เก็บไปไงเล่า”

เอวิสัน ถามใต้เท้ายูว่าได้เข้าเฝ้า พระราชาบ้างรึยัง



“ยังไม่ได้พบเลย พระองค์ไม่ยอมเสวย พระกระยาหารด้วย”

“ข้าคิดว่า เราควรเชิญเสด็จพระองค์ไปยังที่ปลอดภัย เพราะตอนนี้ทรงไม่สบายพระทัยจนเสวยไม่ลง” ฮวางจอง กล่าว

“คงทำอย่างนั้นไม่ได้ แค่ในเวลานี้ ผู้คนก็ลือกันไปทั่วแล้วว่าพระมเหสีเสด็จหนีไปที่อื่น  ถ้าพระราชาเสด็จอีกองค์ พวกญี่ปุ่นคงจะดีใจกันยิ่งขึ้น”

“แต่จะปล่อยให้ทรงอดอาหารอย่างนี้คงจะไม่ดีแน่”

“ได้ยินว่าทรงเสวยไข่สดไปหลายฟอง ดูเหมือนว่าสาเหตุ จะเป็นเพราะทรงกลัวว่าจะมียาพิษในอาหารมากกว่า” ยู กล่าว

“เพราะว่าในอดีตมีพระราชาที่ถูกวางยาพิษอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลย ท่านพ่อคะ ถ้างั้นเราควรจะหาอาหารที่พระราชาทรงวางพระทัยได้  อย่างเช่น อาหารจำพวกอาหารกระป๋องก็ได้นี่คะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“อืม นั่นสิ อย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน”   “ถ้าอย่างนั้น ผมจะเข้าวังไป เพื่อทำการอารักขาความปลอดภัยของพระราชาเอง แต่ว่าเรื่องครั้งนี้ พวกเราอาจจะต้องเก็บไว้เป็นความลับ” อันเดอร์ กล่าว ด้านใต้เท้ายูได้มอบปืนไว้ให้กับฮวางจอง

แม่ของซ๊อกรัน ไม่สบายใจที่พระเจ้าโกจงไม่เสวยอะไรเลย

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราน่าจะทำอาหารเข้าไปถวาย ให้เสวยแต่ไข่ดิบจะได้ยังไงกันคะ” มักเซง กล่าว

“ใช่ ก็ดีนะ เพราะนี่เป็นโอกาสที่เราจะได้รับใช้พระราชาด้วย”

“ท่านแม่คะ พระราชาไม่ยอมเสวยอะไรง่าย ๆ หรอก” ซ๊อกรัน กล่าว

“แต่ว่าคนเราอยู่ได้ด้วยอาหารนะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะเป็นคนทำอาหารแล้วเอาไปถวายเอง  เพราะว่าพระราชาทรงไว้ใจฉันอยู่บ้าง คิดว่าคงยอมเสวยแน่” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

“เอ่อ แต่ว่าท่านเองก็กำลังท้องแก่อยู่ จะเข้าไปทุกวันได้ยังไงกัน” มักเซง กล่าว

“นั่นสิ ที่จริงเพราะว่าฉันเป็นคนต่างชาติ  พระองค์น่าจะไว้ใจมากกว่า แต่จะทำยังไง จะเอาไปถวายทุกวันก็ไม่ได้”

“อาจารย์คะ ตอนจะเอาอาหารไปถวาย ท่านก็พาฉันเข้าไปด้วยสิ  ถึงตอนนั้นฉันจะจัดการเอง”

ที่โรงพยาบาลฮันซอง ซูซูกิ รายงานวาตานาเบ้ว่า คนไข้เพิ่มขึ้นเท่าตัว



“เป็นปรากฏการณ์ที่ดี ถือว่าเป็นเรื่องดี”

“ได้ยินว่าตอนนี้ คนไข้ที่เจจุงวอนมีไม่กี่คนเองค่ะ” ซูซูกิ กล่าว

“งั้นเหรอ หึ อืม...ตอนนี้ยังดีใจไม่ได้  ประสบการณ์หลายครั้งที่เราทำพลาด เพราะมักวางมือเร็วเกินไป ต้องบีบจนแน่ใจว่าตาย แบบนี้ถึงจะไม่ผิดพลาด เข้าใจมั้ย?”

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไม่ประมาท”

คูฮอน เข้ามาหาโอ เห็นเขากำลังทำอะไรอยู่จึงสอบถาม

“เบ๊กคูฮอน ตอนนี้พระมเหสีถูกลอบปลงพระชนม์ ท่านยังมัวนิ่งเฉยอยู่ได้ยังไง แต่นอกจากเขียนหนังสือแล้วข้ายังจะทำอะไรได้อีก ข้าเลยจะเขียนบทไว้อาลัยให้กับพระองค์” โอ กล่าว

“โธ่เอ๊ย ใครบอกว่าพระมเหสีสิ้นพระชนม์  ตอนนี้พระมเหสีแอบเสด็จหนีไปแล้วต่างหากเล่า”คูฮอน กล่าว

“ใครที่มันกล้าพูดจาเหลวไหลอย่างนี้หะ? ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนพูด ข้าจะไปฉีกปากมัน เข้าใจรึเปล่า?”

“คนข้างทางเค้าพูดกันไปทั่ว ใคร ๆ ก็พูดกันแบบนี้ โอ๊ย ยังมานั่งเขียนอะไรอยู่ได้ รู้มั้ยว่าเจจุงวอนกำลังตกอยู่ในสภาพไหน โธ่เอ๊ย เคยคิดถึงสิ่งที่จะเกิดกับเจจุงวอนบ้างรึเปล่าหะ?”

“หนอย ๆ เลิกพูดซักทีจะได้มั้ย ท่านนี่ทำเสียอารมณ์ซะจริง ๆ” โอ กล่าว

“เฮ้อ โธ่เอ๊ย ท่าน ผอ.กับฮวางจองไม่รู้ว่ามัวทำอะไรอยู่ วัน ๆ ไม่เห็นจะทำอะไรให้เจจุงวอนเลย  ข้าล่ะเชื่อเลย มีแต่พวกเรานั่นแหละที่คอยเป็นห่วงเจจุงวอนอยู่”

“นี่ท่านช่วยออกไปซักทีจะได้มั้ย?” โอ กล่าว

คูฮอน ให้ลูกน้องคิมเช่าด้านนอกของเจจุงวอนเพื่อเปิดคลินิก แต่ต้องรับรองว่าจะไม่รักษาโรคทับซ้อนกับที่เจจุงวอน



“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เราจะเปิดเป็นคลินิกรักษาฟันน่ะ” ลูกน้องคิม กล่าว

“ฮะ ๆ ๆ ดี ๆ ๆ เงินก้อนนี้ ข้าไม่ต้องนับแล้วใช่มั้ย?” คูฮอน กล่าว

“ใช่ ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด แต่จำเอาไว้ว่า ถ้าท่านยกเลิกสัญญาเช่า  ท่านจะต้องจ่ายเงินชดเชยค่าผิดสัญญาเป็นจำนวน 10 เท่านะ”

“ได้ ๆ ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาอยู่แล้วอะ ๆ ๆ เอ่อแต่ว่า ทางที่อย่าใช้ ประตูด้านหน้าตรงนั้นนะ ท่านไปแขวนป้ายที่ประตูด้านหลัง ใช้ทางประตูนั้นเข้าออก  แบบนี้น่าจะดีกว่า”

“ข้าเข้าใจแล้วครับ”

“ฮะ ๆ ๆ อืม ข้าไปล่ะ อ้อ อีกอย่าง ประตูทางด้านนี้ จะต้องปิดเอาไว้ด้วยนะ” คูฮอน สั่ง

“ได้ ไม่มีปัญหาครับ”

“ฮะ ๆ ดี”



“เซ็นสัญญาแล้วใช่มั้ย” คิมโทน ถามลูกน้อง

“ครับ เซ็นเรียบร้อยแล้ว”

“ดี ขอบใจมาก”

“ขอบคุณท่านมากครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้ข้าได้ตลอด”

“ดีมาก อา...เอาไปแขวนไว้ข้างนอก” คิมโทน กล่าว

โอ มานั่งรอพบฮวางจอง



“มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ?” ฮวางจอง ถาม

“เค้าน่ะสิ ดันเอาที่ดินส่วนนึงของเจจุงวอนไปปล่อยให้โรงพยาบาลฮันซองเช่าเฉยเลย” โอ กล่าว

“ก็ข้านึกว่าเป็น ชาวโชซอนจะมาเปิดรักษาฟันนี่คือ แบบว่าเป็นคลินิก รักษาฟันของชาวโชซอนน่ะ” คูฮอน กล่าว

“ผู้จัดการเบ็ก คุณทำเรื่องที่ส่งผลเสียต่อเจจุงวอนมาก” เอวิสัน กล่าว

“โธ่ ข้าก็ถูกหลอกเหมือนกัน ถูกหลอกน่ะเข้าใจมั้ย?” คูฮอน กล่าว

“ทำไมถึงคิดเอาที่ไปให้คนอื่นเช่า?” ฮวางจอง ถาม

“หา เอ่อ โธ่ท่าน ผอ. รายได้ของโรงพยาบาลเราตกต่ำ ทางการก็ไม่ได้ให้เงิน จะอยู่กันยังไง แถมในตอนนี้โรงพยาบาล ฮันซองดันมาเปิดรักษาฟรี รู้รึเปล่าว่ากิจการของเจจุงวอนตกต่ำขนาดไหน ท่าน ผอ. ตั้งแต่เจจุงวอนไปอยู่ใต้การปกครองของอเมริกา การเงินเราก็เกิดปัญหา กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวันลำบากจะตาย แถมยังไม่ใช่แค่นั้นนะ ช่วงนี้แทบจะไม่มีคนไข้ที่มีเงินจ่ายเลย ก็พวกเค้าไปโรงพยาบาลฮันซองกันหมด  ท่านกลับยังมีเวลาว่างมานั่งเขียนหนังสือไว้อาลัยอะไรอยู่อีก จะบ้าตาย โธ่เอ๊ย เฮ้อ...” คูฮอน กล่าว

“ถึงอย่างนั้นท่านก็ควรมาปรึกษาท่าน ผอ. หรือปรึกษาข้าก่อน”

“ปรึกษา? เจ้าบอกว่า...ปรึกษาเหรอ โธ่เอ๊ย โธ่เอ๊ยในช่วงนี้ พวกเจ้าแทบไม่ค่อยจะอยู่เจจุงวอนกันเลย หืม? เรื่องค่ายา ล่ามยูเป็นคนจัดการก็เบาไปส่วนนึง แต่เรื่องค่าอาหารของใช้จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินนี่ล่ะ หืม? แล้วจะให้ข้าทำยังไง อีกอย่าง ตอนนี้เราเลื่อนจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่ในเจจุงวอนมาตั้ง 3 เดือนแล้วนะ  ปัญหานี้พวกเจ้าจะแก้ปัญหากันยังไงล่ะ  ถ้าข้าได้เงินจากเรื่องนี้สักแดงเดียวละก็ ข้าขอเปลี่ยนชื่อแซ่เลยก็ได้เอ้า เฮ้อ”

ฮวางจอง ต้องการให้คิมโทนย้ายกลับไปที่โรงพยาบาลฮันซอง ค่าผิดสัญญาตนจะคุยใต้เท้ายูเอง

“แต่เราได้รับความช่วยเหลือจากใต้เท้ายูมามากแล้ว” เอวิสัน กล่าว

“ยังไงเรื่องนี้เค้าก็ช่วยเราแน่ครับ  ถ้าพวกเราไม่ยอมไล่หมอญี่ปุ่นออกไป พวกเค้าจะต้องแทรกแซงเข้ามาในคลินิกสตรี แล้วจากนั้น ก็จะแทรกแซงเข้ามาถึงเจจุงวอนแน่ ๆ”

“ผมคิดว่า เราได้รับอิสระในการบริหารจากทางการโชซอน ทำให้เราบริหารเจจุงวอนหย่อนยานเกิน ผมจะไประดมเงินทุนมาเพิ่มเอง” เอวิสัน กล่าว

“ท่าน ผอ. ถ้าไม่ทำมันจะสายเกินไปนะ”ฮวางจอง เตือน

“ในเมื่อมันเป็นสัญญาเช่าสามเดือน เราก็ปล่อยเค้าไปก่อน คงยังไม่มีผลอะไร กับพวกเรามากนัก แต่เราต้องทำงานให้หนักขึ้นกว่าเดิม” เอวิสัน กล่าว



“ท่าน ผอ.” โก เข้ามากล่าว

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ฮวางจอง ถาม

“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วครับ เอกสารบันทึกการรักษาสองปีนี้ถูกขโมยไป”

“อะไรนะ?”โก และ ฮวางจอง เข้าไปสอบถามนังนัง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอกสารต่าง ๆ

“ตอนข้าเข้ามาห้องนี้เอกสารพวกนั้นมันก็หายไปแล้วค่ะ”

“เอกสารในช่วงสองปีนี้ หายไปหมดเลยครับ แล้วเจ้าเห็นใครที่น่าสงสัยบ้างรึเปล่า?”

“หรือว่า...คนนั้น แต่ข้าไม่แน่ใจนัก เมื่อกี้มีคนที่หน้าตาเหมือนนักศึกษาคิมโทนมาที่นี่ด้วยค่ะ” นังนัง สงสัย

“เอ่อ นี่ อะไรนะ คิมโทน เจ้าหมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย?” โก กล่าว

คิมโทน เข้าไปหาซูซูกิ ที่โรงพยาบาล “คุณคิมโทน ไม่ได้เจอกันนานนะ เพิ่งมาถึงก็ทำงานใหญ่เลย” ซูซูกิ กล่าว



“ถ้ามีอะไรที่ผมไม่รู้  ก็ช่วยชี้แนะด้วยละกัน”

“ยอดมาก เราต้องดึงคนไข้ของเจจุงวอนมาเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลฮันซองให้หมด” วาตานาเบ้ กล่าว

“เรื่องนี้มันจะเป็นไปได้เหรอคะ?” ซูซูกิ ถาม

“เป็นไปได้แน่นอน ซูซูกิ คุณฟังผมให้ดีนะ  ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปคุณไม่ต้องไปทำงาน คุณไปที่ห้องผมแล้ว ช่วยผมคัดแยกประเภทคนไข้ของเจจุงวอน”

“ไฮ้”

“ผมขอช่วยด้วยคนครับ” คิมโทน อาสา

“ดีมาก คนอื่นเราจะต้องแยกคนไข้ ออกตามรายชื่อแต่ละหมู่บ้านก่อน แล้วค่อยจัดคนไปสำรวจตามหมู่บ้านพวกนั้น ดูว่าพวกเค้ารู้จักคุ้นเคยกับโรงพยาบาลฮันซองแค่ไหน ถ้าเป็นคนที่คุ้นเคยก็ให้วงกลม ถ้ากลาง ๆ ก็รูปสามเหลี่ยม แต่ถ้าเป็นพวกต่อต้านเรา ก็กากบาท”

“เอ่อ หมายความว่าแผนขั้นแรก ก็ดึงคนไข้วงกลมมารักษาที่โรงพยาบาลฮันซองของเราก่อน”

“ถูกต้อง ขั้นต่อไปก็พวกสามเหลี่ยม แต่พวกนี้คงไม่เข้าถึงได้ง่าย ๆ แน่ เอ่อ ดังนั้นจะต้องรู้สภาพครอบครัวก่อน แล้วก็ค่อย ๆ เอาข้าวเอาเงิน เพื่อดึงมาอยู่ในกลุ่มวงกลมให้ได้”

“ถ้าอย่างนั้น คนไข้ที่อยู่ในกลุ่มกากบาทล่ะ จะใช้ข้าวกับเงิน มาจัดการเหมือนกันรึเปล่า?” ซูซูกิ กล่าว

“อืม ไม่เหมือนกัน อย่างนั้นเราจะเสียข้าวกับเงินเปล่า แถมยังไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วย ก่อนอื่นถ้าจะทำให้พวกกากบาทกลายเป็นพวกสามเหลี่ยม เราจะต้องมีกำลังคนที่มากพอเสียก่อน แล้วค่อย ๆ เข้าไปช่วยรักษาแบบต่อเนื่อง ฮะ ๆ น้ำหยดลงหินสักวันหินมันต้องกร่อน เราต้องผ่านขั้นตอนที่ต้องใช้ความอดทน ถึงทำให้ชาวโชซอน กลายมาเป็นผู้จงรักภักดีต่อจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ฮะ ๆ ๆ”



“ตั้งแต่ท่านได้มาเป็นผู้อำนวยการ ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะคะ สมบูรณ์แบบค่ะ” ซูซกิ กล่าว

“หือ ฮะ ๆ ๆ ไม่ขนาดนั้น เหลือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ยังต่อไม่ลง ถ้าต่อลงตัวเมื่อไหร่ แผนของโรงพยาบาลเรามันก็จะสมบูรณ์แบบซักที” วาตานาเบ้ กล่าว

“แล้วจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายนั่นคืออะไรคะ” ซูซูกิ ถาม

“ฮะ ๆ ๆ อืม” วาตานาเบ้ ไม่ตอบ

ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว

“มาเช้าดีนี่นา ฉันได้ยินว่าแกจะกลับเกาหลีแล้ว” หมอญี่ปุ่น ถาม

“ที่ฉันเรียนได้ดีก็เพราะนาย ไปล่ะบ๊ายบาย” โดยัง กล่าว

“อะไร จะกลับไปอย่างนี้ได้ไง รู้มั้ยว่าคนที่เป็นพวกชนชั้นต่ำในโชซอนอย่างแกน่ะ ถ้าอยากจะกลับไปก็ต้องลอดผ่านประตูนี้ไปมามุดผ่านไปได้แล้ว”



“เดินผ่านไปเฉย ๆ ก็ได้”

“ต้องลอดไง พวกแกว่าไง?”

“ใช่ ลอดไป”

“เข้าใจแล้ว ขอบใจนะ นึกว่าจะไม่เจอแกซะแล้ว”

หมอฮอร์ตั้น และซ๊อกรัน นำนมมาถวายพระเจ้าโกจง

“ข้าได้ดื่มนมที่พวกเจ้าเอามาให้แล้วล่ะ”

“ฝ่าบาท เสวยได้ก็ดีเพคะ หม่อมฉันมีกุญแจสองดอก หม่อมฉันจะเก็บไว้กับตัวดอกนึงเพคะ” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

“ฝ่าบาท ทุกครั้งที่หมอฮอร์ตั้นเอาอาหารมา เธอจะใส่หีบนี้แล้วล็อกมา เพื่อเอามาถวายให้ฝ่าบาทเพคะ” ซ๊อกรัน ทูล

“จะให้ข้าไขกุญแจเอาอาหารมากินใช่มั้ย ฮะ ๆ ๆ นี่เป็นความคิดของใครน่ะ เป็นความคิดที่ฉลาดมาก”

“ฝ่าบาท นี่เป็นความคิดของซ๊อกรันเพคะ”

“งั้นเหรอ อืม ได้กลิ่นหอมของอาหารแล้ว เป็นอาหารฝรั่งเหรอ?”

“เพคะ เพราะหม่อมฉันทำอาหารโชซอนไม่เป็น”

“ถ้าเจ้าเป็นคนทำ แบบนี้ข้าเองก็คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว กินได้อย่างสบายใจ”



“เพคะฝ่าบาท อาหารมื้อนี้เป็นสเต๊กเนื้อ ที่ปลอดภัยเพคะ เอาไว้หม่อมฉันจะหัดทำอาหารโชซอนถวายเพคะ” หมอฮอร์ตั้น กล่าวทูล

“จำได้ว่าพระมเหสีชอบทานซุปข้าวโพดนี้มากใช่มั้ย?”

“เพคะฝ่าบาท พระมเหสีทรงโปรดซุปข้าวโพดที่หม่อมฉันเคยทำถวายมากเพคะ”

เมื่อเสร็จสิ้นการถวายอาหารให้พระเจ้าโกจง ระหว่างที่เดินทางกลับหมอฮอร์ตั้น เกิดเจ็บท้องขึ้นมา มีน้ำไหลออก ซ๊อกรันรู้ว่าถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว ก็ให้รีบกลับเจจุงวอน

“นังนังอยู่ที่ไหน”

ซ๊อกรันตะโกนเรียกเมื่อถึงเจจุงวอน

“มีเรื่องอะไรกันนะ” มียอง ถาม

“พยาบาลมียอง มาช่วยจดให้ผมทีนะ รอสักครู่นะครับ” ฮวางจอง บอกให้มียองช่วยดูคนไข้อีกคน

“คุณต้องอดทนเอาไว้ก่อนนะคะ นังนัง คุณหมอฮวาง ช่วยเธอด้วยค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ลูกกำลังจะออกแล้ว เร็วหน่อย” หมอ ฮอร์ตั้น กล่าว

“อดทนอีกหน่อยนะ ทางนี้” ซ๊อกรัน กล่าว

“โอ๊ย ๆ ฮึ่ย ๆ ๆ” หมอฮอร์ตั้น ร้อง



“โอย..ๆ คุณหมอฮอร์ตั้น ช่วยปล่อยผมก่อน โอ๊ย” ฮวางจอง ร้อง

“รีบมาช่วยรับลูกฉันเร็ว เป็นความผิดของคุณคนเดียว” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

“เป็นความผิดท่านอันเดอร์วูดต่างหาก โอ๊ย ๆๆๆๆ” ฮวางจอง กล่าว

“ใกล้จะออกมาแล้วค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว จากนั้นก็ทำคลอดได้สำเร็จ




“ผมให้คนไปส่งข่าวให้แล้ว อีกเดี๋ยวท่าน อันเดอร์วูดก็คงจะมาถึง” ฮวางจอง กล่าว

“ขอบใจมากคุณหมอฮวาง” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

“ครับ”

“ส่วนเรื่องที่ฉันไปดึงผมคุณ ฉันขอโทษค่ะ”

“ฮะ ๆ ๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ ฮะ ๆ ขอแค่คุณสามารถคลอดออกมาอย่างปลอดภัย ต่อให้โดนดึงผมอีกก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“ฮะ ๆ ๆ โอ๊ย อย่าทำให้ฉันหัวเราะสิ”

“คุณหมอฮวางคะ” ซ๊อกรัน เรียก

“อ้อ ขอโทษที”

“แต่เมื่อกี้คุณหมอยู ต้องบอกว่าคุณทำคลอดได้ดีมาก ไม่เสียทีที่เป็นลูกศิษย์ของฉัน” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

“ไม่หรอกค่ะ เพราะท่านสอนมาดีนี่คะ เฮ้อ หน้าตาของเค้าเหมือนทั้งพ่อทั้งแม่เลยนะคะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“หน้าตาดูเหมือนแม่ทัพเลยนะ” ฮวางจอง กล่าว

“ฉันไม่อยากจะให้เค้าเป็นแม่ทัพหรอกค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะ”

ซ๊อกรัน กลับบ้านก็ไปเล่าให้ใต้เท้ายูฟังว่าหมอฮอร์ตั้นเกือบจะคลอดลูกบนเกี้ยวเลย

“ลูกเป็นคนทำคลอดให้ พอได้ยินเสียงร้องครั้งแรกของเด็ก รู้สึกวิเศษจังเลยค่ะ ตอนนั้นมันรู้สึกแปลกจริง ๆ ทั้งที่ไม่ใช่เพิ่งเคยทำคลอดครั้งแรก อาจจะเป็นเพราะเป็นลูกของอาจารย์มั้ง ก็เลยทำให้ข้ารู้สึกถึงการเกิดน่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ซ๊อกรัน เจ้าพูดซะอย่างกับว่าเข้าใจดีอย่างนั้นแหละ แต่ความจริงเจ้าจะยังไม่เข้าใจหรอก จนกว่าจะมีลูกเองนั่นแหละ” แม่ซ๊อกรัน กล่าว



“ท่านแม่เอาอีกแล้วนะ”

“ท่านพี่ ยังไงข้าก็ปล่อยซ๊อกรันไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก”

“ฮะ ๆ จะปล่อยเอาไว้ได้ไงล่ะ เพราะข้าเองก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรคิดเรื่องแต่งงานซ๊อกรันแล้ว”

“ถูกค่ะ เพราะว่าความฝันของข้าก็คือจะได้อุ้มหลานกับเค้าสักที ซ๊อกรัน ลูกจ๋า ลูกคนนี้นี่ หืม”

“ท่านแม่คะ”

“เฮ้อ พูดไปเหมือนไม่ได้พูดงั้นแหละ มักเซง เก็บโต๊ะได้แล้วล่ะ มักเซง”

“อ้อ ค่ะ อ้อ ได้ค่ะ ๆ” มักเซง กล่าว

“มักเซง เจ้าเป็นอะไรของเจ้าเนี่ย?” แม่ซ๊อกรัน ถาม

“เปล่าค่ะ” มักเซง กล่าวแล้วอาเจียนออกมา

“มักเซง” ซ๊อกรัน เรียก

“มักเซงเจ้าเป็นอะไร”

“ไม่มีอะไร ไม่มีค่ะ”

“อะไร หรือว่าจะกินอะไรผิดสำแดง” ใต้เท้ายู กล่าว

เมื่อออกมาจากท่านพ่อและแม่แล้วซ๊อกรัน ก็คาดคั้นถามอาการของมักเซง

“รู้สึกเวียนหัวแล้วก็คลื่นไส้ รู้สึกไม่สบายด้วยใช่มั้ย?” ซ๊อกรัน ถาม

“อย่าพูดเลยค่ะ”

“ตอนนี้เจ้าท้องแล้วล่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“อย่าพูดสิคุณหนู มันน่าอายจะตายไป เฮ้อ อายุปูนนี้ยังท้องอีก” มักเซง กล่าว

“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ชีวิตคนสำคัญมากนะ” ซ๊อกรัน กล่าว



“นั่นสิครับ ชีวิตคนสำคัญ เห็นมั้ยล่ะมักเซงของข้า เจ้าต้องเลิกกินซีอิ๊วเพื่อให้แท้งได้แล้วรู้มั้ย?” มองชง กล่าว

“กินซีอิ๊วเหรอไม่ได้นะ มักเซง ไม่ได้นะ ทำแบบนั้นไม่ได้” ซ๊อกรัน เตือน

“พี่สาว ข้าจะเลี้ยงเด็กให้เอง จริงนะ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยเลี้ยง ข้าทำได้ ข้าเคยเลี้ยงเด็กมาก่อนนะ ได้โปรดรับหัวใจจากข้าด้วยเถอะนะ” มองชง กล่าว



“โอ๊ย ๆ ข้าไม่รับหรอก” มักเซง กล่าว

“พี่สาวข้ารักท่านนะ”

“มักเซง”

“พี่มักเซงก็รีบรับเร็ว ๆ สิ” นังนัง กล่าว

“มาดูอะไรกันเนี่ย” มักเซง กล่าว

“มักเซงคะ ยอมรับเค้าไปเถอะนะ” ชักแท กล่าว

“ก็หลับตาแล้วก็รีบรับ ๆ ไปเถอะน่า” มียอง กล่าว

“มองชงยังหนุ่มอยู่เลยนะ รับไปเถอะน่า” โซซา กล่าว

“โอ๊ย ๆ ขายหน้าชะมัดเลย” มักเซง กล่าว

“มักเซง” ซ๊อกรันกล่าว

“โอ๊ย ๆ ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย”

“โอ้ว พี่สาว โอ้ว.. ฮิ ๆ ๆ” มองชง กล่าว

มักเซง ขอโทษซ๊อกรันที่อยู่ ๆ ก็มาตั้งท้อง

“ไม่เห็นจะต้องมาขอโทษเลยนี่ มองชงเค้าเป็นคนดีนะ ทั้งเป็นคนซื่อ แล้วก็ขยันด้วย”

“ฮิ ๆ ก็เพราะซื่อเกินไปนี่แหละค่ะ หึ ๆ” มักเซง กล่าว

“มักเซง”

“อะไรคะ?”

“มักเซงน่ะเป็น.. เป็นทั้งเพื่อนของข้า เป็นเหมือนพี่สาวของข้า รวมถึงเป็นแม่คนนึงด้วย” ซ๊อกรัน กล่าวแล้วร้องไห้



“มักเซงก็ไม่ได้จะจากคุณหนูไปอยู่ที่ไหนนี่คะ ท่านจะช่วยทำคลอดให้ข้าใช่มั้ย?”

“แน่อยู่แล้วล่ะ ยังไงข้าก็ต้องทำคลอดเอง”

“โธ่ ๆ ๆ ๆ คุณหนู ไม่มีข้า คุณหนูคงจะรู้สึกเหงามากใช่รึเปล่าคะ?”

“มันก็แน่อยู่แล้วล่ะ”

“งั้นก็กลับไปคืนดีกับคุณหมอฮวางนะ เริ่มต้นคบหากันใหม่นะ” มักเซง กล่าว

มองชง เห็นฮวางจอง และซ๊อกรันได้กลับมาทำงานด้วยกันก็รู้สึกไม่สบายใจ



“ตอนนี้พวกข้าเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันน่ะ” ฮวางจอง กล่าว

“แต่ว่าเจ้าจะทำแบบนี้ไปทำไมล่ะ ไม่มีใครมาว่าคุณหมอฮวางจองเป็นคนฆ่าสัตว์แล้วไม่ใช่เหรอ? หะ? แถมระบบชนชั้นในประเทศโชซอน ตอนนี้มันก็ถูกยกเลิกไปตั้งหลายปีแล้วนี่ แล้วจะยังมัวเป็นโสดอยู่ทำไม เอ้อ เอางี้ถ้าเจ้าต้องการนะ ไว้ข้าจะช่วยสอนเคล็ดลับที่ทำให้พี่มักเซงตั้งท้องให้เจ้าเอามั้ย?” มองชง ถาม

“เก็บไว้เองเถอะ”

“ฮิ ๆ ๆ รับรองว่าครั้งเดียวได้ผลเลยนะ ฮะ ๆ ๆ แหมไม่สนเหรอ?” มองชง กล่าว

มักเซง และมองชง ได้เข้าพิธีแต่งงานกันโดยมี เอวิสัน ทำพิธีให้


 

“คุณทั้งสองคนเป็นคนสำคัญที่เจจุงวอนจะขาดไม่ได้ วันนี้ผมดีใจมากที่ได้มาทำพิธีให้กับคุณทั้งสอง พวกคุณจะให้คำมั่นสัญญาว่า จะรักและดูแลกันไม่ว่าจะในยามทุกข์ป่วยไข้ ไปตลอดหรือไม่ พวกคุณสัญญาว่าจะรักกันไปตราบจนชีวิตของพวกคุณจะหาไม่หรือไม่?”

“ครับ” มองชง ตะโกน

“ค่ะ” มักเซง กล่าว

“ในตอนนี้สวมแหวนได้”

“ค..คุณหนู ได้โปรดแต่งงานกับข้าได้มั้ยครับ?” ฮวางจอง นึกถึงเมื่อตอนขอซ๊อกรันแต่งงาน

“ผมขอประกาศว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ปรบมือให้ทั้งสองคนด้วยครับ” เอวิสัน กล่าว

วาตานาเบ้ ซูซูกิ และคิมโทน คุยวางแผนเรื่องแย่งคนไข้จากเจจุงวอน

“ตอนนี้เราก็เริ่มแผนดึงคนไข้จากเจจุงวอนมาที่โรงพยาบาลฮันซองของพวกเรากันได้แล้ว จริงสิ คลินิกของโรงพยาบาลฮันซองของเราในเจจุงวอน จะเปิดรักษาคนไม่เก็บเงินตอนกี่โมง”

“เราจะเปิดก่อนเจจุงวอนทำการหนึ่งชั่วโมงครับ” คิมโทน กล่าว

“ซูซูกิ อืม ถ้าอย่างนั้นคุณไปช่วยเค้าที่คลินิกสาขานั้นด้วยละกัน”

“เข้าใจแล้วค่ะ แต่ว่าท่านจะส่งใครไปเป็นหมอประจำอยู่ที่สาขานั้นละคะ” ซูซูกิ กล่าว

“อืม เป็นหมอที่ได้เกียรตินิยมจากมหา วิทยาลัยโตเกียว เค้าเป็นคนที่เก่งกว่าอาจารย์ผู้สอนซะอีก แถมยังทำคะแนนดีมาก เค้าเป็นอัจฉริยะ ฮะ ๆ ๆ อ๊ะ โฮะ พูดถึงก็มาเลย”

“สวัสดีครับ” โดยัง เข้ามา

“ในที่สุดจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของผมก็มาแล้ว ฮะ ๆ อ้อ นี่คุณซูซูกิ คุณคงจะรู้จักดี”

“ยินดีต้อนรับค่ะ”

“อืม แล้วก็คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น คิมโทน ไม่สิ ฮาเซกาว่า” วาตานาเบ้ แนะนำ



“ไม่ได้เจอกันนานนะ” คิมโทน กล่าว

“ฮะ ๆ เอ่อ พวกคุณรู้จักกันแล้วนี่ ฮา ทำงานร่วมกันด้วยดีนะ”

“คือผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ผมอยากจะเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน” โดยัง กล่าว

ซ๊อกรัน อยู่ตรวจคนไข้จนมืด ซึงฮอนรอนางอยู่

“ขอโทษนะ พอดีวันนี้มีคนไข้ค่อนข้างเยอะน่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ไม่เป็นไร แค่นี้ข้ารอได้” ซึงฮอน กล่าว

“แต่ว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า ถ้ามีเรื่องสำคัญเราไปคุยที่ห้องอื่นกัน”

“ไม่หรอก คุยแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ไปแล้ว รู้จักโรงพยาบาลหญิงโบกูมั้ย” ซึงฮอน ถาม



“รู้จักสิ โรงพยาบาลสูตินรีเวชโดยเฉพาะ แถมพระมเหสีเป็นคนประทานชื่อนี้ให้เอง ที่เจ้าไปสอนภาษาอังกฤษก็อยู่แถวนั้นด้วยนี่นา”

“อืมใช่แล้ว ก็ไม่เห็นเจ้าติดต่อมาบ้างเลย ยังนึกว่าลืมกันซะแล้ว” ซึงฮอน กล่าว

“ฮิ ทำไมพูดถึงโรงพยาบาลนั้นล่ะ”

“อ๋อ คืองี้ พอดีข้าได้พูดถึงเจ้ากับคนที่โรงพยาบาลนั้นน่ะ”

“ข้าน่ะเหรอ?”

“อืม เห็นว่าที่นั่น.. เค้าต้องการแพทย์หญิงอยู่พอดี เจ้าไม่สนใจจะไปเหรอ?”

“แต่ว่าที่นั่นก็มีแพทย์หญิงประจำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ก็มีอยู่ แต่ว่าคนเดียวคงจะไม่พอหรอก ที่นี่นอกจากจะมีเจ้าแล้ว ก็ยังมีหมอฮอร์ตั้นอีกนี่”

“ไว้ข้าจะลองคิดดู” ซ๊อกรัน กล่าว

“ก็ดี ข้าจะได้ไปบอกเค้าว่าเจ้าจะขอเอาไปคิดดูก่อน ข้าอยากให้เจ้าไปทำงานที่โรงพยาบาลหญิงที่นั่นจัง เราจะได้เจอกันทุกวันไง เจ้าจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ใกล้กับหมอฮวางด้วย”

ฮวางจอง ถามซ๊อกรันเรื่องที่ ซึงฮอนมาที่นี่



“ที่จริงท่านน่าจะชวนนาง..มางานแต่งงานของมักเซงด้วย”

“ข้าบอกนางไปแล้ว แต่นางติดสอนเลยมาไม่ได้ วันนี้นางมาชวนข้าไปทำงานที่โรงพยาบาลโบกูด้วยนะ ข้าควรจะตัดสินใจยังไงดี” ซ๊อกรัน กล่าว

“นั่นสิ การตัดสินใจของท่าน น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

“ใช่ ก็นั่นสินะ เอาคืนมา (ซ๊อกรันแอบถือแหวนหมั้นของฮวางจองไว้ในมือ และเผลอทำตก ฮวางจองเห็นเข้าเลยหยิบขึ้นมา)  ข้าควรจะทิ้งมัน ข้าจะทิ้งมันไปแล้ว คืนมาเถอะ” ซ๊อกรัน สะอื้น


 



 ขุนนางนำยาจีนมาถวายให้พระเจ้าโกจง

“ยาจีนนี่ ข้าไม่กินหรอก”

“นี่ตุ๋นกับน้ำแกงที่พระองค์ทรงโปรดนะพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนาง ทูล

“เอาเถอะ มียาที่เอามาจากเจจุงวอนรึเปล่า?”

“เอามาเพคะ” ซ๊อกรัน ทูล

“ไม่ต้องแล้ว ข้าคิดว่าไม่ต้องกินก็ได้”

“ฝ่าบาท ควรเสวยน้ำมันละหุ่งสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ จะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้น” ฮวางจอง ทูล

“ไม่ต้องหรอก ยาพวกนี้ไว้ข้าจะค่อย ๆ กินมันเอง จริงสิ เล่าเรื่องนอกวังให้ฟังหน่อยสิ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง?”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ชาวบ้านยังพูดถึงเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระมเหสี บางคนที่รู้ความจริงก็เริ่มทำการประท้วงเผยแพร่เพื่อให้ชาวโชซอนทำการต่อต้านพวกญี่ปุ่น”

“แต่ว่าพวกขุนนางไม่เห็นเล่าเรื่องที่เกิดข้างนอกแบบนี้ให้ข้าได้รับรู้บ้างเลย ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าช่วยเป็นหูเป็นตาให้ข้าด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

“การตายของพระมเหสี การที่มีคนรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับข้า ก็ถือว่ายังดีอยู่ แต่ว่า..พอนึกถึงประชาชนที่บาดเจ็บ ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจเลย”

ฮวางจอง และขุนนางรายงานให้เอวิสันรู้ว่าพระเจ้าโกจงไม่ยอมเสวยยา

“พระองค์คงกลัวว่าจะมีใครวางยาพิษในยาเหล่านี้ใช่มั้ย?”

“คงจะเป็นอย่างนั้น กลางคืนก็แทบไม่ได้บรรทมทั้งคืน แถมกลางวันยังทรงงานอีก ในบางคืน ถ้าทรงคิดถึงพระมเหสี นึกถึงเรื่องนั้นทีก็จะกรรแสงหนัก”

“ตอนนี้จะต้องรักษาพระวรกายก่อน ต้อง หาทางให้พระองค์ยอมเสวยยา”

“หรือว่าจะเอายาที่ต้องเสวยล็อกใส่หีบด้วย”

“พวกข้าจะคิดหาวิธีอีกที พวกท่านไปสำนักงานอนามัยกันก่อนเถอะ บ้านเมืองจะระส่ำ ระสายยังไง สำนักงานอนามัยก็ยังจะต้องเดินหน้าต่อไป” ขุนนาง กล่าว

“นั่นสินะ ตอนนี้คนจากทุกโรงพยาบาลก็มารวมแล้ว แต่ผมคงยังกลับตอนนี้ไม่ได้ คุณหมอฮวางช่วยไปแทนผมทีนะ” เอวิสัน กล่าว

ฮวางจอง และเจ้าหน้าที่ของเจจุงวอน มาประชุมกัน แองเจล่า ได้ถามฮวางจอง ว่าพระราชายังทรงเหมือนเดิมเหรอ



“ครับ ยิ่งในช่วงที่บ้านเมืองวุ่นวาย สำนัก งานอนามัยเราก็ยิ่งสมควรจะทุ่มเททำงานกันให้เต็มที่ ต่อไปเราจะอาศัยระบบการติดต่อฉุกเฉิน ในการให้การสนับสนุนด้านการรักษาของกันและกัน” ฮวางจอง กล่าว

“วิธีติดต่อคือ ให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งติดต่อผ่านทางสำนักงานอนามัย หลังจากนั้นสำนักงานอนามัยก็จะแจ้งต่อไปยังโรงพยาบาลแต่ละแห่ง” ซ๊อกรัน กล่าว

“มีโรงพยาบาลไหนไม่ได้มาบ้าง เราจะได้แจ้งเรื่องนี้กับพวกเค้า” ฮวางจอง ถาม

“โรงพยาบาลซึงฮอนค่ะ ฉันจะไปแจ้งให้เอง” แองเจล่า กล่าว

“ขอบคุณมากครับ การประชุมวันนี้คงจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านมากครับ” ฮวางจอง กล่าว

“มิสยู ฉันมาจากโรงพยาบาลโบกู มิสฮันได้คุยกับคุณแล้วใช่มั้ย?” แองเจล่า ถาม

“ค่ะ ฉันทราบแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“เราต้องการคุณจริง ๆ นะ”

“ขอโทษค่ะ ฉันจำเป็นต้องอยู่ที่เจจุงวอนค่ะ แต่ถ้าหากทางโรงพยาบาลโบกู ต้องการความช่วยเหลือจากฉันเมื่อไหร่ก็ให้แจ้งมาได้ ฉันจะไปช่วยค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

โดยัง มาหาเจอุ๊ก ที่ร้านเหล้า แล้วเรียกให้เข้ามาพบ

“อืม ยังไงก็นั่งลงก่อนสิ”

“ขอโทษด้วยครับ ตามกฎเราไม่สามารถนั่งโต๊ะลูกค้าได้” เจอุ๊ก กล่าว



“แล้วถ้าลูกค้าเป็นเพื่อนเก่านายล่ะ” โดยัง กล่าวแล้วเงยหน้าขึ้น

“เฮ้ย เจ้า นี่มันอะไรกัน” เจอุ๊ก ตกใจ

“เจ้าล่ะเป็นไง”

“ข้าเหรอ ก็ตั้งแต่ออกมาจากเจจุงวอน ข้าก็มาทำงานที่นี่แหละ ลุงข้าลงทุนร่วมกับพวกฝรั่ง ก็ภาษาอังกฤษข้ามันดีนี่ ฮะ ๆ” เจอุ๊ก เล่า

“กลายเป็นคนสมัยใหม่เต็มตัวเลยนะ”

“แน่นอน ข้าเหมาะกับกระแสนิยมอยู่แล้วนี่ ฮะ ๆ ๆ แต่ว่าผู้จัดการเบ๊กกับผู้จัดการโอก็มาที่นี่บ่อยนะ นี่เจ้าดื่มหมดแล้วนี่ ข้าจะเอาขวดของอาเจ้าที่ฝากไว้มาให้ จะได้ดื่มต่อไง?”

“ไม่ต้องหรอก ทั้งสองท่านสบายดีใช่มั้ย?” โดยัง ถาม

“ผู้จัดการเบ๊กก็มีปัญหาวุ่นวายเรื่องผู้หญิงอยู่นิดหน่อย ส่วนผู้จัดการโอก็ดูเหมือนจะไปเข้ากับกองทัพ”

“จริงเหรอ แล้ว.. ฮวางจองล่ะ”

“พอเจ้าไม่อยู่ เค้าก็กลายเป็นหมอหลักของเจจุงวอน”

“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้น.. เอ่อ.. คือ..ไม่มี ไม่มีอะไร”

“จะถามถึงซ๊อกรันใช่มั้ย?” เจอุ๊ก ถาม

“ไม่ใช่” โดยัง ปฏิเสธทั้งที่อยากรู้

“นี่ ข้าเนี่ยยูนเจอุ๊กนะ แฮ่ม พวกเค้าเลิกกันแล้ว หลังจากเจ้าจากไปได้ไม่นาน พวกเค้าก็เลิกรากันไปแล้ว อาจจะแค่ปิ๊งกันชั่วคราวน่ะ เฮ้อ เชื่อเลย”

ชักแท นั่งเฝ้าอยู่หน้าเจจุงวอน แต่ไม่มีคนไข้เข้ามาเลยก็สงสัยไปสอบถามชายคนหนึ่ง



“วันนี้โรงพยาบาลฮันซองเค้าแจกสบู่ฟรีน่ะ ผู้คนก็แห่ไปเอาที่นั่นกันหมด แต่ข้าเป็นคนซื่อสัตย์ก็เลยมาที่นี่”

“เฮ้อ พวกนี้นี่จริง ๆ เลย แค่สบู่ข้าทำเองยังได้เลย”

“โธ่เอ้ย เจ้านี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันไม่ใช่แค่สบู่อย่างเดียวหรอก แต่ตอนนี้มีกลุ่มทหารอาสาอยู่ตามถนนเต็มไปหมดเลย”

“ทหารเหรอ?”

“ถูกต้อง ทีนี้โรงพยาบาลฮันซองก็ไปโฆษณากับพวกกลุ่มทหารอาสาว่า โรงพยาบาลนี้สร้างขึ้นมาเพื่อรักษาให้เหล่าทหารรักชาติฟรี พวกเค้าเลยแห่ไปที่นั่นกันหมด”

“เฮ้อ จริง ๆ เลย เชิญได้ ๆ เฮ้อ..”

โรงพยาบาลสาขาของคิมโทนไม่ยอมย้ายออกไป ทำให้โกไม่พอใจเพราะอุตส่าห์จ่ายค่าผิดสัญญาไปแล้วจึงแนะให้เอวิสันไล่ออกไป

“พวกเค้าไม่ยอมออกไป” เอวิสัน กล่าว

“มันคงสายไปแล้ว ถ้าไล่ออกไปตอนนี้ผลที่ตามมาคงไม่ดีนัก เราคงจะต้องรอให้หมดสัญญาแล้วล่ะ”

“ถ้าเจจุงวอนต้องปิดตัวไปก่อนหน้านั้นจะทำยังไง”

“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก คนนั้นมัน..” ฮวางจอง กล่าว



“คุณหมอฮวาง โอ้ นี่มันคุณหมอฮวางรึเนี่ย?” คิมโทนเดินเข้ามา

“เจ้ารู้มั้ยว่าที่นี่ที่ไหน?” ฮวางจอง ถาม

“อย่าเพิ่งโกรธกันซิ คนไข้กำลังมองอยู่นะ ตอนนี้ข้าเป็นหมอประจำโรงพยาบาลสาขานี้”

“ไอ้สารเลว เคยวางระเบิดที่เจจุงวอนแล้วยังมีหน้ากล้ากลับมาที่นี่อีกเหรอ?” โก กล่าว

“เอ่อ เรื่องนั้นมีหลักฐานรึเปล่า ไม่มีใช่มั้ย หลีกทางไปข้าจะไปตรวจคนไข้” คิมโทน กล่าว

คนไข้จำนวนมากเข้ามาที่เจจุงวอน พร้อมผู้จัดการโอที่ได้บาดเจ็บ นังนังรีบไปบอกทุกคน

“รอแป๊บเดียวนะพวกหมอกำลังจะมารักษาให้แล้ว อดทนกันเอาไว้นะ เจ้ายังทนไหวใช่มั้ย” โอ ถาม



“แล้วท่านล่ะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

“อ้อ ข้าไม่เป็นไรหรอก แต่มือของเจ้าจะต้องรีบทำแผลให้เร็วที่สุด อ้อ ต้องบอกว่า เมื่อกี้ตอนที่เจ้าอ่านประกาศฉบับนั้นออกไปน่ะ เจ้าเขียนประกาศได้ดีมากเลย”

“เพราะว่ามีบัณฑิตทั่วประเทศ ช่วยกันเขียนส่งมาให้ข้า เพื่อเปิดโปงความจริงเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระมเหสี เราต้องปลุกให้คนได้รับรู้”

“ใช่” โอ กล่าว

“พวกเราจะต้องทำกันต่อไป”

“แน่นอน เราจะต้องทำกันต่อไป ข้าจะประกาศให้รู้กันอีกครั้งนึงนะ ถ้าบาดเจ็บอย่าไป รักษาที่โรงพยาบาลฮันซองโดยเด็ดขาด เข้าใจรึเปล่า เพราะเราสู้กับศัตรูแต่กลับจะไปให้ศัตรูรักษาให้มันใช้ได้เหรอ? หมอที่เก่งที่สุดในเจจุงวอน จะมารักษาให้กับพวกเจ้าเอง พวกเจ้าแค่มาที่นี่ก็พอแล้ว อ้อ อีกอย่างนึง ที่เจจุงวอนนี่เป็นสถานที่ที่ปลอดภัย เพราะตามกฎหมายแล้ว ที่นี่ถือว่าเป็นเขตเช่าของทางอเมริกา”

“แล้วท่านเป็นใครล่ะ ถึงได้รู้จักเจจุงวอนดีอย่างนี้”

“เพราะข้าเป็นผู้จัดการของที่นี่ ข้าชื่อโอจุงฮวาน ข้ารู้สึกเจ็บแค้นมากที่ได้รู้ว่าพระมเหสี ของพวกเราถูกลอบปลงพระชนม์ ก็เลยอยากจะมาร่วมมือกับพวกเจ้า อืม เราต้องสู้ต่อไป อ้อ อ้อ มาแล้วเหรอ ท่าน ผอ. ข้าพาพวกทหารส่วนนึงมารักษากันที่นี่ แล้วอีกสักครู่คงจะมีมาอีกชุดใหญ่ เตรียมตัวเอาไว้ด้วยนะ”



“ครับ ขอบคุณที่บอกไว้ก่อน คุณหมอโก ให้แบ่งกลุ่มคนไข้ออกเป็นสามกลุ่ม ใครที่จำเป็นต้องผ่าตัดให้พาไปที่ห้องผ่าตัด ที่ต้องตรวจรักษาก็พาไปตรวจอาการในห้องตรวจโรค ส่วนที่มีแผลเล็กน้อย ก็ให้ไปทำการรักษาที่ลานด้านหน้า ทำเป็นที่รักษาชั่วคราวไปก่อน” ฮวางจอง สั่ง

“เข้าใจแล้ว” โก กล่าว


“ผอ.ครับ ท่านช่วยแจ้งกับสำนักงาน อนามัยว่าให้เรียกหมอมาช่วยที่นี่ด่วนเลยนะครับ” ฮวางจอง กล่าว

“ตกลงครับ ผมจะรีบส่งคนไปแจ้งทันที” เอวิสัน กล่าว

โดยัง นำหนังสือจากสำนักงานอนามัย มาให้วาตานาเบ้

“โรงพยาบาลเจจุงวอนมีคนไข้จำนวนมาก ต้องการให้เราไปช่วย หึ.. พวกที่มันคิดไม่ดีกับเรา ไม่จำเป็นต้องสงสารหรอก”

ที่เจจุงวอน คนไข้ทหารยังเข้ามาเพิ่มต่อเนื่อง มียองมาบอกว่าคุณหมอคนอื่นไม่มีใครมาช่วย

“อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้ว” ฮวางจอง กล่าว

“จะทำยังไงดี คนเจ็บยังมาเพิ่มไม่หยุดเลย” มียอง กังวล


 

“ผมมาจากโรงพยาบาลฮันซอง ผมนายแพทย์เบ๊กโดยังครับ” โดยัง เข้ามาแนะนำตัว

เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา