วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 32




ฮวางจองถูกนำตัวมาพบวาตานาเบ้
 
“แค่ก พวกเรามาเริ่มผ่าตัดกันแต่เช้าเลยละกัน ผมได้อดอาหารไว้สำหรับรอคุณมาผ่าตัดแล้ว”

“ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะผ่าตัดให้ท่าน”
 
“ผมก็บอกแล้วว่าตอนนี้มีแต่คุณเท่านั้นที่สามารถผ่าตัดให้ผมได้”
 
“ก็ไปตามเบ๊กโดยังกลับมาสิ ข้ารู้ว่าท่านต้องรู้อยู่แล้วว่าเค้าอยู่ที่ไหน?” ฮวางจอง กล่าว
 
“คุณหมอฮวาง ผมเป็นคนวางแผนให้เบ๊กโดยังออกไปเที่ยวเองแหละ ผมอยากเปิดทางให้คุณมาผ่าตัดให้”


“ทำไมถึงจะต้องเป็นข้า ในเมื่อเบ๊กโดยังมีประสบการณ์ผ่าตัดปอดมากกว่า แถมเค้ายังผ่าตัดได้ดีอีกด้วย”
 
“มันก็จริงอยู่ ฝีมือการผ่าตัดของเค้าเพอร์เฟกต์มาก แต่ว่าคนไข้ย่อมมีสิทธิที่จะเลือกหมอให้กับตัวเอง และตัวเลือกของผมก็คือคุณเท่านั้น คุณผ่าตัดแบบมีความรอบคอบและเปี่ยมด้วยเมตตา อีกอย่างถ้าเกิดปัญหาเฉพาะหน้าขึ้นระหว่างผ่าตัด คุณก็ยังแก้ปัญหาได้อย่างอัศจรรย์ ทั้งหมดนี้คือจุดเด่นของคุณหมอฮวางไงล่ะ”
 
“ท่านลืมไปแล้วเหรอว่าท่านเป็นคนที่ปล่อยให้แม่ของข้าต้องเสียชีวิต และท่านยังเป็นพวกเดียวกับฆาตกรที่ปลงพระชนม์พระมเหสี ของโชซอนอีกด้วย”
 
“แฮ่ม คุณหมอฮวาง อย่าไปยึดติดกับเรื่องที่มันผ่านไปแล้วเลย ที่จริงมันก็มีด้านดีอยู่ไม่ใช่เหรอ เพราะการตายของแม่คุณตอนนั้น เลยทำให้คุณได้มาเป็นหมออย่างทุกวันนี้ไง”
 
“หึ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าการผ่าตัดครั้งนี้อยู่ในกำมือของข้า ทำให้ข้าได้มีโอกาสแก้แค้นได้โดยไม่มีความผิด”
 
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก ดูเหมือนท่านยังมองสถานการณ์ไม่ออก” คิมโทน กล่าว
 
“เฮ้...แค่ก ๆ แต่ยังไงผมก็ยังเชื่อว่าคุณไม่ทำแบบนั้นแน่”
 
“ไม่จริงหรอก ถ้าข้าผ่าตัดให้ท่านข้าอาจจะตัดเส้นเลือดแดงปอดทิ้งก็ได้ ไม่สิ ข้าจะทำอย่างนั้นแน่นอน” ฮวางจอง กล่าว
 
“ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็คงจะฆ่าท่านเจ้ากรมกลาโหมที่สั่งฆ่าพ่อของคุณไปแล้วอย่างแน่นอน”
 
“ข้าคิดจะฆ่าเค้าแล้ว ข้าคิดไว้อย่างนั้นจริง ๆ”
 
“แล้วทำไมท่านไม่ฆ่าเค้าซะล่ะ?”
 
“เพราะว่า คุณหมอเบ๊กโดยังห้ามข้าเอาไว้ แล้วซ๊อกรันก็เข้ามาห้ามข้าไว้ด้วย”
 
“คุณไม่มีทางฆ่าผมแน่นอน ผมเดาว่าคุณฆ่าผมไม่ลงหรอก คุณเป็นคนที่นึกถึงชีวิตและ สุขภาพของผู้ป่วยมาเป็นอันดับแรกมาโดยตลอด ฮะ ๆ ถ้าหากเทียบกับการแก้แค้นแค่นี้ ผมเชื่อว่าคุณจะเห็นแก่ชีวิตและร่างกายของผู้ป่วยมากกว่า ฮะ ๆ ผมมีความเชื่อมั่นในตัวของคุณมาเสมอ ฮาเซกาว่า ไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อม พวกเราจะทำการผ่าตัดกันที่นี่”
 
“ข้าจะขอพูดอีกครั้งเดียว การผ่าตัดนี้ ข้าไม่มีวันทำให้แน่ ปล่อยข้า ๆ” ฮวางจอง ตะโกน


 “เฮ้อ ที่จริงแล้วข้าไม่อยากเอามันออกมาเลย เอ่อ...เก้าโมง ออกจากเจจุงวอนมาตามลำพัง อ้อ ลำพังด้วย สิบเอ็ดโมงไปถึงสำนักงานศูนย์อนามัย บ่ายโมงไปโรงพยาบาลสตรีโบกูตามลำพัง บ่ายสามโมงกลับถึงเจจุงวอนตามลำพัง ห้าโมงเย็นเลิกงานจากเจจุงวอนเดินกลับบ้านตามลำพัง อา...คุณรู้มั้ยว่านี่เป็นความเคลื่อนไหวของใคร จิ๊ ๆ ๆ เป็นคนรักของใครนะ ถึงไปไหนมาไหนตามลำพัง” วาตานาเบ้นำข้อมูลของซ๊อกรันมาขู่
 
“ท่านพูดถูกเลยครับ เป็นผู้หญิงเดินไปไหนมาไหนตัวคนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง?” คิมโทน
กล่าว  
 
“ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องยูซ๊อกรันแม้แต่ปลายเล็บ ข้าไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่”
 
“คุณหมอยูซ๊อกรันเหรอ? อ้อ นี่เป็นความเคลื่อนไหวของคุณหมอยูซ๊อกรันเหรอ ฮ่า ๆ ๆ ข้าไม่รู้เลยนะเนี่ย อา...ฮาเซกาว่า ดอกเตอร์ฮวางบอกว่า เค้าต้องการผ่าตัดแล้ว ไปเตรียมผ่าตัดเถอะ”

โดยังเดินทางกลับมา คูฮอนเห็นก็ตกใจ


 “โอย ๆ...ฮึ่ย อ้าว โดยัง เจ้า ๆ ไม่ได้ออกไปเที่ยวเหรอ?”
 
“ข้ากลับมาแล้วครับ”
 
“นี่เจ้า...นี่ ๆ ทำไมจู่ ๆ ถึงทำอย่างนี้ล่ะ หืม” คูฮอน ถาม
 
“ก็อย่างนี้แหละครับ”
 
“ก็ได้ ๆ ๆ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ก็ทำดีแล้ว ใช่ ๆ ทำดีแล้ว ๆ ๆ พอได้ยินว่าพวกเจ้าจะไปเที่ยวด้วยกัน ทั้งที่ยังไม่แต่งงานข้างี้ขนลุกไปหมดเลยนะ โอย แต่ว่าเจ้า แต่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนใจไม่แต่งงานกับหนูนาโอโกะไม่ได้รู้มั้ย เพราะว่าในสถานการณ์นี้ จะพลาดการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้ โธ่ ตอนนี้ญี่ปุ่นเข้ามากุมอำนาจในโชซอนไปเกือบหมดแล้ว แถมพ่อของนาโอโกะก็เป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศด้วยไม่ใช่เหรอ คนแบบนั้นถึงกับมาเอ่ยเรื่องแต่งงานกับเราเองแบบนี้ โอย มันไม่ธรรมดานะ”

“ข้าเดินกลับมาก็เลยเหนื่อย ขอนอนพักสักหน่อยก่อน ท่านช่วยปลุกข้าด้วยนะ”

“ตกลง ๆ ๆ ข้าเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดี งั้นค่อยคุยกันวันหลัง นอนไปนะ โอย ๆ”

เอวิสันเห็นฮวางจองหายไปก็สอบถามกับซ๊อกรัน


“เมื่อคืนเค้าบอกว่าจะไปพบคนที่ร้านอาหารในโรงแรม แล้วจนป่านนี้ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”

“เค้าออกไปพบใครเหรอครับ?”

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

“เพราะมัวจัดงานปาร์ตี้เซอร์ไพร้ส์ ก็เลยไม่ทันได้ถามค่ะ” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

“เฮ้อ เค้าเป็นคนที่ไปไหนก็จะบอก กลับเมื่อไหร่ก็จะบอก อย่างนี้ต้องเกิดเรื่องอะไรกับเค้าแน่” หมอโก กล่าว

“โธ่เอ้ย คุณหมอโกนี่ก็ เค้าอาจจะไปช่วยคนไข้ที่ไหนก็ได้ อาจจะเป็นพวกคนไข้ที่เร่งด่วนมากน่ะ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นเค้าต้องหาทางให้คนส่งข่าวมาบอกพวกเราแล้ว ในเรื่องนี้เค้าไม่เคยละเลยมาก่อนค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“แต่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าดึกเกินไปเลยไม่ทันได้ติดต่อก็ได้ ตอนนี้อาจกำลังรีบกลับมาก็ได้”

“พวกท่านอย่าเพิ่งกังวลเกินไปเลย ข้าจะออกไปรอเค้าข้างนอก ถ้าเค้ากลับมาเมื่อไหร่จะรีบมาบอกทันที” ชักแท กล่าว

“อืม รีบไป ๆ” ผู้จัดการโอ กล่าว

“ครับ ๆ”

“ถ้างั้น แทนที่จะนั่งรออยู่แบบนี้ ข้าจะไปที่ร้านอาหารโรงแรม ไปถึงที่นั่นแล้วอาจจะรู้ได้ว่าเค้าไปเจอใคร แล้วเกิดอะไรขึ้น” ซ๊อกรัน กล่าว

ก่อนผ่าตัด ซูซูกิฝากวาตานาเบ้กับฮวางจอง


“คุณหมอฮวางจองครับ ข้าเป็นผู้ช่วยมือหนึ่ง เพื่อช่วยท่านในการผ่าตัดครั้งนี้ หวังว่าท่านจะถือจรรยาบรรณเห็นคนไข้เป็นสำคัญ เพราะนั่นจะทำให้ท่านกลับออกไปอย่างปลอดภัย ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อคนไข้ที่ยังรอการรักษาจากท่านอยู่ที่โรงพยาบาลเจจุงวอน รวมไปถึงคุณหมอยูด้วย ฮะ ๆ” คิมโทน กล่าว

“เค้าพูดถูกแล้วค่ะ” ซูซูกิ กล่าว

“ไม่มีอะไรรับรองความปลอดภัยข้าได้หรอก” ฮวางจอง กล่าว

“ฮ่า ๆ ๆ ที่แท้ ท่านเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกเหรอ เอ่อ ผอ.วาตานาเบ้สั่งข้าไว้แล้ว ว่าหลังจากเสร็จการผ่าตัดก็ให้ส่งตัวท่านกลับไปอย่างปลอดภัย”

“ใช่ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง”

“ข้าจะผ่าตัดให้ แต่ก่อนข้าจะเริ่ม ข้าต้องขอติดต่อกับเจจุงวอนก่อน ตอนนี้พวกเค้าคงกำลังตามหาข้าอยู่แน่” ฮวางจอง กล่าว

“เอ่อ เรื่องนั้น พวกข้าคงจะยอมให้ไม่ได้ ถ้าท่านรีบผ่าตัดให้เสร็จโดยเร็ว พวกข้าต้องติดต่อให้ท่านแน่นอน”

นาโอโกะมาตามง้อโดยังถึงที่พัก“เบ๊กโดยังคะ ๆ นาโอโกะค่ะ ช่วยเปิดประตูให้ทีสิ เบ๊กโดยังคะ”

“นางทำทุกอย่างเพื่อจะเข้ามา แต่ข้าขวางเอาไว้ บอกว่าท่านนอนอยู่ ข้าไม่ยอมให้นางเข้ามา” โซซา กล่าว

“ท่านทำได้ดีมากครับ” โดยัง ชม

“แต่ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ เพราะเรื่องที่ข้าไปบอกพ่อนาง ว่าต้องให้นางมาอยู่ที่บ้านสามีก่อนน่ะเหรอ ถ้าเป็นเพราะเรื่องนั้นจริง บอกให้นางไม่ต้องมาก็ได้” โซซา กล่าว

“ไม่ใช่หรอกครับ”

“เฮ้อ งั้นก็ดี”



“เบ๊กโดยังคะ ฉันผิดไปแล้วค่ะ ฉันคิดอะไรง่ายจนเกินไป ฉันขอร้องละนะ ให้อภัยฉันด้วยเถอะ ฉันขอร้องจริง ๆ แค่ก ๆ” นาโอโกะตะโกนจนสำลัก

“นี่คุณเป็นอะไรน่ะ?” โดยัง ออกมาดู

“ฮึ่ม ฉันเองก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ”

“นาโอโกะ อย่าทำแบบนี้ ความรักต้องอาศัยความเชื่อใจ ถ้าไม่มีความเชื่อใจแล้ว ความรักจะพังทลาย”

“แต่ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะฉันรักคุณนะ ถ้าไม่ใช่เพราะความรัก ฉันคงไม่มาเป็นพยาบาล และไม่มาถึงโชซอน แล้วก็คงไม่สร้างเรื่องกินยานั่นด้วย เบ๊กโดยังคะ ต่อไปจะไม่เป็นอย่างนี้แล้ว นะ”

  

“เฮ้อ.. ซ๊อกรัน คุณมาทำอะไรที่นี่แต่เช้า” โดยัง ถามเมื่อซ๊อกรันเข้ามา

“คุณชายคะ เมื่อคืนหลังจากที่คุณหมอฮวางมาที่นี่แล้วก็หายไปเลย จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”

“งั้นเหรอ เจอุ๊ก” โดยัง เรียก

“อืม อะไร จะสั่งอะไรเหรอ โฮะ ๆ ผู้หญิงเก่าของโดยังมาอยู่พร้อมหน้ากับผู้หญิงคนใหม่ เอ่อ แบบว่า ข้าก็แค่ล้อเล่นน่า” เจอุ๊ก กล่าว

“คือว่า.. เมื่อวานนี้คุณหมอฮวางมาที่นี่ใช่มั้ยคะ?” ซ๊อกรัน กล่าว

“อืม คือเค้ามาพบกับวาตานาเบ้”

“หา?” ซ๊อกรัน ตกใจ

“แล้วพวกเค้าเจอกันทำไมหะ?”

“ไม่รู้สิ แต่เจ้าวาตานาเบ้นั่นคงไม่สบายเพราะเห็นนั่งรถเข็นเข้ามาด้วยนะ สองคนนั้น..คุยโช้งเช้งกันได้ไม่นาน ฮวางจองก็ลุกพรึ่บแล้วก็เดินออกไปเลย”

“เค้าเดินออกไปก่อนเหรอ?”

“อืม ก็ประมาณสักหนึ่งชั่วโมงให้หลังนั่นแหละ วาตานาเบ้ยังพาไอ้ลูกหมาคิมโทนมาด้วย” เจอุ๊ก กล่าว

“ข้าต้องไปหาผอ.วาตานาเบ้เดี๋ยวนี้” ซ๊อกรัน กล่าว

“งั้นเราไปด้วยกัน นาโอโกะรออยู่นี่ก่อนนะ” โดยัง บอก

“ขอโทษนะคะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ที่แท้โดยังมันก็เห็นค่าของคนเก่ามากกว่า อ๊า ขอโทษนะครับ” เจอุ๊ก กล่าว

โดยังกับซ๊อกรันมาที่โรงพยาบาล


“ผิดปกตินะ นอกจากผอ.จะไม่อยู่แล้ว เจ้าคิมโทนก็หายตัวไปด้วย”

“หรือว่ายังไม่มาทำงานคะ?”

“ยามโรงพยาบาลบอกว่า เมื่อคืนหลังจาก ผอ.กลับมาแล้วก็ไม่ได้ออกไปอีกเลย”

“เค้าไปไหนนะ ในห้องผู้ป่วยก็ไม่มีนี่นา” ซ๊อกรัน กล่าว

“หรือจะอยู่ในห้องผ่าตัด” โดยัง กล่าว

“ห้องผ่าตัดเหรอ?” ซ๊อกรัน ถาม

“ไม่มีใครจะผ่าตัดนี่นา”

ซ๊อกรัน และโดยังไปดูที่ห้องผ่าตัดก็ไม่มีคนอยู่

“ที่หาได้ในโรงพยาบาลก็หาหมดแล้ว”

“บางที ยามอาจไม่เห็นตอนที่วาตานาเบ้ออกไปก็ได้ อะไรคะ?”

“หายไปหมด” โดยัง กล่าว

“อะไรคะ?”

“อุปกรณ์ผ่าตัดหายไปหมด เหมือนมีคนเอาอุปกรณ์ผ่าตัดออกไปจนหมด” โดยัง กล่าว

ฮวางจองทำการผ่าตัดให้วาตานาเบ้ วินิจฉัยว่าจะตัดออกแค่บางส่วนคงไม่ได้จะต้องตัดปอดออกข้างนึง


“ท่าน ผอ.อยากให้ตัดแค่บางส่วนถึงได้อยากให้คุณหมอฮวางมาผ่าตัด” คิมโทน กล่าว

“ลองดูฟิล์มเอกซเรย์สิคะ” ซูซูกิ กล่าว

“ยังมีอีกหลายจุดที่เครื่องเอกซเรย์ถ่ายไม่ถึง คุณมาดูเองสิ เซลล์มะเร็งลามไปทั่วทั้งปอดแล้ว ข้าคิดว่าคงจำเป็นจะต้องตัดออกทั้งหมด”

“ถ้าท่าน ผอ.มารู้ทีหลังคงจะผิดหวังแน่ ๆ”คิมโทน กล่าว

“งั้นก็ทำเถอะค่ะ” ซูซูกิ กล่าว

เมื่อหาฮวางจองยังไม่พบ โดยังขอให้ซ๊อกรันกลับไปรอที่เจจุงวอนก่อน ตนจะลองตามหาดูอีกที
 
“ระหว่างที่ข้าออกมา เค้าอาจกลับไปแล้วก็ได้ แต่ถ้าเค้ายังไม่กลับมาอีก ข้าคงต้องไปแจ้งความที่กองปราบ”
 
“ก็ดี  ถ้าข้าได้ข่าวอะไรแล้ว  จะส่งข่าวไปบอกทันที”
 
“ค่ะ  ถ้างั้น...”
 
“เบ๊กโดยังคะ” นาโอกะ เข้ามา
 
“ผมให้รอที่ร้านอาหาร คุณมาที่นี่ทำไม?”
 
“ดูเหมือนจะมีเรื่องสำคัญ  ให้ฉันรออยู่ที่นั่นฉันก็กังวลแย่สิ  หาท่าน ผอ. เจอรึยังคะ”


 “ยังเลย ดูเหมือนจะอยู่ในโรงพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน?”
 
“หรือว่าจะอยู่ในห้องแล็บคะ” นาโอกะ บอก
 
“ห้องแล็บเหรอ ห้องแล็บอะไรครับ?” โดยัง กล่าว
 
“ก็ห้องแล็บส่วนตัวของผอ.ที่อยู่ห้องใต้ดินไง เค้าเอาอุปกรณ์ทั้งหมดจากโรงพยาบาลสถานทูตมาไว้ที่ห้องนั้นไง”
 
“คุณหมายถึงห้องที่เก็บอวัยวะดองนั่นน่ะเหรอ?”
 
“ห้องนั้นแหละค่ะ  เค้าย้ายมาที่นี่ทุกอย่างเลย”
 
“อ้อ นั่นสิ เค้าต้องอยู่ที่นั่นแน่ นาโอกะ  สีหน้าคุณดูเพลียมาก  กลับไปพักที่ห้องก่อนเถอะ”
 
“งั้นเหรอคะ ถ้างั้นฉันไปพักผ่อนก่อนก็ได้ค่ะ”

โดยัง ลงมาที่ห้องแล็บ มีคนยืนเฝ้าหน้าห้องอยู่ไม่ยอมให้เข้าไป
 
“ท่าน ผอ.อยู่ข้างในใช่มั้ย” โดยัง ถาม
 
“ท่านสั่งว่าไม่ให้ใครเข้าไปครับ”
 
“ผมเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรม ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”


“เอ่อ คือว่า จู่ ๆ ท่าน ผอ.ก็อาการทรุดหนักลง” คิมโทน ออกมา
 
“ก็เลยจำใจต้องเชิญคุณหมอฮวางมาจากเจจุงวอน” ซูซูกิ กล่าว
 
“แล้วเค้าก็รับปากมาผ่าตัดให้  ใช่รึเปล่าหะ  คุณหมอฮวาง” คิมโทน กล่าว “อย่างนี้นี่เอง  นึกว่าให้ข้าไปผ่าตัด เพื่อเตรียมผ่าตัดนี้ซะอีก”
 
“ไม่ใช่หรอกค่ะ  นั่นเป็นการเข้าใจผิด” ซูซูกิ กล่าว
 
“เป็นการเข้าใจผิดรึเปล่าคุณจะรู้ได้ไง”
 
“เอ่อ...คือ คือว่า โดยเหตุผลแล้วมันไม่น่าจะใช่ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใช้หมอของโรงพยาบาลฮันซองนี่”
 
“เอาเป็นว่า ในเมื่อตอนนี้ผมรู้แล้ว ผมก็ต้องอยู่เฝ้าสังเกตการณ์ด้วย  คุณหมอฮวางจอง  ข้าฝากเจ้าด้วยนะ”


“งั้นข้าจะผ่าตัดต่อ” ฮวางจอง กล่าว

ซ๊อกรัน กลับมาที่เจจุงวอน หมอโกรีบถามว่าได้ข่าวอะไรมาบ้าง
 
“คือเมื่อวานเค้าออกไปพบกับวาตานาเบ้ ผอ.โรงพยาบาลฮันซอง”
 
“หมายความว่า เค้าหายตัวไประหว่าง ทางกลับมาเจจุงวอนน่ะสิ เค้าบอกพวกเราว่าจะรีบกลับ” มียอง กล่าว
 
“ถ้าอย่างนั้น  รู้รึเปล่าว่า เค้าไปพบวาตานาเบ้ทำไม? เฮ้อ เค้าอยู่ที่ไหนกันแน่นะ?”
 
“ตามหากันแถวนี้เดี๋ยวก็คงจะเจอ  ข้าจะไปบอกให้มองชงช่วยออกตามหาด้วยอีกแรง เค้าไปหลาย ๆ ที่เป็นประจำ เรื่องของการสืบข่าวเค้าถนัดอยู่แล้ว” ชักแท กล่าว
 
“อ้อ  แล้วข้าก็จะไปที่สำนักงานอนามัย  บางทีอาจจะมีโรงพยาบาลไหน...ตามไปรักษาคนไข้ด่วนก็ได้”
 
“นี่บันทึกที่คุณหมอฮวางรักษานอกพื้นที่ บางทีเค้าอาจจะออกไปรักษาคนไข้ที่อื่นก็ได้ค่ะ” นังนัง กล่าว
 
“ขอบใจมากนะนังนัง” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“คุณหมอยู ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ”
 
“ขอบใจมากนะมียอง ขอบคุณทุกคนมากจริง ๆ ค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“เฮ้อ พูดอะไร คุณหมอยู  รู้ตัวรึเปล่า คุณชอบเห็นเรื่องของคุณหมอฮวางเป็นเรื่องตัวเองทุกที  แต่ว่านี่เป็นเรื่องของเราทุกคน”
 
“ค่ะ ข้าก็รู้ แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณมาก”
 
“เรา...ควรจะไปแจ้งความเอาไว้ก่อนดีมั้ยคะ?” นังนัง ถาม
 
“ระหว่างทางข้าไปมาแล้ว แต่พวกเค้าบอกว่ายังไม่เกินหนึ่งวัน ก็เลยไม่ยอมรับแจ้งความ”
 
“เฮ้อ ในตอนนี้...เรื่องเวลาก็ยังไม่นานพอจะแจ้งความจริง ๆ ด้วย” หมอโก กล่าว

โดยังเฝ้าดูการผ่าตัดของฮวางจอง ก็ถามซูซูกิ


“ปอดของเค้าอ่อนแอมาก ท่าน ผอ.เคยเป็นวัณโรคมาก่อนใช่รึเปล่า?”

“ค่ะ  ท่านเคยเป็นมาก่อน”

“เอ่อ ทำงานได้ดีมาก ข้าจะเป็นคนเย็บแผลให้ ผอ.เอง พาคุณหมอฮวางไปส่งได้แล้ว” คิมโทน กล่าว

“เดี๋ยวก่อน  ตอนนี้ยังให้ไปไม่ได้  ควรจะรอดูอาการที่นี่อีกสักหน่อยก่อน เพราะว่าปอดของท่าน ผอ.อ่อนแอมาก แถมยังถูกตัดไปทั้งข้างแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอาการอะไรแทรกซ้อนมั้ย  ถ้าเกิดมีลมคั่งในช่องอก เพราะว่าเหลือปอดเพียงข้างเดียว  ท่าน ผอ....อาจจะเสียชีวิตเลยก็ได้” โดยัง กล่าว

“ใช่ค่ะ  อาจจะเกิดลมคั่งในอกได้”


“ถ้าเกิดลมคั่งในช่องอกก็เป็นเพราะปอดหด จนทำให้หายใจผิดจังหวะและตายได้  แต่เรื่องนั้นคุณหมอเบ็กเองก็...” ฮวางจอง กล่าว

“ไม่ได้หรอกครับ  คุณหมอฮวางควรจะรอจนกว่า ท่าน ผอ.จะฟื้นขึ้นมาดีกว่า  และนั่นเป็นหน้าที่ของหมอผ่าตัดที่ควรมีต่อคนไข้ไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่างนึง  รายละเอียดวันนี้  ขอให้อธิบายให้ข้าฟังด้วย  ถึงไม่ใช่การผ่าตัดอย่างเป็นทางการ แต่หัวหน้าแผนกศัลยกรรมก็ควรจะได้รับรู้มัน” โดยัง กล่าว

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้” ฮวางจอง ตกลง

โดยังมีเรื่องอยากคุยกับฮวางจองตามลำพัง จึงหาวิธีออกอุบายเพื่อจะได้อยู่กันสองคน

“ในห้องนี้มันหนาวมาก ซูซูกิ ช่วยไปเอาผ้าห่มมาให้ที จริงสิ ข้าจะขอไปเอาฟิล์มเอกซเรย์ของ ผอ.วาตานาเบ้ที่ห้องแล็บก่อน เพราะที่ข้าวินิจฉัยไว้คือ เราจะผ่าตัดแค่บางส่วน แต่ผ่าตัดจริงกลับผ่าตัดทั้งข้าง” โดยัง กล่าว

“อ้อ ถ้างั้นข้าไปเอาให้เอง” คิมโทน อาสา เมื่ออยู่กันสองคน โดยังรีบกล่าว


“คุณหมอฮวาง ท่านหนีออกไปทางนี้ได้  ข้าไม่มีเวลาอธิบายเรื่องนี้แล้ว รีบไปเร็ว ท่านเป็นอะไรไป”

“ข้าไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป” ฮวางจอง กล่าว

“ซ๊อกรันมาหาท่านที่นี่แล้ว นางบอกว่าตามหาคุณหมอฮวางไม่เจอ ท่าน...คงจะถูกมันจับตัวมาใช่รึเปล่า?”

“ข้าถูกจับตัวมา เค้าขู่ว่าถ้าไม่ผ่าตัดให้วาตานาเบ้ พวกมันจะทำให้ยูซ๊อกรันมีอันตราย”

“ว่ายังไงนะ?  ข้าคิดว่าพวกเค้า...ต้องไม่คิดจะปล่อยท่านออกไปอย่างปลอดภัยแน่ หลังจากที่อยู่ที่นี่ข้าถึงเพิ่งรู้ว่า ผอ.วาตานาเบ้โหดเหี้ยมกว่าที่ข้าคิดไว้มาก เค้าไม่มีทางปล่อยให้เรื่องที่หมอเจจุงวอนมาผ่าตัดให้ ผอ.โรงพยาบาลฮันซอง  ล่วงรู้ไปถึงหูของคนอื่นเป็นอันขาด เค้าคงคิดจะฆ่าท่านเพื่อปิดปาก หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

“พอนึกว่าซ๊อกรันอาจจะเป็นอะไรไป หัวสมองข้าก็คิดอะไรไม่ออกอีกเลย”

“ตอนนี้ไม่มีเวลามาใช้อารมณ์กันแล้ว ต้องหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ออกไปทางหน้าต่างนี่แหละ มันออกไปจากที่นี่ได้ ท่านรีบออกไปเร็วเข้า  ท่านรีบไปเร็วเถอะ  คิมโทนกำลังจะมาแล้ว”

“คุณหมอเบ๊ก  ถ้าข้าหนีไปอย่างนี้ ท่านจะมีอันตรายได้นะ ไปด้วยกันเถอะ” ฮวางจอง กล่าว

“ถ้าเป็นอย่างนั้น  เราก็จะมีอันตรายทั้งคู่ แต่ข้าอยากขอร้องอะไรอย่างนึง รบกวนช่วยต่อยข้าแรง ๆ ทีนึง”

“หา” ฮวางจอง ไม่เข้าใจ

“แค่นี้ก็แก้ปัญหาได้แล้ว”

“คุณหมอเบ๊กครับ?”

“ต่อยให้หนัก ๆ หน่อย ข้าถึงจะยิ่งปลอดภัย”

“อะไร เปิดประตู” คิมโทน ตะโกน

“เร็วเข้า” โดยัง บอกฮวางจอง

“เปิดประตู” คิมโทน ร้องตะโกน

“เร็วเข้าสิ”

“คุณหมอเบ๊ก อดทนหน่อยนะ” ฮวางจอง กล่าว


“ข้าไม่เป็นไรหรอก”

“งั้นขอโทษด้วยนะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“ข้าไม่เป็นไร อ๊าก  เจ้าจะทำอะไร” โดยัง ถาม



“เฮ้ เปิดประตู  เปิดประตูให้ทีสิ”

“ไปเร็วเข้า  ทางนั้น” โดยัง บอกฮวางจอง

“ตามไป” คิมโทน สั่งลูกน้องเมื่อเข้ามา

“ครับ” หลายคนกล่าวแล้วรีบตามฮวางจองไป

“คุณหมอเบ๊ก” คิมโทน เข้ามาดูอาการ

“ทำไมเจ้าฮวางจองถึงต้องทำกับข้าแบบนี้ด้วย” โดยัง แกล้งกล่าว

“มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ” ซูซูกิ กล่าว

“จู่ ๆ ฮวางจอง ก็ทำร้ายคุณหมอเบ๊กแล้วก็หนีไป” คิมโทน กล่าว

“อ่อก ๆ ๆ...” วาตานาเบ้ ไออาการไม่ดี

“มีลมในช่องอก  มีลม  ทำยังไงดี” ซูซูกิ กล่าว

“คุณหมอเบ๊ก ทำยังไงดี” คิมโทน ถาม

“ไปเอาเข็มจากห้องฉีดยามา  อันที่ใช้เจาะปอดน่ะ” โดยัง สั่ง

“อยู่นี่แล้วค่ะ” ซูซูกิ กล่าว

“เรียบร้อยแล้ว” โดยัง กล่าว

ฮวางจอง กลับมาที่เจจุงวอนพบว่าชักแท รออยู่หน้าประตู“โอ๊ะ คุณหมอฮวาง นี่มันอะไรกันเนี่ย?” ชักแท ถาม


“ข้าเพิ่งจะไปตรวจคนไข้ฉุกเฉินมา”

“งั้นก็ควรส่งข่าวบอกเราหน่อยสิ ฮึ่ย รีบเข้าไปเร็ว  เฮ้อ จริง ๆ เลย”

“ข้าไปเจอคนไข้ โรคพิษสุนัขบ้ามา  คนไข้ตัวแข็งทั้งตัว แล้วก็หายใจผิดจังหวะด้วย  สุดท้ายก็เสียชีวิต  ข้าทิ้งคนตายไว้อย่างนั้นไม่ได้ ก็เลยช่วยฝังคนตายเรียบร้อยก่อน ก็เลยกลับมาช้า  ขอโทษที่ทำให้ทุกคนวุ่นวายกันไปหมด”  ฮวางจอง บอกทุกคน

“ถ้างั้นพวกเราก็เป็นห่วงกันไปเอง” เอวิสัน กล่าว

“พิษสุนัขบ้า น่ากลัวมาก  ต้องระวัง พักนี้อยู่ให้ห่างพวกสุนัขเอาไว้” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

ฮวางจองกลับมาก็ได้กินขนมฝีมือซ๊อกรัน“อืม  อื้ม อร่อยมาก ไอ้หวาน ๆ นี่อร่อยจริง ๆ นะ”

“ไม่รู้ว่าจะเปรี้ยวไปรึเปล่า” ซ๊อกรัน ถาม

“ไม่นี่  อะไรที่มีเหล้ามันก็ต้องกินคู่กับของเปรี้ยว มันต้องกินแบบนั้นอยู่แล้วนี่นา”


“ท่านบอกความจริงกับข้ามาดีกว่าน่า”    ซ๊อกรัน ถาม

“เอ่อ ความจริง หมายถึงเรื่องอะไรเหรอ?” ฮวางจอง

“ข้ารู้ว่าท่านโกหกไปเพราะกลัวว่าทุกคนจะเป็นห่วง  แต่ข้าแค่ดูท่าทางท่านก็รู้แล้ว”

“งั้นครั้งนี้ก็เดาผิดแล้ว เพราะข้าไปรักษาคนไข้จริง ๆ” ฮวางจอง กล่าว

“ไม่งั้นข้าจะโกรธแล้วนะ ทำไมไม่ส่งข่าว...”

“ข้าขอโทษด้วยนะ เอ่อ ข้าปลีกตัวไม่ได้จริง ๆ  งั้น ลองมาชิมอันนี้ดูดีมั้ย กินสักคำนึงนะ  อื๊อ ๆ อ้ำเร็ว  ฮ่า ๆ”

วาตานาเบ้รู้สึกตัวขึ้นมาแล้วเจ็บแผลจึงร้องออกมา โดยังรีบเข้ามาดู“ตอนนี้รู้สึกตัวแล้วใช่รึเปล่า?” โดยัง ถาม


“อ๊ะ  นี่คุณ” วาตานาเบ้ ถาม

“ดูท่าทางท่านตกใจมากสินะ”

“เอ่อ คุณมาอยู่นี่ได้ยังไง คุณไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ แต่ก็รีบกลับมาเพราะไม่วางใจในอาการป่วยของท่าน พอมาถึงก็เห็นท่านกำลังรับการผ่าตัดพอดี”

“เอ่อ  เรื่องนั้น”

“เพราะว่าผมไม่อยู่ ก็เลยจำใจต้องตาม    ฮวางจองมาแทนใช่รึเปล่า?”

“เอ่อ อืมใช่”

“แต่เพราะเค้าเป็นหมอของเจจุงวอน เลยจำต้องใช้วิธีลักพาตัว”

“ฮะ ๆ ๆ ลักพาตัวอะไร อืม คุณหมอฮวางเองก็เป็นหมอ เค้าไม่ทิ้งคนไข้ไว้โดยไม่ใยดีหรอก”

“อย่างนั้นใช่มั้ย  ถ้าอย่างนั้นคนป่วยอย่างท่านก็คงจะมีค่าตอบแทน ที่เหมาะสมเป็นพิเศษให้กับคุณหมอสินะ”

“เอ่อ  คุณหมายความว่ายังไง?” วาตานาเบ้ ถาม

“ที่จริงเรื่องวันนี้ อาจเรียกว่าเป็นความอัปยศของวงการแพทย์ญี่ปุ่นก็ได้ หมายความว่าถ้าคุณเป็นอะไรไปเพราะหมอฮวางจองหรือหมอเจจุงวอน ทางญี่ปุ่นต้องรู้อย่างแน่นอนว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างในวันนี้ ที่ข้าพูดไปก็เพราะหวังดีกับท่าน ผอ.ท่านพักผ่อนให้มาก ๆ เถอะ” โดยัง กล่าว

หลังทานขนมเสร็จแล้ว ฮวางจองเดินมาส่งซ๊อกรันที่บ้าน


“ท่านคงจะไม่ได้นอนทั้งคืน ยังจะมาส่งข้าทำไมคะ?”

“คุณหมอยูเองก็เหมือนกัน คงไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะเป็นห่วงที่ข้ายังไม่กลับไม่ใช่เหรอ ข้าตามมาเพราะ กลัวคุณหมอจะเดินสัปหงกกลางทาง” ฮวางจอง กล่าว

“ฮะ เป็นไปได้ยังไง อะไรคะ ช่วงนี้ถูกคนตามมาเหรอคะ” ซ๊อกรัน ถาม

“อ้อ ไม่มีอะไร เข้าบ้านเถอะครับ”

“กินข้าวก่อนแล้วค่อยไปสิ”

“ไม่ดีกว่า  ข้าต้องกลับไป เตรียมการสอนวิชาแพทย์ก่อน ข้าจะกลับไปอ่านบทความ เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าน่ะ”

“เข้ามาเถอะค่ะ ท่านพ่อก็อยากเจอท่านอยู่เหมือนกัน”

ฮวางจอง เข้ามาที่บ้านก็ได้พูดคุยกับใต้เท้ายู


“ช่วงนี้ ดูความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่น ดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ ญี่ปุ่นทำสงครามกับรัสเซีย  และรัสเซียต้องสู้รบอยู่กับญี่ปุ่นเลยไม่สามารถช่วยเราได้ อเมริกาก็คงจะทอดทิ้งโชซอน ไปสักระยะนึงเหมือนกัน”

“ครับ ญี่ปุ่นอ้างเรื่องสงครามกับรัสเซีย ก็เลยนำกองกำลังทหารเข้ามาในโชซอนเป็นจำนวนมาก และทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งกับชาวบ้านไม่น้อย ดูจากคนป่วยที่มารักษาในเจจุงวอน ก็พอจะดูออกครับ”

“ในตอนนี้ โลกเรากำลังอันตราย” ใต้เท้ายู กล่าว

“เพราะฉะนั้น ผมอยากให้ มีผู้ชายแข็งแรงสักสองคนคอยติดตามคุณหมอยู ระหว่างไปกลับจากที่ทำงานหน่อยน่ะครับ” ฮวางจอง กล่าว

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าไปคนเดียว มาตลอดก็ไม่เห็นมีอะไร”

“ใครว่าล่ะ คุณหมอฮวางพูดถูกที่สุดเลย ระหว่างทางทหารญี่ปุ่นเยอะจะตาย พวกพ่อค้าญี่ปุ่นก็มีเต็มไปหมด มีพวกญี่ปุ่นหลายคนนะโตจนป่านนี้แล้ว ยังใส่ผ้าอ้อมกันอยู่เลย เฮ้อ...” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“นั่นเค้าเรียกว่าผ้าเตี่ยว แต่ว่าสำหรับพวกเราอาจจะดูแล้วน่าเกลียดไปหน่อย จริงสิ  พรุ่งนี้ควรจะให้คนตามซ๊อกรัน ไปถึงที่ทำงานด้วย” ใต้เท้ายู กล่าว

“ถูกแล้วค่ะ อ้อ จริงด้วยสิ คะ ช่วงนี้เจ้าชิลบกก็ไม่มีงานอะไรทำ ให้ชิลบกไปด้วย แล้วค่อยหาคนมาเพิ่มอีกสักคนนึง ต้องหาคนที่ไว้ใจได้หน่อย” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“เอ่อ คุณหมอฮวาง มาดื่มน้ำชา กับข้าก่อนค่อยกลับไปนะ”

“ครับ”

“วันนี้ ตอนที่เข้าวังไป ข้าได้ไปพบท่านทูตอัลเลนมาด้วย”

“ท่านบอกว่าไปพบคุณหมออัลเลนมา เหรอครับ?”


“ใช่ ท่านทูตอัลเลนบอกข้าว่าเค้าได้รับจดหมาย จากประธานาธิบดีอเมริการูสเวล นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกับรัฐมนตรีความมั่นคงอเมริกา มีข้อตกลงลับกันอยู่ และเนื้อหาในนั้นบอกว่าอเมริกาจะปกครองฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น จะเข้ามาปกครองโชซอนของเรา” ใต้เท้ายู กล่าว

“ทำไมมันถึงมีเรื่องอะไรอย่างนี้เกิดขึ้นได้ ทำสัญญากันเองว่าจะปกครองประเทศของคนอื่น โดยไม่ถามเจ้าของประเทศเลย”

“ข้าก็คิดเหมือนท่านแหละกับเรื่องนี้ ท่านทูตอัลเลนก็ได้ทำการประท้วงนโยบายนี้ต่อประธานาธิบดีอเมริกา สุดท้ายเหมือนเค้าจะถูกเรียกตัวกลับประเทศ”

“พระราชาคงรู้สึกหนักพระทัยเป็นอย่างมาก” ฮวางจอง กล่าว

“ใช่ แต่ว่านับจากนี้ไป โชซอน อาจกลายเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นก็ได้”

“อาณานิคมเหรอ? ท่านหมายความว่ายังไงครับ?”

“มันอยู่ที่ช้าหรือเร็ว ความจริงแล้ว เราไม่สามารถยับยั้งได้ เพราะฉะนั้นข้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ อุทิศเพื่อกอบกู้เอกราช ให้ประเทศโชซอนของเรา”


“ใต้เท้ายู”

“ข้าไม่รู้ว่าในอนาคต มันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้าบ้าง ดังนั้น ข้าเลยอยากจะบอกไว้ว่าข้าคงต้องฝาก ซ๊อกรันกับเจ้าแล้ว” ใต้เท้ายู กล่าว

ชิลบก ได้มาติดตามซ๊อกรัน เห็นนางอ่านหนังสือก็ถาม

“เอ่อ ๆ ๆ คุณหนู ๆ เฮ้อ หนังสืออะไรทำไมถึงอ่านไม่วางเลย”

“อ๋อ นี่นิยายฮักเกิลเบอร์รีฟินน์ผจญภัยน่ะ สนุกจนไม่อยากจะหยุดอ่านเลย”

“แต่น่าจะรีบไปให้ถึงเจจุงวอนก่อนนะครับ คุณหมอฮวางคงเป็นห่วงแย่แล้ว ว่าคุณหนูไปโรงพยาบาลโบกูแล้วยังไม่กลับ”

“รู้แล้วน่า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือเลย ใกล้จะจบแล้วล่ะ โอ๊ะ ขอโทษด้วยค่ะ”


“ซ๊อกรัน” โดยัง กล่าว

“อ้อ คุณชายเบ๊ก”

โดยังได้พบกับซ๊อกรัน ก็นำขนมมอบให้นาง

“แพนเค้กเหรอคะ” ซ๊อกรัน ถาม

“นี่เป็นของสมนาคุณ สำหรับโดยังเพื่อนรัก และแฟนเก่าของเพื่อนรัก” เจอุ๊ก กล่าว

“ไอ้เจ้านี่..” โดยัง โมโห

“ฮะ ๆ ๆ” เจอุ๊ก หัวเราะ

“มีชิลบกคอยติดตามตลอดเลยเหรอ?” โดยัง ถาม

“ค่ะ คุณหมอฮวางบอกท่านพ่อว่าอยากให้มีคนติดตามด้วย” ซ๊อกรัน กล่าว

“แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ วันก่อนที่ได้เจอกับฮวางจอง ก็อยากจะบอกเค้าอยู่เหมือนกันว่าให้คุ้มครองเจ้าให้ดี แต่สุดท้ายข้าเองก็ไม่ได้พูดกับเค้าออกไป”

“วันนั้นพวกคุณพบกันด้วยเหรอคะ?” ซ๊อกรัน กล่าว


“อ้อ เค้าคงไม่ได้บอกเจ้าใช่มั้ย?”

“วันนั้นคงจะเกิดอะไรขึ้นใช่มั้ยคะ?”

“อ้อ เรื่องนั้นเจ้าไปถามฮวางจองดีกว่า” โดยัง กล่าว

“มีเรื่องอะไรเหรอคะ”

“เอ่อ มันก็ไม่มีอะไรหรอก แค่จะบอกว่าตอนนี้มันอันตราย อย่าเดินไปไหนมาไหนคนเดียว ควรจะมีคนคอยคุ้มกันเอาไว้ จริงสิ นั่นหนังสืออะไร เห็นเดินอ่านไม่ละสายตาเลย” โดยัง กล่าว

“เป็นหนังสือของมาร์ค ทเวน เรื่องของฮักเกิลเบอร์รีฟินน์ เป็นเรื่องที่บันทึกเกี่ยวกับการผจญภัยน่ะค่ะ อยากอ่านมั้ยคะ ข้าใกล้อ่านจบแล้ว” ซ๊อกรัน กล่าว

“ทำให้นึกถึงตอนที่ป่วย เจ้าอ่านเรื่องการผจญภัยของทอมซอว์เยอร์ให้ฟัง แต่ตอนนั้นข้ายังชอบฉากที่ทอมจูบกับเบ็คกี้”

“ตอนนั้นท่านร้ายกาจมากเลย” ซ๊อกรัน กล่าว

“ขอโทษครับ ผมขอดูหนังสือเล่มนี้หน่อยได้มั้ยครับ” มาร์ค ถาม

“ได้สิครับ เชิญเลยครับ” โดยัง กล่าว


“ขอบคุณครับ อ้อ พิมพ์ครั้งแรกซะด้วย เล่มนี้ก็ถ้าเก็บไว้ให้ดี ต้องมีราคามากแน่ ๆ”

“เหรอคะ มันเป็นของขวัญที่มิชชันนารี ให้ฉันไว้น่ะ คุณเคยอ่านหนังสือเล่มนี้เหรอคะ” ซ๊อกรัน ถาม

“อ้อ ผมอ่านไปหลายร้อยรอบแล้ว เรียกว่าท่องได้เลยล่ะ” มาร์ค กล่าว

“ว้าว เยี่ยมไปเลย คุณคงจะเป็นแฟนตัวยงของมาร์ค ทเวน?”

“แฟนเหรอ ฮะ ๆ ๆ อ้อ ใช่ ผมคงจะเป็นแฟนตัวยงแน่ ผมนี่แหละมาร์ค ทเวน” มาร์ค กล่าว

“อะไรนะคะ?” ซ๊อกรัน ถาม

“โอ้ว เดี๋ยวก่อนครับ คุณบอกว่า..คุณคือมาร์ค ทเวนเหรอ? แต่ว่ามาร์ค ทเวนมาทำอะไรที่โชซอนเหรอ?”

“ผมทำข่าวสงคราม ญี่ปุ่นกับรัสเซียในฐานะนักข่าว อ้อคือว่า.. ผมควรจะให้..นามบัตรกับคุณ นี่ครับ อ้อที่คุณเห็นนี่ ชื่อจริงของผมคือซามูเอล แลงฮอร์น คลีเมนส์ ส่วนมาร์ค ทเวนเป็นนามปากกาของผม” มาร์ค กล่าว

“จริงด้วยค่ะ ใช่ ซามูเอล แลงฮอร์น คลีเมนส์จริง ๆ ด้วย” ซ๊อกรัน กล่าวอย่างตื่นเต้น


“มิสเตอร์คลีเมนส์ ยินดีที่ได้พบครับ ผมก็เป็นแฟนของคุณ ชอบหนังสือคุณมาก” โดยัง กล่าว

“ขอบคุณ ๆ” มาร์ค กล่าว

“โอ้ว ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเราจะเจอมาร์ค ทเวนที่นี่”

“ทำไมคอยพัวพันโดยังตลอดเลยหะ?” นาโอกะ กล่าว (พลางสาดน้ำใส่หน้าซ๊อกรัน)

“นี่คุณทำอะไร ไม่เป็นไรนะ” โดยัง กล่าว

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“ได้โปรดหยุดเถอะครับ อย่าทำอย่างนั้นเลย” ชิลบก กล่าว

“เพราะเธอคนเดียว เบ๊กโดยังถึงได้ตัดใจไม่ได้สักที” นาโอกะ ต่อว่าซ๊อกรัน


“นาโอโกะพอได้แล้ว” โดยัง ห้าม

“เบ๊กโดยังคะ คุณไม่เข้าใจความรู้สึกฉันจริงเหรอคะ”

“รีบขอโทษเธอเดี๋ยวนี้” โดยัง สั่ง

“ทำไมต้องขอโทษ ฉันไม่ขอโทษ”

“คุณหนู”

“รีบตามไปเถอะค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ผมขอโทษด้วยนะ” โดยัง กล่าว


“ไม่เป็นไรหรอก ดีกับคุณนาโอโกะมาก ๆ หน่อย บางครั้งคุณชายอาจจะดูอ่อนโยน แต่บางครั้งก็ดูเย็นชามาก แบบนี้ผู้หญิงคงไม่สบายใจ ข้าไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไปปลอบใจนาโอโกะเถอะ ท่านสองคนจะต้องแต่งงานกันนี่”

“งั้นเจ้ากลับไปก่อนเถอะ” โดยัง กล่าว

“ค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

ฮวางจอง ออกตรวจคนไข้ที่เจจุงวอน

“รับนี่ไปนะครับ นี่เป็นใบสั่งยา เอาไปรับยาที่ห้องยานะครับ คุณหมอยูยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

“สงสัยว่าคนไข้โรงพยาบาลโบกูมีเยอะ อย่าเป็นห่วงไปเลยค่ะ” นังนัง กล่าว

“อ้อไม่ ข้าไม่ได้เป็นห่วงอะไรหรอก”

“โอย..” มองชง เข้ามา

“ลุงมองชงคะ” นังนัง เรียก

“โอย คุณหมอฮวาง โอ้ย ๆ..” มองชง ร้อง

“ไปทำอะไรมา?” ฮวางจอง ถาม

“เห็นว่าเค้าถูกพวกญี่ปุ่นตีมา” ชักแท กล่าว

“โอ้ย บ้าชะมัดเลย ปกติข้าน่ะไม่ค่อยจะถูกใครตีอย่างนี้หรอกครับ แต่ว่า พวกมันจับข้าขึงไว้แน่นแล้วก็ต่อยไม่ยั้งเลย โอ้ย สุดท้ายก็เลยโดนเล่นงานซะน่วมแบบนี้น่ะ” มองชง เล่า


“ทำไมถึงโดนต่อยล่ะ?” นังนัง ถาม

“โธ่ ก็ข้าทำงานในเหมืองทองใช่มั้ย แต่พวกมันไม่ยอมจ่ายเงินตามที่ควรจะเป็น พอไปทวงถามมันก็ซ้อมเอาแทนคำตอบ แล้ววันนี้ข้าก็ถูกซ้อมกลับมาอีกแบบที่เห็น เฮ้อ มันก็เป็นนี้แหละ”

“ข้าก็ได้ยินว่า พวกญี่ปุ่นที่เหมืองทอง รังแกชาวโชซอนใช่รึเปล่า?” ฮวางจอง กล่าว

“โอ้ย ไม่ใช่แค่ที่เหมืองทองนะ ที่ไหนที่เป็นถิ่นของพวกญี่ปุ่น ตอนนี้มันก็เป็นอย่างนี้ไปหมดแล้ว บางทีเดินอยู่บนถนนดี ๆ ก็ยังถูกซ้อมได้อย่างไม่มีเหตุผล เฮ้อ เมื่อกี้ตอนที่ข้าเดินมา ข้าก็เห็นพวกญี่ปุ่นมันกำลังปิดถนน แล้วจงใจหาเรื่องชาวโชซอนกันด้วย ไอ้พวกบ้าเอ๊ย” มองชง กล่าวอย่างมีอารมณ์

“ที่นั่นคือที่ไหน” ฮวางจองถาม

“ก็ใกล้ ๆ กับทางเข้าของเจจุงวอนนี่แหละ อา” มองชง กล่าว

“พวกเจ้าทำแผลให้มองชงก่อนนะ” ฮวางจอง สั่งแล้วออกไป

ฮวางจอง ออกมาก็พบกับซ๊อกรันพอดี

“คุณหมอฮวาง”

“คุณหมอยู”

“จะไปไหนคะ”


“ทำไมถึงกลับมาช้าจัง ไหนบอกว่าเอาจดหมายซึงยอนไปส่ง แล้วจะรีบกลับมาไงล่ะ”

“ระหว่างทาง ข้าบังเอิญเจอคุณชายเบ๊ก ก็เลยไปดื่มชากัน”

“เฮ้อ..” ฮวางจองกล่าว แล้วก็ตัดสินใจเล่าเรื่องหมอวาตานาเบ้ให้ฟัง

“ท่านเป็นคนผ่าตัด ช่วยชีวิตผอ.วาตานาเบ้ไว้เหรอคะ หมายความว่ายังไงกันคะ วาตานาเบ้เป็นถึง ผอ.โรงพยาบาลที่ดูถูกเหยียดหยามโชซอนนะ พวกคนที่เกี่ยวข้องกับ การปลงพระชนม์พระมเหสีเรา”

“ข้าถูกมันจับตัวไปน่ะ ข้าไม่ได้ไปรักษาคนป่วยพิษสุนัขบ้า แต่ข้าถูกจับตัวไปที่โรงพยาบาลฮันซอง แต่ข้าก็ปฏิเสธไม่ยอมผ่าตัดให้เค้า แต่ว่า” ฮวางจอง กล่าว

“แต่อะไร?” ซ๊อกรัน ถาม

“พวกมันขู่ว่าจะทำร้ายคุณหมอยูน่ะ ถ้าไม่เพราะเบ๊กโดยังมาพอดี ข้าคงเอาชีวิตรอดมาไม่ได้เหมือนกัน”

“คุณหมอฮวาง”

“ตอนนั้นเป็นเรื่องที่มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ข้าเลยไม่ทันได้คิดอะไร แต่ตอนนี้มาคิดแล้ว ข้ามันเป็นคนไม่เอาไหน คิดแล้วน่าโมโหนัก”

“ไม่ใช่หรอก ข้าไม่ทันถามดี ก็ไปโมโหใส่ท่าน ท่านเจอเรื่องใหญ่มาขนาดนี้ ทำไมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นช่วงนี้ ท่านเลยคอยไปส่งข้ากลับบ้านใช่มั้ย?” ซ๊อกรัน กล่าว

“ใช่” ฮวางจอง กล่าว

“ท่านพ่อบอกข้าแล้วว่า ไม่นานโชซอน ก็จะกลายเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น” ซ๊อกรัน กล่าว

“ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน”

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผอ.โรงพยาบาลจะทำอะไรแบบนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ เราจะสามารถรักษาโชซอนไว้ได้รึเปล่า?”

“คุณหมอฮวาง รีบออกไปดูข้างนอกเถอะค่ะ” นังนัง เข้ามาบอก


“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
 
“ฮื้อ ๆ..” นังนัง ร้องไห้

ฮวางจอง ออกมาก็พบว่า ชักแทกำลังห้ามชาวญี่ปุ่นอยู่
 
“ข้าบอกแล้วไงว่าคุณหมอยูอย่าออกมาดีกว่า” นังนัง กล่าว
 
“ท่านผอ. เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” ฮวางจอง ถาม
 
“พวกเค้าจะพาตัวมองชงไป” เอวิสัน กล่าว

“ข้าไม่ไปกับพวกมัน ข้าบอกแล้วไงว่าไม่กลับไปทำงานที่เหมืองแล้ว” มองชง กล่าว



“ไอ้เจ้าบ้าเอ๊ย ถ้าไม่ยอมปล่อยตัวเจ้านี่ให้พวกข้า ข้าจะถอดเสื้อผ้าแล้วอยู่มันที่นี่แหละ เจ้าจะไปกับข้ารึเปล่า?” ชายญี่ปุ่นคนหนึ่งกล่าว
 
“ถอดมันเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า ถอดให้หมดเลย” ชายอีกคนสนับสนุน
 
“เฮ้ ๆ ๆ ยังไม่ถึงเวลาถอด”
 
“พวกท่านรีบออกไปซะดีกว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะส่งคนป่วยให้ใครง่าย ๆ”
 
“พวกมันไม่ยอมจ่ายค่าแรงให้คนงานด้วย” ชักแท กล่าว
 
“พวกคุณเลวจริง ๆ ออกไปให้พ้นจากที่นี่” เอวิสัน กล่าว
 
“ที่นี่เป็นเขตเช่าของอเมริกา  รีบออกไปให้พ้น” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“พวกคนงานโชซอน  ลักลอบอมเศษทอง  จากเหมืองทองของพวกข้าไป”
 
“เอ้ย  บ้า บ้าไปใหญ่แล้ว เฮ้ ทองคำไม่ใช่ข้าวสักหน่อย ข้าจะอมไปได้ยังไง หะ?” มองชง กล่าว
 
“แค่พิสูจน์ดูก็รู้  เจ้าแค่ไปกับข้า จนกว่าจะถ่ายออกมา  ถ้าเจ้าถ่ายออกมา แล้วไม่มีจริง ๆ  ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป” ชายชาวญี่ปุ่น กล่าว
 
“ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องทำตามคำสั่งของพวกเจ้า นี่มันเป็นศักดิ์ศรีของชนชาติเรานะเฟ้ย หึ ข้าจะมาขี้ต่อหน้าคนพวกนี้ได้ยังไง หะ?”
 
“มองชง เจ้าไม่ได้กลืนทองเข้าไปใช่มั้ย?” ฮวางจอง ถาม
 
“โอ๊ย  ข้าจะกินเข้าไปทำไมเล่า  ถึงยังไงข้าก็ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลมานาน ทำไมจะไม่รู้ ดีไม่ดีมันจะอุดลำไส้เข้าจะทำยังไง ข้าน่ะต้องผ่าท้องเพราะตัดไส้ติ่งไปครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว หึ”
 
“ทุกท่านฟังให้ดี เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก  เชิญท่านกลับไปเถอะ”
 
“ถ้าอย่างนั้น เอาตัวไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลฮันซองก็ได้ แค่เอกซเรย์ดูก็รู้แล้ว” ชายชาวญี่ปุ่น กล่าว
 
“หะ  โรงพยาบาลฮันซอง เชอะ  ที่นั่นข้ายิ่งไปไม่ได้ใหญ่ ถ้าต้องไปถ่ายภาพประหลาดนั่นแล้วจะตัดปอดข้าทิ้งละก็ ไม่มีทางหรอก ข้าไม่ไปเด็ดขาด” มองชง ปฏิเสธ
 
“ถ้าหากคนไข้ไม่ยินยอมไป เราก็คงจะทำอะไรไม่ได้  เชิญกลับไปเถอะ อีควัก ส่งพวกเค้ากลับ” ฮวางจอง กล่าว
 
“ครับ”
 
“เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเหรอ  พวกเรา”
 
“ไฮ้”
 
“ถอดเสื้อผ้าที่เหลือออกให้หมด แล้วคอยติดตาม คุณหมอคนนี้มันทั้งวันเลย”
 
“ไฮ้”กลุ่มชายชาวญี่ปุ่น กล่าว
 
“นี่พวกเจ้า อ๊าก.. พวกเจ้า” มองชง กล่าว
 
“ว้าย  บ้าเอ้ย” มียอง กล่าว
 
“วอนซะแล้ว”
 
“เจ้าอย่าเข้ามานะ นี่เป็นน้ำต้มเดือดด้วย” ซ๊อกรัน ขู่เอาน้ำสาด
 
“ย่าห์ ๆ” มองชง เข้าไปสู้จนพวกญี่ปุ่นต้องถอยกลับไป
 
“สุดยอดไปเลยครับ” ฮวางจอง กล่าว

ชาวญี่ปุ่นกลับไปด้วยความแค้น แล้วมาหาโดยังให้รักษา
 
“ไอ้เลวที่เจจุงวอนนั่น ข้าไม่มีวันปล่อยมันเอาไว้แน่”
 
“แค่มันยอมมาเอกซเรย์ที่นี่ก็จบแล้ว”

  
“มีใครได้รับบาดเจ็บที่หัวหรือ?” โดยัง ถาม
 
“ไม่ใช่หรอก มีคนงานที่มันกินทองเข้าไป  แค่มันยอมมาแล้วฉายเครื่องเอกซเรย์ก็มองเห็นได้ไม่ใช่เหรอ”
 
“มองไม่เห็นหรอกครับ” โดยัง กล่าว
 
“ทำไมถึงได้มองไม่เห็นล่ะ รังสีเอ๊กซ์ ทะลุผ่านทองไม่ได้รึไงหะ”
 
“เพราะเครื่องเอกซเรย์จะไม่ใช้ในกรณีอื่นนอกจากการรักษาเท่านั้น”
 
“หืม?”
 
“การรักษาเสร็จแล้ว จ่ายยาให้พวกเค้าด้วย” โดยัง กล่าว

มองชง ขอร้องชักแท ให้ช่วยพาไปหาที่ถ่ายท้อง

“นี่ นี่ ถ้าใครรู้เข้าว่าข้าให้เจ้ามาถ่ายที่นี่ ข้าต้องซวยไปด้วยแน่”

“โธ่ ก็ถ้าไปที่ห้องน้ำ ทองข้าก็หล่นไปด้วย แล้วจะไปควานหายังไงเล่า?” มองชง กล่าว


“ขยะแขยงจริงเชียว กินเข้าไป น้ำมันละหุ่งกินแล้วจะช่วยให้ถ่าย”
 
“เอ่อ โอ้ ถ้าข้ากินไอ้นี่ไส้ข้าต้องบิดเป็นเกลียวแน่ โอย ไม่มีอย่างอื่นแล้วเหรอ?” มองชง กล่าว
 
“ไอ้เจ้านี่ นี่เจ้าต้อง แบ่งส่วนแบ่งให้ข้าด้วยนะ”
 
“มันแน่อยู่แล้วน่า เพราะทองที่อยู่ในท้องข้าน่ะ มันตั้งหนึ่งตำลึงนะ ฮะ ๆ” มองชง กล่าว


“ไอ้เจ้านี่ กลืนก้อนโตซะด้วยนะ โอ้ย ที่จริงก็ไม่อยากให้หรอก นี่เป็นน้ำที่ใช้สำหรับช่วยชีวิต เป็นยาที่เพิ่งออกมาใหม่ ราคาเท่ากับต้มเนื้อวัวสองถ้วยเลยนะ อ้ะ”

“อ้า ไอ้ยาตัวนี้เนี่ย เป็นยาที่พระราชาก็เสวยอยู่ด้วยใช่รึเปล่าฮ้า?”

“เจ้าก็รู้เหรอ งั้นลองกินดู มันจะช่วยให้ลำไส้เจ้าโล่งเลยละ”

“ฮะ ๆ งั้นเหรอ ถ้าเจ้าอยากจะได้ส่วนแบ่ง อย่างน้อยมันก็ต้องอย่างนี้แหละอ๊า สุดยอด โอ๊ะ ไม่เลว มีอีกรึเปล่า?”

“เจ้าจะกินยาเพราะอร่อยได้ไง เป็นไงบ้าง”

“มีแรงขับแล้ว”

“โอ๊ะ ว้าว มาแล้วเหรอ?” ชักแท ถาม

“เร็ว ๆ รีบหน่อย ๆ” มองชง กล่าว

“ไปตรงมุมนั้นเลย ไปทางนั้น ทางนั้น ๆ” ชักแท กล่าว

“อึ๊ ๆ ๆ...มาแล้ว มันออกมาแล้ว...”

“ฮ่า ๆ ๆ โอย ฮะ ๆ ๆ โอย เหม็นชะมัด ฮึ่ย..” ชักแท กล่าวทำหน้าขยะแขยง

นาโอกะ พยายามตามง้อโดยัง


“หลีกไปนาโอโกะ”

“ไม่หลีกค่ะ”

“ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”

“ถ้างั้น คุณรับการขอโทษจากฉันก่อนสิ ฉันจะรออยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน จนกว่าคุณจะยอมรับการขอโทษจากฉัน ฉันจะไม่ไปไหนเด็ดขาด”

ผู้จัดการโอ หมอโก และฮวางจองนั่งทานอาหารด้วยกัน

“อืม ซุปผักแบบตะวันตกนี่ก็รสชาติไม่เลวเลยนะ” ผู้จัดการโอ กล่าว

“ใช่ อร่อยมากเลยครับ”

“คุณหมอโก หินที่จะใช้วางศิลาฤกษ์เตรียมพร้อมรึยัง” ฮวางจองถาม

“อ้อ ครับ ผู้จัดการโอเลือกหินสี่เหลี่ยมที่สวยมากไว้แล้ว แถมยังช่วย..สลักอักษรด้วยตัวเองด้วยนะ โอ้.. ข้าเพิ่งรู้ว่าลายมือของผู้จัดการโอสวยแบบนี้”

“เฮ้อ เจ้านี่ก็พูดไป สวยเสยอะไรกัน เขียนให้สวยมันเป็นแค่พื้นฐาน อ้อ เกือบลืมไปเลย ได้ส่งบัตรเชิญออกไปรึยัง?”

“ครับ เราส่งผ่านสำนักงานอนามัยไปแล้วครับ” ฮวางจอง กล่าว

“แต่ว่า นอกจากคำอวยพรจากท่านทูตอัลเลน เราควรจะเพิ่มกำหนดการอะไรอีกมั้ย เหมือนยังขาดอะไรไปบางอย่าง” ซ๊อกรัน กล่าว

“อืม..อย่างนั้นเหรอ แต่อย่างนี้ก็ดู น่าจะครบถ้วนแล้วนะ ถ้าจะเพิ่มอะไรเข้าไป ก็อาจจะเป็นการเกินจำเป็นก็ได้”

“แต่ข้าเองมีความคิดว่า เรายังขาดร้องเพลงสรรเสริญนะ” ผู้จัดการโอ กล่าว

“ร้องเพลง?” ฮวางจอง ถาม

“พิธีแบบนี้ควรจะมีการร้องเพลงสรรเสริญอะไรสักเพลง อย่างในพิธีฉลองประกาศเป็นจักรวรรดิคราวก่อน มีการแต่งเพลงสรรเสริญตั้งสามเพลง”

“ถ้างั้น ก็น่าจะมีการร้องเพลง” ซ๊อกรัน ถาม

“แบบนี้ เราก็ต้องร้องเพลงชาติของโชซอนน่ะสิ”

“แต่ว่า แต่ละคนร้องเพลงชาติไม่ค่อยเป็นทำนองเดียวกันเลยนี่” โก กล่าว


“เพราะว่ามันมาจากทำนองเพลงพื้นบ้านของสก๊อตทำนองเพลงโอลด์ แลงค์ ซายน์น่ะค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“เอ่อ ๆ อืม” ผู้จัดการโอกล่าว จากนั้นซ๊อกรันก็ร้องเพลงขึ้นมา

“อา..อันนี้แหละ” โก กล่าว

“จิ๊ ๆ ๆ ๆ เพลงชาติแสดงออกถึงความรักแผ่นดินบรรพชน แต่ทำไมกลับไปใช้ทำนองเพลงของต่างชาติซะอย่างนั้น จิ๊ ถ้ามีใครแต่งทำนองขึ้นมาใหม่ก็คงจะดี” ผู้จัดการโอกล่าว

“นั่นสิ”

“แต่ฟังไป มันก็เพราะดีนะ อ้อ”

“อาจารย์ครับ” เจอุ๊ก กล่าว

“ฮืม เจอุ๊ก เป็นไงบ้างงานที่นี่ดีรึเปล่า?” ผู้จัดการโอ ถาม

“ตอนนี้ ข้าเห็นมันเป็นชีวิตไปแล้ว” เจอุ๊ก กล่าว

“อ้อ จริงเหรอ ฟังดูก็เหมือนว่าไม่เลวนะ ที่จริงนึกถึงเจ้าตอนที่เรียนอยู่สำนักศึกษาหลวง กับตอนที่เรียนอยู่เจจุงวอนนั่น เจ้าดูเบื่อ ๆ ชีวิต งั้นก็ดี”

“ครับ”

“ดีแล้วล่ะ”

“ถ้าอาจารย์ต้องการอะไรก็บอกได้เลยนะ แต่ว่า ที่นี่มีเหล้าฝรั่งที่ผู้จัดการเบ๊กเก็บไว้ด้วยนะ”

“เหล้าฝรั่ง ช่างมันเถอะ เจ้าหมอนั่นคงจะทำสัญลักษณ์ไว้ที่ขวดแน่”

“ใช่ครับ”

“อ้อจริงด้วยสิ ความเคลื่อนไหวของพวกต่างชาติเป็นไงบ้าง?”

“ช่วงนี้เหมือนมีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง แต่พวกเค้าไม่คุยกันที่นี่หรอกครับ แต่ข้ารู้สึกได้ว่า มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นเร็ว ๆ นี้แน่”

“อย่างนั้นเหรอ?”

“ครับ”

“งั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่”

“ฝนตกแล้วครับ”

“เฮ้อ จริง ๆ เลย ข้าไม่มีร่มมาซะด้วยสิ”

ฝนตกหนัก ซ๊อกรันกางร่มชวนฮวางจอง เข้ามาอยู่ในร่ม
 
“ข้าก็เข้าอยู่แล้วนี่”
 
“แต่เสื้อท่านเปียกหมดแล้ว”
 
“ไม่เป็นไรหรอกครับ โอ๊ะ.. เอ่อ”
 
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า แล้วก็ไม่มีใครตามมาด้วย ข้าได้เช็กดูแล้ว”


   
“ฮะ.. ไม่มี ใครตามมาจริงด้วย จุ๊บ” ฮวางจอง ฉวยโอกาส
 
“หนอย จุ๊บ” (ซ๊อกรันจุ๊บฮวางจองบ้าง) 
 
“ฟ้าจุดประทัดแล้ว” ฮวางจอง รีบเปลี่ยนเรื่อง
 
“คะ?”
 
“ฟ้าจุดปะทัดไง อยู่บนฟ้า ไปกันเถอะ”

คูฮอน วิ่งหน้าตื่นมาตามโดยังให้รีบออกไปดูนาโอกะ ที่ดูท่าทางเหมือนนางจะนั่งตากฝนอยู่ทั้งคืน
 
“เจ้าน่ะ ลุกขึ้นมาเร็ว  ผู้หญิงจะมานั่งบนพื้นเย็นไม่ได้ รีบลุกขึ้นมาเร็ว” โซซา กล่าว
 
“นาโอโกะ” โดยัง เรียก
 
“เบ๊กโดยังคะ” นาโอกะ กล่าวแล้วหอบ
 
“ถ้าพวกเค้าแต่งงานกันเมื่อไหร่ เรารีบแยกบ้านเลยนะ ข้ากลัวจนอยู่ด้วยไม่ได้แล้ว” โซซา กล่าว
 
“ฮึ่ย มันควรจะพูดตอนนี้รึ?” คูฮอน ต่อว่า

โดยังพานาโอโกะหลบฝนเข้ามาพร้อมทั้งตรวจอาการให้
 
“นี่ ๆ ๆ เป็นปอดบวมเหรอ” คูฮอน ถาม
 
“คงไม่ใช่ครับ” โดยัง กล่าว
 
“นี่ ๆ ๆ เจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร?”
 
“ข้าเคยเป็นพยาบาลนะ ฝาปิดกล่องเสียงอักเสบเหรอ?” โซซา กล่าว
 
“ ใช่ ฝาปิดกล่องเสียงอักเสบครับ”
 
“เห็นมั้ยล่ะ?” โซซา กล่าวกับคูฮอน
 
“โอ้ย หมาในโรงเรียนสามปีก็ท่องกลอนได้เหมือนกัน เชื่อเลยแฮะ” คูฮอน กล่าว


 “นาโอโกะ ๆ คุณรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในหลอดลมใช่มั้ย?”
 
“ข้าจะช่วยจับไว้ให้ นิดเดียวไม่เจ็บหรอก ไม่เจ็บ อย่าขยับ” โซซา กล่าว
   
“อื้อ ๆ..” นาโอโกะร้อง เมื่อถูกเจาะคอ
 
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก หายใจลึก ๆ ไว้ เดี๋ยวก็หายใจคล่อง ทนหน่อยนะ” โซซา กล่าว

ที่พิธีวางศิลาฤกษ์โรงพยาบาลเจจุงวอน เซเวอแรนส์


“ผมต้องขอบคุณ คุณหมอเอวิสันผู้อำนวยการของโรงพยาบาลและทุกท่าน ที่ได้ ให้เกียรติเชิญผมมาเพื่ออวยพรให้กับพิธีวางศิลาฤกษ์สำหรับโรงพยาบาลเจจุงวอน เซเวอแรนส์ .. เมมโมเรียลที่..ใกล้จะเปิดขึ้นนี้ พิธีวางศิลาฤกษ์ ที่เกิดในโชซอน เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่าการแพทย์แผนปัจจุบัน สามารถหยั่งรากลึกบนแผ่นดินนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ทว่า ในตอนนี้เราคงไม่สามารถที่จะยินดีและพอใจกับความสำเร็จที่เป็นอยู่ในวันนี้เท่านั้น” หมออัลเลน กล่าว แล้วทุกคนก็ร้องเพลง

หลังงานพีธีวางศิลาฤกษ์ หมออัลเลน เดินเข้ามาคุยกับโดยัง ซ๊อกรันและฮวางจอง
 
“ผมรู้สึกปลื้มใจมากที่วันนี้ได้เห็นคุณทั้งสามเป็นหมอเต็มตัว โดยเฉพาะ มิสเตอร์เบ๊ก ยินดีที่ได้พบ”
 
“ผมก็ดีใจเหมือนกัน” โดยัง กล่าว
 
“ตอนนั้นที่ได้ยินว่า คุณหายตัวไปหลายปี ผมเองก็เป็นห่วงเหมือนกัน”
 
“แต่สุดท้าย เค้าก็ได้เป็นหมอคนเก่ง กลับมาโชซอน” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“ใช่ ถูกต้องที่สุดเลย ถ้าท่านผอ. เอ่อ ถ้าหากท่านทูตเห็นฝีมือเค้าจะต้องตกใจแน่” ฮวางจอง กล่าว
 
“ไม่หรอกครับ พวกเค้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง”
 
“ผมคงไม่ตกใจหรอก เพราะว่าผมเห็นใน ความสามารถของคุณหมอเบ๊กมานานแล้ว เฮรอนเองก็เหมือนกัน เฮรอนเคยเขียนจดหมายถึงผม บอกว่าคุณมีความสามารถ ที่จะเป็นแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นเพราะคุณคิดแต่จะแข่งกับคุณหมอฮวาง สุดท้ายมันก็เลยกลายเป็น..การทำลายตัวเอง เพราะการแพทย์ ไม่ใช่การแข่งขันแต่เป็นการร่วมมือ ลองคิดดูสิ ว่าตอนที่พวกคุณเรียน เวลาที่ทำให้มีความสุขที่สุดคือช่วงเวลาไหน?” หมออัลเลน กล่าว
 
“ตอนที่ทำวัคซีนป้องกันฝีดาษค่ะ” ซ๊อกรัน ตอบ
 
“ข้าเองก็เหมือนกัน ตอนที่เราช่วยกันหาวิธีป้องกันโรคฝีดาษมันสนุกมาก”
 
“ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน” โดยัง กล่าว
 
“ผมก็เชื่อว่าพวกคุณยังรู้สึกอย่างนั้นอยู่ จริงสิ ผมมีของอย่างนึงจะให้คุณหมอเบ๊ก เฮรอนเคยฝากให้ผมเอามาให้กับคุณหมอเบ๊ก แต่พอเค้าตายไป คุณเองก็ไปจากเจจุงวอน เลยยังไม่ได้ให้”
 
“เท่จังเลย” ซ๊อกรัน กล่าว


   
“รู้มั้ยว่าคุณหมอเฮรอนชอบคุณมาก ผมคิดว่าเค้าคงอยากจะฝากฝังให้คุณหมอฮวางคอยช่วยดูแลคุณหมอเบ๊ก แต่อาจจะไม่ทันได้พูด”
 
“ท่านไม่ได้บอกกับข้าอย่างนั้นหรอก” ฮวางจอง กล่าว
 
“ท่านได้บอกเอาไว้จริง ๆ ก่อนที่ท่านจะตายท่านได้พูดไว้อย่างนั้น ในวินาทีสุดท้าย ท่านเพ้อแล้วเห็นข้าเป็นฮวางจอง และพูดคำนั้นกับข้า ท่านยังบอกกับข้าไว้อีกว่า การแพทย์โชซอนวันหน้าจะพัฒนาไปได้เพราะคุณหมอฮวาง และยังฝากให้ท่านคอยอยู่เคียงข้างข้าด้วย” โดยัง กล่าว
 
“นั่นทำให้ท่านต้องจากไปเหรอ?” ซ๊อกรัน ถาม
 
“คุณหมอเบ๊ก” ฮวางจอง เรียก
 
“ตอนนั้นข้ายังเด็กเกิน ข้าเข้าใจไปว่า ท่านให้ความสำคัญกับคุณหมอฮวางมากกว่า ข้าก็เลยไป” โดยัง กล่าว
 
“ไม่ใช่หรอกครับ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ ท่านผอ.แค่ต้องการให้ข้ากับท่านช่วยกันรักษาเจจุงวอนเอาไว้เท่านั้น” ฮวางจอง กล่าว
 
“ใช่แล้วครับ คุณหมอเบ๊ก ผมก็คิดว่าเฮรอน ต้องการสื่อความหมายอย่างนั้น” หมออัลเลน กล่าว
 
“คุณหมอเบ๊กครับ กลับมาที่เจจุงวอนเถอะครับ ถึงแม้จะมีปัญหาแค่ไหน เราก็จะแก้กันที่นี่”
 
“กลับมาที่นี่เถอะ ถ้าหากคุณนาโอโกะยินยอม ท่านก็กลับมาเถอะ” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“ตกลง” โดยัง ตอบรับ

ทูตญี่ปุ่น เข้าเฝ้าพระเจ้าโกจงนำสาส์นของจักรวรรดิญี่ปุ่น มาประกาศ


 “จักรวรรดิญี่ปุ่นได้ประกาศสนธิสัญญาที่จะให้โชซอนเป็นอาณานิคมและอยู่ภายใต้อาณัติของญี่ปุ่น”
 
“ข้าไม่ได้ประทับตราลัญจกร และไม่ได้ลงนามเจ้าถือสิทธิอะไรมาประกาศ” พระเจ้าโกจง ตรัส
 
“ฝ่าบาท ไม่ต้องทรงกังวลไป กระหม่อม ได้ประทับตราให้พระองค์แล้ว ฮะ ๆ” กึนเทค ทูล




เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา