วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อารัง ภูตสาวรักนิรันดร์ ตอนที่ 3




ในตอนนี้อึนโอเริ่มหวั่นไหวและมีใจให้ผีสาวอารัง ทั้งยังคอยปกป้องเธอ ด้านอารังซึ่งอยากรู้มาโดยตลอดว่าตนเองตายยังไง ก็ได้พบศพตัวเองในสภาพอันน่าเวทนา ทำให้รู้สึกน้อยใจวาสนาที่พบเจอแต่เรื่องรันทดทั้งตอนเป็นผีและเป็นมนุษย์ อารังจึงคิดหาวิธีเข้าพบท่านมหาเทพ

เนื้อหา:


อารังเรียกอึนโอ (ว่า "ซาโต้" หรือในที่นี้ใช้คำว่า "นายอำเภอ")  แล้วยื่นหน้าเข้าไปหา อึนโอหลับตาเมื่อริมฝีปากของอารังค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ ขณะที่ริมฝีปากของทั้งคู่กำลังจะสัมผัสกัน อึนโอก็ตื่นจากความฝันเสียก่อน 

เช้าวันรุ่งขึ้น อึนโอวานโดลแซให้นำจดหมายนัดพบไปมอบให้บุตรชายใต้เท้าเช (จูวอล) โดลแซจึงถือโอกาสถามว่าอึนโอจะสวมบทนายอำเภอที่เมืองนี้ไปอีกนานสักแค่ไหน อึนโอทำหน้ารำคาญแล้ววางมาดเข้มก่อนบอกว่าคงอีกไม่นาน


ท่านมหาเทพและมัจจุราช นั่งตกปลาบนสรวงสวรรค์ในยามบ่าย มหาเทพมองหน้ามัจจุราชแล้วถามแทงใจดำว่า "ทำไมใบหน้าของท่านถึงเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แถมยังมีตีนกาเพิ่มขึ้นอีก" มัจจุราชมองหน้ามหาเทพแบบเซ็งๆ แล้วถามว่า "นี่ท่านไม่รู้จริงๆ หรือ" มัจจุราชอธิบายว่าเป็นเพราะนับวันจำนวนผีเจ้าปัญหามีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตนมีแต่เรื่องปวดหัว คนตายดันไปเร่ร่อนวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ ส่วนคนเป็นก็หลงมาอยู่ในโลกนี้ (โลกหลังความตาย) จากนั้นก็บ่นต่อว่า "เรื่องแค่นี้มันยากนักรึไง ทำไมผีพวกนั้นถึงไม่ยอมเข้าใจ"

ท่านมหาเทพแนะมัจจุราชว่า อย่ายึดติดหรือเคร่งครัดในเรื่องกฏระเบียบมากเกินไป ควรพิจารณาเหตุผลและที่มาของเหล่าผีเป็นรายตน มัจจุราชแย้งว่า เพราะคิดแบบนี้ท่านมหาเทพและตนถึงได้มีแต่เรื่องปวดหัว ไหนจะเรื่องผีเจ้าปัญหาที่ไปเตร็ดเตร่เร่ร่อนอยู่บนโลกมนุษย์ แล้วยังมีเหล่าวิญญาณที่หายตัวไปนานนับสี่ร้อยปีอีก

ท่านมหาเทพตบแขนมัจจุราชเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบใจ และกล่าวว่าตนเองก็รู้สึกเสียใจที่เกิดเรื่องดังกล่าวเช่นกัน มัจจุราชถาม ท่านมหาเทพเคยให้คำมั่นว่าจะลงไปยังโลกมนุษย์ เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตนเอง แล้วทำไมป่านนี้เรื่องดังกล่าวถึงยังไม่คลี่คลาย เมื่อเห็นมัจจุราชร้อนใจ มหาเทพจึงกล่าวแทงใจดำอีกครั้งว่า สาเหตุที่มัจจุราชแก่ก่อนวัยอันควรเป็นเพราะใจร้อน ดังนั้น ขอให้อดทนรอต่อไป มัจจุราชจึงยื่นคำขาดว่า ถ้าวิธีแก้ปัญหาของท่านมหาเทพใช้ไม่ได้ผล ตนจะยุติปัญหาทั้งหมดด้วยวิธีการของตนเอง


สาวน้อยคนทรงนำชุดใหม่ พร้อมเครื่องสำอางและเครื่องประดับมาให้อารัง หลังแต่งตัวเสร็จอารังก็เดินไปนั่งที่หน้ากระจกแม้จะรู้ว่าผีไม่มีเงาก็ตาม ระหว่างที่อารังกำลังแต่งตัว อึนโอซึ่งยืนรออยู่หน้าห้องก็บ่นอย่างหงุดหงิดว่า ทำไมถึงแต่งตัวช้านัก ครั้นพออารังเดินออกมา อึนโอก็ต้องตกตะลึงในความงามของผีสาว  พังวูล (คนทรง) และอารังต่างถามอึนโอว่า "ดูดีขึ้นมั๊ย" อึนโอไม่อยากเสียฟอร์มเลยบอกว่า อารังก็แค่เปลี่ยนจากผีหัวฟูมาเป็นผีผมเรียบผูกหางเปียเท่านั้น พูดจบเขาก็สั่งให้อารังรออยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงเวลานัด แล้วค่อยไปพบกันที่จุดนัดพบ 

หลังอึนโอออกไปแล้ว พังวูลก็ขอร้องให้อารังออกจากบ้านเธอไป เธอไม่อยากอยู่กับอารังตามลำพัง  และที่ผ่านมาเธอก็เดือดร้อนเพราะอารังมามากแล้ว  แม้อารังจะให้เหตุผลว่าเธอจำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพราะกลัวชุดใหม่เปื้อน และต้องทำตามคำสั่งของอึนโอ แต่พังวูลยังคงอ้อนวอนให้อารังเห็นใจเธอ อารังเลยต้องระเห็จออกจากบ้านพังวูลโดยตั้งใจว่าจะไปรออึนโอและจูวอลที่จุดนัดพบในตอนนี้เลย

อึนโอพยายามทำตัวทำใจให้เป็นปกติ (หลังเพิ่งหวั่นไหวในความงามของอารัง) โดยบอกกับตัวเองว่า "ตอนอารังห้อยหัว ผมฟูยังดูดีกว่า" แต่ไม่วายเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาว่า "จะว่าไปแล้วเสื้อผ้าพวกนั้นก็ทำให้คนสวมใส่ดูดีขึ้นไม่น้อย" อึนโอยังโกหกตัวเองอีกว่า ทางที่ดีตนควรกลับไปหาอารังที่บ้านพังวูล เพราะไม่รู้ว่าอารังจะก่อเรื่องอะไรอีก เขาอ้างว่าที่ต้องทำเช่นนี้เนื่องจากตนไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะฝืนใจแค่ไหน เขาก็จำเป็นต้องอยู่เคียงข้างอารังจนกว่าความจำของเธอจะกลับคืนมา เมื่อคิดได้ดังนั้นอึนโอก็เดินกลับไปหาอารังที่บ้านพังวูล 


ในตอนนั้นอารังกำลังมุ่งหน้าไปรอสองหนุ่มที่จุดนัดพบ ระหว่างทางเธอเห็นโรงนาร้างก็นึกถึงสมุนไพรหายากที่มีชื่อว่า "ปุย-กร้า" (สมุนไพรที่อารังกินในตอนที่ 1) ซึ่งกินแล้วจะช่วยให้คนมองเห็นผีอย่างเธอ หากได้สมุนไพรนี้มาเธอก็สามารถสอบถามเรื่องราวต่างๆ จากจูวอลได้โดยตรง แทนที่จะคอยหวังพึ่งนายอำเภอ (อึนโอ) ที่แสนงานยุ่ง เพราะถึงยังไงทุกอย่างก็ต้องจบสิ้นลง หลังเธอเดินทางไปยังโลกแห่งความตายอยู่แล้ว 

อารังเดินเข้าไปในโรงนาโดยไม่รู้ว่ามีแกงค์ผีเร่ร่อนสะกดรอยตามมา (ผีดังกล่าวโกรธแค้นอารังที่ทำให้พวกตนอดกินข้าว "โกซูเร" หรืออาหารที่คนนำมาเซ่นผี - ในตอนที่ 2) เมื่อถูกผีชายฉกรรจ์ 4-5 ตนรุมหาเรื่อง อารังก็พร้อมรับมือโดยไม่รู้สึกหวาดเกรง สิ่งที่อารังกังวลไม่ใช่การถูกรุมทำร้าย แต่เธอกลัวชายกระโปรงจะยับและเปื้อนเพราะถูกผีอันธพาลเหยียบ แม้จะสู้ยิบตาแต่อารังก็โดนรุมทำร้ายจนน่วม เพราะนอกจากผีนักเลงจะฆ่าไม่ตายแล้ว กลับยังทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผีหัวหน้าแกงค์กำลังจะตบสั่งสอนอารังอีกครั้ง ก็มีชายผู้หนึ่งถีบหลังผีตนดังกล่าวจนหน้าคว่ำก่อนดึงตัวอารังมาไว้ในอ้อมแขน 


ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวก็คือนายอำเภอ "อึนโอ" นั่นเอง หลังโรแมนติกกันชั่วขณะ อึนโอก็ผลักอารังออก จากนั้นก็วางมาดเข้มแล้วบ่นต่อหน้าแกงค์ผีอันธพาลเรื่องทีอารังมีแต่เหล่าวิญญาณคอยตามล่า (ทั้งผีอันธพาลและยมทูตมูยอง) เมื่อหันไปเห็นชุดใหม่อารังมีรอยเปื้อน เขาก็ออกอาการโมโหและตะคอกใส่อารังว่า "รู้มั๊ยชุดนี้ราคาเท่าไหร่" (ทั้งๆ ที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าผี) 

บรรดาผีอันธพาลต่างพากันยืนอึ้ง ผีตนหนึ่งพูดขึ้นว่า "นั่นมันมนุษย์มิใช่หรือ?" หัวหน้าแกงค์ผีบอกอึนโอให้ถอยไปและขู่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมนุษย์อย่างเขา อึนโอแย้งว่าทำไมจะไม่เกี่ยวในเมื่อเขาเป็นคนซื้อชุดใหม่ให้อารัง เมื่อเห็นเหล่าผีพากันเดินหน้าเข้ามาหมายเอาเรื่อง อึนโอก็ล้วงถุงใบหนึ่งออกมาขู่พลางบอกว่า "อยากลิ้มรสถั่วแดงจากหมู่บ้านทงจินกันนักใช้มั๊ย " เหล่าผีได้ยินแล้วถึงกับผงะ (รวมทั้งอารัง) อึนโอได้ทีเลยบอกให้ผีชดใช้ค่าชุดให้


หลังแก้มัดปากถุงแล้วอึนโอก็ล้วงมือลงไปหยิบถั่วแต่กลับพบว่าภายในถุงว่างเปล่า  เขาลองคว่ำถุงใส่มือ ปรากฏว่ามีถั่วแดงเม็ดหนึ่งร่วงลงมา (เขาปาถั่วแดงขู่อารังจนหมดถุงในตอนที่หนึ่ง) อารังเห็นถั่วเหลือเพียงเม็ดเดียวก็ทำหน้าผิดหวัง ส่วนผีอันธพาลต่างพากันขำกลิ้ง จากนั้นก็ตรงเข้ามารุมล้อมอารังและอึนโอในระยะประชิดอีกครั้ง  ผีหัวหน้าแกงค์บอกให้อึนโอเลิกยุ่งกับเรื่องตนแล้วรีบหนีไปซะ แต่อึนโอยังคงยืนกรานว่าเรื่องนี้ไม่ยุ่งไม่ได้  พูดจบเขาก็ชิงลงมือกับเหล่าผีก่อน จนเหล่าผีร่วงลงไปกองกับพื้นทีละตน  อารังเห็นฝีมืออึนโอแล้วถึงกับทึ่ง 

เมื่อมีผีตรงเข้ามาทำร้าย อารังพร้อมที่จะสู้ แต่อึนโอไม่ปล่อยให้เธอสู้ตามลำพัง เขารีบตรงเข้ามาช่วยแล้วถามด้วยความห่วงใยว่า "ไม่เป็นอะไรใช่ไหม" เมื่อเห็นว่าผียังคงตามราวีไม่เลิกรา อึนโอก็งัดพัดคู่ใจออกมาเป็นอาวุธ เขาใช้ด้ามพัดต่อสู้กับเหล่าผีจนผีทั้งหลายต่างร่วงลงไปกองกับพื้น ขณะที่อารังเองก็สู้ตาย แต่สู้ยังไงเหล่าผีก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้หรือเลิกราง่ายๆ ทำให้อึนโอเริ่มหมดแรง แต่พอเห็นอารังถูกรุมทำร้าย เขาก็ฮึดสู้อีกครั้ง

ทันใดนั้น ยมทูต 2 ตนก็โผล่เข้ามาและเปิดฉากต่อสู้กับเหล่าผีอันธพาลทันที อึนโอสบโอกาสพาอารังหลบหนี แต่หนีมาได้สักพักอารังก็หยุดวิ่งแล้วก้มลงมองชุดใหม่ที่อยู่ในสภาพเลอะเทอะ ยับเยิน และชายกระโปรงขาดรุ่งริ่ง อึนโอคิดว่าอารังคงไม่อยากไปพบจูวอลในสภาพนี้ แต่อารังแย้งว่าถึงยังไงจูวอลก็มองไม่เห็นเธออยู่ดี พูดจบเธอก็ร้องไห้แล้ววิ่งหนีไป (อารังเสียใจที่ช่วงเวลาแห่งความสุขช่างสั้นนัก เพิ่งได้ใส่ชุดใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ก็ถูกรุมรังแกจนเสื้อผ้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ทั้งๆ ที่กำลังจะไปพบคู่หมั้น) 



จูวอลยืนรออึนโอที่จุดนัดพบท่ามกลางสายฝน เมื่อเลยเวลานัดข้ารับใช้ของจูวอลก็แนะให้เขารีบกลับบ้านเพราะฝนมีทีท่าว่าจะตกหนักขึ้น จูวอลจึงเดินนำออกไป ส่วนอารังและอึนโอยังคงเดินฝ่าสายฝน อารังเดินนำหน้าด้วยความผิดหวังเสียใจ  ขณะที่อึนโอได้พร่ำบ่นว่าทำไมตนต้องมาเดินตากฝนตามก้นผีตัวเปียกด้วย เมื่อทั้งคู่ไปถึงจุดนัดพบ จูวอลก็กลับบ้านไปแล้ว อารังบ่นน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา เพราะพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ และไม่สมหวังมาโดยตลอด แทนที่จะปลอบใจอึนโอกลับเห็นด้วย เขายื่นหน้าไปหาอารังแล้วพูดดักคอว่าเธอคงจะไม่เดินทางไปยังโลกหลังความตาย ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องราวของตนเองใช่ไหม อารังตะคอกใส่หน้าอึนโอว่า "ข้าทำผิดอะไรนักหนา?" อึนโอสะดุ้งตกใจจนหงายหลัง จากนั้นอารังก็แหงนหน้ามองฟ้าแล้วตะโกนซ้ำๆ ว่า  "ตาเฒ่าใจร้าย" 

เสียงอารังดังก้องไปถึงสรวงสรรค์ ขณะนั้นท่านมหาเทพและมัจจุราชกำลังนั่งเล่นหมากล้อมบนศาลาที่ตั้งอยู่กลางสะพาน ท่านมหาเทพได้ยินเสียงอารังก็ชะงักไปชั่วครู่ มัจจุราชมองหน้ามหาเทพยิ้มๆ แล้วกล่าวว่า   "ดูเหมือนใครบางคนกำลังเรียกท่านอยู่" มหาเทพแย้งหน้าตาเฉย "นางพูดว่า 'ตาเฒ่า' ถ้าอย่างนั้นคงไม่ใช่ข้า"

อารังยังคงตะโกนต่อไปว่า  "ข้าทำผิดอะไรนักหนา ท่านทำกับข้าอย่างนี้ได้ยังไง" ท่านมหาเทพฟังแล้วทำหน้าครุ่นคิดสักครู่  จากนั้นก็ยิ้มแล้วเดินหมากต่อ หลังท่านมหาเทพวางหมากบนกระดาน ท้องฟ้าบนโลกก็คำราม และมีโบว์ผูกผมสีแดงโผล่ขึ้นมาทางด้านล่างของผาน้ำตก


หลังฝนหยุดตกก็มีคนมาแจ้งเหตุด่วนทั้งที่ว่าการอำเภอและที่บ้านของใต้เช พอทราบข่าวจากโดลแซว่ามีคนพบศพหญิงสาวถูกฝังอยู่ใต้ดิน อึนโอจึงรีบวิ่งไปดู อีบังรายงานว่าศพที่พบคือบุตรสาวอดีตนายอำเภอลี (อารัง) ที่ หายตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน แถมศพยังไม่เน่าเปื่อยและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาตลอด 3 ปี แม้ศพจะถูกเสื่อคลุมทับแต่อึนโอเห็นชายกระโปรงก็รู้ทันทีว่าเป็นร่างของอารัง เขาเดินไปเปิดเสื่อที่คลุมศพออกเพื่อดูหน้าอารังและมองหาปื่นปักผมของแม่ แต่กลับไม่พบว่ามีปิ่นติดมากับศพ เขาจึงคลุมศพดังเดิม

หนึ่งในสามเกลอบอกอึนโอว่า หญิงสาวคนดังกล่าวถูกฆาตกรรม อึนโอนึกถึงคำพูดของอารังที่เคยบอกว่าเธอมักเจ็บแปลบบริเวณหน้าอกด้านซ้ายคล้ายโดนมีดแทง เมื่ออึนโอหันหลังกลับก็พบว่าอารังกำลังยืนจ้องศพอยู่ พอเห็นเธอเดินตรงไปที่ศพตัวเอง อึนโอก็รีบเข้าไปขวางแล้วบอกว่า "อย่าดูเลย"  แต่สายตาอารังยังคงจับจ้องอยู่ที่ศพ เธอผลักอึนโอออกให้พ้นทางแล้วยืนมองศพอยู่ห่างๆ


เมื่อเห็นสภาพศพและใบหน้าอันขาวซีดของตัวเอง อารังก็ถึงกับช็อค อึนโอเฝ้ามองอารังด้วยความเป็นห่วง อารังร้องไห้เสียใจเมื่อรู้ว่าตนเองตายในสภาพอันน่าเวทนา จากนั้นก็วิ่งหนีไป อึนโอทำท่าเหมือนจะวิ่งตามอารัง แต่พอหันไปเห็นจูวอลเดินเข้ามา เขาก็หยุดสังเกตอาการของจูวอล

ด้านอารังยังคงวิ่ง (หนีความจริง) ไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เธอรู้สึกเสียใจและรับไม่ได้ที่ตนเองถูกทำร้ายจนต้องมาตายในสภาพนั้น มิหนำซ้ำ พอกลายเป็นผีเธอก็ต้องอยู่อย่างอดอยาก หิวโหย จนต้องเรียนรู้วิธีที่จะต่อสู้และแย่งชิงอาหารเพื่อความอยู่รอด ไหนจะต้องคอยวิ่งหนีไล่ล่าจากหัวหน้ายมทูตมูยอง... ในที่สุดอารังก็ทรุดตัวลงกับพื้นและร้องไห้ริมฝั่งแม่น้ำด้วยความน้อยใจในโชคชะตา


จูวอลยืนจ้องเสื่อที่คลุมทับร่างคู่หมั้นเอาไว้โดยไม่เปิดออกดู อีบังเสนอหน้ายืนยันว่าศพดังกล่าวคือคู่หมั้นของจูวอลจริงๆ ดังนั้นข่าวลือเมื่อสามปีก่อนจึงเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้น อีบังเห็นจูวอลยืนจ้องศพไม่วางตาจึงบอกให้จูวอลกลับไปก่อน เพราะตนจะดูแลเรื่องศพเอง ข้ารับใช้ของจูวอลบอกอีบังว่าพวกตนจะนำศพกลับไปด้วย โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของใต้เท้าเช  อึนโอเห็นข้าทาสของจูวอลตรงเข้ามาเก็บศพ จึงสั่งห้ามไม่ให้เคลื่อนย้ายศพเด็ดขาดเนื่องจากเป็นคดีฆาตกรรม อีกอย่างใต้เท้าเชไม่ญาติของผู้ตายโดยตรงจึงไม่สามารถนำศพออกไปได้ พูดจบอึนโอก็สั่งให้โดลแซนำศพไปไว้ที่อำเภอทันที

เมื่อรู้ว่าอึนโอคือนายอำเภอคนใหม่ จูวอลก็เอ่ยถามเรื่องนัดพบ อึนโออ้างว่าตนติดธุระนิดหน่อยเลยไปถึงช้ากว่ากำหนด ส่วนสาเหตุที่ต้องการพบจูวอลเป็นเพราะเขาต้องการสอบถามอะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องถามแล้ว จูวอลไม่ติดใจเรื่องนัดหมาย สิ่งที่เขาต้องการก็คือการนำศพคู่หมั้นกลับบ้านตามคำสั่งของบิดา  อึนโอยืนกรานหนักแน่นว่าเขาจำเป็นต้องนำศพของอารังไปไว้ที่อำเภอ เพื่อทำการชันสูตรและสืบสวน จะได้คืนความเป็นธรรมและกอบกู้ชื่อเสียงให้แก่ผู้ตาย (ที่ผ่านมาเธอถูกกล่าวหาว่าหนีตามผู้ชาย) 


จูวอลไม่สนใจว่าคู่หมั้นจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ เขากล่าวว่าสิ่งที่ตนต้องการก็คือการป้องกันไม่ให้ผู้คนเอาเรื่องนี้ไปซุบซิบนินทา เพราะตอนที่เกิดเรื่องอื้อฉาวเมื่อสามปีที่ก่อน ครอบครัวของตนก็ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ พ่อของตนจึงอยากจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็วที่สุด เพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่หยิบยกไปนินทาอีก

อึนโอเห็นจูวอลไม่รู้สึกรู้สมทั้งๆ ที่เพิ่งพบศพคู่หมั้น เลยนึกว่าจูวอลยังคงรู้สึกโกรธแค้น หลังเข้าใจว่าคู่หมั้นหนีตามผู้ชายมาตลอด 3 ปี แต่จูวอลกลับพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า เขาไม่ได้รู้สึกอะไร ความจริงแล้วเขาไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เขาเคยพบเธอแค่ครั้งเดียวจึงจำไม่ได้ว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง จูวอลยังบอกด้วยว่า "คนเราต้องมีใจให้กันก่อนจึงจะตำหนิหรือรู้สึกโกรธแค้นอีกฝ่ายได้" ก่อนขอตัวกลับ จูวอลกล่าวเตือนอึนโอว่า "ข้าไม่สนว่าเจ้าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง แต่พ่อของข้าคงไม่นิ่งเฉยแน่"


อารังร้องไห้เสียใจกลางทุ่งหญ้าจนเวลาผ่านเลยไปถึงช่วงเวลากลางคืน อีกด้านหนึ่งหญิงรับใช้ของลี โซริน (อารัง) ก็กำลังเผาเสื้อผ้าที่ติดมากับศพ พลางร่ำไห้ขอโทษที่ทำให้เธอได้แค่นี้ และขอให้เธอไปสู่สุขคติ อีนโอยืนมองเงียบๆ จากทางด้านหลังพลางนึกเป็นห่วงอารังที่ยังคงหายตัวไป 

โดลแซเดินมาบอกว่า ตนนำศพไปเก็บไว้ที่ห้อง "คุณหนู" (ห้องลี โซริน) เรียบร้อยแล้ว เขาถามอึนโอว่าจะให้ทำยังไงต่อ อึนโอตอบว่า "ข้าเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ไว้จะลองถามดู" โดลแซเข้าใจว่าอึนโอจะรอถามใต้เท้าเช (แต่ความจริงแล้วอึนโอหมายถึงอารัง)  "ข้าอยากถามว่าจะให้ข้าช่วยยังไง ให้ช่วยกอบกู้ชื่อเสียง ช่วยตามจับคนร้าย หรือฝังร่างเธอเสียจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว"  อีบังซึ่งแอบฟังมาโดยตลอดโผล่หน้าออกมาจากห้องแล้วแนะให้อึนโอเลือกข้อสาม (ฝังร่างอารัง) อึนโอได้ยินแล้วอารมณ์เสียเลยเดินหนีไป


อารังยืนมองร่างของตนที่นอนนิ่งอยู่กลางห้องโดยสวมชุดสีขาว (ชุดที่ใช้สวมให้ศพก่อนนำไปฝัง) จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วนั่งพิจารณาใบหน้าตนเอง  (เธอจำหน้าตัวเองไม่ได้) พลางกล่าวชมทั้งน้ำตาว่า "เจ้าสวยจัง... แต่ทำไมถึงต้องมาตายในที่สถานที่หนาวเย็นและสกปรกอย่างนี้ เจ้าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองได้ยังไง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใครทำให้เจ้าเป็นแบบนี้ ถึงข้าจะไม่รู้แต่เจ้าต้องรู้สิ... นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ  ทำไมถึงไม่รู้ล่ะยัยโง่ ทำไม"  อารังปาดน้ำตาแล้วกล่าวกับร่างตนเองว่า "รอข้านะ ข้าจะสืบหาความจริงให้"

อารังขึ้นไปนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนบนหลังคา แล้วอธิษฐานว่า "ท่านผู้เฒ่า ข้าสวดมนต์อ้อนวอนไม่เป็น แต่ท่านได้โปรดฟังข้า ข้ารู้ว่าท่านมองลงมาจากเบื้องบนและรู้เห็นทุกสิ่งที่นี่ ดังนั้น เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่ บอกข้ามาว่าท่านเห็นอะไร ได้โปรดบอกข้าที" อารังเกรงว่าจะไม่ได้ผลเลยประสานมืออ้อนวอน "ท่านมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์ ข้าผิดไปแล้วที่เคยก่อเรื่องและทำตัวไม่ดี และข้าก็ขอโทษที่เคยสาปแช่งท่านด้วย หากท่านยอมบอกข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่องอีก และจะยอมไป (สู่โลกหลังความตาย) แต่โดยดี ตกลงนะ... ตกลงมั๊ย... ตกลงรึเปล่าเนี่ย!" เมื่อไม่มีเสียงตอบจากสรวงสวรรค์ อารังก็ตะโกนเสียงดังลั่นว่า "ท่านจะไม่ยอมบอกข้าจริงๆ ใช่มั๊ย...ตาเฒ่า!"


ท่านมหาเทพซึ่งกำลังนั่งเล่นหมากล้อมกับมัจจุราชถึงกับสะดุ้งเฮือก มัจจุราชกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า หากอารังเดินทางมายังโลกหลังความตายเมื่อไหร่ก็จะเป็นของตน (หมายถึง ตกนรก) ทันที เมื่อถึงเวลานั้นตนจะลงโทษอารังสถานหนัก หลังวางหมากแล้วมัจจุราชยังกล่าวย้ำว่า "โทษของอารังจะหนักกว่าคนอื่นสองเท่า" มหาเทพทำหน้าครุ่นคิดก่อนเดินหมาก และกล่าวว่า  "นางบอกจะยอมมาแต่โดยดี ถ้าข้าทำตามคำขอของนาง" 

มัจจุราชโวยวายว่า เป็นถึงมหาเทพจะยอมให้ผีตัวนึงมาสร้างเงื่อนไขต่อรองได้อย่างไร มหาเทพแย้งว่า นี่คือคำอธิษฐานไม่ใช่การต่อรองสักหน่อย  แล้วที่ผ่านมาพระองค์ก็มักจะตอบรับคำอธิษฐานของผู้ที่สวดมนต์อ้อนวอนด้วยความมุ่งมั่น ศรัทธา และตั้งใจจริงเสมอ มัจจุราชบ่นอย่างอารมณ์เสียว่าขืนทำอย่างนี้มีแต่จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ตามมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นตนที่ต้องคอยตามสะสางจนถูกตราหน้าว่าเป็นเทพไม่ดี ในขณะที่มหาเทพก่อเรื่องแล้วกลับได้รับยกย่องว่าเป็นเทพที่เปี่ยมไปด้วยขันติและมีใจเมตตา ซึ่งไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

ท่านมหาเทพมองหน้ามัจจุราชแล้วถามว่า "ท่านคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ" มัจจุราชรู้ตัวว่าพลาดที่เผยความรู้สึกอิจฉาออกไปเลยพูดเฉไฉว่า สิ่งที่อารังทำไม่ใช่การสวดมนต์อ้อนวอนแต่เป็นการข่มขู่ จากนั้นก็โวยวายว่า "เป็นแค่ผีตนหนึ่ง กล้าดียังไงถึงได้พูดจาข่มขู่เทพเจ้า" ท่านมหาเทพขำกลิ้งและถามย้ำคำเดิมว่า "ท่านคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ" มัจจุราชจึงรีบแก้ตัวว่า "ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง แค่พูดเท่านั้น" มหาเทพมองหน้ามัจจุราชและยิ้มอย่างรู้ทัน


คืนนั้น อึนโอนั่งมองร่างที่ไร้ลมหายใจของลี โซริน (ชื่ออารังตอนที่ยังมีชีวิต) พลางนึกสงสัยว่าอารังหายไปไหน  ในเวลาเดียวกันนั้นพังวูลกำลังนั่งท่องบทสวดมนต์ แต่ฝึกท่องยังไงก็จำไม่ได้เสียที เธอจึงสวดมนต์อ้อนวอนขอตัวช่วย เพื่อจะได้เป็นคนทรงผู้หยั่งรู้ (หมอดูตาทิพย์) เสียที พังวูลรู้สึกได้ว่ามีวิญญาณมาป้วนเปี้ยนที่หน้าบ้าน จึงนึกว่าคำอธิษฐานสัมฤทธิ์ผล แต่แล้วเธอก็ต้องผิดหวังอย่างแรง เมื่อวิญญาณที่มาหาคือ "อารัง"  

อารังขอให้พังวูลช่วยเหลือเธอเป็นครั้งสุดท้าย พังวูลพาอารังไปสถานที่แห่งหนึ่งด้วยความรู้สึกหวาดกลัว เมื่อถึงหน้าประตูที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนาและมีแผ่นยันต์ปิดทับ พังวูลก็บอกว่านี่คือประตูสู่อีกโลกหนึ่ง และเป็นที่เดียวที่จะทำตามคำขออารังได้ พังวูลถามย้ำว่าหลังจากนี้อารังจะไม่ตามรังควานเธออีกแล้วใช่ไหม อารังรับปาก และจะเดินทะลุประตูเข้าไปแต่ก็เข้าไม่ได้  พังวูลวางมาดแม่หมอแล้วเดินไปฉีกแผ่นยันต์ออก แต่แล้วก็หลุดอาการป้ำๆ เป๋อๆ หลังพยายามที่จะผลักประตูเข้าไปทั้งๆ ที่ประตูลั่นดาลอยู่ อารังเลยต้องช่วยปลดออกให้


เมื่อเดินเข้าไปภายใน พังวูลก็ถามอารังอย่างหวาดกลัวว่าวิญญาณที่อารังต้องการพบเป็นใครยิ่งใหญ่แค่ไหน อารังตอบว่า อย่ารู้เลยจะดีกว่า พังวูลเตือนว่าถ้าพลาดคราวนี้ทั้งเธอและอารังมีหวังต้องไป 'ที่นั่น' ตัวเธอจะตายและกลายเป็นผี ส่วนอารังจะหายไป อารังกล่าวว่าไม่เห็นมีอะไรน่าห่วงในเมื่อตอนนี้เธอก็ตายอยู่แล้ว พังวูลจึงอธิบายว่าอารังจะดับสูญไปเหมือนไม่เคยมีตัวตนมาก่อน อารังถามว่าแล้วมันต่างกันตรงไหน พังวูลจึงบอกว่าต่างกันที่ความทรงจำ ถ้าไม่เคยเกิดหรือไม่เคยมีตัวตนมาก่อนจะมีความทรงจำให้ระลึกถึงได้อย่างไร

อึนโอเห็นอารังหายไปนานผิดปกติจึงคิดที่จะออกไปตามหา ก่อนไปเขาสั่งให้โดลแซ (ซึ่งเป็นโรคกลัวผีขึ้นสมอง) คอยเฝ้าศพเอาไว้แบบไม่ให้คลาดสายตา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องคอยปกป้องศพไว้ราวกับเป็นของรักของหวงของตนเอง  

คืนนั้น จูวอลจ้องมองพระจันทร์อย่างไม่วางตา ใต้เท้าเชเห็นแล้วจึงพูดประชดว่า" มัวแต่ยืนจ้องพระจันทร์อยู่อย่างนั้น แล้วกระต่ายจะร่วงลงมามั๊ย ขนาดศพยังเอากลับมาไม่ได้ แล้วจะทำงานสำเร็จได้ยังไง" ใต้เท้าเชกวาดตามองจูวอลตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วกล่าวว่าชุดที่เขาสวมใส่ทำให้ดูดีไม่น้อย แต่นั่นมันก็แค่เปลือกนอก แค่ดูดียังไม่พอเพราะในที่สุดความจริงก็จะถูกเปิดเผยว่า (จูวอล) เป็น "ของปลอม" ใต้เท้าเชขู่ว่า หากจูวอลทำให้ครอบครัวของตนเดือดร้อนแม้เพียงเล็กน้อย ตนจะไม่ปล่อยจูวอลเอาไว้แน่  และเนื่องจากจูวอลนำศพอารังกลับบ้านไม่สำเร็จ ใต้เท้าเชจึงต้องเป็นฝ่ายลงมือเอง เขากล่าวกับจูวอลว่า จะทำให้ดูเป็นตัวอย่างแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวว่าควรจัดการกับปัญหายังไง


พังวูลเดินสำรวจรอบๆ ห้อง ก่อนดึงยันต์ออกทั้งหมด จากนั้นก็ดึงเชือกเพื่อให้ผนังด้านนอกถูกเปิดออก  และเผยให้เห็นผนังลับด้านใน พังวูลเปิดตำราหน้าที่มีสัญลักษณ์รูปทรงกลมเหมือนที่ปรากฏอยู่บนผนังลับ (เป็นสัญลักษณ์เดียวกับที่อยู่บนคอของเหล่าวิญญาณ รวมทั้งอารัง) แล้วเริ่มทำตามตำราโดยบอกให้อารังมั่นใจว่า เธอถนัดนักเรื่องว่าตามตำรา แถมทฤษฎียังแน่นเป๊ะ (พังวูลนำผ้าผืนใหญ่ที่มีลวดลายแปลกตามาขึงทับผนังด้านนอกเอาไว้)

ครั้นพอจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พังวูลก็ถามอารังอีกครั้งว่า อารังต้องการให้ใครมาติดกับดักกันแน่ แทนที่จะตอบอารังกลับเดินเข้ามาหาแล้วเป่าลมใส่หน้าพังวูล ไม่นานตามใบหน้าและลำตัวของพังวูลก็เต็มไปด้วยตุ่มหนองน้ำเหลืองไหลเยิ้ม พังวูลร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ  อารังจึงปลอบใจว่าไม่นานก็หาย จากนั้นก็พูดกับตัวเองว่า "เพียงเท่านี่ก็น่าจะทำให้เขามาที่นี่ได้" อารังขอโทษที่มักก่อเรื่องเดือดร้อนให้พังวูล และกล่าวขอบคุณเธอที่คอยให้ความเหลือ ทั้งยังบอกว่าเธอกำลังจะเดินทางไปยังโลกหลังความตาย พังวูลดีใจมากที่อารังจะไม่อยู่สร้างความเดือดร้อนให้เธออีก


ไม่นานมูยองก็ปรากฏตัว เขาถามอารังว่าพร้อมที่จะกลับไปแล้วใช่ไหม อารังพยักหน้าแล้วบอกว่า ต่อไปนี้มูยองไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเธออีกแล้ว แต่มีข้อแม้ว่ามูยองต้องพาเธอไปพบท่านมหาเทพก่อน" มูยองแย้งว่าคนที่อารังต้องไปพบคือ ยอมนา (มัจจุราช) เมื่อพบแล้วก็จะถูกพิพากษาลงโทษเรื่องที่เธอละเมิดกฏของโลกแห่งความตาย อารังยืนกรานว่าเธอไปแน่ แต่เขาต้องพาเธอไปพบท่านมหาเทพก่อน มูยองปฏิเสธคำร้องขอและหยิบเชือกสีแดง (เชือกมัดวิญญาณ) ออกมา  
  
อารังส่งสัญญาณให้พังวูลผลักผนังด้านนอก (ที่มีผ้าผืนหนึ่งขึงทับอยู่) กลับเข้าที่เดิม เมื่อผ้าและตราสัญลักษณ์บนผนังซ้อนทับกัน ก็บังเกิดเป็นหลุมหรืออุโมงค์ลักษณะคล้ายหลุมดำที่พร้อมดูดวิญญาณเข้าไปในห้วงอเวจี (พังวูลเรียกว่าประตูสู่นรก) มูยองถูกดูดเข้าไปก่อนแต่เขากางแขนเกาะขอบด้านนอกเอาไว้เลยติดคาอยู่ที่ปากอุโมงค์ ส่วนอารังถูกดูดติดอยู่กับลำตัวมูยอง

ขณะนั้นท่านมหาเทพและมัจจุราชกำลังเล่นหมากล้อม แต่สถานการณ์ของท่านมหาเทพไม่สู้ดีนัก มัจจุราชหัวเราะแล้ววางหมาก พลางกล่าวว่า "หมดโอกาสแล้ว" ทำให้มหาเทพมีสีหน้าวิตกกังวล


แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอารังก็ยังเพียรขอให้มูยองพาเธอไปพบท่านมหาเทพ มูยองตกใจมากที่อารังใจกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดยอมเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ เขาเตือนว่าหากตนเองต้านไม่ไหวอารังเองก็จะพลอยถูกดูดเข้าไปด้วย อารังกล่าวว่าเธอไม่มีอะไรจะเสีย ผิดกับมูยองที่เป็นวิญญาณชั้นสูงและมีภารกิจที่ต้องทำมากมาย ดังนั้น มูยองจึงควรรับปากว่าจะพาเธอไปพบท่านมหาเทพ (แล้วเธอจะสั่งให้พังวูลปิดประตูสู่ขุมนรก) 

ท่านมหาเทพเดินหมากอีกครั้ง แต่สถานการณ์ยังคงเป็นรอง มัจจุราชเดินหมากต่อแล้วพูดคำเดิมว่า "หมดโอกาสแล้ว"

มูยองพยายามเอื้อมมือไปปลดเชือก (ปลายด้านหนึ่งของผ้าที่พังวูลขึงทับผนังด้านนอกเอาไว้) ด้วยความยากลำบาก  เมื่อปลดเชือกด้านหนึ่งได้แล้วเขาก็ถามอารังว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้  อารังตอบว่าถึงบอกไปมูยองก็ไม่มีวันเข้าใจ มูยองรวบรวมพลังแล้วพยายามเอื้อมแขนไปปลดเชือกอีกข้าง (ที่มือของเขามีสัญลักษณ์รูปทรงกลมเช่นเดียวกับที่ปรากฏอยู่บนผนังลับและที่ลำคอของอารัง) อารังเห็นมูยองพยายามปลดเชือกอีกด้าน จึงร้องขอให้มูยองพาเธอไปพบท่านมหาเทพ


มัจจุราชหัวเราะร่วนอย่างมีความสุขเพราะนานๆ ครั้งจึงจะเอาชนะท่านมหาเทพได้เสียที จากนั้นก็พูดว่า "ทุกอย่างจบลงแล้ว" มหาเทพทำหน้าครุ่นคิดก่อนวางหมากตัวสุดท้ายลงบนกระดาน มัจจุราชเห็นแล้วถึงกับตาค้างและหุบยิ้มทันที

พังวูลมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เธอรู้สึกตกใจมากที่มีส่วนช่วยอารังวางกับดักยมทูต จึงร้องไห้อ้อนวอนมูยองให้ยกโทษให้ ส่วนอารังพยายามขอร้องให้มูยองพาเธอไปพบท่านมหาเทพ แต่มูยองยืนกรานฎิเสธโดยบอกว่าตนไม่มีวันทำข้อตกลงกับผี พูดจบมูยองก็รวบรวมพลังก่อนพยายามเอื้อมมือไปปลดเชือกอีกครั้ง

มัจจุราชไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จึงขอกลับไปเล่นใหม่หนึ่งตา เพราะเห็นว่าอีกนิดเดียวตนก็จะเป็นฝ่ายชนะแล้ว มหาเทพได้ทีเลยถามด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ว่า หากถอยกลับไปเล่นใหม่แล้วมัจจุราชจะทำอะไรเพื่อตนบ้าง....


ระหว่างที่มูยองพยายามต้านทานแรงดึงดูดของห้วงอเวจี อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของมัจจุราช เขาจึงบอกอารังว่าจะทำตามที่เธอร้องขอ อารังรีบบอกให้พังวูลปลดเชือก เมื่อผ้าถูกปลดออก อารังและมูยองก็ร่วงลงมากองกับพื้น มูยองรีบลุกขึ้น (เขาทับตัวอารังอยู่) เขาทั้งโกรธและเป็นห่วงอารังจึงตำหนิว่าคราวหน้าอย่าทำเช่นนี้อีก อารังแย้ง "ท่านคิดหรือว่าเราจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันเช่นนี้อีก" 

ในที่สุดท่านมหาเทพก็ยอมถอยให้หนึ่งก้าว มัจจุราชเริ่มเดินหมากใหม่อีกครั้งอย่างมาดมั่นและตั้งใจ ส่วนมหาเทพดีใจจนออกนอกหน้าที่มัจจุราชอนุญาตให้มูยองพาอารังมาพบตน (แทนที่จะส่งตัวไปให้มัจจุราชตัดสินโทษ)



อึนโอเที่ยวออกตามหาอารังจนทั่วด้วยความเป็นห่วง โดยไม่รู้ว่าในตอนนั้นอารังกำลังเดินตามยมทูตมูยองไปยังโลกหลังความตาย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา