วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

อารัง ภูตสาวรักนิรันดร์ ตอนที่ 5



อึนโอโกรธมากเมื่อรู้ว่าอารังกลับมาเกิดเป็นคนอีกครั้งโดยไม่มีปิ่นของแม่ติดตัวมาด้วย ทำให้อารังน้อยใจและรู้สึกเจ็บปวดที่อึนโอเห็นปิ่นสำคัญกว่าตน หลังปรับความเข้าใจกันแล้วอึนโอก็กล่าวชวนอารังให้มาร่วมมือกันตามหาแม่ของเขาและสืบหาสาเหตุการตายของอารังไปพร้อมๆ กัน คืนนั้นอารังถูกจูวอลแทงที่หัวใจก่อนนำวิญญาณของเธอไปสังเวยให้หญิงลึกลับในคืนเดือนเพ็ญ เมื่อหญิงคนดังกล่าวเปิดเผยใบหน้ากลับกลายเป็นว่าเธอคือแม่ของอึนโอ ก่อนที่อารังจะถูกดูดวิญญาณ เธอเกิดฟื้นคืนชีพแล้วหนีรอดกลับมาได้อย่างหวุดหวิด  อารังบอกอึนโอว่าเธอถูกนำตัวไปไว้ในกระท่อมบนภูเขา อึนโอจึงชวนโดลแซขึ้นไปสำรวจ แต่แล้วเขาก็ถึงกับช็อคเมื่อพบปิ่นของแม่อยู่ในกระท่อม

เนื้อหา:



หลังพบว่าจูวอลเป็นคนช่วยอารังให้หนีข้ามกำแพงไป อึนโอก็นึกสงสัยว่าจูวอลจำคู่หมั้นตนเอง (ลี โซริน/อารัง) ไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งทำเป็นจำไม่ได้กันแน่  แต่สุดท้ายเขาก็ฟันธงกับตัวเองว่าจูวอลคงจำหน้าคู่หมั้นของตนไม่ได้จริงๆ

โดลแซวิ่งตามมาเจออึนโอ เลยบ่นเรื่องที่อึนโออุตส่าห์จัดงานศพให้ลี โซริน แต่กลับชิ่งหนีออกมาก่อน  เขาถามอึนโอว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ อึนโอตอบว่าตนกำลังจะกลับไปยังที่ว่าการอำเภอ เขาสั่งโดลแซให้กลับไปดูแลงานศพให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยตามไปพบตนทีหลัง โดลแซผิดหวังมากที่อึนโอไม่ยอมไปจากเมืองนี้ตามสัญญาและโทษว่าเป็นเพราะอารัง สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันอย่างโดลแซน้อยใจมากที่สุดและรู้สึกคล้ายโดนทรยศก็คือการที่อึนโอแอบทำอะไรลับหลัง (เช่น แอบคบอารัง) โดยไม่บอกให้ตนรู้

อีกด้านหนึ่งจูวอลก็กำลังเดินครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องอารัง รอยยิ้มอันสดใสของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในใจเขา แต่สำหรับจูวอลแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่า นั่นก็คือการตามหาหญิงสาวที่มีคุณสมบัติเหมาะสมให้ทันในคืนเดือนเพ็ญ (ในที่นี้หมายถึง เดือน 8 ครั้งที่สองของปีอธิกมาส) และตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่า ผู้หญิงที่ตนกำลังตามหาคือ "อารัง"


เมื่ออึนโอกลับไปที่ห้องพักก็พบอารังนั่งนิ่งเป็นกุลสตรี แถมยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  อึนโอโกรธมากที่อารังไม่ยอมรออยู่แต่ในห้องตามที่สั่ง ซ้ำยังปลอมตัวออกไปก่อเรื่องวุ่นวาย อารังตีหน้าซื่อและโกหกว่าเธอนั่งคอยอึนโออยู่ในห้องตลอดทั้งวัน อึนโอเหลืออดเลยพยายามค้นตัวอารังเพื่อหาหลักฐาน (ชุดเจ้าหน้าที่ที่เธอสวมออกไปก่อเรื่องข้างนอก) เมื่อหาไม่พบ อึนโอก็เปิดดูใต้กระโปรงอารังอย่างลืมตัว แต่แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าอารังไม่ได้สวมใส่อะไรเอาไว้ด้านในเลย (คาดว่าอารังคงรีบเปลี่ยนชุดเลยไม่มีเวลาใส่ซับใน - ปกติแล้วผู้หญิงโชซอนจะสวมกระโปรงหรือกางเกงซับในด้วย) 



อารังกรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนตบหน้าอึนโอฉาดใหญ่จนแก้มแดงช้ำ อึนโอถึงกับอึ้งและหน้าชาไปชั่วขณะ เมื่ออารังเห็นรอยนิ้วของตนบนแก้มอึนโอก็รู้สึกตกใจ เธอจึงกล่าวขอโทษ ขณะที่อึนโอเองก็ขอโทษที่เผลอเปิดกระโปรงจนมองเห็นขาอ่อนเธอด้วยเช่นกัน

อึนโอตัดบทด้วยการถามย้ำว่า อารังถูกส่งตัวกลับมาเพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของตัวเองจริงหรือ จากนั้นก็ขอดูปื่นปักผม (ของแม่) อารังตอบว่าเธอไม่ได้นำมันกลับมาด้วย เพราะถูกส่งตัวมาเกิดใหม่ในสภาพเปลือยเปล่า อึนโอไม่พอใจมากที่ปิ่นของแม่หายไปจึงขึ้นเสียงใส่อารัง อารังไม่เข้าใจว่าทำไมอึนโอจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทั้งๆ ที่ปิ่นอันนั้นเป็นของเธอ   จึงแย้งว่าปิ่นของผีจะสำคัญกว่าตัวเธอที่มาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้อย่างไร อึนโอตอบแบบไม่ถนอมน้ำใจว่า สำหรับเขาแล้ว ปิ่นอันนั้นมีค่ามากกว่า "ผี" อย่างอารัง

อารังเสียใจมากที่อึนโอเห็นเธอเป็นแค่ผีไร้ค่าตนหนึ่ง เธอมองอึนโออย่างปวดใจและพยายามอธิบายว่าตอนนี้เธอมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์แล้ว อึนโอจ้องหน้าอารังด้วยความโกรธแล้วพูดว่า "มีเปลือกนอกเป็นมนุษย์แล้วดีตรงไหน รู้รึเปล่าว่าความรู้สึกของมนุษย์เป็นยังไง" เขาหยิบยกเหตุการณ์ตอนที่อารังเป็นผีแล้วบอกว่าเธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นจูวอล (ตอนนั้นอารังยังเป็นผี) มากล่าวอ้าง โดยบอกว่าอารังก็แค่เลียนแบบคำพูดและแสดงท่าทางเลียนแบบมนุษย์เท่านั้น


อารังจ้องหน้าอึนโอด้วยความโกรธ ก่อนลุกขึ้นแล้วพูดว่า อึนโอนิสัยแย่มาก เมื่อก่อนเขาคงเคยทำตัวแย่ๆ อย่างนี้กับแม่ด้วยเช่นกัน อึนโอโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เขาลุกขึ้นเผชิญหน้ากับอารัง อารังไม่สะทกสะท้านและกล่าวว่า เขามีพรสวรรค์ในการใช้คำพูดทิ่มแทงคนอื่น และเขาก็คงใช้พรสวรรค์นี้กับแม่ของตนด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ถามแทงใจดำอึนโอว่า ความจริงแล้วแม่อึนโอไม่ได้หายตัวไป แต่เธอหนีไปเพราะคำพูดของอึนโอใช่ไหม

อึนโอหน้าชาและเดินออกจากห้องของตนด้วยความโกรธ ทิ้งให้อารังน้ำตาคลออยู่ในห้องด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ  อึนโอวิ่ง (หนีความจริง) ขึ้นไปบนเขาแล้วกระหน่ำชกต้นสนสุดแรง เขานึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ยังเป็นเด็ก ในวันที่ถูกพรากแม่เพื่อนำตัวไปอยู่กับผู้เป็นบิดา  เขาไม่อยากไปจากแม่จึงร้องไห้จ้า  และพยายามเรียกหาแม่ แต่แม่ของเขาก็ใจแข็งและได้แต่นั่งนิ่งๆ อยู่ในห้องโดยไม่ยอมหันหน้ามามองอึนโอ จากนั้นเขาก็นึกถึงวันสุดท้ายที่ได้พบแม่ วันนั้นเขาพูดให้แม่เสียใจ (หลังถูกแม่ขับไล่ให้ไปอยู่กับบิดา) ว่า คงจะดีกว่านี้หากตนไม่เคยมีแม่มาก่อน  

คืนนั้นทั้งอารังและอึนโอต่างยังคงครุ่นคิดและรู้สึกเสียใจกับคำพูดของอีกฝ่าย อารังนั่งกอดเข่าอยู่ในห้องอึนโอตลอดทั้งคืน ขณะที่อึนโอได้แต่นั่งเหม่ออยู่บนภูเขาจนถึงรุ่งเช้า ด้านจูวอลเองก็มีเรื่องให้ขบคิดและตัดสินใจเช่นเดียวกัน  เขานั่งมองภาพวาดของอารังตลอดทั้งคืน และหยิบผ้าสีดำในกล่องออกมาดูในตอนเช้า ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้วว่า "หน้าที่สำคัญกว่าความรัก" 


หลังขึ้นไปนั่งปลีกวิเวกบนภูเขาทั้งคืน อึนโอก็กลับมายังห้องพักพร้อมกับสภาพจิตใจที่ดีขึ้น เมื่อเปิดประตูห้องเขาก็พบว่าอารังยังคงนั่งอยู่ตรงที่เดิม เขาจึงกระแอมหนึ่งครั้งเพื่อส่งสัญญาณบอกอารังว่าตนกลับมาแล้ว และเมื่ออารังหันหน้ามามอง อึนโอก็รู้สึกตกใจที่เห็นขอบตาของอารังดำคล้ำราวกับหมีแพนด้า อารังกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า เธอรู้แล้วว่าผลลัพท์จะเป็นอย่างไรถ้าหากมนุษย์อดนอน  ตอนนี้สมองเธอเบลอจนคิดอะไรไม่ออก จากนั้นก็ถามอึนโอว่า ตอนนี้เธอแลดูแย่มากๆ ใช่ไหม อึนโอได้แต่ขำกลิ้งเมื่อเห็นใบหน้าอันทรุดโทรมของอารัง

อารังออกตัวว่าเมื่อวานนี้เธอพูดแรงไปหน่อยแต่อึนโอเองก็ทำไม่ถูกด้วยเช่นกัน ดังนั้น เธอกับเขาจึงควรขอโทษซึ่งกันและกันแล้วลืมมันเสีย อึนโอแย้งว่าตนไม่เคยและไม่คิดที่จะกล่าวคำขอโทษใคร อารังเลยเสนอให้ต่างฝ่ายต่างฝังเรื่องบาดหมางเอาไว้ในใจ

ขณะที่ทั้งสองคนต่างทำตัวไม่ถูกและนั่งหันหน้ากันไปคนละทาง อึนโอก็เปิดเผยความจริงว่าปิ่นที่อยู่กับอารังก่อนหน้านี้เป็นของแม่ตน และเขาก็เป็นคนมอบปิ่นอันนั้นให้แม่เองกับมือ อารังตกใจมาก เธอหันหน้ามาหาอึนโอแล้วถามด้วยความสงสัยว่า ทำไมปิ่นอันนั้นจึงมาอยู่ที่เธอ อึนโอหันหน้ามาหาอารังแล้วตอบว่าตนก็อยากรู้เช่นกัน เนื่องจากอารังจำเรื่องในอดีตไม่ได้ เธอเลยเดาว่าตนอาจเก็บปิ่นอันนั้นได้โดยบังเอิญ  อึนโอแย้งว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ แม่ของตนอาจมอบปิ่นให้อารัง หรือไม่อารังก็อาจเป็นฝ่ายแย่งปิ่นมาจากแม่ตน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คำตอบที่ทั้งเธอและเขาอยากรู้ล้วนซ่อนอยู่ในความทรงจำ (ที่หายไป) ของอารัง


อารังจึงเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้อึนโอได้พบแม่  แต่อารังถูกท่านมหาเทพส่งกลับมาสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตายของตัวเองและมีเวลาไม่มาก (ถ้าไม่พบคำตอบภายในเวลาที่กำหนด เธอจะตกนรกขุมที่ลึกที่สุดเป็นเวลานานชั่วกัปชั่วกัลป์) เธอจึงอยากให้อึนโอเป็นฝ่ายช่วยเธอมากกว่า อึนโออธิบายว่า แม่ของตนเดินทางมาที่เมืองมีรยางแล้วหายตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน ส่วนลี โซริน (อารัง) ก็หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อ 3 ปีก่อนเช่นกัน ที่สำคัญ ลี โซริน มีปิ่นปักผมของแม่ตนด้วย  แม้มีหลักฐานชี้ชัดว่าลี โซรินถูกฆ่าตาย แต่การหายตัวไปของแม่ตนยังคงเป็นปริศนาอยู่ อึนโอเชื่อว่าสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  ดังนั้น เขาจึงอยากให้อารังมาร่วมมือกันสืบหาข้อเท็จจริง

อึนโอถามว่าอารังมีเวลานานแค่ไหน  อารังแอบน้อยใจเพราะคิดว่าอึนโอกำลังจะหลอกใช้เธอ จึงบอกปัดว่าไม่รู้  ก่อนออกจากห้องอารังถามอึนโอว่า ที่เขาช่วยเธอก่อนหน้านี้ เป็นเพราะอยากรู้เรื่องแม่เท่านั้นใช่ไหม  ทั้งๆ ที่เริ่มมีใจแต่อึนโอกลับยอมรับว่า "ใช่" โดยไม่หันหน้ามามองหน้าอารัง  ทั้งยังกล่าวย้ำประโยคเดิมที่เคยบอกอารังว่า เขาอาจเป็นคนกล้าหาญ แต่ไม่ใช่คนดีมีน้ำใจอย่างที่อารังคิด เพราะฉะนั้น อย่าเที่ยวไปโม้กับคนอื่นเด็ดขาดว่าเธอดูคนออก อารังออกจากห้องอึนโอด้วยความโกรธ ทั้งยังระแวงว่าหากเธอช่วยอึนโอตามหาแม่จนพบ เขาอาจทรยศและทิ้งเธอไป 


ระหว่างนั้นสามเกลอกำลังสุมหัวคุยกันเรื่องที่นายอำเภออึนโอกำลังจะไปจากเมืองมีรยาง พวกเขาต่างพากันโล่งใจที่ไม่ต้องทำตัวเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย (ระหว่างอึนโอและใต้เท้าเช)  อีกต่อไป เมื่อเห็นอารังเดินผ่านไปหน้าตาเฉย อีบังจึงเรียกให้หยุดแล้วกล่าวตำหนิ "เจ้าเป็นใครถึงได้มาเดินเพ่นพ่านในสถานที่ของทางการ" อารังหยุดตอบด้วยความใสซื่อว่า เธอชื่ออารัง อีบังอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนอธิบายว่าตนไม่ได้อยากรู้ว่าอารังเป็นใครหรือชื่ออะไร แต่อยากรู้ว่าใครอนุญาตให้อารังเข้ามาเดินเล่นในนี้ อารังตอบสั้นๆ แต่ชัดเจนว่า "นายอำเภอ" จากนั้นก็เหวี่ยงใส่อีบังอย่างอารมณ์เสียว่าทำไมต้องขออนุญาตด้วย (ในเมื่อตอนเป็นลี โซริน เธอเองก็เคยพักอยู่ที่นี่) 

เมื่อรู้ว่าอึนโอเปลี่ยนใจไม่ยอมไปจากเมืองมีรยางตามที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ โดลแซก็โวยวายเสียงดังลั่น เพราะอยากกลับบ้านใจจะขาด เขาพยายามถามอึนโอว่าทำไมต้องอยู่เมืองนี้ต่อ แต่อึนโอก็ตอบแบบเลี่ยงๆ ว่ามีเรื่องต้องสะสาง โดลแซถามว่าเป็นเพราะ 'ผู้หญิงคนนั้น' (อารัง) ใช่ไหม และกล่าวอย่างน้อยใจว่า อึนโอเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าตนได้อย่างไร บรรดาสามเกลอซึ่งแอบฟังอยู่หลังเสาถึงกับอ่อนแรงเมื่อรู้ว่าอึนโอไม่ยอมไปจากเมืองนี้ และจะเป็นนายอำเภอของที่นี่ต่อไป


อึนโอประกาศอย่างเป็นทางการต่อหน้าสามเกลอว่า ตนจะทำหน้าที่นายอำเภอประจำเมืองมีรยางต่อไป และเขาได้พาบุตรสาวของอาจารย์มาพักที่นี่ด้วย โดลแซหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าอารังเป็น 'บุตรสาวอาจารย์ ' เขาถามว่าใช่อาจารย์ที่อึนโอเคยตามขึ้นไปฝึกวิชาบนภูเขาเป็นเวลาหนึ่งปีหรือเปล่า โดลแซหาว่าอาจารย์คนดังกล่าวเป็นนักต้มตุ๋นเพราะไม่มีใครรู้ชื่อแซ่และประวัติความเป็นมา แถมในช่วงที่อึนโอแอบหนีไปฝึกวิชา เขาเที่ยวออกตามหาอึนโอด้วยความยากลำบากจนเท้าบวมเป่งและได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ทุกวันนี้เขายังปวดเข่าทุกครั้งที่ฝนตกอยู่เลย เมื่อนึกถึงอาจารย์นักต้มตุ๋นคนดังกล่าวโดลแซจึงรู้สึกเดือดดาลจนแทบคลั่ง พออึนโอบอกว่าอารังเป็นลูกสาวของอาจารย์คนนั้น โดลแซจึงพาลไม่ชอบอารังมากยิ่งขึ้น

อีบังเข้าพบและรายงานใต้เชว่าอึนโอไม่ยอมไปจากเมืองนี้ ทำให้ใต้เท้าเชรู้สึกผิดหวังมาก เขาจึงสั่งให้คนสนิทไปสืบประวัติและเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับอึนโอ


พังวูล (คนทรง) เดินหอบเครื่องมือทำมาหากินไปตามถนนอย่างเลื่อนลอย พลางบ่นว่าเธอคงต้องหากิน (ดูดวง) ข้างถนนเพื่อประทังชีวิตไปพลางๆ จนกว่าจะมีพลังจิตแก่กล้าและมีวิญญาณเก่งๆ มาประทับ  ระหว่างทางเธอได้พบกับโดลแซซึ่งกำลังเดินบ่นเรื่องที่อึนโอเห็นผู้หญิงดีกว่าตน ทั้งๆ ที่ตนตามดูแลอึนโอมานานถึง 15 ปี พังวูลได้ยินดังนั้นจึงหมายมั่นปั้นมือว่าวันนี้จะหาเงินจากโดลแซให้ได้ 

ขณะที่โดลแซกำลังนั่งดื่มเหล้าระบายความกลัดกลุ้ม พังวูลก็เดินเข้าไปหาและแนะนำตัว เธอเปิดฉากทักโดลแซว่าเขากำลังถูกทอดทิ้งจากเพื่อนเก่าที่คบหากันมานาน โดลแซได้ยินแล้วถึงกับทึ่ง พังวูลไม่รอช้ารีบกล่าวต่อว่า สาเหตุเกิดจากผู้หญิง โดลแซไม่รู้ว่าพังวูลแอบได้ยินเรื่องที่เขาเดินบ่น จึงเอ่ยปากชมว่าพังวูลทายแม่นมากๆ


พังวูลกล่าวว่าเธอเองก็เคยมีประสบการณ์คล้ายๆ กัน ที่ผ่านมาเธอถูกผู้หญิงคนหนึ่ง (อารัง) ทรมานใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้หญิงคนนั้นรับปากว่าจะไปให้พ้นหน้า แต่แล้วก็ดันกลับมาอีก  ไปๆ มาๆ อยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายครา โดลแซคว้าข้อมือพังวูลแล้วบอกว่า ตนก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้  'เขา' บอกว่าจะไปแต่แล้วก็กลับมา  คราวนี้บอกว่าจะไปแต่สุดท้ายกลับอยู่ต่อ พังวูลสบโอกาสจึงบอกว่าจะดูดวงให้โดลแซ เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญพลังจิตของเธอจึงแก่กล้ามากเป็นพิเศษ เธอถามเวลาตกฟากของชายที่ทำให้โดลแซช้ำใจ (อึนโอ) พลางแบมือขอเงิน โดลแซหยิบเงินให้เหรียญหนึ่งแต่พังวูลส่ายหน้าว่ายังไม่พอ โดลแซจึงส่งเงินให้เพิ่มด้วยความจำใจ

หลังได้วันเดือนปีเกิดแล้ว พังวูลก็นั่งคำนวณสักครู่แล้วบอกโดลแซว่า ไม่ต้องห่วง คราวนี้ 'เขา' ไปแน่และจะไม่มีวันกลับมาอีก โดลแซดีใจมากและถามว่า เกิดอะไรขึ้น พังวูลตอบว่าเขาคนนั้นอายุไม่ยืน อีกไม่นานก็จะจากโลกนี้ไปโดยไม่มีวันหวนกลับมา พังวูลหัวเราะร่าเพราะคิดว่าคำทำนายของเธอจะทำให้โดลแซรู้สึกดีขึ้น  แต่ผลกลับออกมาตรงกันข้าม โดลแซลุกขึ้นเขย่าตัวพังวูลสุดแรงด้วยความโกรธ โทษฐานที่เธอบังอาจมาแช่งนายน้อยอึนโอของตน ทั้งยังโวยวายดังลั่นร้านเหล้าว่าเธอเป็นคนทรงเก๊ แต่พังวูลก็ออกอุบายหลบหนีไปได้ในที่สุด


คืนนั้น อารังนั่งครุ่นคิดถึงคำพูดของอึนโอที่บอกว่า เธอเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้เขาได้พบแม่ และขอให้เธอร่วมมือกับเขาในการสืบหาความจริง  อารังส่องกระจกของลี โซริน แล้วพูดกับลี โซริน (เงาตัวเอง) ว่า แม้เธอจะไม่ชอบที่นายอำเภออึนโอเป็นคนไร้น้ำใจ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของตัวเองอยู่ดี ไหนๆ เธอก็ตั้งใจว่าจะขอความช่วยเหลือจากนายอำเภออยู่แล้ว ดังนั้น การร่วมมือกับนายอำเภอจึงเป็นความคิดที่ไม่เลว เพราะในขณะที่เธอเป็นเบาะแสหรือความหวังเดียวของนายอำเภอ นายอำเภอก็เป็นความหวังเดียวของเธอเช่นกัน

อารังตั้งใจว่าจะเดินไปหาอึนโอที่ห้องพัก แต่กลับพบว่าอึนโอออกมายืนรอฟังคำตอบจากเธอบริเวณลานด้านนอก เมื่อรู้ว่าอารังยอมร่วมมือกับตนอึนโอก็รู้สึกดีใจ เขาแกล้งวางมาดเข้มแล้วบอกอารังให้มาทำพิธีสาบานว่าจะร่วมมือกัน จากนั้นก็หยิบลูกท้อออกมาอวด 2 ลูก อารังเห็นลูกท้อแล้วถึงกับสะดุ้ง และรีบร้องบอกให้อึนโอเอาลูกท้อออกไปไกลๆ  (อารังนึกว่าตนเองยังเป็นวิญญาณอยู่เลยกลัวลูกท้อ - คนเกาหลีเชื่อว่าลูก/ต้นท้อจะช่วยขับไล่วิญญาณ จึงไม่นำลูกท้อมาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษเหมือนผลไม้ชนิดอื่นๆ ตราบจนปัจจุบัน) อึนโอไม่สนใจอาการหวาดกลัวของอารัง เขากล่าวว่าเนื่องจากที่นี่ไม่ใช่สวนท้อ*  เขาและเธอจึงไม่อาจสาบานตนตามแบบดั้งเดิมได้ เลยจะสาบานด้วยการกินลูกท้อแทน

* สวนท้อที่อึนโอพูด หมายถึง "คำสาบานในสวนท้อ" ระหว่าง เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย ในวรรณกรรมเรื่องสามก๊ก โดยทั้งสามได้ร่วมสัตย์สาบานตนเป็นพี่น้องว่า "แม้นไม่ได้เกิดวัน เดือน ปีเดียวกัน แต่ขอตายวัน เดือน ปีเดียวกัน"   นอกจากนี้ ทุกคนยังมีเป้าหมายเดียวกันคือ อาสาออกปราบโจรโพกผ้าเหลือง




พูดจบอึนโอก็ยื่นลูกท้อให้อารัง อารังรีบยกแขนขึ้นมากำบังตามสัญชาตญาณ อึนโอเห็นดังนั้นเลยพูดว่า ตอนนี้อารังกลายเป็นคนแล้ว จึงควรชิมรสชาติหวานๆ ของลูกท้อดู อารังนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนอีกต่อไปแล้ว เธอจึงหลับตาแล้วค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบลูกท้ออย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อจับลูกท้อได้โดยไม่เกิดอันตราย อารังก็ยิ่งรู้สึกดีใจที่เธอกลายเป็นคนแล้วจริงๆ

ขณะที่อึนโอกำลังจะกัดลูกท้อ อารังก็โพล่งถามขึ้นว่า อึนโอเริ่มเป็นลูกแหง่ตั้งแต่เมื่อไหร่  อึนโอถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง อารังกล่าวต่อว่า เธอเห็นอึนโอเอาแต่ร้องหาแม่ จนแลดูเหมือนเด็กขี้แงที่ยังไม่หย่านม เลยสงสัยว่าอึนโอติดแม่ตั้งแต่เด็กหรือเพิ่งเป็นหลังจากที่แม่ของเขาหายตัวไป  อึนโอฟังแล้วช็อคจนพูดไม่ออก หลังยั่วโมโหอึนโอแล้วอารังก็รีบชิ่งกลับห้องพักทันที  

จูวอลไปพบหญิงลึกลับนางหนึ่งในกระท่อม หญิงคนดังกล่าวนั่งหันหลังให้แล้วถามว่า "พร้อมหรือยัง" เมื่อจูวอลตอบว่าตนพร้อมแล้ว  หญิงคนดังกล่าวก็พูดขึ้นว่า เธอตั้งความหวังกับเรื่องในคืนนี้เอาไว้ค่อนข้างมาก (แปลว่าห้ามพลาด) พูดจบประตูกระท่อมก็ค่อยๆ ปิดเอง เมื่อจูวอลก้มมองที่พื้นก็พบว่ามีมีดเล่มหนึ่งวางอยู่ เขาจึงเดินไปหยิบขึ้นมาดู 

ขณะนั้นอารังกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้อง ส่วนอึนโอยังคงครุ่นคิดถึงคำพูดของอารังที่ถามว่าเขาติดแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่  อึนโอนึกถึงช่วงเวลาที่ยังเป็นเด็ก ในตอนนั้นเขาวิ่งร้องไห้ไปฟ้องแม่หลังโดนเด็กรุ่นพี่รุมรังแกในชั้นเรียน โทษฐานที่เกิดมาเป็นลูกทาส แทนที่จะปลอบขวัญ แม่อึนโอกลับบอกว่าวันนั้นเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของ ตา ยาย และญาติพี่น้องฝ่ายแม่ทั้งหมด ทุกคนล้วนตายในวันเดียวกัน ทิ้งให้แม่ของเขาทนทุกข์อยู่ตามลำพัง แม่อึนโอพูดย้ำด้วยความแค้นว่าเป็นเพราะ "ชายผู้นั้น" สักวันเธอจะล้างแค้นและฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆ  พูดจบแม่อึนโอก็เป็นลมล้มทรุดลงไปกองกับพื้น


คืนนั้นจูวอลสวมชุดดำบุกเดี่ยวเข้าไปในห้องอารัง เขาหยุดมองเธอที่หน้าประตูครู่หนี่งก่อนเดินเข้าไปหา  แล้วชักมีดออกมา จากนั้นก็เงื้อมมือขึ้นจนสุดแขน อยู่ๆ อารังก็นอนละเมอเพ้อถึงลูกท้อ ทำให้จูวอลชะงักไปชั่วครู่ เขาพยายามต่อสู้กับความรู้สึกของตนเอง และตัดสินใจปักดาบลงที่ขั้วหัวใจของอารัง เมื่อเห็นว่าอารังขาดใจตายแล้ว เขาก็นำแผ่นยันต์มาแปะที่บริเวณลำคอของอารัง  

มหาเทพถึงกับดีด 'คยากึม' เพี้ยน (เครื่องสายโบราณคล้ายกู่เจิ้ง แต่มี 12 สาย)  เมื่อรู้ว่าเกิดเหตุร้ายกับอารัง จากนั้นก็พูดว่า "ในที่สุดก็เริ่มต้นขึ้นจนได้" มัจจุราชชักไม่แน่ใจว่าที่ตนและมหาเทพตัดสินใจทำอย่างนี้ถูกหรือผิดกันแน่  ขณะที่มหาเทพได้แต่นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวบนโลกมนุษย์โดยไม่ออกความเห็นใดๆ 

อึนโอรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับอารัง เลยเดินไปดูที่ห้องของเธอและพบว่าที่นอนว่างเปล่า เขานึกว่าอารังออกไปเดินเพ่นพ่านข้างนอกเหมือนตอนที่ยังเป็นผี จึงเดินออกจากห้องอารัง ทันใดนั้น เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เลยเดินกลับมาดูที่นอนอีกครั้งและพบว่ามีคราบเลือดจำนวนมากติดอยู่ เมื่อออกไปดูหน้าห้องก็พบรอยเลือดหยดเป็นทาง เขาจึงรีบวิ่งตามไปแต่ไม่ทัน เพราะจูวอลพาร่างอารังขึ้นม้าหนีไปแล้ว


จูวอลอุ้มร่างอารังไปวางบนเตียงเล็กๆ ในกระท่อมกลางป่า จากนั้นก็เอื้อมมือไปแตะใบหน้าอารัง ก่อนพยายามหักห้ามใจและรีบเดินออกจากกระท่อมไป เขานึกถึงสมัยที่ยังเป็นเด็ก ตอนนั้นหญิงลึกลับคนหนึ่งสวมแหวนให้เขา แล้วบอกว่าต่อแต่นี้เขามีชื่อใหม่ว่า เช จูวอล หน้าที่ของเขาก็คือ การนำร่างหญิงสาวที่มีจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์มามอบให้เธอในคืนเดือนเพ็ญของปีอธิกมาศ (เดือน 8 ที่สองของปีอธิกมาศ) จูวอลน้อยถามขึ้นว่า ตนจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้หญิงคนไหนบริสุทธิ์  หญิงผู้นั้นตอบว่า แหวนวงนี้จะบอกเขาเอง

ตัดกลับมายังช่วงเวลาปัจจุบัน หญิงลึกลับคนดังกล่าวปรากฏกายขึ้นกลางป่าโดยมีผ้าสีดำคลุมปิดใบหน้าไว้ และเมื่อเธอเปิดผ้าคลุมออกก็เผยให้เห็นว่า แท้จริงแล้วหญิงคนดังกล่าวเป็นแม่ของอึนโอ เธอเงยหน้ามองพระจันทร์แล้วกล่าวว่า ตนเฝ้ารอวันนี้มานาน จากนั้นก็ถามจูวอลซึ่งมีสีหน้าไม่สู้ดีนักว่า สะกดวิญญาณเอาไว้หรือยัง  เมื่อรู้ว่าจูวอลทำตามที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เธอก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วกล่าวว่าอยากเห็นหญิงสาวที่จูวอลนำมาให้เต็มทน


เธอถามย้ำว่าหญิงสาวที่จูวอลนำมามีจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ ราวกับเป็นวิญญาณของผู้ที่เพิ่งมาจุติอย่างที่จูวอลพูดจริงหรือ จูวอลนึกถึงรอยยิ้มของอารังในวันที่เธอปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่แล้วตอบว่าใช่ หญิงคนดังกล่าวอดรนทนไม่ไหวถึงขั้นเลียริมฝีปากด้วยความอยากเต็มแก่ เธอรีบเดินนำจูวอลไปที่กระท่อมแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าภายในกระท่อมว่างเปล่า (ระหว่างนั้น อารังกำลังวิ่งหนีเข้าไปในป่าตามลำพังด้วยความหวาดกลัว)

จูวอลถึงกับช็อคและแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อพบว่าอารังหายตัวไป  เขาจึงรีบออกตามหาเธอทันที อารังพยายามวิ่งกลับไปยังที่ว่าการอำเภอ แต่เธอเกิดหมดแรงเสียก่อน ขณะที่อารังกำลังหยุดพักหายใจ อึนโอก็ใช้มือปิดปากเธอไว้แล้วพยายามบอกให้เธอตั้งสติ เมื่อเห็นว่าเป็นอึนโอ อารังก็หยุดร้องและหมดแรงจนทรุดลงไปกองกับพื้น อึนโอพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น อารังตอบด้วยความยากลำบาก (เพราะกำลังเหนื่อยหอบและขวัญเสีย) ว่า เธอถูกชายคนหนึ่งใช้มีดแทง...เธอนึกว่าตัวเองตายแล้ว...ชายคนนั้นทิ้งเธอไว้บนเขา...เธอจึงวิ่งหนีมา พูดจบอารังก็หมดสติทันที อึนโออุ้มอารังเข้ามานอนในห้องของตน จากนั้นก็มองรอยเลือดที่หน้าอกของอารังแล้วนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่


จูวอลตามหาอารังไม่เจอ เลยกลับมาที่กระท่อมกลางป่า หญิงในร่างแม่อึนโอยืนรออยู่ด้วยความโกรธแค้น เมื่อเห็นจูวอลคว้าน้ำเหลวกลับมาเธอก็ใช้หลังแหวนตบหน้าจูวอล จูวอลยืนยันว่าอารังตายแล้ว เขาเป็นคนฆ่าอารังเองกับมือ จากนั้นก็ติดยันต์สะกดวิญญาณไม่ให้ออกจากร่าง แล้วอุ้มอารังมาที่นี่ เขามั่นใจว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด และไม่รู้ว่าอารังหายตัวไปได้ยังไง หญิงคนดังกล่าวตบหน้าจูวอลสุดแรงอีกครั้งแล้วต่อว่าจูวอลที่เอาแต่แก้ตัว เธอไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้  แต่อยากรู้ว่าตอนนี้วิญญาณที่เธอต้องการและรอมานาน 3 ปีอยู่ที่ไหน จูวอลกล่าวด้วยความหวาดกลัวว่าตนจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้อีก หญิงลึกลับคนดังกล่าวยิ่งฟังยิ่งโกรธ เพราะถ้าพลาดครั้งนี้แล้วเธอต้องอดทนรอต่อไปอีก 3 ปี (จนกว่าจะถึงปีอธิกมาสครั้งหน้า) 

เธอเคยบอกจูวอลตอนที่เพิ่งนำตัวเขามาชุบเลี้ยงว่า จากนี้ไปเขาจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ ขอเพียงแค่นำวิญญาณหญิงสาวบริสุทธิ์มาให้เธอทุกๆ คืนเดือนเพ็ญสุดท้ายของปีอธิกมาส (3 ปีครั้ง) เพราะเธอจูวอลที่เคยเป็นเด็กเร่ร่อนไร้ค่าและต้องคอยแย่งข้าววัวกิน ถึงกลายเป็นคุณชายและมีชีวิตที่สุขสบายอย่างทุกวันนี้ เธอถามจูวอลว่า อยากกลับไปใช้ชีวิตเร่ร่อนอดอยากอย่างเดิมไหม และบอกว่าจูวอลไม่มีประโยชน์สำหรับตนอีกต่อไป จูวอลทรุดตัวลงไปคุกเข่ากับพื้นด้วยความหวาดกลัว แต่หญิงในร่างแม่อึนโอไม่สนใจและเดินออกจากกระท่อมไป ทิ้งให้จูวอลนึกช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากสมัยที่ยังเป็นเด็ก ตอนนั้นเขาต้องแอบขโมยกินอาหารวัวประทังชีวิต จนถูกเด็กคนอื่นๆ ล้อ และถูกเจ้าของวัวไล่ตีบ่อยคร้้ง


อึนโอนั่งเฝ้าอารังจนถึงรุ่งเช้า เขาแอบเปิดดูรอยแผลของอารังด้วยความสงสัย แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ามีเพียงคราบเลือดติดอยู่ เขาจึงอุทานออกมาว่า "อีกแล้วหรือ"

พังวูลออกมาหาที่เหมาะๆ ในการนั่งดูดวงตั้งแต่เช้า พลางกล่าวกับตัวเองว่า เมื่อวานเธอเจอลูกค้าเถื่อนๆ อย่างโดลแซ เพราะสถานที่ (ฮวงจุ้ย) ไม่ดี  วันนี้เธอเลยต้องหาสถานที่ใหม่ที่ดีกว่าเมื่อวาน เมื่อได้ที่เหมาะๆ แล้ว พังวูลก็เปิดดูปิ่นโตที่อัดแน่นไปด้วยกิมจิ แล้วโกหกตัวเองว่าข้างในนั้นเป็นเนื้อ อีกด้านหนึ่งโดลแซก็กำลังนอนหลับใหลไม่ได้สติในร้านเหล้า เจ้าของร้านเดินเข้ามาปลุกเพราะเห็นว่าเช้าแล้วและโดลแซก็มานั่งดื่มเหล้าในร้านตั้งแต่เมื่อวาน โดลแซลุกขึ้นมาอย่างปวดเมื่อย แล้วกล่าวว่าถ้าเจอพังวูลอีกเมื่อไหร่จะเล่นงานเธอให้หนัก


ปรากฏว่าพังวูลนั่งดูดวงอยู่ตรงข้ามร้านเหล้า เมื่อทั้งคู่เจอกันอีกครั้ง โดลแซก็เดินเข้าไปหาด้วยท่าท่าเอาเรื่อง ทำให้พังวูลรู้สึกหวาดกลัว เธอจึงรีบเก็บข้าวของหนีทันที โดลแซเดินเข้ามาขวางแล้วถามย้ำว่า  นายน้อยของเขาจะจากไปโดยไม่มีวันหวนกลับมาจริงหรือ พังวูลวิ่งถอยหลัง ขณะที่โดลแซยังคงเดินหน้าเข้าไปหา ระหว่างนั้นเจ้าของร้านเหล้าบังเอิญสาดน้ำใส่โดลแซเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้โดลแซเปียกโชก เขาสะบัดหน้าไปมาและปลดผ้าผูกเสื้อออกจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าอก (นม) พังวูลยืนตะลึงคาค้างและเผลอกลืนน้ำลาย เธอจ้องมองเรือนร่างอันกำยำของโดลแซอย่างลืมตัว และเมื่อเดินแซเดินผ่านเข้ามาใกล้ พังวูลก็เบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย

สามเกลอนำชุดเก่าของเจ้าหน้าที่หญิงมาให้อึนโอ เพราะเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงเพียงชุดเดียวที่เขาหาได้ในตอนนี้ (เมื่อก่อนที่นี่เคยมีเจ้าหน้าที่หญิงหลายคน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว) อึนโอมองไปที่ภูเขาแล้วชี้ถามว่าตรงนั้นคืออะไร หนึ่งในสามเกลอตอบว่าภูเขารกร้าง อีบังเสริมว่าภูเขาลูกนั้นเต็มไปด้วยภูตผี เลยไม่มีใครกล้าขึ้นไปนานมากแล้ว แม้แต่จะขึ้นไปฝังศพก็ยังไม่มีใครกล้า


อีบังทำท่าว่าจะหยิบยกตำนานมาเล่า อึนโอเลยรีบคว้าเสื้อผ้าแล้วเดินหนีไป เขานำชุดที่ทั้งเก่าและยับไปวางให้อารังที่ยังคงนอนหลับใหลในห้อง แล้วยืนมองด้วยความเป็นห่วงก่อนเดินออกจากห้องไป จากนั้นก็วางรองเท้าเตรียมไว้ให้ เมื่อหันหลังกลับก็พบโดลแซยืนจ้องอย่างจับผิด ทำให้อึนโอรู้สึกตกใจ โดลแซจ้องมองรองเท้าที่วางอยู่หน้าห้อง ก่อนมองไปที่ห้องอึนโอ แล้วหันมามองหน้าอึนโอที่ยังคงตบหน้าอกด้วยความตกใจ  อึนโอเห็นโดลแซใส่ชุดเก่าเลยถามว่าโดลแซไปไหนมาทั้งคืน  โดลแซไม่ตอบเพราะนึกว่าอึนโอพาอารังมากุ๊กกิ๊กในห้อง เขาจึงรีบเข้าไปดูในห้องทันที อึนโอรีบวิ่งตามไปคว้าตัวแต่ก็ไม่ทัน โดลแซเห็นอารังนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในห้องก็รู้สึกตกใจ อึนโอเลยรีบเอามืออุดปากโดลแซไว้ แล้วลากออกจากห้องไป

โดลแซถามว่า ลูกสาวนักต้มตุ๋นทำไมถึงมานอนอยู่ในห้องอึนโอ อึนโอนอนกับเธอแล้วใช่ไหม  อึนโอขี้เกียจอธิบายเลยตอบหน้าตาเฉยว่า "ใช่" โดลแซโวยวายลั่นแล้วบอกว่าตนจะไปฟ้องท่านพ่ออึนโอ อึนโอหันกลับไปมองโดลแซด้วยสายตาคมกริบ โดลแซถึงกับผงะและถอยออกห่างออกไป อึนโอมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ขบคิดจึงไม่ใส่ใจคำพูดไร้สาระของโดลแซ เขาสั่งโดลแซให้ตามตนขึ้นไปบนภูเขา และสังเกตว่ามีรอยกิ่งไม้หักคล้ายเพิ่งมีคนผ่านไปมา

โดลแซอุทานว่าที่นี่พลังหยิน* แรงมาก และถามว่าอึนโอมาตามหาอะไรที่นี่ อึนโอไม่ตอบแต่สั่งให้โดลแซสำรวจดูว่ามีอะไรผิดปกติ ระหว่างนั้นโดลแซถามว่า อึนโอคิดที่จะทำยังไงกับอารังกันแน่ อึนโอตอบว่าเขาจะอยู่เคียงข้างอารังจนถึงที่สุด โดลแซแย้งว่า ท่านพ่ออึนโอคงไม่ยอมให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า หากเป็นเมียรองล่ะก็ไม่แน่ อึนหันไปจ้องหน้าโดลแซด้วยสายตาตำหนิ โดลแซจึงหยุดพูดแล้วเดินเลี่ยงไปสำรวจบริเวณอื่น ทันใดนั้นอึนโอก็หันไปเห็นกระท่อมร้าง

* หยิน เป็นพลังลบ มีสีดำ ลักษณะหนาวเย็น มืด ลึกลับ อ่อนนุ่ม มีความเกี่ยวข้องกับ น้ำ โลก พระจันทร์ ผู้หญิง และเวลากลางคืน



อึนโอเข้าไปสำรวจในกระท่อมและพบว่ามีคราบเลือดติดอยู่บนแท่น โดลแซใจคอไม่ดีและกลัวผีเลยชวนอึนโอออกจากกระท่อม  อึนโอรู้สึกแปลกใจที่ในกระท่อมไม่มีผีแม้แต่ตนเดียว แถมยังมีพลังหยินแรงมาก เขานึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารังกันแน่ แล้วทำไมถึงมีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นรอบตัวเขา ขณะที่อึนโอกำลังจะออกจากกระท่อม สายตาของเขาก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง ครั้นพอหยิบขึ้นมาดูเขาก็พบว่าสิ่งนั้นคือ "ปิ่นของแม่" ที่หายไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา