วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

Faith: สุภาพบุรุษยอดองครักษ์ ตอนที่ 2



ชเวยองพาอึนซูมาที่โรงเตี๊ยมเพื่อรักษาพระมเหสี โดยเข้าใจว่าเธอคือ  'เทพแห่งการรักษาโรค' จากสรวงสวรรค์ ขณะที่อึนซูคิดว่าชเวยองแอบพาเธอมาโรงถ่ายละครเพื่อรักษานักแสดงที่ได้รับบาดเจ็บ หลังทำการผ่าตัดแล้วอึนซูก็แอบหนีออกจากโรงเตี๊ยมทำให้ถูกกลุ่มนักฆ่าชาวหยวนจับตัวไป  ชเวยองออกตามหาอึนซูจนพบ และรีบพาเธอไปยังประตูสวรรค์เพื่อส่งเธอกลับตามสัญญา แต่โจ อิลชินมาห้ามเอาไว้โดยอ้างว่าเป็นรับสั่งของพระเจ้าคงมิน เมื่อไม่สามารถส่งอึนซูกลับบ้านตามสัญญา ชเวยองจึงยอมสละชีวิตต่อหน้าทุกคน

เนื้อหา:



ช่วงแรกของตอนที่ 2 พาเราย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ขณะที่ชเวยองกำลังเดินเข้าไปในประตูสวรรค์อย่างกล้าหาญพร้อมกับภารกิจอันใหญ่หลวง โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้าบ้าง...

เมื่อเห็นชเวยองเดินหายเข้าไปในประตูสวรรค์ตามลำพัง องค์รักษ์หนุ่มโอ แทมานก็รู้สึกเป็นห่วงจึงคิดที่จะวิ่งตามเข้าไป แต่เขาถูกแบ ชุงซอกรั้งตัวเอาไว้ ชุงซอกเตือนแทมานให้นึกถึงคำพูดของชเวยองที่เคยบอกทุกคนก่อนหน้านี้ว่าอย่าตามเข้าไป เขาสั่งให้ทหารองครักษ์ทุกคนอารักขาพระเจ้าคงมิน จากนั้นก็แนะนำพระเจ้าคงมินให้รีบเสด็จกลับโรงเตี๊ยมเพื่อความปลอดภัย แต่พระเจ้าคงมินปฏิเสธโดยบอกว่าจะรอชเวยองอยู่ที่นี่ โจ อิลชิน รีบทูลว่า "บริเวณนี้อาจมีอันตราย ดังนั้น...." เขาพูดยังไม่ทันจบ พระเจ้าคงมินก็แย้งว่า เราวางแผนกันไว้แต่แรกว่าจะมาสวดมนต์ที่นี่ 3 วัน 2 คืนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ


เมื่อพระเจ้าคงมินยืนกรานว่าจะรอ ชุงซอกจึงเตรียมสั่งงานลูกน้อง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็เริ่มมีแสงสว่างจ้าเปล่งออกมาจากประตูสวรรค์ ไม่นานชเวยองก็เดินออกมาพร้อมกับอึนซู (ประตูสวรรค์อยู่บริเวณฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์เช่นเดียวกับที่กรุงโซล) แทมานดีใจมากที่เห็นหัวหน้าตนกลับมาอย่างปลอดภัย  พระเจ้าคงมินรีบเดินไปหาชเวยอง ชเวยองดึงตัวอึนซูเข้ามาใกล้แล้วทูลพระเจ้าคงมินว่า "เธอผู้นี้คือ 'เทพแห่งการรักษาโรค' จากสรวงสวรรค์" พระเจ้าคงมินกวาดตามองอึนซูแล้วทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ เพราะสภาพของเธอไม่เหมือน 'เทพแห่งการรักษาโรค' ที่เพิ่งเสด็จลงมาจากสวรรค์เลยสักนิด

อึนซูพยายามวิ่งหนีกลับไปที่ประตูสวรรค์ แต่ชเวยองลากตัวกลับมาได้ทันและนำเธอไปยังโรงเตี๊ยมทันที  เมื่อเห็นอึนซูหมอหลวงชางบินก็ถึงกับอึ้ง เขาถามชเวยองว่า  อึนซู คือ เทพแห่งการรักษาโรคที่เพิ่งมาจากสวรรค์จริงหรือ ชเวยองเห็นหมอหลวงชางบินมีสีหน้าท่าทางเหมือนไม่เชื่อเลยยืนยันว่า เขาเห็นกับตาตนเองว่าอึนซูทำให้คนที่บาดเจ็บสาหัสแบบเดียวกับพระมเหสีฟื้นคืนชีพได้ จากนั้นก็วางเครื่องมือผ่าตัดและยา (ที่หอบมาจากกรุงโซลในยุคปัจจุบัน) ลงบนโต๊ะแล้วบอกว่า นี่คือสิ่งที่เธอใช้รักษาคนเจ็บ

หมอหลวงชางบินรายงานสถานการณ์ว่า พระมเหสีถูกดาบแทงลำคออาการสาหัสมานาน 2 ชั่วโมงแล้ว ก่อนหน้านี้เขาได้ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อลดการสูญเสียเลือด แต่พระมเหสีก็ยังคงเสียเลือดมากอยู่ดี แม้จะรู้ว่าวิธีรักษาที่ดีที่สุดคือการปิดบาดแผลและเส้นเลือดที่ฉีกขาด แต่เขาไม่กล้าลงมือทำเพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อพลังชี่  พูดจบเขาก็ถามอึนซูว่า "ท่านทำได้ไหม"


อึนซูกำลังมึนงงกับชีวิตและเหตุการณ์ตรงหน้าเลยไม่ได้ใส่ใจฟังและเอาแต่มองไปรอบๆ ห้อง ขณะที่หมอหลวงชางบินกำลังระบุจุดที่เส้นเลือดฉีกขาด อึนซูก็โพล่งออกมาว่า เธอรู้แล้วว่าที่นี่คือโรงถ่ายละคร ทุกคนกำลังถ่ายทำละครกันอยู่ ระหว่างถ่ายทำมีนักแสดงประสบอุบัติเหตุเลยแอบพาหมอมารักษาที่นี่เพราะไม่อยากให้ตำรวจรู้ใช่ไหม...  หมอหลวงชางบินและชเวยองฟังแล้วได้แต่ยืนงงเพราะไม่รู้ว่าอึนซูพูดเรื่องอะไร

อึนซูปฏิเสธการรักษาและแนะนำให้โทรแจ้ง 911 เพราะกลัวว่าหากคนเจ็บเป็นอะไรไป เธอจะมีความผิดถึงขั้นโดนถอนใบประกอบโรคศิลป์ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นอนาคตและหน้าที่การงานของเธอก็จะดับวูบลงทันที แต่ถ้าโทรแจ้ง  911 ก็จะช่วยทั้งชีวิตเธอและชีวิตคนไข้  เมื่อเห็นทุกคนยังคงยืนนิ่ง เธอจึงบอกว่าจะช่วยโทรฯ  ให้ หมอหลวงชางบินเห็นอึนซูเดินไปหยิบกระเป๋าโดยไม่สนใจคนเจ็บที่อยู่ตรงหน้าจึงถามอย่างไม่พอใจว่า อึนซูคือเทพแห่งการรักษาโรคจริงหรือ   อึนซูตัดบทด้วยการย้ำว่าเธอจะโทรแจ้ง  911 ให้ ทั้งยังสัญญาว่าจะช่วยอธิบายให้ทางโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจ จากนั้นก็เดินไปที่ประตูแต่ถูกลูกน้องชเวยองขวางเอาไว้


ชเวยองทำหน้าอ่อนใจที่อึนซูไม่ยอมเชื่อฟัง เขาเดินไปหาอึนซูแล้วยื่นหน้าเข้าไปหา จากนั้นก็ย้ำถึงสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า หากเธอช่วยชีวิตพระมเหสีแล้วเขาจะส่งเธอกลับอย่างปลอดภัย อึนซูไม่มีทางเลือกจึงต้องเดินกลับไปดูอาการพระมเหสี เธอถามหมอหลวงชางบินว่า พระมเหสีหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว  เมื่อรู้ว่าพระมเหสีหมดสตินับตั้งแต่ถูกดาบแทง เธอจึงกล่าวว่าถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบ ระหว่างที่อึนซุเตรียมลงมือรักษา ทุกคนที่อยู่ภายในห้องต่างพากันสะดุ้งตกใจและเอามือทาบหน้าอก เมื่อเห็นแว่นขยายผ่าตัดที่อึนซูสวมมีแสงสว่างจ้าออกมา


อึนซูร้องหาคีมเปิดบาดแผล ชเวยองนึกถึงตอนที่อึนซูผ่าตัดช่วยชีวิตชายที่ถูกแทงก่อนหน้านี้ เลยหยิบอุปกรณ์ถ่างปากแผลมาส่งให้   จากนั้นก็ส่งกรรไกรตามที่อึนซูร้อขอ หมอหลวงชางบินทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอึนซู เขาเห็นวิธีที่เธอรักษาแล้วถึงกับทึ่งจึงมีสีหน้าที่ผ่อนคลายลง ชเวยองมองดูเธอผ่าตัดให้พระมเหสีด้วยแววตาชื่นชมแต่เขาก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ และเนื่องจากการผ่าตัดต้องใช้เวลาชเวยองจึงถือโอกาสงีบหลับ เขารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งขณะที่อึนซูกำลังเย็บปิดบาดแผล

เมื่อเขาลุกขึ้นหญิงรับใช้พระมเหสีก็รีบเดินออกจากห้อง ชเวยองมองตามโดยไม่ติดใจสงสัย ต็อกมานซึ่งประจำการอยู่บริเวณห้องโถงด้านนอก เห็นโล่พลาสติก (ที่ชเวยองนำติดตัวมาจากกรุงโซล) วางอยู่เลยเดินเข้าไปส่องดูใกล้ๆ  เพราะไม่เคยเห็นวัสดุโปร่งแสงที่แข็งแรงแบบนี้มาก่อน โทลแบซึ่งกำลังนั่งงีบจึงดุว่า "อย่าไปยุ่งกับของที่มาจากสวรรค์" เมื่อเห็นสาวใช้พระมเหสีเดินผ่านมาโทลแบก็รีบลุกขึ้นแล้ววางมาดสุดเท่ห์ทันที หญิงคนดังกล่าวทำทีเป็นถือถังน้ำออกมาทางด้านนอก แต่ความจริงแล้วเธอคือไส้ศึกที่ออกมาพบกับชายหน้าบากชาวหยวนเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวภายในโรงเตี๊ยม และชายผู้นั้นก็สั่งให้เธอกำจัดพระมเหสี

หลังผ่าตัดเสร็จแล้ว อึนซูก็สั่งให้หมอชางบินคอยสังเกตอาการพระมเหสี เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่น่าไว้วางใจ จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องลงมาที่ชั้นล่าง เมื่อเหล่าทหารองครักษ์เห็นเข้าก็พากันลุกขึ้นทำความเคารพ (ในฐานะที่เธอเป็น 'เทพแห่งการรักษาโรค' จากสรวงสวรรค์) อึนซูก้มศีรษะตอบเหล่าองครักษ์แบบงงๆ แล้วรีบวิ่งไปที่ประตู  แต่ชเวยองก็ตามมาลากตัวเธอกลับไป อึนซูขอร้องให้เขาปล่อยเธอกลับบ้านเพราะเธอช่วยรักษาคนเจ็บให้แล้ว แต่ชเวยองบอกให้รอจนกว่าพระมเหสีจะฟื้น


พระเจ้าคงมินได้ยินเสียงอึนซูโวยวายดังลั่นเลยเดินออกมาดู เมื่ออึนซูหันมาเห็นพระเจ้าคงมินก็ถามว่า "คุณเป็นญาติคนเจ็บใช่ไหมคะ" จากนั้นก็อธิบายวิธีดูแลผู้ป่วยหลังรู้สึกตัวโดยใช้ศัพท์เฉพาะทางการแพทย์หลายคำทำให้พระเจ้าคงมินถึงกับอึ้ง เมื่ออึนซูพูดจบพระเจ้าคงมินก็ถามสั้นๆ ว่า "นางจะฟื้นเมื่อไหร่" อึนซูตอบ เธอเองก็ไม่แน่ใจ และโวยวายว่าคนเจ็บไม่ได้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของเธอ เพราะเธอถูกบังคับให้ลงมือผ่าตัด ดังนั้นได้โปรดอนุญาตให้เธอกลับบ้าน

พระเจ้าคงมินตัดบทด้วยการพูดว่า "เทพแห่งการรักษาโรค... ชะตาของแผ่นดินโครยอขึ้นอยู่กับชีวิตของหญิงผู้นั้น ในเมื่อสวรรค์ส่งท่านมา ข้าจะถือเป็นลางบอกเหตุได้หรือไม่ว่า แผ่นดินของข้าจะไม่ล่มสลายในเร็ววัน เพราะได้รับการปกป้องจากสวรรค์"  คราวนี้ถึงตาอึนซูอึ้งบ้าง พระเจ้าคงมินถามย้ำด้วยความอยากรู้ว่า  "ข้าจะเชื่อเช่นนั้นได้หรือไม่" อึนซูรู้สึกเหมือนจะบ้าตาย เธอพยายามเดินหนีแต่ถูกชเวยองขวางเอาไว้ เลยได้แต่เอามือเขย่าหัวแล้วร้องบอกตัวเองให้ตื่นจากฝันร้าย

ในเวลาเดียวกันนั้น จูซอกและเหล่าองครักษ์อีกกลุ่มยังคงเฝ้าอยู่บริเวณด้านหน้าประตูสวรรค์ เขาสังเกตุว่าประตูเริ่มมีพลังอ่อนลง จึงสั่งให้ลูกน้องรีบไปรายงานชเวยองเพราะกลัวว่าประตูสวรรค์จะปิดในไม่ช้า


โจ อิลชิน พยายามหว่านล้อมพระเจ้าคงมินไม่ให้ส่ง 'เทพแห่งการรักษาโรค' กลับสวรรค์ โดยทูลว่าพระองค์เองก็ทรงเห็นกับตาแล้วว่าหัวหน้าองครักษ์เข้าไปในประตูสวรรค์ แล้วพาเทพแห่งการรักษาโรคจากสรวงสวรรค์ออกมา เธอผู้นั้นมีแสงสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์เปล่งออกมาจากหน้าผาก (แสงไฟแอลอีดีจากแว่นขยายผ่าตัด) และแสงนั่นเองที่ช่วยชีวิตพระมเหสีเอาไว้ ในเมื่อเธอคือผู้ที่สวรรค์ส่งมาให้ แล้วจะพระองค์จะส่งเธอคืนกลับไปทำไม


* โจ อิลชิน มีตัวตนจริงในยุคโครยอและถูกจารึกว่าเป็นกบฏ ส่วนชเวยองก็เป็นขุนพลและวีรบุรุษที่มีตัวตนจริงเช่นกัน เขาเกิดในตระกูลขุนนางที่มั่งคั่งแต่ชอบใช้ชีวิตแบบพอเพียงและสมถะ เขามีผลงานในการกอบกู้ชาติบ้านเมืองมากมาย แต่กลับถูกใส่ร้ายและโดนประหารชีวิตในที่สุด ก่อนถูกประหารเขากล่าวว่า จะไม่มีหญ้าขึ้นบนหลุมฝังศพของตน เพราะตนต้องมาจบชีวิตอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งในเวลาต่อมาก็ไม่มีหญ้าขึ้นบนหลุมฝังศพของเขาจริงๆ เนื่องจากดินบริเวณนั้นเป็นดินแดง  


ชเวยองแย้งว่า เขาได้ให้คำมั่นเอาไว้ว่าจะส่งเธอกลับหลังจากเธอช่วยชีวิตพระมเหสีแล้ว โจ อิลชินไม่สนใจคำพูดของชเวยอง เขาพยายามทูลให้พระองค์นึกถึงบ้านเมือง เพราะทุกวันนี้ราชสำนักโครยอตกอยู่ภายใต้การครอบงำของฝ่ายตรงข้าม เมื่อสบโอกาสเหล่าขุนนางในราชสำนักก็จะยกโครยอให้พวกหยวนทันที ดีไม่ดีพวกนั้นคงวางแผนชั่วก่อนที่พระองค์จะเสด็จไปถึงโครยอแล้วด้วยซ้ำ แต่ถ้าพระองค์นำ "ผู้ที่สวรรค์ส่งมา" กลับไปโครยอด้วย ก็จะไม่มีใครกล้าลบหลู่พระองค์ เพราะพระองค์คือพระราชาที่ได้รับการปกป้องจากสวรรค์


พระเจ้าคงมินฟังแล้วเริ่มคล้อยตาม สำหรับพระองค์แล้วการปกป้องโครยอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกหยวน คือสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนามากที่สุด แต่สำหรับชายชาตินักรบอย่างชเวยอง สัจจะย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใด  เขากล่าวว่า พระองค์ไปอยู่ต้าหยวนเสียนานจึงอาจไม่รู้ว่าคำสัญญาของนักรบแห่งโครยอมีชีวิตเป็นเดิมพัน และตนก็ทูลพระองค์ก่อนหน้านี้แล้วว่า ได้ให้คำมั่นสัญญากับผู้ที่มาจากสวรรค์เอาไว้อย่างไร พระเจ้าคงมินอ้างว่าอึนซูจะช่วยให้โครยออยู่รอดปลอดภัย แต่ชเวยองแย้งว่าเพื่อนำอึนซูไปเป็นหลักประกัน พระองค์ถึงกับจะยอมเสียพระเกียรติเลยหรือ พระองค์จึงย้อนถามว่า ประเทศชาติสำคัญน้อยกว่าคำสัญญาของคนๆ เดียวหรืออย่างไร

ชเวยอง กล่าวว่า "ในฐานะข้ารับใช้พระราชา เขา (โจ อิลชิน) อาจขอให้พระองค์ยอมเสียสัตย์เพื่อรักษาแผ่นดิน...  ในฐานะนักรบแห่งโครยอ กระหม่อมต้องเข่นฆ่าศัตรูเพื่อปกป้องชาติ และอย่างน้อยในฐานะพระราชา พระองค์จะไม่ทรงทำบางอย่างที่แตกต่างไปจากเราเลยหรือ" (ชเวยอง ไม่ต้องการให้พระองค์เป็นพระราชาที่เสียสัจจะและเข่นฆ่าผู้คน และถ้าพระองค์สั่งให้เขาละทิ้งคำมั่นที่เคยให้ไว้กับอึนซู ก็เท่ากับพระองค์ฆ่าเขา เพราะเขาจะสละชีวิตหากผิดคำสัญญา)  

ตัดไปที่เมืองแค-กยอง (เมืองหลวงของโครยอ)


สมุนคนหนึ่งของ คีชอล*  (ขุนนางในราชสำนักเรียกเขาว่า ใต้เท้าต็อกซอง) กำลังปรุงน้ำยาชะลอความชราโดยบดแมลงสาบเป็นๆ (ที่ผ่านการขุนด้วยโสม น้ำแร่บนภูเขา และจั๊กจั่น เพื่อให้ได้ตัวอ่อนแมลงสาบที่มีสรรพคุณทางยา) แล้วนำมาผสมรวมกับธัญพืช สมุนไพร 22 ชนิด  โดยมีชอน อึมจา นั่งเป่าขลุ่ยอยู่ใกล้ๆ เมื่อผสมตัวยาเข้าด้วยกันแล้ว ชายคนดังกล่าวก็นำไปทาและนวดให้คีชอล โดยบอกว่าน้ำยาดังกล่าวจะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มแลดูอ่อนเยาว์ แต่ถ้านำไปผสมเหล้าดื่มก็จะเป็นยาอายุวัฒนะที่ช่วยบำรุงร่างกาย และฟื้นฟูอวัยวะต่างๆ ให้กลับมาทำงานอย่างฟิตปั๋งหมือนของคนหนุ่มสาว

ระหว่างนั้น ชอน อึมจา เห็นแมลงสาบตัวหนึ่งคลานอยู่บนพื้น เขาจึงเป่าขลุ่ย (เพลงสังหาร) ใส่แมลงสาบ  ไม่นานแมลงสาบตัวนั้นก็ชักดิ้นและหงายท้องตาย... วอน ลูกสมุนอีกคนของคีชอลเข้ามารายงานสถานการณ์ในราชสำนักโครยอ โดยบอกว่า ขุนนางฝ่ายใต้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว จะให้จัดการอย่างไร คีชอลถามว่าแกนนำมีใครบ้าง เมื่อวอนเอ่ยรายชื่อขุนนางที่ว่า คีชอลจึงบอกสั้นๆ ว่า "ทุกจุดเริ่มต้นย่อมมีจุดจบเสมอ" วอนฟังแล้วจึงรับปากว่าจะรีบจัดการให้จบเรื่องทันที

หมายเหตุ: คีชอล มีตัวตนจริงในยุคโครยอ เขาตั้งตัวเป็นใหญ่และครอบงำราชสำนักโครยอ เพราะถือว่าตนเป็นพระเชษฐาของพระจักรพรรดินีฉี ซึ่งเป็นพระจักรพรรดินีของพระจักรพรรดิหยวนฮุ่ยจง จักรพรรดิองค์ที่ 12 และองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หยวน 

เหล่าแกนนำคนสำคัญของขุนนางฝ่ายใต้ (ที่วอนเอ่ยชื่อก่อนหน้านี้) มารวมตัวกันหน้ารูปปั้นพระโพธิสัตว์โดยทำทีเป็นเข้ามากราบไหว้ พวกเขาต่างได้รับจดหมายลับที่เรียกให้ไปร่วมประชุม เนื้อความในจดหมายยังระบุด้วยว่าพระมเหสี (ซึ่งเป็นองค์หญิงมองโกลแห่งราชวงศ์หยวน) ถูกลอบปลงพระชนม์ขณะกำลังเดินทางมายังโครยอ พวกเขาจึงพากันหวาดกลัวว่าพวกหยวนจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างในการเข้ายึดโครยอ จากนั้นโครยอก็จะกลายเป็นดินแดนหนึ่งของราชวงศ์หยวน โดยมีใต้เท้าต็อกซองเป็นผู้ครองบัลลังก์... แม้รู้ว่าอาจเสี่่ยงต่ออันตราย แต่เหล่าขุนนางอยากรู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจดหมายลับและข่าวลือดังกล่าวเป็นใคร จึงคิดที่จะไปร่วมประชุม

ตัดกลับไปยังโรงเตี๊ยมในเมืองชายแดนของต้าหยวน


อึนซูพยายามชูโทรศัพท์และแกว่งไปมาเพื่อหาสัญญาณ เมื่อเห็นหญิงรับใช้พระมเหสีนำชาเข้ามาเสิร์ฟ เธอจึงขอให้หญิงคนดังกล่าวช่วยพาเธอหลบหนีออกจากโรงเตี๊ยม พลางควักเงินออกมาให้ดูแล้วบอกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่แค่นี้ เธอชวนหญิงคนดังกล่าวไปที่ตู้เอทีเอ็มโดยบอกว่าจะกดเงินมาให้เพิ่ม และถามว่าอยากได้เท่าไหร่ แต่หญิงคนดังกล่าวยังคงไม่สนใจ เมื่อโดนอึนซูรบเร้ามากๆ เข้า หญิงคนดังกล่าวก็เดินไปไขกุญแจและเปิดประตูหลังห้องให้โดยไม่พูดอะไร 

หลังอึนซูออกไปแล้ว หญิงรับใช้พระมเหสีก็ซ่อนกุญแจเอาไว้ในกระโปรงแล้วเดินออกไปทางหน้าห้อง  เธอเดินผ่านชเวยองและแทมานไปแบบเนียนๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชเวยองทำท่าเหมือนจะเปิดประตูเข้าไปดูอึนซู แต่แทมานบอกว่าอึนซูยอมรออยู่ข้างในแต่โดยดี (ไม่อาละวาด) ชเวยองเลยเปลี่ยนใจไม่เข้าไป และสั่งให้แทมานคอยเฝ้าประตูเอาไว้ แทมานถามว่าจะให้เฝ้าถึงเมื่อไหร่ ชเวยอนตอบว่าอีกไม่นานคงมีรับสั่งลงมา ระหว่างนี้ก็คอยเฝ้าเอาไว้ให้ดี เมื่อชเวยองเดินออกไปแล้ว แทมานหันไปถามชุงซอกว่า จะให้ตนคอยเฝ้าไม่ให้ใครเข้าไป หรือขวางไม่ให้คนในออกมาข้างนอก ชเวยองจึงบอกให้เฝ้าระวังคนในห้องที่กำลังจ้องหลบหนี และห้ามประมาทโดยเด็ดขาด


หลังได้รับคำสั่ง แทมานก็เข้าไปตรวจดูในห้องและพบว่าประตูด้านหลังถูกเปิดออก เขาจึงรีบออกติดตามอึนซูทันที  อึนซูเดินหลงเข้าไปในตลาด บรรดาเด็กๆ  ชาวบ้าน และพ่อค้าแม่ค้าในละแวกนั้นต่างพากันมองเหมือนเธอเป็นตัวประหลาด อึนซูพยายามสอบถามว่าเธอจะเรียกแท็กซี่ได้ที่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจและไม่มีใครรู้เรื่องว่าสิ่งที่เธอพูดถึงนั้นคืออะไร  เธอเดินไปถามแม่ค้าอีกคนว่าเป็นคนเกาหลีหรือเปล่า (เธอนึกว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นนักแสดง เพราะที่เกาหลีใต้มีนักแสดงหลายคนมาจากต่างประเทศ) แต่หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ยอมพูดด้วย อึนซูเดินไปหาแม่ค้าอีกคนแล้วทักเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อเห็นแม่ค้ายืนนิ่งเธอก็เปลี่ยนคำทักทายเป็นภาษาจีนแต่ก็ยังไม่ได้ผล 

เด็กๆ เห็นอึนซูแต่งตัวแปลกๆ เลยพากันเดินตามแล้วลูบคลำ เสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋าของเธอ เธอเห็นแม่ค้าคนหนึ่งร้องขายของเป็นภาษาจีน เลยเดินไปถามเป็นภาษาเกาหลีว่าแถวนี้มีโทรศัพท์สาธารณะไหม จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโชว์แล้วพูดว่า "เทเลโฟน" และ "เตี้ยนฮั่ว" (ภาษาจีน แปลว่าโทรศัพท์)  แต่แม่ค้าชาวหยวนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะสมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ ขณะที่อึนซูกำลังชูโทรศัพท์มือถือเพื่อหาคลื่น เธอก็เห็นเงาของแทมานสะท้อนผ่านกระจกหน้าจอเลยรีบวิ่งหนี แต่แทมานก็วิ่งตามไปติดๆ โดยไม่รู้ว่ามีกลุ่มนักฆ่าชาวหยวนคอยจับตาดูอยู่


อึนซูวิ่งเข้ามาซ่อนในร้านขายผ้า แทมานตามมาพบเลยจ้างชายชาวหยวนให้ไปบอกพรรคพวกตนที่โรงเตี๊ยมแล้วคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ชเวยองถูกปลุกขึ้นมาแจ้งข่าวร้ายว่าอึนซูแอบหนีไป เขาจึงคิดที่จะออกไปสมทบกับแทมานตามลำพังโดยสะพายโล่พลาสติกจากสวรรค์ (กรุงโซล) เอาไว้ทางด้านหลัง ชุงซอกบอกให้นำคนไปเพิ่ม แต่ชเวยองปฏิเสธเพราะคาดว่าศัตรูจะต้องบุกมาที่โรงเตี๊ยมอีก เขาหันไปบอกให้ลูกน้องระวังตัว เพราะตอนนี้ศัตรูรู้กลยุทธในการตั้งรับของทุกคนแล้วและจะไม่บุกเข้ามาแบบเดิมอีก เขายังบอกด้วยว่า หากเป็นตน ตนจะกำจัดศัตรูทีละคน เมื่อล่อให้ศัตรูเข้ามาติดกับด้านหนึ่งได้แล้ว ตนก็จะตีตลบทางด้านหลัง ดังนั้น เขาจึงสั่งให้ลูกน้องใช้กลยุทธ์เฝ้าระวังทั้ง 3 ด้าน

ชุงซอกถามว่าพระเจ้าคงมินเป็นเป้าในการบุกโจมตีของศัตรูใช่ไหม ชเวยองปฏิเสธโดยบอกว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือ พระมเหสี ชุงซอกจึงถามว่า แล้วจะให้อารักขาพระเจ้าคงมินอย่างไร ชเวยองทำหน้าอ่อนใจที่ลูกน้องไม่ยอมคิดเองและเอาแต่ถามทุกเรื่อง เลยบอกเพียงว่า "ก็รู้ๆ อยู่ คอยคุ้มกันให้ดีก็แล้วกัน" จากนั้นก็ออกไปหาแทมานที่ตลาด ระหว่างนั้น อึนซูแลกเสื้อกับแม่ค้าชาวหยวน แล้วใช้เสื้อคลุมของแม่ค้าคลุมศีรษะเดินออกมา แม้แทมานจะคอยเฝ้าดูอยู่แต่เขาก็ไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิง เมื่อเห็นว่าผู้หญิงสวมเสื้อคลุมสีขาวยังคงอยู่ภายในร้าน เขาก็หลงคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคืออึนซู


ในเวลาเดียวกันนั้น หญิงรับใช้ของพระมเหสีก็เริ่มแผนปลงพระชนม์ โดยถือโอกาสขณะที่ผู้ช่วยหมอหลวงกำลังงีบหลับ โชคดีที่ชุกซอกเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยในห้องพระมเหสีตามที่ได้รับคำสั่งจากชเวยอง และปลุกผู้ช่วยหมอหลวงให้ตื่นขึ้นมาต้มยาต่อ หญิงคนดังกล่าวจึงไม่มีโอกาสลงมือสังหารพระมเหสี

เมื่อชเวยองมาถึงร้านขายผ้า แทมานก็รีบชี้ให้ดูว่าอึนซูอยู่ตรงไหน เขากล่าวว่า ตนทำตัวไม่ถูก และไม่รู้ว่าจะนำตัวอึนซูกลับไปได้อย่างไร เนื่องจากอึนซูคือเทพแห่งการรักษาโรคจากสวรรค์ เขาเลยไม่รู้ว่าสามารถแตะต้องตัวเธอได้ไหม และถ้าบุกเข้าไปจับ เขาก็ต้องลากตัวเธอออกมา ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าจะทำได้รึเปล่า (เขากลัวว่าจะเป็นการลบหลู่ผู้ที่มาจากสวรรค์) ขณะที่แทมานพยายามอธิบายสาเหตุที่ตนไม่กล้าพาอึนซูกลับโรงเตี๊ยมด้วยตนเอง ชเวยองก็เดินตรงเข้าไปหาผู้หญิงที่สวมเสื้อคลุมสีขาวและดึงตัวเธอออกมาดู  เมื่อเห็นว่าไม่ใช่อุนซู เขาก็รีบออกตามหาโดยไม่ทันสังเกตว่ามีคนคอยจับตาดูทุกฝีก้าว (ชเวยองไม่ตำหนิแทมานสักคำที่ทำงานพลาด) 

ระหว่างนั้น อึนซูกำลังเดินขึ้นเขาอย่างอ่อนแรง เมื่อมองลงไปเห็นเมืองทางด้านล่างเธอก็บ่นด้วยความแปลกใจว่า ทำไมฉากละครถึงใหญ่โตปานนี้ เธอเดินเข้าไปในหมู่บ้านโบราณแล้วสงสัยว่าที่นี่เป็นฉากละครด้วยหรือเปล่า จึงพยายามเคาะประตูแล้วร้องถามว่ามีใครอยู่ไหม แต่ก็ไม่มีใครออกมาคุยกับเธอสักคน เมื่อเดินไปเจอชายคนหนึ่งกำลังยืนตีเหล็กเธอจึงถามทางไปย่านกังนัม แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอมพูดด้วย เมื่อพบชายหน้าบากและลูกน้องอึนซูก็ถามทางไปย่านกังนัม พอเห็นชายฉกรรจ์ที่อยู่ตรงหน้าจ้องมองเธออย่างไม่ค่อยเป็นมิตร เธอจึงรีบวิ่งหนี แต่ชายคนหนึ่งเข้ามาขวางและจับตัวเธอเอาไว้ อึนซูฮึดสู้โดยใช้รองเท้าข้างหนึ่งเป็นอาวุธ ทำให้ถูกชกที่ปากจนสลบเหมือด


ชเวยองและแทมานตามมาที่หมู่บ้านดังกล่าวและพบรองเท้าข้างหนึ่งของอึนซูตกอยู่ข้างรอยเลือด ทำให้เริ่มรู้สึกเป็นกังวล เพราะถ้าไม่รีบออกตามหาเธอให้พบโดยเร็ว ประตูสวรรค์ก็อาจปิดลงเสียก่อน แทมานบอกว่า ตนจะลองไปตามหาที่หมู่บ้านข้างๆ เขาสังเกตเห็นร่องรอยการต่อสู้บนพื้น แถมยังเก็บรองเท้าอึนซูได้ข้างหนึ่ง จึงสรุปว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่  แทมานพูดยังไม่ทันจบ ชเวยองก็สวนขึ้นมาว่า "คนละคนกับที่เราเจอก่อนหน้า" แทมานงงเมื่อได้ยินชเวยองพูดขึ้นมาลอยๆ  ชเวยองจึงขยายความ (อีกนิดหน่อย) ว่า "พวกที่เราเจอก่อนหน้า (ที่บุกโรงเตี๊ยม) กับคนที่อยู่ที่นี่" เขาเดาว่ารอยเลือดที่พบอาจเป็นของอึนซู เมื่อเห็นว่าเลือดยังสดอยู่จึงรู้ว่าเพิ่งเกิดเรื่องก่อนหน้านี้ไม่นาน 

ชเวยองสรุปว่าแม้คนที่จับตัวอึนซูไปจะเป็นไม่ใช่กลุ่มคนที่บุกเข้าไปในโรงเตี๊ยมแต่ก็เป็นพวกเดียวกัน  คนพวกนั้นวางแผนทุกอย่างเอาไว้เป็นขั้นเป็นตอนนับตั้งแต่เรื่องเรือ เรื่องบีบให้เข้าพักที่โรงเตี๊ยมเพื่อจะได้บุกเข้ามาโจมตีกลางดึก แต่เขานึกสงสัยว่าพวกนั้นรู้เรื่องเทพแห่งการรักษาโรคได้อย่างไร แทมานฟันธงว่าต้องมีไส้ศึกแฝงตัวเข้ามา และขอตัวกลับไปจัดการไส้ศึกที่โรงเตี๊ยม แต่ชเวยองแย้งว่าเรายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นไส้ศึกแล้วจะบุกเข้าไปจับตัวได้อย่างไร ชเวยองถามแทมานว่าใครเป็นคนคุมเรือ แทมานตอบว่าเป็นชายชาวโครยอ เขาจึงชวนแทมานไปหาชายคนดังกล่าวทันที... และในเวลาเดียวกันนั้นก็มีกลุ่มชายชุดดำย่องขึ้นไปฆ่าองค์รักษ์ที่ประจำอยู่บนหลังคาโรงเตี๊ยม


ชเวยองและแทมานมาพบชายที่พวกตนเคยติดต่อเรือเอาไว้ และพบว่าเขากำลังนอนเมาแอ๋อยู่บนเปลโดยที่ในมือยังคงถือขวดเหล้าราคาแพง ชายคนดังกล่าวพูดเพียงว่า ที่นี่ไม่มีเรือ ชเวยองพยายามถามว่า เขาเอาเงินที่ไหนมาซื้อเหล้า แต่ชายคนดังกล่าวยังพูดประโยคเดิมว่า "ที่นี่ไม่มีเรือ" เมื่อเห็นว่าคงพูดดีๆ ด้วยไม่ได้ ชเวยองก็สวมบทโหดด้วยการถีบแปลจนคว่ำเพื่อให้ชายคนดังกล่าวร่วงลงมา ก่อนลากคอไปยังถังน้ำ แล้วกดหัวของชายคนดังกล่าวลงในน้ำอย่างไม่ปราณี หลังจากนั้น เขาก็ดึงหัวชายคนดังกล่าวขึ้นมาถามอีกครั้งว่า ใครจ้างให้หยุดเดินเรือ ชายคนดังกล่าวยังคงพูดประโยคเดิมว่า ตอนนี้ไม่มีเรือ ชเวยองจึงกดหัวเขาลงไปในถังน้ำอีกครั้ง ชายคนดังกล่าวเริ่มทนไม่ไหวจึงชูมือขึ้น 

ชายหน้าบากเห็นคนเดินเรือถูกชเวยองทรมาน  จึงรีบวิ่งมาควบคุมตัวและมัดปากอึนซูที่โรงตีเหล็ก ชเวยองเดินผ่านช่างตีเหล็กด้วยสีหน้าเรียบเฉย  และสอดส่ายสายตาหาอึนซู ซึ่งถูกมัดปากและโดนมีดจี้ที่ลำคอ แทมานขึ้นไปตามหาอึนซูทางด้านบน แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนักแต่เขาก็ไม่พบอึนซู ช่างตีเหล็กถือดาบวิ่งเข้ามาโจมตีทางด้านหลังชเวยอง แต่เขาระวังตัวอยู่แล้วจึงเบี่ยงตัวหลบและต่อสู้กับชายคนดังกล่าวด้วยมือเปล่า เมื่อชายคนดังกล่าวล้มลงเขาก็ตรงเข้าไปลากตัวแล้วดึงหัวไปจ่อไปที่เตาไฟทันที ชายคนดังกล่าวรู้สึกกลัวจึงบอกเป็นภาษาจีนว่าจะยอมพูด (แทมานเป็นล่ามแปลให้) แต่แล้วกลับบอกเพียงว่า เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับตน ชเวยองโมโหเลยดึงหัวชายคนดังกล่าวไปจ่อที่เตาไฟอีกครั้งแต่คราวนี้ใกล้กว่าเดิม  ชายคนดังกล่าวจึงบอกว่ามีการวางแผนโจมตีโรงเตี๊ยมด้วยยาพิษ ชเวยองยังไม่พอใจคำตอบจึงดึงหัวชายคนดังกล่าวไปจ่อที่เตาไฟอีกครั้ง ชายคนดังกล่าวรีบบอกว่า ตนจะพาไปดูว่ายาพิษอยู่ที่ไหน เมื่อชเวยองเห็นว่ายาพิษดังกล่าวคือ ฮวากอลซาน (ยาสลายกระดูก) และรู้ว่าแผนโจมตีเริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาจึงชั่งน้ำหนักว่าจะช่วยอึนซูก่อนหรือรีบกลับไปช่วยพระเจ้าคงมินและพระมเหสี ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกลับไปที่โรงเตี๊ยม โดยให้แทมานวิ่ง (ด้วยความเร็วแบบไฮสปีด) ล่วงหน้าไปที่โรงเตี๊ยมก่อน (เพราะแทมานวิ่งเร็วกว่าชเวยอง)


ขณะที่เหล่าชายชุดดำกำลังย่องขึ้นไปบนหลังคาพร้อมยาพิษ ชุงซอกก็ไล่เช็คความพร้อมขององค์รักษ์ที่ประจำอยู่ตามจุดต่างๆ  เมื่อขานเรียกทีมที่สี่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เพราะองครักษ์ทีมสี่ที่อยู่บนหลังคาถูกลอบฆ่าเรียบร้อยแล้ว ชุงซอกรู้ว่าศัตรูบุกมาแล้วจึงส่งสัญญาณเตือนทุกคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม ทุกคนตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือผู้บุกรุก แต่คราวนี้ชายชุดดำเปลี่ยนกลยุทธ์ แทนที่จะบุกเข้ามาโจมตีเหมือนครั้งแรกพวกเขากลับโยนยาพิษเข้ามาในโรงเตี๊ยม หวังรมยาพิษคนที่อยู่ภายในและถ้าใครหนีตายออกมาทางด้านนอก พลธนูที่ดักซุ่มอยู่ทุกประตูเข้าออกก็จะยิงธนูใส่ทันที (เป็นดังที่ชเวยองคาดการณ์เอาไว้) 

ชุงซอกทูลพระเจ้าคงมินให้รีบหลบหนีเพราะถูกข้าศึกโจมตีด้วยยาพิษ หมอหลวงชางบินจึงตรงเข้าไปอุ้มพระมเหสี ขณะนั้นมีองครักษ์หลายคนโผล่หน้าออกมาหายใจทางหน้าต่างทำให้ถูกพลธนูของพวกหยวนยิงตาย แทมานมาถึงโรงเตี๊ยมก่อนชเวยอง เขาซุ่มดูเหตุการณ์ตรงหน้าเพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนบุกเดี่ยวขึ้นไปสังหารพลธนูบนหลังคาเพื่อเปิดทางให้ทุกคนหลบหนี ระหว่างนั้น เหล่าองครักษ์พาพระเจ้าคงมินลงไปที่ชั้นล่างท่ามกลางควันพิษ  หมอหลวงชางบินต้องอุ้มพระมเหสีหลบหนีอย่างระมัดระวังจึงเดินรั้งท้าย  ทำให้หญิงรับใช้พระมเหสีสบโอกาสพาหมอหลวงชางบินหนีออกไปอีกทาง

เมื่อพระเจ้าคงมินหันกลับไปมองทางด้านหลังแล้วไม่พบพระมเหสี พระองค์จึงปีนบันไดกลับขึ้นไปทางด้านบน ในตอนนั้นหญิงรับใช้ชาวหยวนพาหมอหลวงชางบินออกมาด้านนอกโรงเตี๊ยมแล้วล็อกประตูขังคนในไม่ให้ออก ชุงซอกมัวแต่สั่งการลูกน้อง เมื่อหันกลับมาอีกครั้งก็พบว่าพระเจ้าคงมินกลับขึ้นไปตามหาพระมเหสีที่ชั้นบนแล้ว พระเจ้าคงมินยื่นหน้าเข้าไปดูในห้องแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ขณะนั้นโจ อิลชินที่แอบหลบเอาตัวรอดก็โผล่หน้าออกมา พระเจ้าคงมินเข้าไปล็อกคอเสื้้อโจ อิลชินแล้วบอกว่า ก่อนหน้านี้พระมเหสีอยู่ข้างๆ พระองค์ แต่อยู่ๆ ก็หายตัวไป โจ อิลชินได้โอกาสแก้ตัวเลยบอกว่าตนก็กำลังตามหาพระมเหสีอยู่เช่นกัน


เมื่อออกมาด้านนอกโรงเตี๊ยมได้แล้ว หมอหลวงชางบินก็ถูกชายชุดดำโจมตี เขาจึงวางพระมเหสีลงบนสะพานแล้วสั่งให้หญิงรับใช้คอยคุ้มกันพระมเหสี จากนั้นก็เข้าไปต่อสู้กับคนร้ายโดยมีพัดและพลังภายในเป็นอาวุธ  หญิงรับใช้คนดังกล่าวสบโอกาสจึงชักมีดแล้วเงื้อมมือขึ้นสุดแขนหวังปลงพระชนม์พระมเหสี แต่พระมเหสีเกิดฟื้นขึ้นมาสบตาหญิงคนดังกล่าวพอดี  เธอจึงชะงักไปชั่วครู่แต่ก็ไม่ยอมล้มเลิกแผนการ โชคดีที่ชเวยองมาถึงและเห็นเข้า เขาจึงขว้างโล่ตำรวจใส่หญิงรับใช้เอาไว้ได้ทัน (และโล่ก็ลอยกลับไปหาชเวยองราวกับเป็นบูมเมอแรง) 

ขณะนั้นชูซอกพาพระเจ้าคงมินออกมาจากโรงเตี๊ยมพอดี พระองค์เห็นชเวยองพูดกับพระมเหสีที่กำลังนั่งอยู่บนสะพานเลยรีบวิ่งไปหา  ชเวยองทูลว่าพระมเหสีทรงรู้สึกตัวแล้ว ทั้งสองพระองค์ต่างปรายตามองกัน พระเจ้าคงมินพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกและถามพระมเหสีว่า เป็นอย่างไรบ้าง พระมเหสีตอบว่า ทำไมที่นี่ถึงได้หนวกหูนัก ชเวยองถามพระเจ้าคงมินว่า เทพแห่งการรักษาโรคช่วยชีวิตพระมเหสีได้แล้ว หากตนตามเธอจนพบ พระองค์จะอนุญาตให้ตนทำตามสัญญาหรือไม่ พระเจ้าคงมินมองหน้าชเวยองอย่างชั่งใจ พระองค์ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ละครก็ตัดภาพไปที่ประตูสวรรค์ซึ่งมีพลังอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

ตัดกลับไปที่เมืองแค-กยองอีกครั้ง



เหล่าขุนนางที่ได้รับจดหมายลับ (ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางฝ่ายใต้) ต่างพากันมาประชุมในห้อง แล้วพากันวิพากษ์วิจารณ์ข่าวลือเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระมเหสี โดยระบุว่าคีชอลคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ จากนั้นสรุปว่าต้องรีบกำจัดคีชอลและพวกก่อนที่พระเจ้าคงมินจะเสด็จมาถึงเพื่อรักษาแผ่นดินโครยอเอาไว้ เมื่อขุนนางคนหนึ่งเดินออกจากห้องก็มีทหารนำดาบมาล็อกประตูด้านนอกเอาไว้ ขุนนางคนดังกล่าวเดินไปส่งสัญญาณให้สมุนของคีชอล สมุนของคีชอลจึงสั่งให้ลูกน้องโยนควันพิษเข้าไปในห้องเพื่อกำจัดขุนนางทั้งหมดในคราวเดียวกัน

ย้อนกลับไปที่เมืองชายแดนของต้าหยวน

ชเวยองและแทซานกลับมาตามหาอึนซูที่โรงตีเหล็ก หลังปีนดูตามมุมต่างๆ แทซานก็บอกว่าอึนซูไม่ได้อยู่ที่นี่ ชายหัวตั้งที่พาพวกเขาไปดูยาพิษก่อนหน้านี้ก็ไม่อยู่เช่นกัน เขาจึงฟันธงว่าพวกนั้นคงพาอึนซูไปที่อื่นแล้ว และแนะนำให้ชเวยองส่งองครักษ์สิบคนออกตามหาแบบพลิกแผ่นดิน  ชเวยองหันไปมองรอบๆ ห้องด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แต่ในใจเขารู้สึกโกรธถึงขนาดพลังภายในพลุ่งพล่านแต่เขาก็ระงับเอาไว้ได้ในที่สุด เขาบอกแทซานว่า จะสำรวจดูบริเวณโดยรอบ และสั่งให้แทซานไปรายงานรองหัวหน้าองครักษ์


ทันใดนั้น ก็มีเสียงเด็กร้องว่า "ช่วยป้อนหนูหน่อย" (เสียงเตือนให้ชาร์จแบตมือถือ) ดังขึ้นเป็นระยะ ชายที่ควบคุมตัวอึนซูอยู่ถึงกับสะดุ้งตกใจ ชเวยองหันไปมองด้านบนแล้วเดินตามเสียงไปทันที ชายคนดังกล่าวหยิบมือถือของอึนซูออกมาดูแล้วขว้างทิ้ง เขารู้ว่าชเวยองกำลังเดินตรงเข้ามาหา จึงใช้มีดจี้คออึนซูแล้วพาเดินออกไป แทมานจะเดินไปจัดการคนร้ายแต่ชเวยองห้ามเอาไว้เพราะกลัวอึนซูได้รับอันตราย คนร้ายขู่ (เป็นภาษาจีน - แทมานเป็นล่ามช่วยแปล) ให้ทั้งคู่ถอยไปมิเช่นนั้นจะฆ่าอึนซู  หากชเวยองไม่ยอมปล่อยให้เขาพาอึนซูไป อึนซูจะต้องตายพร้อมเขา


อึนซูร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ชเวยองจ้องหน้าอึนซูด้วยสายตามาดมั่น ราวกับจะบอกว่าเขาไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอะไรแน่ จากนั้นก็ปรายตามองแทซาน แทซานรู้ทันทีว่าต้องทำอะไร เขาเลยกระโดดขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจคนร้าย (และไปหยิบกระเป๋าให้อึนซู) ชเวยองถือโอกาสปามีดใส่คนร้าย  ก่อนเดินไปแก้มัดเชือกที่แขนให้อึนซูซึ่งทรุดตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง จากนั้นเขาก็เดินมานั่งตรงหน้าอึนซูแล้วแก้มัดปากให้ พลางบ่นอึนซูว่าเป็นตัวก่อเรื่อง บอกให้รอก็ไม่รอ คิดว่าตัวเองอยู่ที่ไหนถึงได้ออกมาเตร็ดเตร่ข้างนอกอย่างนี้ ดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ...เมื่อเห็นอึนซูนั่งร้องไห้โดยไม่ตอบโต้หรือโวยวายเหมือนทุกครั้ง เขาก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่า ไม่เป็นอะไรใช่ไหม และเอื้อมมือไปจับใบหน้าเพื่อสำรวจบาดแผลที่ปากของเธอ  แต่อึนซูปัดมือชเวยองออกแล้วเดินกลับเข้าไปหาของในห้อง


เมื่อหาของไม่พบเธอก็เดินกระเผลกออกมา ชเวยองและแทซานจะเดินไปหาแต่เธอสั่งว่าอย่าเข้ามาใกล้และปารองเท้าที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวใส่ชเวยอง เมื่อเห็นว่ากระเป๋าใบโปรดอยู่ที่แทซาน เธอก็รีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินจากไป ชเวยองบอกอึนซูว่า พระมเหสีฟื้นแล้ว และเขาก็จะส่งเธอกลับไปยังโลกที่เธอจากมาตามสัญญา พูดจบเขาก็ก้มหัวคำนับเล็กน้อย (แปลว่าขออภัยที่ต้องล่วงเกิน) อึนซูรู้ทันจึงร้องบอกว่าห้ามโยนเธอขึ้นไปพาดบนบ่าอีกเด็ดขาด จากนั้นก็เดินบ่นว่า "ทำราวกับชั้นเป็นกระเป๋า นายนี่ัมันเหลือทนจริงๆ" ชเวยองเดินเข้าไปอุ้มอึนซูทางด้านหลัง  อึนซูดิ้นแล้วร้องลั่นว่า "ไอ้ฆาตกรต่อเนื่องโรคจิต" ชเวยองแกล้งทำท่าเหมือนจะโยนอึนซูทิ้ง อึนซูเลยหยุดดิ้นแล้วยอมให้อุ้มแต่โดยดี  เมื่อปราบพยศอึนซูได้แล้ว ชเวยองก็สั่งให้แทมานไปบอกคนที่โรงเตี๊ยมว่าตนกำลังจะไปส่งผู้ที่มาจากสวรรค์

ชเวยองหันมาบอกอึนซูว่าถ้าเธอตกลงไปอาจได้รับบาดเจ็บ (เพราะฉะนั้นอย่าดิ้น) เมื่อเห็นอึนซูยอมอยู่นิ่งๆ โดยไม่โวยวาย เขาก็อุ้มเธอออกไปพร้อมรอยยิ้ม โดยที่ยังคงไม่รู้ว่าชายหน้าบากชาวหยวนแอบจับตาดูอยู่ทางด้านหลัง ชเวยองพาอึนซูมาที่ประตูสวรรค์แล้วชี้ให้ดูว่าประตูเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ แล้ว หากประตูปิดลงเมื่อไหร่เธอจะไม่มีวันกลับไปได้อีก ดังนั้นเธอควรรีบกลับเข้าไป อึนซูยังคงลังเลด้วยความหวาดกลัว และอยากให้ชเวยองลองทดสอบให้ดูก่อน ชเวยองไม่อยากให้เสียเวลามากไปกว่านี้เลยตัดบทด้วยการกล่าวขอบคุณอึนซูที่ช่วยเหลือและก้มศีรษะคำนับ อึนซูคำนับตอบและเดินตรงไปที่ประตูสวรรค์อย่างกล้าๆ กลัวๆ


ทันใดนั้น โจ อิลชิน ก็ปรากฏตัวพร้อมเหล่าองค์รักษ์ และสั่งห้ามไม่ให้อึนซูกลับไป ชเวยองเดินเข้ามาขวางและยืนยันหนักแน่นว่า "ข้า ในฐานะนักรบชเวยองแห่งโครยอ จะส่งนางกลับไปในนามของข้า"  และถามว่าใครกันกล้าดูหมิ่นศักดิ์ศรีของตน เมื่อเห็นชเวยองชักดาบเตรียมต่อสู้กับทุกคนที่เข้ามาขวาง  โจ อิลชินก็ตอบหน้าระรื่นว่าเป็นรับสั่งของพระราชา ชเวยองไม่เชื่อและยื่นปลายดาบเข้าหาโจ อิลชิน... โจ อิลชิน จึงสั่งให้ลูกน้องชเวยองไปนำตัวอึนซูมาแต่ทุกคนต่างยืนนิ่ง โจ อิลชินจึงย้ำว่านี่เป็นคำสั่งของพระเจ้าคงมิน ด้วยความที่เป็นทหารองครักษ์ของพระราชาและมีหน้าที่ทำตามคำสั่ง เหล่าองค์รักษ์จึงจำใจชักดาบออกมา

ชเวยองรู้สึกเหมือนโดนพระราชาหักหลัง แต่เขาก็เป็นทหารองครักษ์ของพระราชาที่มีหน้าที่ทำตามคำสั่งเช่นกัน เขาจึงชั่งใจว่าจะเลือกรักษาสัตย์หรือทำตามคำสั่งพระราชา แต่ไม่ว่าจะเลือกหนทางใดเขาก็ต้องตายอยู่ดี เพราะถ้าหากทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับอึนซู เขาก็จะโดนประหารโทษฐานที่ขัดพระบัญชา แต่ถ้าผิดต่อคำสัญญาเขาก็ต้องสละชีวิตตามที่ได้เคยเปล่งวาจาเอาไว้ สุดท้ายเขาก็เลือกทำตามหน้าที่ แล้วเดินไปจับตัวอึนซูกลับมา อึนซูร้องไห้และดิ้นรนขอกลับเข้าไปในประตูสวรรค์ ชเวยองจึงปักดาบลงกับพื้นเพื่อให้จับตัวเธอได้ถนัดขึ้น  เมื่อประตูสวรรค์ปิดลง ชเวยองจึงปล่อยตัวอึนซู


อึนซูเดินเข้าไปลูบและมองหาทางเข้าบริเวณฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์  ชเวยองมองอึนซูด้วยแววตาสุดอัดอั้นและเจ็บปวด เขาเดินกลับมาหาโจ อิลชิน แล้วรายงานอย่างปวดใจว่า "ข้ารับใช้ชเวยอง ได้ทำตามพระบัญชาและจับตัวเทพแห่งการรักษาโรคจากสวรรค์มาให้แล้ว" อึนซูโกรธมากที่ชเวยองผิดสัญญา เธอจึงดึงดาบของเขาขึ้นมาจากพื้นแล้วทวงสัญญา จากนั้นก็หลับหูหลับตาถือดาบพุ่งเข้าหาชเวยอง ชเวยองหันเข้าหาดาบและถูกแทงเข้าที่ท้องท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน  เขากลัวว่าตนเองจะไม่ตาย จึงกดดาบเข้ามาแทงซ้ำจนทะลุ อึนซูร้องถามว่า เขาหลบได้อยู่แล้วแต่ทำไมถึงไม่หลบ ชเวยองถามกลับว่า แค่นี้พอไหม (สามารถชดใช้ความผิดที่เขาทำลงไปได้ไหม) จากนั้นก็ทรุดลงกับพื้น

พระมเหสีเห็นพระเจ้าคงมืนมีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด เลยพูดแทงใจดำว่า "กล่าวกันว่านักรบโครยอใช้ชีวิตเป็นเดิมพันในการให้คำมั่นสัญญา การให้คำมั่นในนามนักรบแห่งโครยอแล้วถูกพระราชาสั่งให้ทำผิดต่อคำสัญญา ก็เท่ากับมีทางเลือกสองทาง คือ ขัดต่อพระบัญชาหรือไม่ก็ตาย พระองค์ทรงบีบให้เขา (ชเวยอง) เลือกทางใดทางหนึ่งงั้นหรือ ไม่สิ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ต้องตายอยู่ดี... ถึงยังไงชเวยองก็ต้องตาย"

พระเจ้าคงมินเดินเข้ามาถามว่า พระมเหสีกำลังตำหนิพระองค์อยู่หรือ พระมเหสีตอบว่า "หม่อมชั้นมิบังอาจ แค่พยายามเรียบเรียงความคิดเท่านั้น ฝ่าบาทจงใจฆ่าเขาใช่ไหมเพคะ... หม่อมชั้นอยากรู้จริงๆ" พระเจ้าคงมินได้แต่อึ้งด้วยความโกรธ


แทมานเห็นหัวหน้าของตนถูกแทงก็อดรนทนไม่ไหวเลยวิ่งไปผลักอึนซูจนล้มลง โจ อิลชินสั่งให้องครักษ์ไปลากตัวแทมานกลับมาแล้วตบหน้าแทมานอย่างแรง โทษฐานที่บังอาจแตะต้องเทพแห่งการรักษาโรคจากสวรรค์ ถึงกระนั้นแทมานก็ยังดึงดันที่จะออกไปหาชเวยองจนต็อกมานต้องคอยรั้งตัวไว้เพราะไม่อยากให้มีเรื่อง  ส่วนชุงซอกและโทลแบรีบเข้ามาประคองร่างของชเวยองเอาไว้ โจ อิลชินเดิน (ข้ามขาชเวยอง) ไปหาอึนซู แล้วบอกว่าจะพาเธอกลับไปหาพระเจ้าคงมินพลางยื่นมือให้จับ แต่อึนซูปัดออกแล้วบอกให้หลบไป สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ร่างของชเวยอง  

อึนซูวิ่งกลับไปดูอาการของชเวยองอีกครั้งแล้วบอกให้ชุงซอกกับโทลแบคอยระวังไม่ให้โดนดาบ เพราะดาบที่ปักคาอยู่นี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ชเวยองเสียเลือด โจ อิลชินบอกว่า ทุกคนไม่มีเวลามานั่งรักษาชเวยองเพราะศัตรูอาจบุกมาโจมตีได้ทุกเมื่อ เขายังบอกด้วยว่า เป้าหมายของศัตรูไม่ได้มีเพียงพระราชาและพระมเหสี แต่ยังรวมถึงตัวอึนซูเองด้วย อึนซูไม่สนใจคำพูดของโจ อิลชิน เธอคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะรักษาชเวยองได้อย่างไร ในที่สุดเธอก็ร้องหาเทปหรือผ้าหนาๆ เพื่อที่จะยึดดาบเอาไว้ มิเช่นนั้นจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายชเวยองได้


โจ อิลชิน สั่งให้ทุกคนทิ้งชเวยองเอาไว้ที่นี่ เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ยอมขยับ เขาเลยบอกชเวยองว่าหากเป็นเช่นนี้พระเจ้าคงมินและพระมเหสีก็ตกอยู่ในอันตราย  ชเวยองจึงสั่งให้ทุกคนกลับไป และบอกว่าอย่าให้ตนต้องพูดซ้ำเพราะมันเจ็บ โจ อิลชินพยายามดึงตัวอึนซูออกแล้วบอกว่าเธอไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่อึนซูสะบัดตัวออกแล้วบอกว่าเธอเข้าใจดี เธอเป็นคนแทงชเวยอง หากเขาเป็นอะไรไปเธอก็ต้องกลายเป็นฆาตกร  ดังนั้น เธอจะไม่ทิ้งเขาไว้โดยเด็ดขาด โจ อิลชินได้โอกาสเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นเขาจะลงมือแทน พูดจบเขาก็ดึงดาบออกจากร่างชเวยอง แล้วกล่าวว่าตนคือคนที่ฆ่าหัวหน้าองครักษ์ ดังนั้น อึนซูจึงไม่ต้องกลัวว่าเธอจะกลายเป็นฆาตกรอีกต่อไป  พูดจบเขาก็ยื่นมือให้อึนซูจับ 

อึนซูรีบบอกให้องครักษ์กลับไปเตรียมอุปกรณ์ผ่าตัด ชุงซอกจึงสั่งแทมานให้รีบกลับไปเตรียมอุปกรณ์ทันที โจ อิลชินมองอย่างเอือมระอาแล้วสั่งให้ทุกคนรีบกลับ  ชุงซอกเหลืออดจึงอ้างว่าเทพแห่งการรักษาโรคจากสรวงสวรรค์สั่งให้เขาคอยกดแผลของชเวยอง ทำให้โจ อิลชิน ไม่กล้าเหิมเกริมอีกต่อไป


แทมานรีบวิ่งกลับไปยังโรงเตี๊ยมด้วยความเร็วแบบไฮสปีด เมื่อไปถึงเขาก็บุกเข้าไปในห้องบรรทมเพื่อที่จะไปหยิบเครื่องมือรักษาจากสวรรค์ โดยบอกว่าเป็นคำสั่งของเทพแห่งการรักษาโรค หมอหลวงชางบินเดินเข้ามาขวางแล้วถามว่าใครได้รับบาดเจ็บ แทมานจึงร่ำไห้บอกว่าหัวหน้าของเขาโดนดาบแทง พระเจ้าคงมินนึกว่าชเวยองขัดพระบัญชาจึงโดนบรรดาองครักษ์ทำร้าย  แทมานจึงกล่าวว่า พวกตนจะฆ่าหัวหน้าตนเองได้อย่างไร ต่อให้ทุกคนเป็นอริกับหัวหน้าแล้วช่วยกันรุมทำร้ายก็ยังไม่อาจทำให้หัวหน้าบาดเจ็บได้  ขณะที่เขากำลังจะหอบเครื่องมือออกไป พระเจ้าคงมินก็ตะคอกถามด้วยความโกรธว่า ชเวยองขัดคำสั่งตนใช่ไหม 

แทมานตกใจกลัวจนทำขวดยาตก เขาคุกเข่าตอบว่าหัวหน้าตนไม่ได้ขัดพระบัญชา และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หัวหน้าตนกำลังจะตาย พระมเหสีอนุญาตให้แทมานนำเครื่องมือผ่าตัดออกไปได้ เขามัวแต่เร่งรีบเลยเผลอเหยียบขวดยาที่ทำตกก่อนหน้านี้ เมื่อแทมานออกไปแล้วพระมเหสีก็สั่งให้หมอหลวงชางบินไปช่วยรักษาชเวยองด้วย เพราะชเวยองเป็นคนช่วยชีวิตพระองค์เอาไว้ หลังจากนั้น พระมเหสีก็ถามพระเจ้าคงมินว่า "หม่อมชั้นออกคำสั่งอย่างนี้ คงไม่เป็นไรใช่ไหมเพคะ"


ระหว่างนำตัวชเวยองกลับมายังโรงเตี๊ยม อึนซูหมั่นเอาหูแนบหน้าอกเพื่อฟังจังหวะการเต้นของหัวใจ และคอยสะกิดให้ชเวยองรู้สึกตัวตลอดเวลา พร้อมทั้งกำชับว่าห้ามหมดสติโดยเด็ดขาด ชเวยองกล่าวว่า อึนซูเที่ยวลูบคลำเนื้อตัวเขาไปทั่ว แล้วจะให้เขาหมดสติได้อย่างไร อึนซูอธิบายว่าหากหัวใจเขาเต้นเร็วขึ้น เขาอาจตกอยู่ในภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง เธอไม่สามารถให้เลือดเขาได้ที่นี่ ดังนั้น... อึนซูพูดยังไม่ทันจบชเวยองก็เอื้อมมือมาดึงคอเสื้อเธอ แล้วบอกว่า เธอไม่ได้เป็นคนทำ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ล้านปีเธอก็ไม่มีวันแทงเขาได้ หากเธออยากช่วยเขาจริงๆ ก็ต้องทิ้งเขาไว้ที่นี่ แล้วเขาจะหาทางเอาชีวิตรอดด้วยตนเอง ดังนั้น ได้โปรดทิ้งเขาไว้ อึนซูผลักมือชเวยองออกแล้วบอกสั้นๆ ว่า "Shut up" ชเวยองไม่เข้าใจเลยถามว่า "อะไรนะ" อึนซูตอบว่า "หุบปาก" แล้วบอกให้เขาฟัง 'คำสั่ง' โดยบอกว่า ข้อแรก เธอจะช่วยชีวิตเขา หลังจากนั้นก็เลือกเอาเองว่าจะตายหรือไม่ อยากไปไหนหรือจะทำอะไรก็เชิญตามสบาย แต่ถ้าตายโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตล่ะก็น่าดู ชเวยองฟังแล้วได้แต่ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนใจ (เขาเป็นนักรบจึงต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่ง)

ทันทีที่มาถึงโรงเตี๊ยม อึนซูก็สั่งให้จุดไฟให้สว่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็สั่งให้ไปต้มน้ำ และให้หาผ้าสะอาดๆ มาให้ได้มากที่สุด เมื่อตรวจดูอุปกรณ์แล้วเธอก็ร้องหายาแอนตี้ไบโอติก (ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการฆ่าเชื้อ) เหล่าองครักษ์มองหน้ากันไปมาเพราะไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร เธอทำมือบอกแทมานว่า เห็นยาขวดเล็กๆ ขนาดนี้ไหม หากชเวยองถูกผ่าช่องท้องในสถานที่สกปรก (ไม่ปลอดเชื้อ) โดยไม่มียานี้ เขาอาจเสียชีวิตเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด แทมานนึกขึ้นได้ว่าเขาเหยียบยาจนแตกละเอียดแล้วจึงได้แต่โมโหตัวเอง  อึนซูบอกให้เหล่าองครักษ์ถอยไปเพราะร่างกายทุกคนเต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย จากนั้นก็หันไปบอกหมอหลวงชางบินว่า เธอต้องการยาแอนตี้ไบโอติกและยาสลบ เขามีตัวยาอะไรที่มีสรรพคุณคล้ายยาที่เธอต้องการไหม จะเป็นยาเซฟาเลกซินหรือยาแวนโคมัยซินก็ได้ หมอหลวงชางบินได้แต่ยืนงงเพราะไม่รู้ว่าอึนซูหมายถึงอะไร


พระเจ้าคงมินทรงมีพระบัญชาให้ผู้ช่วยหมอหลวงนำเครื่องมือแพทย์แผนจีนไปช่วยรักษาชเวยองอีกแรง พระองค์จะตามเข้าไปดูการรักษา แต่ชุงซอกแนะนำให้รออยู่ในห้องบรรทมกับพระมเหสีเพื่อให้ง่ายต่อการอารักขา พระเจ้าคงมินจึงจำใจรออยู่ในห้อง เมื่อเดินกลับมาพระองค์ก็กล่าวกับพระมเหสี โดยย้ำว่าจะพูดแค่ครั้งเดียว ดังนั้นจงฟังให้ดี พระองค์บอกพระมเหสีว่า ไม่ว่าพระมเหสีจะทำอะไรต้องขออนุญาตจากพระองค์ก่อน เมื่อพระองค์มีรับสั่งจึงค่อยพูดหรือทำอะไรตามที่พระองค์บอก  หลังพูดจบพระองค์ก็ถามว่า "เข้าใจไหม"

พระมเหสีได้แต่นั่งเงียบไม่ยอมตอบ พระองค์จึงกล่าวต่อว่า พระมเหสีเคยเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์หยวน เมื่อถูกบังคับให้อภิเษกกับพระองค์ย่อมต้องรู้สึกคับแค้นใจ ไหนจะต้องออกจากแผ่นดินเกิดเพื่อไปใช้ชีวิตในต่างเมืองอีก ถึงกระนั้นพระองค์ก็เป็นถึงพระราชาของแผ่นดิน แล้วตอนนี้พระมเหสีก็เป็นคนของพระองค์แล้ว พระองค์จึงหวังว่าพระมเหสีจะพูดและทำตัวให้เหมาะสมกับฐานะ เมื่อเห็นพระมเหสีนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา พระองค์จึงถามว่าทำไมไม่ตอบ พระมเหสีมองหน้าพระเจ้าคงมินแล้วย้อนว่า "หม่อมชั้นยังไม่ได้รับอนุญาตจากพระองค์จึงไม่สามารถตอบคำถามได้"  


ระหว่างนั้นผู้ช่วยหมอหลวงกำลังวางยา (สลบ) ชเวยอง อึนซูย้ำว่าเธอต้องการยาสลบ หมอชางบินหันมามองหน้าอึนซูแล้วบอกว่า นี่ไงยาสลบ เขาเป็นคนทำเองกับมือ  อึนซูถามว่าแล้วทำไมชเวยองถึงยังไม่หมดสติ หมองหลวงชางบินจึงถามกลับว่า คนที่ยังมีชีวิตอยู่จะหมดสติทันทีได้อย่างไร เขาบอกให้อึนซูรอสักครู่ แต่อึนซูแย้งว่าเธอต้องรีบผ่าตัดเดี๋ยวนี้ หมอหลวงชางบินมั่นใจว่าชเวยองสามารถทนพิษบาดแผลได้ อึนซูบอกว่าทนได้หรือไม่ได้ไม่ใช่ประเด็น แต่เธอจำเป็นต้องเปิดหน้าท้องชเวยองเพื่อตรวจสอบดูว่ามีอวัยวะใดได้รับความเสียหายและอาการร้ายแรงขนาดไหน จึงจะทำการรักษาได้ หากปล่อยให้คนไข้ทนพิษบาดแผลไปเรื่อยๆ อวัยวะจะเริ่มแข็งตัวทำให้มองเห็นไม่ชัดและไม่สามารถเย็บแผลได้อย่างแม่นยำ

ผู้ช่วยหมอหลวงกล่าวว่า "เขาสิ้นแล้ว" อึนซูรีบถามว่า "สิ้นอะไร"   ผู้ช่วยหมอหลวงเลยขยายความว่า "สิ้นสติ"  เมือ่เห็นว่าชเวยองสลบแล้ว เธอจึงสั่งให้ไปเตรียมน้ำร้อนเพราะต้องคอยซับเลือดที่แผลระหว่างผ่าตัด หมอหลวงชางบินเห็นอึนซูถือมีดเตรียมกรีดหน้าท้องชเวยอง เลยคว้ามือเธอไว้แล้วถามว่าจะทำอะไร อึนซูย้ำว่าเธอจำเป็นต้องเปิดช่องท้องชเวยอง หมอหลวงชางบินถามว่าทำไมไม่ช่วยรักษาบาดแผลที่ถูกแทงแต่กลับจะแทงเขาซ้ำ อึนซูอธิบายว่าเธอต้องผ่าท้องชเวยองตั้งแต่บริเวณประสาทช่องท้องลงมาถึงสะดือ เพื่อตรวจดูว่าชเวยองได้รับบาดเจ็บที่ใดบ้าง หากไม่ทำอย่างที่เธอบอก ชเวยองจะตายเพราะเสียเลือด ดังนั้นอย่าเพิ่งมาขวางเธอในตอนนี้ 



หมอหลวงชางบินยังรู้สึกคาใจจึงแย้งว่า ชเวยองคือคนที่เธอต้องการฆ่า แต่ตอนนี้เธอกลับบอกว่าต้องการช่วยชีวิตชเวยอง แล้วเขาจะไว้ใจเธอได้อย่างไร อึนซูตอบว่า "ได้สิ" หมอหลวงชางบินสวนขึ้นทันทีว่า "ทำไม" อึนซูตอบว่า ทุกคนเรียกเธอว่า "ผู้รักษาจากสวรรค์" ไม่ใช่หรือ ดังนั้น ได้โปรดจงเชื่อใจเธอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา