วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เรื่องย่อ นายตัวร้ายกับยัยราเมน (Flower Boy Ramyun Shop)




กำกับ:    ชอง จองฮวา
เขียนบท:  ยูน นานจุง
แนวละคร:  โรแมนติก, คอมเมดี้
จำนวนตอน:  16
ออกอากาศ:  เกาหลี - 31 ตุลาคม 2554 ถึง 20 ธันวาคม 2554 ทางช่องเคเบิ้ล ทีวีเอ็น
                      ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 17.30 น. - 18.15 น. ทางเวิร์คพอยท์ทีวี

เรื่องย่อ



ละคร "นายตัวร้ายกับยัยราเมน (Flower Boy Ramyun Shop)" เป็นภาคแรกสำหรับซีรีส์ชุด "Oh! Boy"  ของค่ายทีวีเอ็น (ส่วนภาคหรือตอนอื่นๆ ภายใต้ซีรีส์ "Oh! Boy" ประกอบด้วยละครเรื่อง Shut Up Flower Boy Band, Flower Boy Next Door และ Dating Agency: Cyrano) โดยละครเรื่องนี้ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ "Flower Boy Ramen Shop" และ "Cool Guys, Hot Ramen" อีกด้วย

เนื้อหาในละครกล่าวถึงสาวน้อยนามว่า "ยาง อึนบี" ซึ่งกำลังเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบเป็นข้าราชการครูโดยมีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นครูโรงเรียนมัธยม เธอได้พบกับ "ชา ชีซู" ซึ่งเป็นทายาทของกลุ่มธุรกิจอาหารรายใหญ่สุดในเกาหลีโดยบังเอิญ หลังจากนั้นก็มีเหตุให้ทั้งคู่ต้องมาลงเอยด้วยการเป็นพนักงานประจำร้านรามยอน (ราเมน) ที่บริหารโดยหนุ่มหล่อแต่แสนขี้เกียจ นามว่า "ชเว คังฮยอค"


ละครเรื่องนี้เปิดฉากด้วยเหตุการณ์บนเครื่องบิน ชายหนุ่มหน้าใส มาดดี แต่งตัวสุดเนี๊ยบนามว่า "ชา ชีซู" กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษพลางจิบกาแฟด้วยลีลาท่าทางอันน่าหลงใหล เมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวที่นั่งใกล้ๆ หันมามอง เขาก็หันไปทักเธอว่า "กู๊ด มอร์นิ่ง" พร้อมเปล่งประกายวิ๊งๆ... หญิงสาวคนดังกล่าวยิ้มทักชีซูด้วยสายตาชื่นชมแล้วกล่าวตอบว่า "กู๊ด มอร์นิ่ง" เช่นกัน

หญิงคนดังกล่าวถามชีซูเป็นภาษาอังกฤษว่า เขาอยู่ในกรุงนิวยอร์กมานานแค่ไหนแล้ว ชีซูตอบเป็นภาษาอังกฤษว่าประมาณ 3 ปี เธอจึงถามต่อว่าเขาพักอยู่ที่ใดในกรุงนิวยอร์ก  เมื่อชีซูตอบว่าแมนฮัตตัน เธอก็ถามต่อว่าย่านไหน พอรู้ว่าชีซูอยู่ย่าน "อัพเปอร์ อีสต์ไซด์" เธอก็กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ตัวเธอเองก็อยู่ย่านนั้นเช่นกัน (อัพเปอร์ อีสต์ไซด์ เป็นย่านที่มีราคาอสังหาริมทรัพย์โดยเฉลี่ยต่อตารางฟุตแพงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายความว่าทั้งคู่ต่างก็รวยเริ่ด) 


เธอชวนชีซูพูดคุยเกี่ยวกับร้านอาหารชื่อดังในกรุงนิวยอร์ก  พอเห็นว่าชีซูได้แต่นั่งฟังโดยไม่ยอมออกความเห็นหรือตอบคำถามใดๆ เธอจึงถามว่าเขาเข้าใจที่เธอพูด (ภาษาอังกฤษ) หรือไม่ ชีซูยังคงจ้องหน้าหญิงสาวคนดังกล่าวโดยไม่พูดจา ก่อนกล่าวเป็นภาษาเกาหลีว่า "สวยจัง! ริมฝีปากของคุณ....สวยดี" 

ทันทีที่มาถึงกรุงโซล ชีซูก็เดินออกมาสูดอากาศด้านนอกสนามบินด้วยลีลาสุดเท่ห์และชวนฝัน จนทำให้สาวๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพากันใจละลาย แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีชายสามคนสวมสูทสีดำวิ่งเข้ามาในบริเวณดังกล่าวราวกับกำลังตามหาใครบางคน  ชีซูเห็นชายชุดดำแล้วถึงกับหน้าถอดสี เขารีบหันหลังให้แล้วควักแว่นตาดำขึ้นมาสวมเพื่ออำพรางใบหน้า ทันใดนั้น เขาก็เห็นหญิงสาวบนเครื่องบินกำลังเดินไปที่รถเบนซ์ซึ่งจอดอยู่หน้าสนามบิน เขาจึงยิ้มอย่างมีแผนแล้วเข้าไปนั่งในรถเธอทันที เมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าตกใจชีซูก็ถอดแว่นแล้วหว่านเสน่ห์ใส่ โดยบอกว่าเขาจะขอติดรถไปลงที่บ้านเธอ หญิงคนดังกล่าวหัวเราะชอบใจและรีบขับรถออกไปทันที 



หลังนอนหลับไปตื่นหนึ่งชีซูก็ลุกขึ้นมาแต่งตัว เมื่อเห็นหญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดนอนบางเบาเดินออกมาจากห้อง ชีซูก็ทักว่า "ตื่นแล้วเหรอ" พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณเธอที่พาเขามานอนพักที่บ้าน หญิงคนดังกล่าวถามด้วยความผิดหวังว่า เขามาบ้านเธอเพื่อนอนหลับแล้วก็จากไป 'แค่นั้น' หรือ ชีซูตอบหน้าซื่อว่า ตนแค่ขอมานอนพักเท่านั้น จากนั้นก็ถามกลับว่า "ทำไมเหรอ" หญิงสาวถามกลับ "คุณถามเพราะไม่รู้จริงๆ เหรอ" ชีซูจึงพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียสว่า "คุณทำเรื่องอย่างว่ากับผมไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นคุณเดือดร้อนแน่" พูดจบเขาก็ยิ้มและหลิ่วตาให้หญิงสาวหนึ่งที ก่อนที่จะเดินจากไปแบบชิลๆ

ทันทีที่ออกจากบ้านหญิงสาว ชีซูก็นัดเพื่อนๆ มาคุยที่ร้านกาแฟ โดยบอกว่าประธานชา (พ่อของชีซู) กำลังส่งคนออกตามหาเขา เขาจึงอยากให้เพื่อนๆ ช่วยแนะนำที่พักให้  เพื่อนของชีซูต่างช่วยกันออกความเห็นว่าเขาควรไปพักที่ใดในกรุงโซลเพื่อไม่ให้พ่อรู้ แต่ไอเดียส่วนใหญ่ล้วนไม่เวิร์ค (แถมเพื่อนๆ ของเขายังเสียสมาธิไปกับสาวๆ ที่เดินผ่านไปมาอีกต่างหาก) ชีซูจึงถามขึ้นว่าตอนนี้ "ฮยอนอู" อยู่ที่ไหน และเขาก็ได้รับคำตอบว่าฮยอนอูอยู่ที่นอร์ยางจิน* 

* ย่านนอร์ยางจิน นอกจากจะเป็นที่ตั้งของตลาดปลาใหญ่ที่สุดในกรุงโซลแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมของผู้ที่จบการศึกษาแล้วมาเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบบรรจุเป็นข้าราชการโดยเฉพาะ โดยมีการเปิดสอนทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "เอ็กแซม วิลเลจ" เพราะอัดแน่นไปด้วยสถาบันกวดวิชา และหอพักราคาถูก 


"ยาง อึนบี" เป็นหนึ่งในนักเรียนโรงเรียนกวดวิชาที่ย่านนอร์ยางจิน  เธอกำลังมุ่งมั่นอยู่กับการเตรียมสอบข้าราชการ โดยมีความใฝ่ฝันว่าสักวันจะเป็นข้าราชครู หลังทุ่มเทกับการเรียนจนสุดกำลังแล้ว อึนบีก็ไปปรึกษาหมอดูโดยถามว่าเธอจะสอบผ่านไหม หมอดูบอกว่าหากเธอทุ่มเทเต็มที่และควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี แต่ถ้าสอบไม่ผ่านในปีนี้เธอก็ยังมีโอกาสอีกครั้งในปีหน้า อึนบีโวยวายว่าเธอจำเป็นต้องสอบให้ได้ภายในปีนี้ หมอดูจึงมองหน้าอึนบีแล้วเตือนว่าเธอจะสอบไม่ผ่านถ้าไม่รู้จักระงับอารมณ์

อึนบีควักกระเป๋าเงินขึ้นมาเตรียมจ่ายค่าดูดวงโดยไม่รอฟังคำทำนายเรื่องอื่น แต่หมอดูเปิดไพ่ใบสุดท้าย แล้วพบว่าเป็นไพ่ระฆังแห่งโชคชะตาซึ่งมีน้อยคนที่จะเปิดได้ไพ่ใบนี้ หมอดูจึงบอกอึนบีว่าเมื่อใดที่เธอได้พบและจูบกับเนื้อคู่เธอจะได้ยินเสียงระฆัง อึนบีแย้งว่าเธอมีแฟนแล้วแต่หมอดูเถียงว่าเธอยังไม่มี อึนบีเถียงว่าแฟนเธอรับราชการ หมอดูสวนกลับว่าชายคนที่เธอพูดถึงแค่เข้ากรมไปเป็นทหาร (ชายเกาหลีทุกคนต้องเข้ากรม 2 ปี) และเธอก็ไม่ได้พบเขานานแล้ว อึนบีอึ้งที่หมอดูรู้ลึกรู้จริง แต่เธอยังคงเถียงว่าเขาจะออกจากกรมเร็วๆ นี้และเธอก็จะไปหาเขา จากนั้นก็เดินหนีไป หมอดูจึงบ่นว่าเธอเพิ่งเตือนอึนบีหยกๆ ให้รู้จักระงับอารมณ์

ในขณะที่ชีซูเดินขึ้นสะพานลอยเพื่อมาตามหาฮยอนอูที่ย่านนอร์ยางจิน อยู่ๆ ชายสูทดำสามคนก็โผล่มายืนตรงหน้าและก้มศีรษะคำนับ ชีซูจึงถอดแว่นดำแล้วยิ้มให้จากนั้นก็ทำท่าตะเบ๊ะใส่ แล้วรีบวิ่งหนีลงบันไดเข้าไปในตรอกแคบๆ แต่ชายสูทดำยังคงวิ่งตามมาติดๆ เขาจึงวิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำหญิงของโรงเรียนกวดวิชาซึ่งอึนบีกำลังนั่งทำธุระหนักพลางนึกถึงคำทำนายของหมอดู  เมื่อเห็นอึนบีเปิดประตูออกมา เขาก็ผลักเธอกลับเข้าไปในห้องน้ำแล้วตามเข้าไป จากนั้นก็ล็อคประตู  


พอเห็นอึนบีร้องโวยวายด้วยความตกใจ ชีซูก็ขอโทษและบอกให้เธออยู่ในห้องน้ำกับเขาสักพัก อึนบีไล่ให้เขาออกไปเข้าห้องน้ำผู้ชาย ชีซูบอกว่าตนรีบและจะใช้เวลาไม่นาน จึงขอให้เธออยู่ในห้องน้ำกับเขาเงียบๆ  แต่อึนบีกลับตวาดใส่เสียงดังลั่น แถมยังด่าเขาเป็นชุด ชีซูไม่มีทางเลือกจึงคว้าคอเธอแล้วเอนตัวเข้าไปหา จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ อึนบีหลับตาเพราะนึกว่ากำลังจะถูกชายหนุ่มจูบ  ทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังดังขึ้น พร้อมกับเสียงชีซูที่กระซิบข้างหูอึนบีว่า "สวยจัง" อึนบีถึงกับเคลิ้มและทำปากขมุมขมิบ เมื่อเห็นว่าอึนบียังคงหลับตาและยื่นปากให้จูบ  ชีซูก็ใช้นิ้วเขี่ยขี้แมลงวันบนในหน้าอึนบึแล้วบอกว่า "ขี้แมลงวันเนี่ย...สวยจัง" จากนั้นก็ออกจากห้องน้ำไปหน้าตาเฉย

หลังตั้งสติได้ อึนบีก็รีบตามชีซูออกไปแต่ยังคงมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ยินเสียงอึนบีเรียก ชีซูก็หันกลับไปบอกว่า "สงสัยผมจะเข้าห้องน้ำผิด" จากนั้นก็ยักไหล่แล้วพูดว่า "อุ๊ปส์!" ก่อนหันหลังกลับไป อึนบีชี้นิ้วตามหลังชีซูและทำท่าว่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วชีซูก็หันกลับมาถาม "ว่าแต่คุณหลับตาทำไม" อึนบีพูดไม่ออกจึงได้แต่ยืนชี้นิ้วค้าง ชีซูเห็นดังนั้นก็ยิ้มและหลิ่วตาให้อึนบีหนึ่งทีก่อนที่จะเดินจากไป หลังโดนหว่านเสน่ห์ อึนบีก็ทำอะไรไม่ถูก เธอได้แต่ยืนค้างท่าเดิมอย่างอ่อนแรงเหมือนต้องมนต์สะกด และเผลอทำม้วนทิชชูที่ถือออกมาด้วยหลุดมือ



อึนบีกลับบ้านมาปรึกษาเพื่อนสาวเรื่องคำทำนายของหมอดู โดยเฉพาะคำนายที่ว่าเธอจะได้ยินเสียงระฆังหากได้จูบกับเนื้อคู่ เพื่อนของเธอแย้งว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก ไม่อย่างนั้นใครที่จูบกันวันคริสต์มาสก็จะกลายเป็นเนื้อคู่กันหมด เพราะวันนั้นไม่ว่าไปทางไหนก็จะได้ยินแต่เสียงระฆังและเพลงจิงเกิลเบลล์ อึนบีแกล้งถามเพื่อเป็นการหยั่งเชิงว่า ถ้าบังเอิญเธอพบใครแล้วได้ยินเสียงระฆังจะหมายความว่ายังไง เพื่อนของเธอจึงถามว่า เธอเจอไอ้โรคจิตในห้องน้ำที่นอร์ยางจินใช่ไหม อึนบีสะดุ้งเฮือกที่เพื่อนทักดุจตาเห็น แถมเพื่อนของเธอยังบอกด้วยว่ามีคนโรคจิตอยู่ในห้องน้ำหญิงตั้งแต่ตอนที่เธอไปเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบข้าราชการแล้ว และหมอนั่นก็จะบุกเข้าไปหาหญิงสาวในห้องน้ำแค่ปีละสองครั้ง เธอจึงรู้สึกเห็นใจอึนบีที่อับโชคเรื่องผู้ชาย และเตือนให้อึนบีเอาเวลามาอ่านหนังสือแทนที่จะเสียเวลาไปกับหมอดู

เพื่อนสาวของอึนบีคนนี้มีชื่อว่า คัง ทงจู อายุ 24 เป็นข้าราชการครูที่สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยม จึงได้รับการยอมรับนับถือจากผู้คนในสังคม อีกทั้งยังเป็นดาวเด่นในวงการหาคู่ แต่เธอเป็นผู้หญิงประเภทสวยเลือกได้เลยหักอกผู้ชายมาแล้ว 7 คน อึนบีนึกถึงความสำเร็จทั้งในเรื่องหน้าที่การงานและความรักของเพื่อนแล้วก็ได้แต่แอบอิจฉา

ขณะที่ประธานชากำลังนั่งแช่ตัวในอ่างอาบน้ำภายในคฤหาสน์สุดหรูอย่างโดดเดี่ยว ลูกน้องของเขาก็เข้ามารายงานว่ายังตามตัวชีซูมาไม่ได้  ประธานชาจึงสั่งให้ลูกน้องไปจับตัวชีซูมาอีกครั้ง โดยย้ำว่าห้ามทำให้เขาบาดเจ็บ ขณะนั้นชีซูสวมแว่นดำ (ตอนกลางคืน) แล้วนำหนังสือพิมพ์มาห่มคลุมตามตัว พร้อมทั้งอ่านหนังสือฆ่าเวลาบนพื้นด้านหน้าโรงเรียนกวดวิชา  ทำให้สาวๆ ที่ผ่านไปมาเห็นแล้วนึกว่าเขาเป็นขอทาน 


ฮยอนอูสงสัยว่านักเรียนกวดวิชากำลังมุงดูอะไรเลยเดินเข้ามาดู เมื่อเห็นว่าเป็นชีซูเขาก็ยิ้มด้วยความดีใจ ขณะที่ชีซูเองก็รีบลุกขึ้นด้วยความดีใจเช่นกัน เมื่อรู้ว่าฮยอนอูทำงานพาร์ทไทม์และมีรายได้เป็นรายชั่วโมงชีซูก็รู้สึกเป็นห่วง แต่ฮยอนอูกลับทำเหมือนไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร เขาถามชีซูว่ากลับมาที่เกาหลีทำไม ชีซูตอบว่าตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลับมาทำไม จากนั้นก็ถามฮยอนอูว่าต้องการให้เขาช่วยเรื่องเงินไหม ฮยอนอูตอบโดยไม่คาดหวังว่า "เอาสิ พ่อของชั้นเป็นหนี้ 270 ล้านวอน (เกือบ 7.2 ล้านบาท) ถ้าคิดเป็นตัวเลขกลมๆ นายก็ให้เงินชั้นซัก 300 ล้านวอนเป็นไง" ชีซูตกใจเมื่อรู้ว่าพ่อของฮยอนอูเป็นหนี้ก้อนใหญ่ จึงถามฮยอนอูว่า "ตอนนี้พ่อนายอยู่ไหน" 

ฮยอนอูทำหน้าเศร้าแล้วบอกว่า "ชั้นไม่เจอหน้าพ่อมาปีกว่าแล้ว ที่ผ่านมาชั้นออกตามหาพ่อมาโดยตลอด แต่เพิ่งถอดใจเมื่อเดือนที่แล้ว แรกๆ ชั้นก็เป็นห่วงพ่อ แต่ตอนนี้ชั้นเกลียดเขาแล้ว คนเราก็กลับกลอกแบบนี้แหล่ะ จริงไหม... พอตกทุกข์ได้ยากความเกลียดชังก็เข้ามาที่ความเป็นห่วง" ชีซูฟังแล้วสะท้อนใจจึงบอกฮยอนอูว่า "ชั้นจะให้เงินนาย 300 ล้านวอน ดังนั้น อย่าเกลียดพ่อเลย ถ้านายเกลียดพ่อ แล้วพ่อของนายจะอยู่กับใคร" 


เช้าวันรุ่งขึ้น อึนบีพบว่าหน้าตนเองบวมฉึ่งหลังกินรามยอนเข้าไปเมื่อคืน เธอจึงร้องกรี๊ดๆ ว่าไม่ใช่วันนี้ ทงจูดูวันที่ก็รู้ทันทีว่าแฟนเก่าของอึนบีจะออกจากกรมทหารวันนี้ เธอจึงคาดคั้นอึนบีว่า "ไอ้บ้านั่นจะออกจากกรมวันนี้ใช่ไหม วันนี้รุ่นพี่จะออกไปหาไอ้บ้านั่นรึไง" อึนบีบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ เธอหันกลับไปมองกระจกแล้วพยายามนวดคลึงใบหน้าให้หายบวม ทงจูโวยใส่อึนบีที่ไม่ยอมลืม 'ไอ้บ้า'  นั่น ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนไม่ดี อึนบีจึงวางมาดรุ่นพี่แล้วหันมาเตะขาทงจู 2 ทีโทษฐานที่บังอาจเรียกผู้ชายของเธอว่า "ไอ้บ้า " ถึง 3 ครั้ง

ทงจูยืนกรานว่าห้ามยืมชุดเธอไปใส่เด็ดขาด ถ้าเป็นเรื่องอื่นพอไหว แต่ถ้าใส่ไปหาผู้ชายคนนั้นเธอไม่ยอม อึนบีโวยวายลั่นว่า "ตัวไหนยะ เสื้อขนฟูสีขาว กระโปรงยาวบางพริ้ว แล้วก็ถุงเท้าลูกไม้เนี่ยนะ ทำไมชั้นต้องฝืนแต่งตัวแบบนั้นออกไปเจอผู้ชายด้วย... ชั้นเนี่ยนะ! นี่ยาง อึนบีนะโว้ย!" 

ปรากฏว่าอึนบีสวมเสื้อผ้าทั้งหมดที่กล่าวมาของทงจู แล้วออกไปหาชายหนุ่มที่เพิ่งปลดประจำการ แต่ชายคนดังกล่าวกลับบ้านไปแล้ว เธอจึงเดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกผิดหวัง ระหว่างทางเธอคิดปลอบใจตัวเองไปด้วยว่า เป็นธรรมดาที่ความรักของผู้หญิงวัย 25 อย่างเธอจะไม่สวีทหวานเหมือนเมื่อก่อน แล้วก็จะไม่ได้ยินเสียงระฆังเวลาจูบกันอีกด้วย ถึงกระนั้นเธอก็ยังเชื่อหัวใจตัวเอง เธอนึกถึงจูบแรกของเธอกับผู้ชายคนนั้น ถึงแม้ว่าจะห่างหายกันไปนาน 2 ปีเพราะฝ่ายชายต้องเข้ากรมไปเป็นทหาร แต่เธอก็ยังคิดว่าความรักระหว่างเขากับเธอเป็นรักแท้...  ระหว่างที่นึกถึงคนรักอยู่ๆ ใบหน้าของชีซูก็โผล่เข้ามาในหัวอึนบีซะงั้น


ชีซูยอมกลับไปหาประธานชาแต่โดยดี ประธานชาสั่งให้พ่อบ้านโกลากตัวชีซูไปขึ้นเครื่องบินกลับอเมริกา จากนั้นก็ให้ขังไว้ในห้องพร้อมทั้งส่งคนคอยคุมไม่ให้เขาหนีไปไหนได้อีกเด็ดขาด ชีซูประท้วงว่าตนไม่ใช่เด็กๆ แล้ว และต้องการใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ประธานชาจึงย้อนถามว่าชีวิตแบบไหนกันแน่ที่ชีซูต้องการ  ตอนเขาอยากทำเพลงตนก็หาวงดนตรีมาให้ แต่สุดท้ายนักดนตรีก็ต้องตกงานเพราะเขา   พอเขาไม่อยากเป็นทหารตนก็ส่งไปเรียนอเมริกา แล้วตอนนี้เขาหนีกลับมากรุงโซลอีกทำไม

ชีซูยืนกรานว่านี่เป็นชีวิตในแบบของเขา ประธานชาจึงหันไปมองพ่อบ้านโกเพื่อถามความเห็น (ว่าจะใจอ่อนดีไหม)  เมื่อเห็นพ่อบ้านโกส่ายหน้า ประธานชาก็ตวาดใส่ชีซูว่าไม่ใช่ตอนนี้ และบอกให้ชีซูรับผิดชอบในสื่งที่ตนก่อขึ้น (กลับอเมริกา) จากนั้นก็เดินหนีไป ชีซูวิ่งไปกอดประธานชาจากทางด้านหลัง แล้วเล่าให้ฟังว่าอเมริกาน่ากลัวแค่ไหน แค่สั่งเบอร์เกอร์เป็นภาษาอังกฤษก็หืดขึ้นคอแล้ว แต่เขายังต้องเขียน  ต้องอ่าน และต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย  ประธานชาถามลูกชายว่า ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนหรือ (ว่าต้องเรียนภาษาก่อน) และพยายามแกะมือชีซูออก แต่ชีซูยังคงกอดประธานชาเอาไว้แน่น แล้วบอกว่าตนไม่รู้  นึกว่าพอไปถึงแล้วก็จะพูดภาษาอังกฤษได้โดยอัตโนมัติเหมือนอย่างในละคร

ประธานชาไม่ยอมใจอ่อนและพยายามแกะมือชีซูออก ชีซูจึงแกล้งทำเป็นปวดท้อง ประธานชาหันไปมองพ่อบ้านโกเพื่อถามความเห็นอีกครั้ง คราวนี้พ่อบ้านโกยิ้มและพยักหน้า ประธานชาจึงถามชีซูว่าแล้วเรื่องโรงเรียนจะว่ายังไง ชีซูตอบว่าตนจะไปโรงเรียนแต่โดยดี ประธานชาจึงถามย้ำว่า เขาจะไปเรียนหนังสือและเข้าสอบใช่ไหม  ชีซูตอบว่า "โน พร็อบเบลม"  ประธานชาได้ยินดังนั้นจึงชมลูกชายว่าภาษาอังกฤษดีขึ้น 


ระหว่างขับรถสปอร์ตเปิดประทุนสุดหรู ชีซูก็โทรฯ ถามเพื่อนว่า "ยูน โซอี" อยู่ที่ไหนและได้รับคำตอบว่าเธออยู่ที่งานโรงเรียน ระหว่างนั้นอึนบีซึ่งอยู่ในงานโรงเรียนเช่นกันก็กำลังโทรฯ หาชายหนุ่มที่เพิ่งออกจากกรม พอเห็นว่าเขาไม่รับสาย อึนบีก็ฝากข้อความเอาไว้โดยเตือนว่าเธอกับเขานัดกันว่าจะมาที่งานโรงเรียน และเขาก็สัญญาว่าจะมาเล่นเกมปาลูกโป่งน้ำกับเธอ เธอยังบอกด้วยว่าจะรออยู่ใกล้ๆ กับซุ้มขายอาหารของมหาวิทยาลัยมุงวา ถ้าได้รับข้อความแล้วให้โทรกลับด้วย (ตอนนั้นผู้ชายของเธอกำลังนั่งทานอาหารกับแฟนใหม่อยู่ในร้านทางด้านหลังอึนบี)  

หลังฝากข้อความแล้วอึนบีก็เดินชนสาวน้อยคนหนึ่งอย่างจัง จนทำให้สาวน้อยคนดังกล่าวทรุดลงไปนั่งกับพื้น อึนบีรีบวิ่งไปถามเธอว่าเจ็บตรงไหนรึเปล่า แต่เธอกลับรีบขอโทษอึนบีและโทษว่าเป็นความผิดของตัวเธอเองที่่เดินไม่ดูทาง  อึนบีจะช่วยประคองเธอให้ลุกขึ้น แต่แล้วก็มีหนุ่มๆ กรูกันเข้ามาช่วยประคองเธอ หลังลุกขึ้นสาวน้อยคนดังกล่าวยังคงกล่าวขอโทษอึนบีอีกครั้ง โดยบอกว่าเธอน่าจะระวังตั้งแต่ตอนที่เห็นอึนบียืนโทรศัพท์ แล้วก็ควรเดินหลบอึนบี อึนบีแย้งว่าเป็นความผิดของตนเอง แต่หญิงสาวยังคงยืนกรานว่าเป็นความผิดของเธอที่ไม่ระวังและไม่หลบอึนบี เธอก้มศีรษะขอโทษอึนบี ก่อนหันไปก้มศีรษะขอโทษหนุ่มๆ ทั้งสามคนที่มาช่วยประคองเธอ จากนั้นก็หันกลับมาขอโทษอึนบีอีกครั้งแล้วเดินจากไป ทำให้อึนบีโดนรุมตำหนิที่เดินไม่ระวัง

ชีซูเดินเข้ามาตามหาโซอีในงานโรงเรียน พอเดินผ่านซุ้มขายมักกอลลี (เหล้าสีขาวทำมาจากเมล็ดข้าวหมักกับส่าเหล้า) เขาก็โดนสาวๆ รุมและลากให้เข้าไปนั่งทานอาหารในซุ้ม บังเอิญโต๊ะที่เขานั่งอยู่ข้างๆ โต๊ะของอึนบี อึนบีเห็นชีซูเดินมานั่งใกล้ๆ ก็รู้สึกตกใจ เมื่อเห็นชีซูง่วนอยู่กับการเช็ดกระป๋องสไปร์ท เธอก็นึกสงสัยว่าชีซูจำเธอไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งทำเป็นจำไม่ได้กันแน่ ชีซูหันไปเห็นอึนบีเทสไปร์ทลงใส่ถ้วยมักกอลลีก็รู้สึกประหลาดใจ พอเห็นชีซูหันมามองอึนบีก็ชี้ขี้แมลงวันบนใบหน้าเพื่อเตือนความจำชีซู แต่ชีซูกลับทำเหมือนจำเธอไม่ได้สักนิด

เมื่อเห็นชีซูนั่งมองซุ้มปาลูกโป่งน้ำด้วยความสนใจ อึนบีจึงบอกว่านั่นเป็นเกมของเด็กๆ และสาธิตวิธีการเล่นให้ดูอย่างลืมตัว พอเห็นชีซูทำหน้าเหวอ อึนบีก็ถามเสียงอ่อยว่าเขาเรียนเอกอะไร  ชีซูตอบว่าศิลปศาสตร์ อึนบีจึงแอบเหน็บในใจว่า เขาเอาเวลาที่ไหนมาไล่จูบสาวระหว่างเรียนหนังสือ จากนั้นก็ถามชีซูว่า เขาคงวุ่นอยู่กับการเตรียมสอบใช่ไหม ชีซูแปลกใจที่อึนบีรู้ว่าเขากำลังเตรียมตัวสอบ อึนบีไม่ตอบ แต่กลับยื่นถ้วยมักกอลลีไปชนกับกระป๋องสไปร์ทของชีซู (อึนบีนึกว่าชีซูเป็นนักเรียนโรงเรียนกวดวิชาที่กำลังเตรียมสอบข้าราชการเหมือนเธอ) 

หลังชนแก้วกันแล้ว อึนบีก็ถามชีซูว่าการเรียน (กวดวิชา) เป็นไงบ้าง ชีซูตอบตามตรงว่าตนก็แค่เรียนไปงั้นๆ เพราะครอบครัวและคนรอบข้างบอกให้เรียน อึนบีบอกว่าเขาโชคดีกว่าเธอ เพราะเธอจำเป็นต้องสอบให้ได้ในปีนี้ เนื่องจากปีหน้าเป็นปีชงของคนที่เกิดปีกระต่ายและจะโชคร้ายติดต่อกันนาน 3 ปี ชีซูถามอึนบีว่าเธอเชื่อเรื่องดวงด้วยหรือ อึนบียืนกรานว่าดวงมีความสำคัญต่อชีวิตคนเรา และถามว่าเขาเกิดปีอะไร ชีซูตอบว่าตนเกิดปีไก่ อึนบีจึงนับนิ้วแล้วบอกว่าเขาจะไม่โชคร้ายติดต่อกัน 3 ปีเหมือนเธอ จากนั้นก็ฉุกคิดได้ว่า เธออายุ 25 และเกิดปีกระต่าย ส่วนชีซูเกิดปีไก่ ดังนั้น เขาและเธอจึงอายุห่างกัน 6 ปี ถ้าไม่อายุ 19 เขาก็ต้องอายุ 31  อึนบีนึกว่าชีซูเป็นนักเรียนกวดวิชาจึงฟันธงว่าชีซูอายุ 31  และกล่าวชมว่าเขาหน้าเด็ก ชีซูฟังแล้วหัวเราะชอบใจเพราะไม่เคยมีใครชมเขาเรื่องนี้มาก่อน ครั้นพอหันกลับมามองอึนบีอีกครั้งเขาก็พบเพียงความว่างเปล่า


ในที่สุดอึนบีก็พบว่าคนรักของตนมาเที่ยวงานโรงเรียนกับหญิงอื่น แถมเขายังพาเธอมาเล่นเกมปาลูกโป่งน้ำที่เธอโปรดปราน เธอจึงเดินไปหาทั้งคู่ เมื่อหันมาเห็นอึนบีชายหนุ่มก็ถึงกับอึ้ง อึนบีถามตรงๆ ว่าเขานอกใจเธอหรือ แถมยังกล้ามาแฟนใหม่มาหยามถึงถิ่นของเธอเนี่ยนะ เมื่อชายหนุ่มพยักหน้ารับอึนบีก็ถามต่อว่าทั้งคู่เพิ่งเดทกันครั้งแรกหรือเดทกันมาก่อนหน้านี้แล้ว พอรู้ว่าเป็นเดทครั้งที่ 3 แถมคนรักของเธอยังเคยลาหยุด (จากการฝึกทหาร) เพื่อออกมาเที่ยวกับแฟนใหม่อีกด้วย เธอถามว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยตอบจดหมายและไม่รับโทรศัพท์เธอเพราะมีคนใหม่ใช่ไหม ฝ่ายชายได้แต่พยักหน้ายอมรับ ครั้นพอเห็นธาตุแท้ของคนที่เธอรัก อึนบีก็บอกให้เขาและแฟนใหม่เที่ยวให้สนุก แล้วเดินจากไป

เมื่ออึนบีเดินจากไปแล้ว ชายคนดังกล่าวก็รีบขอโทษแฟนใหม่ที่ไม่เคลียร์กับอึนบีให้เรียบร้อยก่อน ฝ่ายหญิงตอบว่า "ไม่เป็นไรค่ะพี่ ชั้นไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอก ว่าแต่เธอใจเย็นกว่าที่ชั้นคิด ไหนพี่เคยบอกว่าเธอติดพี่แจเลยไง" อึนบีได้ยินดังนั้นก็เดินกลับไปหาทั้งคู่ (ระหว่างนั้นชีซูเดินเข้ามามุงดูด้วย) เธอถามหญิงสาวคนดังกล่าวว่า รู้จักตนใช่ไหม ตนเป็นรุ่นพี่ที่เรียนเอกพละ ชื่อยาง อึนบี หญิงสาวคนดังกล่าวตอบว่าไม่แน่ใจ อึนบีจึงแฉว่าตนและหญิงสาวคนดังกล่าวเคยพบกันมาก่อน และเธอก็รู้ว่าตนเป็นรุ่นพี่แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก หญิงคนดังกล่าวถามว่าแล้วไง จะวางมาดรุ่นพี่ใส่งั้นรึ อึนบีตอบว่าใช่ ก่อนคว้าลูกโป่งน้ำในมือหญิงสาว แล้วเขวี้ยงใส่หัวเธอเต็มแรง ชีซูเห็นแล้วถึงกับอึ้ง


หญิงคนดังกล่าวร้องลั่นว่าเจ็บจมูกและโวยวายว่าเธอเพิ่งไปจมูกมา (ขณะที่ชีซูออกอาการหงุดหงิดเมื่อพบว่าน้ำในลูกโป่งกระเด็นใส่เสื้อตน) เมื่อเห็นอึนบีเดินหนี ชายหนุ่มที่อึนบีหลงคิดว่าเป็นรักแท้ก็เรียกให้หยุดแล้วเดินเข้าไปคว้าตัวเธอ พลางบอกว่า นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่ชอบเธอ เพราะเธอทำเขารู้สึกเหมือนโดนกดดันตลอดเวลา ทั้งยังตำหนิว่าเธอเฝ้ารอแต่เขาคนเดียวมาตลอด 2 ปีได้ยังไง อึนบีหันไปเห็นชีซูเปิดประตูรถ จึงบอกชายหนุ่มตรงหน้าว่า เขาเข้าใจผิด เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เขาคิด  จริงๆ แล้วเธอเองก็คบกับคนอื่นอยู่เหมือนกัน ชายคนดังกล่าวถามว่าแฟนใหม่เธออยู่คณะเดียวกันรึเปล่า อึนบีตอบว่า เธอจะเสียเวลาออกเดทกับนักศึกษาอีกทำไม พูดจบเธอก็เดินไปขึ้นรถชีซู

ชีซูกำลังหงุดหงิดที่เสื้อแคชเมียร์ราคาแพงถูกน้ำกระเด็นใส่ พอเห็นอึนบีขึ้นมานั่งบนรถหน้าตาเฉยเขาก็รู้สึกตกใจ อึนบีขอโทษแล้วบอกชีซูว่าอย่าเพิ่งถามหรือต่อว่า และขอให้เขารีบพาเธอไปจากที่นี่ ชีซูตั้งท่าจะโวยวายแต่รถของเขาโดนรุ่นน้องอึนบีปาลูกโป่งน้ำใส่ เขาเลยต้องรีบขับรถออกไปทันที


หลังขับรถออกมาแล้ว อึนบีก็ได้แต่นั่งเงียบ ชีซูรู้สึกอึดอัดจึงบอกให้เธอพูดอะไรสักอย่าง อึนบีจึงกล่าวแบบใส่อารมณ์ว่า "ขอโทษ ชั้นขอโทษ ชั้นผิดเอง" ชีซูถามว่า เธอพาลโกรธเขางั้นหรือ  ชีซูพยายามอธิบายว่าเธอก็แค่อยากขอโทษเขา แต่เธอยังอารมณ์ค้างจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่เลยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ และขอให้เขาอดทนรอสักครู่  ชีซูเห็นอึนบีทำท่าเหมือนจะขาดใจตายหลังเลิกกับแฟน เลยถามว่าเธอมาจากยุคหินหรือเปล่า อึนบีพูดทั้งน้ำตาว่า ใช่แล้ว เธอมาจากยุคหิน จากนั้นก็ร้องไห้แล้วบอกว่าเธอมันโง่ที่เฝ้ารอเขา และงี่เง่าที่มัวแต่คร่ำเคร่งอยู่กับการเรียนกวดวิชา แม้แต่มือถือที่เธอใช้ก็ยังตกรุ่น แต่ก็ชีวิตนี้ก็มีบางสิ่งที่ต้องสงวนเอาไว้ เพื่อนเธอบอกว่าถึงจะทุกข์ยากแค่ไหนก็ต้องกิน (ชีซูทำท่าเบื่อหน่ายที่ต้องนั่งฟัง) แม้คนเราจะเปลี่ยนรุ่นโทรศัพท์เป็นว่าเล่น แต่เราก็ไม่ควรเปลี่ยนคน (รัก) ไม่ว่าโลกนี้จะเปลี่ยนแปลงไปสักแค่ไหน แต่ความรักก็ไม่ควรเปลี่ยนแปลง  เพราะความรักเกิดขึ้นตรงนี้ (เธอวางมือทาบหัวใจตัวเอง)

ชีซูร้องถามอึนบีด้วยความตกใจว่าเธอร้องไห้หรือ  อึนบีเห็นชีซูลงจากรถเลยบอกว่าเธอไม่เป็นไรและไม่ต้องการทิชชู แต่ชีซูกลับเปิดประตูรถให้อึนบีแล้วไล่เธอลงจากรถ โดยบอกว่าสิ่งที่ตนเกลียดมากที่สุดในโลกคือ รอยสกปรกบนเสื้อผ้าและผู้หญิงร้องไห้ และอึนบีซึ่งเป็นผู้หญิงที่ทำให้เสื้อเขามีรอยเปื้อนก็กำลังร้องไห้ต่อหน้าเขา เมื่อเห็นอึนบียังคงนั่งนิ่งอยู่ในรถเขาจึงตวาดไล่ให้เธอลงมา พออึนบีลงจากรถแล้วเขาก็รีบบึ่งออกไปทันที 

อึนบีเดินกลับบ้านพลางคิดว่าเธอคงมาจากยุคหินอย่างที่ชีซูพูดจริงๆ จึงไม่อาจลืมจูบแรกได้  พอกลับมาถึงบ้านเธอแอบได้ยินทงจูโทรศัพท์คุยกับหนุ่มๆ ทางโทรศัพท์จนสับรางแทบไม่ทันก็คิดได้ว่าตัวเองหลงยุคเพราะมัวแต่ยึดมั่นอยู่กับผู้ชายงี่เง่าที่ชื่อ "คิม แจโฮ" เพียงคนเดียว เธอจึงนำข้าวของที่มีภาพความทรงจำระหว่างเธอกับแจโฮไปโยนทิ้ง


เช้าวันรุ่งขึ้น อึนบีเตรียมตัวไปทดลองงานเป็นครูฝึกสอนที่โรงเรียนมัธยมเป็นวันแรก (โรงเรียนที่ทงจูสอน) ทงจูบอกว่าวันนี้นับเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของอึนบี เมื่อใดก็ตามที่เธอผ่านการฝึกสอนและสอบข้าราชการผ่าน ชีวิตเธอก็จะเปลี่ยนไปและจะมีอนาคตที่สดใส หากได้ชื่อว่าเป็นข้าราชการครูก็จะได้รับการยกย่องและมีผู้ชายที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆ มาสนใจเพียบ อึนบีถามทงจูว่าเธอหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายพร้อมกันทีเดียวหลายคนได้ยังไง ทงจูแย้งว่าเธอไม่ได้หว่านเสน่ห์ ก็แค่ถามผู้ชายตรงๆ ว่าอยากออกเดทกับเธอไหม แต่ถ้าไม่อยากก็ตามใจ

อึนบีออกไปนั่งทานอาหารเช้าที่ร้านกาแฟ เมื่อเห็นเพื่อนๆ ของชีซูนั่งทานอาหารเช้าพลางปรึกษาหารือเรื่องบางอย่าง เธอก็เข้าใจว่าพวกเขาเป็นคนทำงาน เลยแอบมองและให้คะแนนแต่ละคน แต่แล้วเพื่อนๆ ของชีซูต่างหันมายิ้มและหว่านเสน่ห์ใส่เธอ เธอเลยสำลักด้วยความเขินและรีบเดินออกจากร้าน พลางคิดว่าเช้านี้ช่างสดใสและเป็นวันที่เธอได้กลายเป็นคนใหม่ เป็นหญิงเก่งที่ทันสมัย เธอหมายมั่นว่าจะเป็นข้าราชการครูให้ได้ เมื่อถึงวันนั้นเธอจะมองแต่ผู้ชายที่ใส่สูทและขับรถยนต์ไปทำงานเท่านั้น 


ทันใดนั้น ก็มีชายหนุ่มขับรถสปอร์ตเข้ามาจอดตรงหน้าอึนบี เมื่อเห็นชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนคไทขับรถมาจอดริมถนน อึนบีก็หยุดมองด้วยความสนใจ ปรากฏว่าชายที่เดินลงจากรถคือชีซู อึนบีเห็นแล้วได้แต่อึ้ง  ถึงกระนั้นเธอก็เดินตามมาขอโทษเขาเรื่องเมื่อวานนี้ ชีซูกล่าวโดยไม่มองหน้าอึนบีว่าตนไม่สนใจเรื่องในอดีตและเดินต่อไปแบบชิลๆ อึนบีจึงใช้สายตาเรดาห์สแกนชีซูตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วให้เขา 88 คะแนน จากนั้นก็วิ่งตามแล้วเปรยว่าเขาคงมีธุระ ชีซูตอบว่าเขาจะไปชาซอง อึนบียกแก้วเครื่องดื่มในมือที่มีโลโก้และชื่อบริษัทชาซองขึ้นมาดู จากนั้นก็ให้ชีซูเพิ่มเป็น 93 คะแนน

อึนบีรู้สึกทึ่งที่ชีซูมีหน้าที่การงานมั่นคงแล้ว แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบเข้ารับราชการ  แม้ชีซูจะบอกตามตรงว่าตนจำเป็นต้องทำเช่นนั้นเพื่อให้ได้ค่าน้ำมันรถ  แต่อึนบีเห็นว่าชีซูมีงานที่มั่นคงทั้งๆ ที่อยู่ในวัย 30 ต้นๆ จึงให้เขาเพิ่มเป็น 96 คะแนน จากนั้นก็ถามต่อว่าเขาเข้ากรมมาแล้วใช่ไหม (กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย) ชีซูยักไหล่แล้วตอบว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องไปที่นั่น เพราะเขา "เมดอินยูเอสเอ" เมื่อได้ยินดังนั้นอึนบีก็ให้คะแนนชีซูเต็ม 100 ทันที



ชีซูแอบทำหน้าเหนื่อยหน่ายที่อึนบีเดินตามต้อยๆ ซ้ำยังถามไม่หยุด ส่วนอึนบีแอบหมายมั่นปั้นมือว่าจะออกเดทกับผู้ชายคนนี้ให้ได้  เธอจึงวิ่งตามแล้วเริ่มต้นหว่านเสน่ห์ด้วยการขอบคุณชีซูที่ช่วยเหลือเธอเมื่อวานนี้ โดยเรียกเขาว่า "พี่ชาย" ชีซูเป็นงงเมื่อได้ยินอึนบีเรียกเธอว่า "พี่ชาย" อึนบีจึงออกตัวว่าเธอเรียกเขาแบบนั้นเพราะเขาอายุมากกว่าเธอ 6 ปี จากนั้นก็เริ่มออดอ้อน ชีซูแย้งว่าเธอกำลังเข้าใจผิด อยู่ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านมาด้วยความเร็ว อึนบีจึงรีบเบี่ยงตัวหลบและล้มลงในอ้อมแขนของชีซู ทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังดังขึ้น (ระฆังเข้าเรียน) 

ขณะอยู่ในอ้อมแขนของชีซู อึนบีก็นึกถึงวิธีที่ทงจูใช้กับผู้ชาย เธอจึงเลียนแบบทงจูด้วยการถามว่า "อยากออกเดทกันชั้นมั๊ยคะ...พี่ชาย" ชีซูถึงกับอึ้ง อึนบีจึงกล่าวต่อว่า "หรือถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไร" ทันใดนั้นเพื่อนๆ ของชีซูก็ตะโกนบอกว่าโรงเรียนเข้าแล้ว ชีซูจึงหันไปบอกอึนบีที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนว่า เขาชอบที่เธอเรียกเขาว่า "พี่ชาย" แต่ไม่ค่อยชอบเรื่องที่เธอชวนออกเดท  จากนั้นก็ประคองตัวเธอให้ลุกขึ้นแล้วผลักออกให้พ้นตัว ก่อนสวมเสื้อสูท (ชุดนักเรียนมัธยม) ด้วยลีลาสุดเท่ อึนบีแทบช็อคเมื่อรู้ว่าชีซูไม่ได้เป็นพนักงานบริษัท ชาซอง คอร์ปอเรชั่น แต่เป็นนักเรียนชั้นมัธยมของโรงเรียนชาซอง และเขาก็ไม่ได้อายุ 31 อย่างที่เธอคิด แต่มีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น 


เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรติดตามได้ใน "นายตัวร้ายกับยัยราเมน (Flower Boy Ramyun Shop)"

* เนื้อหาโดย luvasianseries


นักแสดงนำ




จอง อิลวู  รับบท ชา ชีซู




ลี ชองอา รับบท ยาง อึนบี




ลี กีอู รับบท ชเว คังฮยอค

* ภาพจากทีวีเอ็น



ปาร์ก มินวู รับบท คิม พาอูล



โจ ยูนอู รับบท อู ฮยอนอู


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา