วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรื่องย่อ ลิขิตรักเจ้าหญิงมูยอง (The Blade and Petal)




กำกับ:  คิม ยองซู, ปาร์ก จินซอก  
เขียนบท:  ควอน มินซู
แนวละคร:  ย้อนยุค (อิงประวัติศาสตร์), โรแมนติก, แอ็คชั่น, เมโลดราม่า 
จำนวนตอน: 20
ออกอากาศ:  เกาหลี - 3 กรกฎาคม 2556 - 5 กันยายน 2556 ทางเคบีเอส2    
               ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.25-22.00 น. ทางพีพีทีวี เริ่มออกอากาศวันที่ 11 ตุลาคม 2557

เรื่องย่อ




"ลิขิตรักเจ้าหญิงมูยอง (The Blade and Petal)" เป็นละครย้อนยุคแนวแอ็คชั่นที่จะพาเราย้อนกลับไปชมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีเมื่อ 1,372 ปีก่อน (ปี ค.ศ. 642) ในช่วงปลายรัชสมัยของพระเจ้ายองรยู ซึ่งเป็นพระราชาองค์ที่ 27 ของอาณาจักรโกกูรยอ (ครองราชย์ ปี ค.ศ. 618 - 642 หรือ พ.ศ. 1161 – พ.ศ. 1185) โดยดำเนินเรื่องราวผ่านรอยรักแรงแค้นของ "องค์หญิงมูยอง" พระราชธิดาของพระเจ้ายองรยู ซึ่งตกหลุมรัก "ยอนชุง" บุตรชายนอกสมรสของแม่ทัพใหญ่  "ยอน เกโซมุน" ศัตรูของราชวงศ์ที่ยึดอำนาจและปลงพระชนม์พระราชา ตลอดจนพระอนุชาขององค์หญิง พระองค์จึงต้องตัดสินใจว่าจะมอบดาบ (ความโกรธแค้นชิงชัง) หรือดอกไม้ (ความรักและการให้อภัย) ให้กับชายที่ตนรัก

เกร็ดความรู้: พระเจ้ายองรยู (영류왕) และยอน เกโซมุน (연개소문) มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ (แต่องค์หญิงมูยองและยอนชุงเป็นตัวละครที่ถูกสมมุติขึ้น)  พระเจ้ายองรยู เป็นพระราชาองค์รองสุดท้ายของอาณาจักรโกกูรยอซึ่งได้ชื่อว่ามีความกล้าหาญมากที่สุด   ก่อนขึ้นครองบัลลังก์พระองค์ (นามเดิม "โก กอนมู") เคยรบชนะกองทัพนับล้านของราชวงศ์สุยที่บุกมาทำสงครามกับอาณาจักรโกกูรยอ (สงครามยืดเยื้อยาวนานถึง 16 ปี) หลังราชวงศ์สุยล่มสลายและมีการสถาปนาราชวงศ์ถังขึ้นในปีที่พระองค์ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์พยายามใช้แนวทางสันติในการรับมือกับราชวงศ์ถัง เพราะบ้านเมืองยังคงบอบช้ำและอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู แต่ยอน เกโซมุนต้องการตอบโต้การรุกรานของราชวงศ์ถังแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และนั่นก็เป็นที่มาของความขัดแย้งระหว่าพระเจ้ายองรยูและยอน เกโซมุน ซึ่งต่างก็ต้องการปกป้องโกกูรยอทั้งคู่ เพียงแต่มีแนวคิดและวิธีการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

"ยอน เกโซมุน" เป็นบุตรชายอดีตมหาเสนาบดีแห่งโกกูรยอ เขาเป็นจอมพลเผด็จการที่ทรงอำนาจมากที่สุด และเป็นฮีโร่ที่ปกป้องโกคูรยอจากการรุกรานของราชวงศ์ถังเอาไว้ได้หลายครั้ง (ศัตรูคู่อาฆาตของเขาคือ "หลีซื่อหมิน" ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นจักรพรรดิ "ถังไท่จง" ในเวลาต่อมา) นอกจากนี้ เขายังเป็นควบคุมดูแลการก่อสร้างกำแพงเมือง "ชอลลี" (หรือกำแพงพันลี้) เพื่อป้องกันการรุกรานของราชวงศ์ถังอีกด้วย เขาต้องการทำสงครามแตกหักกับราชวงศ์ถัง แต่ถูกพระเจ้ายองรยูขัดขวางจึงบาดหมางใจกันถึงขั้นกลายเป็นศัตรู

หลังรู้ว่าพระเจ้ายองรยูและขุนนางจำนวนหนึ่ง วางแผนกำจัดแม่ทัพนายกองที่มีอำนาจเหลือล้นจนเป็นภัยต่อราชสำนัก และคนแรกที่จะโดนกำจัดก่อนก็คือตน ยอน เกโซมุน จึงชิงยึดอำนาจด้วยการหลอกให้ขุนนางฝ่ายตรงข้ามจำนวน 100 คนมาร่วมงานเลี้ยงฉลองเลื่อนตำแหน่งแล้วลอบสังหาร จากนั้นก็บุกเข้าไปปลงพระชนม์พระเจ้ายองรยูถึงในวังแล้วนำพระศพไปทิ้งคูน้ำอย่างน่าอนาถโดยไม่มีการทำพิธี (มิหนำซ้ำ คนของยอน เกโซมุนยังหั่นพระศพอีกด้วย) หลังโค่นล้มราชบัลลังก์ได้สำเร็จ ยอน เกโซมุนก็แต่งตั้งพระนัดดา (หลาน)   "โพจาง" (เดิมชื่อ "จาง") ให้เป็นพระราชาหุ่นเชิด แล้วแต่งตั้งตนเองเป็นอัครมหาเสนาบดี (เทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน) หลังยอน เกโซมุนถึงแก่กรรม บ้านเมืองก็เริ่มอ่อนแอและพ่ายแพ้ต่อกองทัพชินลา-ถัง (อาณาจักรชินลาจับมือราชวงศ์ถังโจมตีโกกูรยอ) หลังจากนั้น อาณาจักรโกกูรยอซึ่งเคยยิ่งใหญ่และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับ 700 ปีก็มีอันต้องล่มสลายและถูกผนวกรวมเข้าเป็นดินแดนของอาณาจักรชินลา (ปัจจุบัน ดินแดนส่วนใหญ่ของอาณาจักรโกกูรยออยู่ในเกาหลีเหนือและคาบสมุทรเหลียวตงของจีน)

ละครเปิดฉากขึ้นด้วยเสียงเล่ากึ่งรำพึงรำพันขององค์หญิงมูยอง


โกกูรยอ... 
อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองเอเชียตะวันออก... โกกูรยอ
ข้าคือองค์หญิงแห่งโกกูรยอ... เสด็จพ่อของข้า "พระเจ้ายองรยู" คือ วีรบุรุษที่นำทัพไปปราบทหาร 1.1 ล้านคนของราชวงศ์สุย... "โก กอนมู" (นามเดิมของพระเจ้ายองรยู) เมื่อผู้ปกครองคนใหม่ของดินแดนตอนกลาง..."ราชวงศ์ถัง" เริ่มรุกคืบเข้ามาโจมตีโกกูรยอทีละน้อย พระเจ้ายองรยูต้องการประวิงเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำสงครามรอบใหม่ แต่ยอน เกโซมุนต้องการตอบโต้ทันที  
และรักเดียวในชีวิตของข้า... "ยอนชุง" บุตรชายยอน เกโซมุน... หากเราไม่ได้พบกันตั้งแต่ต้น ทุกอย่างจะลงเอยเช่นไร
โกกูรยอ... ทำไมโกกูรยอถึงได้ล่มสลาย... ทำไมโกกูรยอถึงได้ล่มสลาย... 


หลังองค์หญิงมูยองถามซ้ำๆ อย่างสิ้นหวังว่า "ทำไมโกกูรยอถึงได้ล่มสลาย" กล้องก็ซูมเอาท์ออกจากใบหน้าองค์หญิง และเผยให้เห็นว่าองค์หญิงมูยองกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังและเถ้าถ่านของพระราชวัง

ในขณะที่องค์หญิงและพระอนุชา (น้องชาย) ถูกคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารของราชวงศ์ถังซุ่มโจมตีระหว่างเดินทาง พระเจ้ายองรยูก็กำลังหารือกับเหล่าขุนนางในราชสำนัก เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างโกกูรยอและอาณาจักรที่อยู่ใกล้เคียง  พระองค์ทรงเห็นว่าโกกูรยอไม่ได้อยู่ตามลำพังในโลก จึงต้องสร้างความปรองดองกับอาณาจักรและชนเผ่าอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจอย่างราชวงศ์ถัง หรือชนเผ่าเล็กๆ อย่างแพคเจ และชินลา เพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้โกกูรยอรอดพ้นจากการถูกศัตรูรุกราน


โดซู แย้งว่า ราชวงศ์ถังเพิ่งโจมตีเมืองเกาชาง แถมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังยังส่งพระธิดาไปอภิเษกที่ทิเบต  ซึ่งแสดงให้เห็นว่าราชวงศ์ถังกำลังซื้อเวลาเพื่อเตรียมบุกโจมตีโกกูรยอ พระองค์จึงควรตระหนักว่าราชวงศ์ถังกำลังจะเปิดสงครามกับโกกูรยอในไม่ช้า พระเจ้ายองรยูถามกลับว่าจะให้พระองค์ทำสงครามกับราชวงศ์ถังอย่างนั้นหรือ  โดซูทูลว่า สงครามไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากเลี่ยงก็เลี่ยงได้ พระเจ้ายองรยูจึงกล่าวว่า สมัยก่อนพระองค์เคยนำทัพไปปราบทหารของราชวงศ์สุย เมื่อถึงคราวที่ต้องออกรบ พระองค์จะไม่ยอมพ่ายแพ้ให้แก่ใคร รวมทั้งราชวงศ์ถังด้วย เพียงแต่ตอนนี้โกกูรยอยังไม่พร้อมที่จะทำสงคราม

ขุนนางอีกคนแย้งอย่างมีอารมณ์ว่า ทหารของราชวงศ์ถังทำลายอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะ (สร้างขึ้นหลังรบชนะราชวงศ์สุย - เป็นเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์) และยังส่งสายลับแฝงตัวมาเป็นทูตเพื่อขโมยแผนที่โกกูรยออีก และนั่นก็เป็นสิ่งที่เกินรับได้ พระเจ้ายองรยูถามกลับว่า "พวกเจ้ารู้มั๊ยว่าสงครามคืออะไร ตอนที่ข้าปกป้องโกกูรยอจากศัตรู...ราชวงศ์สุย... พวกเจ้ามัวทำอะไรอยู่ ทั้งมือและดาบของพวกเจ้าไม่เคยเอาชีวิตศัตรูมาก่อน แล้วยังมีหน้ามาพูดเรื่องสงครามกับข้าอีกรึ" พระองค์หันไปจ้องหน้ายอน เกโซมุน แล้วกล่าวว่า "ใช่ว่าคนแข็งแกร่งจะอยู่รอด แต่คนที่อยู่รอดต่างหากคือผู้แข็งแกร่ง"




 

ถึงกระนั้นก็ยังมีคนแย้งว่า วิธีของพระองค์ไม่อาจหยุดยั้งการรุกรานของราชวงศ์ถังได้ พระเจ้ายองรยูจึงถามเหล่าขุนนางว่าแล้ววิธีที่ดีกว่าคืออะไร เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ยอน เกโซมุนสบโอกาสจึงเปิดปากพูดว่า อันดับแรกต้องแต่งตั้งมหาเสนาบดีคนใหม่ (ในเวลาเดียวกันนั้น ทั้งพระนัดดาจาง และสมาชิกกลุ่มองค์กรลับ "กึมฮวาดัน" ต่างกำลังต่อสู้กับคนร้าย โดยองค์หญิงเป็นผู้ควบคุมรถม้าแทนจางชั่วคราว เพราะจางต้องคอยปกป้ององค์ชายที่กลายเป็นเป้านิ่งอยู่ในเกี้ยว) พระเจ้ายองรยูแย้งว่ามหาเสนาบดีคนเดิมยังทำงานไม่ครบวาระ แต่ยอน เกโซมุน ให้เหตุผลว่า ตอนนี้ราชวงศ์ถังกำลังแผ่ขยายอำนาจและอาณาเขตออกไปทั่วทั้งทวีป อีกไม่นานคงเปิดฉากทำสงครามกับโกกูรยอ จึงต้องเลือกมหาเสนาบดีที่สามารถต่อกรกับราชวงศ์ถัง เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องโกกูรยอได้


โดซูกล่าวเสริมว่า มหาเสนาบดีคนปัจจุบันทั้งอ่อนแอและไร้ความสามารถ เขาเข้าพบสายลับที่ราชวงศ์ถังส่งมาเป็นทูตอย่างชื่นมื่นถึง 3 ครั้ง จึงไม่อาจฝากอนาคตของโกกูรยอให้เขาดูแลได้ (พูดต่อหน้า "แฮ เทซู" มหาเสนาบดีคนปัจจุบัน) พระเจ้ายองรยูแย้งว่า การแต่งตั้งมหาเสนาบดีคนใหม่ไม่ได้ช่วยปกป้องโกกูรยอ แต่สิ่งแรกที่ควรทำคือ การสร้างความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำก่อนแต่งตั้งมหาเสนาบดีคนใหม่ก็คือการทำพิธีแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาท

ยอน เกโซมุน แย้งอย่างไม่ยำเกรงว่า องค์ชายรัชทายาทที่อ่อนแอและไร้ความสามารถไม่อาจรับมือกับราชวงศ์ถังได้ (ระหว่างนั้นสมาชิกกลุ่ม "กึมฮวาดัน" กำลังต่อสู้กับคนร้ายอย่างดุเดือด เพื่อเปิดทางให้องค์หญิงและองค์ชายหลบหนี)  ยอน เกโซมุน อ้างว่าพระเจ้ายองรยูเองก็ไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท แต่ที่ได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นเพราะพระองค์เป็นผู้นำทัพไปปราบทหารของราชวงศ์สุย (พระเจ้ายองรยู เป็นน้องชายต่างมารดาของพระเจ้ายองยางและเป็นพระโอรสของพระเจ้าพยองวอน หลังพระเจ้ายองยางสวรรคต  พระเจ้ายองรยูก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์) จึงควรเลือกผู้ที่มีความกล้าหาญและมีความดีความชอบมากที่สุดในหมู่เชื้อพระวงศ์ มาเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์แห่งอาณาจักรโกกูรยอ


ขณะที่บรรยากาศในท้องพระโรงกำลังตึงเครียด แทคยองก็เข้ามาทูลพระเจ้ายองรยูว่า ขบวนเกี้ยวขององค์หญิงและองค์ชายถูกทหารของราชวงศ์ถังซุ่มโจมตีระหว่างเดินทางกลับจากเมืองชอลบอน (อดีตเมืองหลวงของโกกูรยอ)  โดซูถือโอกาสทูลว่า ตนและแม่ทัพยอน เกโซมุนพูดเอาไว้ไม่ผิด ในเมื่อราชวงศ์ถังหยามโกกูรยอถึงเพียงนี้แล้วจะสร้างความปรองดองกันได้อย่างไร พระเจ้ายองรยูตรัสว่า หลังสอบปากคำทหารที่ถูกจับได้ก็จะรู้ว่าราชวงศ์ถังทำเช่นนี้เพื่ออะไร

ปรากฏว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการจัดฉากของฝ่ายยอน เกโซมุน  พอรู้ว่าคนที่พวกตนส่งไปสร้างสถานการณ์ถูกทหารองครักษ์จับตัวได้ เหล่าขุนนางฝ่ายยอน เกโซมุนต่างกลัวว่าแผนการจะถูกเปิดโปงแต่ยอน เกโซมุนกลับยังคงนิ่งเฉยและบอกให้เหล่าขุนนางไปหาอะไรใส่ท้องให้สบายใจ




อีกด้านหนึ่ง "ยอนชุง" บุตรชายนอกสมรสของยอน เกโซมุน ก็กำลังเดินฝ่าสายฝนโดยสวนกับขบวนเสด็จขององค์หญิงและองค์ชาย ภารกิจของยอนชุงคือการลอบสังหารคนร้ายที่ถูกทหารองครักษ์จับได้ และเขาก็ยิงธนูฝ่าสายฝน ฝูงชน และลูกกรง ให้พุ่งเข้าไปปักกลางหลังคนร้ายได้อย่างแม่นยำ  

จางเห็นดังนั้นก็ออกไล่ล่ายอนชุงทันที องค์หญิงมูยองเห็นยอนชุงซุ่มอยู่บนหลังคาจึงชักดาบแล้วออกติดตามยอนชุงท่ามกลางสายฝน แม้จะถูกทหารและจางล้อมจับแต่ยอนชุงก็สามารถฝ่าออกมาได้ แต่สุดท้ายพระเอกของเราก็ปีนกำแพงมาจ๊ะเอ๋องค์หญิงมูยอนซะงั้น  องค์หญิงยื่นดาบไปที่ยอนชุงเชิงข่มขู่ซึ่งยอนชุงก็ยอมจำนนแต่โดยดี  พอเห็นจางพุ่งเข้าหา ยอนชุงก็รีบปัดดาบองค์หญิง เขาไม่คิดทำร้ายองค์หญิงและจางเพียงแต่ต้องการเปิดทางหลบหนี  หลังกระแทกจางจนล้มลงแล้ว ยอนชุงก็รีบคว้ากระเป๋าหนังที่บรรจุธนูหวังหลบหนี องค์หญิงเห็นดังนั้นจึงดึงกระเป๋าไว้จนเกิดการยื้อยุด ทำให้ยอนชุงพลาดท่าถูกจางฟันเข้าที่ต้นแขน พอหลบหนีออกมาได้แล้วเขาก็ได้ยินจางพูดว่า "องค์หญิง!" 



จางมาตามหามือสังหารที่โรงเตี๊ยม (ขณะนั้นยอนชุงกำลังโชว์ปิดตายิงธนูอยู่ทางด้านใน) โดยมองหาคนที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณต้นแขน  พอเห็นยอนชุง (ซึ่งมีผ้าปิดตาและไม่มีร่องรอยบาดแผล) เขาก็จ้องมองอย่างจับผิดก่อนเดินเลี่ยงออกไปยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ  ทันใดนั้น แขนเสื้อของยอนชุงก็ชุ่มไปด้วยเลือด หลังหยั่งเชิงกันได้สักพัก ทั้งจางและยอนชุงต่างชักดาบออกมาช้าๆ แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาดึงตัวยอนชุงออกไป  ("ชีอู" และ "บูชิ" ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่ม "กึมฮวาดัน" ก็อยู่ในโรงเตี๊ยมและได้เห็นฝีมือยิงธนูขั้นเทพของยอนชุงเช่นกัน)  

หลังจางไปจากโรงเตี๊ยมแล้ว ยอนชุงก็นึกถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเขาต้องกลายเป็นมือสังหาร... วันหนึ่ง หลังจบการแสดงปิดตายิงธนู อยู่ๆ ก็มีชายกลุ่มหนึ่งมาจ้างวานให้เขาทำงานให้ (ฝีมือยิงธนูขั้นเทพของเขาเป็นที่โจษจันไปทั่วเมืองพยองยาง และใครๆ ต่างก็รู้ว่าเขาเดินสายแสดงการปิดตายิงธนู เพื่อตามหาใครบางคน) ตอนแรกยอนชุงปฏิเสธ แต่พอรู้ว่าผู้จ้างวานเป็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตในบ้านเมืองต่อให้เขาอยากเข้าพบแค่ไหนก็ไม่มีทางได้พบง่ายๆ ยอนชุงจึงถามว่าหากตนรับงานนี้แล้วจะได้เข้าพบผู้จ้างวานไหม


ตัดกลับมาที่โรงเตี๊ยมในปัจจุบัน... ยอนชุงมองภาพวาดแม่ที่อยู่บนจี้ (สร้อยคอ) แล้วนึกถึงตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่น ในตอนนั้นเขาถามแม่ว่าพ่ออยู่ไหน แม่ของเขาตอบเพียงว่าอยู่ไกลมากและเธอก็ไม่อยากเจอพ่อของยอนชุง ยอนชุงเดาว่าพ่อคงเขี่ยแม่ทิ้งเพราะแม่เป็นเพียงทาส   แต่แม่ยอนชุงปฏิเสธและบอกว่าพ่อของเขาเป็นคนดี หลังจากนั้นเธอก็ถอดสร้อยคอแล้วนำมาสวมให้ยอนชุง... ยอนชุงนั่งมองจี้ที่แม่ให้แล้วถึงกับน้ำตาร่วง 
  
หลังกลับมาที่วังหลวงอย่างปลอดภัยแล้ว องค์หญิงมูยองก็นำตัวยาหายากจากชอลบอนมามอบให้หมอหลวง หมอหลวงจึงทูลว่าตัวเชลยที่องค์หญิงจับมาได้มีกลิ่นอัลมอนด์ ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกในแถบตะวันตก และมีฤทธิ์ฆ่าคนได้ด้วย จึงถือเป็นของล้ำค่าหายากมากๆ ในโกกูรยอ (เมล็ดอัลมอนด์ดิบ มีสารไฮโดรเจน ไซยานายด์ หรือ 'ยาเบื่อ' จึงต้องนำมาผ่านความร้อนก่อนรับประทาน - ปัจจุบันการขายอัลมอนด์ดิบที่ยังไม่ผ่านความร้อนเป็นเรื่องผิดกฎหมายในหลายประเทศ) 


พระเจ้ายองรยูตำหนิจางด้วยความโกรธว่า "เชลยตาย มิหนำซ้ำเจ้ายังปล่อยให้มือสังหารหนีรอดไปได้อีก แล้วเจ้าจะเรียกตัวเองว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ของโกกูรยอได้อย่างไร ข้าจะไม่เสียดายเลยหากชีวิตเจ้าต้องดับสูญไปในตอนนี้ จงสืบหาความจริงมาให้ได้ และอย่าลืมว่าเจ้ามีเพียงชีวิตเดียว"

องค์หญิงมูยองเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี หลังจางออกไปแล้วองค์หญิงก็ทูลพระเจ้ายองรยูว่า ตอนที่เธอและองค์ชายถูกซุ่มโจมตี มีคนกลุ่มหนึ่งมาช่วยพวกเธอเอาไว้ แต่องค์หญิงไม่รู้ว่าคนกลุ่มนั้นเป็นใครจึงทูลถามพระเจ้ายองรยูว่าเป็นคนที่พระองค์ส่งมาใช่หรือไม่ พระเจ้ายองรยูยังไม่ทันตอบ ภาพก็ตัดไปที่จางซึ่งกำลังนั่งคอตกอยู่ทางด้านนอก


องค์หญิงมูยองเห็นจางนั่งหน้าเครียดหลังถูกพระเจ้ายองรยูตำหนิ จึงปลอบใจว่าไม่ต้องคิดมาก พอจางลุกหนีองค์หญิงก็กล่าวต่อว่า "เสด็จพ่อมักเปรียบเทียบคนองอาจอย่างท่านกับน้องชายของข้า เลยทำให้ท่านรู้สึกอึดอัด โชคชะตาช่างกลับกลอกสิ้นดี น้องชายข้าซึ่งเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ไม่ต้องการเป็นพระราชา ส่วนท่านซึ่งคู่ควรกับตำแหน่งพระราชามากกว่าใครกลับไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ เพียงเพราะไม่ได้อยู่ในลำดับการสืบสันตติวงศ์"  (จางเป็นพระราชนัดดา และพระราชาองค์สุดท้ายของโกกูรยอ) จางแย้งด้วยแววตาแข็งกร้าวว่า "โชคชะตาเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ"  องค์หญิงได้ยินแล้วรู้สึกหวั่นใจจึงหันไปมองหน้าจาง จางยิ้มกลบเกลื่อนและกล่าวว่า "พระอนุชาของพระองค์ จะต้องเอาชนะโชคชะตาได้อย่างแน่นอน" 



 

องค์หญิงมูยองไปพบองค์กรลับที่ทำงานให้พระเจ้ายองรยู เพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิต "โซ ซาบัน" รายงานเรื่องอัลมอนด์ที่องค์หญิงวานให้ช่วยสืบ เขาพบว่าเหล่าบรรดาชนชั้นสูงในโกกูรยอต่างก็ซื้อเมล็ดอัลมอนด์มาไว้ในครอบครอง รวมทั้งกระเป๋าหนังที่องค์หญิงเห็นด้วย "ชีอู" กล่าวเสริมว่า ถึงกระนั้นหลักฐานก็ยังอ่อนเกินกว่าจะฟันธงได้ว่าตระกูลยอนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการซุ่มโจมตีในครั้งนี้


 

ขณะที่องค์หญิงมูยองกำลังหยุดดูปิ่นปักผมในตลาด ยอนชุงก็เดินมาหยุดดูข้างๆ องค์หญิงเห็นหน้ายอนชุงแล้วรู้สึกคุ้นๆ จึงยืนจ้องอย่างลืมตัว ยอนชุงรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนจ้องมองเลยหันไปดู แต่องค์หญิงรีบเบือนหน้าหนี ระหว่างเลือกดูปิ่นมือทั้งคู่เกิดสัมผัสกันโดยบังเอิญ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกดีๆ ที่ทั้งคู่มีให้แก่กัน (องค์หญิงออกอาการเป็นปลื้มอย่างเห็นได้ชัด) หลังมองหน้ากันไปมาได้สักพักองค์หญิงก็รวบรวมความกล้าและคิดที่จะเป็นฝ่ายทักก่อน แต่พอจะเงยหน้าพูดยอนชุงก็หายตัวไปแล้ว 

หลังมองหาได้สักพัก องค์หญิงมูยองก็พบว่ายอนชุงเดินอยู่บนถนนอีกฝั่ง เธอจึงเดินตามไปห่างๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแต่สุดท้ายก็คลาดกันอีก  องค์หญิงจึงได้แต่ทอดถอนใจและเดินกลับด้วยความผิดหวัง แต่แล้วอยู่ๆ องค์หญิงก็หยุดเดินและยิ้มได้อีกครั้งเพราะรู้ว่ายอนชุงยืนอยู่ทางด้านหลัง ขณะที่ทั้งคู่กำลังส่งยิ้มให้กัน ก็มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว ยอนชุงรีบคว้าตัวองค์หญิงแล้วเหวี่ยงออกให้พ้นทาง (แม้ในระหว่างที่องค์หญิงตีลังกาทั้งคู่ก็ไม่ยอมละสายตาออกจากกัน) หลังจากนั้นก็มีกลีบดอกไม้ร่วงโปรยปราย (สื่อถึงความรักอันเบ่งบานของทั้งคู่)


หลังรู้ว่าสมุนของพวกตน (ที่ถูกทหารองครักษ์จับได้) โดนยอน เกโซมุนฆ่าปิดปากแล้ว ทั้งโดซู, ยอน ชองโร และ อน ซามุน ต่างพากันโล่งอก เพราะไม่มีหลักฐานและพยานที่จะสาวมาถึงพวกตน ทั้งสามคนเชื่อว่าพระเจ้ายองรยูจะต้องเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝีมือของราชวงศ์ถัง และในไม่ช้าโกกูรยอจะต้องทำศึกกับราชวงศ์ถังอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง  ยอน เกโซมุนก็ไม่ต้องไปควบคุมการก่อสร้างกำแพงเมืองตามแนวพรมแดน (มหาเสนาบดีคนปัจจุบันเป็นคนทูลเสนอให้ส่งยอน เกโซมุนไป)

โดซูกล่าวว่าหากยอน เกโซมุนต้องไปควบคุมการก่อสร้างกำแพงเมืองจริงๆ ทั้งยอน เกโซมุนและพวกตนก็จะตายกันหมด ยอน เกโซมุนจึงกล่าวว่า "เพราะอย่างนี้พวกเจ้าถึงต้องจำใส่ใจว่า ชีวิตของพวกเจ้ากับข้า และชะตาของโกกูรยอ ขึ้นอยู่กับการเลือกมหาเสนาบดีคนใหม่" โดซูถามยอน เกโซมุนว่าเขามีใครในใจแล้วหรือยัง  แต่ยอน เกโซมุนไม่ยอมตอบ  



หลังโฮแทรายงานว่ามีคนมาพบ ยอน เกโซมุนก็ตรงไปที่เรือนรับรองทันที ยอนชุงซึ่งไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาก่อนนั่งรอในห้องด้วยใจจดจ่อ แต่ยอน เกโซมุนกลับเดินเข้ามาในห้องโดยไม่ยอมมองหน้ายอนชุงทั้งยังนั่งหันหลังให้ ยอนชุงกล่าวว่าตนก็แค่อยากเห็นหน้าพ่อสักครั้ง เมื่อเห็นว่าพ่อของเขายังคงนั่งนิ่ง ยอนชุงจึงบอกว่าตนมาคนเดียวส่วนแม่ของตนได้จากไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากของยอน เกโซมุน ยอนชุงกล่าวต่อว่าตนมาหาพ่อที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ ตนจึงตัดสินใจรับงานนี้และฆ่าคนเป็นครั้งแรกในชีวิตเพื่อให้ได้เจอพ่อ

หลังนั่งนิ่งอยู่นาน ในที่สุด ยอน เกโซมุนก็กล่าวกับลูกชายโดยไม่ยอมมองหน้าว่า "บ้านหลังนี้ไม่มีที่สำหรับเจ้า" ยอนชุงกล้ำกลืนความรู้สึกเจ็บปวดใจและถามกึ่งตัดพ้อว่า "สำหรับท่านแล้ว ท่านแม่และข้าอยู่ในสถานะใดกันแน่ขอรับ" หลังไม่ได้รับคำตอบ ยอนชุงก็เดินจากไปเงียบๆ พร้อมความรู้สึกคับแค้นใจ (แม้ยอน เกโซมุนจะทำเป็นเหมือนไม่สนใจ แต่เขาก็เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวของยอนชุง) 


คืนนั้นองค์หญิงมูยองถึงกับนอนไม่หลับเพราะคิดถึงยอนชุง ขณะที่ยอนชุงนอนไม่หลับเพราะคิดถึงแม่และเสียใจที่ถูกพ่อปฏิเสธ แต่พอนึกถึงองค์หญิงแล้วเขาก็รู้สึกดีขึ้น ส่วนยอน เกโซมุนได้รับสารจากพระเจ้ายองรยูกลางดึก เนื้อความระบุให้เขาไปเข้าเฝ้าทันที เนื่องจากทรงทราบแล้วว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการซุ่มโจมตีองค์หญิงและองค์ชาย สามขุนนางคนสนิทกลัวว่ายอน เกโซมุนจะโดนสังหารจึงห้ามไม่ให้ไปเข้าเฝ้า 

หลังนอนไม่หลับ องค์หญิงมูยองก็มาฝึกซ้อมฟันดาบกับพระเจ้ายองรยูพลางหารือเรื่องที่ยอน เกโซมุนต้องการขัดขวางพิธีแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาทและเสนอให้เลือกมหาเสนาบดีคนใหม่ พระเจ้ายองรยูกล่าวว่าการที่ยอน เกโซมุนต้องการเปลี่ยนตัวมหาเสนาบดี แสดงว่าเขาไม่ต้องการไปที่กำแพงเมืองเพื่อควบคุมดูแลการก่อสร้าง ถึงกระนั้น การกำจัดยอน เกโซมุนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถ้าไม่วางแผนให้ดีเหล่าขุนนางอาจพากันก่อกบฎได้ และถ้าหากยอน เกโซมุนไม่มาเข้าเฝ้าพระองค์ในคืนนี้ เขาก็จะมีโทษถึงตาย


หลังไตร่ตรองอยู่นาน ในที่สุด ยอน เกโซมุนก็ตัดสินใจไปเข้าเฝ้า โดยมีลิ่วล้อตามมาส่งและรออยู่ทางด้านนอกวัง เมื่อยอน เกโซมุนมาถึงพระเจ้ายองรยูตรัสถามว่า ยังดื่มหนักเหมือนเดิมรึเปล่า จากนั้นก็อธิบายว่า พระองค์รู้ดีว่าโกกูรยอกับราชวงศ์ถังจะปรองดองกันได้ไม่นาน เพราะราชวงศ์ถังจะขยายอาณาเขตและอิทธิพลไปเรื่อยๆ  แล้วในที่สุดก็จะมาบุกยึดโกกูรยอ...  ยอน เกโซมุนทูลว่า เพราะเหตุนี้โกกูรยอถึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าข้าศึกจะบุกมาโจมตีในไม่ช้า และรู้ด้วยว่าต่างฝ่ายต่างก็ต้องการปกป้องโกกูรยอ เพียงแต่มีแนวคิดและวิธีรับมือที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

พระเจ้ายองรยูชี้ว่า ถึงแม้จะเห็นต่างแต่ก็ไม่ควรถึงขั้นแตกแยก  การที่ยอน เกโซมุนสร้างสถานการณ์เพื่อใส่ร้ายราชวงศ์ถังเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลและใช้กับพระองค์ไม่ได้ ครั้งนี้พระองค์จะไม่เอาเรื่องและจะไม่รื้อฟื้น เพราะถ้ามัวขัดแย้งกันเอง โกกูรยอก็จะล่มสลาย พระองค์จะยอมให้มีการเลือกมหาเสนาบดีคนใหม่ แต่มีข้อแม้ว่ายอน เกโซมุนต้องไม่ขวางพิธีแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาท  ยอน เกโซมุน ทูลตามตรงว่า "เพื่อปกป้องโกกูรยอแล้ว กระหม่อมสามารถทำเรื่องที่เลวร้ายกว่านั้นได้อีกพะยะค่ะ"  พระเจ้ายองรยูตัดบทโดยบอกว่า "ข้าหวังว่าจะได้รับคำตอบจากเจ้าในไม่ช้า"



หลังถูกบิดาตัดสัมพันธ์ ยอนชุงก็คิดที่จะไปจากเมืองพยองยาง (หรือที่เราเรียกว่า "เปียงยาง") ส่วนองค์หญิงออกมาตามหายอนชุงที่ตลาด พอเห็นใบปลิวที่ระบุว่าจะมีการแสดงปิดตายิงธนู องค์หญิงก็ตามหาอาคารที่มีลักษณะตรงกับภาพวาดจนมาเจอโรงเตี๊ยมที่ยอนชุงเข้าพัก แต่แล้วองค์หญิงก็ต้องผิดหวังเมื่อพบเพียงความว่างเปล่า ถึงกระนั้นเธอก็ยังเฝ้ารอ ยอนชุงแอบมององค์หญิงจากทางระเบียงชั้นบน เดิมทีเขาตั้งใจจะว่าไปจากเมืองพยองยาง แต่พอเห็นองค์หญิงถือใบปลิวมานั่งรอนานนับชั่วโมงเขาก็เปลี่ยนใจ

"จินกู" (คู่หูของยอนชุง) ดีใจมากเพราะนึกว่ายอนชุงจะปักหลักหาเงินในเมืองพยองยาง แต่ยอนชุงปฏิเสธโดยบอกว่า เขาจะทำงานอื่นที่ดีและคู่ควรกับความสามารถของตนมากกว่าการตระเวนโชว์ปิดตายิงธนูไปวันๆ  และถ้าหากได้ทำงานนั้นก็จะไม่มีใครกล้าดูถูกเหยียดหยามตนอีก พูดจบเขาก็เดินออกจากโรงเตี๊ยมแล้วมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสใจกลางเมือง องค์หญิงมูยองเห็นยอนชุงเดินออกจากที่พักก็รู้สึกดีใจ จึงรีบเดินตามไปดูพร้อมชาวบ้านกลุ่มใหญ่


 



หลังปิดตายิงแอปเปิ้ลท่ามกลางเสียงเชียร์และชื่นชมของชาวบ้านแล้ว ยอนชุงก็เปิดผ้าปิดตาออกแล้วกวาดตามองหาองค์หญิงมูยอง ระหว่างนั้น จินกูก็ประกาศหาอาสาสมัครสาวใจกล้าเพื่อมาร่วมแสดง (เป็นเป้านิ่ง) กับยอนชุง โดยบอกว่าจะแบ่งเงินรายได้ในวันนี้ให้ครึ่งหนึ่ง เมื่อยอนชุงมองเห็นองค์หญิงเขาก็เดินตรงเข้าไปหาและถามว่า "ท่านเชื่อใจข้ามั๊ย" องค์หญิงชั่งใจครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าด้วยความมั่นใจ

สุดท้ายแล้วความรักขององค์หญิงมูยองและยอนชุงจะลงเอยอย่างไร องค์หญิงจะให้อภัยยอนชุงซึ่งเป็นบุตรชายของศัตรูที่สังหารพ่อและน้องชายเธออย่างน่าอนาถได้หรือไม่ ติดตามชมได้ใน  "ลิขิตรักเจ้าหญิงมูยอง (The Blade and Petal)" ทางช่องพีพีทีวี

* เนื้อหาโดย luvasianseries


นักแสดงนำ



คิม อ๊กบิน 
รับบท องค์หญิงมูยอง / โซฮี



 ออม แทอุง
รับบท ยอนชุง



คิม ยองชอล
 รับบท พระเจ้ายองรยู




ชเว มินซู
รับบท ยอน เกโซมุน



 อน จูวาน
รับบท จาง / พระเจ้าโพจาง



ลี จองชิน (วง CNBLUE)
รับบท ชีอู



 ปาร์ก ซูจิน
รับบท มูซอล

* ภาพจากเคบีเอส




ไฮไลท์ละครจากเคบีเอสดราม่า


* ดูตัวอย่างละครและพีวิวจากเคบีเอสดราม่าได้ ที่นี่
* ดูคลิปเพลงประกอบละครได้ ที่นี่
* ดูคลิปเบื้องหลังละครได้ ที่นี่


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา