วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์ ตอนที่ 5-6




พระมเหสีโกรธมากเมื่อรู้ว่าเสี้ยนหนามอย่างองค์ชายจูมงยังไม่ตาย องค์ชายยองโพยืนยันว่าตนเห็นจูมงตกลงไปในบ่อโคลนดูดกับตา และรับปากว่าคราวหน้าตนจะไม่ปล่อยให้จูมงรอดมาได้อย่างแน่นอน พระมเหสีตำหนิองค์ชายยองโพที่ดีแต่ปากและปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นก็เตือนองค์ชายแทโซว่าถึงแม้พระองค์จะเป็นพระโอรสองค์โต แต่ถ้ายังไม่ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาทอย่างเป็นทางการก็อย่าได้วางใจ เพราะตำแหน่งดังกล่าวอาจตกเป็นของจูมงได้ทุกเมื่อ องค์ชายแทโซจึงบอกองค์ชายยองโพว่าอย่าเพิ่งทำอะไรผลีผลามและต้องระวังไม่ให้เรื่องที่พวกตนคิดร้ายกับจูมงแพร่งพรายออกไป จากนั้นก็สั่งให้องค์ชายยองโพคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวองค์ชายจูมง 

หลังรู้ว่าองค์ชายจูมงถูกพระเชษฐาทั้งสองหลอกให้ไปตายในบ่อโคลน พระสนมยูฮวาก็รู้สึกเจ็บแค้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธออยู่ในวังอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ทั้งยังไม่ให้องค์ชายจูมงเรียนรู้เรื่องการเมืองและศิลปะการต่อสู้เพื่อจะได้ไม่มีภัยมาถึงตัว ส่วนองค์ชายจูมงเองก็ได้แต่อดกลั้นเมื่อเห็นพระมารดาถูกพระมเหสีกลั่นแกล้งด้วยความอิจฉาริษยา ซ้ำยังถูกองค์ชายแทโซและยองโพรังแกมาโดยตลอด องค์ชายจูมงกล่าวว่าตนเข้าใจพระมารดา ที่ผ่านมาถึงได้แกล้งโง่และทำเป็นขี้ขลาดตาขาวเพื่อที่คนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องมาใส่ใจหรือหวาดระแวงตน และตนก็จะขออยู่อย่างเจียมตัวอย่างนี้ตลอดไป



พระสนมยูฮวาชี้ว่าองค์ชายจูมงยังไม่เข้าใจเธอทั้งหมด เพราะเธอและองค์ชายจูมงจะไม่หลบอยู่ในเงามืดเช่นนี้ตลอดไป เธอจะทำให้องค์ชายจูมงได้เป็นรัชทายาทและขึ้นครองบัลลังก์แห่งแคว้นพูยอ เพื่อจะได้ทำงานใหญ่ให้สำเร็จลุล่วง และนี่ก็คือเป้าหมายที่เธอวางเอาไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อป้องกันไม่ให้สามแม่ลูกทำอันตรายองค์ชายจูมงได้ง่ายๆ อีก พระสนมยูฮวาจึงให้องค์ชายจูมงไปแอบฝึกวิชาอย่างลับๆ กับ "มูซง" (อดีตองครักษ์ที่ปัจจุบันเป็นผู้คุมนักโทษในคุกลับ และยังเป็นพี่ชายของมูต็อก (นางในคนสนิทของพระสนมยูฮวา)) 

มูซง (ซึ่งไม่รู้ฐานะที่แท้จริงขององค์ชายจูมง) เห็นว่าร่างกายและมือไม้ขององค์ชายจูมงบอบบางเกินกว่าจะต่อสู้และจับดาบฟาดฟันกับใครได้ จึงสั่งให้องค์ชายเดินขึ้น-ลงเขาตลอดหนึ่งเดือนเต็ม ก่อนเริ่มพาไปฝึกวิชาที่คุกลับ องค์ชายจูมงรู้สึกแปลกใจมากเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสถานที่แบบนี้ในพูยอ จึงถามว่านักโทษที่ถูกขังอยู่ในนี้เป็นใคร มูซงรู้เพียงว่านักโทษเหล่านี้ถูกขังลืมมานานนับสิบถึงยี่สิบปี แต่ไม่มีใครรู้ชื่อแซ่และความผิดของพวกเขา


องค์ชายแทโซได้ยินมาว่ามณฑลฮยอนโทของราชวงศ์ฮั่นพยายามยับยั้งการทำสงครามขยายอาณาเขตของแคว้นพูยอ จึงถามอำมาตย์ดึกบูลว่าถ้าพูยอทำสงครามกับราชวงศ์ฮั่นผลจะเป็นอย่างไร อำมาตย์ดึกบูลกล่าวว่าถ้ารบกันพูยอจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะอาวุธยุทโธปกรณ์ของพูยอยังด้อยกว่าของราชวงศ์ฮั่นมาก หากยังพัฒนาอาวุธให้แข็งแกร่งทัดเทียมกันไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้รบ บังเอิญว่าในตอนนั้น "โม พัลโม" หัวหน้าช่างตีเหล็กของพูยอเพิ่งพัฒนาอาวุธชุดใหม่ได้สำเร็จ พระเจ้ากึมวาจึงให้คนมาตามอำมาตย์ดึกบูลเพื่อไปดูดาบรุ่นใหม่ด้วยกัน โมพัลโมถวายดาบเล่มใหม่ให้พระเจ้ากึมวาทอดพระเนตร โดยทูลว่าดาบเล่มนี้ดีที่สุดเท่าที่ตนเคยผลิตมา  

หลังนำอาวุธไปขายให้แคว้นอกจอแล้ว โซซอโนก็นำกองคาราวานกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย ยอนทาบัลเห็นลูกสาวทำภารกิจได้สำเร็จลุล่วงจึงคิดที่จะมอบตำแหน่งผู้นำกลุ่มการค้าให้เธอ ซายงแนะนำให้ยอนทาบัลผูกมิตรกับหัวหน้าธิดาเทพหากต้องการเข้าถึงพระเจ้ากึมวา เพราะพระเจ้ากึมวาเชื่อถือศรัทธาในตัวหัวหน้าธิดาเทพมาก ยอนทาบัลจึงขอให้ธิดาเทพช่วยตรวจดูดวงชะตาให้ ธิดาเทพถามว่าความปรารถนาของพ่อค้าอย่างเขาคืออะไร ยอนทาบัลกล่าวว่าตนไม่เพียงต้องการอำนาจในการซื้อขายสินค้า แต่ยังต้องการอำนาจในการซื้อขายแว่นแคว้นอีกด้วย หัวหน้าธิดาเทพได้ยินดังนั้นจึงบอกให้ไปพบตนที่ตำหนักเทพ


พระเจ้ากึมวาจัดการประลองเพื่อทดสอบอาวุธใหม่อย่างลับๆ องค์ชายแทโซจึงขอประลองกับองค์ชายจูมง หวังให้พระบิดาได้เห็นความอ่อนแอของพระอนุชา องค์ชายแทโซเลือกใช้ดาบที่โมพัลโมเพิ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่ ส่วนองค์ชายจูมงใช้ดาบของราชวงศ์ฮั่น หลังตกเป็นรองมาโดยตลอด สุดท้ายองค์ชายจูมงก็พลิกกลับมาเอาชนะหลังฟันดาบองค์ชายแทโซขาดสองท่อนแล้วจ่อดาบไปที่ลำคอขององค์ชายแทโซ ทำให้องค์ชายแทโซเสียหน้าและรู้ได้ทันทีว่าองค์ชายจูมงแอบไปฝึกเคล็ดวิชาอย่างลับๆ องค์ชายแทโซสั่งให้องค์ชายยองโพคอยติดตามความเคลื่อนไหวขององค์ชายจูมงแล้วมารายงานตน ขณะที่พระมเหสีเรียกพระสนมยูฮวามาเข้าเฝ้า แล้วให้นักเล่านิทานเล่าเรื่องแฮโมซูให้พระสนมยูฮวาฟัง เพื่อข่มขู่และบอกให้รู้ว่าข่าวลือเรื่ององค์ชายจูมงเป็นลูกของแฮโมซูกำลังแพร่สะพัดไปทั่ว (พระมเหสีและพี่ชายเป็นคนปล่อยข่าวหวังให้องค์ชายจูมงขาดคุณสมบัติในการเป็นองค์ชายรัชทายาท)

แม้จะรู้สึกเห็นใจพระเจ้ากึมวาที่ผิดหวังครั้งเล่าครั้งเล่า แต่อำมาตย์ดึกบูลกลับรู้สึกโล่งใจที่โมพัลโมยังพัฒนาอาวุธไม่สำเร็จ เพราะนั่นหมายความว่าพูยอจะยังไม่เปิดศึกกับราชวงศ์ฮั่น เขาขอให้หัวหน้าธิดาเทพช่วยทูลพระเจ้ากึมวาให้ล้มเลิกความคิดที่จะทำสงครามกับราชวงศ์ฮั่นเพราะเป็นการกระทำที่เสี่ยงเกินไป หัวหน้าธิดาเทพปฏิเสธโดยบอกว่าสมัยก่อนตอนที่พระเจ้ากึมวาจะเปิดศึกกับราชวงศ์ฮั่นร่วมกับแฮโมซู เธอกลัวว่าแฮโมซูจะมีอำนาจเพิ่มขึ้นจึงรีบขัดขวางเพราะต้องการปกป้องพูยอ แต่ตอนนี้พระเจ้ากึมวาคือผู้กุมชะตาของพูยอ เธอจึงต้องสนับสนุนความตั้งใจของพระองค์เพื่อผลประโยชน์ของพูยอเอง


ขณะออกจากวังเพื่อไปฝึกวิชาที่คุกลับ องค์ชายจูมงถูกคนขององค์ชายยองโพสะกดรอยตาม แต่ก็อาศัยไหวพริบหลบหนีไปได้ในที่สุด ขณะฝึกวิชาในคุกลับองค์ชายจูมงเห็นเจ้าหน้าที่นำอาหารเข้ามาแจกจ่ายให้นักโทษจึงขอตามเข้าไปดูข้างในและได้พบกับแฮโมซู พระเจ้ากึมวาฝันเห็นแฮโมซูจึงมาขอให้หัวหน้าธิดาเทพช่วยทำนายฝัน  หัวหน้าธิดาเทพได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้ากังวล เธอกล่าวว่าฝันดังกล่าวเป็นเพียงความทรงจำที่ผุดขึ้นมาไม่ได้มีความหมายอะไร  แต่พระเจ้ากึมวารู้สึกเหมือนแฮโมซูมาทวงสัญญาจึงบอกให้หัวหน้าธิดาเทพเตรียมจัดพิธีเซ่นไหว้แฮโมซู

หลังกลับเข้าวังในตอนค่ำ องค์ชายจูมงไปพบพระสนมยูฮวาแล้วเล่าเรื่องที่ตนไปฝึกวิชาในคุกลับให้ฟัง พระสนมยูฮวาไม่เคยรู้มาก่อนว่าพูยอมีคุกลับตั้งอยู่ในถ้ำจึงรู้สึกแปลกใจ องค์ชายจูมงเล่าว่าไม่มีใครรู้ประวัติหรือแม้แต่ชื่อของนักโทษที่ถูกขัง ซ้ำยังมีนักโทษที่ตาบอดทั้งสองข้างถูกขังเดี่ยวท่ามกลางความมืดมิดมานานนับ 20 ปี และที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือ ขณะมองนักโทษคนดังกล่าวตนรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า พระสนมยูฮวาได้ยินดังนั้นจึงอดคิดไม่ได้ว่านักโทษคนดังกล่าวอาจเป็นแฮโมซู

หลังพระเจ้ากึมวามีบัญชาให้หัวหน้าธิดาเทพจัดพิธีเซ่นไหว้แฮโมซู ธิดาเทพก็เรียกอำมาตย์ดึกบูลมาพบกลางดึกและเผยความจริงเรื่องที่แฮโมซูยังไม่ตาย เธอเล่าว่าเมื่อ 20 ปีก่อนแฮโมซูถูกหน่วยอาชาเหล็กยิงตกจากหน้าผา พระเจ้ากึมวาจึงคิดว่าแฮโมซูตายแล้ว อยู่ๆ แฮโมซูก็มาปรากฏตัวใกล้ประตูวังทำให้ถูกทหารพูยอจับได้  ทหารคนดังกล่าวจึงรีบมารายงานเธอ เธอห้ามไม่ให้ทหารคนดังกล่าวสังหารแฮโมซูเพราะเห็นว่าเป็นบัญชาสวรรค์ที่ต้องการให้แฮโมซูรอดชีวิต เธอกลัวว่าถ้าขัดบัญชาสวรรค์แล้วพูยอจะพังพินาศจึงนำแฮโมซูไปขังเพื่อรอวันตายในคุกลับซึ่งเป็นสถานที่ๆ พระเจ้ากึมวาไม่รู้จักและไม่มีวันหาเจอ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเธอพยายามลบภาพความทรงจำเกี่ยวกับแฮโมซู แต่พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเธอจึงคิดที่จะไปหาแฮโมซูดูสักครั้ง


องค์ชายจูมงยังรู้สึกคาใจเรื่องนักโทษตาบอด จึงแอบเข้าไปหาแฮโมซูตามลำพัง ในเวลาเดียวกันนั้น หัวหน้าธิดาเทพก็กำลังพาอำมาตย์ดึกบูลมาดูแฮโมซูให้เห็นกับตา องค์ชายจูมงถามแฮโมซูว่าเขาเป็นใครและทำความผิดร้ายแรงอะไรมา แฮโมซูกล่าวว่า "แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าถูกขังมานานกี่ปีและทำไมถึงถูกขังไว้ที่นี่ ที่ผ่านมาข้าพยายามครุ่นคิดในเรื่องนี้แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่ดี..." 

"เจ้าถามว่าข้าเป็นใครใช่ไหม ตอนนี้ข้าลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นใคร"  


ตอนที่ 6




มูซงพาหัวหน้าธิดาเทพและอำมาตย์ดึกบูลไปพบแฮโมซูในห้องขัง อำมาตย์ดึกบูลขู่มูซงว่าหากมีใครรู้ว่าตนและหัวหน้าธิดาเทพมาที่นี่ ทั้งมูซงและทุกคนในครอบครัวจะต้องตาย มูซงจึงไล่องค์ชายจูมงออกจากคุกลับ และบอกว่าจากนี้ไปไม่ต้องมาที่นี่แต่ให้ไปฝึกวิชาบนภูเขาแทน  องค์ชายจูมงพยายามถามว่าอำมาตย์ดึกบูลมาพบนักโทษตาบอดทำไม และนักโทษคนดังกล่าวเป็นใคร  แต่มูซงอ้างว่าตนไม่รู้ องค์ชายจูมงจึงได้แต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของแฮโมซูที่บอกว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงถูกขังอยู่ที่นี่

หลังรู้ว่าองค์ชายจูมงออกนอกวังทุกวัน องค์ชายแทโซจึงให้พระอนุชาไปเรียกองค์ชายจูมงมาประลองกับตน หลังฟันดาบองค์ชายจูมงหักแล้ว องค์ชายแทโซก็ขู่ว่าอย่าบังอาจมาสู้กับตนเพราะมันจะนำมาซึ่งความตาย หลังถูกองค์ชายแทโซฟันดาบหัก องค์ชายจูมงก็แอบนำเหล้าชั้นดีไปติดสินบนโมพัลโมที่โรงตีเหล็ก หวังให้ช่วยตีดาบที่แข็งแกร่งและไม่หักง่ายแบบเดียวกับดาบคู่กายขององค์ชายแทโซ


เจ้ากรมวัง "พอลแก" (พี่ชายพระมเหสี) พา "นาโร" มาถวายการรับใช้องค์ชายแทโซในฐานะองครักษ์ โดยบอกว่านาโรจะเป็นดั่งเงาขององค์ชายแทโซ องค์ชายแทโซจึงถือโอกาสถามความเห็นพอลแกเรื่องที่พระมเหสีทรงเป็นกังวลว่าพระเจ้ากึมวาอาจแต่งตั้งองค์ชายจูมงเป็นองค์ร้ชทายาท พอลแกกล่าวว่าเรื่องนี้ไช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และบอกว่าตนจะช่วยองค์ชายแทโซกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดไป


โมพัลโมรู้สึกหนักใจที่องค์ชายจูมงมาขอให้ตนตีดาบให้ เพราะถ้าหากไม่มีพระบัญชาไม่ว่าใครก็ไม่สามารถนำอาวุธทุกชนิดออกจากโรงผลิตได้ หากองค์ชายจูมงลักลอบนำดาบออกไปตนจะมีโทษถึงตาย ถึงกระนั้นองค์ชายจูมงก็ยังคงรบเร้าโดยบอกว่า ตนแค่อยากมีดาบไว้ป้องกันตัวสักเล่มและจะไม่ทำให้โมพัลโมเดือดร้อนอย่างแน่นอน

แม่ทัพฮึกชีทูลพระเจ้ากึมวาว่าเผ่าซอนบี (ชนเผ่าโบราณของจีน) ที่เคยถูกพระเจ้ากึมวากวาดล้างได้บุกเข้ามาโจมตี 3 หมู่บ้านในแคว้นพูยอและขโมยเสบียงไปจนหมด ที่สำคัญพวกเขาไม่ได้มากันเป็นกองทัพ แต่มาเป็นกลุ่มเล็กๆ เพียงกลุ่มละ 10 คน และใช้อาวุธที่ทำจากเหล็กกล้าซึ่งแข็งแกร่งกว่าอาวุธของพูยอ พระเจ้ากึมวาได้ยินดังนั้นจึงเชื่อว่าราชวงศ์ฮั่นแอบสนับสนุนให้ชนเผ่าซอนบีมาโจมตีพูยอ ทันใดนั้น อำมาตย์ดึกบูลก็เข้ามาทูลว่าผู้ว่าการมณฑลฮยอนโทคนใหม่กำลังเดินทางมาที่พูยอ พระเจ้ากึมวารู้สึกแปลกใจที่ผู้ว่าการ มณฑลฮยอนโทคนใหม่เดินทางมาที่พูยอแทนที่จะตรงไปยังมณฑลฮยอนโทเลย จึงคิดว่าเรื่องที่เผ่าซอนบีมีอาวุธที่ทำจากเหล็กกล้า กับเรื่องที่ผู้ว่าการมณฑลฮยอนโทคนใหม่เดินทางมายังแคว้นพูยอน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน พระองค์จึงสั่งให้แม่ทัพฮึกชีนำทหาร 200 นายไปกวาดล้างเผ่าซอนบีให้สิ้นซาก และสั่งให้อำมาตย์ดึกบูลไปแจ้งช่างตีเหล็กให้เริ่มผลิตอาวุธใหม่


หลังทราบข่าวเรื่องเผ่าซอนบีและผู้ว่าการมณฑลฮยอนโทคนใหม่ ยอนทาบัลจึงมาถามซายงว่าเขามีความเห็นเช่นไร ซายงกล่าวว่า การที่ราชวงศ์ฮั่นสนับสนุนอาวุธให้เผ่าซอนบีเป็นการหยั่งเชิงดูว่าแคว้นพูยอจะมีแผนตั้งรับอย่างไร ด้วยนิสัยของพระเจ้ากึมวา พระองค์คงจะเร่งพัฒนาอาวุธที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าอาวุธของราชวงศ์ฮั่น และการที่ผู้ว่าการมณฑลฮยอนโทคนใหม่เดินทางมาที่แคว้นพูยอก็เพื่อตรวจสอบทักษะของช่างตีเหล็กและเตือนว่าอย่าได้คิดแข็งข้อ ยอนทาบัลจึงบอกให้ซายงลองคิดดูว่าพวกตนจะหาผลประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร จากนั้นก็ให้อูแทจ้างสายสืบคอยรายงานความเคลื่อนไหวในแคว้นพูยอให้ตนทราบ โดยบอกว่าเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ก็ยอมเพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชะตาบ้านเมืองของพวกตน (เผ่าเครูของยอนทาบัลอยู่ในแคว้นโจลบน  มณฑลโชบุน) หลังได้รับมอบหมายให้ไปสืบหาข่าว เคพิล (คนสนิทของยอนทาบัลและพ่อของอูแท) ก็กลับมารายงานว่า ขาใหญ่ในตลาดพูยอคือ "โตชิ" ซึ่งเป็นคนเหี้ยมโหด เขตอิทธิพลของเขาครอบคลุมพื้นที่ทั้งภูเขาและในตลาดมืดทั้งหมด

ในขณะที่หัวหน้าธิดาเทพกำลังครุ่นคิดเรื่องแฮโมซู พระสนมยูฮวาก็มาขอเข้าพบ (เป็นครั้งแรกที่เธอมาตำหนักเทพ) โดยบอกว่าเธอกลัดกลุ้มเรื่ององค์ชายจูมงและไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปปรึกษาหรือระบายกับใคร เธอจึงมาขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าธิดาเทพพร้อมทั้งนำผ้าปักไหมทองมามอบให้เพื่อเป็นการผูกมิตร เมื่อพระมเหสีทราบข่าวจึงสั่งให้คนไปสืบว่าพระสนมยูฮวามีแผนการอะไร

องค์ชายจูมงย่องไปที่โรงผลิตอาวุธกลางดึกเพื่อเรียนรู้วิธีผลิตและตีดาบจากโมพัลโม จากนั้นก็ลงมือทำด้วยตนเองเพื่อไม่ให้โมพัลโมเดือดร้อน นาโรแอบตามมาพบเข้าจึงคิดที่จะไปแจ้งองค์ชายแทโซแต่ถูกองค์ชายยองโพขวางไว้เสียก่อน หลังโดนคาดคั้นนาโรจึงยอมบอกองค์ชายยองโพว่าองค์ชายจูมงกำลังตีดาบที่โรงผลิตอาวุธ องค์ชายยองโพจึงห้ามไม่ให้นาโรนำเรื่องนี้ไปบอกองค์ชายแทโซ เพราะตนจะจัดการองค์ชายจูมงด้วยตนเอง


เมื่อเห็นว่าผู้ว่าการมณฑลฮยอนโทคนใหม่คือ "ยางจอง"  ซึ่งเป็นอดีตพระสหาย พระเจ้ากึมวาก็รู้สึกโล่งใจ ครั้นพอยางจองถวายพระราชสาส์นจากฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่นให้ พระเจ้ากึมวาถึงได้รู้ว่ายางจองมาเพื่อข่มขู่ เพราะฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฮั่นไม่อนุญาตให้พูยอทำสงครามขยายอาณาเขตอีกต่อไป พระเจ้ากึมวาแย้งว่าตนไม่ได้ทำสงครามเพื่อขยายอิทธิพลแต่เป็นการรวบรวมชนเผ่าที่มีเชื้อชาติเดียวกัน และนี่ก็เป็นเรื่องภายในที่ราชวงศ์ฮั่นไม่สมควรเข้ามาก้าวก่าย ยางจองกล่าวอีกว่าตอนนี้อาวุธจากโรงผลิตของพูยอไปปรากฏอยู่ในแคว้นอกจอและเฮงอิน ซึ่งเรื่องแบบนี้จะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้เช่นกัน พระเจ้ากึมวากริ้วมากจึงไล่ยางจองกลับมณฑลฮยอนโท และประกาศว่าจากนี้ไปตนกับยางจองไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นศัตรูกัน ยางจองกล่าวว่าตนเป็นคนส่งมอบอาวุธให้เผ่าซอนบีเอง หากพระเจ้ากึมวาไม่เชื่อฟังคำเตือนของตน ตนจะส่งอาวุธที่ทำจากเหล็กกล้าไปให้ชนเผ่าต่างๆ ที่อยู่รายรอบพูยอ ที่สำคัญในตอนนี้กำลังทหาร 2 ล้านนายของพวกตนได้เข้าประจำการที่โยดงแล้ว เหลือแค่รอฟังคำสั่งอย่างเดียว

พระเจ้ากึมวาได้แต่เก็บความเจ็บแค้นเอาไว้ในใจ พระองค์สั่งให้ปิดโรงผลิตอาวุธและทำลายร่องรอยต่างๆ เพื่อไม่ให้ราชวงศ์ฮั่นหาพบ ส่วนช่างตีดาบก็ให้เก็บตัวอยู่แต่ทางด้านใน ทั้งยังสั่งให้แม่ทัพฮึกชีถอนทัพอีกด้วย โมพัลโมจะไปบอกองค์ชายจูมงว่าอย่ามาที่โรงผลิตอาวุธอีก แต่องค์ชายจูมงออกไปฝึกวิชากับมูซงจึงไม่อยู่ในวัง หลังฝึกวิชาแล้วองค์ชายจูมงก็แอบเข้ามาตีดาบที่โรงผลิตอาวุธในตอนกลางคืนโดยไม่รู้ว่ายางจองกำลังให้คนสืบหาโรงผลิตอาวุธของพูยอ แถมองค์ชายยองโพและนาโรยังแอบซุ่มดูอย่างประสงค์ร้าย  องค์ชายจูมงเร่งไฟในเตาหลอมเหล็กโดยไม่รู้ว่าองค์ชายยองโพนำดินปืนมาใส่เอาไว้ ไม่นานเตาหลอมก็ระเบิดขึ้น ยางจองจึงพบหลักฐานว่าพูยอลักลอบพัฒนาอาวุธจริงๆ

องค์ชายยองโพบอกองค์ชายแทโซด้วยความภาคภูมิใจว่า ตนเป็นคนทำเตาหลอมเหล็กระเบิดหวังป้ายความผิดให้องค์ชายจูมง ทำให้องค์ชายแทโซโกรธมาก เพราะการทำเช่นนี้จะนำภัยใหญ่หลวงมาสู่พูยอ ยางจองตำหนิพระเจ้ากึมวาต่อหน้าเหล่าขุนนางในราชสำนัก เพราะโกรธที่พระเจ้ากึมวาโกหกว่าพูยอไม่มีโรงผลิตอาวุธ ยางจองเห็นแก่ความเป็นเพื่อนจึงเตือนพระเจ้ากึมวาเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เลิกผลิตและพัฒนาอาวุธ ตราบใดที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นการค้าขายระหว่างพูยอและราชวงศ์ฮั่นจะหยุดลงชั่วคราว เจ้ากรมวัง แม่ทัพฮึกชี และอำมาตย์ดึกบูลจึงทูลให้พระเจ้ากึมวาลงโทษองค์ชายจูมงที่ลักลอบเข้าไปในโรงผลิตอาวุธจนนำภัยมาสู่พูยอ


พระเจ้ากึมวาเรียกองค์ชายจูมงมาเข้าเฝ้าในท้องพระโรง และตรัสถามต่อหน้าขุนนางว่าทำไมถึงทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้ องค์ชายจูมงกล่าวว่าตนไม่มีอะไรจะอธิบายและยอมรับโทษแต่โดยดี  พระเจ้ากึมวาจึงปลดองค์ชายจูมงออกจากอิสริยยศและขับออกนอกวังทันที (โทษฐานที่ทำให้พระองค์ผิดหวัง) เมื่อรู้ว่าลูกชายถูกปลดเป็นสามัญชนและถูกขับออกจากวัง พระสนมยูฮวาจึงมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าเขาเอาตัวรอดได้ในครั้งนี้ก็จะกลายเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งและประสบความสำเร็จ  ก่อนออกจากวังจูมงมาลาพระสนมยูฮวาแต่พระสนมยูฮวาพยายามทำใจแข็งและไม่ยอมให้เข้าพบ จูมงจึงได้แต่กราบลาทั้งน้ำตาทางด้านนอก มูต็อกอดเป็นห่วงไม่ได้จึงมอบเครื่องประดับอัญมณีให้จูมงพกติดตัว พระสนมยูฮวาคาดว่าบุตรชายของตนจะหันไปพึ่งมูซง จึงสั่งให้มูต็อกไปบอกมูซงว่าอย่าออกมาพบจูมง


หลังไปหามูซงที่คุกลับแล้วไม่พบจูมงก็เคว้งคว้างและไม่มีที่ไป เขาจึงเดินหมดอาลัยตายอยากเข้าไปในตลาด และถูกสามหัวขโมย "มารี", "โออี""ฮยอพโพ"  ขโมยอัญมณีล้ำค่าไปขายให้โตชิ ทำให้จูมงไม่มีเงินจ่ายค่าข้าว โซซอโนมาเห็นเข้าจึงช่วยจ่ายเงินค่าข้าวให้ จูมงอับจนหนทางจึงขอเป็นคนงานในกลุ่มการค้าของเธอ โซซอโนปฏิเสธโดยบอกว่าคนค้าขายอย่างเธอยึดมั่นในเรื่องสัจจะ แต่เขากลับโกหกเธอ (ว่าเป็นองค์ชาย) ตั้งแต่แรกพบ จากนั้นก็กล่าวอย่างประชดประชันว่า  "หม่อมชั้นจะบังอาจใช้งานองค์ชายแห่งพูยอได้อย่างไร ขออภัยด้วยเพคะ องค์ชาย"


* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพ captures จากเอ็มบีซีคลาสสิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา