วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์ ตอนที่ 9-10




หลังรู้ว่าแฮโมซูเป็นยอดฝีมือจูมงก็รู้สึกดีใจและบอกว่าตนจะตั้งใจฝึกฝนจนกว่าจะเก่งเหมือนเขาไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานสักเพียงใดก็ตาม แฮโมซูยังช่วยไล่ลมปราณให้จูมงโดยบอกว่าต่อไปพลังลมปราณของจูมงจะไหลเวียนได้คล่องขึ้น ถ้าเริ่มฝึกวิชาอย่างจริงจังเขาจะปกป้องตัวเองได้สบาย

นาโรมารายงานองค์ชายแทโซและยองโพว่าที่คุกลับมีทหารคุ้มกันเพียง 10 นาย องค์ชายแทโซจึงบอกให้นาโรเลือกใช้คนที่มีความคล่องแคล่วและคราวนี้ตนจะนำกำลังบุกไปสังหารจูมงด้วยตนเอง องค์ชายแทโซยังกำชับองค์ชายยองโพด้วยว่าห้ามบอกเรื่องนี้ให้พระมารดาทราบโดยเด็ดขาด หลังเข้าฌาณหัวหน้าธิดาเทพก็มาบอกอำมาตย์ดึกบูลว่าควรปล่อยให้พระเจ้ากึมวาได้พบกับแฮโมซู แต่อำมาตย์ดึกบูลไม่เห็นด้วย หัวหน้าธิดาเทพจึงบอกว่าแฮโมซูคนเก่าได้ตายไปแล้ว และพระเจ้ากึมวาก็ไม่ใช่คนเดิมเมื่อ 20 ปีก่อน ดังนั้นจึงควรเชื่อมั่นในการตัดสินพระทัยของพระองค์และเชื่อในดวงชะตาของพูยอ เมื่ออำมาตย์ดึกบูลยังคงยืนกรานปฏิเสธ หัวหน้าธิดาเทพจึงบอกว่าตราบใดที่แฮโมซูยังคงมีชีวิตอยู่ทั้งคู่จะต้องได้พบกันสักวัน ดังนั้นจึงขอให้เชื่อตน เพราะตนไม่มีวันคิดร้ายต่อพระเจ้ากึมวาและแคว้นพูยออย่างแน่นอน


จูมงออกมาพบมารี โออี และฮยอพโพ เมื่อจูมงถามถึงพูยอง โออีก็ควันออกหู เพราะหลังจากจูมงช่วยโซซอโนและหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในคุกลับพูยองก็ตกที่นั่งลำบาก ทั้งยังถูกพวกโตชิรังแกสารพัด จูมงยอมรับผิดแต่โดยดีและถามว่าจะให้ตนทำอย่างไรโออีจึงหายโกรธ โออีจึงท้าให้มาสู้กันแบบตัวต่อตัว มูซงเห็นด้วยเพราะอยากให้จูมงมีคู่ซ้อม แต่มารีและฮยอพโพอดเป็นห่วงจูมงไม่ได้เพราะยังไม่เคยมีใครในตลาดสามารถเอาชนะโออีได้ จูมงกล่าวว่าหากสู้กันแล้วทำให้โออีหายโกรธตนก็ยินดี หลังเอาชนะโออีแบบพลิกความคาดหมายแล้วจูมงก็รับปากโออีว่าตนจะช่วยพูยองออกมาให้ได้ มูซงเห็นลูกศิษย์ของตนเอาชนะโออีได้ก็รู้สึกภาคภูมิใจ ขณะที่จูมงรู้สึกแปลกใจและไม่อยากเชื่อว่าตนจะเอาชนะคนฝีมือดีอย่างโออีได้ เขาบอกมูซงว่าขณะต่อสู้ตนตัวเบาขึ้นมาก และรู้สึกได้ว่ามีพลังพุ่งมาที่แขน

พระสนมยูฮวาคิดถึงและเป็นห่วงจูมงจนน้ำตาร่วง พระเจ้ากึมวาเสด็จมาพบเข้าพอดีจึงพลอยรู้สึกเจ็บปวดใจไปด้วย พระมเหสีแค้นใจมากเมื่อรู้ว่าพระเจ้ากึมวาไปพบพระสนมยูฮวา เมื่อองค์ชายยองโพมาบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พระมเหสีก็ย้ำว่าคราวนี้ห้ามพลาดและอย่าให้คนในวังรู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด ก่อนเดินทางไปคุกลับองค์ชายแทโซและยองโพแวะไปเอาดาบเล่มใหม่ที่สั่งให้โมพัลโมผลิตขึ้นเป็นพิเศษ โทพัลโมจึงถือโอกาสถามข่าวคราวของจูมง ทำให้องค์ชายยองโพไม่พอใจมาก

องค์ชายแทโซและยองโพนำกำลังไปที่คุกลับโดยไม่รู้ว่าพระเจ้ากึมวาก็กำลังจะเสด็จไปที่นั่นเช่นกัน (โดยมีอำมาตย์ดึกบูลและหัวหน้าธิดาเทพตามเสด็จไปด้วย) อยู่ๆ มูซงก็อยากดื่มเหล้าจึงฝากลูกน้องดูแลคุกลับในระหว่างที่ตนไม่อยู่ ขณะที่จูมงกำลังฝึกเดินลมปราณกับแฮโมซู เมื่อสององค์ชายพาคนบุกไปสังหารทหารยามที่เฝ้าหน้าถ้ำ แฮโมซูก็บอกจูมงว่ามีคนบุกเข้ามานับ 10 คน จูมงรู้ทันทีว่าตนกำลังถูกตามฆ่าเลยพยายามพังประตูเพื่อหาทางหลบหนี แต่แฮโมซูบอกว่าจูมงต้องสู้สถานเดียวเพราะไม่มีทางอื่นให้หนีอีกแล้ว (เนื่องจากคุกลับอยู่ในถ้ำจึงเข้า-ออกได้ทางเดียว)  


 

หลังนำกำลังบุกเข้าไปสังหารทุกคนอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่เว้นแม้กระทั่งเหล่านักโทษที่ถูกจองจำ องค์ชายทั้งสองก็นำกำลังส่วนหนึ่งบุกเข้าไปหาจูมงที่ห้องขังด้านในสุด  พอเห็นว่าคนที่บุกมาฆ่าตนถึงในคุกคือองค์ชายแทโซและยองโพ จูมงจึงถามว่าตนเพิ่งถูกขับออกจากวังแล้วยังจะตามมาฆ่าแกงกันอีกหรือ องค์ชายยองโพสแยะยิ้มก่อนกล่าวว่าพวกตนไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันกับจูมง ขณะที่องค์ชายแทโซกล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกตนกับจูมงสิ้นสุดลงที่ตรงนี้ จากนั้นก็ส่งสัญญาณในนาโรจัดการจูมงทันที ในตอนแรกแฮโมซูปล่อยให้จูมงรับมือกับองค์ชายทั้งสองและลิ่วล้อตามลำพังโดยนั่งคุมเชิงอยู่เงียบๆ ครั้นพอถูกคนของสององค์ชายโจมตีแฮโมซูจึงลุกขึ้นสู้และสังหารคนขององค์ชาย (ที่บุกเข้ามาในห้องขัง) จนเกือบหมด จากนั้นก็จ่อดาบไปที่ลำคอขององค์ชายยองโพเพื่อพาจูมงออกจากห้องขัง โดยมีจูมงคอยระวังหลังและช่วยนำทาง

ครั้นพอออกจากห้องขังแฮโมซูและจูมงก็ออกมาเจอพลธนูนับสิบนาย แฮโมซูได้ยินเสียงง้างสายธนูจึงผลักจูมงก่อนที่ตนเองจะหลบไปอีกทางหนึ่ง แม้ทั้งคู่จะรอดพ้นคมธนูมาได้แต่ก็ยังต้องรับมือกับสององค์ชายและลูกสมุนที่เข้ามาสมทบ ถึงกระนั้น แฮโมซูก็จัดการลูกสมุนของสององค์ชายอย่างง่ายดาย จูมงพาแฮโมซูหนีออกจากถ้ำและวิ่งเข้าไปในป่า โดยมีสององค์ชายและลิ่วล้อวิ่งไล่ตามโดยแบ่งกำลังกันโอบล้อม จูมงเกือบถูกนาโรสังหารโชคดีที่แฮโมซูมาช่วยไว้ได้ทัน แต่นั่นก็ทำให้องค์ชายแทโซฉวยโอกาสแทงเข้าที่เอวของแฮโมซู องค์ชายยองโพจะถือโอกาสแทงซ้ำแต่แฮโมซูปัดป้องเอาไว้ได้ มิหนำซ้ำ แฮโมซูยังฟันองค์ชายแทโซเข้าที่ไหล่เต็มแรง จูมงฉวยโอกาสตอนที่องค์ชายแทโซล้มทรุดพาแฮโมซูซึ่งกำลังเจ็บหนักหลบหนีไป องค์ชายแทโซสั่งให้นาโรตามไปสังหารจูมงและแฮโมซู แต่ทั้งคู่ก็หนีรอดไปได้  องค์ชายแทโซจึงสั่งให้องค์ชายยองโพกลับไปทำลายหลักฐานที่คุกลับ


แฮโมซูไม่อยากเป็นตัวถ่วงจึงบอกให้จูมงทิ้งตนไว้ที่นี่แล้วรีบหนีไป จูมงแย้งว่าศิษย์คนไหนจะทิ้งอาจารย์ที่กำลังบาดเจ็บได้ลงคอ แฮโมซูแย้งว่าพวกตนเป็นเพียงเพื่อนร่วมคุก จูมงจึงกล่าวว่า "ถึงท่านจะไม่ยอมรับว่าเป็นอาจารย์ของข้า  แต่ข้าจะยังคงเป็นศิษย์ของท่านเสมอ" จากนั้นก็ประคองร่างแฮโมซูแล้วพาหนีไปด้วยกัน กว่าขบวนเสด็จของพระเจ้ากึมวาจะมาถึงทุกคนในคุกลับก็โดนสังหารหมดแล้ว มูซงกลับมาเห็นทุกคนโดนฆ่าตายก็รู้สึกตกใจ ครั้นพอเห็นทหารกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาที่ปากถ้ำเขาก็รีบหนีไป หลังตรวจดูบริเวณโดยรอบแล้วแม่ทัพฮึกชีก็ทูลพระเจ้ากึมวาว่ามีศพมากมายนอนเรียงรายอยู่หน้าถ้ำ และแนะนำให้รีบเสด็จกลับเพื่อความปลอดภัย แต่พระเจ้ากึมวายืนยันว่าจะเข้าไปดูให้เห็นกับตา เมื่อพบว่าเหล่าผู้คุมและนักโทษทั้งหมดล้วนถูกฆ่าตาย พระองค์ก็สั่งให้แม่ทัพฮึกชีรีบสืบหาต้นสายปลายเหตุ

พระมเหสีเห็นองค์ชายแทโซได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่รู้สึกตัว จึงตำหนิองค์ชายยองโพที่ไม่ยอมบอกตนว่าองค์ชายแทโซร่วมเดินทางไปสังหารจูมงด้วย ก่อนบอกเจ้ากรมวังให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ จูมงพาแฮโมซูไปหลบในกระท่อมร้างบนภูเขาโดยบอกให้อดทนรอ แล้วตนจะรีบไปตามคนมารักษาให้ แต่แฮโมซูดึงตัวจูมงไว้ พลางถามว่า "เจ้าชื่อ จูโม ใช่ไหม" (เขาได้ยินมูซงเรียกจูมงว่า "จูโม") จูมงจึงบอกตามตรงว่า "ชื่อของข้าคือ จูมง" แฮโมซูบอกให้จูมงรีบไปจากที่นี่เพราะถ้าขืนยังอยู่กับตนเขาจะมีอันตราย แต่จูมงยืนกรานว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและขอให้แฮโมซูรอตนอยู่ที่นี่


แม่ทัพฮึกชีทูลว่าศพที่พบทั้งหมดล้วนเป็นทหารยาม ผู้คุม และนักโทษ แต่ไม่พบร่องรอยหรือศพของผู้บุกรุกแม้แต่ศพเดียว คาดว่าคนร้ายคงทำลายหลักฐานเพื่อไม่ให้สาวถึงตัว พระเจ้ากึมวาจึงถามอำมาตย์ดึกบูลอย่างคาดคั้นว่ามีใครบ้างที่รู้แต่แรกว่าในพูยอมีคุกลับ อำมาตย์ดึกบูลทูลว่ามีเพียงตนและหัวหน้าธิดาเทพเท่านั้น พระเจ้ากึมวาจึงสั่งให้อำมาตย์ดึกบูลไปสืบมาว่าใครคือคนร้ายที่ก่อเหตุสังหารหมู่ในคุกลับ โดยขู่ว่าหากสืบไม่พบอำมาตย์ดึกบูลจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียวโทษฐานที่ปกปิดความจริงเรื่องคุกลับ  อำมาตย์ดึกบูลสงสัยว่าคนร้ายอาจต้องการช่วยแฮโมซู แต่หัวหน้าธิดาเทพไม่คิดเช่นนั้นเพราะคนที่รู้ว่าแฮโมซูถูกขังอยู่ที่นั่นมีเพียงตนและอำมาตย์ดึกบูล 

จูมงไปหามารี โออี ฮยอพโพ และบอกว่ามีคนร้ายบุกโจมตีคุกลับ จากนั้นก็ชวนทั้งสามคนไปตามหาพูยองที่บ้านโตชิ โดยบอกว่าตนจะพาพูยองไปรักษาคนเจ็บแล้วจะรีบส่งตัวเธอกลับ พอรู้ว่าพูยองถูกคนของโตชิจับตาดูอยู่ จูมงจึงบอกว่าตนจะไปเป็นเหยื่อล่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ บังเอิญว่าในตอนนั้นอูแทได้บุกเดี่ยวไปที่บ้านของโตชิในขณะที่โตชิกำลังจะลวนลามพูยองพอดี  พูยองจึงรีบหนีออกจากห้อง ทำให้จูมงสบโอกาสพาพูยองไปช่วยแฮโมซู


เนื่องจากองค์ชายแทโซมีบาดแผลลึกถึงกระดูกจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่รู้สึกตัว ในขณะที่หมอยอมรับว่าตนหมดทางเยียวยา เจ้ากรมวังจึงแนะนำให้พระมเหสีรีบไปทูลพระเจ้ากึมวา (อีกด้านหนึ่งจูมงก็พาพูยองมาช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้แฮโมซู โดยไม่รู้ว่าอูแทให้คนสะกดรอยตามจนรู้ที่ซ่อนของพวกตน) เมื่อพระเจ้ากึมวามาดูอาการขององค์ชายแทโซ  องค์ชายยองโพก็โกหกว่าตนกับองค์ชายแทโซออกไปล่าสัตว์และบังเอิญถูกสัตว์ป่าทำร้าย พอรู้ว่าหมอรักษาจนสุดความสามารถแล้วแต่องค์ชายแทโซยังไม่มีทีท่าว่าดีขึ้น พระเจ้ากึมว่าก็ให้คนไปเชิญหัวหน้าธิดาเทพมาช่วยรักษา 

ฮยอพโพสงสัยว่าชายตาบอดที่จูมงช่วยเหลือทำความผิดอะไรมาถึงได้ถูกขังอยู่ในคุกลับ จูมงกล่าวว่าเรื่องนั้นตนไม่รู้ แต่รู้ว่าเขาเคยเป็นทหารทาโมล ปรากฏว่าพ่อของฮยอพโพเป็นหนึ่งในทหารทาโมลที่เสียชีวิตขณะสู้รบกับทหารของราชวงศ์ฮั่น และแม่ของฮยอพโพก็เคยบอกว่าผู้นำกองกำลังทาโมลคือแม่ทัพที่ชื่อแฮโมซู จูมงจึงสงสัยว่าแม่ทัพคนนั้นอาจเป็นชายตาบอดที่อยู่ตรงหน้าและเป็นอาจารย์ของตน... หลังช่วยรักษาบาดแผลให้องค์ชายแทโซแล้ว หัวหน้าธิดาเทพก็บอกอำมาตย์ดึกบูลว่าองค์ชายแทโซไม่ได้ถูกสัตว์ป่าทำร้าย ทั้งคู่จึงเชิญองค์ชายยองโพมาพบเพื่อเค้นความจริง องค์ชายยองโพสารภาพว่าพวกตนบุกไปที่คุกลับเพื่อสังหารจูมง อำมาตย์และหัวหน้าธิดาเทพได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจ (ทั้งคู่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้จูมงไปซ่อนตัวอยู่ในคุกลับกับแฮโมซู)


โซซอโนนำสินค้าไปขายให้พ่อค้าจากต้าฮั่น แต่พ่อค้าเล่นตุกติกและหาเรื่องกดราคาทำให้เธอเกือบหลงกล โชคดีที่ยอนทาบัลมาพบเข้าเสียก่อน ยอนทาบัลจึงเปลี่ยนใจเรื่องที่จะให้โซซอโนดูแลการค้าแทนตนในตอนนี้ ซายงจึงชี้ว่าสาเหตุที่โซซอโนทำงานพลาดเป็นเพราะเธอมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นแล้วอูแทก็มารายงานโซซอนโนว่ารู้ที่ซ่อนตัวของจูมงแล้ว โซซอโนจึงรีบไปพบจูมงและชวนให้มาอยู่กับพวกตน โดยบอกว่าพวกตนจะช่วยปกป้องจูมงจากโตชิเอง  จูมงปฏิเสธโดยบอกว่าตนมีความจำเป็นบางอย่างทำให้ไม่อาจไปร่วมงานกับกลุ่มการค้าของโซซอโนได้และขอให้เธอกลับไปก่อน โซซอโนเห็นพูยองมาหาจูมงแล้วได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจึงอดรู้สึกน้อยใจไม่ได้


แฮโมซูรู้ว่าจูมงนั่งเหม่อตามลำพังจึงเดินเข้าไปคุยด้วยโดยบอกว่าตนรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เมื่อได้กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าแฮโมซูจึงบอกจูมงว่า เมื่อนานมาแล้วมีหญิงคนหนึ่งที่ตนไม่อาจปกป้อง และตนก็จำได้ว่าตัวเธอมีกลิ่นหอมแบบนี้ จูมงจึงกล่าวว่าตนก็มีผู้หญิงที่ไม่อาจปกป้องและเนื้อตัวมีกลิ่นหอมเช่นกัน แฮโมซูนึกว่าหญิงคนดังกล่าวคือคนรักของจูมง แต่จูมงบอกว่าผู้หญิงที่ตนไม่อาจปกป้องคือแม่ของตน จากนั้นก็โทษตัวเองที่ไม่เอาไหนขนาดตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แฮโมซูถามว่าพี่ชายต่างมารดาที่พยายามฆ่าจูมงคิดฆ่าแม่ของจูมงด้วยหรือไม่ จูมงกล่าวว่าขนาดตนพวกเขายังไม่ละเว้นแล้วจะปล่อยให้แม่ของตนอยู่ดีมีสุขได้อย่างไร แฮโมซูจึงแนะนำให้ใช้กฏหมายบ้านเมืองจัดการ จูมงกล่าวว่ากฏหมายพูยอทำอะไรพวกนั้นไม่ได้

เขาชั่งใจครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "พี่ชายทั้งสองของข้าเป็นองค์ชายแห่งแคว้นพูยอ ข้าเป็นน้องต่างมารดาของเจ้าพี่ทั้งสอง และเป็นโอรสองค์ที่สามของพระเจ้ากึมวา นามว่า จูมง" แฮโมซูได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจ




ตอนที่ 10



หัวหน้าธิดาเทพทูลพระเจ้ากึมวาว่าคุกในถ้ำที่พระองค์เพิ่งเสด็จไปทอดพระเนตรอยู่ในความดูแลของตำหนักเทพมาช้านาน ที่นั่นมีไว้จองจำคนที่ไม่อาจใช้กฏหมายตัดสินโทษ และไม่ได้มีไว้ขังคนทำผิดกฏหมายบ้านเมืองทั่วไป แต่เป็นสถานที่สำหรับกักขังคนที่จะทำให้แคว้นพูยอประสบหายนะ สาเหตุที่ไม่ฆ่าคนเหล่านี้เป็นเพราะสวรรค์มีบัญชาให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไป และที่พวกตนทำทั้งหมดก็เพื่อแคว้นพูยอ ตนไม่รู้ว่าคนที่บุกไปสังหารผู้คนที่คุกลับเป็นใคร แต่หนึ่งในนักโทษที่ถูกขังอยู่ที่นั่นคือแม่ทัพแฮโมซู พระเจ้ากึมวาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจและกริ้วมาก พระองค์ตรัสว่าแฮโมซูคือเพื่อนที่ตนยอมตายแทนได้ แม้หัวหน้าธิดาเทพจะอ้างว่าทำเพื่อบ้านเมืองและพระองค์ แต่ทำไมถึงทำเรื่องที่ใจดำอํามหิตแบบนั้นได้ลงคอ ธิดาเทพอ้างว่าตนไม่กล้าขัดบัญชาสวรรค์ พระเจ้ากึมวาจึงสั่งให้หัวหน้าธิดาเทพพาแฮโมซูมาพบตนให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม 

พระเจ้ากึมวาเรียกสนมยูฮวามานั่งดื่มเป็นเพื่อนกลางดึก โดยบอกว่าตนนึกถึงวันเก่าๆ แล้วนอนไม่หลับเลยอยากดื่มเหล้า พระองค์ถามสนมยูฮวาว่า "อยู่กับข้าแล้วเจ้ามีความสุขไหม" พระสนมยูฮวากล่าวว่าตนเข้ามาอยู่ในวังได้เพราะพระองค์ทรงมีพระเมตตา ชาตินี้ทั้งชาติตนคงไม่อาจตอบแทนได้หมด พระเจ้ากึมวาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดเพราะรู้คำตอบอยู่แก่ใจ  พระองค์ตรัสว่า "บางครั้งข้าก็แอบคิดว่า ถ้าหากเแฮโมซูไม่ประสบโชคร้ายเมื่อหลายปีก่อน และถ้าตอนนี้เจ้ากับเขายังครองคู่อยู่ด้วยกัน... เจ้าคงจะมีความสุขกว่านี้" 


พระสนมยูฮวาทูลตามตรงว่าเธอเองก็คิดถึงแฮโมซูบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นตาของเขา เสียงของเขา ท่าทางของเขาตอนช่วยเหลือผู้อพยพอยู่บนหลังม้า และภาพตอนที่เขาถูกทหารฮั่นจับมัดในสภาพเลือดโทรมกาย  เธอยังคงจำได้ติดตา ความทรงจำเหล่านี้ควรเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่นับวันภาพดังกล่าวกลับยิ่งชัดเจนขึ้น เธอรู้ดีว่าพระเจ้ากึมวาได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วจะยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่แฮโมซูจะคงอยู่ในใจเธอเสมอ พระเจ้ากึมวาตรัสด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่าไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น เพราะแฮโมซูจะเป็นหนามทิ่มแทงใจตนตราบจนวันตายเช่นกัน



มารีทั้งตกใจและเป็นห่วงเมื่อรู้ว่าจูมงจะเข้าไปในเมืองทั้งๆ ที่กำลังถูกคนตามล่า ครั้นพอรู้ว่าจูมงจะไปพบใครบางคนโออีจึงอาสาไปทำธุระให้แทน แต่จูมงยืนยันว่าตนต้องไปพบคนที่ว่าด้วยตนเอง และขอให้มารี โออี ฮยอพโพ ช่วยออกตามหามูซงก่อนที่มูซงจะถูกคนจับตัวไป เมื่อรู้ว่าจูมงจะเข้าเมืองไปหาอาวุธมาไว้ป้องกันตัวแฮโมซูก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เขาถามจูมงว่าพระเจ้ากึมวารู้หรือไม่ว่ามีความบาดหมางอย่างรุนแรงในหมู่องค์ชาย เขาไม่เชื่อว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อจะปล่อยให้ลูกๆ ฆ่าฟันกันเองจึงแนะนำให้จูมงไปขอความช่วยเหลือจากพระเจ้ากึมวา จูมงฟังแล้วรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากจึงได้แต่ก้มหน้านิ่ง

ขณะเดินผ่านตลาดจูมงพบองค์ชายยองโพและนาโรจึงรีบหลบ แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีชายสามคนมาดักหน้าทำให้เกิดการต่อสู้กัน อีกด้านหนึ่งเคพิลแห่งเผ่าเครู (พ่ออูแท) ก็นำเหล้าชั้นดีมาผูกมิตรกับโมพัลโม โดยบอกว่ามีเพียงขุนนางราชวงศ์ฮั่นเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรสเหล้าชนิดนี้ ทั้งยังบรรยายสรรพคุณว่าดื่มแล้วจะช่วยให้ดึ๋งดั๋งกระชุ่มกระชวย  โมพัลโมได้ชิมแล้วก็ติดใจและรู้สึกซู่ซ่าขึ้นมาทันควัน... ปรากฏว่าคนที่จูมงต้องการมาหาคือโมพัลโม  โมพัลโมดีใจมากที่ได้พบจูมงอีกครั้ง เขาไม่โทษจูมงที่ทำเตาหลอมระเบิดแต่กลับโทษตนเองว่าสอนไม่ดี หลังถามไถ่ทุกข์สุขกันแล้วจูมงก็ขอร้องโมพัลโมให้ช่วยหาดาบมาให้ตน


องค์ชายแทโซแทบไม่เชื่อหูเมื่อองค์ชายยองโพบอกว่าตนสารภาพความจริงกับอำมาตย์ดึกบูลและหัวหน้าธิดาเทพแล้ว หลังถูกตำหนิอย่างรุนแรงองค์ชายยองโพก็บอกว่าตนไม่มีทางเลือก เพราะสองคนนั้นรู้ว่าบาดแผลขององค์ชายแทโซไม่ได้เกิดจากสัตว์ร้ายแต่เกิดจากคมดาบ องค์ชายแทโซเดาใจอำมาตย์ดึกบูลและหัวหน้าธิดาเทพไม่ออกจึงลากสังขารไปที่ตำหนักเทพทั้งๆ ที่แผลยังไม่หายดี  โดยเรียกอำมาตย์ดึกบูลมาคุยพร้อมกัน จากนั้นก็ถามตามตรงว่าทั้งคู่จะทูลเรื่องที่ตนพาคนไปกวาดล้างคุกลับกับพระเจ้ากึมวาหรือไม่  อำมาตย์ดึกบูลยืนยันว่าตนจะไม่นำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูล หัวหน้าธิดาเทพชี้ว่าพวกตนไม่ได้ทำเพื่อปกป้ององค์ชายทั้งสอง แต่ทำเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายในราชสำนักและปกป้องอนาคตของพูยอ  องค์ชายแทโซนึกขึ้นได้จึงถือโอกาสถามว่านักโทษตาบอดในคุกลับที่คอยปกป้องจูมงเป็นใคร ดูเหมือนว่าเขาจะสนิทกับจูมงทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่เก่งขั้นเทพและตอนนี้ทั้งคู่ก็หนีไปด้วยกัน  หัวหน้าธิดาเทพตอบสั้นๆ ว่าตนไม่รู้

พูยองแอบมาช่วยดูแลและรักษาบาดแผลให้แฮโมซูทุกคืน แฮโมซูจึงขอให้เธอช่วยหาไม้ไผ่และอุปกรณ์สำหรับเขียนจดหมายมาให้ตน หลังตกงานและรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดมูซงก็กลายเป็นผีพนัน พอเล่นชนะติดๆ กันเขาก็โดนรุมซ้อม โชคดีที่มารี โออี ฮยอพโพ มาช่วยทันเวลา ในที่สุดโมพัลโมก็นำดาบมาให้จูมงสองเล่ม จูมงจึงรีบนำไปอวดแฮโมซู แฮโมซูกล่าวว่าต่อให้จูมงเป็นยอดฝีมือแต่ถ้าชะตาชีวิตมืดมนก็ไม่อาจปกป้องตัวเองได้ ถึงเวลาที่จูมงจะต้องกำจัดความมืดมนออกจากดวงชะตาแล้ว พูดจบแฮโมซูก็ฝากจดหมายไปให้พระเจ้ากึมวาโดยขอให้ปกปิดที่มาเป็นความลับ และอย่าให้ใครรู้ว่าจดหมายถูกส่งมาจากจูมง


โซซอโนยังคงครุ่นคิดว่าแท้จริงแล้วจูมงเป็นองค์ชายแห่งพูยอจริงหรือไม่ ซายงรู้ว่าลึกๆ แล้วโซซอโนเป็นห่วงจูมงจึงเตือนว่าเธอกับจูมงไม่มีอะไรติดค้างกันกันแล้ว โซซอโนกล่าวว่าเธอไม่ได้เป็นกังวลเรื่องนั้น เพียงแต่คิดว่าจูงมงอาจพูดความจริง เธอจึงขอให้ซายงช่วยสืบว่าจูมงเป็นองค์ชายจริงๆ หรือไม่ โดยอ้างว่าถ้าจูมงเป็นองค์ชายก็จะเป็นผลดีกับพวกตนเพราะต่างฝ่ายต่างเคยช่วยเหลือกันมาก่อน ถึงกระนั้นซายงก็ดูออกว่าเธอมีใจให้จูมง ยอนทาบัลได้ข่าวว่าองค์ชายแทโซบาดเจ็บสาหัสจึงบอกให้โซซอโนไปเยี่ยม เขารู้ว่าองค์ชายแทโซชอบโซซอโนจึงคิดที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่โซซอโนปฏิเสธทันควัน ยอนทาบัลกล่าวว่าตนเองก็ไม่ได้ปลื้มองค์ชายแทโซเท่าไหร่นัก แต่ถ้าอยากให้เผ่าเครูอยู่รอดก็จำเป็นต้องรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับพูยอ ส่วนจะชอบหรือไม่ชอบองค์ชายแทโซนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ดังนั้นจงอย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาทำให้เสียงาน

โซซอโนนำสมุนไพรไปเยี่ยมองค์ชายแทโซด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางพูดเอาอกเอาใจและอวยพรให้หายเร็วๆ องค์ชายแทโซได้ยินดังนั้นก็ดีใจและแทบหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อพระมเหสีเสด็จมาเยี่ยมองค์ชายแทโซ โซซอโนก็ถือโอกาสขอตัว พระมเหสีเห็นองค์ชายแทโซหน้าบานจึงรู้ได้ทันทีว่าองค์ชายแทโซชอบโซซอโน เมื่ออูแท (ซึ่งตามโซซอโนเข้ามาในวังด้วย) สืบพบว่าจูมงเป็นองค์ชายจริง เขาก็มารายงานโซซอโนว่าจูมงเป็นพระโอรสองค์ที่สามของพระเจ้ากึมวา แต่ตอนนี้ถูกปลดเป็นสามัญชนและโดนขับออกจากวังเพราะทำความผิด ถึงกระนั้นจูมงก็เป็นพระโอรสที่พระเจ้ากึมวาทรงโปรดปรานมากที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นพระโอรสที่ทำให้พระเจ้ากึมวาทรงผิดหวังมากที่สุดเช่นกัน โซซอโนได้ยินดังนั้นจึงฟันธงว่าจูมงเป็นคนไม่เอาไหนจริงๆ ซายงไม่เชื่อว่าจูมงจะถูกตัดหางปล่อยวัดเพราะตนรู้มาว่าพระเจ้ากึมวาทรงโปรดพระสนมยูฮวามากกว่าพระมเหสี โซซอโนจึงคิดที่จะผูกไมตรีกับองค์ชายแทโซและจูมงเพื่อผลประโยชน์ของเผ่าเครู 


จูมงแอบนำจดหมายของแฮโมซูไปมอบให้มูต็อก โดยบอกว่าตนจำเป็นต้องส่งจดหมายให้พระบิดาแต่จะต้องปกปิดที่มาของจดหมายเป็นความลับ ดังนั้นจงอย่าให้ใครรู้ว่าจดหมายนี้มาจากตนและอย่าให้เห็นว่าเธอเป็นคนนำจดหมายนี้เข้ามา แม่แต่พระพระมารดาของตนก็ห้ามบอกเรื่องนี้ ในที่สุดพระเจ้ากึมวาก็ได้รับจดหมายของแฮโมซูซึ่งปะปนมากับข่าวของมณฑลฮยอนโทที่ยอนทาบัลส่งมา เนื้อความในจดหมายระบุว่า

"ข้าถูกจองจำในคุกที่แม้แต่หยาดน้ำฝนสักหยดก็ไม่อาจเล็ดลอดเข้ามาได้ แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไปข้าก็คิดได้ว่านี่คงเป็นความประสงค์ของสวรรค์เบื้องบน ข้าไม่คิดตำหนิเจ้า ต่อให้เจ้ารู้มาโดยตลอดว่าข้าอยู่ที่ไหนก็ตาม ในตอนนี้ข้าต้องการพบเจ้า หากมีใครขวางไม่ให้เราพบกัน เจ้าจงหาทางหลบหลีกมาให้ได้... ในคืนพระจันทร์เต็มดวงจงมาที่ทะเลสาบบนเขาซูมีที่เราเคยพบกันเมื่อหลายปีก่อน"

อำมาตย์ดึกบูลเห็นพระเจ้ากึมวามีท่าทางแปลกๆ หลังได้อ่านจดหมายดังกล่าว จึงแอบสั่งให้ขันทีนำจดหมาย (ที่วางเด่นเป็นสง่าบนโต๊ะในห้องบรรทม) มาให้ตนดู พอรู้ว่าแฮโมซูนัดพบพระเจ้ากึมวาเขาก็คิดที่จะนำกำลังไปขัดขวาง ก่อนออกเดินทางเขานึกถึงคำเตือนของหัวหน้าธิดาเทพที่เคยบอกว่า การที่แฮโมซูยังมีชีวิตอยู่เป็นความประสงค์ของสวรรค์ หากเขาฆ่าแฮโมซูสวรรค์จะพิโรธและอนาคตของแคว้นพูยอก็จะมืดมน 


แฮโมซูขอให้จูมงพาไปยังสถานที่นัดพบ เมื่อรู้ว่าแฮโมซูจะไปพบพระเจ้ากึมวา จูมงก็รู้สึกแปลกใจ แฮโมซูจึงเล่าว่าตนและพระเจ้ากึมวาเคยนำทัพกองกำลังทาโมลมาด้วยกัน แฮโมซูต้องการพบพระเจ้ากึมวาเพราะไม่อยากให้จูมงถูกเจ้าพี่ทั้งสองตามฆ่าอีก และอยากถามพระเจ้ากึมวาว่าเพราะอะไรตนถึงถูกกักขังนานนับ 20 ปี จูมงไม่เชื่อว่าพระเจ้ากึมวาจะทรยศเพื่อนที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา จึงพยายามแก้ต่างให้พระเจ้ากึมวา แฮโมซูไม่ออกความเห็นและเดินนำหน้าไปเงียบๆ ทันใดนั้น แฮโมซูก็รู้สึกได้ว่ามีคนดักซุ่มอยู่ หลังจากนั้นก็มีกลุ่มชายชุดดำบุกเข้ามาทำร้ายทั้งคู่ แฮโมซูใช้ไม้เท้าเป็นอาวุธ ส่วนจูมงใช้ดาบที่เพิ่งได้มาหมาดๆ ฟาดฟันกับคนร้าย ไม่นานทั้งคู่ก็จัดการคนร้ายได้ทั้งหมด อำมาตย์ดึกบูลซึ่งเฝ้าดูอยู่ห่างๆ เห็นจูมงพาแฮโมซูหลบหนีก็ไม่คิดติดตาม เพราะเขาไม่ได้มาสังหารแต่มาเพื่อขัดขวางไม่ให้แฮโมซูและพระเจ้ากึมวาได้พบกัน

หลังถูกคนลอบโจมตี แฮโมซูอดคิดไม่ได้ว่าคนพวกนั้นอาจทำตามคำสั่งของพระเจ้ากึมวา และอาจเป็นพระเจ้ากึมวาที่สั่งขังตน (ในตอนนั้นพระเจ้ากึมวากำลังยืนรอแฮโมซูด้วยความกระวนกระวายใจ) ส่วนจูมงเองก็ชักเริ่มไม่แน่ใจ เขาครุ่นคิดถึงคำพูดของแฮโมซูที่บอกว่า เขาและพระเจ้ากึมวาเคยร่วมนำทัพทหารทาโมลจึงอยากพบกันสักครั้งหวังปกป้องจูมง และถือโอกาสถามว่าทำไมเขาจึงถูกขังมานานนับ 20 ปี จูมงเห็นแฮโมซูมีสีหน้าเคร่งเครียดและไม่ยอมพูดจาจึงบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้ากึมว่าจะสั่งฆ่าคนที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อน ตนเชื่อว่าน่าจะมีคนแอบอ่านหรือชิงจดหมายไป เพราะตนเคยเห็นอำมาตย์ดึกบูลและหัวหน้าธิดาเทพไปที่คุกลับ หากไม่ใช่สองคนนี้ก็น่าจะเป็นพระเชษฐาทั้งสองของตน แต่ไม่ใช่พระเจ้ากึมวาแน่นอน (จูมงพูดปลอบใจแฮโมซูด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้า) แฮโมซูกล่าวว่าฝีมือใครไม่สำคัญ ตนก็แค่รู้สึกเสียใจที่จูมงกับตนมีชะตาเดียวกัน นับจากนี้สิ่งเดียวที่ตนทำให้จูมงได้คือการถ่ายทอดเคล็ดวิชาเพื่อที่จูมงจะได้นำไปปกป้องตัวเอง


พระเจ้ากึมวาเรียกอำมาตย์ดึกบูลมาเข้าเฝ้าและยื่นจดหมายของแฮโมซูให้ดู จากนั้นก็ตรัสเสียงเข้มว่า "แฮโมซูต้องการพบข้าอย่างลับๆ แต่พอข้าไปรอที่จุดนัดพบเขากลับไม่ปรากฏตัว ท่านอำมาตย์! ทำไมแฮโมซูถึงไม่ออกมาพบข้า ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนขอพบข้าเอง เขากลัวอะไรจึงไม่มาพบข้า มันเป็นใคร ใครกันที่ขัดขวางไม่ให้พวกเราได้พบกัน" พระเจ้ากึมวาสั่งให้อำมาตย์ดึกบูลตามหาแฮโมซูให้พบ หากเขาทำไม่สำเร็จพระองค์จะไม่ปิดเรื่องนี้ใว้เป็นความลับอีกต่อไป  และจะให้ทหารออกค้นหาเมื่อถึงคราวจำเป็น

เคพิลพาโมพัลโมไปพบยอนทาบัล เมื่อเห็นว่ายอนทาบัลต้อนรับและเลี้ยงเหล้ายาอาหารตนเป็นอย่างดีโมพัลโมจึงถามด้วยความแปลกใจว่าทำไมถึงให้เกียรติตนขนาดนี้ ยอนทาบัลกล่าวว่าตนเป็นพ่อค้าที่เดินทางรอนแรมไปทั่วเลยได้พบกับผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ตนชอบคบหาสมาคมกับคนมีพรสวรรค์และมีฝีมืออย่างโมพัลโม  เคพิลรู้ว่าโมพัลโมชอบดื่มเหล้าจึงนำเหล้าที่ดื่มแล้วดึ๋งดั๋งเหมือนคราวก่อนมาเอาใจพร้อมทั้งเตรียมหญิงสาวมาคอยปรนนิบัติโมพัลโมในคืนนี้ด้วย โมพัลโมได้ยินดังนั้นก็หัวเราะร่า แต่พอยอนทาบัลขอให้ถ่ายทอดเคล็ดลับเรื่องการตีดาบให้พวกตน โมพัลโมก็รู้สึกไม่พอใจ เขากล่าวว่าต่อให้เอาเงินทองมากองเต็มห้องตนก็ไม่มีวันเปิดเผยความลับเรื่องการตีดาบ พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องทันที ซายงแปลกใจที่อยู่ๆ ยอนทาบัลก็พูดเรื่องนี้และชี้ว่าคนอย่างโมพัลโมจะจงรักภักดีต่อพูยอตราบจนวันตาย ยอนทาบัลยอมรับแต่โดยดีว่าตนใจร้อนและประเมินโมพัลโมต่ำไป

โตชินำเครื่องประดับล้ำค่ามาติดสินบนเจ้ากรมวังและองค์ชายยองโพ โดยบอกว่าตนอยากได้สิทธิดูแลการค้าระหว่างแคว้นพูยอกับราชวงศ์ฮั่นที่พระเจ้ากึมวามอบให้ยอนทาบัล องค์ชายยองโพจึงรับปากว่าจะลองช่วยดู  เมื่อเห็นพูยองยกน้ำชาเข้ามาให้องค์ชายยองโพก็รู้สึกคุ้นๆ แต่ยังคงนึกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร ประกอบกับมีธุระสำคัญที่ต้องจัดการ เจ้ากรมวังนำรูปจูมงมาให้โตชิดูแล้วถามว่ารู้จักชายในภาพไหม โตชิกล่าวว่าก่อนหน้านี้จูมงเคยทำงานกับตนที่นี่และตอนนี้ตนก็กำลังตามหาเขาอยู่เช่นกัน เมื่อรู้ว่าหญิงที่ยกน้ำชามาให้พวกตนเมื่อสักครู่เป็นคนพาจูมงมาทำงานกับโตชิโดยอ้างว่าเป็นญาติ องค์ชายยองโพก็เริ่มรู้สึกเอะใจ


พระสนมยูฮวาวานมูต็อกให้นำของไปให้จูมง ครั้นพอเห็นมูต๊อกถือของกลับมาเหมือนเดิมจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ว่าคุกลับถูกปิดตาย ซ้ำยังไม่พบเบาะแสของจูมงและมูซงพระสนมก็รู้สึกตกใจ ในตอนนั้น แฮโมซูเริ่มถ่ายทอดวิชาให้จูมงอย่างจริงจัง เขาปักดาบลงที่พื้นแล้วบอกให้จูมงใช้ดาบโจมตีตนด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เมื่อเห็นจูมงยังคงลังเล แฮโมซูจึงบอกว่าถึงตาของตนจะมองไม่เห็น แต่นั่นก็ไม่ทำให้ตนเสียเปรียบในการต่อสู้ เพราะคนทั่วไปมองเห็นดาบด้วยตา แต่ยอดฝีมือจะรับรู้ได้จากทุกส่วนร่างกาย และนี่ก็คือสาเหตุที่ยอดฝีมือสามารถต่อกรกับศัตรูทั้งที่อยู่ตรงหน้าและที่ลอบโจมตีจากทางด้านหลังได้



จูมงได้ยินดังนั้นจึงถือดาบพุ่งเข้าหาแฮโมซู แต่แฮโมซูก็หลบหลีกคมดาบได้ทุกครั้ง ทั้งยังปลดดาบและซัดฝ่ามือใส่จูมงอีกด้วย แฮโมซูสอนจูมงว่า เวลาถือดาบจะต้องทำให้ดาบเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายที่มีเลือดเนื้อและมีพลัง นอกจากดาบแล้วเวลาใช้อาวุธอื่นๆ เช่น หอกหรือธนูก็ต้องทำแบบเดียวกันด้วย จูมงจึงรวบรวมพลังและตั้งสติให้มั่นจากนั้นก็ถือดาบพุ่งเข้าหาแฮโมซูอีกครั้ง ถึงแม้จะหลบทันแต่คมดาบของจูมงถึงกับทำให้เสื้อบริเวณหน้าอกของแฮโมซูขาด แฮโมซูอึ้งราวกับถูกไฟช็อตไปชั่วขณะ เขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของจูมงอย่างทะนุถนอมและรีบเบือนหน้าหนี จากนั้นก็ตบไหล่จูมงเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ



* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพ captures จากเอ็มบีซีคลาสสิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา