วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เรื่องย่อ เทพบุตรแวมไพร์ (Blood)




กำกับ: คิม มินซู,  ลี แจฮุน
เขียนบท: ปาร์ค แจบอม
แนวละคร:  การแพทย์, แฟนตาซี, โรแมนติก
จำนวนตอน: 20
ออกอากาศ: เกาหลี - 16 กุมภาพันธ์ 2558 - 21 เมษายน 2558 ทางเคบีเอส2
               ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.15-22.45 น. ทางพีพีทีวี ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2558 - 12 มกราคม 2559

เรื่องย่อ



ละคร "เทพบุตรแวมไพร์ (Blood)" กำกับและเขียนบทโดยทีมงานจากละครเรื่อง "ฟ้าส่งผมมาเป็นหมอ (Good Doctor)" เดิมมีการติดต่อให้ "ชอง อิลวู" (จากเดอะ รีเทิร์น ออฟ อิลจิแม / อัศวินรัตติกาล) และ "ยู ยอนซอก"  (จากเรื่อง Reply 1994 คิดถึงเธอ) เป็นนักแสดงนำ แต่ทั้งคู่ต่างติดปัญหาเรื่องคิวงาน โดยอิลวูต้องเดินสายโปรโมทละคร "อัศวินรัตติกาล" ในต่างประเทศ ส่วนยอนซอกติดถ่ายทำภาพยนตร์  บทดังกล่าวจึงตกเป็นของ "อัน แจฮยอน" นายแบบหนุ่มที่เพิ่งประเดิมบทพระเอกในเรื่องนี้เป็นครั้งแรก (เขาเล่นละครครั้งแรกเมื่อปี 2013 โดยรับบทน้องชายนางเอกในเรื่อง "ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว" )  

เนื้อหาในละครกล่าวถึงเรื่องราวของ "ปาร์ค จีซัง" ศัลยแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี ซึ่งผ่านการเป็นหมอฝึกหัดในศูนย์การแพทย์และโรงพยาบาลชั้นนำของโลกมาแล้วหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น เมโยคลีนิค ที่รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา, ศูนย์โรคมะเร็งเอ็มดี เอ็นเดอร์สัน ในรัฐเท็กซัส, โรงพยาบาลรอยัลลอนดอน ที่สหราชอาณาจักร และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมิวนิค (München) ประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ เขายังเป็นหมอนักวิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกด้วย

ด้วยความที่เป็นหมอเขาจึงเห็นคุณค่าของการมีชีวิตและคอยปกป้องชีวิตผู้คน แต่การเป็นหมอผ่าตัดที่ต้องเห็นเลือดผู้ป่วยไม่เว้นแต่ละวันกลับสร้างปัญหาให้เขาไม่น้อย เพราะนอกจากจะเป็นหมอแล้วเขายังเกิดมาเป็น "แวมไพร์" หากไม่ได้ทานยาก่อนเห็นเลือดหรือเข้าห้องผ่าตัด เขาจะกลายร่างเป็นแวมไพร์กระหายเลือดทันที



ละครเปิดฉากขึ้นที่ประเทศโรมาเนีย (บ้านเกิดแดร็กคูล่า) โดยสมมุติว่าเป็นสาธารณรัฐโคเชเนียซึ่งกำลังเกิดสงครามกลางเมือง... หลังได้รับเบาะแสสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับแวมไพร์ "ปาร์ค จีซัง" ศัลยแพทย์ประจำโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมิวนิค จึงไปเป็นแพทย์อาสาสมัครในภาวะสงครามที่โคเชเนีย และถือโอกาสไปที่โบสถ์ร้างห่างไกลชุมชนตามที่ตนได้ข้อมูลมา เมื่อพบจุดที่เป็นหลุมฝังศพเก่าแก่ซึ่งมีป้ายปักเอาไว้ว่า "จงอย่าเสาะหาความตาย ความตายจะเสาะหาเจ้าเอง" เขาก็เริ่มทำการขุดค้นและพบว่าทั้งหมดเป็นโครงกระดูกของผู้ที่มีเขี้ยวและนิ้วมือยาวผิดปกติ ทั้งยังมีร่องรอยของเศษผ้าเปื้อนเลือดที่ถูกตัดขาดอีกด้วย

หลังไปดูให้เห็นกับตาแล้วจีซังก็รีบกลับมาทำหน้าที่แพทย์อาสา เขากับแพทย์อาสาสมัครอีกคนได้รับคำสั่งให้รีบเก็บของแล้วอพยพออกนอกพื้นที่ เพราะกองกำลังฝ่ายกบฏจะมาถึงที่นี่ในอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้า พอรู้ว่าหมออีกคนจะทิ้งคนไข้เด็กที่ถูกยิงและยังไม่ได้รับการผ่าตัดเอาไว้ที่นี่เพราะเห็นว่าเด็กมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก ต่อให้เคลื่อนย้ายเด็กก็จะเสียเลือดมากจนเกิดภาวะช็อคและเสียชีวิตกลางทางอยู่ดี จีซังจึงยืนกรานว่าตนจะอยู่ที่นี่เพื่อผ่าตัดให้เด็กถึงแม้จะไม่มีผู้ช่วยและวิสัญญีแพทย์ก็ตาม หลังจากนั้นเขาก็ลงมือผ่าตัดเอากระสุนปืนออกให้เด็กตามลำพังอย่างใจเย็น (เขาตั้งชื่อเกาหลีให้เด็กหญิงคนดังกล่าวว่า "ยองฮี")


   

เมื่อกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายกบฏมาถึง จีซังก็แนะนำตัวเป็นภาษาโรมาเนียโดยบอกว่า ตนเป็นหมอพลเรือนจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมิวนิค ประเทศเยอรมนี  หวังว่าทุกคนจะปล่อยตนกับคนไข้เด็กตามหลักมนุษยธรรม เมื่อเห็นว่ากลุ่มกบฏไม่ยอมอ่อนข้อทั้งยังใช้ปืนจ่อและสั่งให้เขาคุกเข่า จีซังจึงเตือนว่าถ้าอยากเดินออกไปดีๆ ก็จงหลีกทางให้พวกตน กลุ่มกบฏได้ยินดังนั้นจึงระดมยิงจีซังทันที จีซังรีบเข็นเตียงคนไข้ให้พ้นทางก่อนถูกยิงจนร่างพรุน ไม่นานเขาก็กลายร่างเป็นแวมไพร์ยอดนักบู๊และจัดการกับกลุ่มกบฏจนนอนแน่นิ่งไปตามๆ กัน

เขาบอกคนดูว่า "ผมเป็นแวมไพร์ หรือถ้าจะพูดให้ชัดๆ ผมติดเชื้อไวรัส 'VBT-01'  เชื้อ VBT-01 สามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น (โรคติดต่อทางพันธุกรรม) สาเหตุของโรคยังไม่ปรากฏแน่ชัดและยังไม่มียารักษา ไวรัสชนิดนี้จะกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ "เทโลเมอเรส"* ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการชราภาพของมนุษย์ ผลก็คือผู้ติดเชื้อจะมีอายุขัยยาวนานกว่าคนปกติ 300 เท่าและมีพลังเหนือธรรมชาติ หากผู้ใหญ่ติดเชื้อ...กระบวนการชราภาพจะหยุดทำงานทันที (ไม่แก่ลงไปกว่านี้) แต่ถ้าเป็นวัยรุ่น...กระบวนการชราภาพจะหยุดลงในอีก 5-6 ปีข้างหน้า แล้วร่างกายก็จะอยู่ในสภาพนั้น (หนุ่ม-สาว) ตลอดไป  ผู้ติดเชื้อแต่ละคนจะมีสมรรถภาพทางกายเหนือคนปกติมาก  แถมร่างกายยังรักษาหรือซ่อมแซมตนเองได้ แต่แสงอาทิตย์ยามเช้าและแสงธรรมชาติที่สว่างจ้ามากๆ อาจทำให้ถึงตาย และเวลากระหายเลือดแต่ละครั้งจะทรมานมาก... ผมไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งที่ตรงกลางระหว่างคนเป็นและคนตาย"

* "เทโลเมอเรส (Telomerase)" เป็นเอนไซม์ที่จะช่วยรักษาความยาวของ "เทโลเมียร์" เพื่อรักษาสมดุลและประสิทธิภาพของกลไกการแบ่งตัวของเซลล์ ส่วน "เทโลเมียร์ (Telomere)" คือ ดีเอ็นเอที่อยู่ส่วนปลายสุดของโครโมโซม ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ข้อมูลรหัสพันธุกรรมถูกทำลายไประหว่างการแบ่งตัวของเซลล์ ทั้งยังเป็นตัวกำหนดอายุขัยของเซลล์และอายุขัยคนเราด้วย  ทุกครั้งที่เซลล์มีการแบ่งตัว ความยาวของเทโลเมียร์จะสั้นลงเรื่อยๆ  (เมื่อเทโลเมียร์สั้นลง อายุขัยก็จะลดลงตาม) ถ้าเทโลเมียร์สั้นลงจนถึงจุดๆ หนึ่งเซลล์นั้นก็จะเสื่อมและถูกทำลายไป เมื่อเซลล์หยุดการทำงานจะเกิดการแพร่กระจายของอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมหรือชราภาพของเซลล์ ความยาวของเทโลเมียร์จึงบ่งบอกถึงความเสื่อมของเซลล์และเป็นตัวชี้วัดอายุร่างกายได้ คนที่มีเทโลเมียร์สั้นมากทั้งๆ ที่อายุน้อย แสดงว่าคนๆ นั้นแก่เร็วเกินไป และการทำงานที่ผิดปกติของเทโลเมียร์ยังมีความสัมพันธ์กับโรคบางชนิด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง เป็นต้น  (เชื้อไวรัส 'VBT-01' ในละครเรื่องนี้จะกระตุ้นให้เอ็นไซม์เทโลเมอเรสของผู้ติดเชื้อ (แวมไพร์) ทำงานมากขึ้น ส่งผลให้สายเทโลเมียร์ที่ปลายโครโมโซมยาวขึ้น จึงช่วยชะลอความชราในระดับเซลล์และทำให้มีอายุขัยเพิ่มมากขึ้น - พระเอกของเราจึงยังหน้าใสเด้งทั้งที่อายุอานามตามท้องเรื่องมากกว่า 36 ปีแล้ว)

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ 1979 (พ.ศ. 2522)  




หลัง "ปาร์ค ฮยอนซอ" (พ่อของจีซัง) และ "ฮัน ซอนยอง" (แม่ของจีซัง) ซึ่งเป็นแพทย์นักวิจัยที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และติดเชื้อไวรัส 'VBT-01' ทั้งคู่ ได้พาลูกน้อยวัยแบเบาะ ("จีซัง" ซึ่งมีชื่อภาษาอังกฤษว่า "เจสัน") หนีมาใช้ชีวิตอย่างสงบในเมืองเล็กๆ ที่มัวร์เคาน์ตี้ รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา  แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันในวันฮาโลวีนขึ้นจนได้ เมื่อ "ลี แจอุค" และลูกสมุนแวมไพร์บุกมาหาฮยอนซอและซอนยองถึงบ้าน โชคดีที่ฮยอนซอไหวตัวทันจึงบอกให้ซอนยองรีบพาลูกน้อยหนีไปเพื่อไม่ให้ลูกตกอยู่ในกำมือของแจอุค เขายอมเสียสละตนเองเพื่อปกป้องลูก โดยหวังว่าลูกจะเอาตัวรอดได้โดยไม่มีตน

15 ปีต่อมา (ปี ค.ศ. 1994 หรือ พ.ศ. 2537) 



จีซังเติบโตอย่างโดดเดี่ยวบนเกาะเชจูโดยไม่ได้เข้าโรงเรียนและไม่มีเพื่อน ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่าย (แม่ของเขาทำหน้าที่เป็นครูสอนหนังสือให้) เขาเริ่มรู้ตัวว่าตนเองเป็นแวมไพร์หลังไม่ยอมทานยาตามที่แม่บอกแล้วมีอาการกระหายเลือด เมื่อธาตุแท้ปรากฏเขาทั้งโกรธตัวเองและสิ้นหวังในชีวิต จึงวิ่งเตลิดเข้าไปในป่าด้วยพละกำลังที่เหนือมนุษย์ เขากระโดดลงจากหน้าผาและเหินไปเกาะภูเขาหินกลางทะเลก่อนร่วงตกลงไปในน้ำ เมื่อพบว่าตนเองยังไม่ตายเขาก็กรีดร้องด้วยความคับแค้นใจ ระหว่างเดินกลับบ้านจีซังถูกชายคนหนึ่งตะโกนด่าว่าเดินเกะกะขวางทางและจะตรงเข้ามาทำร้าย  จีซังซึ่งกำลังอารมณ์ไม่ดีจึงชกกลับทำให้ชายคนดังกล่าวกระเด็นไปนอนแน่นิ่งบนฝากระโปรงรถ พรรคพวกของชายคนดังกล่าวเห็นดังนั้นจึงพากันลงจากรถแล้ววิ่งกรูกันเข้าไปหาจีซัง หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็จบลงที่โรงพัก ปรากฏว่าเหล่าชายฉกรรจ์ที่มีร่างกายล่ำสันต่างอยู่ในสภาพสะบักสะบอม พวกเขาพยายามฟ้องตำรวจว่าถูกจีซังทำร้ายร่างกาย (โดยบอกว่าจีซังเป็นเจ็ทลีและเก่งเหมือนหวงเฟยฟง) แต่ตำรวจไม่เชื่อเพราะเห็นว่าจีซังเป็นเพียงเด็กหนุ่มบอบบางแถมยังตัวเล็กกว่ากลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้มาก 



จีซังไม่รู้ว่าการกระทำที่บุ่มบ่ามของตนกำลังนำภัยมาสู่ตนเองและแม่ เพราะการที่เขาแสดงพละกำลังเหนือมนุษย์ให้คนอื่นเห็นทำให้ลูกสมุนของแจอุครู้ทันทีว่าเขาอยู่ที่ไหน หลังก่อเรื่องจีซังรู้สึกว่าชีวิตตนเองเริ่มมีรสชาติหลังอยู่อย่างโดดเดี่ยวเหี่ยวเฉามานาน เขาคิดที่จะใช้ความสามารถพิเศษหาเงิน เพื่อจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองต้องการ  ซอนยองได้ยินดังนั้นจึงบอกให้จีซังหยุดฝันเฟื่องแล้วใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อควบคุมตนเอง จีซังรู้ว่าแม่จะหยิบยกคำพูดของพ่อที่เคยพูดกับตนก่อนตายมากล่าวอ้างเหมือนที่เคยทำเป็นประจำจึงชิงพูดก่อนว่า "แม่เชื่อว่าลูกจะรู้รักษาตัวรอด ด้วยความสามารถของลูกเอง" จีซังบอกแม่ว่าตนได้ยินประโยคนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แม้จะเป็นประโยคที่ฟังแล้วดูดี แต่ตนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อเลยสักนิด ถ้อยคำเหล่านี้จึงไม่มีความหมายใดๆ สำหรับตน ซอนยองบอกจีซังว่าเธอจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเมื่อถึงเวลา จีซังกล่าวทั้งน้ำตาว่า "ผมก็แค่อยากเป็นมนุษย์จริงๆ แต่มันไม่มีหวังเลย พอหมดหวังทีไรผมจะรู้สึกโกรธ ผมไม่น่าเกิดมาเลย จะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดและสิ้นหวังแบบนี้"

อีกด้านหนึ่งแจอุคกำลังผ่าตัดให้คนไข้ที่โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดและโรงพยาบาลทั่วไปแมสซาชูเซตส์ ในสหรัฐอเมริกา เขาตัดเนื้อร้ายออกมาให้เหล่าแพทย์ฝึกหัดดูแล้วถามว่า เวลาเจอเนื้อร้ายซ่อนอยู่ในบริเวณที่ตรวจพบได้ยากแบบนี้แล้วคิดถึงเรื่องอะไร แพทย์คนหนึ่งคิดว่าโอกาสรอดของคนไข้จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่แจอุคคิดว่าเนื้อร้ายที่พบเหมือนหญิงสาวที่มาออกเดทสาย 3 ชั่วโมง (ต้องเขี่ยทิ้ง) เขากล่าวว่าการกำจัดเนื้อร้ายบริเวณ uncinate process* ของตับอ่อนก็เหมือนการปราบผี พวกตนจึงเป็นเหมือนนักล่าผี

* uncinate process เป็นส่วนเล็กๆ ของ head หรือส่วนหัวของตับอ่อนที่โอบไปทางด้านหลังหลอดเลือดแดงซุพีเรียร์มีเซนเทอริค (superior mesenteric artery) /  ตับอ่อน (สีเหลืองกลางภาพ) เป็นอวัยวะที่ยาวประมาณ 6 นิ้ว วางทอดขวางหน้ากระดูกสันหลังและอยู่หลังกระเพาะอาหาร ส่วนหัวทอดอยู่ในอ้อมกอดของลำไส้เล็กส่วนต้นที่เรียกว่าดูโอดีนัม ส่วนหางจ่อติดกับม้าม ตรงกลางมีหลอดเลือดใหญ่ทอดผ่านหลายหลอด การผ่าตัดจึงทำได้ยาก / มะเร็งตับอ่อน - เนื่องจากตับอ่อนเป็นอวัยวะที่อยู่หลังเยื่อบุช่องท้อง ทั้งยังถูกห้อมล้อมด้วยอวัยวะต่างๆ ซึ่งไวต่อรังสี ได้แก่ กระเพาะอาหาร ตับ ไต ม้าม และลำไส้เล็ก  การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งตับอ่อนจึงทำได้ค่อนข้างยาก อาการของมะเร็งตับอ่อนจึงมักปรากฎเมื่อมะเร็งลุกลามมากแล้ว (เป็นมะเร็งที่หาเจอได้ยากที่สุดชนิดหนึ่ง)
ภาพจาก pancreapedia  / ข้อมูลจาก thaigoodview

หลังผ่าตัด แจอุคนั่งฟังเพลงคลาสสิคพลางดื่มไวน์อย่างสบายอามรมณ์ ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น (สมุนแวมไพร์ของเขาโทรฯ มารายงานความคืบหน้าบนเกาะเชจู) เขารับสายแล้วพูดว่า "ฮัลโหล... ที่ไหน? คนพวกนี้มาสาย 3 ชั่วโมง (ต้องกำจัดหรือเขียทิ้งเหมือนผู้หญิงที่มาออกเดทสาย 3 ชั่วโมง) โอเค... คอยจับตาดูไปก่อน ไม่... มีบางอย่างที่พวกนายต้องไปทำก่อน "




จีซังอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในป่า (บนเกาะเชจู) โดยไม่รู้ว่าถูกสองแวมไพร์ "นัม ชอลฮุน" (อดีตนักมวย ปัจจุบันเป็นมือขวาของแจอุค) และ "แอล" (สมุนแจอุคและลูกน้องของชอลฮุน) คอยจับตาดูอยู่ แต่หลังจับตาดูแล้วทั้งคู่ก็จากไปเงียบๆ อีกด้านหนึ่ง "ยู แชอึน" (หรือ "ยู ริต้า" ในวัยเด็ก) ก็ถูก "ยู ซอกจู" ผู้เป็นลุงส่งมาเที่ยวเกาะเชจูกับพ่อแม่ทั้งๆ ที่เธออยากไปฮาวาย ขณะที่สองแวมไพร์ชอลฮุนกับแอลเรียกฝูงหมาป่าดุร้ายให้ออกมาหาพวกตน พ่อกับแม่ของแชอึนต่างพากันชื่นชมทัศนียภาพและเหล่าพรรณไม้ในป่า ผิดกับแชอึนที่รู้สึกเบื่อ พอเห็นกระต่ายตัวน้อยเธอก็วิ่งตามไปเล่นด้วยโดยไม่รู้ว่าฝูงหมาป่ากำลังวิ่งตรงมาหาเธอ กว่าจะรู้ตัวฝูงหมาป่าก็อยู่ตรงหน้าและพากันเดินเข้าไปหาเธออย่างประสงค์ร้าย หมาป่าตัวหนึ่งกระโจนเข้าแชอึน แชอึนเห็นดังนั้นก็เสียหลักหงายหลังทำให้ศีรษะกระแทกหิน นับว่าโชคดีที่จีซังมาช่วยเธอไว้ได้ทัน ฝูงหมาป่าเห็นดังนั้นจึงหันมารุมกัดจีซังแทน

หลังโดนหมาป่าทำร้ายจีซังก็กลายร่างเป็นแวมไพร์และจัดการฝูงหมาป่าด้วยมือเปล่าต่อหน้าแชอึน (ซึ่งอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น) โดยมีสองแวมไพร์ยืนดูอยู่ห่างๆ  แจอุคได้รับรายงานเรื่องความสามารถของจีซังก็รู้สึกพอใจ เขาเปรยว่า "แวมไพร์สายพันธุ์แท้ (เป็นแวมไพร์โดยสายเลือดไม่ได้เกิดเป็นคนแล้วติดเชื้อ) ปาร์ค ฮยอนซอ... ลูกชายนายไม่เหมือนใครจริงๆ ชั้นกับเจสัน (จีซัง) จะพิสูจน์ให้นายดูว่าชั้นคิดถูก" หลังพบว่าลูกสาวหายไป พ่อกับแม่ของแชอึนก็ออกตามหาแต่กลับต้องเผชิญหน้ากับสองคนร้าย


สองแวมไพร์เห็นจีซังสามารถรับมือหมาป่าได้ทั้งฝูงจึงยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเดินจากไป จีซังซึ่งได้รับบาดเจ็บทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง ไม่นานบาดแผลของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป จีซังนำสมุนไพรแก้ปวดมาป้อนแชอึนซึ่งมีเลือดออกที่ศีรษะ แชอึนบอกจีซังว่าตอนเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าเธอภาวนาให้สวรรค์ส่งใครสักคนมาช่วยเธอ แล้วเขาก็มาช่วยเธอจริงๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงตำรวจและหน่วยกู้ภัยร้องเรียกแชอึน จีซังจึงบอกลาเธอและเตือนว่าต่อไปนี้อย่าเข้ามาในป่าคนเดียวอีก เพราะตนไม่อาจปรากฏตัวทุกครั้งที่เธอภาวนา (แชอึนไม่เห็นพ่อกับแม่จึงถามหน่วยกู้ภัยว่าพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่ไหน...แต่ภาพตัดไปที่บ้านของจีซังเสียก่อน)

จีซังกลับเข้าบ้านในขณะที่แม่ของเขากำลังแอบทดลองและคิดค้นตัวยา พอรู้ว่าลูกชายช่วยชีวิตคนอื่นซอนยองก็รู้สึกภูมิใจ ในตอนนั้นจีซังเกิดความรู้สึกแปลกๆ ซึ่งเขาเองก็บอกแม่ไม่ถูกว่ามันคืออะไร แต่ความรู้สึกแบบนี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก (เขารู้สึกดีที่ได้ใช้ความเป็นแวมไพร์ที่ตนเองเกลียดชังช่วยชีวิตผู้อื่น และแอบปลื้มแชอึน) ในเวลาเดียวกันนั้น แจอุคซึ่งอยู่ในห้องทดลองยาส่วนตัว (ที่อเมริกา) ก็กำลังคุยโทรศัพท์กับลูกน้อง เขากล่าวว่า "ตอนนี้นายเอาตัวเด็กนั่นมาให้ชั้นได้แล้ว ไม่... แค่เด็กคนเดียว"



คืนนั้นจีซังคิดถึงแชอึนจนนอนไม่หลับ พอเดินผ่านแผงขายเครื่องประดับในวันรุ่งขึ้นเขาก็แวะซื้อกิ๊บติดผมสีชมพู อีกด้านหนึ่งซอนยองซึ่งกำลังผลิตยาบางอย่างได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ไม่นานสองแวมไพร์ก็บุกเข้ามาในบ้าน ซอนยองพร้อมรับมือผู้บุกรุกโดยเตรียมเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ยักษ์เป็นอาวุธ แต่เธอต้านแรงของชอลฮุนไม่ไหว หลังถูกจับเหวี่ยงจนร่างกระแทกตู้กระจกอย่างจัง ซอนยองก็กลายร่างเป็นแวมไพร์ เมื่อจีซังเดินมาถึงหน้าบ้านก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบวิ่งเข้าไปดูแม่ และพบว่าแม่กำลังจะถูกชอลฮุนฉีดยา (โดยใช้เข็มฉีดยาของซอนยอง) ซอนยองบอกให้จีซังรีบหนีไป แต่จีซังไม่ยอมทิ้งแม่จึงเข้าไปต่อสู้กับแอลและถูกแอลจับร่างเหวี่ยงกระแทกพื้น ชอลฮุนฉวยโอกาสฉีดยาซอนยอง จีซังเห็นดังนั้นจึงวิ่งเข้าไปหาแม่ซึ่งมีอาการเจ็บปวด แต่ถูกแอลขวางเอาไว้ หลังกลายร่างเป็นแวมไพร์จีซังก็เอาชนะแอลได้ แต่ยังไม่อาจรับมือชอลฮุนจึงถูกเหวี่ยงจนร่างลอยไปกระแทกบันได แม้จะทรมานอย่างแสนสาหัสแต่ซอนยองก็พยายามรวบรวมกำลังและคลานไปที่สวิตช์ไฟ จากนั้นก็ร้องบอกจีซัง (ซึ่งกำลังถูกชอลฮุนบีบคอ) ให้หลับตาก่อนเปิดไฟสปอร์ตไลท์ สองแวมไพร์ถูกไฟส่องตาจึงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จีซังจึงฉวยโอกาสพาแม่หนีเข้าไปในป่า 



 

จีซังจะพาซอนยองไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่ซอนยองปฏิเสธโดยบอกว่าเธอไม่รอดแน่ จีซังถามว่ายาที่ชอลฮุนฉีดให้แม่คืออะไร ซอนยองไม่ตอบ เธอบอกให้จีซังหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก่อนไปเขาต้องพาเธอกลับไปที่บ้านแล้วเผาร่างเธอเสียเพื่อไม่ให้คนอื่นๆ ติดเชื้อ และให้เอาภาพวาด (พระอาทิตย์) ของเขาไปด้วย เธอขอโทษจีซังที่ไม่อาจอยู่ดูแลได้ หลังบอกรักจีซังแล้วเธอก็สิ้นใจ  จีซังจะปลดภาพวาดพระอาทิตย์ลงมาแต่กลับพบว่ามีกล่องใส่ฟล็อปปี้ดิสก์และเทปคาสเซ็ตต์ซุกซ่อนอยู่ทางด้านหลัง หลังนำของออกมาแล้วจีซังก็นำกิ๊บ (ที่เพิ่งซื้อ) มาติดให้แม่แล้วเผาแม่ในบ้านตามคำสั่งเสีย เขาถือภาพวาดแล้วยืนมองแม่ในกองเพลิงทั้งน้ำตาพลางนึกถึงคำพูดที่แม่เคยบอกว่า เขาสามารถกลับกลายเป็นมนุษย์ได้ เช่นเดียวกับอสูรที่กลายร่างเป็นองค์ชายรูปงาม


 

หลังจากนั้น จีซังก็นำวิดีโอที่แม่ของเขาบันทึกเตรียมไว้ให้ไปเปิดดูในห้องทดลอง หลายปีต่อมา จีซังไปเป็นแพทย์อาสาในภาวะสงครามกลางเมืองที่สาธารณรัฐโคเชเนีย เขาต้องช่วยเหลือทหารที่ได้บาดเจ็บท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบอันแสนดุเดือด (มีทั้งการดวลปืนและทิ้งระเบิดทางอากาศ) เมื่อ "จู ฮยอนอู" โทรฯ มาหาจีซังแล้วพบว่าจีซังอยู่ท่ามกลางดงกระสุน เขาเลยแกล้งถามว่าจีซังว่ากำลังเล่นวิดีโอเกมอยู่หรือ (เขาเรียกจีซังว่าพี่) ฮยอนอูบอกจีซังว่าตนรู้แหล่งที่มาของข้อมูลแล้ว และชี้ว่าข้อมูลถูกส่งมาจากโรงพยาบาลมะเร็งแทมินในเกาหลีใต้ หรือถ้าจะพูดให้ชัดก็คือมันถูกส่งผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของฐานข้อมูลที่โรงพยาบาล

หลังปฐมพยาบาลทหารเสร็จแล้ว จีซังก็บอกให้แพทย์อาสาอีกคนรีบนำตัวผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ ทันใดนั้น ทหารฝ่ายตรงข้ามที่ซุ่มอยู่ในตึกใกล้เคียงก็ยิงตอบโต้ด้วยปีนยิงลูกระเบิด แถมระเบิดเจ้ากรรมดันตกและระเบิดตรงที่จีซังกำลังนั่งคุยโทรศัพท์พอดี แพทย์อาสากับทหารบาดเจ็บ (ที่เพิ่งเดินออกไปและรอดตายอย่างฉิวเฉียด) หันกลับไปมองจีซังด้วยสีหน้าตกตะลึง ครั้นเมื่อฝุ่นควันจางลงจีซังก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากบริเวณดังกล่าวหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อพบว่าข้อมูลและภาพโครงกระดูกแวมไพร์ที่สุสานร้างในตำนาน (สุสานบนที่ราบโดรต้าในสาธารณรัฐโคเชเนีย) ถูกส่งมาให้ตนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ที่โรงพยาบาลมะเร็งแทมินในเกาหลี โดยโครงกระดูกเหล่านี้ถูกฝังมานาน 150 ปี ก่อนที่จะมีใครบางคนมาพบเข้าเมื่อปี ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) และได้นำเศษผ้าเปื้อนเลือดที่ติดอยู่กับโครงกระดูกไปด้วย หลังจากนั้นก็ทำการเพาะเชื้อไวรัส เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนจีซังเกิด 3 ปี  จึงเป็นไปได้ว่าพ่อกับแม่ของจีซังจะติดเชื้อที่ถูกเพาะในตอนนั้น จีซังจึงย้ายมาเป็นหมอที่โรงพยาบาลมะเร็งแทมินในเกาหลีใต้ เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงและหาวิธีคิดค้นตัวยารักษาไวรัสชนิดดังกล่าว

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรติดตามชมได้ใน "เทพบุตรแวมไพร์ (Blood)" ทางพีพีทีวี

* เนื้อหาโดย luvasianseries

นักแสดงนำ


อัน แจฮยอน
รับบท ปาร์ค จีซัง




คู เฮซอน
รับบท ยู ริต้า



จี จินฮี
รับบท ลี แจอุค



ชอง เฮอิน
รับบท จู ฮยอนอู




คลิปตัวอย่างจาก เคบีเอส


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา