วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เรื่องย่อ ฟาร์มป่วน หวนรัก (Paradise Ranch)




กำกับ: คิม ชอลคยู
เขียนบท: ชาง ฮยอนจู, ซอ ฮีจอง
แนวละคร: โรแมนติก, ดราม่า
จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - 24 มกราคม 2554 - 15 มีนาคม 2554 ทางเอสบีเอส
                ไทย - ทุกวันอังคาร - ศุกร์ เวลา 9.00 - 10.00 น ทางไทยรัฐทีวี ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2558 - 14 มกราคม 2559

เรื่องย่อ



"ฟาร์มป่วน หวนรัก (Paradise Ranch)" เป็นละครเรื่องแรกของนักร้องหนุ่มวงดงบังชินกิ "ชิม ชางมิน" เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวของคู่รักคู่ร้าง "ฮัน ทงจู" และ "ลี ดาจี" ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนและแต่งงานกันตอนอายุ 19 ปี แต่มีอันต้องหย่าร้างหลังแต่งงานได้เพียง 6 เดือน... หลังจากนั้น 6 ปี ทั้งคู่ก็พบกันโดยบังเอิญอีกครั้ง แม้ความสัมพันธ์ในช่วงแรกจะยังไม่สู้ดีนัก แต่หลังจากนั้นไม่นานถ่านไฟเก่าก็เริ่มคุกรุ่นและลุกโชนขึ้นมา

ละครเปิดฉากขึ้นด้วยความโกลาหลเมื่อ "ฮัน ทงจู" และ "ลี ดาจี" พากันวิ่งหนีออกจากสนามบินโดยมีพ่อของทั้งสองฝ่ายวิ่งตามมาติดๆ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แอบไปจดทะเบียนสมรสแต่ถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธเพราะในเอกสารระบุว่าดาจีเกิดเดือนกันยายน ปี 1986 ซึ่งหมายความว่าเธอเพิ่งมีอายุเพียง 17 ปี ดาจีแย้งว่าถ้านับตามปฏิทินจันทรคติเธออายุได้ 19 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่จึงชี้ว่าผู้เยาว์ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก่อนจึงจะจดทะเบียนสมรสได้ เมื่อรู้ว่าผู้ปกครองจะต้องมาแสดงตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ด้วย ทงจูก็ปลอบดาจีว่าพวกตนจะไม่มีวันยอมพรากจากกัน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปขอขมาและขออนุญาตผู้ปกครองที่บ้าน




ดาจีบอกพ่อว่าเธอไม่อยากไปเรียนต่อตามลำพังโดยไม่มีทั้งพ่อและทงจูอยู่เคียงข้าง ทงจูรับปาก "ลี อ็อกซู" (พ่อของดาจี) ว่าตนจะดูแลและทำให้ดาจีมีความสุขตลอดชีวิต ทำให้ "ฮัน แทมาน" พ่อของเขารู้สึกไม่พอใจมาก แต่แล้วอยู่ๆ "ฮัน ซ็อกซัง" ปู่ของทงจู (ซึ่งเลี้ยงทงจูมากับมือและรักเขายิ่งกว่าลูก) ก็คุกเข่าขอร้องให้อ็อกซูยอมเปิดใจและอนุญาตให้ลูกหลานของพวกตนแต่งงานกัน โดยรับปากว่าตนจะรักดาจีเหมือนเป็นลูกสาวของตนเอง ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน ต่างฝ่ายต่างให้คำมั่นต่อหน้าอ็อกซูว่าจะครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป... แต่หลังเข้าพิธีวิวาห์ได้เพียง 6 เดือน เจ้าสาววัย 19 และเจ้าบ่าววัย 21 ปีก็มีอันต้องเลิกราหย่าร้างแบบสายฟ้าแล่บ


6 ปีต่อมา ดาจีกลายเป็นดูแลและฝึกม้าในพื้นที่ปศุสัตว์ "พาราไดซ์ แรนช์ (Paradise Ranch)" บนเกาะเชจู ... ขณะที่พ่อของดาจีกำลังปรึกษาสัตวแพทย์หนุ่มเรื่องที่ม้ามีอัตราการแท้งลูกเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนโดยไม่ทราบสาเหตุ ดาจีก็ถือขี้ม้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกเรื่องที่เธอค้นพบโดยบังเอิญ (หลังสะดุดล้มแล้วหน้าจิ้มลงบนอึม้า) ว่า สาเหตุที่ม้าแท้งลูกเป็นเพราะกินหญ้าแห้งที่มาจากต้นถั่วอัลฟัลฟาซึ่งมีสารไอโซฟลาโวนที่ถูกจัดเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติ  หากม้าที่กำลังตั้งท้องได้รับเอสโตรเจนมากเกินไปจะทำให้แท้งลูก (นอกจากนี้อัลฟัลฟายังมีแคลเซียมสูงมาก การให้ม้าที่กำลังตั้งครรภ์กินอัลฟัลฟามากเกินไปโดยไม่มีสารอาหารอย่างอื่นผสมจะทำให้แคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกายม้าขาดความสมดุล) เธอชี้ว่าม้าที่กำลังตั้งท้องไม่ควรกินอัลฟัลฟาเกิน 20% ของปริมาณอาหารทั้งหมดที่ได้รับ ซึ่งเรื่องนี้มีระบุในรายงานของนักวิชาการชาวเยอรมัน พูดจบดาจีก็ยื่นรายงานดังกล่าวให้สัตวแพทย์หนุ่มและพ่อของเธอดู ทำให้สัตวแพทย์คนดังกล่าวรู้สึกทึ่งในตัวดาจี

** แม้ดาจีจะบอกว่าตนเองเป็น "ซูอีซา" หรือสัตวแพทย์ แต่ดูๆ แล้วไม่น่าใช่ "สัตวแพทย์ม้า" หรือ 'หมอ' ที่มีใบประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ชั้นหนึ่ง แต่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคการสัตวแพทย์ประจำฟาร์มปศุสัตว์ ซึ่งสามารถพยาบาลสัตว์ได้ในระดับหนึ่ง หรือผ่านการอบรมหลักสูตรระยะสั้นมากกว่า เพราะในตอนที่ 1 นี้จะเห็นได้ว่ามีสัตว์แพทย์หนุ่มหล่อที่สวมเสื้อกาวน์มารักษา (ให้น้ำเกลือ) ม้าป่วยที่คอก และในตอนที่ 5 พ่อของดาจียังบอกว่าเมื่อก่อนตนเคยก่อหนี้ ดาจีเลยต้องสละสิทธิ์ทุนเรียนฟรีของรัฐบาลกลางคันเพื่อมาช่วยตนทำงานหาเงินใช้หนี้ ทำให้มีชีวิตที่ยากลำบากมาตลอด 6 ปี ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนหัวดีและเก่งด้านคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ ดาจียังไม่ชำนาญและไม่กล้าเจาะเลือดม้า เพราะเมื่อก่อนเธอเคยแทงเข็มพลาดจนทำให้ม้าตาย

อีกด้านหนึ่งที่กรุงโซล แทมานเห็นว่าทงจูยังไม่ยอมมาทำงานจึงโทรฯ ไปตาม พอรู้ว่าลูกชายตัวแสบยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียงโดยอ้างว่าถึงเข้าออฟฟิศก็ไม่มีอะไรทำ ซ้ำยังท้าให้ไล่ตนเองออก แทมานเลยขู่ทงจูว่าถ้าไม่มาเข้าประชุมในวันนี้ตนจะระงับบัตรเครดิตทุกใบ ทงจูได้ยินดังนั้นจึงจำใจลุกขึ้นมาแต่งตัว


ดาจีพาสัตวแพทย์เดินดูบริเวณโดยรอบพลางบอกว่า นับตั้งแต่นิตยสารในประเทศญี่ปุ่นนำเรื่องราวของที่นี่ไปเผยแพร่ ก็มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก เธอเล่าว่าเมื่อ 5 ปีก่อนบริเวณนี้เป็นที่รกร้าง แต่เนื่องจากครอบครัวของเธออาศัยอยู่ใกล้กับพื้นที่ปศุสัตว์จึงเข้ามาบุกเบิกและดูแลทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์โดยลงทุนลงแรงทุกอย่างเองทั้งหมด เธอพาสัตวแพทย์หนุ่มไปดูพ่อพันธุ์ม้าจากนั้นก็เล่าให้ฟังว่าม้าตัวนี้ไม่ยอมผสมพันธุ์ เธอลองทำมาแล้วทุกวิถีทาง (แม้กระทั่งเปิดหนังอย่างว่าให้ม้าดู) แต่ทำยังไงก็ไม่เป็นผล ทำให้โดน "หัวหน้ายาง" (ซึ่งเป็นเจ้าของม้าที่นำม้ามาให้เธอดูแล) ตำหนิ สัตวแพทย์หนุ่มกล่าวชมว่า อดีตสาวน้อยคนเก่งวัย 16 ปีที่ได้รับเลือกให้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเกาหลีใต้กลายเป็นสัตวแพทย์เต็มตัวแล้ว หัวหน้ายางได้ยินเข้าจึงแย้งว่าดาจีไม่ได้เก่งปานนั้น ที่ตนจำใจจ้างดาจีเป็นเพราะแถวนี้ไม่มีคนอื่นให้เลือก เขาท้าให้สัตวแพทย์หนุ่มคอยจับตาดูดาจีโดยบอกว่าภายในเวลาไม่เกิน 10 นาทีจะต้องมีเรื่องวุ่นๆ พูดยังไม่ทันขาดคำม้าพ่อพันธุ์ก็พยศและลากดาจี (ซึ่งจูงม้าอยู่) วิ่งหนีไป

พอรู้ว่าดาจีจะบินไปประมูลม้าแข่งที่ออสเตรเลีย หัวหน้ายางจึงขอซื้อม้าตัวดังกล่าวจากเธอโดยบอกว่าตนยินดีทุ่มงบไม่อั้นและจะออกค่าธรรมเนียมการประมูล 5 ล้านวอน (กว่า 1.5 แสนบาท) ให้ด้วย ดาจีปฏิเสธทันควันเพราะกว่าเจ้าของจะยอมขายม้าตัวที่เธอเล็งไว้ เธอต้องส่งอีเมล์และโทรฯ ไปอ้อนวอนนานนับปี เธอฝันว่าถ้าเจ้า "วอลโพนี่" ชนะการแข่งขันเธอจะนำเงินมาซื้อบ้าน (บ้านไร่ขนาดกระทัดรัดใน "พาราไดซ์ แรนช์" ที่พ่อของเธอเป็นคนสร้างเองกับมือ - บนที่ดินแปลงย่อยของคนอื่น)  หัวหน้ายางได้ยินดังนั้นจึงบอกให้เธอหยุดฝันเฟื่องเพราะ "พาราไดซ์ แรนช์" ถูกขายให้คนอื่นนานแล้ว

ดาจีได้ยินดังนั้นจึงรีบไปหาชายที่เธอเรียกว่า "ลุงปาร์ค" เพื่อสอบถามความจริง จากนั้นก็ตำหนิที่เขาขายพาราไดซ์ แรนช์ให้คนอื่นโดยไม่ยอมบอก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอกับพ่อกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อซื้อที่นั่น (พ่อของเธออุตส่าห์ไปรับจ๊อบที่สนามแข่งม้าในกรุงโซลเพื่อหารายได้เพิ่ม) เมื่อพ่อของเธอทราบข่าวก็ตามมาเอาเรื่องลุงปาร์คพร้อมทั้งโวยว่าเขาบอกขายที่ดิน (แปลงย่อย) ที่มีมูลค่าไม่ถึง 5 ล้านวอนให้ตนในราคา 50 ล้าน (กว่า 1.5 ล้านบาท) แต่กลับแอบขายให้คนอื่นในราคาไม่ถึง 20 ล้านวอน (ไม่ถึง 6 .2 แสนบาท)

ทงจูถูกปู่บังคับให้เดินทางไปซื้อม้าแข่งที่ออสเตรเลีย โดยบอกว่าเป็นม้าสำหรับรีสอร์ทบนเกาะเชจูของพวกตน อีกด้านหนึ่งดาจีกับพ่อก็บีบให้ชายคนหนึ่งลงนามในสัญญาซื้อขายที่ (พ่อดาจีเรียกเขาว่าคุณชเว)  หลังจับมือชายคนดังกล่าวให้ลงตราประทับแล้ว ดาจีก็กล่าวว่าเงิน 10 ล้านวอน (ประมาณ 3 แสนบาท) จะถูกแบ่งจ่าย 10 เดือนโดยเธอจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของเขา หลังได้เงิน 5 แสนวอน (ราว 1.5 หมื่นบาท) จากหัวหน้ายางแล้ว เธอจะนำมาให้เขาทันที อ็อกซูถามดาจีว่าถ้าซื้อม้าที่ชื่อวอลโพนี่มาแล้วเธอจะไม่เสียใจใช่ไหม (พ่อรู้ว่าเธอชอบม้าตัวนี้มาก) ดาจีตอบว่าไม่เป็นไรเพราะเจ้าของม้าคือหัวหน้ายาง ที่สำคัญเขาอนุญาตให้เธอดูแลวอลโพนี่ก่อนลงแข่ง ถึงแม้จะไม่ได้ครอบครองแต่อย่างน้อยเธอก็ได้อยู่ใกล้ชิดมัน


 


เมื่อไปถึงออสเตรเลียดาจีก็ตรงไปที่สนามแข่งและประมูลม้า เธอได้พบชายหนุ่มรูปงามที่มีชื่อว่า "เอ็ดเวิร์ด" ในงานปาร์ตี้ หลังชนะการแข่งขันเครื่องเล่นวัวกระทิงแล้ว เอ็ดเวิร์ดก็นำดอกไม้และหมวกของเขามามอบให้ดาจี ระหว่างที่ดาจีไปทักทายเจ้าวอลโพนี่ (ซึ่งเจ้าของบอกว่านอกจากเธอแล้วไม่มีคนอื่นร่วมประมูลแข่งกับเธอ) เธอเห็นว่า "เดวิด" (เจ้าของม้าและเทรนเนอร์) รู้จักกับเอ็ดเวิร์ดจึงแอบถามว่าเอ็ดเวิร์ดมาจากเกาหลีใต้เช่นเดียวกับเธอหรือเปล่า เดวิดเซย์โนแล้วบอกว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นชาวอเมริกัน ดาจีจึงกล่าวชมเอ็ดเวิร์ดเป็นภาษาเกาหลีให้เจ้าวอลโพนี่ฟัง โดยบอกว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นชายหนุ่มรูปงาม นามเพราะ แถมยังมอบหมวกให้เธอทั้งๆ ที่ในงานปาร์ตี้มีคนสวยมากมาย (เธอบอกม้าว่าเป็นเพราะตนเองมีเสน่ห์)

ทงจูเห็นดาจีกำลังคุยเล่นกับม้าจึงยืนดูอยู่ห่างๆ และอดรู้สึกขำไม่ได้ ขณะที่เอ็ดเวิร์ดซึ่งถูกดาจีกล่าวชมแบบซึ่งหน้าก็รู้สึกขำเธอเช่นกัน เขาเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับเธอ (เป็นภาษาเกาหลี) ที่จะได้ครอบครองม้าชั้นดีอย่างเจ้าวอลโพนี่ โดยบอกว่าม้าตัวนี้เดวิดรักและหวงแหนมาก เขาเองก็ยังนึกไม่ถึงว่าเดวิดจะยอมตัดใจขาย ดาจีสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าเอ็ดเวิร์ดพูดภาษาเกาหลีได้ เธอถามว่าเขาเป็นชาวเกาหลีหรือ เอ็ดเวิร์ดตอบว่าพ่อแม่ของตนต่างหากที่เป็นคนเกาหลี เขาชมว่าหมวกใบนี้เหมาะกับเธอและบอกเธอว่า "แล้วพบกันใหม่" ก่อนเดินจากไป



เมื่อดาจีมองตามเอ็ดเวิร์ดก็พบทงจูยืนอยู่ตรงหน้า ดาจีดีใจที่ได้พบทงจูอีกครั้งหลังไม่ได้พบกันนาน 6 ปี แต่ทงจูกลับแสดงท่าทีเย็นชา และกล่าวว่าพวกตนไม่อยู่ในสถานะที่ต้องทักทายหรือไต่ถามทุกข์สุขกันอีกต่อไปแล้ว ถึงกระนั้นดาจีก็ยังบอกเขาว่าเธอมีความสุขที่ได้เจอเขาอีกครั้ง พอรู้ว่าทงจูมาออสเตรเลียเพื่อประมูลม้าแข่งที่ชื่อวอลโพนี่ดาจีก็รู้สึกตกใจ และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือค่าตัวของเจ้าวอลโพนี่ ที่มีราคาเริ่มต้นสูงถึง 19.4 ล้านวอน (ราว 6 แสนบาท) ดาจีและทงจูแข่งกันเสนอราคาโดยใช้ค่าเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย ในที่สุดดาจีก็เป็นฝ่ายชนะการประมูลหลังเสนอราคาที่ 61,000 เหรียญ (ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมต่างๆ) ครั้นพอนำมาเทียบกับค่าเงินวอน ดาจีก็ต้องตกตะลึงเพื่อพบว่าเธอซื้อม้าเกินงบที่มีอยู่กว่า 3 เท่า

ดาจีบากหน้าไปหาทงจูที่ห้องพักโรงแรมเพื่อขอให้เขาช่วยซื้อวอลโพนี่แทนเธอเพราะเห็นว่าเขาเองก็อยากได้ม้าตัวนี้เช่นกัน แต่ทงจูกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ดาจีขอความเห็นใจเพราะเธอตั้งใจว่าจะซื้อม้าที่ราคา 20 ล้านวอน (กว่า 6.1 แสนบาท) ถ้าหัวหน้ายางรู้ว่าค่าตัวม้าสูงกว่า 60 ล้านวอน (มากกว่า 1.8 ล้านบาท) เขาต้องไม่ยอมซื้อแน่ๆ แต่ถ้าไม่ซื้อม้าตัวนี้เธอจะถูกปรับถึง 5 ล้านวอน (กว่า 1.5 แสนบาท) ซึ่งเธอเองก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าปรับเช่นกัน (เธอพกเงินสดมา 1 พันเหรียญและใช้ไปเกือบหมดแล้ว) ทงจูฟังแล้วไม่รู้สึกเห็นใจทั้งยังไล่ดาจีออกจากห้อง ทันใดนั้น ก็มีคนกดกริ่งที่หน้าประตู เมื่อทงจูเดินออกไปดูเขาก็รู้สึกตกใจที่ "ปาร์ค ชินยอง" (ซึ่งเป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน) บุกมาหาถึงห้อง แถมเธอยังโผเข้ากอดทงจูต่อหน้าดาจีอีกด้วย 

ดาจีเข้าไปหาอะไรดื่มแก้กลุ้มในบาร์โดยไม่ทันสังเกตว่าคนที่นั่งข้างๆ เธอคือชายหนุ่มรูปงามนามว่าเอ็ดเวิร์ด (ชื่อเกาหลีคือ "ซอ ยุนโฮ" - จากนี้ไปจะใช้ชื่อ "ยุนโฮ" แทนเอ็ดเวิร์ด) ดาจีนั่งดูเมนูแล้วบ่นเป็นเพลงว่ามีแต่ของแพงๆ เธอจึงได้แต่สั่งเบียร์มาดื่มและบ่นว่าหิวจนไส้กิ่ว หลังจากนั้นก็คร่ำครวญเรื่องที่ตนซื้อม้ามาในราคาแพงลิบลิ่ว เธอพยายามคิดหาทางออกแต่ยังคงมืดแปดด้าน ยุนโฮเห็นดังนั้นก็อดรู้สึกขำไม่ได้ เขารู้ว่าเธอหิวเลยเลื่อนจานอาหารของตนเองไปให้เธอ หลังกินทุกอย่างในจานจนหมดเกลี้ยงแล้ว ดาจีก็ถามยุนโฮว่าเขาได้ซื้อม้าบ้างหรือเปล่า พอรู้ว่ายุนโฮซื้อม้ามากถึง 13 ตัว เธอก็ถามอย่างตื่นเต้นว่าเขากำลังจะเปิดฟาร์มปศุสัตว์ (ranch)* หรือ ยุนโฮกล่าวว่าตนมีคอกม้าแข่งเป็นของตนเอง (อาชีพหลักของเขาคือนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนารีสอร์ทหรู) 

* การลงทุนทำ ranch หรือฟาร์มปศุสัตว์โดยทั่วไปในต่างประเทศ มี 3 แบบคือ 1. เป็นเจ้าของบ้านไร่ ที่ดินแปลงใหญ่ อุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนอาคาร โรงนา และโรงเรือน (เช่น คอกม้า) แบบครบวงจร แล้วเปิดให้คนอื่นเช่าทำปศุสัตว์ 2. รับเลี้ยง/ฝึก/ขยายพันธุ์สัตว์ (เช่น ม้า แกะ วัว) ให้คนอื่นในฟาร์มของตัวเอง 3. เป็นทั้งเจ้าของฟาร์มและทำปศุสัตว์เอง



แม้ทงจูจะแกล้งทำเป็นเมินใส่ดาจี แต่เขากลับโทรฯ ไปบอก "เลขาลี"  ว่าม้าแข่งที่ชื่อวอลโพนี่ปิดประมูลที่ 60 ล้านวอน เมื่อโดนบ่นว่าทำไมต้องจ่าย 60 ล้านวอนเพื่อซื้อม้าค่าตัว 20 ล้านวอน ทงจูก็บอกว่าถ้าเป็นม้าที่จำเป็นต้องซื้อต่อให้ค่าตัวแพงแค่ไหนก็ต้องซื้อมาให้ได้ เลขาลีจึงบอกว่าตนจะติดต่อไปห้องประมูลเพื่อจัดการเรื่องซื้อขาย ดงจูเห็นชินยองเดินตัวปลิวมาหาจึงถามว่ากระเป๋าเดินทางเธออยู่ไหน ชินยองตอบว่าอยู่ในห้องของทงจู  (เขาพักห้องสวีทที่ภายในมี 2 ห้อง)  ระหว่างเดินเล่นริมชายหาดชินยองรู้สึกทึ่งที่ปู่ของทงจูบีบให้เขามาประมูลม้าที่ออสเตรเลียได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยยุ่งและไม่ชอบพูดถึงเรื่องม้า (เขามีปมอดีตเกี่ยวกับม้า) ทงจูเปรยว่าตนเป็นหลานที่ทั้งขี้เกียจและไม่เอาไหน แต่ชินยองไม่เห็นด้วยและแย้งว่าเขาเพอร์เฟ็คสุดๆ เธอโอบกอดเขาแล้วกล่าวว่า "คงไม่เร็วเกินไปใช่มั๊ย... ทงจู! ถ้าคุณรู้สึกดีๆ ภายใน 3 วินาที เรามาเดทกันนะ" 




ยุนโฮแนะให้ดาจีอธิบายหัวหน้ายางว่าวอลโพนี่เป็นม้าแข่งที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย ดังนั้น ค่าตัว 60 ล้านวอนจึงไม่นับว่าแพงจนเกินไป แต่ดาจีรู้นิสัยหัวหน้ายางดีกว่าใคร เธอบอกยุนโฮว่าหัวหน้ายางเป็นคนขี้เหนียวสุดๆ เขาไม่มีทางจ่ายค่าตัวม้าในราคา 60 ล้านวอนแน่ เธอมีงบฯ สำหรับซื้อม้าให้หัวหน้ายางแค่ 20 ล้านวอน ถ้าหักค่าปรับ 5 ล้านวอนก็เหลือเงินแค่ 15 ล้านวอนเท่านั้น ยุนโฮได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าถ้าเป็นเรื่องนี้ตนช่วยดาจีได้ เขาพาดาจีไปดูม้าตัวอื่นที่ราคาถูกกว่าในวันรุ่งขึ้น ดาจีสำรวจม้าตัวหนึ่งโดยละเอียด พอเห็นว่าเป็นตัวผู้เธอก็ตรวจดูอวัยวะเพศน้องม้า หลังนั่งจ้องได้สักพักดาจีก็ส่ายหน้าแล้วลากยุนโฮไปดูม้าตัวอื่น ไม่นานเธอก็พบม้าที่ถูกใจ (ทงจูเห็นยุนโฮช่วยดาจีหาม้าตัวใหม่อย่างสนิทสนมก็แอบไม่พอใจ)

เลขาลีโทรฯ มารายงานว่าไม่สามารถซื้อม้าตัวที่ชื่อวอลโพนี่ได้ เพราะม้าตัวดังกล่าวถูกเทรนเนอร์นำกลับและยกเลิกการขายแล้ว เดิมทีทงจูตั้งใจว่าจะซื้อวอลโพนี่ตามคำสั่งปู่และเพื่อช่วยเหลือดาจีจึงสั่งให้เลขาลีซื้อมาให้ได้ พอเห็นว่าดาจีมีทางออกแล้วเขาก็ไม่สนใจเจ้าวอลโพนี่หรือม้าตัวอื่นอีกต่อไป ด้วยความที่ต้องกลับบ้านมือเปล่าเขาจึงต้องคิดหาข้อแก้ตัวกับปู่



ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน ดาจีเดินไปส่งยุนโฮที่รถแล้วกล่าวขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือเธอ พอเห็นทงจูและชินยองเดินควงคู่กันมาดาจีก็ถึงกับหน้าถอดสี ทงจูแกล้งโอบไหล่ชินยองเพื่อเย้ยดาจี ยุนโฮเห็นดังนั้นจึงแกล้งโอบไหล่ดาจีบ้าง (ทงจูหันมาเห็นเข้าจึงหยุดมองอย่างไม่พอใจ) ยุนโฮบอกดาจีว่าแม้ชินยองจะสวยและแต่งตัวดีแต่สำหรับตนแล้วดาจีมีเสน่ห์มากกว่า ดาจีได้ยินแล้วแอบหลงตัวเอง "แหม! เล่นชมกันตรงๆ ต่อหน้าอย่างนี้ ชั้นก็เขินแย่สิคะ"  เธอเห็นยุนโฮมีคนขับรถหรูมารับจึงเปรยว่าเขาคงได้กำไรจากการแข่งม้าไม่น้อย ยุนโฮกล่าวว่าตราบใดที่ทำแล้วได้เงินตนก็จะทำแบบทุ่มสุดตัว ดาจีมอบนามบัตรให้ยุนโฮพลางกล่าวว่าเธอดูแลฟาร์มปศุสัตว์บนเกาะเชจู ถ้าเขาไปที่นั่นเมื่อไหร่ให้ติดต่อเธอ แล้วเธอจะเป็นไกด์กิตติมศักดิ์พาเที่ยวรอบเกาะ

แทมาน (พ่อทงจู) เห็น "ลี บ๊กชิม" (แม่ทงจู) ขับรถคันเก่ามาที่สำนักความทนายความตามที่นัดหมายกันไว้ เลยเหน็บว่าถ้าเธอได้ค่าเลี้ยงดูแล้วสิ่งแรกที่ควรทำคือซื้อรถใหม่ โดยบอกว่ารถดีๆ ที่เหมาะกับเธอราคาไม่น่าเกิน 30 ล้านวอน (กว่า 9.2 แสนบาท) เขายังติเธอที่สวมเสื้อผ้าชุดเก่าสุดเชย และถามเธอว่า "กลัวผมเขี่ยทิ้งโดยไม่ให้เงินใช้สักแดงเลยแกล้งตีหน้าเศร้างั้นเหรอ" บ๊กชิมได้ยินดังนั้นจึงได้แต่ยิ้มแล้วเดินจากไป พอรู้ว่าบ๊กชิมต้องการให้แบ่งสมบัติกันคนละครึ่ง แทมานก็ลุกขึ้นโวยวายเสียงดังลั่น ทนายของเขาจึงเตือนว่าโมโหไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะบ๊กชิมมีหลักฐานมัดตัวเขาเพียบ พอเห็นรูปแอบถ่ายของตนกับกิ๊กแทมานก็ถึงกับอึ้ง เมื่อทนายความของบ๊กชิมส่งข้อตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดูให้ดู แทมานก็อึ้งหนักกว่าเดิมเพราะในนั้นระบุว่า หากเขายอมเขียนหนังสือขอขมาและสำนึกผิด เธอจะหักค่าเลี้ยงดูคืนให้ครั้งละ 30 ล้านวอน หลังเป็นฝ่ายเงียบมาโดยตลอดบ๊กชิมก็เอ่ยปากบอกแทมานว่าให้ตั้งใจเขียน เพราะเงิน 30 ล้านวอนซื้อรถดีๆ ได้หนึ่งคัน


เมื่อดาจีมาถึงสนามบินบนเกาะเชจูเธอก็รู้สึกแปลกใจเมื่อพบสัตวแพทย์หนุ่มขับรถสปอร์ตเปิดประทุนมารอรับที่สนามบิน ระหว่างทางเขากล่าวชมบทความวิชาการในวารสารของเธอ โดยบอกว่าแม้จะผ่านไปนานแล้วแต่ผลงานของเธอนับเป็นบทความวิชาการเกี่ยวกับเซลล์รากเหง้า (rhizome cell) ที่ดีที่สุด หลังจากนั้นเขาก็เริ่มบอกความในใจกับดาจี โดยบอกว่าตนแอบชื่นชมดาจีตั้งแต่ตอนที่เธอได้รับเลือกจากทางมหาวิทยาลัยให้เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน พอรู้ว่าสัตวแพทย์หนุ่มต้องการคบกับตน ดาจีจึงบอกตามตรงว่าเธอเคยแต่งงานมาก่อน สัตวแพทย์หนุ่มได้ยินดังนั้นก็เหยียบเบรคจนหัวทิ่มด้วยความตกใจ ดาจีบอกต่อว่าหลังแต่งงานได้  6 เดือนเธอก็หย่า เธอพูดเหมือนเป็นเรื่องในอดีตที่แสนธรรมดา แต่สัตวแพทย์หนุ่มฟังแล้วถึงกับช็อค

ทงจูแวะไปเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนแม่จนแม่ของเขาต้องไล่ให้กลับบ้านเพราะเห็นว่าเย็นแล้ว เขาถามแม่ว่าอยู่คนเดียวอย่างนี้มีความสุขจริงหรือ เมื่อแม่ของเขายืนยันว่าตนมีความสุขดี ทงจูก็บอกแม่ว่านี่ไม่ใช่เกม ถ้าไม่รีบหย่าให้เรื่องมันจบๆ ก็ควรกลับบ้านให้ไว แต่นี่เธอกลับใช้หนังสือขอขมาและสำนึกผิดเป็นเงื่อนไขในการคืนค่าเลี้ยงดูให้สามีตนเอง แม่ทงจูบอกว่ามีหลายเรื่องที่เธออยากให้พ่อของทงจูขอโทษ แต่ทางเดียวที่จะทำได้คือการใช้เงินบังคับ เธอถามทงจูตรงๆ ว่านอนกับชินยองแล้วหรือยัง หลังทงจูหย่ากับดาจีเธอคิดว่าทงจูจะชอบใครไม่ได้อีก แม้เธอจะรู้สึกขอบใจชินยองที่ช่วยรักษาแผลใจให้ทงจู แต่เธอก็ยังไม่แฮปปี้เพราะทงจูแอบรักชินยองฝ่ายเดียว เธอเตือนทงจูว่าชีวิตคนเราสั้นนักจึงควรหาความสุขใส่ตัวบ้าง

หลังฟังพนักงานสรุปความคืบหน้าโครงการพัฒนารีสอร์ทหรูบนเกาะเชจู ประธานฮัน (ปู่ของทงจู) ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจนักเมื่อพบว่าแทมานขยายโครงการให้มีขนาดใหญ่และหรูกว่าที่วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น ทำให้ต้องกว้านซื้อที่ดินเพิ่ม แถมงบยังบานปลายจนต้องเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติให้มาร่วมลงทุน แทมานกล่าวว่าตนต้องการให้ที่นั่นเป็นรีสอร์ทชั้นนำของเอเชียแต่งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอ และเนื่องจากเหล่านักลงทุนต้องการลงทุนในรีสอร์ทหรูระดับโลก ตนจึงต้องพัฒนารีสอร์ทให้ได้มาตรฐานระดับเวิลด์คลาสเพื่อดึงดูดนักลงทุน ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้สวยและนักลงทุนจากบริษัท เฟรนด์ ในสหรัฐอเมริกาก็เดินทางไปที่เกาะเชจูแล้ว


 

หลังถูกปู่ขู่ว่าจะระงับบัตรเครดิต ทงจูจึงจำใจเดินทางไปยังเกาะเชจูกับเลขาลีเพื่อดูแลความคืบหน้าเรื่องที่ดิน (เขามีโรงแรมที่นั่นอยู่แล้ว แต่จะขยายอาณาบริเวณให้กว้างขวางขึ้น) ทงจูกะอู้งานโดยคิดที่จะปล่อยให้เลขาลีรับผิดชอบงานแทนตนตามเคย เลขาลีจึงหยิบยกเรื่องที่เขาซื้อม้าวอลโพนี่ไม่สำเร็จมาขู่ โดยบอกว่าถ้าปู่ของเขารู้เรื่องนี้จะต้องผิดหวังมากแน่ๆ ทงจูไม่มีทางเลือกเลยต้องทำงานตามที่เลขาลีบอก

นับตั้งแต่มาถึงเกาะเชจู เจ้า "พอลลิส" (ม้าแข่งที่ดาจีซื้อมาจากออสเตรเลียแทนวอลโพนี่) ก็เอาแต่กินกับนอนโดยไม่ยอมซ้อมวิ่ง ดาจีทั้งฉุดทั้งดึงแต่เจ้าพอลลิสก็ยังไม่ยอมขยับ ทำให้หัวหน้ายางไม่พอใจและปฏิเสธที่จะจ่ายเงิน ดาจีจึงขอเวลาฝึก 1 อาทิตย์ ทันใดนั้น ลูกค้าของเธอก็โทรฯ มาหาและถามถึงลูกม้าตัวผู้ที่เกิดจากแม่ม้าที่ดาจีดูแลอยู่ ดาจีจึงแย้งว่าแม่ม้าตัวดังกล่าวเพิ่งตั้งท้องได้ไม่ถึงสองเดือน พอรู้ว่า "ลี ดาอึน" น้องสาวตัวแสบหลอกขายม้ายังไม่เกิดให้คนอื่น ดาจีก็บุกไปเอาเรื่องน้องสาวถึงในห้องเรียน


อ็อกซูตำหนิดาอึนที่ชอบก่อเรื่องให้พี่สาวปวดหัวลับหลังตน (เขาเดินทางไปมาระหว่างกรุงโซล-เกาะเชจู) ดาอึนแย้งว่าคนที่สร้างเรื่องเดือดร้อนให้ดาจีไม่ได้มีแค่ตน อ็อกซูอึ้งไปชั่วขณะก่อนกล่าวว่าดาจีโทรฯ ไปหาคุณชินแล้วและเขาก็รับปากว่าจะคืนเงินให้พวกตน จากนั้นก็ขอโทษที่ทำให้ดาจีเดือดร้อน ดาจีกล่าวว่าตอนนี้เธอมีความสุขมาก เพราะทุกคนในบ้านต่างก็แข็งแรงดี แถมงานที่พาราไดซ์ แรนช์ ก็กำลังไปได้สวย ดาจีเห็นดาอึนชอบถ่ายรูปจึงบอกพ่อว่าดาอึนสามารถช่วยเหลืองานของครอบครัวได้ โดยการถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวแล้วนำไปโพสต์ลงในเว็บไซต์เพื่อเป็นการโปรโมทพาราไดซ์ แรนช์

เลขาลีพาทงจูมาดูพาราไดซ์ แรนช์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่ทางดีไอรีสอร์ทกว้านซื้อ และครอบคลุมเนื้อที่ 30% ของพื้นที่ปศุสัตว์ทั้งหมดที่ทางดีไอรีสอร์ทต้องการ ดาจีเห็นทงจูมาที่บ้านตนก็รู้สึกตกใจ ขณะที่ทงจูเองก็ตกใจไม่แพ้กันเมื่อพบดาจี พอดาจีบอกว่าเธอเป็นเจ้าของที่นี่ ทงจูก็ถามเลขาลีเพื่อความแน่ใจว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของบริษัทตนแน่หรือ เลขาลียืนยันว่าบริษัทซื้อที่ดินบริเวณนี้เรียบร้อยแล้ว ดาจีได้ยินดังนั้นจึงแย้งว่าเธอเพิ่งซื้อบ้านกลับคืนมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เลขาลีชี้ว่าที่ดินที่พวกตนซื้อคือแปลง 48-3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านดาจี ดาจีถามเลขาลีว่าเทรนเนอร์ปาร์คเป็นคนซื้อที่ดินแปลงนี้หรือ เลขาลีกล่าวว่าตนเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเพราะทำการซื้อขายผ่านคนกลาง


ดาจีเตือนทงจูด้วยความหวังดีว่าเขาอาจโดนหลอก เธอได้ยินมาว่ามีหลายคนสนใจที่ดินแปลงนี้แต่เธอเพิ่งทำสัญญาซื้อขายเมื่อสัปดาห์ก่อน ระหว่างรอผลสรุปที่โรงแรมของทงจู ดาจีพยายามติดต่อคนขายที่แต่ติดต่อไม่ได้เลยสงสัยว่าเขาอาจกำลังยุ่งอยู่กับการโยกย้ายที่อยู่ เธอถามทงจูว่าเขาได้ติดต่อคนกลางบ้างหรือยัง จากนั้นก็เปรยว่าถึงโทรฯ ไปพวกนักต้มตุ๋นคงไม่ยอมรับสายอยู่ดี แต่แล้วดาจีก็ถึงกับช็อคเมื่อรู้ว่าคนที่โดนหลอกไม่ใช่ทงจูแต่เป็นตนเอง แถมที่ดินแปลงดังกล่าวยังทำสัญญาซื้อขายอย่างถูกต้องในนามทงจูอีกด้วย ทงจูเห็นปู่ใช้ชื่อตนในการทำสัญญาก็รู้สึกตกใจ เลขาลีขอให้ดาจีย้ายออกไปภายในหนึ่งเดือน เขาชี้ว่าสิ่งปลูกสร้าง 80% (บนที่ดินแปลงดังกล่าว) เป็นของทางบริษัท และบริษัทจะชดเชยค่าเสียหายให้ เมื่อดาจีไปบ้านเจ้าของที่ก็พบว่ามีคนโดนหลอกเหมือนเธอเป็นจำนวนมาก



ทงจูคาดไม่ถึงเมื่อพบว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่เป็นตัวแทนของบริษัท เฟรนด์ จากอเมริกา คือ ยุนโฮ... ขณะประชุมเลขาลีรายงานความคืบหน้าในการพัฒนาโรงแรมและรีสอร์ทของดีไอกรุ๊ปบนเกาะเชจู และชี้ว่าอุปสรรคในการเข้าพัฒนาพื้นที่ฟาร์มม้าคือ สัตวแพทย์ของพาราไดซ์ แรนช์ (ดาจี) เลขาลีจะให้ฝ่ายโฆษณาชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ของโครงการให้ยุนโฮฟัง แต่ยุนโฮปฏิเสธโดยบอกว่าตนจะไปดูและศึกษารายละเอียดต่างๆ ด้วยตนเอง หลังเลิกประชุมทงจูถามเลขาลีว่าเกิดอะไรขึ้นกับดาจีกันแน่ เลขาลีรู้เพียงว่าเธอถูกหลอกให้ทำสัญญาซื้อขายซ้อนและรับปากว่าจะไปสืบดูอีกที

"เพ็ค อินซู" รายงานยุนโฮว่า ประธานฮันถอนตัวจากการเป็นผู้รับผิดชอบโครงการแล้ว แต่ไม่มีผลกระทบต่อความคืบหน้าของโครงการ เมื่อยุนโฮถามถึงทงจู อินซูก็รายงานว่าผู้บริหารที่ดูแลโครงการคือแทมานพ่อของทงจู ส่วนทงจูไม่มีอำนาจหรือบทบาทใดๆ ในบริษัท ยุนโฮได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกว่าทางดีไอกรุ๊ปไม่ให้เกียรติตน อินซูกล่าวว่านับจากนี้พวกตนจะยังคงทำหน้าที่ต่อไปแต่จะเข้าประชุมกับผู้บริหารที่รับชอบโครงการเท่านั้น ยุนโฮฟังแล้วได้แต่ยิ้มและชวนอินซูไปสำรวจที่ดินของดีไอรีสอร์ท


ดาจีเตรียมเดินทางไปเจรจาเรื่องบ้านกับผู้บริหารดีไอรีสอร์ทที่กรุงโซล แต่ถูกหัวหน้ายางขวางไว้และทวงเงินค่าซื้อม้า 20 ล้านวอนคืนโดยอ้างว่าดาจีหลอกให้ตนซื้อม้าแข่งที่ไม่ยอมวิ่ง   ดาจีบอกว่าตนต้องรีบไปสนามบินก่อนที่จะตกเครื่อง (โซลกับเกาะเชจูอยู่ห่างกัน 455 กม.) หัวหน้ายางจึงขอให้เธอร่างหนังสือรับรองว่าจ่ายเงินคืนก่อน  ดาจีฉวยโอกาสวิ่งหนีพลางหันกลับไปบอกว่าไว้กลับมาค่อยคุยกัน ทันใดนั้น เธอก็วิ่งชนชายคนหนึ่งจนเสียหลักล้มลงกับพื้น พอเงยหน้าขึ้นมาดูเธอก็รู้สึกดีใจเมื่อพบว่าชายคนดังกล่าวคือ...ยุนโฮ

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "ฟาร์มป่วน หวนรัก (Paradise Ranch)" ทางไทยรัฐทีวี

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพ captures จากดราม่าเอสบีเอส


นักแสดงนำ


ชิม ชางมิน (ชเวกัง ชังมิน)
รับบท ฮัน ทงจู




ลี ยอนฮี
รับบท ลี ดาจี




จู ซังอุค
รับบท ซอ ยุนโฮ / เอ็ดเวิร์ด




ยู ฮานา
รับบท ปาร์ค ชินยอง
(เคยรับบทนางเอกละครไต้หวันเรื่อง "ฝากรักมากับดาว (My Lucky Star)" เมื่อปี 2007)




รวมคลิปตัวอย่างจาก sment


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา