วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

เรื่องย่อ ลิขิตรัก บัลลังก์มังกร (Beauties of the Emperor)




กำกับ: เฉิงจื้อเชา (ชาวฮ่องกง), หูฉูสี่ (ชาวฮ่องกง)
เขียนบท: อวี๋เจิ้ง
แนวละคร: ย้อนยุค, โรแมนติก, อ้างอิงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
จำนวนตอน: 32
ออกอากาศ: จีน - 14 ตุลาคม 2556 ทางเจ้อเจียงทีวี, เซินเจิ้นทีวี, เซี่ยเหมินทีวี
                  ไทย - ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 02.10 น. ทางช่อง 7 สี ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2559 - 15 กุมภาพันธ์ 2560

เรื่องย่อ



"ลิขิตรัก บัลลังก์มังกร (Beauties of the Emperor)" เป็นละครที่นำเสนอเรื่องราวความรักท่ามกลางไฟสงครามและความสับสนวุ่นวายของบ้านเมือง โดยอ้างอิงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ช่วงปลายของราชวงศ์ฉินไปจนถึงการทำ "สงครามฉู่-ฮั่น" ระหว่างเซี่ยงอวี่กับหลิวปัง (เมื่อ 206 –202 ปีก่อนคริสตกาล) ด้วยความที่เนื้อหาส่วนใหญ่ในละครเป็นเรื่องสมมุติและไม่ยึดโยงกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากนัก จึงมีการเปลี่ยนชื่อตัวละครให้แตกต่างจากบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ถูกนำมาอ้างอิง

บุรุษครองโลกหวังครอบครองหัวใจสตรี แต่สตรีพิชิตใจชายหมายครองโลก!

เนื้อหาในละครกล่าวถึงความรักอันซับซ้อนโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่วังวนความรักของ อวิ๋นขวาง หลี่ว์เล่อ ไห่เทียน และเมี่ยวเกอ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเกิดจากความรักอันบริสุทธิ์ระหว่าง "อวิ๋นขวาง" นักรบหนุ่มที่ทำสงครามหมายปราบทรราช ฟื้นฟูรัฐเซวีย และทำให้โลกสงบสุข กับ "หลี่ว์เล่อ" หญิงสาวจิตใจดี มีความคิดเป็นของตนเอง ฉลาด  ปรารถนาความเท่าเทียมทางเพศ เธอไม่ต้องการแต่งงานแบบคลุมถุงชนเฉกเช่นสตรีทั่วไปจึงออกตามหารักแท้




หลี่ว์เล่อตกหลุมรักอวิ๋นขวางหลังเขาช่วยเธอจากกลุ่มนักเลงอันธพาล เขาจึงเป็นทั้งรักแรก รักแท้ และชายที่เธอปรารถนาจะอยู่เคียงข้างชั่วชีวิต เธอจึงมักแอบออกไปตามหาและได้พบเขาโดยบังเอิญเสมอ หลังถูกบิดาบังคับให้แต่งงานหลี่ว์เล่อจึงหนีออกจากบ้านและต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เธอภาวนาให้อวิ๋นขวางมาช่วยแต่แล้วคนที่ช่วยชีวิตเธอกลับเป็นนักพนันอย่าง  "ไห่เทียน"  และผลของการช่วยหลี่ว์เล่อก็ทำให้เขาต้องสูญเสียทั้งมารดาและภรรยาที่กำลังตั้งท้อง

พอรู้ว่าเมี่ยวเกอโดนลงโทษหลังช่วยให้ตนเองหนีออกจากบ้าน หลี่ว์เล่อจึงกลับบ้านสกุลหลี่ว์และยอมถูกบิดาเฆี่ยนตีแทนเมี่ยวเกอ ทำให้เมี่ยวเกอรู้สึกซาบซึ้งใจ ขณะเดียวกันเมี่ยวเกอก็รู้สึกผิดที่ยอมช่วยให้หลี่ว์เล่อหนีออกจากบ้าน (เธอทำเช่นนั้นเพราะน้อยใจที่พ่อหลี่ว์เล่อไม่เคยเห็นเธอเป็นลูกสาว แต่มองเป็นคนนอกมาโดยตลอด) แต่หลี่ว์เล่อกลับบอกว่าถ้ามีโอกาสตนจะหนีออกจากบ้านอีกเพราะตนเจอรักแท้แล้ว เมี่ยวเกอได้ฟังหลี่ว์เล่อพรรณนาเรื่องความรักจึงอยากเจอรักแท้บ้าง เธอเลยชวนหลี่ว์เล่อไปขอพรเรื่องความรักที่วัดเจ้าแม่หนี่วา เมี่ยวเกอขอให้ตนมีบ้านเป็นของตนเองและได้ครองรักกับชายหนุ่มที่รักตนอย่างแท้จริง  ส่วนหลี่ว์เล่อขอให้ได้เจออวิ๋นขวางอีก

หลังขอพรเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แวะดูดวง หมอดูอ่านดวงสองสาวแล้วรู้สึกประหลาดใจ เพราะคนหนึ่งจะเจอคนที่ใช่ผิดเวลา ส่วนอีกคนดันเจอคนที่ไม่ใช่ในเวลาที่ชอบ ทำให้ต้องตกอยู่ในวังวนความรักที่สับสนวุ่นวายตราบจนชั่วชีวิต เขายังบอกอีกว่าหลี่ว์เล่อมีคิ้วมังกรและมีตาของนกฟงหวง เธอจึงเกิดมาเพื่อเป็นฮองเฮา หลี่ว์เล่อรู้ว่าอวิ๋นขวางคิดโค่นล้มรัฐเฉินจึงแอบสงสัยว่าบางทีเขาอาจทำภารกิจสำเร็จและได้ขึ้นเป็นอ๋องแทนอ๋องคนปัจจุบัน เมื่อหมอดูบอกว่าเธอได้เจอเนื้อคู่แล้ว หลี่ว์เล่อก็ปักใจเชื่อว่าคนๆ นั้นต้องเป็นอวิ๋นขวาง เธอจึงรีบกลับบ้านด้วยความดีใจโดยไม่ทันฟังประโยคสุดท้ายของหมอดูที่กล่าวว่า เนื้อคู่ของเธอเป็นนักพนัน




หลังโดนหมอดูทักในทางที่ไม่ดี เมี่ยวเกอก็ชิงเดินหนีออกมาก่อน ระหว่างหยุดรอหลี่ว์เล่อเมี่ยวเกอนึกสงสัยว่าความรักเป็นสิ่งงดงามอย่างที่หลี่ว์เล่อบอกจริงหรือ แล้วทำไมเธอถึงไม่พบคนที่จะทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำบ้าง ทันใดนั้น อวิ๋นขวางและเหล่านักรบจำนวนหนึ่งก็ควบม้าผ่านมาทางด้านล่าง เมี่ยวเกอได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังสนั่นจึงชะโงกหน้าลงไปมองจากบนเขาทำให้เสียหลักตกลงมา อวิ๋นขวางเห็นดังนั้นจึงตรงเข้าช่วยเธอ  ทั้งยังถอดผ้าคลุมมาห่มให้เธออีกด้วย และนั่นก็ทำให้เมี่ยวเกอตกหลุมรักเขาในบัดดล

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรในเมื่อรักแรกอาจไม่ใช่รักครั้งสุดท้ายเสมอไป และถึงจะพบรักแท้แต่อาจไม่ใช่เนื้อคู่ สุดท้ายแล้วคำทำนายของหมอดูจะเป็นจริงหรือไม่  ติดตามชมได้ใน "ลิขิตรัก บัลลังก์มังกร" ทางช่อง 7

เนื้อหาตอนที่ 1



หลังรัฐเฉินเคลื่อนทัพบุกโจมตีป้อมปราการและประตูเมืองของรัฐเว่ยอย่างดุเดือด แม่ทัพ "อวี๋จื่อเริ่น" แห่งรัฐเว่ยจึงนำกำลังออกไปสู้รบกับกองทัพของรัฐเฉินอย่างอาจหาญ แม่ทัพแห่งรัฐเฉินเสียดายความสามารถของแม่ทัพอวี๋จึงร้องบอกให้เขาหันมาสวามิภักดิ์ต่อรัฐเฉินและอ๋องของตน เพื่อจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงและเสี่ยงตายปกป้องรัฐเว่ยที่กำลังจะล่มสลาย แต่แม่ทัพอวี๋ไม่ยอมรับข้อเสนอและพร้อมสละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินของตน ทั้งสองคนจึงตรงเข้าห้ำหั่นกัน ในเวลาเดียวกันนั้น "ชิงเหลียน" ภรรยาของแม่ทัพอวี๋กำลังซ้อมร่ายรำด้วยลีลาอันอ่อนช้อย อีกด้านหนึ่ง "อวิ๋นขวาง" ซึ่งยืนดูเหตุการณ์สู้รบอยู่บนภูเขากับ "อวิ๋นเซิน" ผู้เป็นอา รู้สึกสงสัยว่าทำไมคนเหล่านั้น (รัฐเฉิน) ถึงชอบรุกรานผู้อื่น อวิ๋นเซินกล่าวว่าทั้งหมดเป็นเพราะความโลภและไม่รู้จักพอ อวิ๋นขวางไม่ชอบการสู้รบจึงลั่นวาจากับอวิ๋นเซินว่าโตขึ้นตนจะเป็นผู้หยุดยั้งสงคราม หากใครไม่เชื่อฟังตนๆ จะใช้กำลังเข้าปราบจนกว่าพวกเขาจะยอมจำนน



ชิงเหลียนบอกลูกสาวตัวน้อยนามว่า "เมี่ยวเกอ" ซึ่งนั่งดูเธอซ้อมร่ายรำให้จำเอาไว้ว่า เกิดเป็นหญิงต้องรู้จักดูแลตัวเองให้งดงามอยู่เสมอ เพราะมีเพียงหญิงงามที่จะมัดใจชายได้ หากชายใดหลงเสน่ห์สตรีแล้วเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ ชิงเหลียนเห็นว่าเมี่ยวเกอยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจจึงบอกว่าสักวันเธอจะทำให้ผู้ชายทั้งโลกยอมสยบแทบเท้าเมี่ยวเกอ ทันใดนั้น แม่ทัพอวี๋ก็กลับมาที่บ้านในสภาพอ่อนล้าหลังสู้รบกับกองทัพของรัฐเฉินมานานเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้วพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ เขาบอกชิงเหลียนด้วยความคับแค้นใจว่ารัฐเว่ยกำลังจะล่มสลายในไม่ช้า ชิงเหลียนได้ยินดังนั้นจึงถามด้วยความตกใจว่าพวกตนควรทำอย่างไรต่อไปดี แม่ทัพอวี๋กล่าวว่าตนยอมตายแต่ไม่ยอมจำนนดังนั้นพวกตนจึงควรพลีชีพเพื่อรัฐเว่ย เขาถามชิงเหลียนว่าจะยอมตายพร้อมตนไหม ชิงเหลียนอึ้งไปชั่วขณะก่อนรับปากว่าจะยอมตายเคียงข้างกัน หลังจากนั้นเธอก็นำสุรามาให้แม่ทัพอวี๋ดื่มเพื่อดับกระหายคลายเหนื่อยหลังกรำศึกติดต่อกันมาหลายวัน



แม่ทัพอวี๋จ้องมองถ้วยสุราที่ชิงเหลียนส่งให้ก่อนมองหน้าเธออย่างครุ่นคิด เขาออกอุบายให้ชิงเหลียนพาลูกสาวที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยความตกใจกลัวเข้ามาหาตนใกล้ๆ  จากนั้นก็แอบสลับถ้วยสุรา ชิงเหลียนรู้สึกตกใจเมื่อเดินกลับมาแล้วพบว่าในมือของแม่ทัพอวี๋ถือถ้วยสุราสองใบ เธอรับถ้วยสุราจากแม่ทัพอวี๋อย่างลังเลพลางมองถ้วยสุราที่อยู่ในมือขวาของเขา (เพราะเป็นมือข้างที่เขารับถ้วยสุราจากเธอ) หลังส่งถ้วยสุราให้ชิงเหลียนแล้ว แม่ทัพอวี๋ก็ยกถ้วยสุราของตนขึ้นดื่มทันที ชิงเหลียนเห็นดังนั้นจึงดื่มตามแต่โดยดี แม่ทัพอวี๋จ้องหน้าชิงเหลียนก่อนถามว่าเธอเต็มใจตายพร้อมตนจริงๆ หรือ เพราะแววตาของเธอบ่งบอกว่ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ชิงเหลียนเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่แสแสร้งต่อไปอีกจึงยอมรับว่าตนเพิ่งอายุยี่สิบกว่าๆ ยังเร็วเกินไปที่จากลาโลกนี้ แม่ทัพอวี๋ได้ยินแล้วเจ็บปวดใจ เขาเดินเข้าหาชิงเหลียนพลางจ้องหน้าเธออย่างไม่วางตา แต่แล้วก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น



เมี่ยวเกอเห็นดังนั้นก็ร้องเรียกพ่อด้วยความตกใจ ชิงเหลียนปลอบลูกว่าอย่ากลัวและกล่าวว่าบุรุษที่ไม่อาจปกป้องสตรีอยู่ไปก็ไร้ค่า เธอชักดาบออกมาและเดินเข้าไปหาแม่ทัพอวี๋ด้วยมืออันสั่นเทาหมายแทงซ้ำ เมี่ยวเกอเห็นดังนั้นก็ได้แต่ยืนช็อค  แต่แล้วอยู่ๆ ชิงเหลียนก็ปวดท้องอย่างรุนแรงจนทรุดลงไปกองกับพื้น แม่ทัพอวี๋ (ซึ่งแกล้งทำเป็นถูกวางยาพิษ) ลุกขึ้นแล้วบอกชิงเหลียนว่าตนแอบสลับถ้วยสุรา จากนั้นก็อุ้มเมี่ยวเกอออกจากบ้านไป หลังออกจากบ้านได้ไม่นานเขาก็ถูกทหารของรัฐเฉินตามไล่ล่าแต่ก็ฝ่าวงล้อมออกมาได้  แม้เขาจะพาเมี่ยวเกอหนีออกจากประตูเมืองของรัฐเว่ยได้สำเร็จ (ต้องวิ่งผ่านศพทหารและศพชาวบ้านนับร้อยนับพัน) แต่ทหารของรัฐเฉินไม่ยอมลดละจึงระดมยิงธนูข้ามป้อมปราการของรัฐเว่ย หมายให้พุ่งเข้าหาสองพ่อลูกที่อยู่ทางด้านนอก แม่ทัพอวี๋เห็นห่าธนูพุ่งมาทางตนจึงใช้แขนอันทรงพลังบีบโล่ห่อตัวเมี่ยวเกอและเอาตัวเองบังไว้อีกชั้นหนึ่ง หลังถูกธนูยิงใส่หลายดอกแม่ทัพอวี๋ก็บอกให้เมี่ยวเกอมองตาตนและจดจำสิ่งที่ตนกำลังจะพูดเอาไว้ให้ดี พอพูดจบเขาก็เอามือปิดตาเมี่ยวเกอไว้และกอดเธอแน่น ก่อนสิ้นใจด้วยธนูดอกสุดท้ายของแม่ทัพแห่งรัฐเฉิน



"หลี่ว์เฉิงฟง" พา "หลี่ว์เล่อ" ผู้เป็นลูกสาว (คนในครอบครัว รวมถึงคนที่รักใคร่สนิทสนม และเอ็นดูเธอ จะเรียกเธอว่า "เล่อเอ๋อร์") มาเก็บอาวุธท่ามกลางซากศพเพื่อนำไปขายต่อ เมื่อเห็นอวิ๋นเซินเดินเป่าซวิน (เครื่องเป่าจีนโบราณที่มีประวัติยาวนานถึงเจ็ดพันปี) ตรงมาทางตน เขาก็บอกให้ลูกสาวทำเป็นแกล้งตาย อวิ๋นขวาง (ซึ่งเดินตามผู้เป็นอา) เกือบเหยียบมือหลี่ว์เล่อ แต่หลี่ว์เล่อชักมือหลบเสียก่อน เมื่ออวิ๋นขวางหันหลังกลับไปมองก็พบว่าหลี่ว์เล่อทำเป็นแกล้งตาย ทั้งคู่จึงแอบส่งยิ้มให้กัน  หลี่ว์เล่อเห็นอวิ๋นเซินหันกลับมามองจึงฟุบหน้าลงบนศพทหารอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้เธอพบเด็กหญิงคนหนึ่งนอนอยู่ท่ามกลางซากศพด้วยสายตาเหม่อลอยและไม่ยอมพูดจา เธอจึงอ้อนวอนให้พ่อพาเด็กหญิงคนดังกล่าวกลับไปที่บ้านสกุลหลี่ว์ด้วย



หลังมาถึงบ้านสกุลหลี่ว์ได้ไม่นาน เมี่ยวเกอก็ถูกสาวใช้นามว่า "โหยวอวี้หนู" ทำวางก้ามข่มเหงรังแก หลี่ว์เล่อจึงเข้าไปปกป้องโดยบอกว่าตนจะให้พ่อรับเด็กคนนี้เป็นลูกสาวอีกคน เมื่อถึงตอนนั้นเด็กคนนี้จะกลายเป็นน้องสาวตน หากใครกล้ารังแกเธอก็เหมือนกับรังแกตน หลังจัดการอวี้หนูแล้วหลี่ว์เล่อก็ต่อว่าเมี่ยวเกอที่ไม่ยอมร้องตอนถูกอวี้หนูตี  เมี่ยวเกอเห็นว่าหลี่ว์เล่อดีกับตนจึงยอมเปิดปากพูด โดยเริ่มจากการแนะนำชื่อของตน หลี่ว์เล่อดีใจมากที่เมี่ยวเกอไม่ได้เป็นใบ้ เมี่ยวเกอกล่าวว่าในโลกนี้หลี่ว์เล่อดีกับตนมากที่สุด ตนจึงเชื่อใจหลี่ว์เล่อมากกว่าใคร หลังจากนั้นเมี่ยวเกอก็ขอให้หลี่ว์เล่อสัญญาว่าจะดีกับตนอย่างนี้ตลอดไปและจะไม่ทอดทิ้งตน  หลี่ว์เล่อรับปากว่าจะไม่ทอดทิ้งเมี่ยวเกอ ต่อไปอะไรที่เป็นของตนก็จะเป็นของเมี่ยวเกอด้วย และพวกตนจะสนิทสนมกันอย่างนี้ตลอดไป

หลี่ว์เล่อรบเร้าให้พ่อรับเมี่ยวเกอเป็นลูกบุญธรรมแต่พ่อของเธอไม่เห็นด้วยเพราะยังเร็วเกินไป เขาให้เหตุผลว่าพวกตนยังไม่รู้นิสัยใจคอและหัวนอนปลายเท้าของเมี่ยวเกอเลยสักนิด ถึงกระนั้นหลี่ว์เล่อก็ไม่ยอมแพ้และยืนยันว่าเมี่ยวเกอเป็นคนดี เมื่อสองพ่อลูกเดินเข้าบ้านก็พบว่าภายในบ้านมืดมิด พ่อของเมี่ยวเกอจึงเรียกหาคนใช้หมายให้ช่วยจุดเทียนเพราะคืนนี้เขาตั้งใจว่าจะตรวจดูสมุดบัญชี แต่แล้วคนที่ถือเทียนเดินออกมากลับเป็นเมี่ยวเกอ เมี่ยวเกอให้เหตุผลว่าหลี่ว์เล่อกับพ่อช่วยชีวิตตนเอาไว้ และนี่ก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ตนสามารถทำเพื่อหลี่ว์เล่อกับพ่อได้ พ่อของหลี่ว์เล่อเห็นน้ำตาเทียนหยดใส่มือน้อยๆ ของเมี่ยวเกอจึงรับเทียนมาถือและช่วยเขี่ยน้ำตาเทียนออกจากมือของเมี่ยวเกอ หลี่ว์เล่อสบโอกาสจึงรบเร้าให้พ่อรับเมี่ยวเกอเป็นลูกอีกคน ซึ่งคราวนี้พ่อของเธอยอมรับปากแต่โดยดี



หลายปีผ่านไปหลี่ว์เล่อกับเมี่ยวเกอต่างเติบโตเป็นสาวสวย "หลี่ว์ฟูเหริน" (แม่ของหลี่ว์เล่อ) ซึ่งพร่ำสอนให้ทั้งคู่เรียนรู้วิธีเย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่เด็กๆ รู้สึกผิดหวังที่หลี่ว์เล่อเลิกปักผ้ากลางคันหลังถูกเข็มทิ่ม เมื่อถูกนำไปเปรียบกับเมี่ยวเกอ หลี่ว์เล่อก็แย้งว่าเมี่ยวเกอชอบงานเย็บปักถักร้อยแต่ตนไม่ชอบ แล้วทำไมตนต้องเรียนรู้ทุกสิ่งที่เมี่ยวเกอชอบด้วย พอรู้ว่าหลี่ว์เล่อจะหยุดปักผ้าเพื่อไปอ่านหนังสือ หลี่ว์ฟูเหรินก็บอกให้หลี่ว์เล่อเลิกอ่านเพราะการอ่านหนังสือไม่ใช่ข้อควรปฏิบัติสำหรับสตรีและไม่ช่วยให้ชีวิตเธอดีขึ้น แต่ถ้าเธอมีฝีมือในเรื่องเย็บปักถักร้อย หากวันหน้าโชคร้ายถูกสามีทอดทิ้งก็ยังปักผ้าหาเลี้ยงชีพได้ หลี่ว์เล่อไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องฝากชีวิตไว้กับผู้อื่น แล้วทำไมถึงต้องทรมานตัวเองในตอนนี้เพื่อชายแปลกหน้าที่จะต้องแต่งงานด้วยในอนาคต ซ้ำร้ายชายคนที่ว่ายังอยากให้ตนเป็นคนโง่ หลี่ว์ฟูเหรินแย้งว่านี่เป็นชะตาของผู้หญิง แต่หลี่ว์เล่อไม่ยอมรับและเดินหนีไป

เมี่ยวเกอขอร้องแม่บุญธรรมว่าอย่าโกรธหลี่ว์เล่อเพราะเธอยังอายุน้อย สักวันเธอจะรู้ซึ้งถึงความหวังดีของแม่เอง หลี่ว์ฟูเหรินกล่าวว่าตนไม่ได้โกรธแต่รู้สึกเวทนา ในช่วงเวลาแบบนี้ผู้หญิงเราจะไม่อยู่ในโอวาทของสามีได้อย่างไร ตนเติบโตมาพร้อมกับการเรียนรู้หลักคุณธรรมของสตรี หากหลี่ว์เล่อไม่ยอมเข้าใจในเรื่องนี้ วันหน้าจะตกที่นั่งลำบาก หลี่ว์ฟูเหรินบอกให้เมี่ยวเกอจำเอาไว้ว่าเกิดเป็นหญิงอย่าทำตัวฉลาดเกินไป เธอกลัวว่าวันหน้าความฉลาดของหลี่ว์เล่อจะฉายแววโดดเด่นจนอาจนำภัยมาสู่ตัว



หลี่ว์เล่อยืนมองแม่ปรนนิบัติพ่อ (สวมรองเท้าให้อย่างนอบน้อมและประคองเข้าบ้าน) ด้วยสีหน้าครุ่นคิด เมี่ยวเกอเห็นดังนั้นจึงถามว่าเธอใจลอยเรื่องอะไร หลี่ว์เล่อกล่าวว่าโลกนี้ช่างประหลาดนัก ชายหญิงแต่งงานก่อนพบหน้า หลังจากนั้นฝ่ายหญิงต้องอยู่ในโอวาทของคนแปลกหน้าตราบจนชั่วชีวิต แถมยังต้องปรนนิบัติดูแลเขาประหนึ่งเทพ และต้องละทิ้งตัวตนของตนเองไม่ต่างอะไรกับคนตาย เมี่ยวเกอชี้ว่าผู้ชายมีสถานะเหนือกว่า ส่วนผู้หญิงอยู่ต่ำกว่า ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าส่วนผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ที่เป็นเช่นนี้ก็สมควรแล้ว หลี่ว์เล่อได้ยินดังนั้นจึงสบถออกมาเพราะไม่เห็นด้วย เมี่ยวเกอได้ยินแล้วรู้สึกตกใจ หลี่ว์เล่อแย้งว่าทำไมผู้ชายสบถถือเป็นเรื่องปกติ แต่พอผู้หญิงสบถบ้างกลับถูกมองเป็นเรื่องน่าอาย เธอยืนกรานว่าหากผู้ชายทำได้เธอก็ทำได้เช่นกัน เพราะเธอไม่อยากเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไป เมี่ยวเกอถามหลี่ว์เล่อว่าเธอไม่อยากแต่งงานหรือ หลี่ว์เล่อยอมรับว่าตัวเธอเองก็อยากแต่งงาน แต่เธอจะออกตามหาคนที่จะอยู่เคียงข้างกันชั่วชีวิตด้วยตัวเอง เมื่อถูกถามว่าจะไปหาที่ไหน หลี่ว์เล่อบอกว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลและครึ่งหนึ่งก็เป็นผู้ชาย หนึ่งในนั้นจะต้องเป็นคนที่ใช่สำหรับตน พอรู้ว่าหลี่ว์เล่อคิดจะออกไปท่องโลกเพื่อตามหารักแท้ เมี่ยวเกอก็แย้งว่านั่นเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับผู้หญิงและพยายามห้ามปรามหลี่ว์เล่อ



ปรากฏว่าหลี่ว์เล่อพูดจริงทำจริง  เธอแอบออกไปเป็นนางรำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตอนกลางคืน และพยายามร่ายรำยั่วยวนอวิ๋นขวางซึ่งมานั่งดื่มสุราตามลำพังแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขาสนใจสุรามากกว่าดูการร่ายรำ เธอจึงถามเขาตรงๆ ว่าลีลาการร่ายรำของเธอไม่ดีพอสำหรับเขาหรือ เมื่ออวิ๋นขวางตอบว่าตนไม่มีความรู้เรื่องดนตรีและการร่ายรำ หลี่ว์เล่อจึงถามว่าแล้วทำไมเขาถึงแสดงสีน้าดูถูกเหยียดหยามการร่ายรำของเธอ อวิ๋นขวางกล่าวว่าการแสดงดนตรีที่เย้ายวนใจมีแต่จะทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมาและไม่เกิดประโยชน์อันใดต่อบ้านเมืองเลยสักนิด เขาชี้ว่าหลี่ว์เล่อเลือกที่จะมอมเมาชาย ส่วนตนเลือกที่จะไม่ถูกมอมเมา หลี่ว์เล่อเห็นว่าอวิ๋นขวางไม่มีดนตรีในหัวใจจึงกล่าวว่าเขาเป็นคนจิตใจหยาบกระด้างและไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ อวิ๋นขวางยอมรับแล้วลุกหนีทันที หลี่ว์เล่อจะตามอวิ๋นขวางไปแต่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ขัดขวาง รังแก ซ้ำยังพูดจาดูถูกเหยียดหยาม โชคดีที่อวิ๋นขวางกลับมาช่วยและรีบพาเธอหนีไป หลี่ว์เล่อกล่าวขอบคุณอวิ๋นขวาง อวิ๋นขวางแย้งว่าตนไม่ได้อยากช่วยหลี่ว์เล่อเพียงแต่ทนดูการกระทำของคนชั่วช้าไม่ได้ เมื่อถูกถามชื่อแซ่ อวิ๋นขวางก็ตอบอย่างไม่ใยดีว่าตนไม่มีอะไรจะบอก เพราะตนกับหลี่ว์เล่อจะไม่ได้พบเจอกันอีก  


  
เมื่อหลี่ว์เล่อกลับมาบ้านก็พบว่าพ่อกำลังขนลังใส่ของขึ้นเกวียน เธอสังเกตว่าช่วงนี้พ่อมักออกไปข้างนอกทั้งคืนจึงไปหาแม่เพื่อถามว่าพ่อไปไหน แต่แล้วก็ถึงกับช็อคเมื่อพบว่าแม่ของเธอรับอวี้หนูเป็นภรรยารองของพ่อเรียบร้อยแล้ว แม่ของเธอกล่าวว่าตนแต่งงานมานาน 20 ปี แต่ไม่มีลูกชายไว้สืบสกุล จึงรู้สึกผิดมาโดยตลอด ตอนนี้อวี้หนูจะมาช่วยทำให้ตนสมหวัง ตนเลยรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก หลี่ว์เล่อไม่เห็นด้วยและถามแม่ว่าอยากให้พ่อมีภรรยารองจริงหรือ  แม่ของเธอกล่าวว่าถึงยังไงก็ยังดีกว่าการที่พ่อของหลี่ว์เล่อหายออกจากบ้านไปตลอดทั้งคืน เธอสงสัยว่าพ่อของหลี่ว์เล่ออาจออกไปหาหญิงอื่นแต่ไม่มีหลักฐาน


หลี่ว์เล่อแนะให้แม่ถามพ่อตามตรงหรือไม่ก็ลองสืบดู แต่แม่ของเธอกลับแย้งว่าการที่ผู้ชายมีหญิงอื่นถือเป็นเรื่องปกติ ขืนซักไซ้มากเกินไปจะกลายเป็นหญิงน่าหัวร่อ ตนหาภรรยารองให้พ่อของหลี่ว์เล่อเพราะเกรงว่าเขาจะเหนื่อยมากเกินไป และไหนๆ อวี้หนูก็เป็นส่วนหนึ่งของบ้านนี้อยู่แล้ว หลี่ว์เล่อได้ยินแล้วถึงกับน้ำตาคลอเพราะรู้สึกสงสารแม่ แต่แม่ของเธอชี้ว่าผู้ชายอยู่เหนือกว่าผู้หญิง การแข็งข้อหรือไม่เชื่อฟังพวกเขาเป็นเรื่องที่ผิดทำนองคลองธรรม  เธอยังบอกอีกว่าถึงยังไงการที่ตนเลือกผู้หญิงดีๆ ให้พ่อหลี่ว์เล่อก็ยังดีกว่าปล่อยให้เขาพาหญิงอื่นเข้าบ้าน ที่สำคัญตนเป็นคนเลือกภรรยารองด้วยตัวเอง เช่นนี้แล้วอวี้หนูจะเกรงใจตนจนไม่กล้ารังแกหลี่ว์เล่อ ถึงแม้ว่าวันหนึ่งอวี้หนูจะมีลูกชายให้พ่อหลี่ว์เล่อก็ตาม ที่ตนทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องหลี่ว์เล่อเพราะหลี่ว์เล่อไม่ได้เกิดเป็นชาย ตนไม่ต้องการให้หญิงอื่นเข้ามาครอบครองสิ่งที่เป็นของคนสกุลหลี่ว์ ถึงกระนั้นหลี่ว์เล่อก็ไม่เห็นด้วยและกล่าวว่าตนไม่ต้องการการปกป้องเยี่ยงนี้

หลี่ว์เล่อเหม่อมองพ่อ แม่ และอวี้หนู แจกข้าวสารให้คนยากไร้ เธอเห็นพ่อเมินอวี้หนูจึงได้แต่บ่นกับเมี่ยวเกอว่าแม่ตนช่างน่าสงสารนัก อุตส่าห์ยัดเยียดอวี้หนูให้พ่อแต่พ่อกลับไม่สนใจอวี้หนูเลยสักนิด หลี่ว์เล่อรับไม่ได้ที่สถานะและอนาคตของผู้หญิงขึ้นอยู่กับเพศของลูก ถึงแม้ผู้หญิงจะคิดว่าการมีทายาทไว้สืบสกุลเป็นหน้าที่หลักของพวกตน แต่ผู้ชายกลับไม่สำนึกในความทุ่มเทของพวกเธอเลยสักนิด หลี่ว์เล่อลั่นวาจากับเมี่ยวเกอว่าตนจะอยู่กับผู้ชายที่อยากใช้ชีวิตร่วมกับตนเพราะความรักเท่านั้น และจะออกตามหารักแท้โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด



ที่แท้เฉิงฟงพ่อของหลี่ว์เล่อนำอาวุธไปส่งให้กลุ่มนักรบรัฐเซวียอย่างลับๆ ในตอนกลางคืน หัวหน้ากลุ่มเห็นว่าอาวุธที่เฉิงฟงนำมามีจำนวนไม่มากพอจึงขอให้เร่งผลิต และนำมาส่งมอบให้พวกตนมากกว่านี้ในคราวหน้าเพราะสงครามกำลังจะปะทุขึ้นในไม่ช้า หลี่ว์เล่อสงสัยว่าพ่อออกไปไหนทุกคืนจึงปลอมตัวเป็นชายแล้วแอบสะกดรอยตามไปดู แต่สุดท้ายก็ถูกหัวหน้ากลุ่มนักรบจับได้ เฉิงฟงรีบร้องขอชีวิตลูกโดยโกหกว่าหลี่ว์เล่อเป็นลูกชายตน พอรู้ว่าพ่อลักลอบค้าอาวุธเพื่อให้กลุ่มนักรบนำไปก่อศึกสงคราม หลี่ว์เล่อก็ทั้งโกรธและรู้สึกผิดหวังในตัวพ่อเพราะพ่อเคยบอกเธอว่าสงครามเป็นสิ่งเลวร้าย หลังโดนหลี่ว์เล่อพูดจาลบหลู่ เฉิงฟงก็โมโหจนพลั้งมือตบหน้าหลี่ว์เล่อเต็มแรง



หลี่ว์เล่อเสียใจมากจึงหนีพ่อมาเดินโซซัดโซเซในตลาดตามลำพัง อวิ๋นขวางเห็นว่าหลี่ว์เล่อ (ซึ่งยังคงปลอมตัวเป็นชาย) กำลังจะเป็นลมเลยรีบเข้าไปประคองร่างไว้ หลี่ว์เล่อพยายามลืมตาดูว่าชายคนดังกล่าวเป็นใครแต่เกิดตาลายและหมดสติไปเสียก่อน เมื่อหลี่ว์เล่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าเธอกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง พ่อบ้านเต๋อบอกหลี่ว์เล่อว่าโชคดีที่มีนักรบหนุ่มคนหนึ่งช่วยพาเธอมาส่งที่บ้าน หลี่ว์เล่อสงสัยว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร พ่อบ้านเต๋อจึงบอกว่าชายผู้นั้นพาหลี่ว์เล่อมาส่งแล้วจากไปทันที ตนเลยเห็นหน้าไม่ถนัดและไม่ทันได้ซักถามชื่อแซ่ เฉิงฟงลงทุนยกขนมมาง้อหลี่ว์เล่อด้วยตัวเอง หลี่ว์เล่อกล่าวแบบงอนๆ ว่าแม่อยากให้พ่อมีภรรยาอีกคน เพราะตนไม่ใช่ลูกชายและพ่อต้องการมีทายาทไว้สืบสกุล เธอบอกพ่อว่าถึงแม้ตนจะเป็นหญิงแต่ก็มีความปรารถนาอันแรงกล้าเยี่ยงบุรุษ ตนอยากเห็นบ้านเมืองมีแต่ความสงบสุขและอยากใช้ชีวิตได้โดยอิสระ เฉิงฟงภูมิใจที่หลี่ว์เล่อโตเป็นผู้ใหญ่และมีความมุ่งมั่น เขาจึงคิดที่จะบอกความลับบางอย่างกับเธอ

*** จบตอนที่ 1 ***

* เนื้อหาโดย luvasianseries






นักแสดงนำ
* คาแรคเตอร์หลักในละครดัดแปลงมาจากเรื่องราวของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามฉู่-ฮั่น โดยมีการตั้งชื่อให้ตัวละครใหม่ (ในวงเล็บคือชื่อของบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ถูกนำมาอ้างอิง)



หมิงเต้า
รับบท อวิ๋นขวาง (เซี่ยงอวี่ (ฌ้อปาอ๋องแห่งรัฐฉู่) )
(นักแสดง / นักร้อง / นายแบบ ชาวไต้หวัน)


 

เฉินเฉียวเอิน (โจ เฉิน)
รับบท หลี่ว์เล่อ (จักรพรรดินีหลี่ว์จื้อแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก)
(นักร้อง / นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)



หลัวจิ้น
รับบท ไห่เทียน (หลิวปัง (จักรพรรดิฮั่นเกาจู - ปฐมจักรพรรดิผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่น))
(นักแสดง ชาวจีน)



หยวนซานซาน
รับบท อวี๋เมี่ยวเกอ (สนมอวี๋จี)
(นักแสดง ชาวจีน)



จินชา
รับบท ชีสี่ปิง (ชีจี / ชีฟูเหริน (สนมชี))
(นักร้อง / นักแสดง ชาวจีน)



เฉินเสี่ยว
รับบท หลัวเฟิง (จื่ออิง) 
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เถียนเลี่ยง
รับบท เซียวฮุย (หานซิ่น)
(นักแสดง (อดีตนักกระโดดน้ำเหรียญทองโอลิมปิก) ชาวจีน)



หลี่จื้อหนาน
รับบท จื่อซู (เซียวเหอ)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)



เซี่ยเหมียว
รับบท ผังว่าน (ฝานไคว่)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลินหยวน
รับบท ฮัวชิงกว๋อ
(นักแสดง ชาวจีน)



อู๋ไต้หรง
รับบท เฉียนจง (ฟ่านเจิง)
(นักแสดง ฮ่องกง - เกิดที่สิงคโปร์)



เหรินเสวียไห่
รับบท ซูเจ๋อ (จางเหลียง)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หยวนเฟย
รับบท อวิ๋นเจียง
(นักแสดง ชาวจีน)



หูย่าเจี๋ย
รับบท หลี่ว์เฉิงฟง (หลี่ว์กง)
(นักแสดง ชาวจีน)



ไป๋ซาน
รับบท เสิ่นเสวี่ยหยู
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่เย่าจิ้ง
รับบท อวิ๋นเซิน (เซี่ยงเหลียง)
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)




*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา