วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เรื่องย่อ ยอดหญิงปันซู (Ban Shu Legend)




กำกับ: สวีฮุ่ยคัง (ชาวฮ่องกง), จูรุ่ยปิน (ชาวฮ่องกง)
เขียนบท: จางเวยเวย
แนวละคร: ย้อนยุค
จำนวนตอน: 42
ออกอากาศ: จีน - วันที่ 6 ตุลาคม 2558 ทางเซินเจิ้นทีวี
                  ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 23.10 น. (รีรันเวลา 05.00 น.) ทางช่อง NOW26 ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2560 - 4 กรกฎาคม 2560


 


เรื่องย่อ



ละคร "ยอดหญิงปันซู (Ban Shu Legend)" นำเสนอเรื่องราวของหญิงสาวนามว่า "ปันซู" ซึ่งเป็นหลานของ "ปันเจา" (นักเขียนของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกและนักบันทึกประวัติศาสตร์หญิงคนแรกของจีน) และลูกสาวของแม่ทัพ "ปันเชา* " แต่หลังจากพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังอยู่ในท้อง เธอก็ถูกเลี้ยงดูและเติบโตในแถบทุ่งหญ้าบริเวณชายแดนด้านทิศตะวันตก

* แม่ทัพ "ปันเชา" เป็นพี่ชายของ "ปันเจา" น้องชายของ "ปันกู้" (นักบันทึกประวัติศาสตร์และนักกวี ผู้เขียนหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่น แต่เขียนยังไม่ทันเสร็จก็มาจบชีวิตลงเสียก่อน ปันเจาเลยช่วยสานต่อภารกิจของพี่ชาย) และลูกชายของ "ปันเปียว" (นักเขียนและผู้ริเริ่มจดบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ฮั่น) เขาเป็นวีรบุรุษของชาวฮั่นที่มีผลงานมากมาย ผลงานอันโดดเด่นคือการขับไล่เผ่าซงหนู และทำให้ชนเผ่าต่างในดินแดนด้านทิศตะวันตก (ซีอวี้) ซึ่งมีเส้นทางการค้าเชื่อมต่อกับอาหรับ อินเดีย เปอร์เซีย ยุโรป ยอมสวามิภักดิ์และอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮั่น

หลังดั้นด้นเดินทางไปหาพ่อที่เมืองฝูเฟิง (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลส่านซี) ปันซูกลับพบว่าตนเองมาช้าไปเพราะพ่อของเธอเพิ่งเสียชีวิตก่อนที่เธอจะเดินทางไปถึงไม่กี่วัน  มิหนำซ้ำสกุลปันยังไม่ยอมรับเธอเพราะเห็นว่าเธอเกิดและเติบโตในแถบตะวันตกจึงได้รับอิทธิพลของคนต่างถิ่นซึ่งมีวิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมที่แตกต่างจากชาวฮั่นโดยสิ้นเชิง (เขตซินเจียงซึ่งเป็นถิ่นฐานของชาวอุยกูร์ก็อยู่ในดินแดนด้านทิศตะวันตกเช่นกัน) เพื่อให้สกุลปันยอมรับ ปันซูจึงเข้าไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนสตรีในวังหลวง ด้วยความที่เธอมาจากต่างถิ่นต่างวัฒนธรรม จึงมักเกิดเรื่องวุ่นวายและตลกขบขันขึ้นในชั้นเรียนอยู่เสมอ แต่การที่เธอมีวิธีการสอนแบบเฉพาะตัวก็ทำให้ชั้นเรียนไม่น่าเบื่อเหมือนการเรียนการสอนทั่วไป

นอกจากจะต้องรับมือกับบรรดาลูกศิษย์ตัวแสบแล้ว ปันซูยังต้องเผชิญกับปัญหาหัวใจ ส่วนเรื่องราวจะลงเอยอย่างไรนั้นติดตามชมได้ใน "ยอดหญิงปันซู (Ban Shu Legend)" ทางช่อง NOW26


เนื้อหาตอนที่ 1-2



เรื่องราวในละครเริ่มต้นขึ้นในสมัยตงฮั่น หรือ "ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก"... หลัง "เติ้งไทเฮา" ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ "ฮั่นอัน (หลิวฮู่)" ซึ่งยังอยู่ในวัยแบเบาะ ราชวงศ์ฮั่นก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ หลายปีต่อมา "ซู่ลี่" หัวหน้าโจรทะเลทรายทางตอนเหนือได้นำสมุนออกอาละวาดตามแนวชายแดนตงฮั่น ราชสำนักจึงมอบหมายให้ "เว่ยอิง" นำกองทัพมาปราบซู่ลี่ หลังเผชิญหน้ากับเว่ยอิง ซู่ลี่และลูกสมุนจึงถอยร่นเข้าไปเมืองและยึดเมืองดังกล่าวทันที เว่ยอิงและเหล่าทหารจึงไม่สามารถตามเข้าไปได้เพราะประตูเมืองถูกปิด บังเอิญว่า "ปันซู" ซึ่งกำลังจะเดินทางไปหาพ่อที่ฝูเฟิงกับ "จงซู" (ผู้มีศักดิ์เป็นอา) ได้เดินทางมาถึงเมืองดังกล่าวพอดี สองอาหลานจึงนำผงปูนขาวไปขายที่ตลาดเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เมื่อซู่ลี่มาพบเข้าทั้งคู่จึงถูกกวาดต้อนเป็นตัวประกันพร้อมเหล่าชาวบ้าน แต่ปันซูก็ใช้สติปัญญาพาทุกคนหนีออกจากที่คุมขังได้สำเร็จ

หลังถูกกองทัพของเว่ยอิงระดมยิงธนูควันใส่เพื่อเป็นการกดดัน (เว่ยอิงไม่ต้องการให้มีใครเสียเลือดเสียเนื้อ) ซู่ลี่ก็ได้รับแจ้งข่าวร้ายว่าตัวประกันหนีไปหมดแล้ว สองอาหลานวิ่งหนีมาไกลจนคิดว่าปลอดภัยแล้วจึงแวะพักเหนื่อย หลังถูกคาดคั้นจงซูจึงเล่าถึงสาเหตุที่พ่อกับแม่ของปันซูต้องแยกทางกัน โดยบอกว่า พ่อของเธอถูกขุนนางชั่วกล่าวหาว่าคิดตั้งตนเป็นใหญ่ในแดนตะวันตก เมื่อถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องเลิกรา แม่ของเธอ (ซึ่งเป็นน้องสาวอ๋องคนหนึ่งในแดนตะวันตก) จำใจทิ้ง "ปันหย่ง" พี่ชายของเธอไว้กับพ่อ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านเกิดตามลำพังโดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ สองอาหลานคุยกันได้เพียงเท่านี้ก็โดนซู่ลี่จับเป็นตัวประกันอีกครั้ง ปรากฏว่าชาวบ้านทุกคนที่ปันซูพาหลบหนีล้วนถูกจับกลับมาใหม่ ซู่ลี่รู้ตัวว่าพวกตนมีกำลังคนน้อยกว่าหากปะทะกับกองทัพของเว่ยอิงคงต้านไม่อยู่เลยประกาศกับตัวประกันว่าจะขอตายพร้อมทุกคน ปันซูรีบบอกซู่ลี่ว่าตนมีวิธีช่วยให้เขารอดพ้นเงื้อมมือทหารแต่มีข้อแม้ว่าจะต้องปล่อยตัวประกันทุกคนไป

เมื่อเว่ยอิงกับลูกน้องจะพังประตูเพื่อยึดเมืองคืนและจับซู่ลี่ ทุกคนกลับพบว่าประตูไม่ได้ล็อคทั้งยังเปิดออกอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นเขาก็ได้รับรายงานว่าในเมืองมีแต่ชาวบ้านส่วนซู่ลี่และลูกสมุนหายตัวไป เว่ยอิงจับได้ว่ามีโจรสวมรอยเป็นชาวบ้าน โจรสองคนเลยรีบควบม้าหนีออกนอกประตูเมือง เว่ยอิงกับลูกน้องรีบควบม้าตามไปแต่สุดท้ายกลับพบว่าพวกตนถูกหลอกให้จนมุม หลังตกเป็นเป้านิ่งและถูกดักซุ่มโจมตี เว่ยอิงก็พลาดท่าถูกซู่ลี่ฟันเข้าที่ขาจึงจำเป็นต้องล่าถอย หลังเอาชนะเว่ยอิงได้ซู่ลี่จึงปล่อยตัวประกันทั้งหมด ยกเว้นปันซูกับจงซู




ซู่ลี่ประทับใจในไหวพริบและสติปัญญาของปันซูจึงอยากเก็บนางไว้ข้างกาย เขาบังคับให้ปันซูแต่งงานกับตนโดยเอาชีวิตของจงซูมาข่มขู่ ปันซูเลยท้าให้ซู่ลี่แข่งม้ากับตนก่อนโดยบอกว่าหากเขาเป็นฝ่ายชนะเธอจะยอมแต่งงานกับเขาแต่โดยดี ปันซูแอบกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูม้าของซู่ลี่ จากนั้นก็ขอให้ซู่ลี่ปล่อยตัวอาของเธอ เมื่อซู่ลี่ยอมทำตามปันซูก็ควบม้านำหน้าไปก่อน ปรากฏว่าม้าของซู่ลี่วิ่งช้ากว่าปกติจึงตามปันซูไม่ทัน ปันซูล่อให้ซู่ลี่ควบม้าตามมาที่สะพานแขวนซึ่งเชื่อมต่อระหว่างภูเขาสองลูก จากนั้นก็ตัดเชือกขึงสะพานทำให้ซู่ลี่และสมุนตกลงไปยังหุบเหวที่มีแม่น้ำเบื้องล่าง เมื่อจงซูมาถึงก็พบว่าสะพานขาดทำให้ไม่อาจร่วมเดินทางไปฝูเฟิงกับปันซูได้

ปันซูเดินจูงม้าผ่านป่ายามค่ำคืนตามลำพังในสภาพหิวโหย เธอได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลงเลยเดินตามเสียงไปและกล่าวชมว่าร้องเพลงเพราะ หญิงคนดังกล่าวได้ยินเสียงท้องปันซูร้องจึงแบ่งอาหารให้ทาน ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าม้าควบใกล้เข้ามา  เมื่อหญิงคนดังกล่าวบอกว่าพวกเขามาตามจับตน ปันซูเลยยื่นมือเข้าช่วยเหลือโดยแกล้งทำเป็นวิ่งหนีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจแต่สุดท้ายก็โดนจับ หญิงสาวไม่ต้องการให้ปันซูเดือดร้อนเลยยอมเผยตัวและบอกให้ทุกคนปล่อยปันซู เมื่อเห็นว่าปันซูเป็นห่วง เธอจึงบอกปันซูว่าชายกลุ่มนี้จะไม่ทำร้ายตนเพราะเป็นคนของสามี จากนั้นก็แอบขอให้ปันซูช่วยส่งจดหมายให้ตนฉบับหนึ่ง

เหล่าขุนนางฉวยโอกาสนำเหตุการณ์ที่เว่ยอิงพาทหารไปติดกับดักกลุ่มโจรจนทำให้มีทหารบาดเจ็บจำนวนมากมายื่นฎีกากับไทเฮา โดยกล่าวหาว่าเว่ยอิงกระทำการโดยบุ่มบ่ามและเอาความแค้นส่วนตัวเป็นที่ตั้งโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชา จึงขอให้ไทเฮาลงโทษและปลดเขาจากการเป็นแม่ทัพ แม้ไทเฮาจะรู้ว่าเว่ยอิงถูกใส่ร้าย แต่พระองค์ไม่อาจออกหน้าปกป้องเว่ยอิงได้จึงจำเป็นต้องสั่งลงโทษตามกฏ จากนั้นก็วางแผนให้องค์เต้ซึ่งยังทรงพระเยาว์และซุกซน เอ่ยปากขอตัวเว่ยอิงมาเป็นพระอาจารย์ของพระองค์




ในที่สุด ปันซูก็เดินทางไปถึงเมืองฝูเฟิงซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อเธอ ครั้นไปถึงบ้านพ่อ ปันซูก็ได้รับแจ้งข่าวร้ายว่าพ่อของเธอเพิ่งป่วยตายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แถมสกุลปันยังไม่ยอมรับและไม่ยอมเพิ่มชื่อเธอลงในบันทึกประจำตระกูลด้วยรังเกียจที่เธอไม่ใช่ชาวฮั่นเต็มตัว ทั้งยังถูกเลี้ยงดูในต่างถิ่นจึงไม่มีความเป็นกุลสตรีชาวฮั่น ด้วยเหตุนี้ปันซูจึงไม่ได้รับอนุญาติให้ไปกราบสุสานพ่อและถูกขับออกจากบ้าน แม้ลุงรองของสกุลปันจะเชื่อว่าปันซูเป็นลูกสาวของปันเชาจริง (เพราะหน้าตาถอดแบบกันมาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน) ทั้งยังรู้จักธรรมเนียมปฏิบัติของคนในแดนตะวันตก (ซึ่งแตกต่างจากของชาวฮั่นโดยสิ้นเชิง) เป็นอย่างดี แต่เขาไม่อาจขัดผู้อาวุโสหรือยื่นมือเข้ามาช่วยปันซูได้ เขาจึงแนะให้ปันซูไปหาปันหย่งผู้เป็นพี่ชายซึ่งเป็นทหารอยู่ที่เมืองหลวง (ลั่วหยาง) จากนั้นก็มอบป้ายชื่อของตนให้ปันซูนำไปแสดงเป็นหลักฐานที่บ้านพี่ชาย  

ปันซูเดินทางไปลั่วหยางทางเรือและเผลอทำห่อสัมภาระตกลงไปในน้ำ เธอจึงกระโดดน้ำทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็นทำให้จมน้ำ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าของทั้งหมดที่นำติดตัวมาจมน้ำหายไป เหลือเพียงจดหมายที่หญิงสาวในป่าฝากให้เธอช่วยนำไปส่ง แม้ข้อความในจดหมายจะยังอยู่แต่ที่อยู่ของผู้รับกลับละลายน้ำหายไปเกือบหมด ครั้นไปถึงลั่วหยางปันซูก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง เมื่อพบประกาศของทางการที่แจ้งให้พี่ชายนำทัพออกรบ ตอนแรกปันซูคิดจะไปดักพบพี่ชายกลางทาง แต่พอเห็นหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งมาขวางเกี้ยว "องค์หญิงเป่ยเซียง" (ชื่อตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ "หลิวเยี่ยน" ลูกสาวอ๋องจงซาน และน้องสาว "หลิวหง") แล้วบอกว่าตนเป็นน้องสาวขององค์หญิงแต่องค์หญิงกลับไม่ยอมรับเธอเป็นน้องสาวทั้งที่หน้าตาเหมือนกันดุจฝาแฝด  (แม่ของหญิงคนดังกล่าวเป็นนางรำ)  แถมยังไม่ยอมพาเธอกลับจวนตามที่ร้องขอโดยอ้างว่าเธอไม่มีหลักฐานมาแสดง ปันซูเห็นดังนั้นจึงกลัวว่าพี่ชายจะไม่ยอมรับตนเป็นน้องสาวเช่นกัน เพราะตัวเธอเองไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าเป็นลูกสาวพ่อ (จดหมายของพ่อและป้ายชื่อลุงรองอยู่ในห่อผ้าที่จมน้ำหายไป) 

ปันซูนึกขึ้นได้ว่าพ่อเคยบอกในจดหมายเรื่องที่เผลอเขียนเรื่องของเธอลงในบันทึกแดนตะวันตก และตอนนี้บันทึกเล่มดังกล่าวก็ถูกเก็บไว้ในวังหลวง เธอจึงคิดที่จะเข้าวังเพื่อไปหาหนังสือเล่มดังกล่าวมายืนยันว่าตนเป็นลูกพ่อจริง แต่เนื่องจากเธอไม่ใช่นางกำนัลจึงไม่สามารถเข้าวังได้ พอเห็นป้ายประกาศของทางการที่ระบุว่า "อ๋องหนานหยาง" กำลังล้มป่วยและต้องการหมอมารักษา ปันซูจึงคิดที่จะนำประสบการณ์ในการรักษาสัตว์ตอนอยู่ทุ่งหญ้ามาลองเสี่ยงดู เพราะได้ยินว่าหากรักษาหาย อ๋องหนานหยางจะยอมทำตามข้อเรียกร้องทุกอย่าง "องค์หญิงหนานหยาง" (หรือ "หวังเฟย" ชายาอ๋องหนานหยาง) เห็นปันซูแล้วรู้สึกสงสัยว่าเด็กสาวอย่างเธอเป็นหมอจริงหรือ อ๋องหนานหยางอยากหายเต็มทนจึงขอให้ปันซูลองรักษาตนดู ปรากฏว่าปันซูฝังอ๋องหนานหยางเอาไว้ในทรายร้อน ครั้นพอรู้สึกดีขึ้นอ๋องหนานหยางก็รู้สึกดีใจและพูดคุยกับปันซูอย่างสนุกสนานทั้งยังรับปากว่าจะพาปันซูเข้าวัง แต่องค์หญิงหนานหยางไม่เห็นด้วยเพราะกลัวปันซูทำเสียชื่อ (ปันซูไม่มีความเป็นกุลสตรี) เธอจึงมอบเงินให้ปันซูก้อนหนึ่งแล้วไล่ออกจากจวนไป (อ๋องหนานหยางเป็นโรคกลัวเมียเลยไม่กล้าขัดใจชายา)  




เมื่อปันซูไปเดินหาซื้อเสื้อผ้าที่ตลาดก็ได้พบกับ "ม่อตง" ซึ่งเป็นคนแดนตะวันตกเช่นกัน เขาพาเธอไปเดินดูตลาดของคนแดนตะวันตกในเมืองลั่วหยาง ทั้งยังเตือนเธอให้ระวังเรื่องความแตกต่างด้านความเชื่อและวัฒนธรรมระหว่างพวกตนกับชาวฮั่นเพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดจนเรื่องลุกลามใหญ่โตได้ (เช่น การสวมกำไลหญ้าเพื่อไว้ทุกข์ให้พ่อตามวิถีของชาวทุ่งหญ้า กลับจะทำให้ชาวฮั่นเข้าใจว่าเธอเป็นหญิงขายบริการ) เขาเห็นเธอมีหน้าตาเหมือนชาวฮั่นจึงแนะนำให้แต่งตัวแบบสาวชาวฮั่น หรือไม่ก็ย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านของคนแดนตะวันตกกับพวกตน เพราะชาวฮั่นในเมืองหลวงไม่ชอบคบหาสมาคมกับคนต่างถิ่นต่างเชื้อชาติ (ที่ผ่านมาชาวฮั่นมักเปิดศึกกับชนเผ่าแถบทะเลทรายในแดนตะวันตก แม้ปันซูจะเป็นชาวทุ่งหญ้าแต่ก็มาจากแดนตะวันตก เลยถูกเหมารวมว่าเป็นพวกเดียวกัน) 

ปันซูดีใจมากที่พบคนถิ่นฐานเดียวกัน เธอนึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ที่จวนอ๋องหนานหยางเลยขอกลับไปเอาของก่อน ระหว่างทางปันซูถูกกลุ่มชายชาวฮั่นแทะโลมและคิดลวนลาม แต่เว่ยอิงมาพบและช่วยเอาไว้ทำให้ปันซูรู้สึกประทับใจในตัวเขา พอรู้ว่าปันซูเป็นคนต่างถิ่นท่าทีของเว่ยอิงก็เปลี่ยนไป ทั้งยังแสดงท่าทีรังเกียจเธออย่างออกนอกหน้า (เอาผ้ามาเช็ดมือเป็นการใหญ่) เมื่อปันซูเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ม่อตงฟังด้วยความโกรธ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าชายที่ปันซูพูดถึงคือเว่ยอิง เมื่อม่อตงบอกปันซูว่าไทเฮากำลังจะคัดเลือกอาจารย์หญิงประจำโรงเรียนสตรีในวังหลวงจำนวน 2 คน โดยจะเลือกผู้ที่มาจากตระกูลขุนนางใหญ่ ปันซู (ซึ่งกำลังหาวิธีเข้าวัง) จึงคิดที่จะไปสมัครเป็นอาจารย์เพราะตนเป็นสายเลือดสกุลปันที่ผู้คนนับถือยกย่อง ม่อตงนึกขึ้นได้ว่าตามธรรมเนียมชาวฮั่นผู้ที่อยู่ในระหว่างการไว้ทุกข์จะไม่สามารถเข้าวังได้ ปันซูเลยคิดที่จะโกหกว่าตนเป็นลูกสาวของ "ปันกู้" ผู้เป็นลุง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าวังม่อตงจึงส่งปันซูไปเรียนรู้กฏระเบียบและมารยาทกุลสตรีชาวฮั่น รวมทั้งเรื่องราวต่างๆ ในวังกับ "หลิวโมโม่" อดีตนางในอาวุโสที่เคยเป็นสาวใช้พระสนมโจว

ขณะที่ผู้สมัครกำลังสอบข้อเขียน (หลังผ่านการสอบคัดเลือกหัวข้ออื่นๆ แล้ว) "โค่วหลานจือ" หรือ "อาจารย์โค่ว" (ซึ่งเป็นผู้ดูแลและอาจารย์ใหญ่ที่เรียนสตรีในวังหลวง) ได้เข้ามาสังเกตการณ์ พอเห็นผลงานการปักผ้าของปันซู (ซึ่งผ่านการคัดเลือกแล้ว) เธอก็ออกความเห็นว่าควรให้ปันซูไปฝึกปรือมาใหม่แล้วค่อยมาสมัครอีกครั้งในปีหน้า ปันซูแย้งว่าไทเฮาไม่ได้มอบหมายให้อาจารย์โค่วเป็นผู้คัดเลือกจึงไม่มีสิทธิมาแทรกแซง ผู้เข้าสอบทุกคนต่างเห็นด้วยกับปันซูและไม่พอใจอาจารย์โค่วที่ทำวางท่าใส่เพียงเพราะตนมีตำแหน่งเป็นอาจารย์ (และเป็นคู่หมั้นของพี่ชายไทเฮา)  ซ้ำยังชี้ว่าพวกตนไม่ได้มีชาติตระกูลต่ำต้อยกว่าอาจารย์โค่ว บางคนเป็นถึงเชื้อพระวงศ์เลยด้วยซ้ำ เมื่อโดนดูถูกว่าเป็นเพียงลูกขุนนางธรรมดาและยังไม่ได้แต่งเข้าวัง อาจารย์โค่วก็ได้แต่เก็บซ่อนความโกรธเอาไว้ในใจ พอรู้ว่าปันซูเป็นหลานสาวของปันเจาซึ่งเป็นอาจารย์ของไทเฮาและมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งโรงเรียนสตรีประจำวังหลวง แถมคนสกุลปันยังมีผลงานและสร้างคุณูปการต่อราชวงศ์ฮั่นมากมาย อาจารย์โค่วจึงเข้าใจว่าทำไมปันซูถึงผ่านการสอบมาได้ถึงรอบนี้ ถึงกระนั้นเธอก็มั่นใจว่าไทเฮาจะไม่เลือกคนที่ขาดการอบรมและไม่เป็นกุลสตรีอย่างปันซูมาสอนหญิงสูงศักดิ์ในวังหลวง แต่สุดท้ายปันซูก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นอาจารย์โดยมีอ๋องหนานหยางคอยให้การสนับสนุน 

เนื้อหาโดย luvasianseries





นักแสดงนำ

 

จิ่งเถียน
รับบท ปันซู
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

จางเจ๋อฮั่น
รับบท เว่ยอิง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

หลี่เจียหัง
รับบท เติ้งจื้อ
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่เฉิง
รับบท เติ้งสุย
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

หลี่ซินอ้าย
รับบท โค่วหลานจือ
(นักแสดง ชาวจีน)


 

ฟู่ซินป๋อ
รับบท ฮั่วเหิง / ฮั่วหวน
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

เติ้งซา
รับบท เหยาเจวียน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จางเสวี่ยอิ๋ง
รับบท หลิวเยี่ยน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จางซินอวี่
รับบท หลิวเซวียน / ม่อโฉว (องค์หญิงฝู่เหยวี่ยน ชายาหนานต้าอ๋อง / อดีตคนรักของเว่ยอิง / ญาติผู้พี่ของปันซู)
(นักแสดง / นักร้อง / นางแบบ ชาวจีน)




*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา