วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2562

เรื่องย่อ รักสองเรา ไม่อาจลืม (Remembering Lichuan)




กำกับ: เฉินหมิงจาง (ผู้กำกับชื่ดังชาวไต้หวัน)
เขียนบท: ซือติ้งโหรว
แนวละคร: โรแมนติก
จำนวนตอน: 38
ออกอากาศ: จีน - 31 กรกฎาคม 2559 ทางอันฮุยทีวี
            ไทย - ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 23.10 น. ทางช่อง 7 เอชดี (หมายเลข 35) ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2561 - 20 มีนาคม 2562




 เรื่องย่อ



ละคร "รักสองเรา ไม่อาจลืม" (Remembering Lichuan) ดัดแปลงมาจากนวนิยายรักเรื่อง "ลี่ชวนหว่างซื่อ" (沥川往事) ของนักประพันธ์หญิง "ซือติ้งโหรว" (ซึ่งเขียนบทละครเรื่องนี้ด้วย) เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวความรักระหว่าง "หวังลี่ชวน" สถาปนิกหนุ่มสายเลือดมังกรซึ่งเกิดและเติบโตที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่จบจากมหาวิทยาลัยดังในสหรัฐอเมริกาและพูดได้หลายภาษา (แต่รู้ภาษาจีนแค่พอประมาณเลยมักพูดจีนปนอังกฤษ ส่วนภาษาหลักคือ ฝรั่งเศส) กับ "เซี่ยเสี่ยวชิว" นักศึกษาสาวใสซื่อและสู้ชีวิตจากเมืองเล็กๆ ในมณฑลยูนนาน ทั้งคู่ต่างตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็วหลังพบและรู้จักกันที่เซี่ยงไฮ้ได้ไม่นาน แม้ลี่ชวนจะขาพิการหนึ่งข้าง (ใส่ขาเทียม) ทำให้เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกนัก แต่ความอบอุ่น อ่อนโยน และจิตใจดีของเขาก็มัดใจเสี่ยวชิวจนอยู่หมัด ทั้งคู่จึงมีความรักที่หวานชื่น น่าเสียดายที่ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นแสนสั้น เพราะอยู่ๆ ก็มีเหตุให้ทั้งคู่ต้องพลัดพรากจากกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ทันตั้งตัว




หลังได้รับผลตรวจร่างกายลี่ชวนจำต้องเดินทางกลับไปรักษาตัวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ทันที (โรคมะเร็งลุกลาม) เขาไม่ต้องการให้เสี่ยวชิวเสียใจจึงเผชิญความเป็นความตายตามลำพังโดยไม่ชี้แจงเหตุผลของการจากลาแบบกระทันหันให้เธอรับรู้ ทั้งยังเลิกติดต่อหมายให้เธอลืมเขาให้เร็วที่สุดเพื่อที่เธอจะได้ไม่จมอยู่กับความทุกข์และเดินหน้าต่อไป แต่เสี่ยวชิวกลับลืมเขาไม่ลงทั้งยังคงรักมั่น และนั่นก็ทำให้เธอเจ็บปวดใจอย่างแสนสาหัส เธอได้แต่สงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ลี่ชวนถึงหายตัวไปอย่างลึกลับ และไม่เข้าใจว่าความรักที่หนักแน่นมั่นคงกลับพังทลายลงในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร หลังผ่านไปนานสี่ปีลี่ชวนกลับมาประเทศจีนอีกครั้งทั้งที่ยังมีอาการเจ็บป่วย และนั่นก็ทำให้เสี่ยวชิว (ซึ่งยังคงเฝ้ารอ) ได้พบกับลี่ชวนโดยไม่คาดฝันอีกครั้ง แต่เขากลับพยายามผลักไสเธอทั้งที่ต่างฝ่ายต่างยังคงรักกันมาก แถมเขายังมีผู้หญิงสวยและเก่งอย่าง "เจนเน็ต" (เป็นภูมิสถาปนิก)  อยู่เคียงข้าง ส่วนเธอก็มีบอสหนุ่ม "เซียวกวน" คอยช่วยเหลือดูแลและห่วงใยไม่ห่าง




สุดท้ายแล้วความรักของลี่ชวนกับเสี่ยวชิวจะไปต่อได้หรือไม่ และจะลงเอยอย่างไร ติดตามชมเรื่องราวสุดซาบซึ้งกินใจของทั้งคู่ได้ใน "รักสองเรา ไม่อาจลืม" (Remembering Lichuan)


เนื้อหาตอนที่หนึ่ง



นักศึกษาสาวจากเมืองเล็กๆ ในมณฑลยูนนาน "เซี่ยเสี่ยวชิว" มาเรียนต่อในเมืองเซี่ยงไฮ้โดยทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟ "ลิตเติ้ลบันนี่" (ชื่อภาษาจีนคือ "เสี่ยวทู่") เพื่อหาเงินส่งเสียตัวเองและช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน เนื่องจากทางร้านกำลังจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายเหล่าบรรดาพนักงานสาวๆ จึงสวมหูและหางกระต่ายก่อนออกมายืนเรียกลูกค้าที่หน้าร้าน เสี่ยวชิวยืนแจกโบรชัวร์ท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างเย็นพลางเชิญชวนผู้ที่ผ่านไปมาให้ชิมกาแฟและขนมฟรี แต่ชายคนหนึ่งไม่ทันระวังจึงทำกาแฟหกรดเสื้อเธอ ถึงกระนั้นเธอก็ทำหน้าที่ต่อไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  (ป้าคนหนึ่งถึงกับมอบไข่ไก่ที่เก็บมาจากบ้านให้เธอหนึ่งใบหลังได้ดื่มกาแฟฟรี) แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเด็กชายจอมซนคนหนึ่งมาดึงหางกระต่ายของเธอ ครั้นพูดดีๆ แล้วไม่ฟังซ้ำยังจับไม่ยอมปล่อย เสี่ยวชิวจึงดุเด็กชายคนดังกล่าวโดยไม่รู้ว่าเด็กเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ปรากฏว่าแม่เด็กมาเห็นเข้าพอดี แถมเธอยังเป็นเจ้าของร้านกาแฟและเจ้านายของเสี่ยวชิวอีกต่างหาก



"เอมม่า" (นักแปลภาษาฝรั่งเศส) กับ "จางอิ๋ง" (พนักงานรับโทรศัพท์) กำลังจะเดินเข้าตึก บริษัท จีเอ็มเอฟ สาขาเซี่ยงไฮ้ เพื่อมาทำงานในตอนเช้า ครั้นเห็นสถาปนิกหนุ่มผู้เพียบพร้อม "หวังลี่ชวน" กำลังจะเดินเข้าลิฟต์ เอมม่าจึงรีบวิ่งตามไปหมายขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกับลี่ชวน (ซึ่งเป็นขวัญใจสาวๆ ในบริษัท) แต่ประตูลิฟต์ดันปิดเสียก่อน เธอคิดที่จะยื่นขาเข้าไปขวางประตูไว้แต่ไม่ทัน แถมรองเท้าส้นสูงข้างหนึ่งยังลอยละลิ่วปลิวเข้าไปตกในลิฟต์ก่อนที่ประตูจะปิดสนิท แต่หลังจากนั้นไม่นานประตูลิฟต์ตัวดังกล่าวก็เปิดออก ปรากฏว่าลี่ชวนนำรองเท้ามาคืนให้เอมม่า ซ้ำยังวางรองเท้าให้เธอสวมก่อนเปิดทางให้สองสาวเข้าลิฟต์ก่อน และนั่นก็ทำให้สองสาวหัวใจพองโต


ทันทีที่มาถึงห้องทำงานลูกน้องของลี่ชวนก็แจ้งตารางงานช่วงบ่ายอันแน่นเอี้ยดให้ทราบ ลี่ชวนคอนเฟิร์มงานทุกอย่างยกเว้นการไปร่วมงานเลี้ยงตอนเย็น หลังได้รับแจ้งว่า "หวังจี้ชวน" ผู้เป็นพี่ชาย และนักออกแบบตกแต่งภายใน กำลังเดินทางมาเซี่ยงไฮ้และใกล้มาถึง  (เขามาจากสำนักงานใหญ่ บริษัท จีเอ็มเอฟ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) ลี่ชวนจึงเคลียร์คิวช่วงบ่ายโดยมอบหมายให้คนอื่นเข้าประชุมแทนแล้วขับรถไปรับพี่ชายที่สนามบินด้วยตนเองทันที (ลูกน้องจะเรียกคนขับรถให้แต่เขาปฏิเสธ) ปรากฏว่าสองพี่น้อง (ซึ่งมีบุคลิก นิสัย และส่วนสูงต่างกันลิบลับ) รักและรู้ใจกันมาก จี้ชวนรู้ว่าน้องชายต้องไม่ชอบภาพวาดสีน้ำมันที่ "หวังวี่หัง" ผู้เป็นปู่ฝากมาให้เป็นขงขวัญวันเกิดแน่ จึงแกล้งลืมภาพดังกล่าวไว้ที่สนามบินซูริค ครั้นเห็นว่าลี่ชวนขับรถมาเองจี้ชวนจึงถามหาคนขับรถ ลี่ชวนอ้างว่าคนขับรถไม่ว่างเขาจึงขับรถมาเอง จี้ชวนฟังแล้วถึงกับอึ้ง




หลังแจกกาแฟและขนมฟรีจนหมดโควต้าแต่กลับดึงลูกค้าเข้าร้านได้แค่สองคน  เสี่ยวชิวจึงขอเคล็ดลับจากเพื่อนร่วมงานที่ชวนลูกค้าเข้าร้านได้สิบคนเพราะกลัวว่าจะอดได้โบนัสประจำเดือนนี้ เพื่อนร่วมงานแนะให้เสี่ยวชิวถามลูกค้าก่อนว่า 'เหงาไหม' จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยสโลแกนของทางร้าน (ประมาณว่า... เหงาเมื่อไหร่ให้แวะมาดื่มกาแฟคลายเหงาที่ร้านเสี่ยวทู่) เสี่ยวชิวจึงฝึกซ้อมลีลาการเรียกลูกค้าริมถนน ทันใดนั้นลี่ชวนก็ขับรถมาจอดที่หน้าร้าน (เขาจดรถตรงหน้าเสี่ยวชิวซึ่งกำลังโพสท์ท่าและยิ้มหวานพอดี) เสี่ยวชิวรู้สึกอายจึงก้มหน้าก้มตายื่นโบร์ชัวร์ให้จี้ชวนพลางถามว่าเหงาไหมแบบงึมงัมๆ จี้ชวนได้ยินดังนั้นเลยหยอกเธอเล่นว่าตนไม่เพียงเหงาแต่ยังโสดอีกต่างหาก



เมื่อจี้ชวนรับโบรชัวร์ไปดู เสี่ยวชิวจึงท่องสโลแกนของทางร้านพลางแจ้งรายละเอียดเรื่องโปรโมชั่นให้ทราบ แต่จี้ชวนกลับถามถึงบันนี่สาวสุดเซ็กซี่ที่อยู่ในโบร์ชัวร์พลางกวาดตามองหาหญิงสาวคนดังกล่าว ครั้นเห็นเสื้อของเสี่ยวชิวมีคราบเปื้อนบริเวณหน้าอก (กาแฟหกใส่) จี้ชวนจึงจ้องมองด้วยความสงสัยก่อนเหลือบมองป้ายชื่อที่หน้าอกแล้วเงยมองหน้าเธอ เสี่ยวชิวเห็นดังนั้นจึงรีบเอาโบรชัวร์ปิดหน้าอกเพราะนึกว่าตนถูกลวนลามทางสายตา ครั้นถูกถามว่าร้านของเธอมีอะไรเด็ดๆ บ้าง (เขาอยู่เมืองนอกมานานเลยอ่านโบรชัวร์ภาษาจีนไม่ค่อยออก) เสี่ยวชิวก็ยิ่งเข้าใจผิดจึงประณามจี้ชวนว่าเป็นคนต่ำตม (เธอเรียกเขาว่า "หลิวหมาง")

จี้ชวนรู้สึกโกรธที่อยู่ๆ ก็โดนพนักงานร้านกาแฟด่าทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด จึงลงจากรถแล้วตามไปเอาเรื่องเสี่ยวชิวในร้านทันที ลี่ชวนเห็นดังนั้นจึงรีบตามไป เหล่าพนักงานสาวเห็นว่ามีลูกค้าเข้าร้านจึงฉีดสเปรย์สายรุ้งต้อนรับ เสี่ยวชิวนึกว่าจี้ชวนตามมาราวีจึงฉีดสเปรย์สายรุ้งไล่ แต่สเปรย์ดันหมดเธอเลยหยิบกระป๋องใหม่มาพ่นใส่จี้ชวนโดยไม่รู้ว่าเป็นยาฉีดยุง และนั่นก็ทำให้กลิ่นและควันยาคละคลุ้งจนทุกคนพากันสำลัก พอรู้ตัวว่าหยิบกระป๋องผิดเสี่ยวชิวก็รีบขอโทษ จี้ชวนโกรธมากทั้งยังเป็นห่วงลี่ชวนจึงรีบโบกโบรชัวร์ไล่สารพิษให้น้องก่อนโวยลั่นและถามหาเจ้าของร้าน



หลังโดนจี้ชวนขู่ว่าจะตั้งทนายฟ้องร้อง เจ้าของร้านจึงถามหาคนทำผิด พอรู้ว่าเป็นเสี่ยวชิว (ซึ่งก่อนหน้านี้เพิ่งตวาดใส่ลูกชายเธอ) เจ้าของร้านก็รู้สึกเอือมระอาและยิ่งไม่พอใจหนักขึ้น เธอสั่งให้เสี่ยวชิวขอโทษจี้ชวนกับลี่ชวน ลี่ชวนเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยจึงบอกว่าไม่จำเป็น แต่จี้ชวนแย้งว่ายาฆ่าแมลงมีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เสี่ยวชิวออกตัวว่าตนนึกว่าเป็นสเปรย์สายรุ้งเลยนำมาฉีดต้อนรับลูกค้า จากนั้นก็ชี้ให้ดูข้อความข้างกระป๋องที่ระบุว่า "ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง" (เธงว่าถ้าเช่นนั้นคนก็จะไม่เป็นอันตรายเช่นกัน) จี้ชวนได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโกรธและโวยลั่นว่าพวกตนไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แถมยังฟ้องเจ้าของร้านด้วยว่าเสี่ยวชิวด่าตน เสี่ยวชิวแย้งว่าจี้ชวนล่วงเกินตนก่อนแต่จี้ชวนยืนกรานหนักแน่นว่าตนไม่ได้ทำ เสี่ยวชิวจึงชี้หน้าลี่ชวนพลางบอกเจ้าของร้านว่าถ้าไม่เชื่อก็ลองถามคนขับรถดูว่าที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงไหม ลี่ชวนทำหน้างงพลางพูดว่า "Excuse me!" จี้ชวนจึงส่งสัญญาณมือบอกน้องว่าไม่ต้องยุ่งพี่ลุยเอง

เจ้าของร้านเห็นเสี่ยวชิวเถียงคำไม่ตกฟากจึงตำหนิเธอ จี้ชวนยืนกรานว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดและตำหนิเจ้าของร้านที่รับคนห่วยๆ เข้าทำงาน เสี่ยวชิวได้ยินดังนั้นจึงชักสีหน้าแต่ไม่กล้าเถียง เจ้าของร้านขอโทษแทนเสี่ยวชิวและยื่นข้อเสนอให้สองหนุ่มทานฟรี ครั้นเห็นว่าจี้ชวนยังไม่พอใจเสี่ยวชิวจึงขอรับผิดชอบค่าซักรีดสูทของจี้ชวน (เพราะโดนยาฆ่ายุงฉีดใส่เต็มๆ) จี้ชวนแย้งว่าสูทเหม็นขนาดนี้ใครจะใส่ลง เสี่ยวชิวจึงเสนอว่าจะซื้อสูทตัวใหม่ให้ จี้ชวนโวยลั่นว่าถ้าเสี่ยวชิวมีปัญญาชดใช้สูทแบรนด์เนมให้ตนคงไม่ต้องมาทำงานงกๆ แบบนี้ เสี่ยวชิวพูดเสียงอ่อยว่าเธอจำเป็นต้องทำงาน จี้ชวนแย้งว่าพฤติกรรมเธอเหมือนคนไม่แคร์งานเลยสักนิด เจ้าของร้านได้ยินดังนั้นจึงไล่เสี่ยวชิวออกทันที ลี่ชวนสงสารเสี่ยวชิวจึงขอให้เจ้าของร้านและจี้ชวนเห็นใจเธอ แต่จี้ชวนเห็นว่าสิ่งที่เสี่ยวชิวทำเป็นอันตรายต่อลี่ชวนจึงไม่ยอมยกโทษให้


หลังเช็ดคราบยาฆ่าแมลงบนสูทแล้วจี้ชวนก็ถามน้องชายด้วยความเป็นห่วงว่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม  ลี่ชวนตอบว่าไม่เป็นไรและถามกลับว่าทำไมจี้ชวนถึงมาเซี่ยงไฮ้กระทันหัน จี้ชวนกล่าวว่า "ลิซ่า" ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทต้องการให้ลี่ชวนออกแบบโปรเจ็กยักษ์ใหญ่ให้ ตนจึงมาทำหน้าที่แทนลี่ชวนเพราะปู่ (ซึ่งเป็นประธานบริษัท)  อยากให้ลี่ชวนกลับสวิตเซอร์แลนด์ทันที ลี่ชวนอยากยื้อเวลาให้นานที่สุดเลยชี้ว่าตนยังมีงานคั่งค้างและต้องเดินทางไปชิงเต่า เขาเหลือบเห็นแชนเดอร์เรียของทางร้านเลยชี้ให้จี้ชวนดู จี้ชวนจึงสเก็ตช์ภาพลงบนกระดาษทิชชูพลางแนะให้ลี่ชวนกลับบ้าน แต่ลี่ชวนไม่อยากกลับโดยอ้างว่างานเยอะ ที่สำคัญเขาไม่อยากกลับไปทำงานกับปู่จอมบงการที่สำนักงานใหญ่ เพราะปู่จู้จี้และเข้มงวดเกินทนจนเขาไม่มีอิสระ พอรู้ว่าคนที่ยุให้ปู่เรียกตนกลับคือ "เจนเน็ต" ลี่ชวนก็สงสัยว่าจี้ชวนบอกเบอร์โทรฯ ใหม่ของตนให้เธอรู้หรือยัง จี้ชวนปฏิเสธทันควันและยืนยันว่าตนอยู่ข้างลี่ชวน

 


เมื่อเสี่ยวชิวมาทวงเงินค่าจ้างหลังโดนไล่ออก เจ้าของร้านจึงโยนเงินให้เธออย่างดูถูก เสี่ยวชิวยังไม่ทันเก็บเงินที่ตกอยู่บนพื้น ลี่ชวนก็เดินมาที่เคาน์เตอร์เพื่อถามหานมสดและเกือบเหยียบเงินของเสี่ยวชิว บังเอิญว่าที่ร้านไม่มีนมสดเจ้าของร้านจึงเดินไปบอกพนักงานให้ซื้อนมสดมาให้ลี่ชวน ลี่ชวนหันมามองหน้าเสี่ยวชิวคล้ายอยากคุยด้วย เสี่ยวชิวเหลือบมองเขาแต่ไม่พูดอะไร ครั้นเห็นเงินตกอยู่บนพื้นลี่ชวนจึงขยับตัวออก หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ก้มเก็บเงินพร้อมกันแต่แขนลี่ชวนยาวกว่าเขาจึงช่วยหยิบให้ เสี่ยวชิวขอบคุณเขาแล้วเดินจากไป ลี่ชวนจึงได้แต่เปรยเบาๆ ว่า "ด้วยความยินดี" และมองเธอเดินออกจากร้านไป



เมื่อจี้ชวนกับลี่ชวนเดินออกจากร้านก็พบเสี่ยวชิวถือไข่ไก่รออยู่ที่รถ หลังต่อปากต่อคำกันครู่หนึ่งเสี่ยวชิวก็ปาไข่ใส่กระจกหน้ารถและวิ่งหนีไป ลี่ชวนเห็นดังนั้นก็ชอบใจ ผิดกับจี้ชวนที่ขำไม่ออก ลี่ชวนมองตามเสี่ยวชิวที่กำลังวิ่งหน้าตั้งพลางบอกจี้ชวนว่า "Welcome to Shanghai" จี้ชวนจะหยิบทิชชูในกระเป๋ามาทำความสะอาดกระจกแต่ลี่ชวนเสียดายภาพแชนเดอร์เรียที่พี่ชายอุตส่าห์นั่งสเก็ตช์จึงช่วยถ่ายรูปเก็บไว้ให้ ก่อนหันกลับไปมองเสี่ยวชิวอีกครั้งด้วยความสนใจ



"เซี่ยเสี่ยวตง" (น้งชายเสี่ยวชิวซึ่งยู่ที่บ้านในมณฑลยูนนาน) ใช้โทรศัพท์บ้าน (ที่ร้านขายขงชำ) โทรฯ ทางไกลมาหาเสี่ยวชิวเพื่อตัดพ้อเรื่องที่พ่อจะให้เรียนสาขาที่ตนไม่ชอบเพราะค่าเทอมถูก เสี่ยวชิวอยากให้น้องได้เรียนสาขาที่ต้องการจึงอาสาจ่ายค่าเทอมให้ เสี่ยวตงแย้งว่าป้าเคยบอกว่าจะช่วยออกค่าเทอมให้ในปีแรกหลังจากนั้นจึงค่อยทำงานส่งตัวเองเรียน แต่เสี่ยวชิวไม่อยากรบกวนป้าและอยากให้น้องตั้งใจเรียนจึงยืนกรานว่าจะส่งเสี่ยวตงเรียนเอง เสี่ยวตงยังบอกอีกว่าตนเห็นพ่อโดนทวงหนี้ พ่อมีเงินเท่าไหร่ก็ให้เขาไปจนหมด เสี่ยวชิวไม่อยากให้น้องเป็นกังวลเรื่องเงินจึงบอกว่าที่เซี่ยงไฮ้มีงานดีๆ ให้ทำมากมาย เธอจะส่งเสียเสี่ยวตงและจะช่วยใช้หนี้ของครอบครัวเอง หลังวางสายเสี่ยวชิวก็กลุ้มหนักเพราะลำพังเธอเองยังเอาตัวแทบไม่รอด แถมเพิ่งตกงานมาหมาดๆ เธอนึกถึงเพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่อ "ถงเยวี่ย" ซึ่งทำงานที่ร้านกาแฟอีกแห่งจึงลองโทรฯ ถามว่ามีตำแหน่งงานพาร์ทไทม์ว่างไหม บังเอิญว่าร้านดังกล่าวกำลังขาดพนักงานกะกลางคืนพอดี เสี่ยวชิวจึงได้งานใหม่ทันทีทำให้เธอดีใจมาก



ทันทีที่มาถึงสาขาเซี่ยงไฮ้ จี้ชวนก็พบว่าการทำงานของพนักงานไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ แถมบางคนยังมีเวลาว่างมากเกินไป ไม่ก็เอาเวลาและทรัพยากรบริษัทไปทำเรื่องส่วนตัวหรืออย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสายงาน เขาจึงคิดที่จะมาหารือกับลี่ชวนแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรปู่โทรฯ มาหาลี่ชวนพอดี ครั้นรู้ว่าปู่ถามถึงภาพวาดที่ฝากมาให้ลี่ชวน จี้ชวนก็รีบส่งสัญญาณมือบอกใบ้ว่าเป็นภาพวาดรูปดอกไม้ ลี่ชวนโกหกปู่ว่าได้รับภาพแล้ว ปู่ฟังแล้วได้แต่ยิ้มอย่างรู้ทันจากนั้นก็ถามถึงเรื่องงาน ลี่ชวนโกหกว่างานไม่ยุ่งแต่ปู่รู้ว่าลี่ชวนโหมงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ครั้นปู่ถามว่าจะกลับสวิตเซอร์แลนด์เมื่อไหร่และแนะให้กลับอาทิตย์หน้า ลี่ชวนจึงขอเวลาอีกหกเดือน แต่ปู่ให้เวลาเขาเคลียร์งานเพียงสามเดือน ทั้งยังห้ามทำงานเกิน 8 ชั่วโมงโดยเด็ดขาดถ้าไม่อยากเกษียณก่อนกำหนด พูดจบปู่ก็วางสายแล้วสั่งให้พนักงานส่งภาพวาด (ที่จี้ชวนแกล้งลืมทิ้งไว้) ไปให้ลี่ชวนที่เซี่ยงไฮ้

หลังวางสายลี่ชวนถึงกับนั่งคอตกและทำหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจ เขาโอนงานแทบทั้งหมดให้พี่ชายโดยบอกว่าตนจะรับผิดชอบด้านการออกแบบอาคารเพียงอย่างเดียว จี้ชวนถามย้ำว่าให้ตนดูแลงานทั้งหมดจริงหรือ จากนั้นก็รีบออกไปทำตามแผนที่คิดไว้ทันที ปรากฏว่าสิ่งที่เขาทำคือการปฏิรูปบริษัทแบบฉับพลัน โดยเน้นให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังตัดตำแหน่งงานที่ไม่จำเป็นหรือซ้ำซ้อนออกและไล่พนักงานออกหลายคน (หนึ่งในนั้นคือคนขับรถของลี่ชวน) และเป้าหมายต่อไปของเขาก็คือการยุบแผนกแปลภาษาซึ่งว่างงานเกินเหตุ โดยจะว่าจ้างบริษัทเอาท์ซอร์สให้มารับผิดชอบด้านการแปลภาษาแทน



รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอด ณ จุดจอดรถผู้พิการหน้าร้านกาแฟ "Me Too Café" ซึ่งเป็นที่ทำงานใหม่ของเสี่ยวชิว หลังจากนั้นไม่นานเสี่ยวชิวก็วิ่งข้ามถนนเพื่อไปทำงานที่ร้านดังกล่าวด้วยท่าทางลิงโลด ครั้นเห็นรถคันดังกล่าวจอดอยู่หน้าร้านเธอจึงแวะส่องกระจกสำรวจผมเผ้า หน้าตา และแอบขยับชุดชั้นในให้เข้าที่ แถมยังส่ายหน้าอกและทำท่าเซ็กซี่ใส่กระจกรถอีกต่างหาก ครั้นเห็นว่าตนเองดูดีแล้วเธอจึงทำท่าสู้ๆ ก่อนวิ่งเข้าไปในร้าน



หลังเปลี่ยนมาสวมชุดยูนิฟอร์มและเริ่มทำงาน เสี่ยวชิวรู้สึกแปลกใจที่เห็นดาวคณะ "เย่จิ้งเหวิน" มาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่เช่นกันทั้งที่ฐานะทางบ้านร่ำรวย ถงเยวี่ย (ผู้จัดการกะกลางคืน) ชี้ว่าน้าของจิ้งเหวินเป็นเจ้าของร้าน ดังนั้นเวลาทำงาน 'ห้ามเม้าท์' โดยเด็ดขาด พูดจบเขาก็เม้าท์ให้เสี่ยวชิวฟังว่าจิ้งเหวินมาทำงานที่นี่เพราะอยากเจอลูกค้าคนหนึ่งทุกวัน เธอได้แต่แอบมองเขามาเกือบครึ่งปีโดยที่ไม่เคยคุยกับเขา เสี่ยวชิวอยากรู้ว่าใครกันที่ทำให้ดาวคณะอย่างจิ้งเหวินหลงใหลได้ขนาดนี้ ถงเยวี่ยเตือนเสี่ยวชิวว่าห้ามเม้าท์แต่กลับเดินนำหน้าพาเธอไปแอบดูชายในฝันของจิ้งเหวิน พลางบอกว่าตนไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรเลยเรียกเขาว่า "ซีเค" เพราะเขาเหมือนนายแบบโฆษณา CK... ที่แท้ชายคนดังกล่าวคือลี่ชวนซึ่งกำลังนั่งทำงานออกแบบพลางดื่มกาแฟแต่เสี่ยวชิวเห็นหน้าเขาไม่ถนัด ครั้นพบว่าข้างตัวเขามีไม้เท้าวางอยู่เธอจึงพยายามยื่นหน้าออกไปดูแต่ถูกถงเยวี่ยลากตัวไปฝึกชงกาแฟเสียก่อน



คืนเดียวกันนั้น "เซียวกวน" (เจ้าของศูนย์แปลภาษาจิ่วทง เป็นลูกศิษย์ "เย่เจียหมิง" พ่งจิ้งเหวิน) ไปร่วมงานเลี้ยงทางธุรกิจหมายขยายฐานลูกค้าและได้พบกับเอมม่า ทั้งคู่เคยคบกันมาก่อนแต่เอมม่าเป็นฝ่ายหักอกซ้ำยังบอกเลิกในวันเกิดเซียวกวน (ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์) เพราะเห็นว่าอาชีพของเขายังไม่มั่นคงและไม่รวยพอ เมื่อเซียวกวนขอให้เอมม่าช่วยแนะนำลูกค้าให้ เอมม่าจึงพาเขาไปพบจี้ชวน (ซึ่งมางานเลี้ยงแทนลี่ชวน) เพราะรู้ว่าจี้ชวนกำลังต้องการล่าม แต่แล้วเธอก็ถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่าจี้ชวนคิดที่จะยุบแผนกแปลภาษาของบริษัทแล้วหันมาใช้บริการศูนย์แปลภาษาและล่ามแทน หลังรู้ว่าตนทำพลาดที่แนะนำเซียวกวนให้เจ้านายรู้จัก เอมม่าก็บีบคอเซียวกวนด้วยความเจ็บใจเพราะเขากำลังจะแย่งงานของเธอและทำให้เธอตกงาน เซียวกวนจึงรับปากว่าจะช่วยกล่อมจี้ชวนไม่ให้ลอยแพเธอ

หลังซีเค (ลี่ชวน) กลับไปแล้ว ถงเยวี่ยเห็นจิ้งเหวินจิ้มเครื่องคิดเลขไปมาด้วยท่าทางหงุดหงิดจึงเม้าท์ให้เสี่ยวชิวฟังว่า ทุกครั้งที่ซีเคแวะมาที่ร้านจิ้งเหวินจะสติหลุดลอยและมักลงบัญชีผิดพลาด เขายังบอกด้วยว่าซีเคให้ทิปเยอะ เพราะพนักงานในร้านต้องคอยนำกาแฟไปเสิร์ฟให้เขาถึงที่เนื่องจากเขาเดินไม่ค่อยสะดวก ลี่ชวนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ ถงเยวี่ยจึงเม้าท์ต่อว่าซีเคขาพิการและเขาก็คือเจ้าของรถเอสยูวีสีดำที่จอดในจุดจอดรถคนพิการหน้าร้าน เสี่ยวชิวนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอเห็นไม้เท้าวางอยู่ข้างโต๊ะซีเค เธอจะถามต่อแต่ถงเยวี่ยชิงตัดบทโดยบอกให้เสี่ยวชิวจำไว้ว่าซีเคเป็นลูกค้าวีไอพีขาประจำของทางร้าน


เสี่ยวชิวเห็นรุ่นพี่ "เฉินเหม่ยเจวียน" แต่งตัวสวยหลังไปรับจ๊อบงานล่ามจึงอยากได้งานดีๆ ทำบ้าง หลังถูกเสี่ยวชิวรบเร้าเธอจึงบอกว่ามีที่หนึ่งกำลังต้องการล่ามแต่ไปแล้วาจผิดหวังเพราะหลายคนที่เธอเคยส่งไปล้วนไม่ผ่านการสัมภาษณ์ เสี่ยวชิวไม่มีะไรจะเสียและไม่กลัวถูกปฏิเสธเลยยากลงดู เหม่ยเจวียนเห็นว่าที่นั่นค่อนข้างไกลเลยอดห่วงไม่ได้ แต่เสี่ยวชิวยืนยันว่าไม่มีปัญหาและถามว่าจะให้ตนไปที่ไหน เหม่ยเจวียนจึงบอกว่า...ศูนย์แปลภาษาจิ่วทง



เอมม่ายังห่วงเรื่องที่ตนอาจตกงานเลยแวะไปหาเซียวกวนที่บริษัทและถามว่าเขาจะร่วมงานกับบริษัทตนจริงหรือ (ทั้งคู่พูดคุยกันพลางดื่มแชมเปญไปด้วย) เซียวกวนชี้ว่าถ้าจีเอ็มเอฟจะยุบแผนกแปลภาษาต่อให้ตนไม่ร่วมงานกับจีเอ็มเอฟก็ต้องมีบริษัทอื่นไปทำแทนอยู่ดี เขายืนยันว่าหากตนได้ร่วมงานกับจีเอ็มเอฟ เอมม่าจะไม่ตกงานแน่นอน ครั้นถูกถามว่าจะทำได้อย่างที่พูดจริงหรือ เซียวกวนจึงแกล้งชวนเอมม่ามาทำงานกับตน เอมม่าโอบไหล่เซียวกวนพลางถามว่าจะสู้ค่าตัวเธอไหวหรือ  เซียวกวนตอบว่าถ้าเอมม่ายอมมาตนยินดีทุ่มไม่อั้น บังเอิญว่าตอนนั้นเสี่ยวชิวมาสัมภาษณ์งานตามนัดเลยเห็นเอมม่ากับเซียวกวนกำลังนั่งหยอกล้อคลอเคลียกันดี เธได้ยินทั้งคู่ตกลงกันเรื่งค่าตัวเลยยืนตะลึงเพราะนึกว่านี่คือส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์งาน

เสี่ยวชิวขโทษที่เข้ามารบกวนแต่เซียวกวนเรียกเธอเข้าไปหา พอรู้ว่าเธอคือคนที่เหม่ยเจวียนแนะนำมาเขาก็พลิกดูเรซูเม่ของเธอด้วยความพึงพอใจ ครั้นเหลือบเห็นบทกวีของ "ตู้ฝู" (กวีเอกชื่อดังสมัยราชวงศ์ถัง) เขาจึงถามว่าเธอชอบบทกวีไหม ครั้นเสี่ยวชิวตอบว่าชอบและพ่อเธอก็เป็นครูสอนภาษาจีน เซียวกวนจึงบอกว่าตนชอบบทกวีของตู้ฝูและขอให้เธอแปลกวีโบราณบทหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษให้ฟังแบบสดๆ เดี๋ยวนั้น แม้จะรู้สึกตกใจแต่เสี่ยวชิวก็สู้ตาย เซียวกวนประทับใจในความสามารถของเสี่ยวชิวจึงมอบหมายงานของบริษัทจีเอ็มเอฟให้เธอทำในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากจีเอ็มเอฟทำธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบและก่อสร้าง เซียวกวนเลยแนะให้เสี่ยวชิวไปหาดิกชันนารีอังกฤษ-จีนที่รวบรวมคำศัพท์เกี่ยวกับวงการสถาปัตยกรรมและก่อสร้างมาประดับความรู้ เขายังบอกด้วยว่าผู้บริหารคนใหม่ของจีเอ็มเอฟ (จี้ชวน) เพิ่งมาจากสวิตเซอร์แลนด์  แม้จะพูดภาษาจีนคล่องแต่มีปัญหาเรื่องการอ่านและเขียนภาษาจีน เธอจึงต้องเป็นล่ามให้เขาในวันพรุ่งนี้และต้องแต่งตัวสุภาพ เอมม่าเห็นเซียวกวนมองตามเด็กกะโปโลอย่างเสี่ยวชิวแถมยังบกว่าจะไปรับที่สถาบันในตนเช้าก็แอบหมั่นไส้และเหน็บว่าเขาเป็นเจ้าชู้



เสี่ยวชิวไปที่ห้งสมุดขงสถาบันหมายยืมดิกชันนารีที่เซียวกวนแนะนำแต่กลับพบว่าถูกอาจารย์ยืมไปแล้ว เธอจึงตระเวนหาตามร้านหนังสือหลายแห่งกระทั่งพบในที่สุด แต่ทว่าดิกชันนารีเล่มที่เธอต้องการนั้นวางอยู่ชั้นบนสุด เธอพยายามเอื้อมเท่าไหร่ก็เอื้อมไม่ถึง แต่แล้วอยู่ๆ กลับมีใครคนหนึ่งเอื้อมมือมาหยิบดิกชันนารีเล่มดังกล่าวไป เมื่อเสี่ยวชิวหันไปมองก็พบว่าเขาคนนั้นคือ..."หวังลี่ชวน"

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่)





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ


เกาอี่เสียง
รับบท หวังลี่ชวน
(นักแสดง / นายแบบ ชาวไต้หวัน)

** RIP - เสียชีวิตกระทันหันจากภาวะหัวใจวาย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ในวัย 35 ปี **



เจียวจวิ้นเยี่ยน
รับบท เซี่ยเสี่ยวชิว
 (นักแสดง ชาวจีน)

อื่นๆ


เหลียนข่าย
รับบท หวังจี้ชวน
(นักแสดง / นักร้ง ชาวไต้หวัน)



เจิ้งซีอี๋
รับบท เจินนีเค่อ (Jeanette Sue)
(นักแสดง / นักร้ง ชาวฮ่งกง)



หลินโย่วเวย
รับบท เซียวกวน
(นักแสดง / นักร้ง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)



หวังรั่วซิน
รับบท เย่จิ้งเหวิน
(นักแสดง ชาวจีน)



อู๋เฉินจวิน
รับบท อ้ายหม่า (เมม่า)
(นักแสดง / นักร้ง ชาวไต้หวัน)



ไมค์ สุย (สุยข่าย)
รับบท รุ่ยเน่ย (René Dubois)
(นักแสดงจีน ชาวเมริกัน)



เฉินชง
รับบท ฟางลี่ซา (Lisa Fong)
(นักแสดง / ผู้กำกับ / นักเขียนบท / โปรดิวเซร์ ชาวจีน สัญชาติเมริกัน)



สวี่หวนซาน
รับบท หวังวี่หัง (ปู่ขงลี่ชวน)
(นักแสดง / ผู้กำกับ ชาวจีน)



ตู้หยวน
รับบท เซี่ยจื่ฮุย (พ่งเสี่ยวชิว)
(นักแสดง ชาวจีน)




*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

30 ความคิดเห็น:

  1. ติดตามดูตลอด เชียร์ให้พระเอกหายดี แต่จบแบบเศร้าๆ ไม่น่าติดตามเลย

    ตอบลบ
  2. อยากให้พระเอกนางเอกสมหวังกันไม่อยากให้จบแบบเศร้าๆเลย

    ตอบลบ
  3. ประทับใจความรักของทั้งคู่ค่ะ นักแสดงเล่นดีมากค่ะ อินสุดๆๆ

    ปล.อ่านแล้วสนุกจังค่ะ เขียนได้สนุกมากค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เห็นด้วยค่ะ ดูเป็นธรรมชาติมาก และขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ

      ลบ
  4. ������ดูจนติด ย้อนหลังหลายรอบมาก อยากให้พระเอกนางเอกสมหวังอ่ะ น่าสงสาร อินหนักมาก

    ตอบลบ
  5. ร้องไห้ตามทั้งเรื่องเลยค่ะ....อยากให้รักทั้งสองสมหวัง

    ตอบลบ
  6. พระเอก..คนนี้หล่อเซ็กซี่มาก ฉันรักคุณคะ คุณหวัง

    ตอบลบ
  7. ตอนนี้ อินหนักมาก นอน ร้องไห้ ทุก ตอน
    อยากให้จบแบบไม่ต้องเสียใครไป

    ตอบลบ
  8. ชอบพระเอกมากค่ะอยากติดตามทุกเรื่องที่เค้าแสดง

    ตอบลบ
  9. ชอบพระเอกนางเอกมากๆๆและนักแสดทุกท่านอยาก.ให้เอามาเล่นคู่กันอีกตอนจบอยากให้สมหวังทั้งคู่ค่ะคนดูจะได้ไม่เสียใจนะค่ะ(ติดชี่ลี่เรื่องนี้มากๆและร้องให้นักมาก)

    ตอบลบ
  10. ไม่เล่น3วันเเร้วค่ะ

    ตอบลบ
  11. หายไปไหนค่ะ ไม่เล่น 3 วันเลย ผู้ชม งง กันหมดเลย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ช่อง 7 (และช่องอื่นๆ) นำ "การแถลงนโยบายของพรรคการเมือง" มาออกอากาศเวลานี้แทนชั่วคราวค่ะ อาทิตย์หน้าคงต้องลุ้นต่อว่า "ลี่ชวน" จะมารึเปล่า

      ลบ
  12. Love Wang Lichuan
    ถาม&ดูผังช่อง7มาแล้ว
    18-20มีนา 3ตอนสุดท้ายค้ะ

    ตอบลบ
  13. น้าจะมีพากต่อน่ะค่ะอยากให้จบแบบไม่เเศร้า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าประทับใจค่ะ
      ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนเราต้องเดินหน้าต่อไป... ลี่ชวนบอก!

      ลบ
  14. ชอบมากๆค่ะน่ารักทั้งคู่เลย... ถ้าม่เศ้าจะดีกว่านี้

    ตอบลบ
  15. เศร้าคะ ไม่ได้เตรียมใจมารับตอนจบแบบนี้อ่ะ

    ตอบลบ
  16. สรุปพระเอกตายมั้ยคะ ช่วยตอบหน่อยคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ผู้เขียนบทจบแบบเปิดให้คนดูจินตนาการเองว่าพระเอกตายแล้ว หรือยังคงนอนป่วย แต่ที่แน่ๆ นางเอกตัดสินใจยุติความสัมพันธ์เพื่อให้พระเอกหมดห่วง และตนเองจะได้เดินหน้าต่อไปตามที่พระเอกต้องการ จึงทิ้งแหวนคู่ลงในทะเลสาบที่เคยมาเที่ยวด้วยกัน (และทิ้ง dictionary ที่พระเอกซื้อให้ไว้ที่นั่นด้วย) แต่ก่อนหน้านั้นพระเอกแอบแก้ไขตอนจบในนิยายที่นางเอกแต่ง โดยเปลี่ยนให้จบแบบ happy ending ฉากสวีทที่เราเห็นตอนสุดท้าย รวมทั้งฉากขอแต่งงานคือตอนจบในนิยายที่พระเอกเขียนขึ้นใหม่

      ลบ
  17. ไม่ระบุชื่อ21 มีนาคม 2562 เวลา 19:14

    อ่านหนังสือพระเอกไม่ตาย แต่ตามหนังไม่แน่ใจจริงๆแล้ว ไม่ตายก็เหมือนตาย mds ก็เป็นโรคที่ท่านทูตวีรชัยเสียชีวิตนั่นแหละครับ ไม่ตายก็เหมือนรอความตายเพราะเป็นโรคของไขกระดูกที่แก้ไขยากมาก และตามที่พระเอกให้เหตุผลว่า ตัวเองเป็นลูกครึ่งยิ่งยากใหญ่ที่จะมี ใครมีพันธุกรรมเหมือนกัน สรุปว่าแยกกันเดินดีกว่า อยู่ด้วยกันก็ดึงกันตลอด

    ตอบลบ
  18. ไม่ระบุชื่อ21 มีนาคม 2562 เวลา 19:32

    ตามหนังสือไม่ตาย แต่ในภาพยนตร์ ไม่แน่ถึงกระนั้นโรค mds ก็เป็นโรคเดียวกับที่ทูตวีรชัยเสียชีวิต เป็นโรคของไขกระดูกที่รุนแรงและหายยากมาก รักษายากจริงๆ ต้องปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดแต่ก็อย่างที่เพลงบอกถ้าเป็นลูกครึ่งยากมากเดินดีกว่าตามยนต์

    ตอบลบ
  19. สรุปลี่ชวนตายมั้ยค่ะยังสงสัยยุเลย

    ตอบลบ
  20. ติดงอมแงม ไปคลอดลูกยังดูค่ะ

    ตอบลบ
  21. เป็นซีรีส์แนวโนแมนติกที่เป็นธรรมชาติมากค่ะแต่ตอนจบเศร้านิด..คนเขียนบทประพันธ์ก็ว่าเศร้าแล้ว..คนขียนบทแสดงยังให้เศร้าตามอีก..แต่นักแสดงเค้าแสดงเป็นธรรมชาติมาก..น่าจะมีบทจบที่โรแมนติก..แบบประมาณว่าพระเอกนางเอกไม่ต้องแยกจากกัน

    ตอบลบ
  22. เสืยดายพระเอกตายแล้ว

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่เสียดายที่สุด
      หลงรักเค้าหลังจากดูซีรีย์นี้จริงๆ

      ลบ
  23. มาดูซีรีย์นี้ปี65 เศร้ามาก..😭😭
    เป็นซีรีย์เรื่องเเรกที่ดูวนดูซ้ำหลายรอบ
    เเถมเพิ่งได้รู้อีกว่าพระเอกสุดหล่อของฉันในชีวิตจริงเค้าได้จากลาโลกนีัไปแล้ว
    ยิ่งเศร้ามากกว่าเดิมเข้าไปอีก
    ฮือๆๆๆๆลี่ชวนผู้อ่อนโยนของฉันไม่น่าอายุสั้นเลย
    😭😭😭

    ตอบลบ
  24. ไม่ระบุชื่อ11 กรกฎาคม 2565 เวลา 22:50

    เพิ่งได้ดูไปไม่กี่ตอน สนุกดี หลงรักลี่ชวนซะแล้ว พอเห็นในยูทูป บอกพระเอกเรื่องนี้ตายแล้ว น่าเสียดายไม่น่าอายุสั้นเลย ขอให้ก๊อดฟรี่เกามีความสุขในสรวงสวรรค์ ภพชาติต่อไปขอให้มีอายุยืนๆค่ะ

    ตอบลบ

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา