วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เรื่องย่อ ล่ารักล่าแค้น (Shark)




กำกับ:  ปาร์ก ชานฮง, ชา ยองฮุน
เขียนบท:  คิม จีอู
แนวละคร: เมโลดราม่า, โรแมนติก, ลึกลับ, ระทึกขวัญ
จำนวนตอน:  20
ออกอากาศ: เกาหลี - 27 พฤษภาคม 2556 - 30 กรกฎาคม 2556 ทาง เคบีเอส2
              ไทย - ทุกวันจันทร์-อังคาร  เวลา 9.05-11.00 น. และ 20.30 -22.30 น. ทางพีพีทีวี ออกอากาศ 7 เมษายน 2557 - 26 พฤษภาคม 2557 

เรื่องย่อ



"ล่ารักล่าแค้น (Shark)" เป็นงานละครแนวล้างแค้นเรื่องที่ 3  ของผู้เขียนบท "คิม จีอู" และผู้กำกับ "ปาร์ก ชานฮง" หลังเคยฝากผลงานแนวดังกล่าวมาแล้วในเรื่อง "Resurrection " และ "The Devil"

ละคร "ล่ารักล่าแค้น (Shark)" นำเสนอเรื่องราวของ "ฮัน อีซู" ที่กลายเป็นเด็กกำพร้าและต้องพลัดพรากจากน้องสาวหลังพ่อของเขาเสียชีวิต เมื่อรู้ว่าพ่อเสียชีวิตด้วยน้ำมือของกลุ่มโรงแรมคาย่า อีซูก็มีชีวิตอยู่เพื่อรอวันแก้แค้น เขาไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชื่อ-สกุลและประวัติส่วนตัวของตนเอง แต่ยังลงทุนทำศัลยกรรมใบหน้าเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงอีกด้วย แม้จะเตรียมการและวางแผนมาเป็นอย่างดี แต่อุปสรรคอันใหญ่หลวงของอีซูก็คือ "โจ แฮอู" ซึ่งเป็นทายาทกลุ่มโรงแรมคาย่าและเป็นผู้หญิงที่เขารัก

ระหว่างเดินหน้าล้างแค้นคนในครอบครัวของแฮอู อีซูเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจ เขายังรักแฮอูอยู่ ส่วนแฮอูก็ยังรักและไม่เคยลืมอีซูด้วยเช่นกันถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานแล้วก็ตาม (เธอนึกว่าเขาตายไปนานแล้ว) หลังตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดเผย อีซูก็ตกอยู่ในอันตรายและต้องหาทางเอาตัวรอดเช่นเดียวกับที่พ่อของเขาเคยเป็น

หากเป็นคุณ... คุณจะยอมจมน้ำหรือจะว่ายน้ำหนี หากในน้ำนั้นเต็มไปด้วยปลาฉลาม?



เรื่องราวในละครเริ่มต้นด้วยภาพความทรงจำในวัยเด็กของ "ฮัน อีซู" ในตอนนั้นเขาบอก "โจ แฮอู" (ซึ่งกำลังบันทึกภาพของอีซูด้วยกล้องวิดีโอ) ว่า เขาชอบปลาฉลาม และอธิบายว่า ปลาฉลามไม่มีถุงลม* เหมือนปลาชนิดอื่นๆ  จึงต้องว่ายน้ำตลอดเวลาแม้ในยามหลับ หากหยุดว่ายน้ำเมื่อไหร่พวกมันก็จะตายทันที  แฮอูได้ฟังดังนั้นจึงบ่นว่าปลาฉลามช่างมีชีวิตที่เหนื่อยยาก  อีซูยิ้มแล้วบอกว่าถึงยังไงปลาฉลามก็แข็งแรงที่สุดในมหาสมุทร (ภาพตัดไปที่อีซูในปัจจุบันซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเกาหลีใต้) แฮอูถามอีซูว่า เขาชอบปลาฉลามเพราะพวกมันแข็งแรงงั้นหรือ อีซูตอบว่า ตนไม่ได้ชอบปลาฉลามเพราะพวกมันแข็งแรง แต่ชอบเพราะพวกมันน่าสงสาร ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครชอบปลาฉลามเลย

* ปลาฉลามบางสายพันธุ์ไม่สามารถปั๊มน้ำเข้าเหงือก (เพื่อรับออกซิเจนในน้ำ) แบบปลาปกติได้ จึงต้องว่ายน้ำตลอดเวลาแม้ในยามนอนเพื่อให้น้ำไหลผ่านเหงือก หากหยุดว่ายน้ำจะไม่มีออกซิเจนไหลผ่านเหงือก ทำให้ขาดอากาศหายใจ เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะพักอาบแดดตามโขดหินที่มีกระแสน้ำไหลผ่าน โดยเอาตัวพิงก้อนหินแล้วปล่อยให้น้ำไหลผ่านช่องปากตามกระบวนการ



แฮอูถามอีกว่า "ถ้าชั้นหายตัวไปนายจะทำยังไง" (ภาพตัดไปที่แฮอูในช่วงเวลาปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในชุดเจ้าสาวและกำลังแต่งหน้า) อีซูในวัยเด็กตอบว่า "ชั้นก็จะออกตามหาเธอน่ะสิ" (ภาพตัดไปที่อีซูขณะกำลังเดินออกจากสนามบิน) แฮอูถามต่อว่า "แล้วถ้านายหาชั้นไม่เจอล่ะ" (ภาพตัดสลับระหว่างแฮอูซึ่งกำลังเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงาน และอีซูขณะกำลังนั่งรถลิมูซีนออกจากสนามบิน) อีซูตอบอย่างมั่นใจว่า "ชั้นจะต้องหาเธอเจอแน่นอน" แฮอูถามย้ำว่า "ยังไงเหรอ" อีซูไม่ตอบ เขาถอนใจแล้วหันกลับไปมองผืนน้ำที่อยู่เบื้องหลัง

อีซูตรงไปยังสถานที่จัดงานแต่งงานระหว่าง "โอ ชุนยอง - โจ แฮอู" ขณะกำลังเดินเข้าไปในงาน เขาบังเอิญพบกับ "ฮัน อีฮยอน" (น้องสาวอีซู) ที่หน้าบันไดจึงรีบเบือนหน้าหนี หลังเธอเดินผ่านไปแล้ว อีซูก็มองตามด้วยสายตากึ่งเจ็บปวดกึ่งดีใจ ปรากฏว่าอีฮยอนเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของเจ้าสาว อีซูเห็นแฮอูสวมชุดเจ้าสาวนั่งอยู่ในห้องจึงยืนจ้องอย่างไม่วางตา แฮอูเห็นอีซูยืนจ้องหน้าเธออยู่ทางด้านนอกก็ถึงกับตกตะลึง



ย้อนกลับไปที่ช่วงเวลาในวัยเด็ก แฮอูพยายามคาดคั้นอีซูว่าเขาจะตามหาเธอยังไง อีซูตอบว่า "ก่อนตาย ชั้นจะต้องตามหาเธอให้พบ"...  ตัดกลับมาที่เวลาปัจจุบัน ทั้งอีซูและแฮอูคู่ต่างจ้องหน้ากันชนิดตาไม่กระพริบ แต่หลังจากแขกเหรื่อภายในงานเดินผ่านหน้าห้อง อีซูก็หายตัวไป แฮอูจึงเดินออกมาตามหาอีซูทางด้านนอก หลังจากนั้น ภาพก็ตัดไปที่ช่วงเวลาในอดีต อีซูในวัยเด็กกล่าวย้ำว่า "ชั้นยังตายไม่ได้จนกว่าจะหาเธอเจอ

อีซูพยายามข่มใจขณะเดินลงบันได เขารู้สึกเสียใจจนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่ไม่นานความรู้สึกเคียดแค้นก็เข้ามาแทนที่ เมื่อนึกถึงภาพในอดีตตอนที่พ่อของเขาเสียชีวิตและตอนที่ตนเองถูกรถชนแววตาของอีซูก็เปลี่ยนไป เมื่ออีซูเงยหน้าขึ้นไปมองชั้นบนก็พบว่าแฮอูกำลังยืนมองเขาอยู่ เขามองแฮอูด้วยสายตาแข็งกร้าวและเย็นชาก่อนเดินจากไป พลางบอกตัวเองในใจว่า "ไปซะ อย่าหันกลับไปมอง ทุกอย่างพร้อมแล้ว ถึงเวลาแล้ว"

ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว



ขณะนั่งอยู่ในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดกับเพื่อนๆ อีซูเห็นเพื่อนคนหนึ่งเล็งกล้องถ่ายรูปมาที่ตนจึงร้องห้ามเพื่อนด้วยน้ำเสียงรำคาญ แต่พอห้ามแล้วไม่ฟังเขาก็เริ่มโมโห เพื่อนจึงส่งสายตาบอกให้เขาหันกลับไปดูทางด้านหลัง ปรากฏว่าแฮอูกับเพื่อนๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะทางด้านหลังของอีซู ทันใดนั้น ก็มีชายชุดดำ 2 คนเดินเข้ามาในร้าน แฮอูเห็นชายชุดดำแล้วได้แต่ถอนใจแบบเซ็งๆ อยู่ๆ เพื่อนของอีซูก็พร้อมใจกันหิ้วกระเป๋าวิ่งหนีออกจากร้านโดยไม่ยอมจ่ายค่าอาหาร อีซูเลยจำต้องวิ่งตาม แฮอูเห็นดังนั้นจึงบอกให้เพื่อนๆ ของตนวิ่งหนีบ้าง (กลุ่มของอีซูวิ่งชนชายชุดดำจนล้มลงที่หน้าประตู) 

เด็กๆ ทั้งสองกลุ่มต่างพากันวิ่งหนี โดยมีชายชุดดำและพนักงานของร้านวิ่งตาม (มาทวงเงิน) หลังวิ่งไปได้สักพักเด็กๆ ก็เริ่มแยกย้ายกันหลบหนี อีซูวิ่งไปหลบหน้าร้านขายของโดยมีแฮอูตามมายืนหอบอยู่ข้างๆ พอหายใจทั่วท้องแล้วแฮอูก็ถามอีซูว่าวิ่งหนีทำไม อีซูถามกลับด้วยคำถามเดียวกัน แฮอูตอบหน้าตาเฉยว่าเธอหนีออกจากบ้าน จากนั้นก็ชวนอีซูไปหาอะไรทาน อีซูยืนมองแฮอูทานอาหารที่ซุ้มข้างทางได้สักพักก็เดินหนีทำให้ถูกแฮอูตำหนิว่าเสียมารยาท เขาเลยจำใจอยู่เป็นเพื่อนเธอก่อน ครั้นพอเห็นชายชุดดำเดินตรงมาหา แฮอูก็บอกลาอีซูแล้ววิ่งหนีไปโดยไม่ยอมจ่ายค่าอาหาร  อีซูเลยตกที่นั่งลำบากเพราะเขาเองก็ไม่มีเงิน (กระเป๋าตังส์อยู่ที่เพื่อน)

ตัดกลับมาที่ช่วงเวลาปัจจุบัน


ในงานปาร์ตี้หลังพิธีแต่งงาน แฮอูถูกเพื่อนๆ ยุให้ดื่มค็อกเทลฉลองแบบรวดเดียวหมด ซ้ำยังโดนยุให้ดื่มต่อเนื่องแบบแก้วชนแก้ว  เมื่อเห็นว่าแฮอูดื่มเยอะแล้วชุนยองก็ขอดื่มแทน ทำให้ถูกเพื่อนคนหนึ่งประท้วงเพราะชุนยองต้องขึ้นเครื่องในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น... "คิม ดองซู" ซึ่งกำลังเมาไวน์ได้ที่ลุกขึ้นกล่าวว่าวันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกเศร้า เพราะแฮอูไม่ได้เป็นแค่เพื่อนแต่ยังเป็นรักแรกของเขาอีกด้วย ถึงกระนั้นเขาก็ยังอยากมาร่วมแสดงความยินดีในวันแต่งงานของเธอ เพราะเจ้าบ่าวของเธอคือชุนยอง (ชนยองเป็นรุ่นพี่ของเขา) แฮอูเห็นอีฮยอนยืนอยู่คนเดียวเลยเดินไปหาและพากันเมาท์ดองซูที่กำลังเมาปลิ้น อีฮยอนเตือนแฮอูว่าเธอดื่มเหล้ามากกว่า 10 แก้วแล้วแต่แฮอูแย้งว่าเธอยังไม่เมา... ดองซูซบไหล่ชุนยองแล้วบอกว่า ที่ตนดื่มเหล้าจนเมามายเป็นเพราะรู้สึกดีใจและเสียใจในคราวเดียวกัน และเขาก็ดื่มเหล้าให้อีซูด้วย พอรู้ตัวว่าหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่เหมาะสมเขาก็รีบตบปากตัวเองแล้วขอโทษชุนยอง


อีฮยอนบอกแฮอูว่าคืนนี้พระจันทร์เต็มดวง แฮอูจึงเดินออกมาดูพระจันทร์ที่ระเบียงตามลำพัง ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้ชมจันทร์เพียงคนเดียวเพราะอีซูเองก็อยู่ที่นั่นด้วย หลังก้มหน้าทักทายกันแล้วแฮอูก็เดินจากไป เมื่อได้ยินอีซูกล่าวแสดงความยินดีกับเธอ แฮอูก็หันกลับมาถามอีซูว่า เขาคือคนที่มาร่วมพิธีงานแต่งงานของเธอใช่ไหม (เธอจำได้ว่าเขาคือคนที่ยืนจ้องหน้าเธอก่อนหน้านี้แต่จำไม่ได้ว่าเขาคืออีซู)  อีซูกล่าวชมว่าเธอความจำดี แฮอูออกตัวว่าปกติแล้วเธอจำไม่ค่อยเก่งและถามว่าเขารู้จักเจ้าบ่าวของเธอหรือ อีซูปฏิเสธว่าไม่ใช่ เขาบอกว่าตนเพิ่งมาเกาหลีวันแรกเลยรู้สึกว่าเป็นโชคดีที่พอมาถึงก็มีงานมงคลในโรงแรมที่ตนพัก เขายื่นมือทักทายแฮอูแล้วแนะนำตัวว่าตนชื่อ "โยชิมูระ จุน" และชื่อเกาหลีของตนก็คือ "คิม จุน"

ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อนอีกครั้ง



อีซูแนะนำตัวสั้นๆ ในฐานะนักเรียนใหม่ โดยบอกเพียงชื่อและนามสกุลของตนเอง หลังแนะนำตัวแล้วครูประจำชั้นก็บอกให้อีซูไปนั่งข้างๆ ดองซู ดองซูแนะนำตัวกับอีซูแล้วบอกว่าตนเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ได้ไม่นาน เมื่อแฮอูดินเข้ามาในห้อง (มาสาย)  ครูจึงบอกให้แฮอูไปพบที่ห้องพักครูหลังเลิกเรียน ดองซูบอกอีซูว่านักเรียนที่นี่แสบๆ ทั้งนั้น หากมีเรื่องเมื่อไหร่ให้บอกตน แต่แล้วเขากลับโดนเพื่อนร่วมห้องรุมซ้อมเสียเอง อีซูเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยแต่แฮอูไปถึงก่อน เธอยืนขวางดองซูไว้ไม่ให้ถูกหัวหน้าแก๊งค์เด็กแสบทำร้าย และประนามหัวหน้าแก๊งค์คนดังกล่าวว่าทำตัวเหมือนเด็กอมมือ ทำให้โดนแฉเรื่องที่พ่อของเธอถูกแอบถ่ายรูปขณะออกจากโรงแรมกับผู้ประกาศสาว

เมื่อถูกแฮอูเตะขา หัวหน้าแกงค์ก็เงื้อมือขึ้นหมายตบหน้าแฮอู แต่อีซูคว้าข้อมือเพื่อนนักเรียนคนดังกล่าวเอาไว้ แล้วชิงตบสั่งสอนจนหน้าคว่ำต่อหน้าเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ที่มามุงดู ดองซูเห็นดังนั้นจึงกำหมัดแล้วเดินไปยืนเคียงข้างอีซู ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเปิดฉากตะลุมบอนสัญญาณเข้าเรียนก็ดังขึ้น หัวหน้าแก๊งค์เด็กแสบจึงบอกว่าครั้งนี้ตนจะไม่เอาเรื่องเพราะเห็นว่าอีซูเพิ่งมาวันแรก


ชุนยองซึ่งเป็นรุ่นพี่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด (และเห็นด้วยว่าอีซูสนใจแฮอู) เขาตามมาชกหน้าสั่งสอนเด็กแสบถึงในห้องเรียน  ดองซูบอกอีซูระหว่างพาเขาเดินทัวร์รอบโรงเรียนว่า ชุนยองเป็นรุ่นพี่และเป็นขาใหญ่ของที่นี่ แม้แต่คุณครูเองก็ยังเกรงกลัวชุนยอง   ดองซูพาอีซูมาดูห้องสมุด จากนั้นก็ชวนไปดูห้องยิมต่อ อีซูเกรงใจดองซูจึงบอกว่าไม่ต้องทำเพื่อตนขนาดนี้ก็ได้ ดองซูได้ยินดังนั้นก็แอบเคืองเล็กน้อย เขาบอกว่าที่ตนทำอย่างนี้เพราะอีซูเป็นเพื่อนของตน

ดองซูนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วกล่าวชมความกล้าหาญของแฮอูโดยไม่รู้ว่าแฮอูแอบมานอนในห้องสมุด เมื่อได้ยินดังนั้นแฮอูก็ลุกขึ้นมาบ่นว่าหนวกหู ดองซูรีบออกตัวว่าตนไม่ได้ 'อ่อน' อย่างที่เห็น หากสู้กันตัวต่อตัวตนต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน แฮอูรู้สึกรำคาญเลยขู่ว่าจะเย็บปากดองซูหากเขายังไม่ยอมหุบปาก ดองซูรีบเอามือปิดปากแล้วแอบเหน็บแฮอูว่าหน้าตาสวยแต่ใจร้าย แฮอูซึ่งกำลังเดินออกจากห้องได้ยินดังนั้นก็หยุดกึกที่หน้าประตู ดองซูถึงกับผงะ ปรากฏว่าแฮอูหันมากล่าวขอบคุณอีซูที่ช่วยเธอ แฮอูได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างมีความสุข



อีซูมาที่บ้านหลังใหม่หลังเลิกเรียน เมื่อเห็นว่าเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนสวยอีซูก็ถึงกับตกตะลึง พอเห็นพ่อ (ฮัน ยองมาน) และน้องสาว (ฮัน อีฮยอน) กำลังช่วยกันขนของลงจากรถอีซูก็รีบวิ่งไปช่วย น้องสาวของเขาวิ่งมาบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่าบ้านหลังนี้ใหญ่มากและสวนก็กว้างมากๆ ด้วย เธอถามอีซูว่าถ้าหากดูดาวจากตรงนี้จะเห็นดาวชัดมากๆ ใช่ไหม เมื่ออีซูตอบว่าใช่น้องสาวตัวน้อยก็วิ่งนำเข้าไปในบ้านอย่างมีความสุข  ปรากฏว่าครอบครัวอีซูเป็นเพียงผู้อาศัยในบ้านหลังดังกล่าว เขาและคนในครอบครัวได้รับอนุญาติให้อาศัยอยู่ในมุมเล็กๆ ของบ้าน (แต่ก็เป็นสัดส่วนและใหญ่กว่าตอนที่อาศัยอยู่ในบ้านเจ้านายคนอื่นๆ) พ่อบอกเขาว่าถึงไม่ค่อยสะดวกแต่ก็ขอให้อดทน อีซูบอกพ่อว่าเขาอยู่ได้และไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด

ระหว่างเดินกลับบ้านแฮอูเห็นข่าวฉาวของพ่อกับผู้ประกาศสาวบนหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อกลับถึงบ้านแฮอูก็พบว่า "ยู ซอนยอง" แม่ของเธอกำลังนั่งข่มใจเรื่องพ่อ แฮอูเอ่ยปากทักทายตามมารยาทแล้วเดินขึ้นบันไดไปทันที ปรากฏว่า "โจ อีซอน" พ่อของเธอกลับบ้านเร็วกว่าปกติ เมื่อมาถึงเขาก็ถามแม่บ้านว่าวันนี้เป็นวันเกิดของแฮอูใช่ไหม พอเห็นภรรยานั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟาเขาก็หน้าถอดสี แต่พอเห็นแฮอูเขาก็ยิ้มแล้วถามว่าอยากทานอะไร เขารู้ว่าแฮอูชอบซูชิเลยชวนไปทานซูชิข้างนอก พร้อมทั้งบอกว่าหากเธอไม่อยากออกไปทานข้าวข้างนอก ตนจะสั่งอาหารของโรงแรมมาให้ทาน (พ่อแฮอูเป็นกรรมการผู้จัดการโรงแรมคาย่า) แต่แฮอูบอกพ่อว่าเธอเลิกชอบซูชิแล้ว หลังพยายามข่มใจอยู่นานในที่สุดแม่ของแฮอูก็ระงับโทสะเอาไว้ไม่อยู่ เธอจึงปาหนังสือพิมพ์ใส่พ่อแฮอู แม่บ้านปาร์กเห็นดังนั้นจึงส่งสัญญาณบอกให้แฮอูขึ้นไปบนห้อง เพราะไม่อยากให้แฮอูเห็นและได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกัน



ซอนยองต่อว่าสามีเรื่องข่าวฉาว แต่อีซอนยังคงปากแข็งและยืนกรานว่าไม่ใช่เรื่องจริง ซอนยองได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโมโหจึงปาแจกันใส่สามีด้วยความโกรธ แฮอูซึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดหันกลับไปดูพ่อแม่ด้วยความตกใจ อีซูกับพ่อและน้องสาว (ซึ่งยืนอยู่ด้านนอกประตูกระจก) ต่างพากันตกตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว อีซอนยืนกรานว่าตนไม่ได้มีชู้ตามที่เป็นข่าว ทำให้ถูกซอนยองสาดน้ำใส่หน้า อีซอนโกรธมาก เขากล่าวหาว่าซอนยองเป็นฮีสทีเรีย* แฮอูรับไม่ได้ที่เห็นพ่อแม่ทะเลากันเพราะผู้หญิงคนอื่นจึงเดินลงบันไดและเผลอเหยียบเศษแก้ว ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงเดินต่อ แม่บ้านปาร์กเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามไปดู

*  หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าผู้หญิงที่ไม่รู้จักพอในเซ็กซ์หรือมีความต้องการทางเพศสูงเป็นโรคฮิสทีเรีย แต่ความจริงแล้วพฤติกรรมดังกล่าวเป็นอาการของ "โรคนิมโฟมาเนีย"... โรคฮิสทีเรีย มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ 1. โรคประสาทฮิสทีเรีย แบ่งเป็น Conversion Reaction คือคนที่มีความเครียด กังวลใจ หรือเกิดความขัดแย้งในจิตใจอย่างรุนแรง พวกนี้จะเกิดการผิดปกติที่ระบบการเคลื่อนไหวหรือรับรู้ เช่น เป็นอัมพาต ชาตามแขนและขา และ Dissociative Type คือสูญเสียความจำในบางเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจจนไม่ต้องการรับรู้  2. บุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย คนพวกนี้จะมีลักษณะการแสดงออกที่มากเกินความจริง เพื่อดึงดูดความสนใจ มีความเป็นเด็กสูง ชอบเรียกร้องความสนใจและแสดงออกทางอารมณ์ค่อนข้างมาก ซึ่งอาจเกิดจากการขาดความรัก ความอบอุ่นในวัยเด็ก

ตอนแรกพ่ออีซูตั้งใจว่าจะพาลูกๆ ไปแนะนำตัวกับปู่ (โจ ซังดึก หรือ ประธานโจ) และพ่อของแฮอู พอเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยจึงพาลูกกลับ เมื่อเห็นแฮอูเดินออกจากบ้านเจ้านายพ่อ อีซูก็รู้สึกตกใจ  แม่บ้านปาร์กรีบวิ่งตามมาขอดูเท้าแฮอูเพราะกลัวว่าจะมีเศษแก้วปักอยู่ที่เท้าเธอ   แฮอูหันไปมองหน้าอีซูแล้วอ้างว่าเธอมีนัด พ่ออีซูขอให้แฮอูอยู่ทำแผลก่อน แต่แฮอูไม่สนใจและเดินออกจากบ้านไปโดยไม่พูดไม่จา อีซูจึงอาสาว่าจะคอยดูแลและพาแฮอูกลับบ้านเอง


อีซูตามแฮอูขึ้นรถเมล์และเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง แฮอูจะเข้าไปพบผู้ประกาศสาว "ลี ฮวายอง" ที่มีข่าวกับพ่อเธอแต่รปภ.ไม่ให้เข้า เธอจึงยืนรออยู่ที่หน้าสถานีโทรทัศน์ด้วยความอดทน เมื่อฮวายองเดินลงมาจากตึกแฮอูก็ตรงเข้าไปต่อว่า ผู้ประกาศสาวพยายามทำใจดีสู้เสือโดยอ้างว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด และตอนนี้ก็มีการเผยแพร่ข่าวที่ถูกต้องออกมาทางอินเตอร์เน็ตแล้ว  แฮอูรู้ว่าปู่ของเธอเป็นคนสั่งบล็อกข่าวฉาวอีกตามเคยเพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้ง เมิ่อถูกเด็กสาวประนามมากๆ เข้า  ฮวายองก็เริ่มหมดความอดทนจึงเงื้อมือขึ้นหมายตบหน้าแฮอู แต่ก็ถูกอีซูคว้าข้อมือเอาไว้

อีซูลากแขนแฮอูออกไปแล้วเดินจูงมือเธอ (ที่เริ่มเดินขากระเผลก) ไปตามถนน เมื่อแฮอูบ่นว่าเธอรู้สึกเจ็บแขน อีซูก็เริ่มรู้สึกตัวและปล่อยแขนแฮอูทันที  อีซูเห็นแฮอูเจ็บขาจึงพาเธอไปนั่งพักแล้วขอให้เธอถอดรองเท้า แต่แฮอูยังคงนั่งนิ่งน้ำตาคลอ อีซูถอดรองเท้าแฮอูแล้วพบรอยเลือดที่ถุงเท้า เขาจึงถอดถุงเท้าแฮอูออก ปรากฏว่ามีเศษแก้วปักคาอยู่ที่เท้าของแฮอู   อีซูชวนแฮอูไปที่ร้านขายยาเพื่อซื้อยาฆ่าเชื้อและบอกเธอให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้ เขาเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันเท้าให้แฮอู  จากนั้นก็ยื่นแขนให้เธอเกาะ พร้อมทั้งแนะนำให้เดินช้าๆ และให้ทิ้งน้ำหนักลงบนส้นเท้า

แฮอูถามว่าอีซูเป็นลูกของโชเฟอร์ฮันหรือ จากนั้นก็แหย่ว่าเขาหล่อสู้พ่อไม่ได้ แถมพ่อของเขายังมีบุคลิกที่ดีกว่าอีกด้วย แฮอูเห็นอีซูตอบซ้ำๆ ว่า รู้แล้วๆ เธอจึงถามอีซูว่า "แล้วนายรู้มั๊ยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของชั้น" อีซูหยุดเดินแล้วหันไปมองหน้าแฮอู แฮอูจึงบอกว่า ถ้ายังไม่รู้ก็จำไว้ เพราะเธออยากได้ของขวัญวันเกิดจากเขาในปีหน้า จากนั้นก็ถามว่า ทำไมเขาถึงไม่ยอมเธอขี่หลัง (รู้ทั้งรู้ว่าเธอขาเจ็บและวันนี้ก็เป็นวันเกิดเธอ)  อีซูยิ้มแล้วบอกว่าฝันไปเถอะ หลังแหย่อีซูแล้วแฮอูซึ่งเจ็บทั้งกายและใจก็ยิ้มออก 


โชเฟอร์ฮันพาอีซูมาแนะนำตัวกับปู่และพ่อของแฮอู (แฮอูนั่งมองอยู่บนบันได) ปู่ของแฮอูถามอีซูว่าโตขึ้นอยากเป็นหรือทำอะไร อีซูตอบว่าตนอยากทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงพ่อกับน้องสาว  พ่อแฮอูถามว่าเขาจะหาเงินยังไง ปู่ของแฮอูเสริมว่าการหาเงินเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่วิธีที่คนเราใช้เงินเป็นสิ่งสำคัญกว่า อีซูตอบว่าโลกนี้มีเงินอยู่ 2 ประเภท คือเงินที่ได้มาโดยสุจริตกับเงินที่ได้มาโดยผิดกฏหมายหรือไม่ถูกต้อง และเขาก็ต้องการหาเงินโดยสุจริต ปู่แฮอูหัวเราะชอบใจ เขาบอกว่าแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ให้คิดเสียว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นจงทำตัวตามสบาย และอย่ามองพวกตนว่าเป็นคนอื่นคนไกล  (พ่อแฮอูทำปากเบ้และเขย่านาฬิกาข้อมือตลอดเวลา)

หลังจากนั้น ประธานโจก็ต่อว่าลูกชายตน (พ่อแฮอู) เรื่องข่าวฉาว พร้อมทั้งขู่ว่าหากไม่ยอมปรับปรุงตัวก็อย่าหวังว่าจะได้สืบทอดกิจการโรงแรม 


แม้ครอบครัวอีซูจะฐานะไม่ดีแต่ก็มีความอบอุ่น ทุกคนต่างรักใคร่และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในตอนเช้าอีซูจะช่วยพ่อดูแลน้องและพาน้องไปส่งโรงเรียน (ส่วนน้องสาวตัวน้อยก็ช่วยจัดโต๊ะอาหาร) เมื่อไปถึงโรงเรียนอีซูก็ทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด เขาตั้งใจเรียนและขยันอ่านหนังสือ พอถูกแฮอูตามมารบกวนเขาก็ลุกหนีโดยอ้างว่าหนวกหู ครั้นพอแฮอูขอเป็นเพื่อนเขาก็ปฏิเสธ โดยบอกว่าตนไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนน่าเบื่อ แฮอุถามว่าตนน่าเบื่อตรงไหน อีซูถามกลับว่าทำไมเธอถึงชอบโดดเรียน แฮอูตอบว่า "ก็มันน่าเบื่อนี่" อีซูจึงชี้ชัดว่า "เพราะอย่างนี้เธอถึงได้น่าเบื่อไง" แฮอูถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องว่า "หมายความว่ายังไง" อีซูถอนใจแล้วตอบว่า "เธอคิดว่าตัวเองโชคร้ายที่สุดในโลกใช่ไหม มีแต่เธอเท่านั้นที่เป็นทุกข์ ไม่มีใครเข้าใจเธอ และเธอคิดว่านั่นมันไม่แฟร์ใช่ไหม" แฮอูสวนกลับ "อย่าคิดนะว่านายน่ะดีพร้อมไปหมดทุกอย่าง"  อีซูกล่าวว่า "โลกนี้เต็มไปด้วยคนน่าเบื่อ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นทุกข์และเจ็บปวดเพราะคนเหล่านั้น ก็ไม่เห็นต้องทำตัวเหมือนคนพวกนั้นเลย.... และชั้นก็ไม่ชอบเวลาที่เธอเป็นแบบนั้น" 

แฮอูแย้งว่าเธอไม่เคยร้องขออะไรจากเขามาก่อน อีซูสวนกลับว่า ถึงเธอร้องขอเขาก็จะไม่สนใจ พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องสมุดทันที แฮอูเสียใจที่อีซูปฏิเสธความเป็นเพื่อนเพราะเธอไม่ยอมเรียนหนังสือ จึงตะโกนไล่หลังด้วยความโกรธว่า ถึงยังไงเธอก็จะไม่เข้าเรียนเด็ดขาด เมื่ออีซูเดินออกมาก็พบว่ารุ่นพี่ชุนยองยืนถือลูกบาส (ฟังทั้งคู่ทะเลาะกัน) อยู่หน้าห้องสมุด 


วันรุ่งขึ้น อีซูหันไปมองโต๊ะที่ว่างเปล่าของแฮอู ปรากฏว่าขณะที่คุณครูกำลังจะเช็คชื่อแฮอูก็เปิดประตูเข้ามา อีซูหันไปมองแฮอูพร้อมรอยยิ้ม แต่แฮอูแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เมื่ออีซูเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด เขาก็พบว่าอีซูกำลังนั่งสัปหงกคาหนังสือ ตอนแรกอีซูก็นั่งดูด้วยความรู้สึกขำแต่ไม่นานเขาก็เริ่มตกหลุมรักแฮอู แฮอูเห็นอีซูนั่งอ่านหนังสือหน้าตึกตามลำพังจึงเดินไปนั่งฟังเพลงข้างๆ โดยไม่พูดไม่จาและไม่มองหน้าอีซู อยู่ๆ  เธอก็เสียบหูฟังข้างหนึ่งให้เขา ทั้งคู่จึงนั่งฟังเพลงรัก (เนื้อเพลงกล่าวถึงรักต้องห้ามที่เกินหักห้ามใจ) ด้วยกัน ในตอนนั้นอีซูอยากจับมือแฮอูแต่ก็ยั้งใจไว้... และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชุนยองแอบเห็นความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของทั้งคู่

เมื่ออีซอนพ่อของแฮอูกลับมาถึงบ้านแล้วได้รับรายงานว่าแฮอูกำลังอ่านหนังสือกับอีซู เขาก็รู้สึกไม่พอใจและหันไปตำหนิภรรยาที่ปล่อยให้แฮอูไปนั่งอ่านหนังสือที่บ้านอีซูทุกวัน  ซอนยองมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะถึงยังไงแฮอูก็ไม่มีทางแต่งงานกับลูกชายคนขับรถอยู่แล้ว อีซอนฟังแล้วไม่พอใจมาก ประธานโจได้ยินลูกชายโวยวายเสียงดังลั่นจึงเดินออกมาห้ามปราม อีซอนรีบวิ่งไปฟ้องพ่อว่าแฮอูกับอีซูใกล้ชิดกันมากเกินไป ปรากฏว่าประธานโจเองก็รู้เรื่องนี้ แต่เขาไม่คิดห้ามปรามเพราะเห็นว่าแฮอูสดใสร่าเริงขึ้นเพราะอีซู ซ้ำยังคิดว่าจะส่งทั้งคู่ไปเรียนต่อเมืองนอกอีกด้วย


ชุนยองชวนอีซูไปเล่นบาสด้วยกันแต่อีซูปฏิเสธ เขารู้ว่าอีซูมีทักษะในการต่อสู้จึงชวนเข้าร่วมแก๊งค์ แต่ก็ถูกปฎิเสธอีก จึงถามว่าอีซูไม่เชื่อมือตนหรือ เมื่ออีซูตอบว่า "คงงั้นมั๊ง" ชุนยองก็บอกว่าอีซูกับแฮอูเหมือนกันมากตรงที่ไม่ว่าจะทำอะไรมักทุ่มสุดตัวและไม่มีวันยอมก้มหัวให้ใคร อีซูถามชุนยองว่าเขาต้องการพูดอะไรกันแน่ ชุนยองจึงยื่นมือให้จับพลางแนะนำตัวว่า "ชั้นชื่อโอ ชุนยอง" อีซูจับมือชุนยองแล้วบอกว่า "ผมชื่อฮัน อีซู" ชุนยองบอกว่าตนรู้แล้วและจับอีซูทุ่มลงกับพื้น เมื่อชุนยองส่งมือให้จับอีกครั้ง อีซู (ซึ่งหงายหลังอยู่บนพื้น) ก็ดึงแขนชุนยองแล้วใช้เท้าถีบให้เขาหงายหลังลงไปกองกับพื้นเช่นกัน อีซูรีบลุกขึ้นมาตั้งหลัก ชุนยองกล่าวชมว่าอีซูไวกว่าที่คิดแล้วยื่นมือให้อีซูจับเป็นครั้งที่สาม แต่คราวนี้เป็นการขอให้อีซูช่วยดึงเขาให้ลุกขึ้น แฮอูเห็นดังนั้นก็วิ่งเข้ามากอดคอทั้งคู่ (ชุนยองและอีซูยังคงจับมือกันในท่าเช็คแฮนด์) แล้วถามด้วยน้ำเสียงดีใจว่า "ทำไมถึงอยู่ด้วยกันได้ รู้จักกันแล้วเหรอ"

ระหว่างเดินกลับบ้านแฮอูเล่าให้อีซูฟังว่า เมื่อปีที่แล้วจุนโฮน้องชายของชุนยองเสียชีวิตเพราะเป็นเหยื่อเมาแล้วขับ นับจากนั้นชุนยองก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากเดิมที่เคยเป็นนักเรียนตัวอย่างก็กลายมาเป็นขาใหญ่ในโรงเรียน เขารักน้องชายมากและเคยบอกเธอว่าจะไม่มีวันยกโทษให้คนผิดโดยเด็ดขาด  อีซูสงสัยว่าทำไมแฮอูถึงรู้ลึกรู้จริงเรื่องนี้ แฮอูตอบว่าครอบครัวของเธอและชุนยองสนิทกัน เธอกับชุนยองโตมาด้วยกันและเคยเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ แฮอูบอกอีซูว่าเธอจะเริ่มเรียนวาดภาพเดือนหน้า ถึงตอนนั้นเธออาจจะยุ่งมากจนแทบไม่มีโอกาสได้เจอกัน เธอเลยอยากบอกสถานที่ลับเฉพาะของเธอให้เขารู้  

ในเวลาเดียวกันนั้น พ่อแฮอูก็กำลังตกลงกับผู้ประกาศสาว แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเพราะฮวายองยื่นคำขาดว่าถ้าเขาไม่ยอมหย่ากับภรรยาก็ให้ไปหาผู้หญิงคนอื่นมาเป็นกิ๊กแทนตน อีซอนพยายามง้อด้วยการมอบบัตรเครดิตให้ฮวายองไว้รูดปรื้ด แต่ฮวายองกลับปัดทิ้ง อีซอนจึงถามด้วยความโมโหว่า "จะเอาเท่าไหร่  อยากได้เงินจากชั้นเท่าไหร่"


ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถโรลส์-รอยซ์ "โยชิมูระ จุนนิชิโร่" เห็นข่าวฉาวของอีซอนในหนังสือพิมพ์ เนื้อหาของข่าวระบุว่า ผู้ประกาศสาวลี ฮวายอง ยอมรับว่าเธอถูกโจ อีซอน กรรมการผู้จัดการโรงแรมกาย่า คุกคามทางเพศ ในหน้าเดียวกันนั้นยังมีภาพข่าวประธานโจ ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นชาวเกาหลีที่เหล่าบรรดานักศึกษาให้ความเคารพยกย่องมากที่สุด

อีซอนถูกประธานโจตำหนิที่ไม่สามารถจัดการเรื่องส่วนตัวเองได้ ทั้งยังถูกห้ามไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือบริหารงานในบริษัทจนกว่าเรื่องจะเงียบ อีซอนพยายามแก้ตัวว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงและตนจะแก้ปัญหาทุกอย่างเอง ประธานโจจึงตวาดใส่อีซอนว่าหากยังไม่ยอมปรับปรุงตัวตนจะไม่ให้เขาเป็นผู้สืบทอดกิจการโรงแรม  อีซอนโกรธมากจึงสวนกลับว่า อย่างน้อยตนก็ไม่พรากแม่ไปจากแฮอู ทำให้โดนประธานโจตบจนหน้าคว่ำ 


ระหว่างที่อีซูและชุนยองกำลังเล่นบาสฯ ด้วยกัน ดองซูก็นำหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวฉาวของพ่อแฮอูมาให้ทั้งคู่ดู ในเวลาเดียวกันนั้นซอนยองก็กำลังขนกระเป๋าเดินทางขึ้นรถแท็กซี่ แม่บ้านปาร์กขอให้เธออยู่รอแฮอูก่อน แต่เธอบอกว่าถ้าขืนอยู่ต่อเธอต้องบ้าตายแน่ๆ เธอจึงฝากให้แม่บ้านปาร์กบอกแฮอูว่าถึงแคนาดาแล้วเธอจะโทรฯ มา      

อีซูเป็นห่วงแฮอูจึงรีบไปตามหาเธอที่ห้องสมุดแต่ก็หาไม่พบ ชุนยองเลยแนะนำให้อีซูไปสถานที่แห่งหนึ่ง อีซูรีบไปที่บ้านกลางหุบเขา แต่ไปแล้วไม่พบใครเลยเดินเข้าไปดูในป่าสน (โดยมีชายคนหนึ่งยืนมองเขาอยู่บนระเบียงบ้าน)  อีซูเข้าไปตามหาแฮอูในป่าลึก เมื่อพบแฮอูนั่งอยู่ริมทะเลสาบเขาก็รู้สึกโล่งใจ


แฮอูบอกอีซูว่าเธอถ่ายคลิปทะเลสาบแห่งนี้มานานหลายปีแล้วแต่ทะเลสาบก็ยังเหมือนเดิม ในขณะที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เธอบอกอีซูว่าแม่ของเธอทิ้งเธอไปแล้ว อีซูปลอบใจว่าอีกไม่นานแม่เธอก็จะกลับมา แต่แฮอูรู้ว่าแม่ของเธอไม่มีทางกลับมาแน่นอน เธอรู้มานานแล้วว่าสักวันหนึ่งแม่ของเธอจะต้องไป อีซูกล่าวว่า มีหลายอย่างในโลกนี้ที่เราไม่อาจควบคุมหรือทำให้สำเร็จสมดังหวังได้ ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เราจะสามารถทำเท่าที่เราทำได้เท่านั้น เขาหวังว่าเธอจะไม่เศร้าใจไปกับสิ่งที่เธอไม่อาจควบคุมได้ หลังให้ข้อคิดแฮอูแล้ว อีซูก็แหงนหน้ามองฟ้าแล้วพูดขึ้นว่า "ถ้าดูดาวจากตรงนี้คงจะสวยน่าดู"

อยู่ๆ แฮอูก็ลุกขึ้นโดยวางกระเป๋าทิ้งไว้ อีซูเลยหยิบกระเป๋าของเธอขึ้นมาสะพายแล้วรีบเดินตาม หลังได้ฟังคำพูดของอีซูแล้วแฮอูก็ยิ้มออก เธอจึงหันกลับไปบอกให้อีซูหยุดอยู่ตรงนั้น แล้วเริ่มถ่ายวิดีโอทันทีโดยบอกว่าเป็นการฉลองที่อีซูมาสถานที่ลับเฉพาะของเธอเป็นครั้งแรก อีซูพยายามบอกให้แฮอูหยุดถ่ายวิดิโอ แต่แฮอูไม่สนใจและเริ่มสัมภาษณ์ว่า "อะไรคือสิ่งที่ฮัน อีซูชอบมากที่สุดในโลก"  อีซูพยายามบ่ายเบี่ยงแต่แฮอูก็ยังคงคาดคั้นเอาคำตอบ และแกล้งถามว่า "โจ แฮอูรึเปล่า" พอเห็นว่าอีซูไม่ยอมตอบแฮอูก็ขู่ว่าถ้าไม่ตอบเธอจะตามตื๊อเอาคำตอบจากเขาที่โรงเรียน ปรากฏว่าคำตอบของอีซูไม่ใช่แฮอูแต่เป็น "ปลาฉลาม" (คำพูดของอีซูและแฮอูหลังจากนี้ คือสิ่งที่เราได้ชมไปแล้วตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง)



หลังอีซูกล่าวว่า "ก่อนตายชั้นจะต้องตามหาเธอให้พบ... ชั้นยังตายไม่ได้จนกว่าจะหาเธอเจอ"... ฝนก็เริ่มลงเม็ด อีซูจุงมือแฮอูวิ่งฝ่าสายฝนไปหลบใต้ต้นไม่ใหญ่ หลังยืนหลบฝนได้สักพัก อีซูก็เอื้อมมือไปหยิบใบไม้ที่ติดอยู่บนผมของแฮอูแล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำฝนบนใบหน้าให้เธอ สองหนุ่มสาวสบตากัน ต่างคนต่างรับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย อีซูขยับเข้าไปหาแฮซู จากนั้นก็ประคองศีรษะและจูบหน้าผากของเธอ

เรื่องราวต่อจากนี้จะบีบหัวใจและเข้มข้นแค่ไหน ติดตามได้ใน "ล่ารักล่าแค้น (Shark)"

* เนื้อหาโดย luvasianseries


นักแสดงนำ



คิม นัมกิล 
รับบท โยชิมูระ จุน / คิมจุน / ฮัน อีซู 




ซอน เยจิน
รับบท โจ แฮอู



  แฮ ซอกจิน
รับบท โอ ชุนยอง



ลี ฮันนี่
รับบท จาง ยองฮี



ยอน จุนซอก
รับบท ฮัน อีซู (ตอนเป็นนักเรียน)



คยอง ซูจิน
 รับบท โจ แฮอู (ตอนเป็นนักเรียน)



นัมโบรา
รับบท ฮัน อีฮยอน



ลี ซูฮยอก
รับบท คิม ซูฮยอน








*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ /  คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา