กำกับ: คิม แดจิน, จาง จุนโฮ
เขียนบท: โจ อึนจอง
แนวละคร: โรแมนติก, ดราม่า
จำนวนตอน: 32
ออกอากาศ: เกาหลี - 5 เมษายน 2557 - 27 กรกฎาคม 2557 ทางเอ็มบีซี
ไทย - ทุกวันพุธ - วันศุกร์ เวลา 22.30 – 24.00 น. ทางช่อง 1 เวิร์คพอยท์ทีวี ออกอากาศ 23 กรกฎาคม 2557 - 3 ตุลาคม 2557
ละคร "แผนร้ายยัยกะล่อน (Hotel King)" นำเสนอเรื่องราวของ "อา โมเน" ทายาทเพียงคนเดียวของผู้ก่อตั้ง "ซีเอลกรุ๊ป" ซึ่งพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อรักษาโรงแรมหรูของพ่อเอาไว้ แม้ภายนอกเธอจะเป็นเหมือนยัยตัวแสบ แต่ลึกๆ แล้วเธอรู้สึกหวาดกลัวที่ต้องต่อสู้ตามลำพังโดยไม่สามารถไว้ใจใครได้ และ "ชา แจวาน" ผู้จัดการทั่วไป (จีเอ็ม) ของโรงแรมซีเอล ที่ต้องกลายเป็นศัตรูกับพ่อแท้ๆ ของตัวเอง เพราะต้องการปกป้องโรงแรมและช่วยเหลือโมเน
เรื่องราวในละครเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1991 ที่สหรัฐอเมริกา เหล่านักเลงอันธพาลบังคับให้เด็กๆ ไปเร่ขอทานข้างถนน ซึ่งในจำนวนนั้นมีเด็กชายชาวเกาหลี "เจย์เดน" และ "จีวอน" รวมอยู่ด้วย เจย์เดนอายุมากกว่าจึงคอยดูแลปกป้องจีวอน เมื่อได้ยินจีวอนบ่นว่าหนาว เจย์เดนก็สละเสื้อกันหนาวของตนให้จีวอนและบอกให้จีวอนหลบอยู่ตรงมุมตึก จากนั้นก็รีบออกไปขอทาน พอเห็นว่า "เจย์เดน" และ "จีวอน" หาเงินได้น้อย (เจย์เดนหาเงินคนเดียว) อันธพาลคนหนึ่งก็รู้สึกโกรธจึงตบเจย์เดนจนล้มคว่ำ เมื่อเห็นว่าจีวอนกำลังจะโดนทำร้าย เจย์เดนก็รีบลุกขึ้นมาขวางและเอาตัวบังไว้ทำให้โดนทุบตีอย่างหนัก หัวหน้าแก๊งค์เห็นดังนั้นจึงลากตัวจีวอนออกไปทำร้ายทางด้านนอกอย่างโหดเหี้ยม (ใช้ท่อนเหล็กทุบตีจนแน่นิ่ง) ขณะที่เจย์เดนเองก็โดนซ้อมอย่างหนัก
เจย์เดนออกมาเห็นจีวอนนอนนิ่งไม่ไหวติงจึงหยิบท่อนไม้ขึ้นมาสู้แต่กลับถูกเล็งปืนใส่ แต่แล้วอยู่ๆ ชายคนดังกล่าวก็เปลี่ยนใจและหันปลายกระบอกปืนไปที่จีวอน เจย์เดนรีบเอาตัวบังจีวอนซึ่งยังคงนอนแน่นิ่งพลางร้องขอความเมตตาจากชายใจโหด ไม่นานก็มีเสียงปืนดังขึ้น ปรากฏว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตรเพราะคนที่ถูกยิงคือหัวหน้ากลุ่มนักเลงอันธพาล และคนที่ถือปืนอยู่ในมือก็คือ...เจย์เดน! ทันใดนั้น ประตูด้านนอกก็เปิดออกและมีชายคนหนึ่งเดินถือไม้เท้าเข้ามา
เมื่อฟื้นขึ้นมา เจย์เดนก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องพักโรงแรมสุดหรู สิ่งแรกที่เขาเห็นหลังลืมตาก็คือจิตรกรรมบนเพดานซึ่งเป็นภาพทูตสวรรค์ เจย์เดนเห็นแล้วรู้สึกปลื้มปิติจึงยิ้มออกมา (เขานึกว่าตนเองตายแล้วและกำลังอยู่บนสวรรค์) เมื่อได้ยินเสียงชายคนหนึ่งทักว่า "ฟื้นแล้วเหรอ" เจย์เดนก็ตื่นจากภวังค์ เขาถามชายถือไม้เท้าว่า "ผมตายแล้วใช่มั๊ยครับ" จากนั้นก็มองไปรอบๆ ห้องแล้วถามว่า "ที่นี่คือสวรรค์เหรอ"
ปรากฏว่าชายคนดังกล่าว คือ "ลี จุงกู" เขายิ้มและบอกเจย์เดนว่า "ใช่แล้ว ที่นี่คือสวรรค์" ครั้นพอได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจ เจย์เดนก็รู้สึกตกใจเลยรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่าง พอเห็นรถตำรวจจอดติดไฟแดงอยู่ทางด้านล่าง เขาก็รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่สวรรค์แต่เป็นโลกแห่งความจริงอันโหดร้าย เขาไม่ไว้ใจจุงกูจึงรีบหนีออกจากห้องแต่แล้วก็ถูกบอดี้การ์ดของจุงกูหิ้วปีกเข้ามาในห้องตามเดิม จุงกูบอกเจย์เดนว่าตอนนี้พวกนักเลงอันธพาลกำลังโกรธแค้นและพากันออกตามล่าเจย์เดนโทษฐานที่ฆ่าหัวหน้ากลุ่ม มิหนำซ้ำตำรวจก็กำลังตามจับเขาอีกด้วย หากเขาเดินออกจากห้องนี้คงลงเอยด้วยการติดคุก หรือไม่ก็โดนพวกนักเลงซ้อมจนตาย
เจย์เดนแย้งว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด และคนๆ นั้นก็สมควรตาย จุงกูจึงบอกว่า "เจย์เดน มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย คนผิดคือพ่อของเธอ คนที่ทิ้งลูกชายอย่างเธอราวกับเป็นขยะ... 'อา ซองวอน' ประธานซีเอลกรุ๊ป เจ้าของโรงแรมดีที่สุดในเกาหลี คือพ่อของเธอ พ่อของเธอฆ่าผู้หญิงที่ชั้นรัก ซ้ำยังนำเธอไปทิ้งในกองขยะเพราะไม่อยากให้เธออยู่ร่วมโลก" ขณะอาบน้ำเจย์เดนครุ่นคิดถึงคำพูดของจุงกูที่บอกว่า ภายนอกพ่อของเขาอาจแลดูเหมือนเป็นคนดี แต่ถ้าเทียบกับหัวหน้านักเลงที่ถูกยิงตายแล้ว พ่อของเขามีจิตใจโหดเหี้ยมและน่ากลัวกว่ามาก จุงกูให้เจย์เดนเลือกว่าจะกลับไปอยู่ในกองขยะตามเดิม หรือมาอยู่กับตนแล้วใช้ชีวิตอย่างหรูหราสะดวกสบาย หากเจย์เดนเลือกอยู่กับตน ตนจะสนับสนุนให้เจย์เดนประสบความสำเร็จและเป็นใหญ่ดุจราชา
จุงกูยืนมองภาพวาดทูตสวรรค์แล้วยื่นมือเข้าไปหา จากนั้นก็มีเสียงบรรยาย (โดย ลี ดองวุค) ว่า "ตอนอายุ 11 ขวบ โรงแรมแรกที่ผมเห็น... คือ สวรรค์ ณ ที่นั่น เจย์เดนได้ตายไปแล้วในวันนั้น และผมได้เกิดใหม่ในฐานะ "ชา แจวาน"
ตัดกลับมาที่ช่วงเวลาปัจจุบัน
"ชา แจวาน" เป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมซีเอลสุดหรูระดับ 7 ดาวซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดคังวอน เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารโรงแรมระดับแถวหน้าที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล (ห้องพักของเขามีภาพวาดทูตสวรรค์แบบเดียวกับที่เขาเห็นในโรงแรมที่อเมริกา ตลอดจนภาพที่ถ่ายคู่กับ 'อา ซองวอน' ประธานซีเอลกรุ๊ป และโมเดลหุ่นยนต์อีกจำนวนหนึ่ง) แจวานเดินตรวจตราความเรียบร้อยตามแผนกต่างๆ ขณะที่เหล่าพนักงานต่างก็ง่วนอยู่กับการเตรียมความพร้อมสำหรับงานเปิดตัวสวนน้ำของโรงแรม ซึ่งมีไฮไลต์เด็ดเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่แขกผู้เยือนสามารถลงเล่นได้ในทุกฤดูกาลเพราะอยู่ภายใต้หลังคากระจกที่เปิดปิดได้
ระหว่างพานักข่าวเดินชมสวนน้ำ มีนักข่าวต่างชาติถามแจวานเป็นภาษาฝรั่งเศสว่าทำไมเขาถึงปฎิเสธข้อเสนอของโรงแรมดังในสวิตเซอร์แลนด์ แจวานตอบเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า ที่ตนไม่รับข้อเสนอเป็นเพราะโรงแรมดังกล่าวได้รับการพัฒนาจนเป็นโรงแรมระดับแถวหน้าอยู่แล้ว และเป้าหมายของตนคือการพัฒนาซีเอลให้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุด
ขณะที่ "ซอน อูฮยอน" และ "โก ซาน" ซึ่งเป็นพนักงานประจำแผนกสัมภาระและบริการลูกค้า (concierge*) กำลังช่วยกันขนของท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ ทั้งคู่เห็นประธานอาเดินผ่านมาจึงรีบกล่าวทักทาย แต่ประธานอากลับมีอาการลุกลี้ลุกลนและหวาดระแวงตลอดเวลา อูฮยอนจึงรู้สึกเป็นห่วงเพราะดูเหมือนว่าอาการป่วยจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแจวานเห็นประธานอาอยู่ในสภาพดังกล่าวเขาก็ยืนมองพลางนึกถึงวันเก่าๆ ตอนที่ประธานอาให้คำมั่นบนเวทีว่าจะพัฒนาซีเอลให้เป็นโรงแรมชั้นนำของโลก ไม่นานสายตาที่เขาจ้องมองประธานอาก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
* Concierge Service (อ่านว่า คอนเซียร์จ หรือ "กงซีเอจ" ในภาษาฝรั่งเศส) เป็นบริการของโรงแรมหรู ที่ช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกลูกค้าในด้านต่างๆ เสมือนเป็นผู้ช่วยพิเศษ โดยจะทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้าคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการจองห้องพัก ร้านอาหาร สนามกอล์ฟ ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วภาพยนตร์/บัตรคอนเสิร์ต จัดหารถเช่า ซื้อของในห้างสรรพสินค้า สั่งดอกไม้ ส่งของ นำเที่ยว ฯลฯ ไม่ว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการจะยากเย็นแสนเข็ญสักเพียงใด ก็ต้องสรรหาหามาประเคนหรือจัดให้จนได้
ประธานอาโกรธจัดเมื่อรู้ว่าแจวาน (ซึ่งเป็นคนที่เขาไว้ใจ) แอบแทงข้างหลัง เขาสงสัยว่าแจวานวางแผนเอาไว้ตั้งแรก จึงถามว่าที่แจวานช่วยชีวิตตนเมื่อหนึ่งปีก่อน แถมยังปฏิเสธข้อเสนอของโรงแรมดังทั้งในอเมริกาและสิงคโปร์เพื่อมาทำงานที่โรงแรมตน เป็นเพราะมีวัตถุประสงค์บางอย่างแอบแฝงอยู่ใช่หรือไม่ ซึ่งแจวานก็ยอมรับแต่โดยดี เมื่อถูกถามถึงเหตุผลแจวานก็บอกด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า "คุณทิ้งแม่ที่น่าสงสารของผมและทิ้งผมทั้งที่ยังแบเบาะ... เพื่อมาพบคุณซึ่งมีชีวิตที่สุขสบาย ผมต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและเดินทางมาที่นี่" แจวานจ้องหน้าประธานอาแล้วเรียกเขาว่า 'พ่อ' เมื่อเห็นประธานอาทำหน้างงๆ แจวานก็ตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความเคียดแค้น (และน้ำตาคลอเบ้า) ว่า "เพ็ค มียอน!" ประธานอาได้ยินแล้วถึงกับเข่าทรุด
แจวานเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า "จำได้แล้วสินะ" ประธานอาสงสัยว่าแจวานเป็นใครกันแน่ แจวานจึงเอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีก่อน โดยบอกว่า "เมื่อ 30 ปีก่อน 'เพ็ค มียอน' ซึ่งจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถหลังให้กำเนิดลูกชายของคุณ... นั่นคือชื่อของแม่ผมเอง" ประธานอาแย้งว่า เป็นไปไม่ได้ มียอนไม่ได้ตายเพราะตน และแจวานก็ไม่ใช่ลูกชายของตนด้วย แจวานกระชากคอเสื้อประธานอาด้วยความโกรธแค้นและเจ็บปวดใจ เขาคาดคั้นให้ประธานอายอมรับตน และรับว่าเขาทิ้งลูกเมียราวกับขยะเพื่อแลกกับความสำเร็จ จากนั้นก็กล่าวทั้งน้ำตาว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ตนอยู่เป็นผู้เป็นคนได้ แต่ประธานอายังคงยืนกรานว่าแจวานไม่ใช่ลูกตน แจวานน้ำตาไหลพราก เขาให้โอกาสประธานอา (และตัวเอง) อีกครั้ง โดยบอกว่าจะกลับมาฟังคำตอบหลังงานเลี้ยงเลิก หากประธานอายังคงไม่ยอมรับ ตนจะแฉทุกอย่างให้โลกรู้ และประธานซีเอลกรุ๊ปก็จะได้ชื่อว่าเป็นฆาตกร
แจวานเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า "จำได้แล้วสินะ" ประธานอาสงสัยว่าแจวานเป็นใครกันแน่ แจวานจึงเอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีก่อน โดยบอกว่า "เมื่อ 30 ปีก่อน 'เพ็ค มียอน' ซึ่งจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถหลังให้กำเนิดลูกชายของคุณ... นั่นคือชื่อของแม่ผมเอง" ประธานอาแย้งว่า เป็นไปไม่ได้ มียอนไม่ได้ตายเพราะตน และแจวานก็ไม่ใช่ลูกชายของตนด้วย แจวานกระชากคอเสื้อประธานอาด้วยความโกรธแค้นและเจ็บปวดใจ เขาคาดคั้นให้ประธานอายอมรับตน และรับว่าเขาทิ้งลูกเมียราวกับขยะเพื่อแลกกับความสำเร็จ จากนั้นก็กล่าวทั้งน้ำตาว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ตนอยู่เป็นผู้เป็นคนได้ แต่ประธานอายังคงยืนกรานว่าแจวานไม่ใช่ลูกตน แจวานน้ำตาไหลพราก เขาให้โอกาสประธานอา (และตัวเอง) อีกครั้ง โดยบอกว่าจะกลับมาฟังคำตอบหลังงานเลี้ยงเลิก หากประธานอายังคงไม่ยอมรับ ตนจะแฉทุกอย่างให้โลกรู้ และประธานซีเอลกรุ๊ปก็จะได้ชื่อว่าเป็นฆาตกร
หลังออกจากห้องประธานอาแล้วแจวานก็ลงไปดูแลความเรียบร้อบของงานเลี้ยงเปิดตัว เขายืนมองแขกเหรื่อเต้นรำอย่างสนุกสนานในงานปาร์ตี้ชุดว่ายน้ำ ขณะที่ประธานอาโทรฯ ไปขอโทษลูกด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง เขามัวแต่จมอยู่กับความทุกข์จึงไม่รู้ตัวว่ามีใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง
และแล้วก็ถึงช่วงเวลาสำคัญของงานเลี้ยงเปิดตัว แจวานและทีมงานทุกคนต่างพากันลุ้นและเตรียมโชว์ไฮไลต์เด็ด ซึ่งก็คือการเปิดหลังคากระจกเหนือสระน้ำ ทุกคนต่างแหงนหน้ามองหลังคากระจกและพากันนับถอยหลัง แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีร่างใครคนหนึ่งร่วงทะลุหลังคากระจกลงมาตกกลางสระน้ำ ทำให้แขกที่มาร่วมงานพากันกรีดร้องและวิ่งหนีอย่างแตกตื่น (ในห้องทำงานของประธานอาปรากฏเงาใครคนหนึ่งเดินออกมาจากระเบียง)
แจวานยืนมองร่างประธานอาในสระน้ำอย่างตกตะลึง เขาคาดไม่ถึงว่าประธานอาจะจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเช่นนี้ ในตอนนั้นผู้สื่อข่าวที่มาร่วมงานต่างพากันกดชัตเตอร์ ถึงแม้ว่าพนักงานโรงแรมจะพยายามกันนักข่าวให้ออกจากพื้นที่ไปก็ตาม แจวานมองร่างอันไร้วิญญาณของประธานอาด้วยความรู้สึกคับแค้นใจ พลางต่อว่าในใจ "นี่มันขี้โกงกันชัดๆ ผมยังไม่ได้ฟังคำตอบเลย ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! ผมบอกให้ลุกขึ้น!"
ทันทีที่ทราบข่าวอูฮยอนและโกซานก็รีบวิ่งมาที่สวนน้ำ พอเห็นเจ้าหน้าที่นำร่างประธานอาขึ้นรถพยาบาลโดยมีผ้าคลุมร่างอูฮยอนก็ตกตะลึง เขาพยายามเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่าใช่ประธานอาจริงหรือไม่และจะตามขึ้นรถไปด้วยแต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต เขาจึงได้แต่มองตามรถพยาบาลด้วยความรู้สึกช็อคและเสียใจจนพูดไม่ออก
แจวานรายงานจุงกูว่าศพของประธานอาถูกนำไปไว้ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมยองอิน อยู่ๆ จุงกูก็เขวี้ยงไม้เท้าใส่แมว (เฉียดหน้าแจวานไปนิดเดียว) แล้วบอกว่า ตนไม่ชอบแมวจรจัด เพราะมันชอบแอบทำอะไรลับหลังและเดินเพ่นพ่านไปทั่ว ทั้งๆ ที่พวกมันควรอยู่แต่ในกองขยะเท่านั้น เมื่อแจวานหยิบไม้เท้ามาให้ จุงกูก็ตำหนิแจวานที่ไม่เชื่อใจตน และถามว่า "นายคิดว่าการไปพบประธานอาแล้วบอกว่าตัวเองเป็นลูก จะทำให้เขาคุกเข่าขอโทษนายงั้นรึ" แจวานตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "ครับ ผมนึกไม่ถึงว่าเขาจะรังเกียจผมถึงขนาดยอมเอาชีวิตเข้าแลก"
จุงกูบอกแจวานว่า อีกไม่นาน "อา โมเน" น้องสาวของเขาจะมาที่นี่ พร้อมทั้งเล่าว่าชีวิตโมเนและแจวานต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะโมเนถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี และตอนนี้ทรัพย์สินต่างๆ ของประธานอาก็ถูกโอนเป็นชื่อโมเนหมดแล้ว รวมทั้งหุ้นของโรงแรมด้วย จุงกูถามแจวานว่า "นายคงไม่คิดที่จะปล่อยให้โรงแรมนี้ตกอยู่ในกำมือของเธอใช่มั๊ย" แจวานยืนยันหนักแน่นว่า "คราวนี้ผมจะไม่ยอมเสียอะไรให้ใครอีก ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครก็ตาม" จุงกูยิ้มอย่างพึงพอใจที่เห็นแจวานกลับมาเป็นแมวแสนเชื่อง เขามอบนาฬิกาข้อมือให้แจวานโดยบอกว่าเป็นนาฬิกาที่ปู่มอบให้พ่อของแจวาน (ประธานอาสวมขณะเสียชีวิต)
แจวานนั่งมองภาพทูตสวรรค์พลางนึกถึงความรู้สึกตอนที่เห็นภาพนี้ครั้งแรก (ที่โรงแรมในอเมริกา ตอน 11 ขวบ ในตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์) จากนั้นก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นพลางคิดในใจว่า ในเมื่อประธานอายอมตายแต่ไม่ยอมรับตนเป็นลูก ตนก็จะแสดงฝีมือให้เห็นว่าคนอย่างตนจะพาโรงแรมไปได้ไกลสักแค่ไหน
การเสียชีวิตอย่างกระทันหันของประธานอาปรากฏเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ... หลังสื่อมวลชนทุกแขนงไม่ว่าจะเป็นทีวี หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ พร้อมใจกันรายงานว่าประธานโรงแรมซีเอลฆ่าตัวตายเพราะความเครียด ก็มีคนโทรฯ มายกเลิกการจองห้องพักเป็นจำนวนมาก ส่วนแขกที่เข้าพักแล้วก็พากันขอเช็คเอาท์เพราะกลัวผี ซ้ำยังมีแขกหลายคนมาขอเงินคืน ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นภายในโรงแรม แจวานยืนมองแขกทยอยออกจากโรงแรมด้วยสีหน้าครุ่นคิด แม้เขาจะโกรธแค้นประธานอาแต่เขาไม่มีวันปล่อยให้ซีเอลย่อยยับไปต่อหน้าต่อตา
จุงกูไปร่วมงานศพประธานอา ขณะเคารพศพเขาแกล้งทำเป็นร้องไห้ฟูมฟาย และต่อว่าประธานอาซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมานาน 50 ปีว่ามีปัญหาแล้วไม่ยอมบอกตน ทำอย่างนี้แล้วตนจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร หลังเคารพศพแล้วจุงกูก็ออกมารอพบโมเนทางด้านนอก แต่กลับไร้วี่แววของเธอ ผู้บริหารคนหนึ่งเห็นว่าขนาดงานศพพ่อตนเองแท้ๆ โมเนยังไม่ยอมมา แล้วจะฝากอนาคตของโรงแรมไว้กับคนที่ไม่รู้จักโตอย่างโมเนได้อย่างไร ผู้อำนวยการยูนได้ยินดังนั้นก็เตือนให้ชายคนดังกล่าวระวังคำพูดเพราะโมเนเป็นลูกสาวคนเดียวของประธานอา ทำให้ทั้งคู่เริ่มมีปากเสียงกัน (เริ่มเลือกข้าง) จุงกูซึ่งเป็นรองประธานจึงออกโรงห้ามทัพ ก่อนสวมบทพ่อพระโดยบอกให้ทุกคนเห็นใจโมเนแทนที่จะมาชิงดีชิงเด่นกันโดยไม่เว้นแม้กระทั่งในงานศพ
จุงกูไปร่วมงานศพประธานอา ขณะเคารพศพเขาแกล้งทำเป็นร้องไห้ฟูมฟาย และต่อว่าประธานอาซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมานาน 50 ปีว่ามีปัญหาแล้วไม่ยอมบอกตน ทำอย่างนี้แล้วตนจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร หลังเคารพศพแล้วจุงกูก็ออกมารอพบโมเนทางด้านนอก แต่กลับไร้วี่แววของเธอ ผู้บริหารคนหนึ่งเห็นว่าขนาดงานศพพ่อตนเองแท้ๆ โมเนยังไม่ยอมมา แล้วจะฝากอนาคตของโรงแรมไว้กับคนที่ไม่รู้จักโตอย่างโมเนได้อย่างไร ผู้อำนวยการยูนได้ยินดังนั้นก็เตือนให้ชายคนดังกล่าวระวังคำพูดเพราะโมเนเป็นลูกสาวคนเดียวของประธานอา ทำให้ทั้งคู่เริ่มมีปากเสียงกัน (เริ่มเลือกข้าง) จุงกูซึ่งเป็นรองประธานจึงออกโรงห้ามทัพ ก่อนสวมบทพ่อพระโดยบอกให้ทุกคนเห็นใจโมเนแทนที่จะมาชิงดีชิงเด่นกันโดยไม่เว้นแม้กระทั่งในงานศพ
แจวานไม่ยอมไปร่วมงานศพประธานอา เขาขับรถฝ่าหิมะโดยพา "จาง โฮอิล" ผู้จัดการฝ่ายห้องพัก ติดรถมาด้วย โฮอิลพยายามชวนแจวานคุยแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะแจวานเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ท่าทางเหมือนหุ่นยนต์ แถมยังไร้อารมณ์ขัน เพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัดมากไปกว่านี้เขาจึงหันมาเปิดวิทยุแทน ทันทีที่ได้ยินข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจืนติดค้างอยู่ที่สนามบินในจังหวัดคังวอนราว 100 คน หลังเที่ยวบินต่างๆ ถูกยกเลิกเพราะเกิดพายุหิมะ แจวานก็รีบหยุดรถและโทรฯ สั่งให้ลูกน้องส่งรถบัส 3 คันไปที่สนามบินเดี๋ยวนี้ จากนั้นก็กลับรถทันที
อูฮยอนยังคงโศกเศร้ากับการจากไปอย่างกระทันหันของประธานอา (ในล็อกเกอร์ของอูฮยอนมีข่าวของประธานอาแปะอยู่ด้านใน และมีโพสต์อิทเขียนว่าประธานอาคือบุคคลต้นแบบของเขา) เขาโทษว่าเป็นความของตนที่ปล่อยให้ประธานอากลับห้องตามลำพังในวันนั้น โกซานแย้งว่าต่อให้อูฮยอนทำอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะหยุดยั้งความตายได้ ที่ทำได้ตอนนี้คือการภาวนาให้ประธานอาไปสู่สุขคติ เขายังแนะให้อูฮยอนแกะริบบิ้นไว้ทุกข์ออกเพราะก่อนหน้านี้แจวานเคยเตือนเรื่องนี้แล้วครั้งหนึ่ง อูฮยอนแย้งว่าตนยังไม่ได้ไปงานศพประธานอา และตอนนี้ตนก็ยังทำใจไม่ได้ แค่ระลึกถึงประธานอาก็ผิดด้วยหรือ
โฮอิลเดินนำนักท่องเที่ยวชาวจีนนับร้อยคนเข้ามาในโรงแรมทำให้เหล่าพนักงานต่างพากันวิ่งวุ่น แจวานสั่งพนักงานให้ดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างดีและให้ตั้งใจทำงานเต็มที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อูฮยอนแย้งว่าตนก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องเศร้า แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ขอให้ตนได้มีโอกาสไว้ทุกข์ แจวานมองริบบินสีดำที่สูทของอูฮยอนและแย้งว่าการที่คนอื่นวางเฉย ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่โศกเศร้าเหมือนอย่างอูฮยอน หากอูฮยอนไม่มีกระจิตกระใจทำงานและต้องการไว้ทุกข์ (ซึ่งแขกเห็นแล้วอาจรู้สึกหดหู่หรือไม่สบายใจ) ก็ลาออกไปเสีย โกซานจึงรีบแก้ไขสถานการณ์ด้วยการบอกว่าจะช่วยตักเตือนอูฮยอนเอง
จุงกูได้รับรายงานว่าโมเนกำลังมุ่งหน้าไปที่ท่าเรืออินชอน หลังวางสายแล้วเขาก็สั่งให้คนขับรถเปิดวิทยุ ปรากฏว่ามีรายงานข่าวเรื่องที่โรงแรมซีเอลกำลังถูกจับตามองว่าใครจะได้ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ เมื่อผู้สื่อข่าววิเคราะห์ว่าโมเนอาจจะได้ประธานโรงแรมคนต่อไปเนื่องจากเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของประธานอา จุงกูก็แสดงทีท่าไม่สบอารมณ์ คนขับรถเห็นดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนคลื่น พอได้ฟังเพลงเพราะๆ จุงกูก็อารมณ์ดีขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้นโมเนก็กำลังเมาคลื่นอยู่บนเรือ เธอพยายามปลอมตัวโดยสวมผ้าคลุมหัวและแต่งตัวเหมือนสาวชาวบ้านธรรมดา (ปกติแล้วเธอมักแต่งตัวสวยเก๋ตลอดเวลาจนได้รับฉายาว่าปารีส ฮิลตัลแห่งเกาหลี) หลังอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงแล้วเธอก็นั่งลงอย่างอ่อนแรง ชายคนหนึ่งเดินมาบอกเธอ (เป็นภาษาจีน) ว่าอีก 1 ช.ม. ก็จะถึงเกาหลี โมเนตอบเป็นภาษาจีน "รู้แล้วน่า" ชายคนดังกล่าวรู้ว่าโมเนกำลังหลบหนีการไล่ล่าเลยชวนเธอไปนอนค้างที่บ้านตนหากขึ้นฝั่งแล้วไม่มีที่ไป แม้จะขึ้นเรือลำใหญ่ยักษ์มาตามลำพังแต่โมเนก็ไม่ตื่นกลัว เธอแกล้งทำตัวเหมือนคนเสียสติและไล่ตะเพิดชายคนดังกล่าวเป็นภาษาจีน
เมื่อเดินทางมาถึงท่าเรืออินชอน โมเนก็พบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์มาดักอุ้มเธอที่หน้าทางออก เธอจึงพยายามหลบหลีกแต่โชคไม่เข้าข้าง เธอจึงต้องวิ่งหนีเข้าไปในตลาดปลา แม้จะถูกต้อนให้จนมุมแต่โมเนก็ยังสู้ทุกวิถีทางจนสามารถหลบหนีไปได้
อีกด้านหนึ่ง ผู้จัดการเพ็ค (ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรมของโรงแรมซีเอล) ก็กำลังเดินตรวจตราการทำงานของพนักงาน เธอรู้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชอบแอบทานอาหาร จึงยืนจ้องกล้องวงจรปิดแล้วเตือนว่าอย่าทานอาหารในเวลางาน ทันใดนั้นก็มีเสียงพนักงานทำความสะอาดร้องโวยวายหลังถูกแขกที่มาเข้าพักลวนลาม แต่แขกคนดังกล่าวหาว่าพนักงานนุ่งกระโปรงสั้นและพยายามให้ท่าตน (พนักงานคนดังกล่าวจะเข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เลยต้องก้มตัวลงทำให้โดนล้วงต้นขา) ผู้จัดการเพ็ครู้ว่าพนักงานของตนไม่ผิดจึงเข้าไปช่วยเคลียร์
เมื่อแขกคนดังกล่าวพูดจาดูถูกโรงแรมและตัวเธอ ผู้จัดการเพ็คก็ยิ้มรับ ก่อนทำหน้าเข้มและชี้แจงว่าพนักงานของเธอสวมกระโปรงถูกระเบียบ (ไม่ได้นุ่งสั้นตามที่ถูกกล่าวหา) หลังจากนั้น เธอก็เดินตรงเข้าไปหาและยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาเหยียบบนเตียงพร้อมทั้งชี้ไปที่ชายกระโปรงซึ่งเลื่อนขึ้นไปอยู่ที่บริเวณต้นขา ก่อนพูดประชดว่าเธอกำลังให้ท่าเขา เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังจับมือแขกชีกอมาลูบเข่าของตนเอง แขกคนดังกล่าวพยายามขัดขืนด้วยการชักมือกลับแต่ผู้จัดการเพ็คยื้อยุดเอาไว้ เขาจึงรีบกล่าวขอโทษ
จุงกูเดินทางมาถึงโรงแรมโดยมีเหล่าผู้บริหารมาตั้งแถวต้อนรับ เขาบอกแจวานว่าโมเนเข้าเมืองมาทางท่าเรืออินชอน และเขาก็กำลังหาทางให้เธอยอมโอนหุ้นแต่โดยดี
จุงกูเดินทางมาถึงโรงแรมโดยมีเหล่าผู้บริหารมาตั้งแถวต้อนรับ เขาบอกแจวานว่าโมเนเข้าเมืองมาทางท่าเรืออินชอน และเขาก็กำลังหาทางให้เธอยอมโอนหุ้นแต่โดยดี
ในที่สุด โมเนก็เดินทางมาถึงโรงแรมด้วยรถลีมูซีน เธอยืนกรานว่าจะไม่ยอมก้าวเท้าลงจากรถหากไม่ได้เดินบนพรมแดง โฮอิลเห็นว่าโมเนไม่ยอมแน่ๆ แถมรถของเธอก็จอดขวางหน้าโรงแรมอยู่ จึงสั่งให้รีบนำพรมแดงมาปูและให้ต้อนรับเธอเสมือนเป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว (ก่อนหน้านี้เหล่าพนักงานลังเลไม่กล้านำพรมแดงมาปู เพราะปกติแล้วทางโรงแรมจะนำพรมแดงมาต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเท่านั้น)
ทันทีที่โมเนก้าวเท้าเข้ามาในโรงแรม พนักงานทุกแผนกก็ได้รับสัญญาณเตือนให้เตรียมพร้อมขั้นสูงสุด เพราะมี 'เจเอส' ตัวแม่มาเข้าพัก (เจเอส ย่อมาจาก จินซาง - หมายถึง แขกที่เรื่องมากสุดๆ และโมเนก็ถูกยกให้เป็นที่สุดของที่สุดในบรรดาเหล่าเจเอส) แถมเธอยังจองห้องพักสุดหรูแบบเพรสสิเดนท์สวีทเป็นเวลานาน 1 ปีอีกด้วย เมื่อถูกพนักงานต้อนรับถามชื่อขณะเช็คอิน โมเนก็ตอบว่า "ซีเอล... ผู้สืบทอด... หลังจากนั้น เธอก็ประกาศว่า "ชั้นนี่แหล่ะผู้สืบทอดกิจการของซีเอล... อา-โม-เน" ทำให้เหล่าพนักงานต่างพากันตกตะลึง
เมื่อหันไปเห็นจุงกู โมเนก็รีบวิ่งเข้าไปกอด จุงกูแกล้งทำเป็นเห็นใจโมเนที่เสียพ่อไปอย่างกระทันหันทำให้ต้องอยู่ตัวคนเดียว โมเนยิ้มร่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วบอกจุงกูว่าไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงไม่มาร่วมงานศพพ่อ โมเนถอนใจก่อนตอบว่า เธอเองก็อยากมาแต่ไปทางไหนก็มีคนคอยดักจับ คงมีใครบางคนไม่อยากให้เธอกลับเกาหลี จุงกูจับมือโมเนแล้วบอกว่านับแต่นี้ตนจะปกป้องและเป็นพ่อให้โมเนเอง จากนั้นก็ขอให้โมเนมาฝึกงานด้านบริหารกับตน เพราะโมเนเป็นคนเดียวที่จะปกป้องโรงแรมนี้เอาไว้ได้ โมเนรีบชักมือออกแล้วบอกว่าเธอไม่อยากเรียนรู้งานด้านการบริหาร เธอแค่อยากเป็นทายาทสาวผู้มั่งคั่งและใช้ชีวิตอย่างหรูหราเหมือนนางเอกในหนัง จุงกูได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
หลังนั่งฟังอยู่นาน แจวานก็ถามโมเนว่าไม่รู้สึกเสียใจที่พ่อตายเลยหรือ โมเนจ้องหน้าแจวานแล้วกล่าวว่า เขายังไม่รู้จักเธอดี เธอไม่ค่อยสนิทกับพ่อ ซ้ำยังเจอกันแค่ปีละหนสองหน เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องทะเลาะกันทุกที ที่สำคัญ เธอได้ยินมาว่าพ่อของเธอฆ่าตัวตาย ดังนั้น พ่อจึงเป็นฝ่ายผิดที่ทิ้งเธอก่อน จุงกูแย้งว่าเธอไม่ควรโกรธแค้นประธานอา เพราะประธานอารักเธอมาก โมเนไม่อยากเสวนากับจุงกูนานกว่านี้จึงตัดบทด้วยการขอตัวไปพักผ่อน
อูฮยอนเดินหิ้วกระเป๋าตามโมเนไปที่ห้อง ระหว่างทางโมเนเห็นภาพวาดบนผนังจึงหยุดดูด้วยแววตาเศร้าหมอง อูฮยอนถามว่า "คุณเคยเห็นภาพนี้หรือเปล่าครับ นี่คือภาพที่ท่านประธานรักและหวงแหนมาก" โมเนกล้ำกลืนความเศร้าแล้วปฏิเสธว่าไม่เคยเห็น จากนั้นก็ตรงไปที่ห้องพักทันที (เธอไม่รู้ว่ากำลังถูกแจวานจับตาดูอยู่)
ระหว่างอยู่ในลิฟต์โมเนบ่นว่าอากาศไม่ค่อยถ่ายเท อูฮยอนสูดอากาศแล้วแย้งว่าสดชื่นดี เขาลอบมองโมเนตั้งแต่หัวจรดเท้าและถามว่าเธอเป็นลูกสาวท่านประธานจริงๆ หรือ จากนั้นก็เปรยว่า "ทำไมถึงได้ต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างนี้นะ" โมเนหันขวับ เธอชี้หน้าอูฮยอนแล้วสั่งว่า ห้ามพูด ห้ามหายใจ อยู่ในที่แคบๆ เธอก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว หากเขาพูดหรือหายใจในลิฟต์จะทำให้อากาศชื้นและอาจมีน้ำลายกระเด็นมาโดนเธอได้ กว่าจะออกจากลิฟต์อูฮยอนก็แทบขาดใจเพราะเขาลงทุนกลั้นหายใจและหุบปากในลิฟต์ตลอดเวลา
โมเนเปิดผ้าม่านในห้องพักแล้วรู้สึกใจหายเมื่อเห็นห้องทำงานของพ่อบนอาคารโรงแรมฝั่งตรงข้าม อูฮยอนเห็นโมเนยืนนิ่งจึงปลอบใจเธอว่าอย่าเศร้าใจไปเลย ตอนนี้พ่อของเธอไปสู่สุขคติแล้ว พอเห็นโมเนเอามือขยี้ตาอูฮยอนก็เดินเข้าไปหาพลางบอกว่าเขาเข้าใจเธอผิด ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการตายของประธานอา เขาถามเธอว่า "คุณเองก็รู้ว่าพ่อของคุณรักโรงแรมนี้มากขนาดไหน ใช่มั๊ยครับ" จากนั้นก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้โมเน แต่ทว่าโมเนไม่ได้ร้องไห้ เธอแค่พยายามหยิบคอนเทคเลนส์ที่หลุดออกมา
หลังจากนั้นโมเนก็เริ่มแผลงฤทธิ์ อูฮยอนแทบช็อคเมื่อเห็นโมเนนำลิปสติกมาขีดลงบนผ้าม่าน ทีวี และตามจุดต่างๆ เขาพยายามตามลบรอยเปื้อนและไล่เก็บข้าวของ (ที่โมเนเขวี้ยงทิ้ง) ให้เข้าที่ เมื่อเห็นว่าโมเนกำลังจะเขวี้ยงของตกแต่งราคาแพงเขาก็รีบเข้าไปแย่ง โมเนให้เหตุผลว่าเธอไม่ชอบสิ่งเหล่านี้ (ของที่เธอทำเครื่องหมายไว้) จึงสั่งให้อูฮยอนนำของใหม่ที่ดูดีมีสไตล์มากกว่ามาเปลี่ยนให้ภายในครึ่งชม. ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องแน่ อูฮยอนได้แต่ถอนใจแล้วรีบออกจากห้องไป แม้จะเป็นตัวแสบเวลาอยู่ต่อหน้าทุกคน แต่พออยู่ตามลำพังในห้องโมเนกลับรู้สึกโดดเดี่ยวและโศกเศร้า
หลังดูประวัติของโมเนแล้ว แจวานก็ไปพบจุงกูที่ห้องทำงาน จุงกูนึกไม่ถึงว่าโมเนจะกล้ากลับมาที่นี่ตามลำพังทั้งยังประกาศให้โลกรู้ว่าเธอคือทายาทของอดีตประธานโรงแรม แจวานกล่าวว่าโมเนไม่คู่ควรกับตำแหน่งประธานโรงแรม จุงกูจึงกล่าวว่าแม้โมเนจะขาดคุณสมบัติแต่เธอก็ถือหุ้นอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก แจวานกล่าวว่าถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีเวลา จุงกูเห็นด้วยและเชื่อว่าโมเนจะต้องเผ่นแน่บไปจากที่นี่ก่อนถึงวันประชุมผู้ถือหุ้น (อีก 15 วันข้างหน้า) อย่างแน่นอน
โมเน (ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องหวาดผวากับการถูกดักอุ้มมาโดยตลอด) ฝันว่าเธอกำลังหลบหนีการไล่ล่าจึงสะดุ้งตื่นด้วยความหวาดกลัว เธอนึกถึงตอนที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ดักจับหลังลงเรือที่ท่าเรืออินชอน จากนั้นก็นึกถึงคำสั่งเสียของพ่อที่บอกว่าอย่าไว้ใจใคร ซึ่งตอนที่พ่อโทรฯ มานั้นเธอยังอยู่เมืองนอกและกำลังอยู่ในงานปาร์ตี้จึงไม่ค่อยได้ยินเสียงพูดของพ่อเธอ เธอพยายามถามพ่อว่าไม่ควรไว้ใจใคร แต่สายก็ตัดไปเสียก่อน โมเนรู้สึกคาใจจึงลุกขึ้นมาเสิร์ชหาข่าวเกี่ยวกับการตายของพ่อเธอ พลางครุ่นคิดว่าพ่อเธอหมายถึงใครบ้าง แม้สำนักข่าวต่างๆ จะเขียนไปในทิศทางเดียวกันว่าประธานอาฆ่าตัวตาย แต่โมเนยังไม่ปักใจเชื่อ
วันรุ่งขึ้น มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในโรงแรมซีเอล เมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงประธานอากล่าวทักทายพนักงานผ่านทางเสียงตามสาย โดยบอกว่าเป็นเพราะพนักงานทุกร่วมแรงร่วมใจทำงานกันอย่างหนัก โรงแรมซีแอลถึงได้ยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ แจวานกลัวว่าจะกระทบขวัญและกำลังใจของพนักงานจึงสั่งให้เร่งหาที่มาและรีบปิดเสียงทันที เมื่อตรวจสอบทุกแผนกทุกอาคาร แจวานก็พบว่าเสียงดังกล่าวดังก้องไปทุกที่ เขาจึงรีบไปที่ห้องควบคุมแต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีบางอย่างผิดปกติเพราะไม่สามารถปิดระบบได้ เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและไม่มีคนนอกเข้ามาในห้องควบคุมด้วย
แจวานสงสัยว่าเป็นฝีมือโมเนจึงรีบตรงไปที่ห้องของเธอด้วยความโกรธ พอไปถึงกลับพบว่าโมเนกำลังเมามันกับการเล่นเกมส์ อูฮยอนรีบฟ้องว่าเขาถูกโมเนสั่งให้อยู่ดูแลและคอยเสิร์ฟอาหารเป็นเวลา 3 ชม. แล้ว ทันใดนั้นก็มีแม่บ้านมาตามแจวานให้รีบไปที่ห้องทำงานของประธานอา พอไปถึงแจวานก็พบว่าทุกอย่างบนโต๊ะไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แฟ้มเอกสาร และขวดหมีกล้วนเปิดอยู่ กาแฟในแก้วก็ยังคงหอมกรุ่นเหมือนประธานอาเพิ่งเข้ามานั่งทำงานในห้อง แม่บ้านเห็นดังนั้นก็พากันหวาดผวาเพราะกลัวโดนผีหลอก เมื่อแจวานหยิบเอกสารขึ้นมาดูและใช้นิ้วลูบตรงลายเซ็นก็พบว่าน้ำหมึกยังไม่ทันแห้งดี เขาโกรธมากที่มีคนเล่นตลก และนั่นก็ทำให้ไฟแค้นที่มีต่อประธานอาลุกโชนขึ้นมา (เขาแค้นที่ประธานอาไม่ยอมรับว่าตนเป็นลูก)
ขณะที่แจวาน (ซึ่งมีใบหน้าเรียบเฉยแต่ภายในใจกำลังร้อนรุ่มเพราะถูกไฟแค้นเผาผลาญ) เดินไปตามห้องโถงโรงแรม เขาบังเอิญสวนทางกับโมเนซึ่งกำลังเดินเฉิดฉายอย่างสบายอารมณ์ แจวานมองหน้าลูกสาวและผู้สืบทอดกิจการโรงแรมของประธานอาอย่างเคียดแค้น เธอได้ทุกอย่างที่เขาไม่เคยได้จากประธานอา ไม่ว่าจะเป็นความรัก การเลี้ยงดูฟูฟักดุจไข่ในหิน ตลอดจน...หุ้นโรงแรม
* เนื้อหาโดย luvasianseries
คิม เฮซุก
รับบท เพ็ค มียอน
* ภาพจากเอ็มบีซี
* ดูคลิปเบื้องหลังได้ ที่นี่
* ดูคลิปรวมฉากสวีท "โมเน-แจวาน" ได้ ที่นี่
* ดูคลิปเพลงประกอบได้ ที่นี่
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ตอนแรก จีวอนโดนเหล็กตี เค้าตายมั๊ยอ่ะ
ตอบลบถ้าจำไม่ผิด...รู้สึกว่าจะไม่ตาย และได้มาเจอกันอีกครั้งตอนโต
ลบ