กำกับ: ลี บยองฮุน, คิม กึนฮง
เขียนบท: คิม อียอง
แนวละคร: อิงประวัติศาสตร์, ย้อนยุค
จำนวนตอน: 77
ออกอากาศ: เกาหลี - 17 กันยายน 2550 - 16 มิถุนายน 2551 ทางเอ็มบีซี
ไทย - (ครั้งแรก) 20 ธันวาคม 2551 - 11 กรกฎาคม 2552 ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละคร "ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน (Yi San)" เป็นอีกหนึ่งผลงานการกำกับของ "ลี บยองฮุน" (ปัจจุบันอายุ 72 ปี) ซึ่งมีผลงานสร้างชื่อมากมายไม่ว่าจะเป็น คนดีที่โลกรอ หมอโฮจุน, แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง, ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ และควังยอนหมอม้าแห่งโชซอน เป็นต้น เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวของ "พระเจ้าชองโจ" พระราชาองค์ที่ 22 ของราชวงศ์โชซอน ซึ่งทรงครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1776-1800 (พ.ศ. 2319-2343) พระองค์ทรงมีความมุ่งมั่นที่จะลบล้างมลทินของพระราชบิดา (องค์ชายรัชทายาทซาโต) ทั้งยังทรงพยายามอย่างหนักในการปฏิรูปและพัฒนาโชซอนให้มีความเจริญก้าวหน้า พระองค์ทรงมีแนวคิดที่จะย้ายเมืองหลวงจากฮันยาง (โซลในปัจจุบัน) ไปอยู่ที่เมืองฮวาซองจึงย้ายสุสานของพระราชบิดาไปที่นั่นและทรงสร้างป้อมฮวาซองเพื่อปกป้องสุสานของพระราชบิดา แต่ยังไม่ทันได้ย้ายเมืองหลวงพระองค์ก็สวรรคตไปเสียก่อน
ละครเปิดฉากขณะที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์และอยู่ในฐานะ "องค์ชายลีซาน" ในตอนนั้น "พระเจ้ายองโจ" (พระอัยกาหรือเสด็จปู่ขององค์ชายลีซาน) ทรงขังองค์ชายรัชทายาท "ซาโต" ไว้ในกล่องไม้ใส่ข้าวโดยไม่ให้น้ำและอาหาร เพราะเกรงว่าองค์ชายรัชทายาทจะวางแผนก่อกบฏ (แต่ประวัติศาสตร์จารึกว่าพระองค์ถูกขังในกล่องข้าวเพราะมีอาการผิดปกติทางจิต) องค์ชายลีซานจึงแอบตามเสด็จพระเจ้ายองโจหวังแก้ต่างให้พระบิดาซึ่งเป็นเหยื่อทางการเมือง โดยได้รับความช่วยเหลือในเรื่องการเดินทางจากสองพระสหายตัวน้อย "ซอง ซงยอน" และ "ปาร์ค เทซู"
* เนื้อหาโดย luvasianseries
เรื่องย่อ
ด้วยปณิธานเพื่อปวงชนอันแรงกล้า ก่อเกิดจอมบัลลังก์ยอดศรัทธาแห่งแผ่นดิน ปลายศตวรรษที่สิบแปดรัชสมัยของพระเจ้าชองโจ (ลีซาน) พระราชาลำดับที่ยี่สิบสองของราชวงศ์โชซอน ซึ่งในประวัติศาสตร์ห้าร้อยปีของราชวงศ์โชซอน พระเจ้าชองโจนับว่าทรงเป็นพระราชาที่ทรงประสบมรสุมและปัญหาต่างๆ มากที่สุดพระองค์หนึ่ง แต่ด้วยความที่พระองค์ทรงมีปณิธานอันมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชนของพระองค์มีชีวิตที่ดีขึ้น พระองค์จึงทรงพยายามที่จะการปฏิรูปและปรับปรุงประเทศชาติในด้านต่างๆ
โดยในด้านการปกครอง พระองค์ทรงสลายความบาดหมางของกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ที่สั่งสมมานานนับร้อยปีลงได้ ทางด้านเศรษฐกิจ พระองค์ทรงบุกเบิกเศรษฐกิจแนวใหม่ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกใหม่ในศตวรรษที่สิบแปด หรือแม้แต่ในเรื่องของการศึกสงคราม พระองค์ทรงสร้างความแข็งแกร่งเกรียงไกรให้กับกองทัพ ทั้งยังสร้างความเป็นปึกแผ่นให้ชาติบ้านเมือง และด้วยความที่พระองค์ทรงเป็นพระราชาที่มีความคิดก้าวหน้า อีกทั้งทรงเป็นพระราชาผู้ปกครองอาณาจักรด้วยความโอบอ้อมอารี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ทรงใช้หลักประชาธิปไตยในการปกครองประชาชนของพระองค์ จึงทำให้พระองค์ได้รับการสรรเสริญยกย่องว่าเป็นพระราชาอันเป็นที่รักของราษฎรมากที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์เกาหลี
ชมเส้นทางของการก้าวสู่การเป็นพระราชาผู้ที่รักแห่งปวงชน และซาบซึ้งใจไปกับความรักระหว่างพระองค์กับนางกำนัล "ซอง ซงยอน" หญิงสาวผู้อยู่เคียงข้าง คอยเป็นกำลังใจ และมีส่วนทำให้องค์ชายลีซานก้าวสู่ความเป็นใหญ่จนได้รับการขนานนามจากประชาชนว่า “ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน”
* ข้อมูลจาก ช่อง 3
* ข้อมูลจาก ช่อง 3
เรื่องย่อตอนที่ 1-4
วันที่ 19 เดือน 5 ปียิมบู (ปี ค.ศ. 1762) เป็นวันที่รัชทายาทซาโตถูกพระบิดา (พระเจ้ายองโจ) กักขังในลังไม้ล่วงเข้าสู่วันที่ 6 พระเจ้ายองโจนั้นหลังจากทรงเถลิงราชสมบัติเป็นพระราชาองค์ที่ 21 แห่งโชซอนได้ทรงนำความผาสุกและเจริญรุ่งเรืองมาสู่บ้านเมืองเป็นอย่างมาก แต่ทว่าการแก่งแย่งชิงดีระหว่างขุนนางทั้งสายเก่าและสายใหม่ยังคงคุกรุ่นไม่สร่างซา พาให้การเมืองในยุคนั้นมีความซับซ้อนอย่างมาก ระหว่างนั้นมีเหล่าขุนนางสายใหม่ที่อาศัยบารมีของรัชทายาท หวังยึดอำนาจบริหารมาอยู่ในกลุ่มของตนให้มาก แต่ฝ่ายที่ต่อต้านเกรงจะสูญเสียอำนาจจึงตั้งข้อหาให้ร้ายรัชทายาท เป็นเหตุให้พระเจ้ายองโจทรงกริ้ว หลังจากนั้นไม่นาน องค์ชายซาโตก็ถูกจับไปขังในลังไม้ด้วยข้อหาที่ไม่เป็นธรรมต่อพระองค์ ทั้งยังถูกโบยตีอย่างหนักและถูกอดน้ำอดข้าวอีกด้วย "องค์ชายลีซาน" พระโอรสองค์รัชทายาทซาโตจึงลอบเข้าไปพบพระบิดาในยามวิกาล
"ซอง ซงยอน" ถือกำเนิดในครอบครัวที่พ่อเป็นจิตรกรวังหลวง ด้วยเหตุนี้จึงมีโอกาสได้ติดตามพ่อเข้าวังบ่อยครั้ง ด้วยความช่วยเหลือของญาติพี่น้องจึงทำให้นางได้เข้าวังหลวงอย่างเป็นทางการตั้งแต่เด็ก ตกดึกนางกำนัลวังหลวงมีคำสั่งให้ซงยอนไปนำอาหารในห้องเครื่องออกมา ทำให้ซงยอนซึ่งเพิ่งเข้าวังหลวงได้ไม่นานนักหลงทาง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง "ปาร์ค เทซู" ซึ่งเข้ารับการอบรมจากกรมมหาเล็กเกิดความหวาดกลัวที่จะต้องถูกตอนเป็นขันทีจึงตัดสินใจหลบหนีไปจากวังหลวง ในคืนเดียวกันนี้เอง เทซู องค์ชายลีซาน และซงยอน ซึ่งมีเป้าหมายที่แตกต่างกันก็ได้พบกันเข้าโดยบังเอิญ (ซงยอนกับเทซูไม่รู้ฐานะที่แท้จริงขององค์ชายลีซาน เพราะองค์ชายลีซานโกหกว่าตนเป็นมหาดเล็กฝึกหัดชื่อ "บูต๊อก")
เทซูแทบช็อคเมื่อองค์ชายลีซานขอให้พาไปส่งที่ตำหนักซีมินตังซึ่งเป็นสถานที่กักขังรัชทายาท เพราะถ้าถูกจับได้จะมีโทษถึงตาย ซงยอนจึงอาสาพาไปส่งเองโดยขอแวะทำธุระที่ห้องเครื่องก่อน เทซูจึงติดตามทั้งคู่ไป เมื่อไปถึงตำหนักซีมินตังองค์ชายลีซานก็บอกให้ซงยอนและเทซูรีบกลับไปเพราะถ้าขืนยังอยู่ที่นี่ทั้งคู่จะเป็นอันตราย ในที่สุดองค์ชายลีซานก็ลอบเข้าไปพบพระบิดาในยามวิกาลจนได้ พระองค์ทรงนำเครื่องเสวยติดมือไปฝากพระบิดาด้วย ครั้นพอเห็นสภาพของพระบิดาพระองค์ก็ร่ำไห้ด้วยความสงสาร
รัชทายาทซาโตบอกให้องค์ชายลีซานนำภาพเขียนของตนไปถวายพระเจ้ายองโจ โดยหวังว่าเมื่อพระเจ้ายองโจทอดพระเนตรแล้วจะยอมให้ตนเข้าเฝ้า จากนั้นก็ขอให้องค์ชายลีซานสัญญากับตนว่าภายหน้าจะเป็นพระราชาที่ดี หากวันใดองค์ชายลีซานรู้เหตุผลที่ทำให้ตนถูกลงโทษ จงอย่าโกรธแค้นเสด็จปู่เป็นอันขาด พูดจบรัชทายาทก็เร่งให้องค์ชายลีซานไปจากที่นี่และขอให้มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่องค์ชายลีซานยังคงอิดออดไม่ยอมไปด้วยเป็นห่วงพระบิดา ทันใดนั้น ซงยอนก็เข้ามาตามองค์ชายลีซานโดยบอกว่ามีคนกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามาทางนี้ ซงยอนกับองค์ชายลีซานวิ่งหนีทหารไปเจอกับเทซู เทซูจึงบอกทั้งคู่ว่าอีกด้านหนึ่งก็มีทหารเช่นกัน ทั้งสามคนพากันหนีตายโดยเลี่ยงไปทางอื่น หลังรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดทั้งสามคนจึงเกี่ยวก้อยสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน
องค์ชายลีซานรู้สึกเสียใจที่พระเจ้ายองโจไม่อนุญาตให้ตนเข้าไปยังตำหนักตงกุง เมื่อรู้ว่าพระเจ้ายองโจจะเสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรด้วยความห่วงใย แต่กลับทอดทิ้งพระบิดาของตนเอาไว้เบื้องหลัง องค์ชายลีซานจึงตัดพ้อด้วยความน้อยใจ พระเจ้ายองโจได้ยินดังนั้นจึงไม่พอพระทัยเลยสั่งให้กรมวังส่งองค์ชายลีซานออกไปอยู่นอกวังกับพระมารดา (พระชายา "ฮง เฮคยอง") เพื่อรับการสั่งสอน หลังได้รับการอบรมแล้วจึงค่อยกลับเข้าวังใหม่อีกครั้ง
ขณะที่องค์ชายลีซานกำลังจะเสด็จออกนอกวัง พระองค์ทรงเห็นเทซูถูกองครักษ์ในวังจับตัวไปเลยคิดที่จะเข้าไปช่วยแต่ถูกมหาดเล็กห้ามเอาไว้ เทซูไม่ยอมสารภาพว่ามีใครลักลอบเข้าไปในตำหนักซีมินตังกับตนบ้าง แม้ซงยอนจะถูกนำตัวมาให้ซัดทอดแต่เทซูกลับบอกว่าไม่รู้จักนาง ขณะที่ซงยอนเองก็ยืนกรานว่าเธอไม่ได้ไปที่ตำหนักซีมินตัง เมื่อเห็นซงยอนถูกนางในรุ่นพี่คาดคั้นมากๆ เข้า องค์ชายลีซานจึงจำเป็นต้องแสดงฐานะและเข้าไปปกป้องนาง
ซงยอนถึงกับตกตะลึงเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วบูต๊อกคือองค์ชายลีซาน องค์ชายลีซานขอโทษซงยอนที่ไม่ยอมบอกตั้งแต่ต้นว่าตนคือองค์ชาย ขณะที่ซงยอนเองก็คุกเข่าขอโทษที่ล่วงเกินองค์ชายลีซานเช่นกัน องค์ชายลีซานสงสัยว่าทำไมเทซูถึงถูกจับแต่ซงยอนอึกอักไม่ยอมตอบ องค์ชายลีซานจึงรีบไปตามหาเทซู เมื่อรู้ว่าเทซูถูกส่งตัวไปกรมอาญาในฐานะนักโทษที่บุกรุกตำหนักซีมินตัง องค์ชายลีซานก็รีบไปขอความช่วยเหลือจากพระมารดาโดยสารภาพว่าคนที่บุกรุกตำหนักซีมินตังคือพระองค์เอง ครั้นพอถูกพระมารดาปฏิเสธ องค์ชายลีซานจึงบอกว่าเทซูกำลังจะโดนประหารเพราะแอบช่วยให้ตนได้พบกับพระบิดา หากพระมารดาไม่ยอมช่วย ตนจะไปสารภาพและขอรับโทษจากพระอัยกา
พระองค์รู้สึกน้อยใจและผิดหวังที่พระมารดาให้ความสำคัญกับการขึ้นครองบัลลังก์มากกว่าชีวิตคน จึงกล่าวว่าหากต้องขึ้นครองราชย์ด้วยวิธีนี้ (ให้คนอื่นตายแทน) พระองค์ยินดีสละราชบัลลังก์ องค์ชายลีซานพยายามอ้อนวอนให้พระมารดาช่วย แต่พระมารดาเองก็จนปัญญา เมื่อรู้ว่าพระเจ้ายองโจจะเสด็จออกนอกวังเป็นเวลานาน 3-4 วัน องค์ชายลีซานก็รู้สึกสิ้นหวังทั้งยังเสียใจมากที่ช่วยเทซูไม่ได้ เมื่อนึกถึงคำพูดของพระบิดาองค์ชายลีซานจึงรีบไปค้นหาภาพวาด หลังพบกล่องไม้ที่ภายในมีภาพวาดบรรจุอยู่พระองค์ก็รีบไปหาซงยอนเพื่อขอความช่วยเหลือโดยบอกว่ามีวิธีช่วยพระบิดาและเทซูแล้ว
พอรู้ว่าองค์ชายลีซานต้องการภาพวาดแผนที่ถนนวุนจองเพราะพระองค์ไม่รู้จักถนนหนทาง ซงยอนจึงอาสาไปเป็นเพื่อน องค์ชายลีซานรีบปฏิเสธเพราะเกรงว่าซงยอนจะเดือดร้อนและมีอันตราย แต่ซงยอนแย้งว่าพวกตนเกี่ยวก้อยสัญญากันแล้วว่าจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นซงยอนก็เข้าไปซ่อนตัวในกล่องไม้ซึ่งอยู่บนเกี้ยวขององค์ชายลีซาน เมื่อเดินทางไปได้สักระยะหนึ่ง องค์ชายลีซานก็บอกข้ารับใช้ว่าพระองค์ปวดท้องมากและฉวยโอกาสหลบหนีไป
ด้านเทซูถูกโบยอย่างหนักเพื่อบีบให้สารภาพว่าลอบเข้าไปในตำหนักซีมินตังทำไม เทซูทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงสารภาพว่ามหาดเล็กฝึกหัดที่ชื่อบูต๊อกเป็นคนชวนตนไป เจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้นก็งงเป็นไก่ตาแตกเพราะไม่รู้ว่าใครคือบูต๊อก โชคดีที่ "ปาร์ค ดัลโฮ" อาของเทซู และ "ฮง พงฮัน" (พระบิดาของพระชายาเฮคยอง) หาทางช่วยเทซูจนพ้นคุกได้สำเร็จ
ซงยอนพาองค์ชายลีซานไปขโมยเสื้อผ้าเด็กแถวนั้นมาใส่ แต่องค์ชายลีซานใส่ไม่เป็นเลยต้องให้ซงยอนช่วย องค์ชายเห็นแผลที่แขนของซงยอนจึงใช้ผ้าคาดเอวของตนพันแผลให้เธอ และขอให้เธอเรียกตนตรงๆ ว่า "ซาน" ซงยอนพาองค์ชายลีซานแอบขึ้นรถม้าไปที่ถนนวุนจอง ครั้นพอมีทหารตั้งด่านตรวจค้น ชายที่มากับรถม้าจึงลงมือฆ่าทหารเพราะเกรงว่าตัวเองจะถูกจับโทษฐานที่ขายเหล้าเถื่อน องค์ชายลีซานเห็นดังนั้นจึงชวนซงยอนหนี ครั้นพอนึกได้ว่าตนเองลืมภาพวาดองค์ชายลีซานก็รีบกลับไปเอาทำให้ถูกคนร้ายจับตัวไป
หลังถูกขังและกำลังจะโดนฆ่าปิดปากในไม่ช้า องค์ชายลีซานก็ร้องบอกแก๊งค้าเหล้าเถื่อนว่าพระองค์เป็นองค์ชายแต่ไม่มีใครเชื่อ ขณะถูกขังอยู่ในห้ององค์ชายลีซานพบเทซูนอนกรนอยู่จึงรีบปลุกให้ตื่น เทซูเห็นหน้าองค์ชายลีซานก็รู้สึกโกรธจึงตรงเข้าทำร้ายองค์ชายลีซาน ซงยอนเห็นองค์ชายลีซานหายไปนาน จึงตัดสินใจไปฟ้องทหารว่าบ้านหลังใหญ่ลักลอบหมักเหล้าเถื่อนและคนที่นั่นก็ฆ่าเจ้าหน้าที่ตาย แต่ทหารไม่เชื่อเพราะเป็นบ้านของบัณฑิตปาร์ค
องค์ชายลีซานและเทซูฉวยโอกาสวิ่งหนีตอนที่คนร้ายจะจัดการพวกตน พอเห็นทหารเทซูจะเข้าไปขอความช่วยเหลือแต่องค์ชายลีซานห้ามไว้ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้พบกับซงยอน เธอจึงพาทั้งคู่หนีออกมา องค์ชายลีซานแปลกใจที่เห็นทหารมากมาย ซงยอนจึงบอกว่าเธอนำสายคาดเอวขององค์ชายไปขอความช่วยเหลือจากทหาร ทำให้องค์ชายลีซานรู้สึกซาบซึ้งใจ พอรู้ว่าบูต๊อกคือองค์ชายน้อยลีซาน เทซูก็รู้สึกตกใจ
เมื่อรู้ว่าองค์ชายลีซานจะไปถนนวุนจอง เทซูก็บอกว่าตนรู้ทางลัดและช่วยนำทางไปจนถึงที่หมาย แต่พอไปถึงกลับพบว่าพระเจ้ายองโจเสด็จไปที่เมืองยอจูต่อ องค์ชายลีซานจึงตามไปจนพบและตีฆ้องร้องเรียน พระเจ้ายองโจได้ยินเสียงฆ้องเลยสั่งให้หยุดขบวน เมื่อพบว่าผู้ที่มีเรื่องร้องเรียนคือองค์ชายลีซาน พระเจ้ายองโจก็รู้สึกแปลกใจ องค์ชายลีซานถวายภาพเขียนของพระบิดาและสารภาพว่าพระองค์คือคนที่บุกรุกตำหนักซีมินตัง จากนั้นก็วิงวอนพระเจ้ายองโจให้ทรงปล่อยตัวพระบิดาของตน แต่พระเจ้ายองโจกลับทรงมีรับสั่งให้จับองค์ชายลีซานไปส่งที่กรมอาญาโดยพระองค์จะทรงไต่สวนความผิดด้วยตัวเอง
ทันใดนั้นนายกองก็เข้ามาทูลพระเจ้ายองโจว่ารัชทายาททรงสิ้นพระชนม์แล้ว องค์ชายลีซานเสียใจที่พระบิดาเสียชีวิตโดยที่ตนไม่อาจช่วยเหลือจึงร่ำไห้อย่างหนัก พระเจ้ายองโจเห็นดังนั้นจึงไม่คิดเอาผิดองค์ชายลีซานอีก เพราะเขื่อว่ารัชทายาทเอาชีวิตของตนมาแลกกับชีวิตขององค์ชายลีซาน ซงยอนกับเทซูเห็นองค์ชายลีซานร้องไห้หนักมากจึงคอยปลอบใจ
เทซูไปโม้กับเพื่อนๆ ว่าตนเป็นเพื่อนกับองค์ชายลีซาน ทำให้ได้ยินข่าวลือว่ามีการเตรียมยาพิษให้องค์ชายลีซาน เทซูไม่เชื่อเพราะขนาดตนเองยังได้รับการอภัยโทษ แต่เด็กชายคนนั้นก็ยังเตือนเทซูว่าถ้าไปพูดกับใครว่าเป็นเพื่อนองค์ชายลีซานสักวันอาจโดนประหาร
ราชเลขามาที่บ้านองค์ชายลีซานและบอกให้สองแม่ลูกเข้าเฝ้าโดยเร็ว องค์ชายลีซานกล่าวกับพระมารดาว่า ตนไม่ต้องการขึ้นมาแทนที่พระบิดาและจะไม่สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระอัยกาอย่างแน่นอน พระชายาเฮคยองจึงบอกองค์ชายลีซานว่า เธอไม่ได้หวังให้องค์ชายลีซานเป็นพระราชาองค์ใหม่เพราะเห็นแก่วงศ์ตระกูลหรือต้องการให้พระองค์ได้เสวยสุข แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตขององค์ชาย เพราะถ้าไม่ขึ้นครองราชย์พระองค์จะต้องตาย พระชายาเฮคยองขอให้องค์ชายลีซานเห็นแก่พระบิดาที่ยอมตายเพื่อรักษาชีวิตพระองค์เอาไว้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพระองค์จะต้องเป็นพระราชาและต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
ซงยอนกับเทซูดั้นด้นมาหาองค์ชายลีซานอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง องค์ชายลีซานดีใจมากที่ได้พบหน้าเพื่อนทั้งสอง เทซูเตือนว่าถ้าเข้าวังองค์ชายอาจมีอันตราย แต่องค์ชายลีซานเชื่อว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตน แต่สิ่งที่พระองค์ทรงเป็นกังวลคือหลังเข้าวังแล้วจะไม่ได้ออกมาพบซงยอนกับเทซูอีก ซงยอนจึงให้คำมั่นว่าพวกตนจะหาทางเข้าวังไปพบองค์ชายเอง องค์ชายลีซานจึงถือเอาคำพูดของเพื่อนทั้งสองเป็นคำมั่นสัญญา โดยบอกว่าไม่ว่าจะนานสักเท่าไหร่พระองค์จะไม่มีวันลืมเพื่อนทั้งสอง และจะรอจนกว่าทั้งคู่จะเข้าวังมาหาตน
หลังจากนั้นองค์ชายลีซานก็ถูกแต่งตั้งเป็นองค์ชายรัชทายาทท่ามกลางเสียงคัดค้านจากเหล่าขุนนาง พระองค์ทรงย้ายไปพำนักที่ตำหนัก "ชาคยอง" เพื่อรับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด โดยมีครูอาจารย์คอยสอนวิชาความรู้ในแขนงต่างๆ รวมทั้งทักษะด้านการป้องกันตัว
พระเจ้ายองโจต้องการทดสอบความรู้ความสามารถขององค์ชายลีซานจึงตรัสถามว่า สิ่งแรกที่พระราชาควรทำคืออะไรโดยให้เวลาหาคำตอบ 3 วัน องค์ชายลีซานพยายามคิดหาคำตอบแต่ก็ยังตอบไม่ถูก พระเจ้ายองโจจึงคิดที่จะปลดองค์ชายลีซานจากตำแหน่งรัชทายาท พระเจ้ายองโจยังพบด้วยว่าองค์ชายลีซานเบิกเงินจากท้องพระคลังมาใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก จึงถามว่าทรงนำเงินมาใช้ทำอะไร เมื่อองค์ชายลีซานอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ พระเจ้ายองโจจึงขับองค์ชายลีซานออกจากวัง
องค์ชายลีซานเตรียมออกจากวังหลวงในวันรุ่งขึ้น แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีมหาดเล็กมาเชิญไปที่ห้องฎีกาโดยบอกว่าพระเจ้ายองโจมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าด่วน เมื่อรู้ว่าองค์ชายลีซานนำงบประมาณของตำหนักไปไถ่ตัวเด็กๆ ที่กำลังจะถูกส่งไปขายเป็นแรงงานทาสให้ต้าชิงพระเจ้ายองโจก็รู้สึกพึงพอใจ (องค์ชายลีซานได้อ่านฎีกาที่เด็กๆ ผู้ทุกข์ยากส่งมาร้องเรียน) พระองค์จึงมีรับสั่งให้องค์ชายลีซานกลับไปอยู่ที่ตำหนักตามเดิม ขณะเดียวกันพระองค์ก็รู้สึกกริ้วที่ไม่มีใครนำฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาถวาย ปรากฏว่าสิ่งที่องค์ชายลีซานทำคือคำตอบพระเจ้ายองโจต้องการ เพราะคุณสมบัติข้อแรกที่พระราชาพึงมีคือจิตใจที่ห่วงใยราษฎร และการทำเพื่อบ้านเมืองด้วยความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อนั่นเอง
หลังจากนั้น เหล่าขุนนางที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับองค์ชายลีซาน ก็เริ่มต้นแผนการที่จะทำให้องค์ชายลีซานผิดใจกับพระเจ้ายองโจ ทั้งการทำให้องค์ชายลีซานเสียหน้าต่อหน้าพระพักตร์ และการใส่ร้ายว่าพบปืนและดาบจำนวนมากที่ตำหนักตงกุงซึ่งเป็นตำหนักเดิมขององค์ชายลีซาน หวังกล่าวหาว่าองค์ชายลีซานคิดก่อกบฏเช่นเดียวกับพระบิดา เมื่อพระเจ้ายองโจเสด็จมาทอดพระเนตรก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมถึงมีอาวุธมากมายซุกซ่อนอยู่ในตำหนักตงกุง จึงตรัสถามว่าอดีตรัชทายาทสั่งให้องค์ชายลีซานเก็บรักษาอาวุธแทนใช่ไหม องค์ชายลีซานรีบปฏิเสธด้วยความตกใจ
หลังมีการตรวจพบคลังแสงที่ตำหนักตงกุง องค์ชายลีซานซึ่งมีพระชนมายุเพียง 11 พรรษาก็ตกที่นั่งลำบาก พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งว่าจะไม่ให้อภัยผู้ที่เป็นภัยต่อราชวงศ์เป็นอันขาด ทำให้ทุกคนในตำหนักขององค์ชายลีซานถูกไต่สวนอย่างเข้มงวด องค์ชายลีซานเห็นดังนั้นก็รู้สึกเป็นกังวลและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเอาตัวรอดในวังที่แสนน่ากลัวนี้ได้ "ฮง ซังกุง" แห่งตำหนักเฮคยองและ "ฮง พงฮัน" แนะนำให้องค์ชายลีซานกราบทูลพระเจ้ายองโจว่าคลังแสงที่ตรวจพบนั้นองค์รัชทายาทซาโตได้เก็บไว้นานแล้ว และพระองค์ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพียงเท่านี้ก็จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้
วันต่อมาองค์ชายลีซานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจเพื่อทูลว่าพระบิดาของพระองค์ไม่เคยคิดปองร้ายพระเจ้ายองโจเลยแม้แต่น้อย พระเจ้ายองโจจึงขอหลักฐานยืนยัน หลังจากนั้นพระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งให้หัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์นัมไปสืบเบื้องหลังเรื่องคลังอาวุธโดยให้เวลา 5 วัน ใต้เท้านัมจึงเรียกลูกน้อง รวมทั้งดัลโฮมาช่วยงาน และสั่งให้ปิดเป็นความลับ ใต้เท้านัมสั่งให้ดัลโฮไปจับตาดูคนที่แอบซื้อขายอาวุธเพราะรู้สึกว่าปืนยาวที่พบในตำหนักขององค์ชายลีซานเป็นของใหม่ ใต้เท้านัมยังไม่ทันรายงานผล อยู่ๆ "แช มูฮัน" กับ "ลี คีจา" ก็สารภาพว่าได้รับคำสั่งจากอดีตรัชทายาทให้หาปืนมาแล้วขุดหลุมฝังไว้ เหล่าขุนนางจึงขอให้พระเจ้ายองโจสอบปากคำองค์ชายลีซานหวังเอาผิดให้ได้
ใต้เท้านัมทูลพระเจ้ายองโจว่า ตนพบตั๋วเงินในบ้าน "ลี ตงยอน" (คนสนิทของอดีตรัชทายาท) และพ่อค้าที่ชื่อ "ชอง ฮักชุน" ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว หากพิจารณาตามหลักฐานที่พบก็แสดงว่าคนสนิทของอดีตรัชทายาทเคยซื้อปืน 80 กระบอกจริง แต่ที่น่าแปลกก็คือทำไมพวกเขาถึงยังเก็บหลักฐานเอาไว้
ตอนที่ดัลโฮไปสืบเรื่องปืนก็ได้เทซูกับซงยอนคอยช่วย พอรู้ว่าองค์ชายลีซานจะต้องรับโทษ เทซูจึงมาต่อว่าดัลโฮ พอรู้ว่าถ้าได้ปืนมาก็อาจช่วยให้องค์ชายลีซานรอดพ้นจากข้อกล่าวหาได้ ซงยอนจึงพาดัลโฮไปเอาปืน หลังจากนั้นดัลโฮก็รีบนำปืนไปให้ใต้เท้านัมดู พร้อมทั้งบอกว่าพบปืนที่บ้านเศรษฐีคนหนึ่ง แถมซงยอนยังเห็นกับตาว่ามีการขนปืนแต่ไม่รู้ว่าขนไปที่ไหน และปืนแบบเดียวกันนี้ก็เพิ่งขุดเจอที่ตำหนักเดิมขององค์ชายลีซาน ใต้เท้านัมรีบไปเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจแต่กลับพบว่าพระองค์เสด็จไปลานไต่สวนเพื่อสอบปากคำองค์ชายลีซาน เขาจึงรีบตามไป
เหล่าขุนนางกับทหารนำตัวองค์ชายลีซานมาสอบสวนและเตรียมทรมาน เมื่อพระเจ้ายองโจเสด็จมาถึงจึงสั่งให้ยุติการสอบสวนและขอดูอาวุธที่ยึดมาได้ เจ้ากรมอาญาจึงให้คนนำอาวุธออกมาให้พระเจ้ายองโจทอดพระเนตร พระเจ้ายองโจชี้ว่าอาวุธทุกชนิดที่ผลิตจากคลังแสงจะมีเครื่องหมายและวันเดือนปีที่ผลิตกำกับไว้ เจ้ากรมอาญาได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ปรากฏว่าปืนทั้งหมดถูกผลิตขึ้นในเดือน 6 ปียิมมู แต่อดีตรัชทายาทสิ้นพระชนม์เดือน 5 ซึ่งหมายความว่ามีคนนำอาวุธพวกนี้ออกจากคลังแสงเพื่อใส่ร้ายองค์ชายลีซาน พระองค์ยังสั่งให้เบิกตัวผู้ต้องหาโดยบอกว่าชายคนดังกล่าวคือพ่อค้าที่ขโมยอาวุธจากคลังแสงออกไปขายข้างนอก และมีคนซื้ออาวุธต่อจากเขาเพื่อกล่าวหาว่าองค์ชายลีซานคิดก่อกบฎ พระเจ้ายองโจทรงลั่นวาจาว่าจะสืบหาคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้ จากนั้นก็สั่งให้นำตัวเจ้ากรมอาญาไปขังคุกเพื่อรอรับโทษหนัก และให้ลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ใต้เท้านัมไปเฝ้าองค์ชายลีซานและเล่าเรื่องเทซูกับซงยอนให้พระองค์ฟัง พอรู้ว่าซงยอนกับเทซูเป็นคนช่วยพระองค์เอาไว้ องค์ชายลีซานจึงบอกใต้เท้านัมว่า พระองค์กับซงยอนและเทซูสัญญาว่าจะพบกันอีก และตกลงว่าก่อนที่จะได้พบกันทุกคนต้องดูแลตัวเองดีๆ พอรู้ว่าทั้งคู่ยังอยู่ในเมืองหลวง องค์ชายลีซานก็ขอให้ใต้เท้านัมพาพระองค์ไปพบเพื่อนทั้งสอง เพราะไหนๆ วันนี้ก็ต้องออกจากวังไปเรียนหนังสืออยู่แล้ว แต่โชคร้ายที่คลาดกันทำให้องค์ชายลีซานไม่ได้พบเทซูกับซงยอน
เทซูไปโม้กับเพื่อนๆ ว่าตนเป็นเพื่อนกับองค์ชายลีซาน ทำให้ได้ยินข่าวลือว่ามีการเตรียมยาพิษให้องค์ชายลีซาน เทซูไม่เชื่อเพราะขนาดตนเองยังได้รับการอภัยโทษ แต่เด็กชายคนนั้นก็ยังเตือนเทซูว่าถ้าไปพูดกับใครว่าเป็นเพื่อนองค์ชายลีซานสักวันอาจโดนประหาร
ราชเลขามาที่บ้านองค์ชายลีซานและบอกให้สองแม่ลูกเข้าเฝ้าโดยเร็ว องค์ชายลีซานกล่าวกับพระมารดาว่า ตนไม่ต้องการขึ้นมาแทนที่พระบิดาและจะไม่สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระอัยกาอย่างแน่นอน พระชายาเฮคยองจึงบอกองค์ชายลีซานว่า เธอไม่ได้หวังให้องค์ชายลีซานเป็นพระราชาองค์ใหม่เพราะเห็นแก่วงศ์ตระกูลหรือต้องการให้พระองค์ได้เสวยสุข แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตขององค์ชาย เพราะถ้าไม่ขึ้นครองราชย์พระองค์จะต้องตาย พระชายาเฮคยองขอให้องค์ชายลีซานเห็นแก่พระบิดาที่ยอมตายเพื่อรักษาชีวิตพระองค์เอาไว้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพระองค์จะต้องเป็นพระราชาและต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
ซงยอนกับเทซูดั้นด้นมาหาองค์ชายลีซานอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง องค์ชายลีซานดีใจมากที่ได้พบหน้าเพื่อนทั้งสอง เทซูเตือนว่าถ้าเข้าวังองค์ชายอาจมีอันตราย แต่องค์ชายลีซานเชื่อว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตน แต่สิ่งที่พระองค์ทรงเป็นกังวลคือหลังเข้าวังแล้วจะไม่ได้ออกมาพบซงยอนกับเทซูอีก ซงยอนจึงให้คำมั่นว่าพวกตนจะหาทางเข้าวังไปพบองค์ชายเอง องค์ชายลีซานจึงถือเอาคำพูดของเพื่อนทั้งสองเป็นคำมั่นสัญญา โดยบอกว่าไม่ว่าจะนานสักเท่าไหร่พระองค์จะไม่มีวันลืมเพื่อนทั้งสอง และจะรอจนกว่าทั้งคู่จะเข้าวังมาหาตน
หลังจากนั้นองค์ชายลีซานก็ถูกแต่งตั้งเป็นองค์ชายรัชทายาทท่ามกลางเสียงคัดค้านจากเหล่าขุนนาง พระองค์ทรงย้ายไปพำนักที่ตำหนัก "ชาคยอง" เพื่อรับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด โดยมีครูอาจารย์คอยสอนวิชาความรู้ในแขนงต่างๆ รวมทั้งทักษะด้านการป้องกันตัว
พระเจ้ายองโจต้องการทดสอบความรู้ความสามารถขององค์ชายลีซานจึงตรัสถามว่า สิ่งแรกที่พระราชาควรทำคืออะไรโดยให้เวลาหาคำตอบ 3 วัน องค์ชายลีซานพยายามคิดหาคำตอบแต่ก็ยังตอบไม่ถูก พระเจ้ายองโจจึงคิดที่จะปลดองค์ชายลีซานจากตำแหน่งรัชทายาท พระเจ้ายองโจยังพบด้วยว่าองค์ชายลีซานเบิกเงินจากท้องพระคลังมาใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก จึงถามว่าทรงนำเงินมาใช้ทำอะไร เมื่อองค์ชายลีซานอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ พระเจ้ายองโจจึงขับองค์ชายลีซานออกจากวัง
องค์ชายลีซานเตรียมออกจากวังหลวงในวันรุ่งขึ้น แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีมหาดเล็กมาเชิญไปที่ห้องฎีกาโดยบอกว่าพระเจ้ายองโจมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าด่วน เมื่อรู้ว่าองค์ชายลีซานนำงบประมาณของตำหนักไปไถ่ตัวเด็กๆ ที่กำลังจะถูกส่งไปขายเป็นแรงงานทาสให้ต้าชิงพระเจ้ายองโจก็รู้สึกพึงพอใจ (องค์ชายลีซานได้อ่านฎีกาที่เด็กๆ ผู้ทุกข์ยากส่งมาร้องเรียน) พระองค์จึงมีรับสั่งให้องค์ชายลีซานกลับไปอยู่ที่ตำหนักตามเดิม ขณะเดียวกันพระองค์ก็รู้สึกกริ้วที่ไม่มีใครนำฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาถวาย ปรากฏว่าสิ่งที่องค์ชายลีซานทำคือคำตอบพระเจ้ายองโจต้องการ เพราะคุณสมบัติข้อแรกที่พระราชาพึงมีคือจิตใจที่ห่วงใยราษฎร และการทำเพื่อบ้านเมืองด้วยความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อนั่นเอง
หลังจากนั้น เหล่าขุนนางที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับองค์ชายลีซาน ก็เริ่มต้นแผนการที่จะทำให้องค์ชายลีซานผิดใจกับพระเจ้ายองโจ ทั้งการทำให้องค์ชายลีซานเสียหน้าต่อหน้าพระพักตร์ และการใส่ร้ายว่าพบปืนและดาบจำนวนมากที่ตำหนักตงกุงซึ่งเป็นตำหนักเดิมขององค์ชายลีซาน หวังกล่าวหาว่าองค์ชายลีซานคิดก่อกบฏเช่นเดียวกับพระบิดา เมื่อพระเจ้ายองโจเสด็จมาทอดพระเนตรก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมถึงมีอาวุธมากมายซุกซ่อนอยู่ในตำหนักตงกุง จึงตรัสถามว่าอดีตรัชทายาทสั่งให้องค์ชายลีซานเก็บรักษาอาวุธแทนใช่ไหม องค์ชายลีซานรีบปฏิเสธด้วยความตกใจ
หลังมีการตรวจพบคลังแสงที่ตำหนักตงกุง องค์ชายลีซานซึ่งมีพระชนมายุเพียง 11 พรรษาก็ตกที่นั่งลำบาก พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งว่าจะไม่ให้อภัยผู้ที่เป็นภัยต่อราชวงศ์เป็นอันขาด ทำให้ทุกคนในตำหนักขององค์ชายลีซานถูกไต่สวนอย่างเข้มงวด องค์ชายลีซานเห็นดังนั้นก็รู้สึกเป็นกังวลและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเอาตัวรอดในวังที่แสนน่ากลัวนี้ได้ "ฮง ซังกุง" แห่งตำหนักเฮคยองและ "ฮง พงฮัน" แนะนำให้องค์ชายลีซานกราบทูลพระเจ้ายองโจว่าคลังแสงที่ตรวจพบนั้นองค์รัชทายาทซาโตได้เก็บไว้นานแล้ว และพระองค์ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพียงเท่านี้ก็จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้
วันต่อมาองค์ชายลีซานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจเพื่อทูลว่าพระบิดาของพระองค์ไม่เคยคิดปองร้ายพระเจ้ายองโจเลยแม้แต่น้อย พระเจ้ายองโจจึงขอหลักฐานยืนยัน หลังจากนั้นพระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งให้หัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์นัมไปสืบเบื้องหลังเรื่องคลังอาวุธโดยให้เวลา 5 วัน ใต้เท้านัมจึงเรียกลูกน้อง รวมทั้งดัลโฮมาช่วยงาน และสั่งให้ปิดเป็นความลับ ใต้เท้านัมสั่งให้ดัลโฮไปจับตาดูคนที่แอบซื้อขายอาวุธเพราะรู้สึกว่าปืนยาวที่พบในตำหนักขององค์ชายลีซานเป็นของใหม่ ใต้เท้านัมยังไม่ทันรายงานผล อยู่ๆ "แช มูฮัน" กับ "ลี คีจา" ก็สารภาพว่าได้รับคำสั่งจากอดีตรัชทายาทให้หาปืนมาแล้วขุดหลุมฝังไว้ เหล่าขุนนางจึงขอให้พระเจ้ายองโจสอบปากคำองค์ชายลีซานหวังเอาผิดให้ได้
ใต้เท้านัมทูลพระเจ้ายองโจว่า ตนพบตั๋วเงินในบ้าน "ลี ตงยอน" (คนสนิทของอดีตรัชทายาท) และพ่อค้าที่ชื่อ "ชอง ฮักชุน" ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว หากพิจารณาตามหลักฐานที่พบก็แสดงว่าคนสนิทของอดีตรัชทายาทเคยซื้อปืน 80 กระบอกจริง แต่ที่น่าแปลกก็คือทำไมพวกเขาถึงยังเก็บหลักฐานเอาไว้
ตอนที่ดัลโฮไปสืบเรื่องปืนก็ได้เทซูกับซงยอนคอยช่วย พอรู้ว่าองค์ชายลีซานจะต้องรับโทษ เทซูจึงมาต่อว่าดัลโฮ พอรู้ว่าถ้าได้ปืนมาก็อาจช่วยให้องค์ชายลีซานรอดพ้นจากข้อกล่าวหาได้ ซงยอนจึงพาดัลโฮไปเอาปืน หลังจากนั้นดัลโฮก็รีบนำปืนไปให้ใต้เท้านัมดู พร้อมทั้งบอกว่าพบปืนที่บ้านเศรษฐีคนหนึ่ง แถมซงยอนยังเห็นกับตาว่ามีการขนปืนแต่ไม่รู้ว่าขนไปที่ไหน และปืนแบบเดียวกันนี้ก็เพิ่งขุดเจอที่ตำหนักเดิมขององค์ชายลีซาน ใต้เท้านัมรีบไปเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจแต่กลับพบว่าพระองค์เสด็จไปลานไต่สวนเพื่อสอบปากคำองค์ชายลีซาน เขาจึงรีบตามไป
เหล่าขุนนางกับทหารนำตัวองค์ชายลีซานมาสอบสวนและเตรียมทรมาน เมื่อพระเจ้ายองโจเสด็จมาถึงจึงสั่งให้ยุติการสอบสวนและขอดูอาวุธที่ยึดมาได้ เจ้ากรมอาญาจึงให้คนนำอาวุธออกมาให้พระเจ้ายองโจทอดพระเนตร พระเจ้ายองโจชี้ว่าอาวุธทุกชนิดที่ผลิตจากคลังแสงจะมีเครื่องหมายและวันเดือนปีที่ผลิตกำกับไว้ เจ้ากรมอาญาได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ปรากฏว่าปืนทั้งหมดถูกผลิตขึ้นในเดือน 6 ปียิมมู แต่อดีตรัชทายาทสิ้นพระชนม์เดือน 5 ซึ่งหมายความว่ามีคนนำอาวุธพวกนี้ออกจากคลังแสงเพื่อใส่ร้ายองค์ชายลีซาน พระองค์ยังสั่งให้เบิกตัวผู้ต้องหาโดยบอกว่าชายคนดังกล่าวคือพ่อค้าที่ขโมยอาวุธจากคลังแสงออกไปขายข้างนอก และมีคนซื้ออาวุธต่อจากเขาเพื่อกล่าวหาว่าองค์ชายลีซานคิดก่อกบฎ พระเจ้ายองโจทรงลั่นวาจาว่าจะสืบหาคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้ จากนั้นก็สั่งให้นำตัวเจ้ากรมอาญาไปขังคุกเพื่อรอรับโทษหนัก และให้ลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ใต้เท้านัมไปเฝ้าองค์ชายลีซานและเล่าเรื่องเทซูกับซงยอนให้พระองค์ฟัง พอรู้ว่าซงยอนกับเทซูเป็นคนช่วยพระองค์เอาไว้ องค์ชายลีซานจึงบอกใต้เท้านัมว่า พระองค์กับซงยอนและเทซูสัญญาว่าจะพบกันอีก และตกลงว่าก่อนที่จะได้พบกันทุกคนต้องดูแลตัวเองดีๆ พอรู้ว่าทั้งคู่ยังอยู่ในเมืองหลวง องค์ชายลีซานก็ขอให้ใต้เท้านัมพาพระองค์ไปพบเพื่อนทั้งสอง เพราะไหนๆ วันนี้ก็ต้องออกจากวังไปเรียนหนังสืออยู่แล้ว แต่โชคร้ายที่คลาดกันทำให้องค์ชายลีซานไม่ได้พบเทซูกับซงยอน
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน (Yi San)"
นักแสดงนำ
คิม ยอจิน
รับบท มเหสีชองซุน
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา