วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เรื่องย่อ จองอี ตำนานศิลป์แห่งโชซอน (Goddess of Fire)




กำกับ: ปาร์ค ซองซู
เขียนบท: ควอน ซุนคยู, ลี ซอยุน
แนวละคร: ย้อนยุค, อิงประวัติศาสตร์, โรแมนติก
จำนวนตอน: 32
ออกอากาศ: เกาหลี - 1 กรกฎาคม 2556 - 22 ตุลาคม 2556 ทางเอ็มบีซี
                 ไทย - ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 11.00-12.00 น. ทางช่อง 3 เอชดี (ช่อง 33) ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2559 - 9 มกราคม 2560




"จองอี ตำนานศิลป์แห่งโชซอน (Goddess of Fire)" นำเสนอเรื่องราวของศิลปินหญิงซึ่งเป็นนักปั้นเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องลายคราม นามว่า "ยูจอง" (จองอี) โดยเรื่องราวในละครดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของ "เพค พาซอน"   ช่างปั้นเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องเคลือบลายครามหญิงคนแรกของโชซอน (ภรรยาของ "คิม แทโด") ด้วยความที่เธอมีความเชี่ยวชาญในด้านงานปั้น ทั้งยังมีทักษะในการเผาและเคลือบขั้นเทพ เธอจึงได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ผลิตเครื่องถ้วยชามสำหรับราชวงศ์

ชื่อเสียงและผลงานของเธอไม่เพียงเป็นที่ร่ำลือในโชซอนเท่านั้น แต่ยังดังไปถึงหูผู้รุกรานชาวต่างชาติ เป็นเหตุให้ในช่วงที่ญี่ปุ่นรุกรานเกาหลีเมื่อปี ค.ศ. 1592 (พ.ศ. 2135) ทั้งพาซอนและสามี รวมถึงช่างฝีมือคนอื่นๆ ในโชซอน ได้ถูกลักพาตัวไปที่ญี่ปุ่นและถูกบังคับให้ผลิตผลงานขึ้นที่นั่น หลังโตโยโทมิ ฮิเดโยชิ มีคำสั่งให้พัฒนางานด้านศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นให้เจริญรุ่งเรือง เพค พาซอนจึงช่วยพัฒนาเทคนิคงานปั้นและได้สร้างสรรค์เครื่องปั้นชนิดใหม่ๆ ขึ้นมากมายและผลงานของเธอก็ถูกตรีตราว่าเป็นงานศิลปะของญี่ปุ่น สุดท้ายเธอก็เป็นศิลปินช่างปั้นที่ได้รับการยกย่องถึงขนาดมีการตั้งศาลเจ้าในเมืองอริตะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่ออุทิศให้กับเธอ

* โชซอนถือเป็นยุคทองของงานปั้นเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องเคลือบลายครามเกาหลี ผลงานที่เกิดขึ้นในยุคนี้เป็นที่ยอมรับว่ามีคุณภาพดีที่สุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงทักษะอันยอดเยี่ยมของช่างปั้นและคุณภาพของเตาเผา  (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องเคลือบหรือพอร์ซเลนสีขาว ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดขงจื๊อ ส่งผลให้ลักษณะของชิ้นงานมีความเรียบง่าย เกลี้ยงเกลา ไม่มีรูปทรงหรือลวดลายที่วิจิตรพิสดารหรือสลับซับซ้อน แต่แฝงไว้ซึ่งความหมาย)  แต่หลังถูกญี่ปุ่นรุกรานอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องลายครามเกาหลีก็เสียหายอย่างหนัก เพราะช่างฝีมือทั้งหมดถูกลักพาตัวไปญี่ปุ่น ทำให้ต้องเรียนรู้และเริ่มต้นฝึกฝนกันใหม่

เรื่องย่อ



เนื้อหาในละครกล่าวถึงชีวิตและความรักของ  "ยูจอง" (จองอี) ซึ่งมีความใฝ่ฝันว่าสักวันจะเป็นช่างปั้นมือหนึ่งของโชซอน หลังบิดาเสียชีวิตเธอจึงอุทิศตนให้กับการฝึกฝนและเข้าไปทำงานเป็นช่างปั้นที่โรงปั้นเครื่องถ้วยชามในวังหลวง โดยประจำอยู่ที่เตาเผาพุนวอนซึ่งเป็นเตาเผาของราชวงศ์ที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพดีที่สุด แม้จะพบเจอกับอุปสรรคนานัปการ (รวมทั้งการกีดกันทางเพศ) แต่เธอก็ใช้ความสามารถและความรักในงานปั้นฟันฝ่าขวากหนามจนได้รับการยอมรับในฐานะช่างปั้นหญิง ทั้งยังเป็นช่างปั้นที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย และนั่นก็นำมาซึ่งความอิจฉาริษยาจนเป็นเหตุให้เธอต้องพลัดพรากจากคนรักและบ้านเกิดเมืองนอน

ละครเปิดฉากขึ้นด้วยเรื่องราวความฝัน "ยู อึลดัม" ฝันว่ามีเด็กผู้หญิงนำเครื่องเคลือบสีขาว (แจกัน) ไปถวาย "พระเจ้าซอนโจ" (พระราชาองค์ที่ 14 แห่งราชวงศ์โชซอน) ในฐานะช่างปั้นหญิง เมื่อพระเจ้าซอนโจทอดพระเนตรชิ้นงานก็ทั้งแปลกใจและประทับใจ เพราะไม่เคยเห็นผลงานคุณภาพเยี่ยมเช่นนี้มาก่อน อยู่ๆ เด็กผู้หญิงคนดังกล่าวก็หันมามองอึลดัมและเรียกเขาว่า "ท่านพ่อ!" ทำให้ทั้งอึลดัมและ "ลี คังชอน" รู้สึกประหลาดใจ (อึลดัมยังโสด)  

วันรุ่งขึ้น พระเจ้าซอนโจมีรับสั่งให้คังชอนกับอึลดัมแข่งขันกันทำเครื่องปั้นโดยมีตำแหน่งหัวหน้าช่างปั้นประจำเตาเผาพุนวอนของทางราชสำนักเป็นเดิมพัน เมื่อ "พระสนมอินบิน" จากตระกูลคิมแห่งซูวอน ทราบข่าวก็รู้สึกเป็นกังวล  เธอต้องการให้คังชอนซึ่งเป็นคนของตนได้รับการคัดเลือก เพราะเครื่องเคลือบสีขาวของราชวงศ์โชซอนถือเป็นของล้ำค่า และเตาเผาพุนวอนก็เป็นเตาเผาที่ดีที่สุดของราชวงศ์ หากได้ควบคุมเตาเผาพุนวอนก็เท่ากับมีแหล่งขุมทรัพย์อยู่ในมือ เธอจึงสั่งให้ "ลี พยองอิก" ไปพบคังชอนเพื่อวางแผนรับมือในเรื่องนี้

คังชอนทั้งโกรธและเสียหน้าที่ต้องเข้าแข่งขันกับคนอย่างอึลดัมเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ตระกูลของเขาเป็นช่างปั้นเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องเคลือบลายครามที่มีชื่อเสียง (เขาเป็นช่างปั้นรุ่นที่ 6 ของตระกูล ที่ได้ถวายงานให้กับทางราชสำนัก) เมื่อใต้เท้าลี (พยองอิก) มาหาคังชอนก็พบว่าเขากำลังทุบชิ้นงานของตนเพื่อระบายความเคียดแค้น คังชอนลั่นวาจาว่าตนจะต้องได้เป็นผู้ดูแลเตาเผาพุนวอนเพื่อล้างความอับอายในวันนี้ และจะทำให้ราชวงศ์ยกย่องในฝีมือของตน ใต้เท้าลีเห็นคังชอนมั่นใจเต็มร้อยจึงกล่าวว่าทุกอย่างอาจไม่เป็นดังที่คังชอนคิด และชี้ว่าตนเชื่อมั่นในฝีมือคังชอนแต่ไม่เชื่อใจพระเจ้าซอนโจ

อึลดัมเรียกผู้ช่วยและคนงานในโรงปั้นมาช่วยทำเครื่องเคลือบ แต่กลับพบว่ามีเพียง "ยอนอ๊ก" และคนงานชายอีก 1-2 คนมาช่วยงานตน พอรู้ว่าคนอื่นๆ ต่างไปช่วยคังชอน ซ้ำยังขนดินเหนียวจากภูเขาบงที่ตนชอบใช้ไปจนหมด อึลดัมก็รู้สึกแปลกใจเพราะปกติแล้วคังชอนไม่ชอบใช้ดินเหนียวชนิดดังกล่าวด้วยเห็นว่าไม่ทนต่อความร้อน ยอนอ๊กชี้ว่าคังชอนจงใจกลั่นแกล้งอึลดัมหวังให้พ่ายแพ้การแข่งขัน แต่อึลดัมไม่สนใจ หลังพบว่าดินที่เหลืออยู่มีเพียงดินเหนียวจากซอนชอนเขาจึงคิดที่จะทดลองใช้ดูสักครั้ง พอรู้ว่าอึลดัมจะนำดินที่เขาไม่เคยใช้มาปั้นเป็นชิ้นงานสำหรับส่งเข้าแข่งขัน ยอนอ๊กก็รู้สึกเป็นห่วง แต่อึลดัมมั่นใจในความสามารถยอนอ๊กเพราะเธอเคยช่วยงานคังชอนมาก่อน และชี้ว่านี่ก็เป็นโอกาสที่เธอจะได้สร้างผลงาน (เธอรู้วิธีที่คังชอนนำดินเหนียวจากซอนชอนมาใช้) 

แม้จะมีคนคอยช่วยไม่มาก แถมดินเหนียวที่นำมาปั้นยังเป็นดินที่อึลดัมไม่เคยใช้มาก่อน แต่บรรยากาศในการทำงานกลับเป็นไปอย่างสนุกสนาน ผิดกับฝั่งของคังชอนที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ทั้งๆ ที่มีผู้ช่วยและวัตถุดิบมากเกินพอ เขาค่อยๆ แกะสลักดินเหนียวที่ขึ้นรูปแล้วให้มีลวดลายที่ซับซ้อนและวิจิตรบรรจง แต่ทำยังไม่ทันเสร็จก็เกิดความผิดพลาดเขาจึงบีบชิ้นงานจนเละคามือด้วยความโกรธ


ในที่สุดทั้งคู่ก็พร้อมนำผลงานขึ้นทูลถวาย ปรากฏว่าชุดน้ำชาของทั้งคู่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ผลงานของอึลดัมมีรูปแบบที่เรียบง่าย แสนธรรมดา และแต่งแต้มลวดลายด้วยสีทองแบบไม่ค่อยพิถีพิถันนัก ขณะที่ผลงานของคังชอนมีสีขาวล้วนแต่มาพร้อมลวดลายที่วิจิตรบรรจง เมื่อพระเจ้าซอนโจทอดพระเนตรผลงานของคังชอนก็ตรัสชมว่ามีสีขาวบริสุทธิ์ ขณะที่ลวดลายดอกซากุระมีความสลับซับซ้อน ตนไม่ได้เห็นผลงานลักษณะนี้มานานหลายปีแล้ว เมื่อพระสนมอินบินทูลว่าผลงานของคังชอนคู่ควรกับราชวงศ์อันสูงส่ง พระองค์จึงมอบหมายให้คังชอนดูแลเครื่องเคลือบสำหรับราชวงศ์

หลังจากนั้น พระเจ้าซอนโจก็หยิบผลงานของอึลดัมขึ้นมาทอดพระเนตร เมื่อพบว่าเป็นถ้วยรูปทรงธรรมดาที่มาพร้อมลวดลายง่ายๆ (ไม่ได้เป็นงานศิลปะ) พระองค์ก็วางลงทันที แต่แล้วอยู่ๆ พระองค์ก็ยื่นพระพักตร์ลงไปสังเกตดูใกล้ๆ "พระสนมคงบิน" จากตระกูลคิม แห่งคิมแฮ ออกความเห็นว่าแม้ผลงานของอึลดัมจะไม่โดดเด่นสะดุดตาเมื่อแรกเห็น แต่ดูนานๆ ไปกลับทำให้ใจสงบ พระเจ้าซอนโจหยิบผลงานของอึลดัมขึ้นมาทอดพระเนตรอีกครั้งและเห็นด้วยว่าแม้ผลงานของอึนดัมจะธรรมดาไปสักหน่อย แต่ดูไปดูมากลับทำให้รู้สึกสบายใจ พระองค์จึงมอบหมายให้อึลดัมดูแลชุดน้ำชาของราชวงศ์ ใต้เท้าลีได้ยินดังนั้นจึงสงสัยว่าใครจะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าช่างปั้นประจำเตาเผาพุนวอน พระเจ้าซอนโจจึงตรัสว่าพระองค์จะตัดสินพระทัยอีกที

พระสนมอินบินเสนอให้ลองนำชุดน้ำชาของทั้งคู่มาลองใช้ดู โดยอ้างว่าชุดน้ำชาเน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก พระเจ้าซอนโจจึงบอกให้พระสนมคงบินเป็นผู้ลองชิมชาจากถ้วยของอึลดัม (พระสนมอินบินได้ยินดังนั้นจึงแอบยิ้ม ขณะที่คังชอนกับใต้เท้าลีต่างลอบมองกันไปมา) ส่วนพระองค์ลองชิมชาจากถ้วยของคังชอน หลังจิบชาได้ไม่นานพระสนมคงบินก็หมดสติ พระเจ้าซอนโจเห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจเพราะคิดว่ามีคนลอบปลงพระชนม์


อึลดัมถูกนำตัวไปสอบสวนหลังมีการตรวจสอบแล้วพบว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากขันทีหรือห้องเครื่องแต่เกิดจากน้ำที่ใช้เคลือบชุดน้ำชา เมื่ออึลดัมยอมรับ (หลังก้มหน้าลงไปดมและชิม) ว่าน้ำเคลือบในอ่างเป็นของตน ใต้เท้าลีจึงเริ่มสอบสวนอึลดัมต่อหน้าพระเจ้าซอนโจซึ่งกำลังกริ้ว พระเจ้าซอนโจคาดคั้นอึลดัมว่าเขาใส่ยาพิษอะไรลงไปในน้ำเคลือบ อึลดัมทูลว่าน้ำเคลือบของตนไม่มียาพิษแต่อย่างใด พระเจ้าซอนโจได้ยินดังนั้นก็ยิ่งกริ้วและกล่าวหาอึลดัมว่าเป็นกบฏ เพราะถ้าหากไม่มียาพิษพระสนมคงบินจะหมดสติได้อย่างไร ยิ่งพูดพระองค์ก็ยิ่งกริ้วจึงสั่งประหารอึลดัมทันที แต่แล้วอยู่ๆ พระองค์ก็เปลี่ยนใจเพราะสงสัยว่าน่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังการกระทำในครั้งนี้ อึลดัมยืนกรานว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ จากนั้นก็ก้มตัวลงไปดื่มน้ำเคลือบเพื่อพิสูจน์ให้ดูว่าไม่มียาพิษเจือปนแต่อย่างใด

ทันใดนั้นหมอหลวงก็เข้ามาทูลว่าต้นเหตุไม่ได้เกิดจากยาพิษ แต่เป็นเพราะพระสนมคงบินทรงแพ้ดอกท้ออย่างรุนแรงเลยทำให้หมดสติ ตอนนี้พระสนมคงบินทรงฟื้นและมีอาการดีขึ้นแล้ว หลังสถานการณ์พลิกใต้เท้าลีจึงรีบคาดคั้นอึลดัมว่าน้ำเคลือบของเขามีส่วนผสมของดอกท้อใช่หรือไม่ อึลดัมมองหน้าคังชอนพลางนึกขึ้นได้ว่าตนเห็นยอนอ๊กนำกิ่งดอกท้อมาลนไฟ จึงสารภาพว่าเป็นความประมาทของตน ใต้เท้าลีทูลว่าการกระทำของอึลดัมไม่ต่างจากการเป็นกบฏจึงขอให้พระองค์ทรงลงโทษ  พระเจ้าซอนโจถามอึลดัมว่าทำไมถึงใช้ดอกท้อ เขาไม่รู้หรือว่าพระสนมคงบินแพ้ดอกไม้ชนิดนี้ อึลดัมจึงทูลว่าตนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน


อึลดัมกำลังจะอธิบายว่าทำไมตนถึงใช้ดอกท้อ แต่คังชอนกลัวว่าเรื่องจะโยงถึงตัวจึงชิงออกหน้าแก้ตัวแทนว่าอึลดัมไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ตนทำงานกับอึลดัมมานานหลายปีจึงรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง อึลดัมไม่ได้ทำความผิดอะไร พระเจ้าซอนโจแย้งว่าพระสนมเพิ่งผ่านความเป็นความตายแล้วยังจะว่าไม่มีความผิดอีกหรือ พระองค์ทรงตำหนิคังชอนที่ปกป้องคนผิดและเดินจากไปทันที ระหว่างทางพระองค์ตรัสกับใต้เท้าลีว่าตอนแรกพระองค์นึกว่าในหัวของคังชอนจะมีแต่เรื่องเครื่องปั้น แต่เขากลับรู้ว่าเมื่อไรควรลุกขึ้นปกป้องผู้อื่น เขาจึงน่าจะเหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าช่างปั้นประจำเตาเผาพุนวอน

ใต้เท้าลีรีบนำคำพระเจ้าซอนโจไปรายงานพระสนมอินบินด้วยความดีใจ ก่อนถามว่าเธอรู้เรื่องที่พระสนมคงบินแพ้ดอกท้อได้อย่างไร พระสนมอินบินกล่าวว่าตนรู้เรื่องนี้ตอนที่ออกไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกัน จากนั้นก็พูดทิ้งท้ายอย่างเป็นปริศนาว่า หลังจากนี้หากพระสนมคงบินยังแข็งแรงอยู่ก็ดีไป แต่ถ้าคลอดก่อนกำหนดหรือล้มป่วยขึ้นมาแล้วล่ะก็.... พระสนมอินบินพูดเพียงเท่านี้ก็ยิ้มเยาะอย่างสะใจ

ในที่สุด คังชอนก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าช่างปั้นประจำเตาเผาพุนวอน พอรู้ว่าน้ำเคลือบมีปัญหายอนอ๊กก็รีบวิ่งไปหาคังชอนและพยายามถามถึงอึลดัม แต่คังชอนไม่สนใจและเดินหนีไป ยอนอ๊กจึงนำเครื่องปั้นไปติดสินบนเจ้าหน้าที่และขอเข้าไปเยี่ยมอึลดัมในคุก เมื่อเห็นสภาพของอึลดัมเธอก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขาติดคุก (เธอเป็นคนทำน้ำเคลือบ) แต่อึลดัมไม่โทษยอนอ๊กเลยสักนิดทั้งยังเล่าให้เธอฟังว่าหลังทอดพระเนตรชุดน้ำชาที่พวกตนช่วยกันทำแล้วพระเจ้าซอนโจก็มอบหมายให้ตนรับผิดชอบชุดน้ำชา แถมพระองค์ยังบอกด้วยว่าผลงานอันเรียบง่ายของพวกตนทำให้พระองค์เห็นแล้วรู้สึกสบายพระทัย ตอนแรกตนกลัวว่าจะไม่มีโอกาสบอกเรื่องนี้กับยอนอ๊ก แต่พอได้บอกแล้วตนก็สบายใจ

อึลดัมกล่าวว่าตนคงไม่คิดที่จะเป็นหัวหน้าช่างปั้นถ้าไม่มียอนอ๊ก เขาชื่นชมเธอที่ไม่เคยยอมแพ้แม้จะรู้ว่าผู้หญิงไม่มีทางได้เป็นช่างปั้น และกล่าวว่าตนปล่อยให้ความทะเยอทะยานเข้าครอบงำจนส่งผลกระทบต่อการถวายงานพระราชาจึงสมควรแล้วที่ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ เขาบอกให้เธอกลับไปทำงานกับคังชอนและเป็นช่างปั้นประจำพุนวอนให้ได้ หากเธอทำสำเร็จก็จะได้ชื่อว่าเป็นช่างปั้นหญิงคนแรกของโชซอน ส่วนตนจะเฝ้ามองความสำเร็จของยอนอ๊กไม่ว่าในชาตินี้หรือชาติหน้าก็ตาม


ใต้เท้าลีเห็นคังชอนจ้องมองถ้วยน้ำชาของอึลดัมอย่างพินิจพิเคราะห์ จึงอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าถ้วยชาที่ไร้ราคาและเบาบางอย่างนี้ทำให้พระเจ้าซอนโจเห็นแล้วรู้สึกสบายพระทัยได้อย่างไรกัน ขณะที่คังชอนรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าพระเจ้าซอนโจทรงมีสายพระเนตรที่เฉียบแหลม เขากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่าหากไม่ได้พระสนมอินบินคอยช่วยผลลัพธ์คงไม่เป็นแบบนี้แน่ ใต้เท้าลีกล่าวว่าแต่สุดท้ายคังชอนก็ได้เป็นหัวหน้าช่างปั้นสมใจ คังชอนเปรยว่าในที่สุดเรื่องยุ่งๆ ระหว่างตนกับตัวปัญหาอย่างอึลดัมก็จบลงเสียที ใต้เท้าลีสั่งให้คังชอนสนใจแต่เรื่องการดูแลเตาเผาพุนวอน และห้ามเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก


ยอนอ๊กไปหาคังชอนแล้วถามว่านำดอกท้อมาให้ตนทำไม คังชอนตอบว่าน้ำตาลที่อยู่ในดอกท้อจะช่วยให้การเคลือบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นจึงเหมาะกับดินเหนียวซอนชอน ซึ่งเรื่องนี้ยอนอ๊กเองก็น่าจะรู้ดี  ยอนอ๊กถามว่าเขาให้คนขนดินเหนียวชนิดอื่นๆ ไปจนหมด แล้วเหลือไว้แค่ดินเหนียวซอนชอนเพื่อบีบให้ใต้เท้ายู (อึลดัม) ใช้น้ำเคลือบของตนใช่ไหม เธอจะไปรายงานสำนักสอบสวนว่าคังชอนเป็นคนบอกให้ตนใช้ดอกท้อ คังชอนพยายามหว่านล้อมโดยนำความฝันของยอนอ๊กที่อยากเป็นช่างปั้นหญิงมากล่าวอ้าง และเตือนว่าอย่าปล่อยให้อารมณ์มาฉุดรั้งความสำเร็จ เพราะตนช่วยให้ยอนอ๊กสมหวังได้ ยอนอ๊กกล่าวว่าที่ผ่านมาตนยอมสละทุกสิ่งเพื่อให้ได้ป็นช่างปั้น รวมทั้งการไม่ฆ่าคังชอนเองกับมือหลังเกิดเรื่องในคืนนั้น แต่ตอนนี้ตนรู้แล้วว่าไม่มีความฝันใดสำคัญไปกว่าใต้เท้ายู


คังชอนได้ยินดังนั้นก็ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เขาถามยอนอ๊กด้วยความเจ็บปวดใจว่าเธอคงไม่ได้ชอบอึลดัมใช่ไหม ยอนอ๊กตอบว่าตนจะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร เรื่องนี้คังชอนเองน่าจะรู้ดีกว่าใคร คังชอนขู่ว่าหากเธอเปิดปากเรื่องน้ำเคลือบจะต้องตายสถานเดียว ยอนอ๊กยืนกรานว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็ต้องช่วยใต้เท้ายูให้ได้ ดังนั้นเธอจะไปที่สำนักสอบสวนในตอนเช้า คังชอนได้ยินดังนั้นก็ยิ่งเคียดแค้นอึลดัมมากขึ้น หลังยอนอ๊กออกไปแล้วเขาจึงสั่งให้ลูกน้องตามไปฆ่าปิดปากเธอ

หลังถูกนักฆ่าฟันเข้าที่กลางหลังและกำลังจะถูกแทงซ้ำ ยอนอ๊กก็บอกชายคนดังกล่าวตนกำลังท้องแก่ใกล้คลอด ซึ่งเขาเองก็รู้ดีว่าพ่อของเด็กในท้องเธอเป็นใคร นักฆ่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจและไม่กล้าทำร้ายสายเลือดของนายตน เธอบอกให้นักฆ่ากลับไปบอกคังชอนว่า เธอเห็นภาพในนิมิตรว่าลูกในท้องของเธอจะเป็นสุดยอดช่างปั้น นักฆ่าจึงนำยอนอ๊กไปขังในโรงเก็บเครื่องเคลือบ หลังจากนั้นไม่นานยอนอ๊กก็รู้สึกเจ็บท้อง

เมื่อลูกน้องกลับมารายงานว่ายอนอ๊กกำลังตั้งครรภ์ แถมเธอยังบอกว่าเด็กในท้องจะเป็นช่างปั้นที่เก่งขั้นเทพ คังชอนก็นึกถึงคำพูดของภรรยาที่เคยบอกหลังคลอดลูกเมื่อหลายปีก่อนว่าเขาจะมีลูกได้เพียงคนเดียว เพราะดวงชะตาระบุว่าหากมีลูกอีกคน เขาจะสูญเสียทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง อำนาจ ลาภยศ ตำแหน่ง ทันใดนั้น ลูกชายตัวน้อย "ลี ยุคโด" ก็วิ่งออกมาหาคังชอนเพื่อแสดงความยินดีที่เขาได้รับตำแหน่ง คังชอนเห็นว่าดึกมากแล้วจึงบอกให้ลูกชายกลับไปนอน  ลูกชายตัวน้อยกล่าวว่าตนรู้สึกภูมิใจที่พ่อได้เป็นหัวหน้าช่างปั้นประจำเตาเผาพุนวอนจึงอยากเป็นช่างปั้นอันดับหนึ่งเหมือนพ่อเมื่อโตขึ้น คังชอนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจและตัดสินใจได้ว่ายุคโดเป็นลูกเพียงคนเดียวที่เขาต้องการ

คืนเดียวกันนั้น พระสนมคงบินได้ให้กำเนิดพระโอรส (องค์ชายควางแฮ) พระเจ้าซอนโจจึงประกาศนิรโทษกรรมให้กับเหล่านักโทษ อึลดัมเป็นหนึ่งในนักโทษที่ถูกปล่อยตัว ถึงแม้เขาจะได้รับการยกเว้นโทษตายแต่ไม่วายโดนปลดจากตำแหน่งและถูกขับออกจากพุนวอน


ยอนอ๊ก (ซึ่งกำลังเจ็บแผลและเจ็บท้อง) ต้องการรักษาชีวิตลูก จึงใช้รถเข็นพังประตูและหนีออกมาได้ในที่สุด อึลดัมได้ยินเสียงผู้หญิงร้องครวญครางท่ามกลางสายฝนจึงเดินตามเสียงไป ปรากฏว่ามีผู้หญิงกำลังคลอดลูกอยู่ในเตาเผาร้างที่เพิ่งโดนฟ้าผ่าและมีทีท่าว่าจะพังถล่มลงมา พอคลานเข้าไปดูและพบว่าเป็นยอนอ๊กเขาจึงรู้สึกตกใจ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่ายอนอ๊กตั้งครรภ์  ยอนอ๊กแทบไม่เชื่อสายตาว่าชายที่อยู่ตรงหน้าตนคือคนที่ตนรัก เธอขอร้องอึลดัมว่าอย่าเพิ่งถามอะไร จากนั้นก็พยายามฝากฝังลูกแต่เธอทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บ และใกล้หมดแรงจึงพูดไม่ออก


อึลดัมจะรีบไปตามหมอแต่ยอนอ๊กห้ามเอาไว้ โดยบอกเพียงว่า 'เขา' กำลังมาที่นี่  อึลดัมถามว่าเธอหมายถึงใคร ทันใดนั้น เตาเผาก็เริ่มพังถล่มแถมยังโดนฟ้าผ่าซ้ำอึลดัมจึงบอกให้ยอนอ๊กส่งเด็กมาให้ตน ยอนอ๊กกล่าวว่าสักวันลูกสาวของตนจะได้เป็นผู้ทำเครื่องเคลือบถวายพระราชา เธอขอให้อึลดัมสัญญาว่าจะช่วยดูแลลูกน้อยหากเกิดอะไรขึ้นกับตน อึลดัมสัญญาและรีบบอกให้เธอส่งทารกน้อยมาให้ตนเพราะเกรงว่าเตาเผาจะถล่มลงมาเสียก่อน อึลดัมรับทารกน้อยมาไว้ในอ้อมอกและจะช่วยพยุงแขนยอนอ๊ก ทันใดนั้น เตาเผาก็เริ่มแตกร้าวยอนอ๊กจึงผลักอึลดัมออกจากเตา อึลดัมจะเข้าไปช่วยยอนอ๊กแต่ไม่ทัน เขาจึงได้แต่มองเธอโดนเตาเผาถล่มทับต่อหน้าต่อตา วันรุ่งขึ้นอึลดัมอุ้มทารกน้อยมาทานข้าวต้มที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง พลางสัญญากับยอนอ๊กในใจว่าตนจะเลี้ยงดูทารกน้อยให้เติบโตเป็นช่างปั้นหญิงคนแรกของโชซอนให้จงได้ (เจ้าของโรงเตี้ยมซึ่งเป็นแม่ลูกอ่อนเห็นอึลดัมพยายามป้อนข้าวให้ทารกน้อยก็ทนดูไม่ได้ เธอจึงเดินไปอุ้มทารกมาป้อนนม)



สิบกว่าปีต่อมา ดูเหมือนว่าภารกิจในการสั่งสอนอบรมลูกสาวยอนอ๊กให้เป็นช่างปั้นหญิงนั้นช่างยากเย็นเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะ "ยูจอง" (จองอี) เป็นเด็กหญิงแสนซนที่ไม่ชอบการปั้นและไม่ตั้งใจเรียนรู้เอาเสียเลย แม้อึลดัมจะให้จองอีฝึกทำเครื่องปั้นทุกวันแต่เธอก็ยังนำดินเหนียวมาขึ้นรูปบนแป้นหมุนไม่ค่อยสำเร็จเพราะไม่ระวังและไม่อดทนพอ และแม้จะทำสำเร็จแต่เครื่องปั้นที่เธอทำมักจะรั่วซึมเมื่อนำมาใช้งาน (อึลดัมจึงลงโทษด้วยการสั่งให้เธอปั้นเพิ่มสามเท่าของจำนวนเครื่องปั้นที่รั่ว) ผิดกับ "ชิม ฮวารยองเพื่อนของเธอ (ซึ่งมาเรียนวิชาการปั้นกับอึลดัม) ที่เป็นคนเรียบร้อยและตั้งใจฝึกฝนทำให้ผลงานมักออกมาดีกว่า


สิ่งที่จองอีสนใจมากกว่างานปั้นคือการเล่นสนุกและเรียนรู้วิธีการใช้อาวุธจาก "คิม แทโด" (ฮวารยองได้เฝ้ามองแทโดเล่นกับจองอีด้วยความอิจฉา เพราะเธอแอบรักแทโด) หลังหัดยิงธนูแล้วไม่เข้าเป้า จองอีก็รู้สึกเบื่อเลยนำดาบของแทโดมากวัดแกว่งเล่นรอบเตาเผา แทโดพยายามห้ามปรามเพราะเกรงว่าจองอีจะได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกันก็กลัวว่าความซุ่มซ่ามของจองอีจะทำให้เครื่องปั้นเสียหายอีกตามเคย แม้แทโดจะพยายามปกป้องเครื่องปั้นสุดชีวิต แต่สุดท้ายจองอีก็ล้มกระแทกไหที่ตั้งเรียงรายจนไหแตกกระจายทั้งแถว แทโดกลัวจองอีได้รับบาดเจ็บจึงรีบวิ่งเข้าไปดู อึลดัมพาแขกคนสำคัญมาที่บ้านเลยได้เห็นวีรกรรมบู๊ล้างผลาญของจองอีพอดี (เขาไม่ดุจองอีที่ทำข้าวของเสียหาย แต่ดุที่ไม่ระวังทั้งๆ ที่บอกแล้วว่าจะมีแขกคนสำคัญมาที่บ้าน)

ปรากฏว่าแขกคนสำคัญที่อึลดัมพามาที่บ้านคือ "ชิม จงซู" (พ่อของฮวารยอง) จงซูกล่าวว่าตนมีความสุขที่ลูกสาวได้มาฝากตัวเป็นศิษย์ของเพื่อนและสุดยอดช่างฝีมืออย่างอึลดัม ฮวารยองกล่าวว่าตนโชคดีที่ได้มาเรียนกับอาจารย์ยู เสียอย่างเดียวที่ไม่มีเพื่อนให้แข่งขัน  อึล ดัมถามว่าแล้วจองอีไม่ใช่เพื่อนของเธอหรือ ฮวารยองชี้ว่าจองอีเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแต่ไม่อาจนับเป็นคู่แข่งของตน จงซูได้ยินดังนั้นก็ตำหนิฮวารยองที่พูดจาดูถูกจองอี อึลดัมเห็นด้วยว่าการแข่งขันจะช่วยพัฒนาฝีมือ เพราะตอนที่ตนเป็นช่างปั้นใหม่ๆ ก็เคยแข่งขันประชันฝีมือกับเพื่อน จงซูถามว่าเขาหมายถึงใคร เมื่ออึลดัมบอกว่าตนหมายถึงลี คังชอน หัวหน้าช่างปั้นประจำเตาเผาพุนวอน  จงซูก็บอกให้ฮวารยองออกไปนำเหล้ามาให้พวกตนดื่มและถามอึลดัมว่าเขายังคิดว่าคังชอนเป็นเพื่อนที่ดีอยู่อีกหรือ อึลดัมกล่าวว่าคังชอนเป็นคนเดียวที่ลุกขึ้นปกป้องตน จงซูจะเล่าว่าตนได้ยินเรื่องแปลกๆ หลังอึลดัมถูกขับออกจากพุนวอน แต่อึงดัมไม่อยากฟังจึงตัดบทด้วยการถามถึง "องค์ชายควางแฮ" (อึลดัมได้รับการอภัยโทษหลังองค์ชายประสูติ เขาจึงบอกจงซูว่าตนเป็นหนี้ชีวิตองค์ชาย)

ในตอนนั้นองค์ชายควางแฮได้เสด็จออกมาล่าสัตว์กับพระบิดาและ "องค์ชายอิมแฮ" (พระเชษฐา) องค์ชายอิมแฮถือว่าตนเกิดก่อนจึงห้ามไม่ให้องค์ชายควางแฮขี่ม้านำหน้าและห้ามล่าสัตว์ในรอบนี้โดยเด็ดขาด องค์ชายควางแฮรู้ว่าพระเชษฐากลัวเสียหน้าเพราะฝีมือด้อยกว่าจึงกล่าวว่าตนไม่ได้มาที่นี่เพื่ออวดความสามารถแต่มาเพื่อล่าสัตว์ องค์ชายอิมแฮได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเบาใจแต่ยังคงกำชับให้องค์ชายควางแฮรักษาคำพูด

จองอีแอบตามแทโดไปล่าสัตว์ในป่าโดยไม่บอกพ่อ เมื่อพบกับฮวารยองเธอก็โกหกว่าจะออกไปหาดินเหนียวและจะรีบกลับก่อนค่ำ องค์ชายควางแฮเห็นหมูป่าจึงลงจากม้าแล้วย่องเข้าไปใกล้ๆ ก่อนเล็งธนูใส่ เมื่อเห็นองค์ชายอิมแฮควบม้าตรงมาหา องค์ชายควางแฮก็ยิงหมูป่าทันที หลังถูกธนูยิงปักคาลำตัวน้องหมูก็วิ่งหนีเตลิดด้วยความตกใจกลัว องค์ชายอิมแฮไม่พอใจที่องค์ชายควางแฮผิดคำพูดจึงแกล้งไล่ม้าขององค์ชายควางแฮไปเพื่อไม่ให้องค์ชายควางแฮไล่ล่าสัตว์ป่าได้อีก เมื่อองค์ชายควางแฮเดินตามเสียงม้าของตนเข้าไปในป่าก็พลัดตกลงไปในหลุมดักสัตว์ของจองอีกับแทโด

จองอีกับแทโดจะไปตรวจดูว่ามีสัตว์อะไรตกลงไปในหลุมของพวกตนบ้าง ระหว่างทางจองอีบอกแทโดว่าตนเป็นเสนอให้ทำหลุมดักสัตว์ดังนั้นสัตว์ที่ตกลงไปในหลุมต้องเป็นของตน แทโดแย้งว่าจองอีแค่คิดแต่ตนเป็นคนลงมือทำ  จองอีจะเถียงแต่แทโดเห็นกวางตัวหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักเขาเลยบอกให้เธอเงียบๆ และเตรียมยิงธนูแต่กวางดันวิ่งหนีไปเสียก่อน แทโดต้องการตามล่ากวางจึงบอกให้จองอีไปที่หลุมดักสัตว์ก่อนโดยมอบดาบไว้ให้เธอป้องกันตัว


เมื่อจองอีไปที่หลุมดักสัตว์ก็ได้ยินเสียงร้องเธอจึงนึกว่ามีสัตว์ใหญ่ตกลงไปในหลุม  ครั้นพอชะโงกหน้าลงไปดูกลับพบเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ในตอนนั้นองค์ชายควางแฮพยายามปีนขึ้นจากหลุมแต่ก็ตกลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจึงได้แต่ร้องโวยวายด้วยความเจ็บใจ เมื่อองค์ชายแหงนขึ้นไปมองปากหลุมอีกครั้งก็พบว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งมองตนอยู่ เขาจึงสั่งให้เธอช่วยดึงตนขึ้นไป จองอีบ่นด้วยความรู้สึกผิดหวังที่มีคนตกลงไปในหลุมของเธอแทนที่จะเป็นสัตว์ป่า  และนั่นก็ทำให้องค์ชายรู้ว่าหลุมดังกล่าวเป็นฝีมือจองอี  จองอีตำหนิองค์ชายที่ลงไปในหลุมคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต องค์ชายควางแฮได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโกรธจึงบอกจองอีว่าถ้าตนขึ้นไปได้เมื่อไหร่จองอีจะต้องเสียใจ จองอีจึงอวยพรให้เขาโชคดีและเดินจากไป



แท้จริงแล้วจองอีกำลังจะนำบันไดเชือกไปพันกับต้นไม้หมายหย่อนลงไปให้องค์ชายควางแฮ แต่องค์ชายดันปาหินขึ้นมาโดนหัวจองอีเสียก่อน จองอีจึงเดินกลับไปที่ปากหลุมพลางบอกว่าเธอจะช่วยเขาไปทำไมในเมื่อช่วยเขาแล้วเธอจะต้องเสียใจ องค์ชายควางแฮเตือนว่าตนคือคนที่สามารถทำให้ทุกคนในครอบครัวของเธอโดนประหาร จองอีไม่เชื่อและบอกให้เขาเก็บแรงไว้ปีนขึ้นมาเองก็แล้วกัน  องค์ชายควางแฮจึงแกล้งทำเป็นโดนงูกัดมือ จองอีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจ เธอยื่นหน้าลงไปดูและยื่นมือให้องค์ชาย แต่องค์ชายกลับดึงจองอีลงไปในหลุมทำให้โดนจองอีล้มลงมาทับ จองอีโวยลั่นว่าตกลงมาด้วยกันอย่างนี้แล้วจะขึ้นจากหลุมได้ยังไง องค์ชายควางแฮสั่งให้จองอีหมอบลง จองอีสวนกลับว่าเขาต่างหากที่ควรหมอบ หากปีนขึ้นจากหลุมได้แล้วเธอจะโยนเชือกลงมาให้ องค์ชายไม่เชื่อใจจองอีจึงบอกว่าถ้าตนขึ้นไปแล้วจะให้ทหารมาช่วยเธอ แต่จองอีเองก็ไม่เชื่อใจเขาเช่นกัน



จองอีขอดูแผลที่ถูกงูกัดหมายช่วยขับพิษออกให้แต่องค์ชายแกล้งทำเป็นเฉไฉ พอรู้ตัวว่าโดนหลอกเธอจึงแกล้งบีบแขนองค์ชายพลางบอกว่าตอนนี้พิษงูลามมาถึงหัวไหล่แล้ว จองอีหยิบดาบขึ้นมาและบอกว่าเธอจำเป็นต้องตัดแขนเขาทิ้ง องค์ชายจึงหลุดปากบอกว่าพิษจะลามได้อย่างไรในเมื่อตนไม่ได้... จองอียิ้มอย่างผู้ชนะและประณามว่าเขาเป็นคนขี้โกหก ซ้ำยังโง่จนดูไม่ออกว่าเป็นหลุมดักสัตว์  (ขนาดสัตว์ป่ายังรู้และไม่ตกลงมา) องค์ชายควางแฮกล่าวว่าเธอกล้าดียังไงถึงได้เอาตนไปเปรียบเทียบกับสัตว์ จากนั้นก็ประกาศเสียงเข้มว่าตนเป็นองค์ชาย จองอีแกล้งทำเป็นตกใจและคุกเข่าร้องขอชีวิต แต่แล้วก็ลุกขึ้นและถามว่าเขาคิดว่าตนได้ยินแล้วจะทำเช่นนี้ใช่ไหม จองอีเห็นว่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นคนขี้โกหก เธอเลยไม่เชื่อคำพูดของเขา มิหนำซ้ำยังตวาดและเอาเรื่องพี่ชาย (แทโด) มาข่มขู่อีกด้วย (เธอบอกว่าแทโดกำลังจะมาที่นี่)

หลังล่ากวางได้แล้ว แทโดก็พบหมูป่าตัวหนึ่งซึ่งมีลูกธนูปักกลางลำตัวและกำลังวิ่งตรงมาหาเขา เขาจึงยิงธนูเข้าที่กลางหน้าผากหมูป่าตัวดังกล่าว เมื่อองค์ชายอิมแฮมาพบเข้าก็บอกให้แทโดถอยไปเพราะหมูป่าตัวนี้เป็นของตน เมื่อองค์ชายอิมแฮกล่าวว่าธนูที่ปักอยู่บนตัวหมู่ป่าเป็นของตน แทโดจึงแย้งว่าธนูดอกแรกแค่ทำให้หมูป่าบาดเจ็บ แต่ธนูของตนทำให้หมูป่าตัวนี้ตายดังนั้นหมูป่าตัวนี้จึงเป็นของตน ที่สำคัญลูกธนูบนตัวหมูป่าไม่ได้เป็นขององค์ชายอิมแฮ เพราะสีของธนูที่ปักอยู่บนลำตัวหมูไม่เหมือนสีของลูกธนูที่องค์ชายใช้ (องค์ชายอิมแฮกับองค์ชายควางแฮใช้ลูกธนูคนละสี เพราะอยู่ในระหว่างแข่งขันล่าสัตว์) องค์ชายอิมแฮเถียงไม่ออกจึงสั่งให้ทหารจับตัวแทโด

หลังรออยู่นานแต่ยังคงไร้ซึ่งวี่แววของแทโด องค์ชายควางแฮก็เริ่มหมดความอดทนเลยสั่งให้จองอีหมอบลงอีกครั้งโดยอ้างว่าจะออกไปตามหาพี่ชายของเธอ จองอีสวนกลับว่าเขาจะรู้ได้ยังไงว่าคนไหนคือพี่ชายตน เธอสั่งให้องค์ชายหมอบลงโดยบอกว่าตนจะออกไปตามหาพี่ชายเอง องค์ชายควางแฮแย้งว่าตนหมอบไม่ได้เพราะเป็นองค์ชาย พอจองอีหมอบให้ดูองค์ชายก็ฉวยโอกาสเหยียบหลังเธอทันที จองอีรับน้ำหนักไม่ไหวองค์ชายเลยร่วงลงมาทับเธอ พอถูกจองอีตำหนิองค์ชายก็โทษว่าเป็นความผิดของจองอีที่ไม่ยอมช่วยตนตั้งแต่แรก จองอีขู่ว่าถ้าออกไปได้เมื่อไหร่เธอจะไปร้องเรียนเขาที่สำนักกองปราบ องค์ชายควางแฮจึงบอกว่าหากเธอทำเช่นนั้นก็เท่ากับขุดหลุมฝังตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นก็จงอย่าโทษใครนอกจากตัวเอง



องค์ชายอิมแฮสั่งให้ทหารจับแทโดมัดไว้กับต้นไม้ จากนั้นก็ยึดกวางและหมูป่าที่แทโดล่าได้มาเป็นของตน แทโดจึงประณามองค์ชายอิมแฮว่าเป็นคนขี้โกง ตัวเองล่าสัตว์ไม่ได้และไม่ได้ยิงธนูสักดอกแต่กลับขโมยผลงานของคนอื่น องค์ชายอิมแฮได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธจึงเล็งธนูใส่แทโด โชคดีที่พระเจ้าซอนโจมาพบเข้าเสียก่อน พระเจ้าซอนโจมองกวางกับหมูป่าที่ถูกล่า ก่อนหันไปมองแทโดแล้วถามว่าเขาเป็นใครและองค์ชายควางแฮอยู่ที่ไหน องค์ชายอิมแฮได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร พระเจ้าซอนโจจึงสั่งให้ทหารนำตัวแทโดมาสอบสวน องค์ชายอิมแฮชิงฟ้องก่อนว่าแทโดจะขโมยหมูป่าที่มีลูกธนูขององค์ชายควางแฮปักอยู่ ตนสงสัยว่าเขาอาจทำร้ายองค์ชายควางแฮจึงจับตัวมาสอบสวน แทโดทูลพระเจ้าซอนโจว่าตนไม่เคยพบและไม่รู้จักองค์ชายควางแฮ ที่ตนทำก็แค่ยิงหมูป่า องค์ชายอิมแฮกลัวว่าความจริงจะปรากฏจึงรีบตัดบทด้วยการขอเป็นผู้สอบปากคำแทโดและขอออกตามหาองค์ชายควางแฮด้วยตัวเอง

หลังจากนั้นก็มีทหารมาคุมตัวพ่อแทโดไปจากโรงเตี๊ยมของครอบครัว แทโดเห็นพ่อโดนจับก็รู้สึกตกใจ เขายืนกรานว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์และตำหนิเหล่าทหารที่คุมตัวพ่อตนมา พอพ่อถามถึงจองอี แทโดก็นึกขึ้นได้ว่าจองอีรอตนอยู่ที่หลุมดักสัตว์และสังหรณ์ใจว่าองค์ชายอาจตกลงไปในหลุมของพวกตน เขาจึงขอเข้าเฝ้าพระเจ้าซอนโจทันที เมื่อทหารมารายงานว่าพวกตนเข้าตรวจค้นโรงเตี๊ยมจนทั่วแต่ไม่พบร่องรอยขององค์ชายควางแฮ พระเจ้าซอนโจก็ยิ่งโมโห ทันใดนั้นองค์ชายอิมแฮก็นำตัวแทโดมาเข้าเฝ้าและทูลว่าแทโดจะช่วยนำทางไปตามหาองค์ชายควางแฮ พระเจ้าซอนโจถามแทโดว่าเขาไม่รู้จักองค์ชายควางแฮไม่ใช่หรือ แทโดทูลว่าแม้ตนจะไม่รู้จักองค์ชายควางแฮแต่ตนคุ้นเคยกับภูเขาลูกนี้เป็นอย่างดี และถ้าหากตนหาองค์ชายควางแฮพบก่อนตะวันตกดินก็ขอให้พระองค์ทรงปล่อยตนกับพ่อ พระเจ้าซอนโจรับปากแต่มีข้อแม้ว่าหากเขาหาองค์ชายควางแฮไม่พบจะต้องโดนลงโทษ




จองอีพยายามก่อไฟด้วยการนำกิ่งไม้มาสีกันโดยบอกตัวเองว่าถ้าแทโดทำได้ตนก็ต้องทำได้  เมื่อองค์ชายควางแฮบ่นว่าหนาว จองอีจึงบอกว่าที่นี่อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีและนี่ก็เป็นเหตุผลที่เธอพยายามจุดไฟ  องค์ชายควางแฮได้ยินดังนั้นจึงบอกให้จองอีเร่งมือ จองอีเลยโยนไม้ให้องค์ชายทำเอง   องค์ชายควางแฮหยิบไม้ขึ้นมาถูกันสองสามทีก็ยอมแพ้ จองอีเห็นว่าถ้ามัวแต่นั่งสีไม้คงหนาวตายทั้งคู่แน่เลยขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วดึงชายกระโปรงขึ้นมาห่มให้องค์ชายควางแฮ องค์ชายควางแฮเห็นดังนั้นก็ขยับหนีด้วยความตกใจ จองอีถามองค์ชายว่าอยากหนาวตายหรือไง จากนั้นก็บอกว่าแทโดเคยช่วยชีวิตเธอด้วยวิธีนี้ตอนที่เธอหลงทาง องค์ชายควางแฮแย้งว่าจองอีเป็นผู้หญิงส่วนตนเป็นผู้ชาย จองอีกล่าวว่าจะรักษาหน้าไปทำไม ถึงยังไงการมีชีวิตอยู่ก็ยังดีกว่าตาย องค์ชายจึงยอมห่มชายกระโปรงของจองอีแต่โดยดี



หลังถูกองค์ชายจ้องหน้าซ้ำยังแกล้งเอนตัวเข้ามาใกล้ๆ เพื่อซบไหล่ (องค์ชายแกล้งเพราะเห็นว่าจองอีประหม่าจนทำตัวไม่ถูก) จองอีก็ลุกขึ้นด้วยความตกใจ เธอเห็นว่าอยู่ดีๆ ใจของเธอก็เต้นรัวทั้งที่นั่งอยู่เฉยๆ จึงสงสัยว่าองค์ชายทำอะไรเธอกันแน่ เมื่อเห็นองค์ชายนั่งยิ้มเธอก็ถามว่ายิ้มทำไม  องค์ชายจึงลุกขึ้นแล้วบอกว่าจองอีหลงเสน่ห์ตนเข้าให้แล้ว จองอีได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง เมื่อองค์ชายควางแฮขยับเข้าไปหาพลางจ้องตาจองอี จองอีได้แต่ถอยหนีด้วยความประหม่า ทันใดนั้นก็มีเสียงทหารร้องเรียกองค์ชายควางแฮ ที่แท้แทโดพาองค์ชายอิมแฮและเหล่าทหารมาตามหาองค์ชายควางแฮใกล้ๆ หลุมดักสัตว์เพื่อที่เขาจะได้ปลีกตัวไปสำรวจหลุมก่อนที่เหล่าทหารจะมาเจอ จองอีได้ยินเสียงคนร้องเรียก "องค์ชาย!" ก็รู้สึกสังหรณ์ใจ  เมื่อองค์ชายควางแฮกล่าวด้วยความดีใจว่าคนของตนมาช่วยแล้ว จองอีก็ถึงกับช็อค เธอละล่ำละลักถามเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าว่า "เจ้า...เจ้าเป็น...องค์ชายจริงๆ หรือ" องค์ชายควางแฮมองหน้าจองอีแล้วยิ้มแทนคำตอบ

*** จบตอนที่ 1 ***

บทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "จองอี ตำนานศิลป์แห่งโชซอน (Goddess of Fire)" ทางช่อง 3 เอชดี (ช่อง 33)

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพจากเอ็มบีซี

นักแสดงนำ


มูน กึนยอง
รับบท ยูจอง (จองอี)

จองอีเกิดมาพร้อมประสาทสัมผัสทั้งห้าอันยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นด้านการดมกลิ่น ชิมรส การฟัง การมอง และการสัมผัส เธอจึงนำประสาทสัมผัสทั้งห้าและพรสวรรค์มาสร้างสรรค์ผลงานการปั้นจนกลายเป็นชิ้นงานอันเยี่ยมยอด แค่เพียงมองเธอก็แยกออกว่าเครื่องปั้นและเครื่องเคลือบชิ้นไหนคุณภาพดีกว่ากัน จมูกของเธอแยกแยะได้ว่าดินเหนียวชนิดไหนเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุด เธอสามารถลิ้มรสน้ำเคลือบเพื่อตรวจสอบคุณภาพ  เมื่อนำงานปั้นเข้าเตาเผาเธอจะใช้สามารถพิเศษในการได้ยินเพื่อตรวจสอบและควบคุมอุณภูมิ มือที่ประณีตบรรจงของเธอสามารถปั้นแต่งดินเหนียวอย่างเชี่ยวชาญจนกลายเป็นงานศิลป์ชั้นยอด ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงร่ำลือกันว่าเทพแห่งเตาเผาเข้ามาประทับในร่างของเธอตอนที่เธอเกิดในเตาเผา 



ลี ซังยุน
รับบท องค์ชายควางแฮ

เกร็ดความรู้: องค์ชายควางแฮมีพระนามเดิมว่า "ลีฮุน" ภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นพระราชาองค์ที่ 15 แห่งราชวงศ์โชซอน แต่เนื่องจากพระองค์ทรงถูกขุนนางยึดอำนาจจึงถูกประวัติศาสตร์จดจำในฐานะ "องค์ชายแห่งโชซอน" (ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในฐานะ "พระราชาแห่งโชซอน" เหมือนพระราชาองค์อื่นๆ) ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงมีคุณูปการต่อบ้านเมืองมากมาย  (หลังถูกพระราชบิดาแต่งตั้งเป็นองค์ชายรัชทายาทอย่างรีบเร่งเพราะกลัวถูกข้าศึกบุก องค์ชายควางแฮได้นำทัพยืนหยัดต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ในขณะที่พระเจ้าซอนโจผู้เป็นพระบิดาหนีเอาตัวรอดไปอยู่ที่ต้าหมิง)

องค์ชายควางแฮทรงฉายแววกษัตริย์มาตั้งแต่เด็ก แต่ความเฉลียวฉลาดและความสามารถอันโดดเด่นของพระองค์ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหาทางขัดขวางไม่ให้พระองค์ได้ขึ้นครองบัลลังก์ ด้วยความที่พระสนมคงบินสิ้นพระชนม์หลังให้กำเนิดพระองค์ พระเจ้าซอนโจจึงโทษว่าองค์ชายควางแฮมีส่วนผิดและนั่นก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อนข้างห่างเหิน องค์ชายควางแฮตระหนักรู้ตั้งแต่วัยเยาว์ว่าการที่พระองค์ทรงเก่งทั้งด้านบุ๋นและบู๊ได้บ่มเพาะความเกลียดชังที่ผู้อื่นมีต่อพระองค์ ในขณะที่พระองค์เสด็จออกไปล่าสัตว์กับพระบิดาและพระเชษฐา โชคชะตาก็นำพาพระองค์มาพบกับจองอี



คิมบอม
รับบท คิม แทโด

แทโดเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้างดงามและมีความสามารถในด้านศิลปะการต่อสู้ เขาเกิดมาเพื่อปกป้อง คอยอยู่เคียงข้าง และพร้อมสละชีวิตเพื่อจองอี เนื่องจากจองอีไม่มีมารดาแทโดจึงปฏิบัติกับเธอดุจเป็นน้องสาวแท้ๆ ในแต่ละวันเขาจะช่วยทางบ้านดูแลโรงเตี๊ยมของครอบครัว ฝึกศิลปะการต่อสู้ในยามว่าง และใช้เวลาที่เหลือดูแลจองอี  เขาเป็นคนดีมีน้ำใจ รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีความละเอียดรอบคอบ ทั้งยังเป็นผู้มีคุณธรรมจึงมักพูดหรือทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น แม้เขาจะเป็นบุตรชายของช่างตีเหล็กและคุ้นเคยกับอุปกรณ์ต่างๆ เป็นอย่างดี แต่เขากลับชอบคันธนูกับลูกศรมากกว่าฆ้อนและสิ่ว ด้วยความที่แทโดกับจองอีเติบโตมาด้วยกันดุจพี่น้อง เขาจึงไม่รู้ตัวว่าแท้จริงแล้วตนเองไม่ได้รักจองอีในฐานะพี่ชายกับน้องสาวจนกระทั่งองค์ชายควางแฮปรากฏกายขึ้น 



 ปาร์ค กอนฮยอง
รับบท ลี ยุคโด

ลี ยุคโด เป็นพี่ชายต่างมารดาของจองอี และเป็นบุตรชายของคังชอน ด้วยความที่เกิดในตระกูลสุดยอดช่างปั้น คนส่วนใหญ่จึงคิดว่ายุคโดเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ แต่ใครเลยจะรู้ว่าที่ผ่านมาเขาต้องเรียนรู้และฝึกฝนอย่างหนักกว่าจะมีฝีมือ ยุคโดใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันฝึกขึ้นรูปดินเหนียวบนแป้นหมุนจนมีความเชี่ยวชาญ แม้ต้องแลกด้วยความเหนื่อยยากแต่เขาก็รักในสิ่งที่ตนเองทำ



ซอ ฮยอนจิน
รับบท ชิม ฮวารยอง

ชิม ฮวารยอง เป็นเพื่อนในวัยเด็กของจองอี เธอฝันอยากเป็นช่างปั้นหญิงคนแรกของโชซอนแต่ภายหลังกลับพบว่าฝีมือของตนสู้จองอีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นช่างปั้นเหมือนจองอี แต่ฮวารยองมีสายตาที่เฉียบแหลมในการประเมินคุณภาพงานปั้น หลังมีทั้งเงินและอำนาจอยู่ในมือเธอก็ไขว่คว้าทุกสิ่งที่ตนเองต้องการ เธอหลงรักแทโดมาตั้งแต่เด็กๆ และกลายเป็นศัตรูของจองอีในที่สุด



ชอน ควางรยอล
รับบท ลี คังชอน

ลี คังชอน เป็นช่างปั้นประจำราชสำนักรุ่นที่ 6 และเป็นพ่อแท้ๆ ของจองอี เขาเกิดในตระกูลช่างปั้นเครื่องเคลือบลายครามที่มีชื่อเสียง เพื่อยุคโดแล้วเขาพร้อมยอมทำทุกอย่าง รวมทั้งการขัดขวางไม่ให้จองอีได้เป็นช่างปั้นของราชสำนัก



ลี ควางซู
รับบท องค์ชายอิมแฮ (พระเชษฐาขององค์ชายควางแฮ)



รวมคลิปตัวอย่างจากเอ็มบีซี


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา