วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เรื่องย่อ กะรัตรัก (Diamond Lover)




กำกับ: เฉินหมิงจาง 
เขียนบท: หลี่เจี๋ย
แนวละคร: โรแมนติก
จำนวนตอน: 68
ออกอากาศ: จีน - วันที่ 22 กรกฎาคม 2558 ทางเจ้อเจียงทีวี และอันฮุยทีวี
             ไทย - ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 8.00-9.00 น. ทางช่องนาว26 เริ่มวันที่ 12 กันยายน 2559 (หยุดออกอากาศในเดือนตุลาคม 2559) และนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้งทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 23.00 น. เริ่มวันที่ 5 กรกฎาคม 2560





"กะรัตรัก (Diamond Lover)" เป็นผลงานการกำกับของ "เฉินหมิงจาง" ผู้กำกับชื่อดังชาวไต้หวันที่เคยสร้างสรรค์ผลงานดีๆ เอาไว้มากมาย อาทิ รักยุ่งๆ ของเจ้าชายกบ (Prince who turns into a frog), ฝากรักมากับดาว (My Lucky Star) และ ชะตารักกำหนดเลิฟ (Fated to Love you เวอร์ชั่นไต้หวัน) เป็นต้น 

ละคร "กะรัตรัก (Diamond Lover)" ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในประเทศจีน โดยกวาดเรตติ้งถล่มทลายทุกตอน (หลังออกอากาศอย่างเป็นทางการทั้งทางทีวีและช่องทางออนไลน์ ยอดวิวโดยรวมก็พุ่งทะลุ 8.5 พันล้านครั้ง) สาเหตุหลักเป็นเพราะได้ซุป'ตาร์ชื่อดังชาวเกาหลีอย่าง "เรน" มารับบทนำเป็นครั้งแรก (แม้ละครเรื่องนี้จะเป็นซีรีย์จีนเรื่องแรกของเรน แต่ก่อนหน้าเรนเคยรับบทนำในภาพยนตร์จีนเรื่อง “For Love or Money” ที่เข้าฉายเมื่อปี 2014 โดยแสดงคู่กับ "หลิวอี้เฟย" ซึ่ง "ถังเยียน" (ทิฟฟานี่ ถัง) นางเอก "กะรัตรัก" ก็ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย) นอกจากนี้ เพลงประกอบละครที่เรนร้องและโปรดิวซ์เองก็ฮอตฮิตติดลมบนทั้งในจีนและเกาหลีเช่นกัน

* เดิมทีละครเรื่องนี้ถูกกำหนดให้มีเพียง 40 ตอน แต่ภายหลังผู้ผลิตได้สั่งให้นักเขียนบทขยายเนื้อเรื่องออกไปอีก 20 กว่าตอน ทำให้ตอนท้ายๆ มีเรนน้อยมาก เนื่องจากเรนทำสัญญาเอาไว้ที่ 40 ตอน

เรื่องย่อ



"เซียวเลี่ยง" เป็นซีอีโอบริษัทเครื่องประดับเพชรใหญ่ที่สุดในโลก เขาเป็นคนเคร่งขรึม เย็นชา เข้มงวดจริงจัง ไม่ว่าทำอะไรมักคำนึงถึงเรื่องเหตุผลและผลประโยชน์เป็นหลัก รักใครไม่เป็น เขาเลือกที่จะปิดกั้นตัวเองจากผู้อื่นโดยยืนกรานว่าความสัมพันธ์ไม่มีค่าพอสำหรับชีวิตเขา (ทั้งที่ลึกๆ แล้วเขาเป็นคนอบอุ่นจิตใจดี โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า) แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเขาได้พบ "หมี่ตั่ว" ผู้หญิงที่ทำให้เขาเปลี่ยนมุมมองชีวิต และสอนให้เขารู้ซึ้งถึงความหมายของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

"หมี่เหม่ยลี่" เป็นสาวร่างยักษ์ที่ตกหลุมรักเซียวเลี่ยงจนถอนตัวไม่ขึ้น ด้วยความที่เธอมีน้ำหนักมากถึง 250 ปอนด์ (113 ก.ก.) ซ้ำยังเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ เธอจึงได้แต่เก็บงำความรู้สึกเอาไว้ในใจและแอบเพ้อเพียงลำพัง แต่หลังจากประสบอุบัติเหตุชะตาชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป เหม่ยลี่ได้ผ่านการศัลยกรรมใบหน้า (ที่เสียโฉม) จนกลายเป็นคนสวย ซ้ำยังน้ำหนักลดฮวบฮาบทำให้กลายเป็นสาวหุ่นดีซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เธอเคยฝันไว้ หลังกลายร่างเป็นสาวงามเธอก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "หมี่ตั่ว" เมื่อได้งานที่บริษัทเพชรของเซียวเลี่ยงสมใจ เธอจึงพบว่าความสวยเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้รักสมหวังได้ เธอจึงหันมาพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเองโดยฝันว่าสักวันจะได้เป็นนักออกแบบจิวเวลรี่ แม้ต้องพบเจอปัญหาและอุปสรรคในที่ทำงานนับครั้งไม่ถ้วนแต่หมี่ตั่วก็สู้ตาย

หลังผ่านความเจ็บปวด ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคมากมาย ในที่สุดหมี่ตั่วก็ผ่านการเจียระไนจนกลายเป็นเพชรน้ำงามที่ทอแสงเจิดจรัส ทำให้สมหวังทั้งในเรื่องงานและความรัก  (เซียวเลี่ยงประทับใจในความมุ่งมั่นและการมองโลกในแง่ดีของเธอ) ขณะเดียวกันเพื่อนรักที่สนิทสนมกับหมี่ตั่วตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งยังคอยปกป้อง ช่วยเหลือ และสนับสนุนเธอมาโดยตลอดอย่าง "เหลยอี้หมิง" ก็พบว่าตนเองมีใจให้หมี่ตั่วเช่นกัน... สุดท้ายแล้วระหว่างเพื่อนกับคนรัก หมี่ตั่วจะเลือกอยู่เคียงข้างใคร? มาร่วมลุ้นกันได้ใน "กะรัตรัก (Diamond Lover)" ทางช่องนาว26

เนื้อหาตอนที่ 1



ละครเปิดฉากขึ้นในเมืองเซี่ยงไฮ้ "หมี่เหม่ยลี่" เป็นหญิงสาวที่ทั้งอ้วนและขี้เหร่ (แต่แอบฝันว่าสักวันตนเองจะสวยและมีชีวิตที่ดีขึ้น) เธอจึงมักโดนคนอื่นเอาเปรียบ กลั่นแกล้ง หรือถูกมองเป็นตัวตลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ทำงาน ถึงกระนั้นเธอก็ยังอดทนและคิดบวกเสมอ เธอเชื่อว่าทุกคนเปรียบเหมือนเพชรที่มีความโดดเด่นเปล่งประกายตามแบบฉบับของตัวเอง สักวันเพชรเม็ดยักษ์อย่างเธอจะต้องเปล่งประกายเจิดจ้าและเลอค่าอย่างแน่นอน

* ทุกครั้งก่อนเข้าฉากในฐานะ "หมี่เหม่ยลี่" ถังเยียน (นางเอก) ต้องใช้เวลาในการพอกซิลิโคนและแปลงโฉมเป็นสาวอวบอ้วนถึง 5 ชั่วโมง

เหม่ยลี่ทำงานฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ที่บริษัทโฆษณา "แอล" เธอเป็นคนคิดแผนงานเพื่อนำเสนอลูกค้าแต่กลับไม่ได้รับเครดิต ไม่มีสิทธิเข้าห้องประชุม ซ้ำยังโดน  "ทีน่า" (หัวหน้า/ผอ. บริษัท) จิกหัวใช้ ข่มเหงรังแก และพูดจาดูถูกอยู่เสมอ ล่าสุดทีน่ายังเตรียมนำแผนงานของเหม่ยลี่มานำเสนอลูกค้าโดยแอบอ้างว่าเป็นผลงานตัวเองอีกด้วย และลูกค้าคนที่ว่าก็คือ "เซียวเลี่ยง" ซีอีโอชื่อดังแห่งบริษัทเพชร "TESIRO" ซึ่งเป็นชายในฝันของเหม่ยลี่นั่นเอง

ด้วยความที่เป็นการนำเสนอแผนงานแบบกระทันหัน เพราะอยู่ๆ เซียวเลี่ยงก็เลื่อนนัดจากช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้นเป็นสิบโมงของวันนี้ ซึ่งหมายความว่าต้องเริ่มประชุมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  ทีน่าจึงไม่มีเวลาเตรียมตัว (สิ่งที่เธอรู้มีเพียงแนวคิดหลักที่เหม่ยลี่เล่าให้ฟังคร่าวๆ) เธอเกริ่นกับเซียวเลี่ยงว่าธีมหลักของแผนโฆษณาคือ "ความทุกข์ยากและการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์" โดยจะเปรียบเทียบผู้หญิงกับเพชร จากนั้นก็นำเสนอไอเดียโดยบอกว่าผู้หญิงเปรียบเหมือนเพชรที่ต้องผ่านการกระบวนการต่างๆ จึงจะเปล่งประกายระยิบระยับ ด้วยเหตุนี้ผู้หญิงจึงจำเป็นต้องหมั่นขัดเกลาตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้ตนเองเจิดจรัส และบริษัทเพชร TESIRO ก็คือตัวช่วยที่ดีที่สุดของผู้หญิง เพราะผู้หญิงมักชื่นชอบของที่สวยงามและเป็นประกาย เช่น ดาว ดอกไม้ หรือแหวนบนนิ้ว เซียวเลี่ยงได้ฟังเพียงเท่านี้ก็ชิงตัดบทว่าแผนโฆษณาของบริษัทแอลไม่ผ่านการพิจารณา



เซียวเลี่ยงกล่าวอย่างผิดหวังว่าแผนงานที่ทีน่านำเสนอมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานที่ทาง TESIRO ต้องการ จากนั้นก็ชี้ว่าการเปรียบเทียบผู้หญิงกับเพชรเป็นเรื่องล้าสมัยและไม่มีความคิดสร้างสรรค์ แถมการนำเสนอของทีน่ายังเป็นการพูดพล่ามโดยปราศจากเนื้อหาสาระ เขากล่าวว่าบริษัทโฆษณาอื่นๆ ก็นำเสนอแผนโฆษณาคล้ายๆ กันนี้  เขาไม่เห็นว่าแผนงานของทีน่าจะมีอะไรที่โดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่น  ไม่รู้ว่าธีม "ความทุกข์ยากและการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์" มีที่มาที่ไปอย่างไร ทั้งยังสงสัยว่าทีน่าทำวิจัยตลาดมาก่อนหรือไม่ และเธอจะกระตุ้นความรู้สึกของผู้บริโภคด้วยวิธีการใด ทีน่าได้แต่นั่งอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรทำให้เซียวเลี่ยงไม่พอใจหนักขึ้น

เหม่ยลี่เห็นเซียวเลี่ยงเดินออกจากห้องประชุมด้วยความหงุดหงิดผิดหวังจึงเข้าไปขวางและอธิบายแนวคิดของแผนงานให้เขาฟัง โดยบอกว่าปกติแล้วผู้ค้าเพชรและจิวเวลรี่จะไม่ค่อยมีโรงงานเจียระไนเพชรดิบเป็นของตัวเอง แต่ "TESIRO" เป็นบริษัทจิวเวลรี่ที่มีโรงงานเจียระไนเพชรใหญ่สุดในประเทศจีน ทางบริษัทฯ จึงย่อมตระหนักดีว่ากว่าเพชรดิบจะกลายเป็นเพชรน้ำงามต้องผ่านขั้นตอนอะไรมาบ้าง (ตัด เกลา เจียระไน และขัดเงา) และจุดนี้เองที่จะทำให้ผู้บริโภคประทับใจมากที่สุด เธอกล่าวว่าที่บริษัทของเธอนำผู้หญิงมาเปรียบเทียบกับเพชร เพราะต้องการเชื่อมโยงกระบวนการผลิตเข้ากับพัฒนาการของผู้หญิง (ซึ่งต้องผ่านความยากลำบากและถูกขัดเกลาก่อนจึงจะเปล่งประกาย) เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความจริงใจ  เธอกล่าวว่าคนส่วนใหญ่มักเปรียบเทียบหญิงงามกับเพชร แต่โลกนี้มีผู้หญิงมากมายที่ไม่ได้เกิดมาสวยและเพียบพร้อม ถึงกระนั้นพวกเธอก็ยังฝันว่าสักวันจะมีชีวิตที่ดีขึ้นและอยากมีเพชรเป็นของตัวเองบ้าง เซียวเลี่ยงได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกประทับใจ

 


ทีน่าไม่พอใจที่ถูกหักหน้าจึงหาเรื่องกลั่นแกล้งและทำให้เหม่ยลี่กลายเป็นตัวตลกต่อหน้าเซียวเลี่ยงขณะพรีเซนต์ธีมโฆษณาในส่วนของ "การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์" ทีน่าให้เหม่ยลี่มุดเข้าไปอยู่ในใยดักแด้จำลองก่อนอธิบายว่า แผนโฆษณาในส่วนนี้จะใช้วงจรชีวิตของผีเสื้อมาเปรียบเทียบให้เห็นว่ากว่าจะได้เพชรน้ำงามนั้นยากเย็นเพียงใด (กว่าจะเป็นผีเสื้อที่สวยงามต้องผ่านการเป็นหนอนและดักแด้มาก่อน จากนั้นจึงลอกคราบและออกจากใยก่อนกลายร่างเป็นผีเสื้อ) เธอกล่าวว่า ดักแด้ที่อยู่ข้างในก็เหมือนผู้หญิงอย่างเหม่ยลี่ที่ทั้งอ้วน ซุ่มซ่าม ใบหน้ากลมแบนเหมือนแพนเค้ก และขาดความมั่นใจ พวกเธออยากเปลี่ยนแปลงตัวเองจึงต้องผ่านความทุกข์ยากต่างๆ เหมือนอย่างผีเสื้อ โฆษณาชุดนี้จะเผยให้เห็นภาพใยดักแด้ถูกเปิดออกและมีเพชรที่ทอแสงระยิบระยับปรากฏออกมา ซึ่งเพชรเม็ดดังกล่าวเปรียบดั่งผลของการขัดเกลาตนเองจนประสบความสำเร็จและเปล่งประกาย ในที่สุดเซียวเลี่ยงก็ยอมรับแผนโฆษณาของบริษัทแอล

ขณะพยายามแทรกตัวออกจากใยดักแด้จำลอง เป้ากางเกงของเหม่ยลี่ดันขาดเสียงดังลั่นต่อหน้าทุกคน ในขณะที่คนอื่นๆ ได้แต่ยืนหัวเราะ เซียวเลี่ยงกลับถอดสูทของตนออกแล้วรีบนำไปคลุมรอยขาดที่ก้นของเหม่ยลี่ หลังเหม่ยลี่วิ่งหนีไปด้วยความอับอาย ทีน่าก็บอกเซียวเลี่ยงว่าอย่าถือสาการกระทำของเหม่ยลี่ เซียวเลี่ยงจึงตำหนิทีน่าว่าการกระทำของเธอต่างหากที่ไม่เหมาะสม เธอไม่มีสิทธิหัวเราะเยาะรูปร่างหน้าตาของเหม่ยลี่ ถึงแม้เหม่ยลี่จะไม่ใช่คนสวยและหุ่นดีแต่ก็มีความสามารถมากกว่าที่น่า  ขณะกำลังจะกลับออฟฟิศเซียวเลี่ยงเห็นเหม่ยลี่ยืนซึมจึงเดินเข้าไปหาและชมว่าเธอนำเสนอแผนงานได้ดี จากนั้นก็ชวนเธอไปร่วมงานเลี้ยงคืนวันพรุ่งนี้


เหม่ยลี่ดีใจมากจึงรีบโทรฯ ไปเล่าให้ "เหลยอี้หมิง"  (หมอสูติ / เพื่อนสนิทของเหม่ยลี่) ฟัง พอรู้ว่าเหม่ยลี่มีความรัก อี้หมิงซึ่งกำลังสังสรรค์อยู่กับสาวๆ ในบาร์ ก็รีบบึ่งไปหาเหม่ยลี่ทันที เหม่ยลี่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเซียวเลี่ยงคือปาฏิหาริย์ แต่อี้หมิงมองว่าเซียวเลี่ยงกับเหม่ยลี่ต่างกันราวฟ้ากับเหวจึงไม่สนับสนุนเพราะเธอไม่มีทางสมหวัง เหม่ยลี่แย้งว่าเธอไม่ได้หลงรักเซียวเลี่ยง เพียงแต่เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ปฏิบัติกับเธออย่างสุภาพอ่อนโยน และเป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกแล้วเชื่อมั่นในความสามารถของเธอ เธอก็แค่คิดว่าเซียวเลี่ยงเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า แม้จะไกลเกินเอื้อมแต่มองทีไรก็รู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง อี้หมิงได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าเหม่ยลี่ป่วยเป็นไข้ใจ เขาฟันธงว่าเหม่ยลี่ตกหลุมรักเซียวเลี่ยงเข้าแล้วและแนะนำให้เธอรีบตัดใจ เหม่ยลี่ยอมรับว่าเธอเองก็รู้ตัวดี เธอจึงไม่ได้คาดหวังอะไรในเรื่องนี้และขอเก็บเซียวเลี่ยงไว้ชื่นชมแค่ในฝัน เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีสิ่งไหนสำคัญกับเธอมากไปกว่า...เรื่องกิน!

ผอ. หลี่ไม่พอใจมากหลังรู้ว่าเซียวเลี่ยงเปลี่ยนบริษัทโฆษณากลางคันโดยไม่ขอความเห็นหรือแจ้งให้พวกตนทราบล่วงหน้า จึงต่อว่าเซียวเลี่ยงกลางที่ประชุมโดยกล่าวว่าที่ผ่านมาทางบริษัทฯ มีบริษัทซินรุ่ยเป็นที่ปรึกษาและดูแลงานโฆษณามาโดยตลอด เซียวเลี่ยงสวนกลับว่า ทีผอ. หลี่เรียกรับค่าหัวคิวจากบริษัทซินรุ่ยมานานยังไม่เห็นบอกตน ผอ. หลี่ได้ยินแล้วถึงกับสะดุ้งและรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน หลังคนของตนเล่นงานเซียวเลี่ยงไม่สำเร็จ "หลินจื่อเหลียง" จึงส่งสัญญาณให้ผอ. อีกคนรับไม้ต่อ ผอ.คนดังกล่าวจึงโวยลั่นว่าเซียวเลี่ยงเพิ่งเป็นซีอีโอได้ไม่นานแต่กลับวางอำนาจบาตรใหญ่และไม่เคารพผู้อาวุโส เซียวเลี่ยงได้ยินดังนั้นจึงใช้อำนาจในฐานะซีอีโอสั่งปลดสองผอ. (ฝ่ายขายกับฝ่ายบัญชี) ทันที




เหม่ยลี่ไปที่โรงแรมหรูหมายร่วมงานเลี้ยงตามคำเชิญของเซียวเลี่ยง แต่พอไปถึงกลับพบว่าทีน่าและเพื่อนร่วมงานของเธอกำลังจะกลับเพราะงานเลี้ยงเลิกแล้ว (ทีน่าบอกเหม่ยลี่ว่างานเลี้ยงเริ่มตอน 2 ทุ่ม แต่ความจริงงานเลี้ยงเลิก 2 ทุ่ม) เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งปลอบใจเหม่ยลี่ว่าทีน่าคงอยากเอาคืนเธอ เพราะเมื่อวานนี้ทีน่าถูกเซียวเลี่ยงตำหนิยกใหญ่ที่ทำตัวไม่ดีกับเหม่ยลี่ เหม่ยลี่ได้ยินดังนั้นก็เป็นปลื้ม อยู่ๆ เซียวเลี่ยงซึ่งกำลังเมาปลิ้นจนไม่ได้สติก็เดินมาโอบไหล่และใช้เหม่ยลี่เป็นที่พิงกาย เหม่ยลี่จึงขอให้ทางโรงแรมเปิดห้องให้และพาเซียวเลี่ยงขึ้นไปพัก ขณะนอนอยู่บนเตียงเซียวเลี่ยงเมาหนักจนเห็นใบหน้าเหม่ยลี่เป็นแฟนเก่าจึงโผเข้าหาเธอและจะยื่นหน้าลงไปจูบแต่เกิดหลับไปเสียก่อน เหม่ยลี่จึงนอนกอดเซียวเลี่ยงอย่างมีความสุข


และแล้วสถานการณ์ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเซียวเลี่ยงตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองนอนร่วมเตียงกับเหม่ยลี่แถมยังสวมเพียงเสื้อถลุม เขาถามเหม่ยลี่ด้วยความตกใจว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเสื้อผ้าของตนหายไปไหน เหม่ยลี่จึงเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนเขาเมามากเธอเลยพาเขามานอนพักที่นี่แล้วเผลอหลับด้วยกันถึงเที่ยงคืน แต่แล้วๆ อยู่เขาก็อาเจียนรดเสื้อผ้าเธอเลยช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เซียวเลี่ยงได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เขาถามเหม่ยลี่ว่านอกจากถอดเสื้อผ้าตนแล้วได้ทำอย่างอื่นอีกไหม เหม่ยลี่ตอบเสียงอ่อยว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจูบเขา เซียวเลี่ยงไม่ชอบคนฉวยโอกาสและไม่ชอบให้ใครลุกล้ำความเป็นส่วนตัวเลยไล่เหม่ยลี่ออกจากห้องด้วยความโกรธ เมื่อเหม่ยลี่คืนเสื้อสูทให้เขาก็โยนทิ้งด้วยท่าทีรังเกียจซ้ำยังเดินเหยียบอย่างไม่ไยดี พลางกล่าวว่า "สิ่งที่คุณทำ ทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย" พูดจบเขาก็วิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป เหม่ยลี่จึงเก็บเสื้อสูทที่พื้นขึ้นมาแนบอกอย่างทะนุถนอม

ทีน่าตำหนิเหม่ยลี่ที่มาสาย จากนั้นก็ห้ามไม่ให้เหม่ยลี่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานโฆษณาของ TESIRO อีก พอรู้ว่าทีน่าจะใส่ชื่อตัวเองในฐานะผู้รับผิดชอบแผนงานโฆษณา โดยอ้างว่าแผนงานของเหม่ยลี่เป็นของทุกคนในแผนกและตนก็เป็นตัวแทนของพนักงานในแผนกทุกคน เหม่ยลี่จึงโวยลั่นว่าแผนงานนี้ตนเป็นคนคิดและตำหนิทีน่าที่ขโมยผลงานของตน ทีน่ากลัวคนอื่นได้ยินเลยบอกให้เหม่ยลี่ออกจากห้องไป แต่เหม่ยลี่ต้องการคำอธิบายจากทีน่าเลยไม่ยอมออกจากห้อง ทีน่าจึงไล่เหม่ยลี่ออกและบอกให้เธอเก็บของทันที


หลังโดนทำร้ายจิตใจมาตลอดทั้งวัน เหม่ยลี่ซึ่งตกงานมาหมาดๆ เดินถือกล่อง (และถุงใส่เสื้อสูทของเซียวเลี่ยง) กลับบ้านตามลำพังในตอนค่ำพลางโทรฯ หาอี้หมิง เมื่อถูกถามว่าเมื่อคืนไปไหนมา (เขาโทรฯ หาเธอแต่เธอปิดมือถือ) เหม่ยลี่ก็เล่าให้อี้หมิงฟังทั้งน้ำตาว่าเมื่อคืนเธอไปนอนกับเซียวเลี่ยงมา อี้หมิงเห็นว่าเหม่ยลี่กำลังร้องไห้จึงแหย่ว่าร้องไห้ทำไมในเมื่อเธอได้นอนกับเจ้าชายในฝัน ถ้าจะมีใครสักคนร้องไห้คนๆ นั้นน่าจะเป็นเซียวเลี่ยงมากกว่า เหม่ยลี่ชี้ว่าเซียวเลี่ยงไม่ได้ทำอะไรตน พวกตนแค่นอนหลับด้วยกันเฉยๆ อี้หมิงบอกว่าตนแค่แซวเล่นและพยายามปลอบให้เหม่ยลี่หยุดร้อง เหม่ยลี่เล่าต่อว่าตอนนี้เซียวเลี่ยงเกลียดตนแล้ว เขาคิดว่าตนน่ารังเกียจและยังบอกด้วยว่าไม่อยากเห็นหน้าตนอีก ตอนนี้ตนกลายเป็นคนที่เซียวเลี่ยงเกลียดเข้ากระดูกดำ อี้หมิงบอกให้เหม่ยลี่ตัดใจจากเซียวเลี่ยงและปลอบใจว่ายังมีผู้ชายอีกมากที่ดีกว่าเซียวเลี่ยงรอเหม่ยลี่อยู่

เหม่ยลี่กล่าวว่าวันนี้เธอเสียใจสุดๆ ดังนั้น เธออาจจำเป็นต้องกินอาหารเยอะๆ จากนั้นก็ถามอี้หมิงว่าเงินเดือนเขาออกหรือยัง (จะให้อี้หมิงเลี้ยง) อี้หมิงเห็นเหม่ยลี่พูดถึงอาหารแล้วอารมณ์ดีขึ้นก็รู้สึกดีใจตาม เขาบอกเธอว่าวันนี้ตนต้องเข้าเวรกลางคืน ไว้เลิกงานแล้วจะซื้ออาหารไปฝาก จากนั้นก็ถามเหม่ยลี่ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เหม่ยลี่บอกว่าเธออยู่ใกล้ๆ บริษัทตรงทางแยกระหว่างถนนเสียเหอกับถนนฉางอัน พอรู้ว่าเหม่ยลี่กำลังจะกลับบ้านอี้หมิงจึงบอกว่าเลิกงานแล้วตนจะตามไป หลังวางสายแล้วอี้หมิงก็รู้สึกโกรธเซียวเลี่ยงและอดเป็นห่วงเหม่ยลี่ไม่ได้




ขณะกำลังเดินทางไปทานอาหารค่ำกับบรรดาผู้จัดการ "ฉีอวี่" (ลูกน้องคนสนิทของเซียวเลี่ยง) รายงานเซียวเลี่ยงว่า เนื่องจากมีแบรนด์อินเตอร์เข้ามาตีตลาด ยอดขายโดยรวมของบริษัทฯ ประจำไตรมาสนี้จึงลดลง 10% เซียวเลี่ยงกล่าวว่าตนจะต้องปลอบขวัญและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จัดการทุกคนก่อนการประชุมใหญ่สามัญกึ่งปี (เป็นการประชุมทุกครึ่งปี) ดังนั้นในคืนนี้ตนจะเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาช่วยสนับสนุนตน เมื่อเซียวเลี่ยงดูเวลาและเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว เขาจึงบอกให้ฉีอวี่เปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นที่ใกล้กว่า ฉีอวี่เลยอาศัยแผนที่นำทาง (จีพีเอส)

เหม่ยลี่กำลังจะข้ามถนนตรงทางม้าลายแต่ดันก้าวพลาดจนเกือบล้มหัวทิ่ม มิหนำซ้ำ เอกสารในลัง (และถุงใส่สูท) ยังร่วงเกลื่อนถนน เธอจึงก้มลงเก็บ ในตอนนั้นฉีอวี่ขับรถพาเซียวเลี่ยงมาถึงสี่แยกฝั่งตรงข้ามซึ่งสัญญาณไฟเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวพอดี เขาจึงเลี้ยวซ้ายที่แยกดังกล่าว ขณะกำลังเลี้ยวรถฉีอวี่เห็นเหม่ยลี่เก็บของอยู่บนถนนจึงหันไปมอง แต่รถตู้ที่ขับตามหลังฉีอวี่มาด้วยความเร็วและวิ่งทางตรงมองไม่เห็นเพราะรถฉีอวี่บังอยู่ กว่าจะรู้ว่ามีคนอยู่บนถนนก็สายเกินไป ทำให้เหม่ยลี่โดนรถชนเข้าอย่างจัง (ใบหน้าของเธอกระแทกกับกระจกรถเต็มๆ)

ในเวลาเดียวกันนั้น อี้หมิงกำลังผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บและทำคลอดให้หญิงท้องแก่ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนปลอดภัยดีทั้งแม่และลูก พอออกจากห้องผ่าตัดและทราบข่าวจากพยาบาลว่ามีผู้หญิงน้ำหนักร้อยกิโลฯ กำลังเข้ารับการผ่าตัดที่ห้องข้างๆ หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ถนนฉางอัน อี้หมิงก็รู้สึกสังหรณ์ใจ เขาเดินไปดู (ผ่านทางช่องกระจก) ที่หน้าห้องผ่าตัดและพบว่าผู้บาดเจ็บคือเหม่ยลี่จริงๆ เมื่อเห็นว่าอาการของเหม่ยลี่อยู่ในขั้นวิกฤติเนื่องจากตอนนั้นอัตราการเต้นของหัวใจต่ำลงเรื่อยๆ แถมอุณหภูมิร่างกายยังต่ำลงจนหมอที่กำลังผ่าตัดเรียกหาเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ อี้หมิงจึงได้แต่ภาวนาให้เหม่ยลี่ปลอดภัย (เขาขอร้องให้เหม่ยลี่ทำเพื่อตน โดยบอกเธอว่าห้ามตายและให้กลับมา) ทันใดนั้น หัวใจของเหม่ยลี่ก็เริ่มกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง


ตำรวจ 2 นายจากสำนักงานตำรวจจราจรมาพบฉีอวี่ที่บริษัท TESIRO เพื่อสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุบัติเหตุของเหม่ยลี่ หลังกล้องวงจรปิดเผยว่ารถที่เขาขับอยู่ในเหตุการณ์ เมื่อเซียวเลี่ยงทราบข่าวจึงไปเยี่ยมเหม่ยลี่ที่โรงพยาบาลโดยเฝ้าดูอาการอยู่ทางด้านนอก เขาบอกฉีอวี่ว่าถึงแม้พวกตนจะไม่ได้เป็นคนขับรถชนแต่ก็มีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุจึงสมควรรับผิดชอบค่าผ่าตัด จากนั้นก็กำชับฉีอวี่ว่าอย่าให้เหม่ยลี่รู้ว่าใครเป็นคนรับผิดชอบค่าผ่าตัดของเธอ ในตอนนั้นเหม่ยลี่เริ่มรู้สึกตัวและภาพแรกที่เธอเห็นก็คือเซียวเลี่ยง (เธอเห็นเซียวเลี่ยงเดินผ่านหน้าต่างกระจกทางด้านนอกพลางหันมองมาที่เธอ)




อี้หมิงรีบเข้ามาดูเหม่ยลี่ พอเห็นว่าเหม่ยลี่ฟื้นแล้วเขาก็รู้สึกโล่งใจ เมื่อเหม่ยลี่บอกว่าเธอฝันเห็นเซียวเลี่ยง อี้หมิงก็กล่าวอย่างอ่อนใจว่าเธอเจ็บหนักขนาดนี้ทำไมยังนึกถึงเซียวเลี่ยงอีก เขาบอกเหม่ยลี่ว่าเธอประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส มิหนำซ้ำใบหน้ายังถูกเศษกระจกบาดจนเสียโฉม แต่ตนติดต่อหมอศัลยกรรมใบหน้า (เพื่อความงาม) ที่เก่งที่สุดเอาไว้ให้แล้ว เหม่ยลี่ปฏิเสธว่าเธอไม่ต้องการใช้ชีวิตภายใต้ใบหน้าที่ถูกศัลยกรรมไปจนตลอดชีวิต อี้หมิงชี้ว่าถ้าเธอไม่ทำศัลยกรรมใบหน้า เธอจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่เคยเป็น ดังนั้นเธอจึงต้องสู้ต่อไป ในเมื่อเธอผ่านการผ่าตัดครั้งแรกมาได้ด้วยดีแล้วยังมีอะไรที่ต้องกลัวอีก ถึงแม้จะการผ่าตัดจะทำให้หน้าตาเปลี่ยนแต่เธอก็ยังเป็นเหม่ยลี่คนเดิม

เหม่ยลี่กล่าวว่าตอนที่เกิดอุบัติเหตุ เธอหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนชั้นประถม ในตอนนั้นเธอเป็นเด็กหญิงตัวอ้วนกลมที่ไม่มีใครยอมคบเป็นเพื่อน มีเพียงอี้หมิง (ซึ่งเป็นนักเรียนที่เพิ่งย้ายมาใหม่) ที่เห็นเธอเป็นเพื่อนสนิทและดีกับเธอ แต่พอขึ้นชั้นมัธยมต้นอี้หมิงก็ย้ายมาเรียนที่เซี่ยงไฮ้ทำให้เธอเหงาและไม่มีเพื่อนอีกครั้ง ต่อมาเธอได้ย้ายมาอยู่เซี่ยงไฮ้เพื่อเรียนต่อด้านการออกแบบ แต่กลับโดนคนดูถูกเหยียดหยามว่าอ้วนเป็นหมูแล้วจะเป็นดีไซเนอร์ได้ยังไง ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอคิดว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอจึงไม่เป็นที่ต้องการ เลยบอกตัวเองให้ขยันและทำงานหนักขึ้น จากนั้นก็ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความสุข เหม่ยลี่ถามอี้หมิงทั้งน้ำตาว่ารูปลักษณ์ภายนอกของคนเราสำคัญมากจริงๆ หรือ... มันส่งผลต่อชีวิตคนๆ หนึ่งได้จริงรึเปล่า อี้หมิงกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ไม่ว่าเหม่ยลี่จะเป็นยังไง หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับเหม่ยลี่ทั้งในวันนี้และวันหน้า ตนก็จะคอยอยู่เคียงข้างและเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเสมอ ดังนั้นจงอย่าเป็นกังวล เพราะเหม่ยลี่มีตนอยู่ทั้งคน พูดจบเขาก็โน้มตัวลงไปกอดเหม่ยลี่



ในที่สุดเหม่ยลี่ก็เข้ารับการผ่าตัดใบหน้า (ก่อนหมดสติเพราะฤทธิ์ยาเหม่ยลี่หวนนึกถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับเซียวเลี่ยง) หลังจากนั้น 4 เดือนเหม่ยลี่ก็พร้อมที่จะเผยโฉมรูปลักษณ์ใหม่ ซึ่งนอกจากการศัลยกรรมใบหน้าแล้ว เหม่ยลี่ยังผ่านการเข้าคอร์สควบคุมน้ำหนักและฟื้นฟูสภาพร่างกายจนกลายเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างบอบบางอีกด้วย อี้หมิงดีใจมากที่เหม่ยลี่ผ่านพ้นช่วงเวลาอันแสนยากลำบากมาได้เสียที เขากล่าวว่าคราวนี้ตนจะได้มีเวลาไปเดทกับแฟนของตน (ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาอี้หมิงคอยอยู่เคียงข้างและออกกำลังกายเป็นเพื่อนเหม่ยลี่ ทำให้เหม่ยลี่มีกำลังใจและฟื้นฟูร่างกายได้เร็ว) หมอจะเปิดผ้าพันใบหน้าของเหม่ยลี่ออก แต่เหม่ยลี่รู้สึกกลัวเลยขอให้อี้หมิงช่วยเปิดออกให้แทน อี้หมิงสารภาพว่าตนเองรู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากตอนขูดล็อตเตอรี่  (เป็นล็อตเตอรี่แบบขูดของจีนที่ซื้อแล้วลุ้นได้ทันทีว่าถูกรางวัลหรือไม่) เมื่ออี้หมิงเห็นโฉมใหม่ของเหม่ยลี่ก็ถึงกับตกตะลึงเพราะใบหน้าของเธอเหมือนผู้หญิงในฝันของเขาเปี๊ยบ




หลังจากนั้นอี้หมิงก็เอาลองเอานิ้วจิ้มหน้าเหม่ยลี่ดู เมื่อเหม่ยลี่ถามว่าหน้าตาเธอเป็นยังไงบ้าง อี้หมิงจึงกล่าวชมว่าเธอสวยมาก เหม่ยลี่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ หมอเลยรีบเตือนว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งหัวเราะหรือแสดงออกทางอารมณ์มากเกินไปเพราะขากรรไกรยังไม่เข้าที่นัก เหม่ยลี่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นโฉมใหม่ของตนในกระจกเป็นครั้งแรก อี้หมิงเห็นว่าเหม่ยลี่ต้องผ่านความเจ็บปวดทุกข์ยากไม่น้อยกว่าจะมีชีวิตใหม่ที่สวยงาม จึงมอบสร้อยคอพร้อมจี้รูปผีเสื้อให้เหม่ยลี่เพื่อแสดงความยินดีที่เธอเปลี่ยนจากคนอ้วนและขี้เหร่มาเป็นคนสวย เหม่ยลี่จึงกล่าวขอบคุณอี้หมิงที่คอยอยู่เคียงข้างเธอ


หลังยอดขายของบริษัท TESIRO ลดลง 10% เซียวเลี่ยงก็ถูกจื่อเหลียงกดดัน (ในที่ประชุม) ให้รีบแก้ไขสถานการณ์ เพราะนับตั้งแต่ก่อตั้งยอดขายของบริษัทไม่เคยร่วงหนักขนาดนี้ เซียวเลี่ยงกล่าวว่าในฐานะที่เป็นซีอีโอตนจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง เขากล่าวว่าดรรชนีชี้วัดไม่มีผลอะไร ทุกครั้งที่มีการยกเครื่ององค์กรใหม่ย่อมต้องใช้เวลาในการปรับตัวเป็นธรรมดา เขาเชื่อว่ายอดขายจะตกลงเพียงชั่วคราว จื่อเหลียงพยายามดิสเครดิตเซียวเลี่ยงด้วยการกล่าวหาว่าเขาดำเนินนโยบายผิดพลาด โดยชี้ว่าบริษัทฯ ต้องการปฏิวัติองค์กรเลยไล่พนักงานอาวุโสระดับบริหารออกไปแล้ว 4 คน ถึงแม้จะจ้างพนักงานใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมากแต่ส่วนใหญ่ล้วนขาดประสบการณ์ จึงส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เซียวเลี่ยงตบโต๊ะและย้ำว่าการยกเครื่ององค์กรใหม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัว  เขาขอเวลา 3 เดือนในการดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น 20% โดยลั่นวาจาว่าหากทำไม่สำเร็จตนจะลาออกและจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง

หลังออกจากห้องประชุม เซียวเลี่ยงบอกฉีอวี่ว่าหากต้องการเพิ่มยอดขายจะต้องเปิดไลน์สินค้าใหม่และต้องวางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ใหม่ทั้งหมด เขาสั่งให้ฉีอวี่ไปแจ้งฝ่ายออกแบบเพื่อให้นำแผนการออกแบบสินค้าประจำไตรมาสหน้ามาให้ตนดู และให้ติดต่อบริษัทแอลเพื่อแจ้งให้พวกเขาคิดแผนงานใหม่มาให้ตน ฉีอวี่นึกขึ้นได้ว่าแหวนรุ่นใหม่สำหรับผู้ชายที่เซียวเลี่ยงสั่งให้ทำขึ้นก่อนหน้านี้ผลิตเสร็จแล้ว จึงนำมาให้เซียวเลี่ยงดูโดยบอกว่ารุ่นนี้มีชื่อว่า "ฉีซื่อ" (อัศวิน) เซียวเลี่ยงหวังว่าแหวนรุ่นดังกล่าวจะช่วยให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นจึงสั่งให้นำออกสู่ตลาดทันที

นับตั้งแต่ไล่เหม่ยลี่ออก สถานการณ์ของทีน่าและบริษัทแอลก็ย่ำแย่ลงทุกวันเนื่องจากไม่มีใครทุ่มเทและคิดแผนงานได้ดีเท่าเหม่ยลี่ หลังแผนงานโฆษณาที่เพิ่งนำเสนอถูกปฏิเสธเพราะไม่ตรงตามความต้องการของบริษัท TESIRO ทีน่าก็โวยลั่นที่ลูกน้องทำงานไม่ได้ดั่งใจและขู่ว่าถ้าครั้งต่อไปยังเสนอไม่ผ่านอีก ทุกคนจะโดนไล่ออก   



อี้หมิงช่วยแปลงโฉมให้เหม่ยลี่แล้วพาเธอไปเที่ยวสถานบันเทิงในยามค่ำคืนเป็นครั้งแรก แต่เหม่ยลี่รู้สึกไม่มั่นใจเพราะไม่เคยแต่งหน้าและนุ่งกระโปรงสั้นแบบนี้ อี้หมิงก้มดูกระโปรงของเหม่ยลี่ (เธอสวมถุงน่องหรือเลคกิ้งสีดำด้วย) พลางบอกว่าไม่สั้นเลยสักนิด หลังจากนั้นเขาก็ช้อนคางเหม่ยลี่แล้วมองหน้าเธออย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนชมว่าแต่งหน้าสวยมาก หลังสร้างความมั่นใจให้เหม่ยลี่แล้ว อี้หมิงก็พาเหม่ยลี่เข้าไปนั่งทางด้านใน อี้หมิงเห็นชายคนหนึ่งหันไปส่งสายตาและโบกมือทักทายเหม่ยลี่จึงยกขาขึ้นขู่ ขณะที่เหม่ยลี่รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้าที่มีผู้ชายสนใจเธอ อี้หมิงบอกให้เหม่ยลี่ตั้งสติและค่อยๆ ปรับตัวให้คุ้นชินกับการเป็นผู้หญิงสวย เขาบอกเหม่ยลี่ว่าเธอไม่สามารถรับไมตรีจากผู้ชายทุกคนที่ส่งสายตาให้เธอได้ จากนั้นก็เตือนให้เธอนั่งหุบขาตลอดเวลา 

อี้หมิงยังเตือนด้วยว่าในสถานที่แบบนี้เหม่ยลี่ไม่มีทางเจอรักแท้เพราะที่นี่มีแต่เพลย์บอย เหม่ยลี่เห็นว่าอี้หมิงชอบเที่ยวกลางคืนจึงสวนกลับว่า ถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นเพลย์บอยด้วยใช่ไหม อี้หมิงฟังแล้วถึงกับอึ้งและรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ครั้นพอเห็นว่าเหม่ยลี่ไม่เชื่อ อี้หมิงก็บอกให้เหม่ยลี่ขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วมองเข้าไปในดวงตาตน จากนั้นก็ถามว่าเธอมองเห็นอะไร เมื่อเหม่ยลี่ตอบว่าเธอเห็นหน้าตัวเอง อี้หมิงก็ร้องว่า "ผิด!" เพราะสิ่งที่อยู่ในนั้นคือความจริงใจ เหม่ยลี่แย้งกลับว่า  "ผิด!" สิ่งที่อยู่ข้างในคือขี้ตา ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงพูดว่า  "ผิด!" สิ่งที่อยู่ในนั้นคือความโลเลหลายใจต่างหาก ปรากฏว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นแฟนของอี้หมิง (เขาหลอกเธอว่าวันนี้ต้องเข้าเวรกลางคืน) พอจับได้คาหนังคาเขาว่าอี้หมิงมาเที่ยวกลางคืนกับผู้หญิง แฟนของเขาก็โกรธและเดินหนีไป อี้หมิงเลยต้องรีบวิ่งตามไปง้อและสวนกับเซียวเลี่ยงซึ่งกำลังเดินเข้ามาในสถานบันเทิงดังกล่าว  เมื่อเห็นว่าสถานที่นัดหมายมีเสียงดัง เซียวเลี่ยงก็โทรฯ ไปตำหนิฉีอวี่ที่รับนัดลูกค้าในสถานบันเทิง ทั้งๆ ที่เขาต้องการมาเจรจาเรื่องธุรกิจ  




หลังถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เหม่ยลี่ก็กวาดตามองหาอี้หมิงแต่กลับพบเซียวเลี่ยงนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ตอนแรกเธอรู้สึกตกใจและคิดที่จะหลบหน้า แต่พอนึกได้ว่ารูปร่างหน้าตาตนเองเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง เหม่ยลี่จึงนั่งมองเซียวเลี่ยงด้วยความปลาบปลื้มจนเขาเริ่มรู้สึกตัว อยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาตีสนิทเหม่ยหลี่และพยายามบังคับให้เธอดื่มเครื่องดื่มของตน เซียวเลี่ยงเห็นผู้หญิงถูกรังแกต่อหน้าต่อตาจึงเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ว่าเธอคืออดีตหญิงอ้วนที่เขาเคยรังเกียจและบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าอีก

*** จบตอนที่ 1 ***

* เนื้อหาโดย luvasianseries

นักแสดงนำ


เรน
รับบท เซียวเลี่ยง
(นักแสดง / นักร้อง / นักเต้น / นายแบบ ชาวเกาหลี)



ถังเยียน (ทิฟฟานี่ ถัง)
รับบท หมี่เหม่ยลี่ / หมี่ตั่ว
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)



หลัวจิ้น
รับบท เหลยอี้หมิง
(นักแสดง ชาวจีน)



ตี๋ลี่เร่อปา
รับบท เกาเหวิน
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน - เป็นชาวเมืองอุรุมชี (อูหลู่มู่ฉี) ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์)



เหยาอี้เฉิน
รับบท หลินจื่อเหลียง
(นักแสดง ชาวจีน)



กัวเคอถง
รับบท หลิวซือหยวน
(นักแสดง ชาวจีน)



จางเหวิน
รับบท เย่ฉี
(นักแสดง ชาวจีน)



 หวังตง
รับบท เสิ่นตงจวิน
(นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)




*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา