วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรื่องย่อ รินรักหมดใจ (Drinking Solo)



 สุรา เป็นเหตุทะเลาะวิวาทและอาชญากรรมได้ 

กำกับ: ชเว คยูชิก, ชอง ฮยองกอน
เขียนบท: มยอง ซูฮยอน, เพ็ค ซอนอู, ชเว โบริม
แนวละคร: ดราม่า, โรแมนติก, คอมเมดี้
จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - วันที่ 5 กันยายน 2559 - 25 ตุลาคม 2559 ทางทีวีเอ็น
                 ไทย - ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 22.00-23.15 น. ทางช่อง 8 เริ่มวันที่ 14 กันยายน 2559

เรื่องย่อ



 สุรา เป็นเหตุทะเลาะวิวาทและอาชญากรรมได้ 

ละคร "รินรักหมดใจ (Drinking Solo)" นำเสนอเสี้ยวหนึ่งของชีวิตและกิจกรรมในแต่ละวันของเหล่าอาจารย์และนักศึกษาที่สถาบันกวดวิชาสำหรับผู้เตรียมสอบข้าราชการพลเรือน* ในย่านโนรยางจินของกรุงโซล ซึ่งต่างก็ชอบ 'ดื่ม' ตามลำพังหลังเลิกงานด้วยเหตุผลส่วนตัว รวมทั้งเรื่องราวความรักของ "ชิน จองซอก" อาจารย์ชื่อดังประจำสถาบันกวดวิชาที่เปรียบเหมือนซุป'ตาร์ในวงการติวเตอร์ กับ "ปาร์ค ฮานา" อาจารย์อ่อนหัด เจ้าของฉายา "โน คือแร แห่งโนรยางจิน** " ซึ่งพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองมีที่ยืนและประสบความสำเร็จในแวดวงกวดวิชาเหมือนอย่างจองซอก

* การสอบข้าราชการพลเรือนที่เกาหลีใต้ โดยทั่วไปจะเป็นการสอบเพื่อคัดเลือกผู้ที่มีสัญชาติเกาหลีให้เข้ามาทำงานเป็นข้าราชการขั้น 9 (ข้าราชการชั้นผู้น้อย/ข้าราชการใหม่) โดยจะพิจารณาจากคะแนนสอบล้วนๆ ผู้สมัครสอบจึงไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญา ภูมิหลังอันโดดเด่น หรือประสบการณ์ในการทำงาน แต่เป็นที่รู้กันว่าข้อสอบสุดหินและมีการแข่งขันกันสูง (ผู้เข้าสอบมีตั้งแต่คนรุ่นหนุ่มสาวไปจนถึงผู้ใหญ่) ทำให้ต้องไปติวเข้มที่สถาบันกวดวิชาข้าราชการพลเรือนเป็นปีๆ หรือหลายปี (เรียนกันอย่างหนักวันละ 10-12 ช.ม. จึงต้องเช่าหอพักราคาถูกอยู่ใกล้ๆ ถ้ายังสอบไม่ผ่านก็ต้องเรียนและสอบใหม่ บางคนจบมัธยมแล้วก็มาเรียนที่สถาบันกวดวิชาโดยไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะต้องการรับราชการซึ่งเป็นงานที่มั่นคงและสวัสดิการดี) อย่างไรก็ตาม นอกจากการสอบข้าราชการขั้น 9 แล้ว ยังมีการเปิดสอบข้าราชการขั้น 7 และขั้น 5 อีกด้วย (โดยปกติข้าราชการจะเลื่อนขั้นตามระบบอาวุโส แต่ผู้ที่ผ่านการสอบหรือคัดเลือกเป็นข้าราชการขั้น 5 ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเฉพาะด้าน จะมีตำแหน่งเทียบเท่าข้าราชการอาวุโสที่รับราชการมานาน 25 ปี)  
** "โน คือแร"  คือชื่อที่จองซอกตั้งให้ฮานา มาจาก "ชาง คือแร" ซึ่งเป็นชื่อของตัวละครหลัก (พระเอก) ที่ทำงานเป็น "พนักงานขายฝึกหัด" ในละครเรื่อง "หนุ่มออฟฟิศพิชิตฝัน (Misaeng)" (ดูเรื่องย่อได้ ที่นี่) 
*** ย่านโนรยางจิน นอกจากจะเป็นที่ตั้งของตลาดปลาใหญ่ที่สุดในกรุงโซลแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมของผู้ที่มาเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบข้าราชการพลเรือนโดยเฉพาะ โดยมีการเปิดสอนทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "เอ็กแซม วิลเลจ" เพราะอัดแน่นไปด้วยสถาบันกวดวิชาและหอพักราคาถูก 

เนื้อหาตอนที่ 1



"ชิน จองซอก" นั่งดื่มเบียร์ตามลำพังอย่างมีความสุขในภัตตาคารอาหารปิ้งย่าง ลูกค้าผู้หญิงที่นั่งโต๊ะข้างๆ เห็นดังนั้นก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมจองซอกถึงมานั่งดื่มคนเดียวในร้านแบบนี้ (ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครมาทานเนื้อย่างในร้านคนเดียว) จองซอก (ซึ่งเสียบหูฟังข้างหนึ่งเพื่อฟังดนตรีคลาสสิก) ได้ยินเสียงคนนินทาจึงเสียบหูฟังอีกข้าง เขาบอกคนดูว่าตนเองชอบนั่งดื่มคนเดียว เนื่องจากตอนทำงานต้องพูดทั้งวัน เขาเลยชื่นชอบและอยากดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่ได้อยู่ตามลำพังในโลกส่วนตัวโดยไม่ต้องพูดแบบนี้

แต่การดื่มตามลำพังอย่างมีความสุขตามแบบฉบับของเขาจะต้องอยู่ภายใต้กฏส่วนตัว 3 ข้อด้วยกัน ข้อแรกคือ การดื่มอย่างมีระดับกับช่วงเวลาดีๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่ดีมีคุณภาพ (เช่น มีดนตรีคลาสสิกคลอ) ข้อที่สอง ต้องมีอาหารคุณภาพเยี่ยมทานคู่กับเครื่องดื่ม (เช่น เนื้อย่างเกรดพรีเมี่ยม) ข้อที่สาม ส่งเสริมวัฒนธรรมการดื่มให้มีคุณภาพและดื่มอย่างมีสติ จองซอกใช้แอพในมือถือที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมสำหรับเป่า ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของตนเอง (ผลการตรวจอยู่ที่ 0.070 เปอร์เซ็นต์) พลางบอกคนดูว่าเขาไม่เคยปล่อยให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงเกิน 0.080 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นระดับที่ทำให้เขารู้สึกดีและมีความสุขที่สุด

ทันใดนั้น ก็มีลูกค้าในร้านคนหนึ่งเมาจนหัวทิ่มขณะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ("ปาร์ค ฮานา" ซึ่งนั่งโต๊ะเดียวกันกับชายคนดังกล่าวรีบลุกไปประคองด้วยความเป็นห่วงและอับอาย) จองซอกเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้า เขาไม่ชอบการเมาปลิ้นแบบนี้และคิดว่าคนที่ไม่มีวินัยในตัวเองเป็นคนที่น่าสมเพชที่สุด ด้วยความที่จองซอกเป็นคนที่ดื่มอย่างรับผิดชอบเขาจึงไม่ขับรถขณะมึนเมา แต่โทรฯ ใช้บริการคนขับรถเพื่อให้มาขับรถแทน โดยบอกว่าตอนนี้ตนอยู่หน้าทางเข้า "ซอแรวิลเลจ" (หรือ "มงต์มาร์ท" แห่งเกาหลี เนื่องจากมีลักษณะเป็นเนินเขาและเป็นย่านที่พักอาศัยของชาวฝรั่งเศสที่มาทำงานหรือทำธุรกิจในเกาหลี) 



ระหว่างรอคนขับรถ จองซอกเห็นฮานาพาชายที่กำลังเมาปลิ้นไปส่งที่รถ ชายคนดังกล่าวยืนกรานว่าตนเองขับรถไหว แต่ฮานาไม่ยอมให้เขาเมาแล้วขับจึงอาสาขับรถไปส่งที่บ้านให้เพราะเธอไม่ได้ดื่ม จองซอกเห็นดังนั้นจึงแอบนินทาว่าฮานาพยายามเอาใจชายคนดังกล่าวจนออกนอกหน้า ครั้นพอเห็นฮานาใส่นาฬิกามิกกี้เมาส์เขาก็แอบเหน็บว่าเธอไม่รู้จักโต หลังขับรถไปส่งชายคนดังกล่าวที่หน้าตึกแห่งหนึ่ง (ด้านหน้าเป็นที่ตั้งของสถาบันกวดวิชาสำหรับเด็กนักเรียน) ฮานายังอาสาเดินขึ้นไปส่งเขาที่ชั้นสามแต่ชายคนดังกล่าวปฏิเสธ เขาขอบคุณเธอและสัญญาว่าจะจ่ายเงินเดือนสามงวดสุดท้ายให้เธอโดยเร็วที่สุด ที่แท้ชายคนดังกล่าวเป็นเจ้าของสถาบันกวดวิชาที่เพิ่งถูกปิด และฮานาก็เป็นครูที่โรงเรียนดังกล่าวมานานหลายปี เธอเคยคิดว่าพออยู่ในวัยนี้ตนเองจะได้ทำงานดีๆ  แต่สุดท้ายกลับยังต้องมานั่งกังวลเรื่องอนาคต

หลังจากนั้นไม่นาน ฮานาก็ได้งานที่สถาบันกวดวิชาในย่านโนรยางจิน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาบันชั้นแนวหน้าที่มีความเชี่ยวชาญในการติวสอบข้าราชการพลเรือน แม้จะรู้สึกประหม่าเมื่อพบว่าเป็นสถาบันที่มีขนาดใหญ่ แต่เธอก็ฮึดสู้และพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อแม่โทรฯ มาหา ฮานาก็บอกแม่ว่าตนเองเพิ่งเริ่มทำงานที่โนรยางจินเป็นวันแรก แต่วันนี้ยังไม่มีการเรียนการสอน เธอมาเพื่อบันทึกตัวอย่างการบรรยาย เมื่อนักเรียนดูวิดิโอแล้วจะได้ตัดสินใจว่าอยากเรียนกับเธอหรือไม่

จองซอกขับรถสปอร์ตสุดหรูไปทำงานพลางฟังรายงานข่าวจากทางวิทยุที่ระบุว่า ตำแหน่งข้าราชการระดับสูง (ขั้น 7) ที่เพิ่งเปิดรับสมัครเมื่อไม่นานมานี้มีผู้สมัครสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และนั่นก็ทำให้คนบางกลุ่มได้รับอานิสงส์จากเรื่องนี้ไปเต็มๆ  ทั้งยังประสบความสำเร็จถึงขั้นกลายเป็นคนดัง คนกลุ่มที่ว่าคืออาจารย์ดาวเด่นระดับเฟิร์สคลาสของสถาบันกวดวิชา หรือติวเตอร์ระดับเฟิร์สคลาส ซึ่งเป็นคนที่สถาบันกวดวิชาต่างๆ พากันแย่งกันซื้อตัว หวังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับสถาบันกวดวิชาของตน (เพราะจะมีคนตามมาเรียนกับอาจารย์ดังๆ มากมาย)


"ฮวาง จินอี" วนหาที่จอดรถภายในตึกของสถาบันกวดวิชาจนเจอที่ว่างสำหรับรถสองคัน เธอกำลังจะขับเข้าไปจอดแต่แล้วอยู่ๆ จองซอกก็ขับรถย้อนศรมาแย่งจอดก่อนในลักษณะคร่อมเลน จินอีเห็นดังนั้นก็รู้สึกโมโหจึงลงไปโวยว่าเขาไม่เห็นเส้นแบ่งช่องจอดรถหรือ เมื่อจองซอกตอบว่าเห็น จินอีจึงโวยลั่นว่าเขาจอดกั๊กทั้งสองช่องได้อย่างไร ทำไมไม่นึกถึงคนอื่นบ้าง จองซอกตอบอย่างใจเย็นว่าที่เขาจอดรถแบบนี้เป็นเพราะเห็นแก่คนอื่น เขาเล่าว่าเมื่อวานนี้เจ้าของรถที่นำรถมาจอดข้างๆ รถของตน ทำรถตนเป็นรอยตอนเปิดประตู เลยต้องจ่ายเงินค่าซ่อมสีเป็นเงินก้อนโต

เขายังชี้ด้วยว่ารถของตนไม่เหมือนรถจินอีที่พบได้ทั่วไปบนท้องถนน แต่เป็นรถหรูนำเข้าดังนั้นค่าซ่อมจึงแพงมาก (เขากำลังบอกเธอว่าที่ตนเองจอดรถแบบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เธอเสียเงินจ่ายค่าซ่อมก้อนโต หากบังเอิญทำให้รถของตนเป็นรอย) พูดจบจองซอกก็เดินจากไปทันทีทำให้จินอีโมโหจนพูดไม่ออก อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าจองซอกหน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ และสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นเจ้าของฉายา "โคซึล" 



ขณะอยู่ในลิฟต์จองซอกเห็น "มิน จินอุง" กำลังเปิดดูภาพยนตร์ทางมือถือแล้วพยายามเลียนแบบคำพูดและท่าทางของนักแสดงหนุ่ม "ยู อาอิน" จากภาพยนตร์เรื่อง "Veteran"  (เข้าฉายในปี 2015) จึงยืนจ้องด้วยสีหน้าไม่พอใจ เมื่อจินอุงหันมาเห็นจองซอกเขาก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นคนดังจึงรีบแนะนำตัวพลางยื่นมือให้ แต่จองซอกไม่ยอมจับมือด้วย เขากล่าวทักทายตามมารยาทและเอื้อมมือไปกดลิฟต์ชั้นถัดไป แม้จองซอกจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการเสวนากับจินอุง แต่จินอุงยังคงกล่าวว่าตนรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานและได้อยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกันกับจองซอก จากนั้นก็ทำท่าทางเลียนแบบยู อาอิน (ที่ตั้งใจฝึกซ้อมเมื่อสักครู่) ให้จองซอกดูแบบขำๆ โดยบอกว่าตนกำลังฝึกเลียนแบบท่าทางดาราเพื่อให้บรรยากาศในชั้นเรียนของตนสนุกสนาน

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกจองซอกก็ถามจินอุงว่าที่นี่มีบันไดหนีไฟใช่ไหม จากนั้นก็ผลักจินอุงออกจากลิฟต์ทันที เขาบอกให้จินอุงเปลี่ยนไปใช้บันไดหนีไฟและตำหนิจินอุงที่ส่งเสียงดังในที่สาธารณะ จินอุงแย้งว่าตนก็แค่พึมพำเบาๆ และพยายามแทรกตัวกลับเข้าไปในลิฟต์ที่กำลังจะปิดโดยยื่นหัวเข้าไปก่อน แต่จองซอกเอามือดันหัวจินอุงไว้พลางบอกว่าประสาทหูของตนทำงานเป็นเลิศ หูของตนจึงไวต่อเสียงมากเป็นพิเศษ พูดจบเขาก็ผลักหัวจินอุงออกแล้วปิดลิฟต์ทันที 



"คิม วอนแฮ" (ผอ.คิม) พาจองซอกมาดูห้องทำงานส่วนตัวที่จัดขึ้นตามข้อเรียกร้องของเขาทุกอย่าง แต่กลับพบว่าฮานากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวดไฟฟ้ารุ่นใหม่ป้ายแดงภายในห้องของจองซอกอย่างสบายใจ พอรู้ว่าห้องนี้เป็นของจองซอก ฮานาก็รู้สึกตกใจ (เธอคิดว่าห้องนี้เป็นห้องทำงานของตน) ผอ.คิมชี้ว่าคนที่ได้รับค่าจ้างชั่วโมงละสามหมื่นวอน (ราวหนึ่งพันบาท) อย่างเธอจะมีห้องส่วนตัวได้อย่างไร เขากดรีโมทควบคุมผนังกระจกอัจฉริยะเพื่อเปลี่ยนจากกระจกทึบแสงให้กลายเป็นกระจกโปร่งแสง ทำให้มองเห็นโต๊ะทำงานของอาจารย์คนอื่นๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ทางด้านนอก จากนั้นก็ชี้บอกฮานาว่าโต๊ะทำงานของเธออยู่ข้างนอกนั่น

หลังจากนั้นผอ.คิมก็แนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน พอรู้ว่าชายที่ยืนตรงหน้าคือจองซอก (ซึ่งผอ.คิมบอกว่ากว่าจะได้ตัวมาเลือดตาแทบกระเด็น และเขาก็เป็นความหวังของทางสถาบันฯ) ฮานาก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ เธอกล่าวว่าตนรู้สึกแต่แรกแล้วว่าเขาหน้าคุ้นๆ ที่ผ่านมาเธอมักได้ยินคำร่ำลือว่าเขาเป็นครูกวดวิชาที่เก่งกาจบ่อยครั้ง และเธอก็ได้ดูคลิปวิดีโอที่เขาสอนหลายชุดด้วยกัน ผอ.คิมได้ยินฮานาเรียกจองซอกว่า 'ครู' จึงเตือนเธอว่าสถาบันของตนเรียกผู้สอนว่า 'อาจารย์' (เขาบอกเรื่องนี้กับเธอแล้วครั้งหนึ่งตอนสัมภาษณ์งาน) หลังจากนั้นผอ.คิมก็ออกตัวกับจองซอกว่า ที่ฮานาไม่ประสีประสาเพราะเธอเคยสอนแต่เด็กมัธยม ฮานาถือโอกาสแนะนำตัวโดยบอกว่าเธอสอนวิชาภาษาเกาหลี ทำให้ถูกจองซอกเหน็บว่าเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนอย่างเธอจะเป็นอาจารย์สอนภาษาเกาหลีได้ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจอะไรได้ช้า (ทั้งๆ ที่เป็นภาษาแม่) 



ฮานาเดินออกจากห้องจองซอกด้วยความโกรธและอับอาย เมื่อจินอีมาถึงจึงแนะนำให้ฮานารู้จักกับจินอุง (จินอีเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของฮานา) จินอุงถามจิน อีว่าฮานาคือคนที่เธอแนะนำมาใช่ไหม จากนั้นก็แนะนำตัวโดยบอกว่าตนสอนวิชาบริหารรัฐกิจและทักว่าดูท่าทางฮานาจะเป็นคนนิสัยดี ครั้นพอถึงช่วงพักฮานาก็ระบายความคับแค้นใจให้โทรศัพท์ฟัง (คุยกับโทรศัพท์โดยใช้แอพเพื่อนเสมือนจริงซึ่งระบบสามารถพูดโต้ตอบกับผู้โทรฯ ได้โดยอัตโนมัติ) โดยบ่นว่าจองซอกหยาบคายกับเธอ แต่โทรศัพท์กลับตอบว่าจองซอกไม่ได้พูดหยาบคายทำให้ฮานารู้สึกไม่พอใจ หลังทะเลาะกับโทรศัพท์ได้สักครู่ จินอีก็เดินมาหาฮานาพร้อมแก้วกาแฟในมือ (ของตัวเอง)

จินอีบอกฮานาว่าเธอได้ยินเรื่องทั้งหมดจากผอ.คิมแล้ว เธอปลอบฮานาว่าอย่าเสียใจไปเลย และเล่าให้ฟังว่าจองซอกเป็นเจ้าของฉายา "โคซึล" เมื่อเห็นฮานาทำหน้างงจินอีจึงอธิบายว่า "โคซึล" เป็นคำย่อที่มาจากคำว่า "คุณภาพสูง" (โค ควอลิตี้) + "ขยะ" (ซือเลกี) เธอกล่าวว่าจองซอกเป็นคนที่ทั้งหล่อ ฉลาด และจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอย่างมหาวิทยาลัยประจำชาติโซล ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนรอบรู้แต่กลับทำตัวเหมือนขยะกับคนอื่น คนในวงการเลยเรียกว่า "โคซึล" ซึ่งหมายถึง "ขยะคุณภาพสูง" นั่นเอง    


ฮานากล่าวว่าถึงอย่างไรจองซอกก็เป็นสุดยอดอาจารย์อยู่ดีและคิดว่าในแต่ละปีเขาคงทำเงินได้ไม่น้อย พอรู้ว่าจองซอกได้ค่าตัวสูงถึงหมื่นล้านวอน (กว่า 300 ล้านบาท) สำหรับสัญญา 3 ปี ฮานาก็ถึงกับตกตะลึง จินอีกล่าวว่าถึงแม้ค่าตัวจองซอกจะสูงลิบแต่ก็นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หากสถาบันไหนคว้าตัวเขามาสอนได้สำเร็จจะกวาดรายได้สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งทันที เพราะ 90% ของผู้เตรียมสอบข้าราชการพลเรือนจะตามมาเรียนที่คลาสของเขาโดยเข้าคิวรอกันตั้งแต่เช้าเพื่อให้ได้ที่นั่งดีๆ และเคล็ดลับของจองซอกก็คือการสอนเฉพาะสิ่งที่จะอยู่ในข้อสอบโดยไม่สนเรื่องทฤษฎีหรือข้อสอบปีเก่าๆ ดังนั้น นักเรียนทุกคนจึงต้องตั้งใจฟังทุกคำพูดของเขา (ในตำราของเขาก็จะมีแต่สิ่งที่อยู่ในข้อสอบเช่นกัน) 

ฮานาสงสัยว่าทุกสิ่งที่จองซอกพูดอยู่ในข้อสอบจริงหรือ จินอีกล่าวว่าเขาเก็งข้อสอบถูกเผงถูกครั้งจนบางคนถึงกับสงสัยว่าเขาอาจโดนผีสิง และนั่นก็ทำให้คลาสของเขาล้นจนต้องถ่ายทอดการเรียนการสอนไปตามห้องต่างๆ เพื่อให้นักเรียนๆ ผ่านทางหน้าจอ แถมตำราของเขายังขึ้นแท่นหนังสือขายดีที่สุดทั่วประเทศ ทำให้ทางสถาบันได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นเงินมหาศาล และเขาก็ทำเงินจากการสอนออนไลน์ได้มากเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน เขาจึงเป็นสุดยอดปรมาจารย์ในด้านการติวสอบข้าราชการพลเรือน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้สถาบันต่างๆ ยอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อตัวเขา

จินอีนึกขึ้นได้เลยบอกฮานาว่าต้องขอบคุณจองซอกที่ทำให้ฮานาได้ทำงานที่นี่ เพราะหลังทุ่มเงินให้จองซอกมากเกินไป อาจารย์หลายคนที่ผลงานไม่โดดเด่นจึงถูกไล่ออกทำให้มีตำแหน่งงานว่าง แต่ทางสถาบันมีเงินเหลือไม่มากเลยจำเป็นต้องจ้างอาจารย์ค่าตัวถูกๆ เธอจึงแนะนำฮานาให้กับทางสถาบัน พอรู้ว่าทางสถาบันจ้างตนเพราะค่าตัวถูกฮานาก็ถึงกับอึ้ง  จินอีขอโทษฮานาที่พลั้งปากพูดเช่นนั้นออกไป ฮานาหัวเราะกลบเกลื่อนและมองในแง่ดีว่าอย่างน้อยๆ เธอก็ได้งานทำ  เธอขอบคุณจินอีที่สนับสนุน และรู้สึกโล่งใจที่มีจินอีอยู่เคียงข้าง เพราะเธอได้ยินมาว่าอาจารย์ใหม่ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในโนรยางจิน จินอีจึงให้คำมั่นว่าเธอจะช่วยฮานาให้มากที่สุดเท่าที่เธอทำได้



ครั้นพอกลับเข้ามาในตึกแล้วพบว่าโปสเตอร์แนะนำคลาสภาษาอังกฤษของตนโดนปลดออก ซ้ำยังถูกแทนที่ด้วยโปสเตอร์คลาสภาษาเกาหลีของฮานา จินอีก็ถึงกับหน้าถอดสีและชักมือที่ควงแขนฮานาออกทันที พอเห็นผอ.คิมเดินผ่านมาจินอีก็ลากตัวเขาเข้าไปในห้องทำงานแล้วถามว่าทำไมถึงสั่งให้พนักงานปลดโปสเตอร์ของเธอออก เขาเห็นคนใหม่ดีกว่าคนเก่าอย่างเธองั้นหรือ ผอ.คิมชี้ว่าต่อให้ไม่มีโฆษณาคลาสของเธอก็มีนักเรียนเยอะอยู่แล้ว เธอจึงควรสนับสนุนฮานาที่เพิ่งมาใหม่และยังไม่มีใครรู้จัก  จินอีถามต่อว่าทำไมถึงไม่ปลดโปสเตอร์ของจินอุงแทน เพราะถึงติดไปคลาสของจินอุงก็ไม่ค่อยมีนักเรียนอยู่ดี จินอุงได้ยินดังนั้นจึงชี้ว่าโปสเตอร์ของตนถูกปลดออกนานแล้ว จินอีเลยพยายามอ้อนและทำท่าน่ารักหมายให้ผอ.คิมเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะผอ.คิมเป็นกังวลว่าคลาสของฮานาจะขายไม่ออก 

ฮานาเห็นจินอีโวยวายลั่นห้องทำงานจึงเดินเข้าไปถามว่าเธอผิดหวังมากเลยหรือ จินอีปฏิเสธทันควันและแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ครั้นจินอุงชี้ว่าจินอีควรสนับสนุนฮานาในฐานะที่เป็นเพื่อนรักกัน จินอีก็ของขึ้นและเดินออกจากห้องไป ฮานาเห็นดังนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจจึงถามจินอุงว่าเธอควรทำอย่างไรดี จินอุงแนะให้ฮานาอยู่เฉยๆ โดยให้เหตุผลว่าเธอเป็นอาจารย์ใหม่ หากไม่มีการโฆษณาให้เป็นที่รู้จักเธออาจมีนักเรียนไม่มากพอ



"ชิน คงมยอง" เดินออกจากสถานีรถไฟฟ้าโนรยางจินพลางคุยโทรศัพท์กับแม่ เขาบอกแม่ (ซึ่งพยายามเคี่ยวเข็ญให้เขาสอบข้าราชการ) ด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่าตอนนี้ตนอยู่ที่โนรยางจิน ตนจะเดินสำรวจดูให้ทั่วก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะมาใช้ชีวิตที่นี่ดีไหม  หลังวางสายเขาก็บ่นด้วยความหงุดหงิดที่ถูกแม่รบเร้าให้สมัครสอบข้าราชการทั้งๆ ที่เพิ่งออกจากกรมได้แค่ปีเดียว ครั้นพอหันไปเห็นโปสเตอร์โฆษณาของจองซอกที่มาพร้อมข้อความ "ทางลัดสู่ความสำเร็จ" คงมยองก็พูดเหน็บจองซอก (ซึ่งเป็นพี่ชายของเขาเอง) ว่าทำเป็นโอ้อวด   

ความจริงแล้วคงมยองนัดเจอเพื่อนรักที่มาอยู่หอพักและเรียนกวดวิชาที่โนรยางจิน พอเห็น "คิม คีบอม" ใส่ชุดวอร์มแบรนด์เนม ซ้ำยังเป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดประจำฤดูใบไม้ร่วง คงมยองก็รู้สึกผิดคาด คีบอมจึงชี้ว่าคนที่มาเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบข้าราชการไม่จำเป็นต้องนุ่งกางเกงวอร์มเก่าๆ เสมอไป นั่นเป็นภาพลักษณ์ที่สื่อสร้างให้ ความจริงแล้วคนที่แต่งตัวดีก็มีไม่น้อย คงมยองสงสัยว่า "คิม ดงยอง" หายไปไหน ทำไมถึงไม่มาด้วย คี บอมจึงบอกว่าวันนี้เพิ่งมีการประกาศผลสอบข้าราชการ ดงยองสอบไม่ผ่านเลยผิดหวังเสียใจมาก พอรู้ว่าคีบอมเองก็สอบไม่ผ่านเช่นกัน คงมยองจึงสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่สลดหรือวิตกทุกข์ร้อน คีบอมเปรียบการสอบข้าราชการเหมือนการแข่งวิ่งมาราธอน โดยอธิบายว่าถ้าออกตัวแรงเกินไปในตอนแรกก็จะหมดแรงในที่สุด  เขาวางแผนว่าจะสอบให้ผ่านหลังเรียนกวดวิชานาน 5 ปี แต่ตอนนี้เพิ่งเรียนได้แค่ 3 ปีเอง คงมยองได้ยินดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่คีบอมมักถูกมองว่าเป็นคนเรื่อยเปื่อย




หลังไปรับคงมยองที่สถานีรถไฟฟ้าโนรยางจินแล้ว คีบอมก็พาคงมยองเดินไปในย่านโรงเรียนกวดวิชา คงมยองเห็นซุ้มขาย "คัพพัพ" หรือ "ข้าวถ้วย" ตั้งเรียงรายก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะเป็นอาหารขึ้นชื่อของย่านโนรยางจิน หลังถูกคงมยองชวนไปทานข้าวถ้วย คีบอมจึงชี้ว่านี่เป็นอีกเรื่องที่ถูกเหมารวมโดยสื่อ ถึงแม้พวกตนจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกตนจะต้องกินข้าวถ้วยราคาถูกเสมอไป เขาพาคงมยองไปร้านอาหารเพื่อทานบุฟเฟต์ที่ตักได้ไม่อั้นในราคาหัวละ 4 พันวอน (ราว 122 บาท) พอเห็นว่ามีอาหารดีๆ ให้เลือกมากมายซ้ำยังตักได้เต็มที่ในราคาสุดคุ้ม คงมยองก็ยิ่งตื่นเต้น คีบอมเห็นคงมยองตักอาหารจนพูนสองจานก็รู้สึกตกใจ 

คงมยองกล่าวว่าตนไม่เคยทานอาหารจนพุงกางแบบนี้มาก่อนและบ่นว่าคีบอมกินดีกว่าตนได้อย่างไร คีบอมกล่าวว่าคนที่กำลังเตรียมสอบข้าราชการไม่จำเป็นต้องหิวจนไส้กิ่วอย่างที่สื่อนำเสนอ และใช่ว่าทุกคนจะต้องอยู่อย่างกระเบียดกระเสียร คีบอมเห็นคงมยองเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างมีความสุขจึงแหย่ว่าดูท่าทางคงมยองจะยอมย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะเรื่องกิน แต่คงมยองดันเอาจริง เขาพูดทั้งที่อาหารเต็มปากว่าไม่แน่ตนอาจมาอยู่ที่นี่สักปี




ขณะชงกาแฟฮานาเหลือบมองจินอีที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก จากนั้นก็บ่นด้วยความหนักใจว่าบางครั้งคนกันเองยังน่ากลัวกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก เธอนำกาแฟไปเสิร์ฟให้จินอุงกับจินอีคนละแก้ว แต่จินอีเงยหน้าขึ้นมาปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มว่าเธอไม่มีอารมณ์ดื่มกาแฟในตอนนี้ จินอุงเห็นดังนั้นจึงช่วยฮานาง้อจินอีแต่กลับถูกจินอีตะคอกใส่เสียงดังลั่น จองซอกได้ยินเสียงโวยวายจึงหันไปมองด้วยความรู้สึกรำคาญ และพบว่าฮานาพยายามงอนง้อจินอี เขาจะกดรีโมทปรับผนังกระจกให้เป็นแบบทึบแสงแต่บังเอิญเห็นนาฬิกามิกกี้เมาส์บนข้อมือของฮานาเลยจำได้ว่าเคยเจอเธอที่ภัตตาคาร เขาแอบเหน็บเธอว่านอกจากนาฬิกาแล้ว การกระทำของเธอยังแลดูน่าสมเพชและไม่น่าเชื่อถือ เพราะเธอพยายามอย่างหนักที่จะประจบประแจงทุกคน 

หลังพยายามงอนง้ออย่างหนักแต่ก็ไม่เป็นผล ฮานาเลยบอกจินอีว่าเธอจะขอให้ทางสถาบันปลดโปสเตอร์ของเธอออก จินอีได้ยินดังนั้นก็หูผึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นมาถามฮานาว่าพูดจริงหรือและกล่าวว่าฮานาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้ จินอุงเห็นฮานายอมเสียสละให้จินอีก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ ทันใดนั้น ก็มีคนโทรฯ มาตามจินอีให้ไปบันทึกวิดีโอตัวอย่างการสอน หลังจากนั้นจินอีก็เริงร่าและอารมณ์ดีขึ้นมาทันใด เธอชวนฮานาไปดูตนเองบันทึกเทป โดยอ้างว่าฮานาจะได้นำเคล็ดลับเด็ดๆ ไปปรับใช้บ้าง เพราะเธอบอกแล้วว่าจะช่วยฮานาให้มากที่สุดเท่าที่เธอทำได้ พูดจบเธอก็คว้าแก้วกาแฟในมือฮานาไปดื่มพลางชมว่าฮานามีความสามารถในด้านการชงกาแฟ



ขณะบันทึกเทปตัวอย่างการสอน จินอีเน้นพูดจาเชิญชวนประกอบกับการโพสท่าเซ็กซี่และโชว์เนื้อหนังมังสามากกว่าการนำเสนอเนื้อหาภาษาอังกฤษ ขณะที่จินอุงทำเหมือนกำลังเดี่ยวไมโครโฟน เขาแนะนำตัวแบบขำๆ ว่าตนคือ "ยู อาอิน แห่งวิชาบริหารรัฐกิจ" เพราะตนคือ 'ตัวพ่อ' ของวิชานี้ จากนั้นก็เริ่มบรรยายเนื้อหาวิชาคร่าวๆ ก่อนเลียนแบบคำพูดและท่าทางในหนังของพระเอกหนุ่มยู อาอิน 

 


ส่วนฮานาเริ่มจากการแนะนำตัวอย่างสดใสและเป็นธรรมชาติ แต่แล้วอยู่ๆ ผอ.คิมกับจองซอกก็เดินเข้ามาในห้องและยืนดูเธอบันทึกเทปทำให้ฮานาทั้งรู้สึกประหม่าและแปลกใจ เพราะการที่ทั้งคู่เข้ามาดูเธอบันทึกเทปโดยไม่ดูของคนอื่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกประเมิน ถึงกระนั้นเธอก็บอกให้ตัวเองฮึดสู้และทำทุกอย่างเหมือนตอนซ้อม หลังหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเธอก็เริ่มบรรยายตัวอย่างเนื้อหาวิชาภาษาเกาหลีต่อทันที

หลังดูฮานาบันทึกเทปแล้ว ผอ.คิมก็ถามความเห็นจองซอกเกี่ยวกับการบรรยายของฮานา จองซอกตอบว่าเป็นดังคาด เขาเดาว่าฮานาเคยสอนที่โรงเรียนกวดวิชาย่านชานเมืองมาก่อนเลยบอกว่าเธอทำได้เท่านี้ก็ดีถม ยิ่งรู้ว่าฮานามีประวัติการศึกษาที่ต่ำกว่ามาตรฐาน จองซอกก็ฟันธงว่าเธอไม่มีทางเป็นที่ยอมรับในกรุงโซล เขาเชื่อว่าคนอาจหลอกลวงกันได้แต่การศึกษาหลอกกันไม่ได้และการบรรยายของฮานาก็บ่งบอกถึงภูมิหลังอย่างชัดเจน ผอ.คิมแย้งว่าการบรรยายของฮานาไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้น จองซอกจึงบอกว่ามีอาจารย์อีกนับพันที่ไม่ได้บรรยายย่ำแย่ แต่มีเพียงคนเก่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดและประสบความสำเร็จในวงการกวดวิชา ผอ.คิมได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหนักใจ ขณะที่ฮานาซึ่งแอบฟังอยู่ห่างๆ ถึงกับอึ้งแต่ก็ทำได้เพียงทอดถอนใจ


ระหว่างที่ฮานากำลังเดินคอตกกลับไปยังห้องทำงาน เธอเห็นกับตาว่าเจ้าหน้าที่กำลังดึงโปสเตอร์ของเธอออกก่อนนำไปทิ้งถังขยะ แล้วนำโปสเตอร์ของจินอีมาติดแทน ฮานาเก็บโปสเตอร์ในถังขยะมานั่งดูที่บันไดหนีไฟ พอเห็นข้อความที่ระบุว่าเธอเป็นดาวรุ่งในการสอนวิชาภาษาเกาหลี ฮานาก็เปรยว่าเธอเหมือนดาวตกมากกว่า เพราะทั้งการศึกษาและโปสเตอร์ของเธอต่างถูกทำลายจนย่อยยับ

ฮานาเล่าว่าฐานะทางบ้านเธอไม่สู้ดีนัก และสถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย เพราะพ่อของเธอดันไปเซ็นค้ำประกันหนี้ให้คนอื่น เธอจึงเริ่มสอนพิเศษแบบพาร์ทไทม์ที่สถาบันกวดวิชาเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน แต่หลังจากพ่อขอให้ช่วยใช้หนี้ อนาคตทางการศึกษาของเธอก็ดับวูบ เธอเลยต้องกลายเป็นครูแบบฟูลไทม์ที่สถาบันกวดวิชาตราบจนทุกวันนี้ แม้จะไม่ใช่ความตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่มแต่ตอนนี้เธอคิดว่างานที่ตนเองทำอยู่คืออาชีพของเธอ เธอเลยตั้งใจทำงานอย่างหนักทุกวัน พอคิดได้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจึงบอกตัวเองให้เข้มแข็งและลุกขึ้นสู้



หลังอิ่มท้องแล้วคงมยองกับคีบอมก็แวะเล่นเกมตู้ ปรากฏว่าคงมยองเล่นแพ้แต่คีบอมทำคะแนนได้สูงสุด คงมยองจึงถามคีบอมว่าวันๆ เขาเอาแต่เล่นเกมแทนที่จะเรียนกวดวิชาหรือ คีบอมออกตัวว่าตนเล่นเกมตู้เก่งมาแต่ไหนแต่ไร ตนไม่อยากให้ใครมาว่าตนแบบนี้เลยไม่เล่นเกมตู้ที่โนรยางจิน คงมยองสวนกลับว่าตอนนี้พวกตนอยู่ที่โนรยางจิน คีบอมจึงกล่าวว่าตนเพิ่งมาเล่นที่นี่เป็นครั้งแรกและคงมยองเป็นคนลากตนมาที่นี่เอง คงมยองชี้ไปที่หน้าจอซึ่งเผยให้เห็นการจัดอันดับผู้เล่น ปรากฏว่าผู้เล่นที่ทำคะแนนได้สูงสุดตั้งแต่อันดับหนึ่งลงมาล้วนเป็นคีบอมทั้งสิ้น หลังจากนั้นคงมยองก็บ่นคีบอมเป็นชุด 

ขณะอยู่ในร้านกาแฟ คงมยองเห็นว่าลูกค้าในร้านมีแต่เหล่าบรรดาคู่รักจึงบ่นว่า ตนนึกว่าทุกคนมาเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบข้าราชการ แต่พวกเขากลับง่วนอยู่กับการออกเดทแทนที่จะคร่ำเคร่งอยู่กับการเรียนหนังสือ ตนนึกว่าการออกเดทเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในโนรยางจินเสียอีก คีบอมกล่าวว่านั่นเป็นภาพลักษณ์ผิดๆ ที่สื่อสร้างขึ้น เขาหยิบยกละครเรื่อง "ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ (Descendants of the Sun)" มากล่าวอ้างโดยบอกว่า ขนาดอยู่ในสนามรบคนเรายังออกเดทและตกหลุมรักกันได้ ดังนั้น คนที่กำลังเตรียมสอบข้าราชการจึงไม่อาจหยุดรักได้เช่นกัน พอรู้ว่าคีบอมมีกระทั่งเวลาและอารมณ์ดูละคร คงมยองก็ทำหน้าเบ้ใส่ด้วยความหมั่นไส้



ในขณะที่สองหนุ่มกำลังจะยกกาแฟไปนั่งที่โต๊ะ  ทั้งคู่ก็พบ "คิม ดงยอง" นั่งร้องไห้อยู่ในร้านโดยมีแฟนสาว "ฮวาง จูยอน" (รับบทโดย "ฮา ยอนซู" ในฐานะนักแสดงรับเชิญตอนที่ 1, 2 และ 16) คอยปลอบใจ หลังแฟนสาวของดงยองกลับไปทำงานแล้ว คงมยองกับคีบอมก็ช่วยกันเล่นงานดงยองโทษฐานที่ไม่ยอมออกมาพบพวกตนโดยอ้างว่ายังทำใจเรื่องผลสอบไม่ได้ แต่สุดท้ายกลับแอบมาพบแฟน พอเห็นว่าดงยองสวมเสื้อยืดตัวเก่าสมัยเมื่อ 5 ปีก่อน (ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง) คงมยองก็บ่นด้วยความเอือมระอาว่าดงยองประหยัดเกินเหตุ คงมยองชวนดงยองไปดื่มด้วยกันแต่ดงยองปฏิเสธโดยบอกว่าตนต้องกลับไปอ่านหนังสือ คงมยองกับคีบอมเลยช่วยกันล็อคตัวและหิ้วปีกดงยองให้ไปด้วยกัน

หลังเลิกงาน ผอ.คิมต้องการพาอาจารย์ใหม่อย่างจอกซอกและฮานาไปเลี้ยงสังสรรค์พร้อมกับจินอีและจินอุง ฮานาตอบรับคำเชิญอย่างกระตือรือร้น แต่จองซอกปฏิเสธโดยบอกว่าตนไม่ดื่มกับเพื่อนร่วมงานและไม่ต้องการสานสัมพันธ์กับใคร ผอ.คิมเห็นจินอุงบ่นจองซอกจึงตวาดใส่เสียงดังลั่นว่า จองซอกใช้เวลาไปกับวางแผนว่าทำอย่างไรจึงจะมีนักเรียนมากขึ้น แต่จินอุงกลับห่วงแต่เรื่องออกไปข้างนอกและใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์ เพราะอย่างนี้คลาสของเขาจึงมีนักเรียนแค่หยิบมือ ทำเอาจินอุงถึงกับหน้าจ๋อย หลังจากนั้น ทุกคนก็ออกไปฉลองโดยไม่มีจองซอก จินอียังคงค้างคาใจจึงถามด้วยความสงสัยว่าทำไมจองซอกถึงไม่ดื่มกับเพื่อนร่วมงาน



จองซอกซึ่งมานั่งทานอาหารและดื่มตามลำพังพร้อมเสียบหูฟังๆ เพลงคลาสสิกอย่างสบายอารมณ์ บอกคนดูว่าที่เขาไม่ดื่มกับเพื่อนร่วมงานเพราะเขาชอบดื่มคนเดียวมากกว่า การดื่มคนเดียวทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ดื่ม ทั้งยังสามารถดื่มได้ตามใจปรารถนา ซึ่งผิดกับบรรยากาศในการดื่มของก๊วนผอ.คิมอย่างเห็นได้ชัด เพราะทุกคนถูกผอ.คิมบังคับให้ดื่มรวดเดียวหมดแก้วและต้องโชว์แก้วที่ว่างเปล่าให้ดู หลังดื่มจนได้ที่แล้วผอ.คิมก็ระบายความอัดอั้นเรื่องที่เขายืมเงินพ่อตาแม่ยายมาทำธุรกิจ ทำให้ตกเป็นเบี้ยล่างและถูกกดดันอย่างหนักจนแทบบ้า เขาจึงหมายมั่นว่าจะต้องทำให้สถาบันกวดวิชาขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งให้ได้ (ทุกคนต่างฟังด้วยความเบื่อหน่าย ฮานามีทีท่าอึดอัด จินอุงนั่งแทะเล็บ ส่วนจินอีถึงกับหาวออกมา) ผอ.คิมเห็นจินอีนั่งหาวเลยถามว่าเรื่องที่ตนเล่าน่าเบื่อมากเลยหรือ จินอีกับจินอุงรีบปฏิเสธพลางแสดงสีหน้าสดชื่นขึ้นมาทันใด และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จองซอกเลือกที่จะดื่มคนเดียว เขากล่าวว่าการดื่มคนเดียว ทำให้เขาไม่ต้องทนฟังเรื่องที่ไม่อยากฟัง ไม่ต้องฝืนยิ้ม และไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังในการบิลด์อารมณ์

ผอ.คิมบ่นว่าบรรยากาศชักเริ่มกร่อยๆ เลยคิดที่จะร้องเพลงให้ทุกคนฟัง จินอีรีบบอกให้ฮานาสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานเพื่อที่ผอ. คิมจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ ฮานาเลยโชว์ทีเด็ดในการชงเหล้าด้วยลีลาขั้นเทพ (แต่สีหน้าท่าทางเหมือนเป็นเรื่องกล้วยๆ) จากนั้นก็เสิร์ฟแก้วแรกให้ผอ.คิม...  จองซอกกล่าวต่อว่า การดื่มตามลำพังทำให้เขาไม่ต้องพยายามเอาอกเอาใจหรือเอ็นเตอร์เทนใคร ทำให้ได้ใช้เวลากับตัวเอง และทำในสิ่งที่ตนเองสบายใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงชื่นชอบการดื่มคนเดียว



ในเวลาเดียวกันนั้น สามหนุ่ม คงมยอง  คีบอม และดงยอง ก็มานั่งดื่มโซจูด้วยกันในร้านเนื้อย่าง คงมยองพบว่าชีวิตที่โนรยางจินไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่คิด แถมยังได้รับเงินเดือนจากแม่โดยไม่ต้องทนฟังเสียงแม่บ่นอีกต่างหาก คีบอมจึงบอกให้คงมยองย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกันโดยให้คิดเสียว่ากลับมาเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่ดงยองไม่เห็นด้วยและชี้ว่าอยู่ที่นี่เหมือนตายทั้งเป็น คีบอมแซวว่าถึงกระนั้นดงยองก็ยังมีแฟน ดงยองแย้งว่าตนได้เจอแฟนแค่เดือนละสองครั้ง คีบอมแหย่ว่าดงยองได้กุ๊กกิ๊กกับแฟนตั้งเดือนละสองครั้ง แต่ดงยองแย้งจริงจังว่าแค่นั้นยังไม่พอ เขาบอกคีบอมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่าตนคงทำวันละ 12 ครั้งถ้าทำได้ แต่ตนต้องพยายามอย่างหนักที่จะยับยั้งความต้องการ จากนั้นก็หันไปบอกคงมยองด้วยน้ำเสียงจริงจังว่าอย่ามาเลยเพราะมันแย่สุดๆ

คีบอมบอกให้ดงยองทำใจร่มๆ และย้ำว่าการเตรียมสอบข้าราชการก็เหมือนกับการวิ่งมาราธอน ดงยองสวนกลับว่าการเกาะพ่อแม่กินไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจ คีบอมได้ยินดังนั้นก็ของขึ้น เขากล่าวว่าถ้าไม่มาเตรียมสอบที่นี่แล้วจะให้ตนทำอะไร จะให้ตนนอนอยู่บ้านเฉยๆ แล้วหายใจทิ้งไปวันๆ เหมือนไอ้งั่งแถวนี้ (คงมยอง) งั้นหรือ คงมยองแทบไม่เชื่อหูจึงถามย้ำว่าเมื่อกี๊คีบอมพูดว่าอะไร เมื่อดงยองทวนคำพูดของคีบอมให้ฟัง คงมยองก็รู้สึกโกรธและพาลคิดว่าเพื่อนทั้งสองดูถูกตนที่เป็นคนว่างงาน จึงโวยลั่นร้านว่าคนเตรียมสอบอย่างคีบอมกับดงยองไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าตนเพราะต่างก็เป็นคนว่างงานเหมือนกัน

ลูกค้าที่นั่งโต๊ะข้างๆ ได้ยินดังนั้นจึงโวยกลับด้วยความรู้สึกรำคาญ ทั้งยังตำหนิสามหนุ่มที่ทำตัวไร้ค่าและเอาเวลามานั่งดื่มแทนที่จะอ่านหนังสือเตรียมสอบ เมื่อถูกไล่ให้ไปอ่านหนังสือ คงมยองก็แย้งว่าตนไม่ได้มาติวสอบ ชายคนดังกล่าวจึงถามว่าคงมยองทำมาหากินอะไร คงมยองตอบตามตรงว่าตนไม่ได้ทำอะไรเพราะยังไม่มีงานทำ ทำให้โดนชายคนดังกล่าวเยาะเย้ยและตำหนิ เขายังบอกด้วยว่าอย่างน้อยๆ เพื่อนของคงมยองยังพยายามทำอะไรบางอย่างเพื่ออนาคตของตนเอง พอถูกถากถางมากๆ เข้าคงมยองก็เริ่มระงับอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ หลังถูกชายคนดังกล่าวใช้ผักกาดฟาดหัว คงมยองก็เข้าไปล็อคตัวชายคนดังกล่าว คีบอมกับดงยองจึงรีบห้ามปรามและบอกให้คงมยองปล่อยตัวชายผู้นี้เพราะที่เขาพูดไม่ผิดสักคำ

เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่มโทรศัพท์ของจินอุงก็ส่งเสียงเตือนเพราะถึงเวลาที่เขาต้องกลับบ้านแล้ว (เขาอ้างว่าเป็นคำสั่งของภรรยา) ผอ.คิมจึงเหน็บว่าจินอุงเป็นซินเดอเรลล่าและแย้งว่าภรรยาของตนก็ดุไม่แพ้กัน หลังยื้อจินอุงไม่สำเร็จ ผอ.คิมก็รู้สึกหงุดหงิดและบ่นว่าเบื่อ จินอีกล่าวว่าตนช่วยให้ผอ.คิมรู้สึกดีขึ้นได้ จากนั้นก็บอกให้ฮานาลุกขึ้นเต้นเพลง "Pick Me" (ของศิลปินฝึกหัดหลากค่ายที่เข้าร่วมรายการ Produce 101) ความจริงแล้วฮานาเองก็เบื่อและไม่มีอารมณ์เต้น แต่พอถูกจินอีกับผอ.คิมรบเร้าเธอเลยจำต้องลุกขึ้นเต้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์แต่ลีลาสุดพริ้ว จินอีกับผอ.คิมจึงลุกขึ้นเต้นตามอย่างเมามัน



ไม่นานฉากกั้นห้องก็ถูกลูกค้าโต๊ะข้างๆ เปิดออก ปรากฏว่าเขาคือผู้อำนวยการสถาบันกวดวิชาที่จองซอกเคยร่วมงานด้วย (รับบทโดย "คิม ฮีวอน" - นักแสดงรับเชิญ) เมื่อถูกตำหนิว่าชอบแย่งแต่อาจารย์เก่งสุดของสถาบันอื่น ผอ.คิมก็แย้งว่าไม่เป็นความจริง เขาชี้ไปที่ฮานาพลางบอกว่าอาจารย์ที่เต้นสุดเหวี่ยงเมื่อสักครู่ชื่อ "ปาร์ค ฮานา" จากนั้นก็ถามผอ.สถาบันคู่แข่งว่าเคยได้ยินชื่อฮานาไหม เมื่อชายคนดังกล่าวปฏิเสธ ผอ.คิมจึงกล่าวว่าเขาต้องไม่รู้จักเธออยู่แล้วเพราะตนนำตัวเธอมาจากสถาบันโนเนม ตนไม่เพียงจ้างอาจารย์ดังๆ แต่ยังยื่นโอกาสให้อาจารย์ระดับปลายแถวและไม่มีอนาคตอย่างฮานาได้เข้ามาทำงานในสถาบันของตนด้วย ฮานาได้ยินแล้วถึงกับช็อค อดีตนายจ้างจองซอกได้ยินดังนั้นก็ประณามผอ.คิมว่าเป็นคนน่ารังเกียจ จากนั้นก็กลับไปที่โต๊ะและชวนพรรคพวกของตนออกจากร้าน

หลังคู่แข่งกลับไปแล้ว ผอ.คิมก็ชวนจินอีกับฮานาดื่มฉลองชัยชนะ แต่แล้วอยู่ๆ เจ้าของร้านก็นำบิลของโต๊ะข้างๆ มาเก็บเงินกับผอ.คิม (อดีตนายจ้างจองซอกบอกทางร้านว่าผอ.คิมจะจ่ายให้) ผอ.คิมก้มดูบิลด้วยความโกรธ จากนั้นก็สั่งให้ฮานากับจินอีไปลากชายตัวแสบกลับมา แต่มีเพียงฮานาที่ทำตามคำสั่ง ฮานาเห็นอดีตนายจ้างจองซอกกำลังเลือกซื้อปลาหมึกสดในตลาดปลากับพรรคพวก จึงรีบวิ่งไปหาและเกิดลื่นล้ม แต่ผอ.คิมยังคงเร่งให้เธอตามไปจับตัวชายคนดังกล่าว ในที่สุดฮานาก็วิ่งตามไปจนทันจึงรีบคว้าตัวเขาไว้และขอให้เขากลับไปจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่ม ชายคนดังกล่าวพยายามสะบัดแขนออกพลางยืนกรานว่าเจ้านายของเธอต้องเป็นคนจ่ายเพราะเขาแย่งคนของตนไป หลังยื้อยุดกันได้สักพักฮานาก็เสียหลักล้มลงไปนั่งแช่ในอ่างปลา ผอ.คิมเห็นดังนั้นก็ถึงกับสร่างเมา



ฮานาเดินกลับบ้านอย่างอ่อนแรงในสภาพเนื้อตัวเปียกโชกและมีแต่กลิ่นคาวคละคลุ้ง แถมยังต้องยืมชุดทำงานของคนงานในร้านซาชิมิมาสวมทับอีกชั้นหนึ่ง พอเห็นสภาพตัวเองในกระจกฮานาก็บ่นว่าเธออุตส่าห์ดีใจที่ได้ทำงานในโนรยางจิน แต่ทำงานวันแรกก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว พอเดินต่อไปได้สักพักฮานาก็เห็นจองซอกนั่งอยู่ในร้านอาหารตามลำพัง ตอนแรกเธอจะเดินผ่านไปแต่แล้วอยู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ เธอบอกตัวเองว่าควรผูกมิตรกับศัตรู ถึงเขาจะดูถูกการศึกษาของเธอแต่เธอจะให้อภัยและเป็นเพื่อนกับเขา ปัญหาก็คือจองซอกไม่คิดเช่นนั้น พอเห็นฮานาโผล่มายืนอยู่ตรงหน้าซ้ำยังอยู่ในสภาพดูไม่จืดจองซอกก็รู้สึกตกใจ 

ฮานาถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะกับจองซอกโดยไม่สนว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ จากนั้นก็ถามว่าทำไมเขาถึงมานั่งดื่มคนเดียว จองซอกเห็นฮานาสวมชุดเอี๊ยมของร้านซาชิมิจึงถามกลับว่าเธอรับจ็อบที่ร้านอาหารหรือ ฮานาตอบว่าตนทำเสื้อผ้าเลอะเทอะ เธอจะเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นแต่จองซอกชิงตัดบทด้วยการไล่เธออย่างสุภาพ เขาให้เหตุผลว่าการนั่งร่วมโต๊ะกับเธอจะทำให้ชื่อเสียงของตนเสียหาย และเขาก็ไม่คิดที่จะสุงสิงกับคนอย่างเธอ ฮานาถามว่าเขาหมายความว่าอย่างไร จอกซอกกล่าวว่ายังต้องให้ตนบอกอีกหรือ เขาชี้ว่าฮานาไม่มีความสามารถเลยเอาดีด้วยการเลียแข้งเลียขาเจ้านาย ฮานาปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้นและชี้ว่าเขามีอคติกับเธอเพราะเห็นว่าประวัติการศึกษาของเธอไม่เลิศหรู เธอยอมรับว่าตนเองไม่ได้จบจากสถาบันอันทรงเกียรติ แต่เธอจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่


จอกซอกไม่อยากรับรู้เรื่องของฮานาเลยเอ่ยปากไล่เธออีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มเสียบหูฟังข้างหนึ่ง ฮานาตัดพ้อว่าเขาไม่ยอมแม้แต่จะรับฟังเธอ ก่อนโวยว่าเธอเพิ่งมาใหม่เลยไม่ค่อยรู้อะไร เขาจึงควรชี้แนะและสอนเธอว่าควรทำอย่างไร จองซอกถอดหูฟังออกแล้วถามฮานาว่า เธอคิดว่าตัวเองเป็น "ชาง คือแร" ในละครเรื่อง  "หนุ่มออฟฟิศพิชิตฝัน (Misaeng)" งั้นหรือ เขาเห็นว่าฮานาเป็น 'คือแร' แห่งย่านโนรยางจินเลยเรียกเธอว่า "โน คือแร" พูดจบจองซอกก็เสียบหูฟังทั้งสองข้างแล้วโบกมือไล่ฮานา ฮานาฟังแล้วได้แต่นั่งอึ้ง


หลังจากนั้น ฮานาก็เดินคอตกมาที่ป้ายรถเมล์ พอเห็นป้ายโฆษณา "ทางลัดสู่ความสำเร็จ" ของจองซอก เธอก็ยิ่งรู้สึกเคียดแค้น เธอรู้ซึ้งแล้วว่าทำไมจองซอกถึงถูกขนานนามว่า "โคซึล" (ขยะคุณภาพสูง) ในตอนนั้นคงมยองและคีบอมกำลังช่วยกันหิ้วปีกดงยอง (ซึ่งเมาหนักจนแทบไม่ได้สติ) มาส่งที่ห้องพัก คงมยองเห็นฮานากำลังชกและทุบตีใบหน้าจองซอกบนป้ายโฆษณาจึงหยุดมองด้วยความสงสัยว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนั้น คีบอมกล่าวว่าเธออาจเป็นคนที่มาเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบข้าราชการและลงเรียนในคลาสของจองซอก พอสอบไม่ติดเลยมาเอาคืนด้วยความโกรธ คีบอมยังบอกด้วยว่ามีหลายคนที่สติแตกในวันประกาศผล และดงยองก็เป็นหนึ่งในนั้น คงมยองยืนมองฮานาชำระแค้นที่ป้ายโฆษณาพลางเปรยว่าจองซอกไม่เคยเปลี่ยน ยังมีคนอีกมากมายที่เกลียดเขา พอเห็นฮานาเตะป้ายโฆษณาจนขาเจ็บ คงมยองก็แอบขำ

หลังพาดงยองมาส่งที่ห้องพักแบบโคชีวอน  (ห้องเช่าราคาถูก ลักษณะคล้ายหอพักและมีขนาดเล็กกระทัดรัดสำหรับเข้าพักคนเดียว) คงมยองก็รู้ประหลาดใจที่เห็นเสาต้นหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องทำให้ห้องที่เล็กอยู่แล้วยิ่งดูแคบลง คีบอมกล่าวว่าเพราะห้องนี้มีเสาค่าเช่าเลยถูกกว่าห้องอื่น 5 หมื่นวอน (ราว 1,500 บาท) พอเห็นว่าดงยองมีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ ส่วนของใช้ก็มีแต่ของที่ได้มาฟรีๆ (เป็นของแจกของแถม) คงมยองก็บ่นว่าคุณภาพชีวิตของดงยองแย่กว่าเมื่อก่อนเสียอีก ดงยองได้ยินดังนั้นจึงร้องไห้คร่ำครวญว่าตนไม่อยากอยู่อย่างกระจอกงอกง่อยแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ตนอยากสอบผ่านจะได้มีงานทำเสียที  คีบอมบอกให้ดงยองนอนพักจากนั้นก็ชวนคงมยองไปดูห้องของตัวเอง



ทั้งคู่ยังไม่ทันออกจากห้อง คนข้างห้องของดงยองก็เคาะผนังแล้วตะโกนบอกให้คุยกันเบาๆ คีบอมได้ยินดังนั้นจึงโวยกลับด้วยความโมโหเพราะพวกเขาไม่ได้ส่งเสียงดัง คงมยองรีบเอามืออุดปากคีบอมแล้วขอโทษชายคนดังกล่าว ไม่นานก็มีเสียงคนที่พักอยู่ห้องข้างๆ (อีกฝั่ง) ดังลอดเข้ามา ดงยองได้ยินห้องข้างๆ โทรฯ บอกญาติว่าตนสอบข้าราชการผ่านและกำลังเก็บของกลับบ้าน จึงลุกขึ้นมานั่งร้องไห้ด้วยความรู้สึกอิจฉา  คีบอมสงสารเพื่อนจึงเคาะผนังห้องดังกล่าวแล้วบอกให้คุยเบาๆ  ชายข้างห้อง (คนแรก) ได้ยินดังนั้นจึงตะโกนบอกให้คีบอมลดเสียงอีกครั้ง คีบอมเลยตะโกนทะเลาะกับคนข้างห้องทั้งสองฝั่ง

หลังจากนั้นคีบอมก็พาคงมยองมาชมวิวบนดาดฟ้า ก่อนเปรยว่าคนสร้างห้องเช่าโคชีวอนจงใจแกล้งทรมานพวกตน เพราะมีเพียงผนังบางๆ กั้นระหว่างสวรรค์กับนรก ที่นี่จึงเต็มไปด้วยความสุขและความโศกเศร้า คงมยองเห็นด้วยกับคำพูดอันคมคายของคีบอม แต่คีบอมกลับบอกหน้าตาเฉยว่าตนก็อปคำพูดนี้มาจากเว็บตูน คงมยองซึ่งมีท่าทีอ่อนล้าได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจพลางถามคีบอมว่าเอาเวลาที่ไหนมาอ่านเว็บตูน เขากล่าวว่าคนที่นี่มีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนในทีวีไม่มีผิด จากนั้นก็ถามคีบอมว่านี่คงไม่ใช่ภาพลักษณ์จอมปลอมที่สื่อสร้างขึ้นใช่ไหม คีบอมเหลือบมองคงมยองก่อนพยักหน้าเบาๆ แล้วลอบถอนหายใจ เขาถามคงมยองว่าตัดสินใจเรื่องที่จะมาอยู่และเรียนกวดวิชาที่โนรยางจินได้หรือยัง คงมยองกล่าวว่าตนยังไม่แน่ใจ ก่อนหน้านี้ตนคิดว่าคงมาไหวแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย   คีบอมยอมรับว่าการมาใช้ชีวิตที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายและบอกให้คงมยองคิดดูให้ดี คงมยองฟังแล้วได้แต่ถอนใจ เขาเห็นคีบอมเหม่อมองเบื้องล่างอย่างครุ่นคิดจึงก้มมองตามและพบว่าทางด้านล่างมีชุดชั้นในผู้หญิงตากอยู่ ที่แท้คีบอมกำลังนึกสงสัยว่าชุดชั้นในที่เห็นมีขนาดใหญ่พอที่จะเป็นคัพซีหรือไม่


เมื่อฮานากลับมาถึงห้องพักก็พบว่าแม่ของเธอส่งอาหารที่ทำเองมาให้ หลังได้อ่านข้อความของแม่ที่แสดงความยินดีเรื่องงานใหม่และขอโทษที่ทำให้เธอได้เท่านี้ ฮานาก็ถึงกับน้ำตาร่วง เธอจะทานอาหารที่แม่สู้อุตส่าห์ทำมาให้แต่กลับพบว่าอาหารเริ่มเน่าเสีย เธอจึงเปรียบอาหารว่าเน่าเหมือนวันของเธอ ครั้นพอเห็นว่าอาหารในกล่องเล็กๆ ยังทานได้ ฮานาจึงคิดว่าทุกอย่างไม่ได้แย่ไปเสียหมด เธอบอกตัวเองว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ดังนั้นเธอจึงต้องฮึดสู้ หลังอาบน้ำแล้วฮานาก็จิบเบียร์กระป๋องและทานอาหารฝีมือแม่อย่างมีความสุข เธอบอกคนดูว่า สิ่งเดียวที่ช่วยปลอบประโลมใจในยามที่เธอกลับบ้านอันสุดแสนอ้างว้าง หลังผ่านความเหนื่อยยากมาตลอดทั้งวันคือเบียร์กระป๋องนี้ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เธอดื่มคนเดียวอีกครั้งในค่ำคืนนี้

ฮานากล่าวในนามคนที่ชอบดื่มตามลำพังโดยบอกว่า หลังโดนกดขี่ข่มเหงมาตลอดทั้งวัน เพื่อให้ตัวเองมีช่วงเวลาที่สงบสุขอย่างน้อยๆ ในขณะที่กำลังดื่ม พวกตนเลยเลือกที่จะดื่มคนเดียว (ภาพตัดไปที่จองซอกซึ่งกำลังนั่งดื่มสาเกตามลำพัง)... บางครั้งเพื่อให้ลืมความจริงอันมืดมนที่อยู่ตรงหน้า (ภาพตัดไปที่คีบอมซึ่งกำลังนั่งดื่มเบียร์กระป๋องตามลำพังพลางทอดถอนใจ)... หรือบางครั้งเพื่อปล่อยวางความวิตกกังวล (ภาพตัดไปที่คงมยองซึ่งกำลังดื่มเบียร์กระป๋องตามลำพังหน้าร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าโคชีวอน พลางนั่งมองคนเตรียมสอบเดินเข้าออกอาคาร)... เราเลยดื่มคนเดียว เป็นการดื่มเพื่อยุติวันอันแสนวุ่นวาย ฮานากล่าวว่าสำหรับเธอแล้วช่วงเวลานี้เปรียบเหมือนของขวัญที่ผ่านพ้นมาได้อีกวัน และเป็นการเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับวันพรุ่งนี้


หลังดื่มเบียร์หมดกระป๋องแล้ว ฮานาก็บอกตัวเองว่าเธอทำได้ สักวันเธอจะต้องเป็นอาจารย์กวดวิชาระดับเฟิร์สคลาสเหมือนอย่างจองซอก เธอเชื่อว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งเลยเสิร์ชหาข้อมูลของจองซอกในอินเตอร์เน็ตทำให้พบห้องสนทนาของจองซอก เมื่อพบว่ามีสมาชิกนับแสนคนฮานาก็ถึงกับตาโต แต่พอเห็นกระทู้หนึ่งระบุว่าจองซอกปลอมแปลงวุฒิการศึกษา ฮานาก็รู้สึกตกใจ

จองซอกกลับมาที่บ้านสุดหรูแล้วเดินไปเลือกไวน์ที่อยู่ในตู้แช่อย่างสบายอารมณ์ เขาคิดที่จะนั่งดื่มคนเดียวอีกครั้ง ครั้นพอได้รับข้อความแจ้งเตือนกระทู้ใหม่ทางโทรศัพท์เขาจึงเปิดดู ปรากฏว่าเป็นกระทู้เดียวกับที่ฮานาคลิกเข้าไปอ่านก่อนหน้านี้ ข้อความในกระทู้ระบุว่าจองซอกปลอมแปลงวุฒิการศึกษา เจ้าของกระทู้กล่าวว่าจองซอกไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล และอ้างว่าตนมีหลักฐานยืนยัน จอกซอกเห็นดังนั้นจึงลบข้อความทิ้งด้วยสีหน้าวิตกกังวล

 ** จบตอนที่ 1 **

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่

นักแสดงนำ


ฮา ซอกจิน
รับบท ชิน จองซอก (ชินซาง)  (สอนวิชาประวัติศาสตร์เกาหลี)



ปาร์ค ฮาซอน
รับบท ปาร์ค ฮานา  (สอนวิชาภาษาเกาหลี)


อาจารย์ที่สถาบันกวดวิชา


ฮวาง อูซึลฮเย
รับบท ฮวาง จินอี  (สอนวิชาภาษาอังกฤษ)



มิน จินอุง
รับบท มิน จินอุง (สอนการบริหารรัฐกิจ หรือรัฐประศาสน์)



คิม วอนแฮ
รับบท คิม วอนแฮ (ผู้อำนวยการ)


นักศึกษาที่มาติวสอบข้าราชการพลเรือนขั้น 9 ที่สถาบันกวดวิชา



คงมยอง (สมาชิกวง 5urprise)
รับบท ชิน คงมยอง



คีย์ (คิม คีบอม - สมาชิกวง Shinee) 
รับบท คิม คีบอม



คิม ดงยอง
รับบท คิม ดงยอง



ชอง แชยอน (สมาชิกวง DIA และ I.O.I)
รับบท ชอง แชยอน




รวมคลิปตัวอย่างจาก ทีวีเอ็น
 (สุรา เป็นเหตุทะเลาะวิวาทและอาชญากรรมได้) 



รวมคลิปเบื้องหลังจาก ทีวีเอ็น


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา