วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เรื่องย่อ บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ตอน ปริศนาลับขั้วสุดท้าย (Ultimate Note)




กำกับ: โจวซี, หมาเสี่ยวกัง, เว่ยลี่โจว
เขียนบท: เถียนเหลียงเหลียง, จางเยวียนอั้ง
แนวละคร: ลึกลับ เหนือธรรมชาติ แอ็คชั่น ผจญภัย ระทึกขวัญ
จำนวนตอน: 36
ออกอากาศ: จีน - วันที่ 10 ธันวาคม 2563 ทางอ้ายฉีอี้ (iQiyi)
                ไทย -  ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.45 น. ทาง MONO29 ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 - 19 กรกฎาคม 2565 (ดูครบทุกตอนได้ที่ MONOMAX)







เรื่องย่อ



"บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ตอน ปริศนาลับขั้วสุดท้าย" (Ultimate Note) ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง "บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน" (เล่ม 4-8) ของ "หนานไพ่ซานซู" เนื้อหาในละครสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ตำหนักทิพย์พิมานเมฆ (ในนิยายเล่ม 3) ซึ่งการผจญภัยในครั้งนั้นทำให้ "อู๋ซานเสิ่ง" ได้รับบาดเจ็บและต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลที่มณฑลจี๋หลินนานนับเดือน ขณะที่ "จางฉี่หลิง" (เสี่ยวเกอ) เข้าประตูสัมฤทธิ์ยักษ์ใต้ตำหนักทิพย์พิมานเมฆแล้วหายตัวไป  ส่วน "เจ้าอ้วนหวัง" (หวังพ่างจื่อ) และคนอื่นๆ ต่างพากันแยกย้ายไปทำธุระของตน คงมีเพียง "อู๋เสีย" ที่คอยเฝ้าอู๋ซานเสิ่ง (อาสาม) ไม่ห่าง เพราะกลัวว่าหากฟื้นแล้วอาสามจะหนีไปโดยไม่ร่ำลาอีก

หลังมีคนส่งวิดีโอเทปซึ่งภายในซ่อนที่อยู่และลูกกุญแจเก่าๆ มาให้ อู๋เสียจึงเดินทางไปสืบหาความจริงที่สถานพักฟื้นในเมืองโกลมุด มณฑลชิงไห่ ตามลำพัง ณ ที่นั่นอู๋เสียได้พบประตูลับที่นำไปสู่ห้องใต้ดิน ซึ่งในนั้นมีโลงศพโบราณ และห้องพักที่ปรากฏในวิดีโอ ในห้องพักดังกล่าวอู๋เสียพบบันทึกของ "เฉินเหวินจิ่น" และเกือบถูกผู้หญิงที่มีลักษณะคล้ายซอมบี้เล่นงาน โชคดีที่จางฉี่หลิงมาช่วยเขาไว้ทันเวลา หลังพบเบาะแสบางอย่างในสมุดบันทึกของเฉินเหวินจิ่น อู๋เสียจึงปักหลักร่วมผจญภัยกับทีมของอาหนิง (ซึ่งมีจางฉี่หลิง และ "นายแว่นดำ" รวมอยู่ด้วย) ในดินแดนแห่งทะเลทรายที่มีชื่อว่า "ถ่ามู่ถัว" 

ทว่าแผนที่สู่ถ่ามู่ถัวบนจานกระเบื้องลายครามที่นายแว่นดำนำมาจากสถานพักฟื้นโกลมุดมีบางส่วนขาดหายไป นายแว่นดำเลยต้องไปที่หมู่บ้านลันโชเพื่อตามหาชิ้นส่วนแผนที่ที่ขาดหาย ในตอนนั้น "เซี่ยอวี่เฉิน" กับ "ฮั่วซิ่วซิ่ว" กำลังตามสืบเรื่องราวในอดีตของเก้าสกุลใหญ่ (สืบเบาะแสจากผ้าไหมจารึกแห่งหลู่ในยุคจ้านกั๋ว) หลังเค้นถามอู๋ซานเสิ่งแล้วไม่ได้คำตอบ เซี่ยอวี่เฉินเลยเดินหน้าหาคำตอบด้วยตนเอง โดยเริ่มต้นจากเบาะแสที่ฮั่วซิ่วซิ่วได้มาจากการแกะรอย "ฮั่วหลิง" (อาของฮั่วซิ่วซิ่วที่หายสาบสูญ) ทั้งคู่เดินทางไปที่หมู่บ้านลันโชในมณฑลชิงไห่เพื่อขอซื้อชิ้นส่วนจานกระเบื้องในราคาแพงลิบลิ่ว แต่ชิ้นส่วนจานดังกล่าวถูกนายแว่นดำขโมยไปเสียก่อน แม้จะชิงกลับมาได้แต่สุดท้ายเซี่ยอวี่เฉินก็ยอมส่งมอบให้คณะของอาหนิง

* ในนิยายระบุว่า "ถ่ามู่ถัว" อยู่ในพื้นที่แอ่งกระทะไฉต๋ามู่ เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโบราณของเจ้าแม่ซีหวังหมู่ (จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรทะเลสาบชิงไห่) และเป็นเมืองผีโบราณที่จะปรากฏให้เห็นเมื่อเกิดฝนตกหนักกลางทะเลทรายเท่านั้น 

ขณะอยู่ในแคมป์ "ติ้งจู่จัวมา" (ซึ่งเป็นคนส่งวิดีโอเทปของเฉินเหวินจิ่นให้คนสามคน) เรียกอู๋เสียกับจางฉี่หลิงมาพบตนในกระโจมอย่างลับๆ กลางดึก หมายถ่ายทอดข้อความที่เฉินเหวินจิ่นฝากไว้ เธอกล่าวว่า... เวลามีไม่มาก เฉินเหวินจิ่นจะรอที่วังเจ้าแม่ซีหวังหมู่ หากทั้งคู่ไปไม่ถึงภายในสิบวัน เฉินเหวินจิ่นจะเข้าไปก่อน นอกจากนี้ เฉินเหวินจิ่นยังฝากเตือนด้วยว่า "มัน" แฝงตัวอยู่ในทีม (ความจริงแล้วในตอนนั้นเฉินเหวินจิ่นเองก็อยู่ที่นั่นด้วย แต่เธอปลอมตัวเป็นหลานสะใภ้ของติ้งจู่จัวมา จางฉี่หลิงจำเธอได้แต่ไม่แสดงออก) 

"ติ้งจู่จัวมา" คือ แม่เฒ่าชาวทิเบตซึ่งเคยเป็นไกด์นำทางไปถ่ามู่ถัวให้คณะของเฉินเหวินจิ่นเมื่อหลายปีก่อน และคราวนี้เธอกับหลานชายที่ชื่อ "จาซี" ก็มาช่วยนำทางให้คณะของอาหนิงด้วย  


เซี่ยอวี่เฉินต้องการเข้าวังซีหวังหมู่ (เพราะบนผ้าไหมจารึกแห่งหลู่ระบุที่ตั้งถ่ามู่ถัว) แต่เขาไม่อาจเข้าไปโดยลำพังเลยจำต้องร่วมเดินทางไปถ่ามู่ถัวพร้อมคณะของอาหนิงและอู๋เสีย ส่วนฮั่วซิ่วซิ่วกลับไปสำรวจวิดีโอที่ย่าของเธอเคยได้รับ หลังอู๋เสียบอกว่ามีเบาะแสบางอย่างซ่อนอยู่ในม้วนวิดีโอ

ขณะเดินทางลึกเข้าไปในทะเลทรายโกบี คณะของอาหนิงต้องเผชิญพายุทรายโหมกระหน่ำ อาหนิงยืนกรานว่าจะเข้าไปในเมืองปีศาจเพื่อตามหาคนในทีมที่พลัดหลงกัน ถึงแม้ว่าจาซีจะพยายามคัดค้านโดยบอกว่าข้างในเต็มไปด้วยอันตรายก็ตาม ในที่สุดอาหนิงกับอู๋เสียก็พบเพื่อนร่วมทีมที่พลัดหลงบนซากเรือโบราณที่ตั้งอยู่บนเนินเขา (เป็นเรืออับปางกลางทะเลทราย / ในสมัยโบราณบริเวณนี้เคยเป็นแม่น้ำ) ทว่ามีผู้รอดชีวิตเพียงสองคน อู๋เสียรู้สึกประหลาดใจที่เห็นศพในโลง (บนเรือ) มีขนาดลำตัวและเสื้อผ้าไม่สัมพันธ์กัน เขากับอาหนิงนึกถึงตำนานของเจ้าแม่ซีหวังหมู่ และเชื่อว่าผู้ตายซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์กินยาอายุวัฒนะที่เจ้าแม่ซีหวังหมู่ปรุงผิดพลาดร่างกายเลยหดเล็กลง

ขณะรอนอกเมืองปีศาจ จางฉี่หลิงลอบส่งสัญญาณเลเซอร์ให้คณะของอู๋ซานเสิ่ง (ซึ่งมี "พานจื่อ" และเจ้าอ้วนหวังรวมอยู่ด้วย)  แต่นายแว่นดำกับเซี่ยอวี่เฉินมาพบเข้า ที่แท้นายแว่นดำรับสองจ๊อบ เขาถูกอู๋ซานเสิ่งว่าจ้างให้แฝงตัวมาร่วมทีมอาหนิง ขณะเดียวกันก็ถูกอาหนิงจ้างมาช่วยงาน ครั้นรู้ว่าอู๋ซานเสิ่งกำลังตามมา เซี่ยอวี่เฉินเลยจ้างนายแว่นดำให้พาตนไปหาอู๋ซานเสิ่งเพื่อเค้นถามความจริง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกตัวออกจากทีมอาหนิง อีกด้านหนึ่งพานจื่อกับเจ้าอ้วนหวังได้เดินทางไปรับจางฉี่หลิงและอู๋เสียที่แคมป์ของอาหนิง แต่เนื่องจากอู๋เสียยังอยู่ในเมืองปีศาจ พานจื่อ เจ้าอ้วนหวัง และจางฉี่หลิง เลยไปตามหาอู๋เสียที่นั่น พวกเขาเห็นกองหินที่จาซีวางตั้งไว้เป็นเครื่องหมายบอกทางเลยเดินตามกองหินไป แต่สุดท้ายกลับพบว่ามีคนตั้งใจวางหินหลอกให้พวกตนไปผิดทาง

ทีมของอาหนิงขนไหลงมาจากเรือโบราณโดยไม่รู้ว่านอกจากภายในจะมีกระโหลกมนุษย์แล้ว ยังมีฝูงราชาด้วงศพซึ่งมีพิษร้ายแรง หลังไหแตกทุกคนเลยต่างพากันหนีตาย (คนของอาหนิงบาดเจ็บล้มตายหลายคน) อู๋เสียกับอาหนิงหลงทางในเมืองปีศาจท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้าย ทั้งยังขาดน้ำและเสบียง เพื่อที่จะออกจากเมืองปีศาจทั้งคู่ทำได้เพียงเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนร่างกายเริ่มอ่อนล้าและขาดน้ำ (เมืองปีศาจมีพื้นที่ 80 ตารางกิโลเมตร)  สามหนุ่ม (พานจื่อ เจ้าอ้วนหวัง และจางฉี่หลิง) เร่งตามหาอู๋เสียด้วยความเป็นห่วง อาหนิงนำเหรียญของราชวงศ์ชิง (ที่นำมาร้อยเป็นสร้อยข้อมือ) วางไว้เป็นระยะเพื่อบอกทางให้แก่ผู้ที่ตามมาและพยายามประคองสติ แต่สุดท้ายอู๋เสียกับอาหนิงก็หมดสติด้วยกันทั้งคู่ โชคดีที่สามหนุ่มมาพบทันเวลา (พวกเขาตามเหรียญมา)

อู๋เสียต้องการไขปริศนาเลยคิดที่จะตามหาวังซีหวังหมู่ต่อ เขาเห็นว่าอาหนิงกำลังค้นหาคำตอบเดียวกันเลยต่างแบ่งปันข้อมูล หลังจากนั้นทั้งห้าคนก็ร่วมผจญภัยไปด้วยกัน ครั้นพบฟอสซิลปลาหน้าคน พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าวังซีหวังหมู่อยู่เบื้องหน้าแน่ หลังโดนฝูงราชาด้วงศพโจมตีทุกคนเลยไต่ลงช่องเขาเพื่อหนีตายและพบว่าด้านล่างเป็นป่าทึบ (เป็นป่าฝนที่ตั้งอยู่ในหลุมลึกขนาดใหญ่) ซ้ำยังเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ทั้งๆ ที่ด้านบนเป็นทะเลทราย ทุกคนตั้งใจว่าจะเดินลัดเลาะตามแนวเส้นทางน้ำเพื่อเข้าสู่วังซีหวังหมู่ นึกไม่ถึงว่าที่นี่จะเป็น "วังงูเมืองปีศาจ" ซึ่งเต็มไปด้วยงูมีพิษที่ไม่กลัวคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "งูลายสาบคอแดง" ที่มีหงอนบนหัว ซึ่งเคลื่อนไหวดุจสายฟ้า และนับเป็นราชาแห่งอสรพิษ (หากถูกคนตีหรือพวกพ้องถูกฆ่าตาย มันจะยกพวกมาแก้แค้น ทั้งยังเลียนเสียงคนได้) และงูชนิดนี้นี่เองที่คร่าชีวิตของอาหนิง 

หลังอาหนิงเสียชีวิต ทั้งสี่หนุ่ม  (อู๋เสีย พานจื่อ เจ้าอ้วนหวัง และจางฉี่หลิง) ต้องผ่านความเป็นความตายและสถานการณ์สุดสะพรึงในดงงูครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดพวกเขาก็พบทางเข้าวังเจ้าแม่ซีหวังหมู่ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ (มีเพียงพานจื่อที่ไม่ได้ไปต่อเพราะบาดเจ็บ) อู๋เสีย เจ้าอ้วนหวัง และจางฉี่หลิง ได้พบอู๋ซานเสิ่งขณะมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางน้ำใต้ดิน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็พลัดหลงกัน ในที่สุดอู๋เสียก็ได้พบเฉินเหวินจิ่น (ซึ่งไม่แก่ลงเลย) และได้รู้ความจริงว่า ตลอดหลายปีมานี้คนที่ตนเรียกว่า "อาสาม" ไม่ใช่อาสามตัวจริง แต่เป็น "เซี่ยเหลียนหวน" เรื่องราวทั้งหมดจึงกลับตาลปัตร (ทั้งคู่หน้าตาคล้ายกันเลยสลับตัวกันตอนอยู่สุสานใต้ทะเลซีซา คนที่อยู่ในภาพถ่ายคือเซี่ยเหลียนหวน ส่วนคนถ่ายภาพคืออู๋ซานเสิ่ง) ส่วนอักษรเลือดที่พบบนผนังหินอู๋เสียอ่านลำดับผิดเอง (อ่านสลับซ้าย-ขวา) เลยเข้าใจความหมายไปในทางตรงกันข้าม (เขาอ่านว่า อู๋ซานเสิ่ง → ฆ่า → เซี่ยเหลียนหวน)  เฉินเหวินจิ่นกล่าวว่าพวกเธอ (คณะสำรวจฯ ใต้ทะเลซีซาที่หายตัวไปเมื่อสิบกว่าสิบปีก่อน รวมทั้งจางฉี่หลิงด้วย) ถูกอู๋ซานเสิ่ง (ตัวจริง) รมยาจนหมดสติไปตามๆ กัน กว่าจะรู้สึกตัวพวกตนก็ถูก "มัน" (ฉวยโอกาส) ลักพาตัวไปขังในห้องใต้ดินของสถานพักฟื้นโกลมุดแล้ว 


เฉินเหวินจิ่นกล่าวว่าพวกเธอถูก "มัน" จับตาดูอยู่ เธอค้นพบมัน "มัน" ขณะศึกษาเรื่องราวทั้งหมด มันคือมือที่มองไม่เห็น เป็นพลังอำนาจที่คอยสอดแทรก ชักนำ และขับเคลื่อนเหตุการณ์ต่างๆ เธอเชื่อว่า "มัน" มีตัวตนจริง เพียงแต่ไม่เคยเผยตัวให้เห็น  เธอจึงเรียกคนๆ นี้ว่า "มัน" นอกจากฉิวเต๋อเข่า เซี่ยเหลียนหวน และพวกตนแล้ว ยังมีกลุ่มอำนาจอีกฝ่ายสอดมือเข้ามายุ่ง โดยฝังตัวลึกสุดและไม่เคยออกหน้า ทว่ามีบทบาทสำคัญ พอเห็นอู๋เสียปรากฏตัวที่ถ่ามู่ถัว เฉินเหวินจิ่นก็รู้ทันทีว่ามีคนชักนำให้อู๋เสียเข้ามาพัวพันในเรื่องนี้ 

เฉินเหวินจิ่นกล่าวว่าพวกตนไม่มีใครแก่ลงเลย เธอเชื่อว่าขณะหมดสติต้องมีใครทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของพวกเธอ คนอื่นๆ อาจคิดว่าเป็นเรื่องดีแต่ความจริงแล้วผลข้างเคียงของมันน่ากลัวมาก เธอชี้ว่าตัวประหลาดที่อู๋เสียพบในห้องใต้ดินของสถานพักฟื้นโกลมุดคือ...ฮั่วหลิง อีกไม่นานเธอก็จะกลายร่างเป็นตัวประหลาดเช่นเดียวกัน เพราะตอนนี้ร่างกายเธอเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงและมีกลิ่นหอมจางๆ โชยออกมา (เป็นกลิ่นเดียวกับฮั่วหลิง) เธอจึงบอกอู๋เสียว่าตนไม่เหลือเวลาแล้ว (เธอจำเป็นต้องรีบหาทางเข้าวังเจ้าแม่ซีหวังหมู่ เพราะรู้ว่าทางแก้อยู่ที่นั่น)

หลังรู้ว่าตัวตนถูกเปิดเผย เซี่ยเหลียนหวน (ซึ่งกำลังบาดเจ็บ) จึงได้แต่ขอโทษอู๋เสีย แม้โกรธที่โดนหลอกมานานแต่อู๋เสียยังอดเรียกเขาว่าอาสามไม่ได้  เซี่ยเหลียนหวนกระซิบบอกเฉินเหวินจิ่นว่าอู๋ซานเสิ่งตัวจริงยังไม่ตาย เซี่ยอวี่เฉินทั้งโกรธและตกใจเมื่อรู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่อู๋ซานเสิ่งแต่เป็นอาเล็กของตน (เขาคิดว่าอาเล็กตายไป 19 ปีแล้ว) เฉินเหวินจิ่นบอกเซี่ยอวี่เฉินว่า ตนส่งวิดีโอม้วนแรกให้อู๋ซานเสิ่ง (ตัวปลอม) ม้วนที่สองให้จางฉี่หลิง (จางฉี่หลิงส่งต่อให้อาหนิงตามแผนการของอู๋ซานเสิ่งตัวปลอม) ส่วนม้วนสุดท้ายเธอตั้งใจส่งให้จิ๋วเต๋อเข่า  แต่กลับมีใครบางคนนำไปส่งให้อู๋เสียในนามจางฉี่หลิง ที่แท้อู๋เสียไม่เพียงถูกเลือกโดยคนเก้าสกุล แต่ยังถูก "มัน" เลือกด้วยเช่นกัน 

หลังพบอุโมงค์ใต้ดินและห้องปรุงยา (อายุวัฒนะ) ของเจ้าแม่ซีหวังหมู่ อู๋เสียและพวกก็ถูกขังในห้องที่เต็มไปด้วยเกราะหยก (ฆ่าไม่ตายและมีงูพิษอยู่ด้านใน) โชคดีที่พบสัญลักษณ์ของจางฉี่หลิงเลยพบทางออก (เขาเคยมาที่นี่และได้ทำสัญลักษณ์บอกทางเอาไว้ แต่ตัวเขาเองกลับจำไม่ได้) แต่ออกมาแล้วทุกคนยังต้องเผชิญกับหนอนดูดเลือด ก่อนพบศพที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ในที่สุดเฉินเหวินจิ่นก็พบจุดหมายปลายทางของตน เธอเรียกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าว่า "ศิลาสวรรค์" (หยกอุกกาบาตโบราณ) และเข้าไปในโพรงอย่างไม่ลังเล ครั้นพบว่าเฉินเหวินจิ่นเข้าไปแล้วไม่ยอมจับเชือก จางฉี่หลิงจึงรีบตามไป อู๋เสียเป็นห่วงจางฉี่หลิงเลยเฝ้ารอหน้าทางเข้ากับเจ้าอ้วนหวังทั้งที่เสบียงมีจำกัด หลังผ่านไปนานหลายวัน ในที่สุดจางฉี่หลิงก็กลับออกมาในสภาพเหมือนคนกำลังช็อคและได้แต่พร่ำบอกว่า "ไม่มีเวลาแล้วๆ" อู๋เสียพยายามกระโดดดูว่ามีอะไรอยู่ข้างในโพรง และได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีหน้าตาละม้ายคล้ายศพที่นั่งบนบัลลังก์

อู๋เสียกับเจ้าอ้วนหวังช่วยกันประคองจางฉี่หลิงออกจากวังซีหวังหมู่ในสภาพอ่อนล้า ขณะออกจากอุโมงค์ใต้ดินพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับนางพญางู (ที่ปรากฏในภาพแกะสลักนูนต่ำ) ออกมาแล้วยังต้องลัดเลาะป่าฝน สุดท้ายก็พากันหมดสติเพราะขาดน้ำกลางทะเลทรายโกบี โชคดีที่จาซีและติ้งจู่จัวมาช่วยทุกคนเอาไว้ เดิมทีจางฉี่หลิงไม่มีความทรงจำในอดีตอยู่แล้ว แต่หลังออกจากหยกอุกกาบาตความทรงจำของเขาได้หายไปแทบทั้งหมด อู๋เสียกับเจ้าอ้วนหวังจึงพาจางฉี่หลิงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุ่งปักกิ่ง หลังจากนั้นอู๋เสียก็ไปหาเซี่ยอวี่เฉินที่บ้านสกุลเซี่ยเพราะอยากรู้ข่าวเซี่ยเหลียนหวน (อาสามตัวปลอม) ขณะที่เซี่ยอวี่เฉินซึ่งเป็นฝ่ายโทรฯ ตามอู๋เสียมาที่บ้านก็อยากรู้ข่าวเซี่ยเหลียนหวนเช่นกัน (ทั้งคู่ต่างคิดว่าอีกฝ่ายดูแลเซี่ยเหลียนหวนอยู่) ครั้นรู้ว่าเซี่ยเหลียนหวนหายตัวไปจากวังซีหวังหมู่ทั้งที่บาดเจ็บ ทั้งคู่ก็โทษกันไปมา 


หลังตั้งสติได้ทั้งคู่ต่างยืนยันว่าจะสืบต่อ โดยเซี่ยอวี่เฉินจะสืบหาเบาะแสจากผ้าไหมจารึกแห่งหลู่ในยุคจ้านกั๋ว ส่วนอู๋เสียจะสืบว่าเก้าสกุลใหญ่ซ่อนความลับอะไรเอาไว้ และอาสามตัวจริงของตนหายไปไหน ทั้งยังคิดที่จะไขปริศนาเกี่ยวกับตัวตนและความทรงจำที่หายไปของจางฉี่หลิง เขาจึงเริ่มต้นด้วยการส่งอีเมล์ไปหาอารอง "อู๋เอ้อร์ไป๋" เพื่อบอกเล่าสิ่งที่ตนพบเจอ และสอบถามว่าความลับที่คนรุ่นก่อนเก็บงำเอาไว้คืออะไรกันแน่ อู๋เอ้อร์ไป๋บอกให้อู๋เสียกลับมาคุยกันที่หางโจว แต่พอกลับไปแล้วอู๋เอ้อร์ไป๋ดันหนีหน้า  (ในตอนนั้นพานจื่อกลับไปรออู๋ซานเสิ่งที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน) 

หลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วอาการไม่ดีขึ้น เจ้าอ้วนหวังเลยพาจางฉี่หลิงหนีออกจากโรงพยาบาล แล้วพาไปหาอู๋เสียที่เมืองหางโจว อู๋เสียกับเจ้าอ้วนหวังอยากสืบหาความเป็นมาของจางฉี่หลิงเลยไปหา "ฉู่เกอ" นั่นจึงทำให้ทั้งคู่รู้ว่าเดิมทีจางฉี่หลิงเป็นคนของ "ซื่ออากง" (เฉินผีอาซื่อ) แต่ภายหลังอู๋ซานเสิ่งได้ยืมตัวเขามาช่วยงาน (ก่อนมาอยู่กับซื่ออากง จางฉี่หลิงถูกเรียกว่า "อาคุน" เขาถูกชาวเวียดนามที่ข้ามแดนมาขุดสุสานในมณฑลกว่างซีใช้เป็นเหยื่อล่อผีดิบในสุสาน) ครั้นรู้ว่าจางฉี่หลิงเคยอยู่ที่หมู่บ้านปาหน่ายในมณฑลกว่างซี (เป็นหมู่บ้านชาวเย้าที่ตั้งอยู่บนภูเขาติดชายแดนจีน-เวียดนาม) อู๋เสียกับเจ้าอ้วนหวังจึงพาจางฉี่หลิงไปฟื้นความทรงจำที่นั่น

พอไปถึงอู๋เสียจึงรู้ว่าปาหน่ายเป็นจุดเริ่มต้นการสำรวจของเฉินเหวินจิ่น (ไม่ใช่สุสานใต้ทะเลที่เกาะซีซาอย่างที่เขาเข้าใจ) ทั้งยังพบชายไหล่ลู่ที่บุกมาชิงหีบเหล็กบนเรือนไม้ทรงสูงของจางฉี่หลิง  (ในหีบมีโลหะประหลาดหนึ่งก้อน) แถมชายคนดังกล่าวยังมีรอยสักรูปฉยงฉี (หนึ่งในสี่สัตว์อสูรที่ชั่วร้าย)  ซึ่งแลดูคล้ายรอยสักรูปกิเลนของจางฉี่หลิง (รอยสักของจางฉี่หลิงจะปรากฏเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น) นอกจากนี้ อู๋เสียยังได้ยินเรื่องราวประหลาดจากปากของ "ผานหม่า" ว่าคณะสำรวจของเฉินเหวินจิ่นตายแล้วฟื้น

* ผานหม่า คือ พรานป่าที่เฉินเหวินจิ่นเคยจ้างมาช่วยงานเมื่อยี่สิบปีก่อน เขาและพวกฆ่าปิดปากทีมสำรวจ (ยกเว้นเฉินเหวินจิ่นกับฮั่วหลิงที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์) หมายแย่งชิงเสบียง แต่พอย้อนกลับไปที่แคมป์ในวันรุ่งขึ้น เขากลับพบว่าทุกคนที่โดนพวกตนฆ่ากลับยังมีชีวิตอยู่ และใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

อู๋เสียเชื่อว่ามีคณะสำรวจชุดใหม่ (ที่ภูมิหลังไม่ชัดเจน) สวมรอยเป็นคณะสำรวจของเฉินเหวินจิ่น เพียงแต่ไม่มีใครรู้ และไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร มีแผนการอะไรกันแน่ เพื่อพิสูจน์ความจริงอู๋เสียและพวกจึงไปงมหากระดูกคณะสำรวจที่ถูกผานหม่าฆ่าแล้วโยนศพทิ้งในทะเลสาบ หลังรู้ว่าเจ้าอ้วนหวังกับจางฉี่หลิงจมหายไปในทะเลสาบ อู๋เสียจึงยอมร่วมมือกับจิ๋วเต๋อเข่า (ซึ่งมีอุปกรณ์ดำน้ำที่ทันสมัย) แล้วดำน้ำตามลงไป นั่นจึงทำให้เขาพบหมู่บ้านเย้ายุคโบราณที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบ ทั้งยังพบเรือนไม้โบราณใต้น้ำ (หอบ้านสกุลจาง) ก่อนถูกคลื่นกาลักน้ำซัดไปติดอยู่ในเหมืองหยก   (ใต้ทะเลสาบมีรูที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำใต้บาดาลทำให้เกิดปากฏการณ์กาลักน้ำ ซึ่งมีหลักการคล้ายการกดชักโครก)  

หลังจากนั้นอู๋เสียก็ได้พบเจ้าอ้วนหวังกับจางฉี่หลิงที่ติดอยู่ในนั้นก่อนแล้ว พวกเขาไม่เพียงติดอยู่ในถ้ำเหมืองที่ปิดตาย แต่ยังต้องเผชิญกับ "มี่ลั่วถัว" (ซึ่งคอยปกป้องหอบ้านสกุลจาง) จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังพบว่ารอยสักบนตัวจางฉี่หลิงคือแผนที่หอบ้านสกุลจาง อู๋เสียจึงแบกจางฉี่หลิงกับเจ้าอ้วนหวังที่ต่างหมดสติด้วยกันทั้งคู่ออกจากอุโมงค์ทีละคน (ทั้งคู่บาดเจ็บหลังพยายามต่อสู้กับมี่ลั่วถัว) แม้ใกล้หมดแรงแต่อู๋เสียพยายามประคองสติเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ อู๋เอ้อร์ไป๋เห็นดังนั้นเลยรีบพาคนมาช่วย (อู๋เอ้อร์ไป๋มาที่แคมป์ฉิวเต๋อเข่าเพราะไม่อาจนิ่งดูดายเรื่องอู๋เสีย)

หลังรู้ว่าอู๋เสียมีแผนผัง "ย่างซื่อเหลย" (ย่างซื่อเหลย คือ คำเรียกช่างออกแบบสกุลเหลยประจำราชสำนักราชวงศ์ชิง) "ฮั่วเซียนกู" จึงส่งคนมาติดต่อขอซื้อในราคาสูงลิ่ว ครั้นอู๋เสียไม่ยอมขายเธอจึงนัดพบอู๋เสียที่ภัตตาคารซินเย่ว์ (ในกรุงปักกิ่ง) ซึ่งมีการจัดงานประมูลใหญ่ในหมู่นักสะสมพอดี หลังป่วนการประมูลดวงตราผี (ลัญจกรหยกมัจฉามังกร)  อู๋เสีย เจ้าอ้วนหวัง และจางฉี่หลิง จึงหนีออกจากภัตตาคารซินเย่ว์โดยได้รับความช่วยเหลือจากฮั่วซิ่วซิ่วและเซี่ยอวี่เฉิน  ฮั่วเซียนกูวางอุบายหลอกให้อู๋เสียเผยรายละเอียดแผนผังที่อยู่ในมือแต่อู๋เสียรู้ทัน ซ้ำยังรู้ว่าแผนผังย่างซื่อเหลยที่อยู่ในมือตนคือส่วนหนึ่งของแบบแปลน "หอบ้านสกุลจาง" 


ฮั่วเซียนกูมีแผนผังย่างซื่อเหลย 7 แผ่น นึกไม่ถึงว่าแผ่นสุดท้ายที่เธอหามานานจะตกอยู่ในมืออู๋เสีย (แต่ละแผ่นคือโครงสร้างแต่ละชั้นของหอบ้านสกุลจาง โดยหอดังกล่าวมีทั้งหมดแปดชั้น บางชั้นฝังอยู่ในภูเขาใต้น้ำ) เธอต้องการย่างซื่อเหลยแผ่นสุดท้าย แต่อู๋เสียไม่ยอมให้ ซ้ำยังฉีกบางส่วนออกแล้วกลืนลงท้อง (เขาจำรายละเอียดในแผนผังได้) ฮั่วเซียนกูสั่งให้สมุนลงมือกับอู๋เสีย จางฉี่หลิงรีบออกโรงปกป้อง ครั้นเห็นนิ้วของจางฉี่หลิงและรู้ว่าเขามีรอยสักรูปกิเลน ฮั่วเซียนกูจึงคุกเข่าลงตรงหน้าและเรียกจางฉี่หลิงว่า "ท่าน" แต่จางฉี่หลิงจำเธอไม่ได้ (จางฉี่หลิงถูกเก้าสกุลใหญ่เรียกว่า "ท่านผู้นำ" เมื่อครั้งร่วมกันลักลอบขุดสุสานครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ ณ มณฑลเสฉวน ช่วงปี ค.ศ. 1962-1963) 

ฮั่วเซียนกูเล่าว่ามีคนส่งม้วนวิดีโอ (ที่ซ่อนแผนผังย่างซื่อเหลย) มาบีบให้เธอเข้าหอบ้านสกุลจาง เธอรู้ว่าพวกเขาต้องการสิ่งที่อยู่ในนั้น เธอเลยคิดที่จะชิงมาก่อนเพื่อบีบให้คนที่อยู่เบื้องหลังปรากฏตัว เธอไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นใคร อยู่ที่ไหน รู้เพียงว่าไม่น่าใช่คนดี เพราะคนกลุ่มนี้ทำให้ลูกสาวเธอ (ฮั่วหลิง) หายสาบสูญ นอกจากคนพวกนี้แล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มที่ปั่นหัวเธอมาตลอดหลายปี เพื่อลูกสาว สกุลฮั่ว และเก้าสกุลใหญ่ เธอจึงคิดที่จะเข้าไปสำรวจหอบ้านสกุลจางด้วยตัวเอง เธออยากให้จางฉี่หลิงกับอู๋เสียมาร่วมสำรวจหอบ้านสกุลจางด้วยกันกับเธอ และยินดีเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังหากจางฉี่หลิงอยากรู้ จางฉี่หลิงตัดบทโดยบอกว่าตนไม่เชื่อฮั่วเซียนกู ถึงกระนั้นเขาก็พร้อมร่วมผจญภัยในหอบ้านสกุลจาง

ฮั่วเซียนกูแบ่งคณะทำงานออกเป็นสองทีม อู๋เสีย เซี่ยอวี่เฉิน และนายแว่นดำ เดินทางไปซื่อกูเหนียงซาน หรือ "ภูเขาสี่ดรุณี" ในมณฑลเสฉวน (เป็นสถานที่ๆ พบผ้าไหมจารึกแห่งหลู่ในปฏิบัติการร่วมเก้าสกุลใหญ่) ส่วนฮั่วเซียนกู เจ้าอ้วนหวัง จางฉี่หลิง และคนอื่นๆ เดินทางไปที่หมู่บ้านปาหน่ายในมณฑลกว่างซี (เพื่อหาทางเข้าหอบ้านสกุลจาง) แม้สำรวจคนละที่แต่ทั้งสองทีมต้องประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอดเวลา เพราะสถานที่ทั้งสองแห่งมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันในรูปแบบที่เรียกว่า "กุญแจพันลี้" (ประตูทางเข้ากับกุญแจห่างกันคนละโยชน์)  ทีมของอู๋เสียมีหน้าที่ถอดรหัสกลไกที่อยู่ในถ้ำบนเขาสี่ดรุณี แล้วส่งต่อข้อมูล (รูปถ่าย) ไปให้ทีมที่ปาหน่าย หลังจากนั้นทีมที่ปาหน่ายจะนำข้อมูลที่ได้มาปลดรหัสกลไกที่อยู่ฝั่งตน (กลไกทั้งสองที่ทำงานแบบเดียวกัน ประตูจะเปิดเมื่อกดรหัสถูกต้อง แต่ถ้ากดรหัสผิดจะถูกลงทัณฑ์ ซึ่งผลลัพธ์มิอาจคาดเดา) 

การปลดล็อคกลไกสองประตูแรกผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันขณะที่อู๋เสียกับเซี่ยอวี่เฉินช่วยกันไขรหัสปลดล็อคประตูที่สาม (ประตูสุดท้ายซึ่งเป็นทางเข้าหอบ้านสกุลจาง) ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีเศษหินร่วงเข้าไปติดในกลไกเลยทำให้การไขรหัสเกิดความคลาดเคลื่อน พอเห็นผนังหินเปิดออกทั้งคู่จึงคิดว่าตนไขรหัสสำเร็จ กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปเพราะข้อมูลถูกส่งไปให้ทีมที่ปาหน่ายแล้ว หลังฮั่วเซียนกู เจ้าอ้วนหวัง จางฉี่หลิง และคนอื่นๆ เข้าไปในช่องที่เปิดออก พวกเขาก็ขาดการติดต่อและหายตัวไป อู๋เสียอยากไปตามหาเจ้าอ้วนหวังกับจางฉี่หลิงเลยไปหาพานจื่อที่เมืองฉางซา (ถิ่นอาสาม) แต่สภาพร่างกายของพานจื่อในตอนนี้ต่างจากเมื่อก่อนมาก แถมเขายังมีชีวิตที่ยากลำบากหลังอาสามของอู๋เสียหายตัวไป อู๋เสียอยากระดมลูกน้องและคนสนิทของอาสามออกตามหาเจ้าอ้วนหวังกับจางฉี่หลิงแต่ไม่มีใครยอมช่วย อู๋เสียไม่มีทางเลือกเลยจำต้องสวมหน้ากากหนังมนุษย์รูปใบหน้าอาสามที่เซี่ยอวี่เฉินนำมาให้

เนื้อหาตอนที่หนึ่ง



"อู๋เสีย" หรือ "เสี่ยวซานเหยีย" เป็นทายาทสกุลอู๋ (หนึ่งในเก้าตระกูลนักขุดสุสานอันเลื่องชื่อ) อาศัยอยู่ในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง (ทางตะวันออกของจีน) หลังพบสมุดบันทึกของปู่โดยบังเอิญเขาจึงเริ่มสำรวจสุสานโบราณหวังไขปริศนาต่างๆ โดยมีสหายร่วมผจญภัยสองคน ได้แก่ "เจ้าอ้วนหวัง" จอมละโมบและพูดมาก กับ "จางฉี่หลิง" ผู้ลึกลับและเงียบขรึม (แต่อู๋เสียมักเรียกเขาว่า "เมินโหยวผิง" ซึ่งแปลว่า "เรือพ่วงน่าเบื่อ") นับตั้งแต่เริ่มต้นผจญภัยที่ตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา พวกเขาต้องพบเจอสิ่งเร้นลับ แปลกประหลาด และเหตุการณ์สุดสะพรึงนับครั้งไม่ถ้วน ต้องเผชิญอันตรายนานัปการ ทั้งโดนด้วงศพจู่โจม ต้องมนต์ศพจิ้งจอกเนตรเขียว ฯลฯ ซ้ำยังติดกับดัก ค่ายกล โดนกลไกโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน พวกเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด   แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นมาได้เพราะมีจางฉี่หลิงคอยช่วยเหลือและแก้ไขสถานการณ์

เดิมทีอู๋เสียคิดว่าชีวิตตนจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม แต่กลับยิ่งเจอปริศนาที่ชักนำไปสู่การผจญภัยครั้งใหม่ สุดท้ายก็ถลำลึกจนยากถอนตัว ขณะตามหาอาสามที่หายตัวไป อู๋เสียถูกชักนำไปยังสุสานใต้สมุทรที่เกาะซีซา ได้รับรู้เรื่องราวประหลาดเกี่ยวกับความเป็นอมตะและความลับขั้วสุดท้าย ณ ที่นั่นอู๋เสียได้พบข้อความเลือดที่เขียนว่า อู๋ซานเสิ่ง (อาสาม) ทำร้าย "เซี่ยเหลียนหวน" หลังจากนั้น เบาะแสจากปลาสามตัวได้นำอู๋เสียไปที่เขาฉางไป๋ และตำหนักทิพย์พิมานเมฆ (ซึ่งถูกฝังอยู่ใต้หิมะที่เขาฉางไป๋) เบาะแสที่ได้จากวังฉางไห่ทำให้อู๋เสียและพวกพบที่ตั้งโลงเก้ามังกรทูนพระศพ ได้เห็นศพกษัตริย์ว่านหนูแห่งแคว้นตงเซี่ยที่มี 12 กร ทั้งยังถูกนกประหลาดหัวคนล้อมโจมตี ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบประตูสัมฤทธิ์บานยักษ์ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของจางฉี่หลิง ที่นั่นมีความลับบางอย่างที่จางฉี่หลิงจำต้องปกป้อง ขณะมองจางฉี่หลิงเดินเข้าไปในประตูสัมฤทธิ์ อู๋เสียได้แต่นึกสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

* สุสานใต้สมุทรที่เกาะซีซา เป็นเรือสุสานใต้ทะเลซีซาของบัณฑิตหน้าเหล็ก "วังฉางไห่" ผู้ควบคุมการก่อสร้างสุสานที่เชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ยในสมัยราชวงศ์หมิง / เขาฉางไป๋ (หรือ "เพ็คตูซาน" ในภาษาเกาหลี) เป็นภูเขาไฟมีพลังที่ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนจีน-เกาหลีเหนือ ฝั่งประเทศจีนอยู่ในมณฑลจี๋หลิน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน) / ปลาสามตัว (มัจฉาคิ้วงู) เป็นปลาทองเหลืองที่วังฉางไห่ใช้บันทึกความลับของอาณาจักรตงเซี่ย 

* เซี่ยเหลียนหวน เป็นลูกพี่ลูกน้องของอู๋ซานเสิ่ง (อาสาม) อาศัยอยู่ในเมืองฉางซา อู๋ซานเสิ่งเล่าว่าเซี่ยเหลียนหวนมาขอให้ตนพาเข้าคณะสำรวจที่เกาะซีซา หลังรับงาน "ฉิวเต๋อเข่า" (เฮนรี่ คอกซ์) ผู้เป็นเจ้านายของ "อาหนิง"




เรื่องราวในละครเริ่มต้นขึ้นเมื่อ "อู๋ซานเสิ่ง" หรือ "อาสาม" แอบหนีออกจากโรงพยาบาลตอนอู๋เสียเผลอหลับ (หลังนอนไม่รู้สึกตัวนานนับเดือน) แต่ "อู๋เสีย" ไหวตัวทันเพราะ "เจ้าอ้วนหวัง" นำพัสดุมาให้เขาที่โรงพยาบาลแล้วไม่พบอู๋ซานเสิ่ง หลังพาอู๋ซานเสิ่งกลับมาที่ห้องแล้วอู๋เสียจึงยิงคำถามรัวๆ ใส่จิ้งจอกเฒ่าอย่างหัวเสียทันที เขาสงสัยว่าอู๋ซานเสิ่งรู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ อู๋ซานเสิ่งตอบอ้อมแอ้มว่าตนเพิ่งฟื้น อู๋เสียยื่นภาพถ่าย*ใบหนึ่งให้อู๋ซานเสิ่งดู เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นและอู๋ซานเสิ่งฆ่าเซี่ยเหลียนหวนจริงหรือไม่ แต่อู๋ซานเสิ่งแสร้งทำเฉไฉไม่ยอมตอบ โดยอ้างว่าตนมึนหัวเพราะถูกอู๋เสียปาของใส่ (อู๋เสียปากล่องพัสดุใส่อู๋ซานเสิ่ง เพื่อสกัดไม่ให้เขาหนีออกจากโรงพยาบาล)

อู๋เสียนำภาพภาพก่อนออกทะเลของคณะสำรวจทางโบราณคดีที่ทำการสำรวจสุสานใต้ทะเลซีซาเมื่อปี ค.ศ. 1985 มาให้อู๋ซานเสิ่งดู  ซึ่งในนั้นมี เซี่ยเหลียนหวน จางฉี่หลิง ฮั่วหลิง และเฉินเหวินจิ่น รวมอยู่ด้วย (อู๋ซานเสิ่งเป็นคนถายภาพนี้ แต่อู๋เสียเข้าใจว่าเซี่ยเหลียนหวนคืออู๋ซานเสิ่ง เพราะทั้งคู่หน้าตาคล้ายกัน)


 

ครั้นพบว่าผู้ที่ส่งพัสดุด่วนมาให้ตนคือ...จางฉี่หลิง อู๋เสียก็ทั้งตกใจและรู้สึกสับสน เพราะเขาเห็นกับตาว่าจางฉี่หลิงเดินเข้าไปในประตูสัมฤทธิ์พร้อมกองทัพผี พอแกะกล่องพัสดุออกดูกลับยิ่งงงหนักเพราะข้างในมีเพียงวิดีโอเทปเก่าๆ 2 ม้วน อู๋ซานเสิ่งตัดพ้ออู๋เสียที่แอบติดต่อจางฉี่หลิงลับหลังตน อู๋เสียเหน็บว่าจะให้บอกตอนไหนในเมื่ออาสามเพิ่งฟื้น จากนั้นก็บ่นว่านี่เป็นครั้งแรกที่จางฉี่หลิงส่งข่าวมาหลังหายหน้าไปนาน อู๋ซานเสิ่งอยากรู้ว่าในม้วนวิดีโอมีข้อมูลอะไรบ้างเลยสั่งให้ลูกน้องไปหาเครื่องเล่นมา 

อู๋เสียพยายามเค้นถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่หมู่เกาะซีซากันแน่ อู๋ซานเสิ่งตัดพ้ออู๋เสียที่เห็นตนเป็นฆาตกร ก่อนเปรยว่าในตอนนั้นมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายที่หมู่เกาะซีซา เขาทำท่าเหมือนจะเล่าแต่สุดท้ายกลับแสร้งคร่ำครวญถึงเฉินเหวินจิ่น (อดีตคนรัก) และฮั่วหลิงที่ยังคงหายสาบสูญ (ในตอนนั้นคณะสำรวจสุสานใต้สมุทรที่เกาะซีซาได้หายสาบสูญ มีเพียงอู๋ซานเสิ่งที่กลับออกมาได้อย่างปลอดภัย    เขาจึงพยายามไขปริศนาตลอดหลายปีที่ผ่านมา) เมื่ออู๋เสียรู้ทันอู๋ซานเสิ่งจึงตัดบทหน้าตาเฉย โดยบอกเพียงว่าตนทำเช่นนี้ (เก็บงำความลับ) เพื่ออู๋เสีย  อาสามรู้สึกแปลกใจที่พัสดุถูกส่งมาจากเมืองโกลมุด มณฑลชิงไห่ (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน) เจ้าอ้วนหวังเองก็แปลกใจไม่น้อย เพราะจางฉี่หลิงเข้าประตูสัมฤทธิ์ที่เขาฉางไป๋ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออก แต่ของดันส่งมาจากภาคตะวันตกซึ่งอยู่ห่างไกลกันมาก 

* หมู่เกาะซีซา (หมู่เกาะพาราเซล) เป็นกลุ่มเกาะในเขตมณฑลไห่หนาน (หรือ "ไหหลำ" ตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศจีน)  เป็นดินแดนพิพาทที่ถูกอ้างสิทธิโดยประเทศเวียดนามและไต้หวัน 




หลังถ่างตาดูวิดีโอม้วนแรกจนจบแล้วพบว่าเป็นเทปเปล่าที่มีแต่ภาพสโนว์ (จุดซ่าขาวดำ) ทั้งสามคนจึงลุกขึ้นมาจ้องเทปม้วนที่สองใกล้ๆ เผื่อว่าจะมีรหัสลับซ่อนอยู่ แต่แล้วทุกคนก็ถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะอยู่ๆ ก็มีภาพผู้หญิงคนหนึ่งยื่นหน้าเข้ามามองพวกเขา (ก้มมองกล้อง) อู๋ซานเสิ่งร้องเสียงหลงว่าเธอคือ "ฮั่วหลิง" ทว่าในวิดีโอมีแต่ภาพเธอนั่งหวีผมหน้ากล้องด้วยสีหน้าท่าทางแปลกๆ (ภาพต่างวันเวลาแต่อิริยาบทเดียวกันคือนั่งหวีผมหน้ากล้อง เริ่มบันทึกตั้งแต่วันที่ 17/8/1997 หลังออกสำรวจสุสานใต้ทะเลซีซา 12 ปี) ครั้นนำภาพถ่ายก่อนออกทะเลซีซามาเปรียบเทียบกับภาพในวิดีโอ อู๋ซานเสิ่งพบว่าฮั่วหลิงไม่แก่ลงเลยแม้แต่น้อย (จางฉี่หลิงเป็นอีกคนที่ไม่แก่ลง) เจ้าอ้วนหวังไม่เข้าใจว่าจางฉี่หลิงส่งเทปเปล่ากับเทปผู้หญิงหวีผมมาให้อู๋เสียทำไม อาสามขอให้อู๋เสียหยุดสืบหาความจริงโดยบอกว่าวิดีโอนี้ถูกส่งมาเพื่อหลอกล่ออู๋เสีย แต่อู๋เสียไม่ฟังเพราะเชื่อใจจางฉี่หลิง ทั้งยังอยากรู้ว่าอาสามมีเรื่องปิดบังตนมากน้อยเพียงใด



ขณะที่ทั้งคู่กำลังมีปากเสียงกัน "อาหนิง" ได้โทรฯ มาบอกอู๋เสียว่าเธอมีวิดีโอเทปซึ่งในนั้นมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเขา หากเขาสนใจให้กลับไปเจอกันที่หางโจว พูดจบอาหนิงก็วางสายแล้วเดินไปขึ้นรถที่ติดโลโก้ "Cox Hendry 02200059" อู๋เสียไม่อยากให้อาสามรู้เลยโกหกว่านายหน้าอสังหาฯ โทรฯ มาตื๊อตน อาสามจะออกจากโรงพยาบาลวันพรุ่งนี้เลยบอกให้อู๋เสียกลับหางโจวเพื่อไปดูแลร้านอู๋ซานจวี (ร้านขายโบราณวัตถุสกุลอู๋ และบ้านพักของอู๋เสียที่หางโจว) เขาไม่อยากให้อู๋เสียสืบหาเบาะแสต่อจึงคิดที่จะเก็บวิดีโอทั้งสองม้วนเอาไว้เอง อู๋เสียได้ทีเลยขอโบราณวัตถุ 4 ชิ้นแลกกับวิดีโอเก่าเก็บสองม้วน เมื่ออาสามตอบตกลงอู๋เสียจึงยกวิดีโอให้อาสามแล้วชวนเจ้าอ้วนหวังกลับหางโจวทันที 

เฮนดรีย์ ค๊อกซ์ คือ "ฉิวเต๋อเข่า" นายจ้างชาวอเมริกันของอาหนิง ส่วน 02200059 เป็นตัวเลขปริศนาในผ้าไหมจารึกแห่งหลู่ ยุคจ้านกั๋ว ฉบับสุดท้าย ซึ่งวังฉางไห่ถอดรหัสออกมาแต่ตีความไม่ได้ เลยเรียกมันว่าเลขสวรรค์ ใช้เป็นรหัสลับประจำตัว

ก่อนกลับหางโจวอู๋เสียบอกเจ้าอ้วนหวังว่ากลับไปแล้วจะเลี้ยงข้าว แต่พอไปถึงอู๋ซานจวี (ข้างชมรมผู้ศึกษาตราประทับซีเหลิ่งอิ้งเซ่อ) อู๋เสียกลับต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้เจ้าอ้วนหวังกิน (กิจการเขาไม่สู้ดี) ก่อนบอกว่าวันนี้พวกตนมีนัดกับอาหนิงซึ่งได้รับวิดีโอเช่นเดียวกัน เขาอยากหาเบาะแสจากวิดีโอของอาหนิง และคิดว่าอาหนิงไม่ใช่คนเลวร้าย เพียงแค่เห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไป


ทั้งคู่ไม่รู้ว่าในตอนนั้นจางฉี่หลิงก็อยู่ที่หางโจวเช่นกัน ขณะเดินผ่านหน้าร้านอู๋ซานจวี จางฉี่หลิงหยุดมองป้ายร้านครู่หนึ่งก่อนเดินผ่านไป โดยมีนายแว่นดำ "เฮยเหยี่ยนจิ้ง" เดินตามห่างๆ ("เฮยเหยี่ยนจิ้ง" ซึ่งแปลว่า แว่นดำ ไม่ใช่ชื่อจริงของนายแว่นดำ ชื่อจริงเขาไม่เคยถูกเปิดเผย แต่ครั้งหนึ่งเขาเคยเขียนชื่อของตนลงบนผืนทรายให้ "เซี่ยอวี่เฉิน" ดู (มีสี่ตัวอักษรแต่คนดูละครไม่เห็น) เซี่ยอวี่เฉินเห็นแล้วได้แต่กลั้นหัวเราะ นายแว่นดำมีปัญหาเรื่องสายตา เขาจะตาบอดเวลาอยู่ในที่สว่างหรืออยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้าจึงต้องสวมแว่นดำตลอดเวลา แต่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนในที่มืด ยิ่งมืดยิ่งเห็นชัด เขาเป็นโจรขุดสุสานมืออาชีพ และมีฝีมือด้านการต่อสู้ ) 


ครั้นโดนเจ้าอ้วนหวังเหน็บว่าตัวเองอยากสืบต่อแต่กลับยกวิดีโอให้อาสาม อู๋เสียจึงหยิบม้วนวิดีโอออกมาอวด ก่อนเปรยว่าไม่ว่าจิ้งจอกจะเจ้าเล่ห์เพียงใดก็ไม่มีทางเอาชนะนายพรานมือฉมังได้ (เขาแอบสับเปลี่ยนม้วนเทป) ทันใดนั้นก็มีคนใช้มีดสั้นตัดเส้นบะหมี่ที่เจ้าอ้วนหวังกำลังจะคีบใส่ปาก ก่อนจ่อมีดเข้าที่คอหอยของเจ้าอ้วนหวัง ที่แท้เธอคือ "อาหนิง" แม้โดนมีดจ่อคอหอยแต่เจ้าอ้วนหวังยังคงทำตาลุกเมื่อเห็นเหรียญเงินตังสือเจ็ดเหรียญ (เหรียญเงินทองเหลืองโบราณ) ที่อาหนิงนำมาร้อยเป็นสร้อยข้อมือ เพราะแม้ราคาต่อเหรียญจะไม่แพงแต่ถ้าสะสมครบเจ็ดเหรียญจะมีราคาสูงลิ่ว  



อาหนิงนำวิดีโอสองม้วนมาให้อู๋เสียดู โดยบอกว่ามีคนส่งไปให้เธอที่สำนักงานใหญ่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ครั้นเห็นว่าของถูกส่งมาจากเมืองโกลมุด มณฑลชิงไห่ ซ้ำยังอ้างชื่อตนเป็นผู้ส่งอู๋เสียก็ทั้งงงและตกใจ เพราะเขาไม่เคยไปเหยียบโกลมุดเลยด้วยซ้ำ อาหนิงรู้ว่าอู๋เสียไม่ได้ส่งวิดีโอมาให้ตน ทั้งยังรู้ด้วยว่าผู้ส่งอ้างชื่ออู๋เสียเพื่อให้แน่ใจว่าของจะส่งถึงมือเธอ วิดีโอของอาหนิงเผยให้เห็นภาพชายคนหนึ่งผมเผ้ายาวรุงรัง ท่าทางเหมือนคนเสียสติ กำลังคลานอยู่บนพื้นไม้ในบ้านโบราณ พอเห็นใบหน้าชายคนดังกล่าวชัดๆ อู๋เสียก็ถึงกับช็อค เพราะนั่นคือใบหน้าของเขาเอง อู๋เสียกล่าวว่าวิดีโอดังกล่าวถูกบันทึกเมื่อวันที่ 2/9/1997 หรือเมื่อ 12 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเขายังเป็นเพียงเด็กนักเรียน เขาถามอาหนิงว่านอกจากวิดีโอนี้ยังมีเบาะแสอื่นๆ อีกไหม ทว่าเบาะแสเดียวที่อาหนิงมีคือใบหน้าของอู๋เสีย


ที่แท้เฮยเหยี่ยนจิ้งก็รับงานของอาหนิง เขายังคงเดินตามจางฉี่หลิงห่างๆ อย่างจงใจ พอถึงที่ลับตาคนเขาก็ถูกจางฉี่หลิงโจมตี หลังสู้กันพักหนึ่งเฮยเหยี่ยนจิ้งจึงเป็นฝ่ายล่าถอย (แต่นามบัตรเขาอยู่ในกระเป๋าเสื้อจางฉี่หลิง) 

อู๋เสียได้ยินเจ้าอ้วนหวังบอกใครบางคนทางโทรศัพท์ว่าจะกลับปักกิ่งคืนนี้ เลยโวยว่าจะทิ้งตนไปดื้อๆ ทั้งที่เพิ่งเจอเรื่องสุดสะพรึงงั้นหรือ เจ้าอ้วนหวังบอกให้อู๋เสียคิดว่าภาพในวิดีโอเป็นแค่หนังสยองขวัญ และฝาก "หวังเหมิง" (ลูกจ้างของอู๋เสียซึ่งจดจ่ออยู่กับการเล่นเกม Minesweeper เพราะว่างจัด) ให้ดูแลอู๋เสีย เจ้าอ้วนหวังยังคงคาใจเรื่องวิดีโอที่จางฉี่หลิงส่งมา แต่อู๋เสียคิดแบบเดียวกับอาหนิง เขาเชื่อว่าผู้ส่งอ้างชื่อจางฉี่หลิงเพื่อให้แน่ใจว่าตนจะได้รับมัน เจ้าอ้วนหวังรู้ว่าอู๋เสียจะสืบเรื่องนี้ต่อจึงขอให้อู๋เสียช่วยแจ้งตนหากทราบข่าวคราวของจางฉี่หลิง 

เจ้าอ้วนหวังชอบเรียกอู๋เสียว่า "เทียนเจิน" หรือ  "เทียนเจินอู๋เสีย" ซึ่งพ้องเสียงกับสำนวนจีน "เทียนเจินอู๋เสีย" ที่แปลว่า บริสุทธิ์ไร้เดียงสา 


อู๋เสียฉุกคิดได้ว่าการที่ผู้ส่งๆ วิดีโอมาให้ตนสองม้วนโดยที่ม้วนหนึ่งเป็นเทปเปล่า แสดงว่าเนื้อหาในเทปไม่ใช่สิ่งที่ผู้ส่งตั้งใจส่งมาให้ตน แต่เป็นสิ่งที่อยู่ในม้วนเทป เมื่ออู๋เสียใช้ไขควงถอดชิ้นส่วนเทปม้วนแรกก็พบกระดาษแผ่นเล็กๆ เขียนว่า "เลขที่ 349-5 ซอยเต๋อชาน ถนนคุนหลุน เมืองโกลมุด มณฑลชิงไห่" ส่วนอีกม้วนซ่อนลูกกุญแจทองเหลืองเก่าๆ เอาไว้ดอกหนึ่ง (บนกุญแจเขียนเลข 306) ผู้ส่งทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ของที่ซ่อนอยู่ข้างในชำรุดเสียหายขณะขนส่ง และป้องกันไม่ให้ของถูกผู้อื่นดักชิงไป ซึ่งในที่นี้คืออาสามของอู๋เสีย   เพราะเนื้อหาที่ปรากฏในเทปมีเพียงอู๋ซานเสิ่งที่เห็นแล้วถึงกับช็อค (ถูกเนื้อหาในวิดีโอเบี่ยงเบนความสนใจ) อู๋เสียตัดสายอู๋ซานเสิ่งเพราะรู้ว่าจิ้งจอกเฒ่าจะโทรฯ มาต่อว่าตนเรื่องสับเปลี่ยนวิดีโอ จากนั้นจึงสั่งให้หวังเหมิงจองตั๋วเครื่องบินไปเมืองโกลมุดให้ตน  โดยบอกให้เลือกเที่ยวบินแรกสุด (นอกจากหวังเหมิงแล้ว อู๋เสียไม่ได้บอกใครว่าจะไปโกลมุด)



จางฉี่หลิงไปหาเฮยเหยี่ยนจิ้งที่ร้านนวดข้างถนนตามที่อยู่บนนามบัตร เฮยเหยี่ยนจิ้งยื่นนามบัตรผู้ว่าจ้าง (CoxHendry) ให้จางฉี่หลิง ก่อนบอกว่าเป็นการ "คีบลามะ" โดยชาวต่างชาติ (บริษัทจิ๋วเต๋อเข่า) ทำงานที่เมืองโกลมุด มณฑลชิงไห่ จากนั้นก็ถามจางฉี่หลิงว่าจะไปไหม จางฉี่หลิงชั่งใจครู่หนึ่ง ก่อนรับนามบัตรผู้ว่าจ้างแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดจา  (เขาตกลงรับงานนี้) เฮยเหยี่ยนจิ้งตามไปยื่นนามบัตรของตนแล้วบอกจางฉี่หลิงว่า ว่างเมื่อไหร่ให้แวะมานวดที่ร้านตน แต่จางฉี่หลิงเดินหนีไปโดยไม่ยอมรับนามบัตร (ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งนั่งดูเฮยเหยี่ยนจิ้งนวดจนลูกค้าร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด)

* "คีบลามะ" คือ การติดต่อทาบทามนักขุดสุสานมืออาชีพให้มาร่วมสำรวจสุสานกับพวกตน / คำว่า "ลามะ" ในที่นี้คือ โจรขุดสุสาน

อู๋เสียดั้นด้นเดินทางไปโกลมุดซึ่งอยู่บนที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต แต่เนื่องจากหวังเหมิงไม่ได้จองเที่ยวบินตรงเขาเลยต้องบินไปลงที่สนามบินในเมืองเฉิงตูเพื่อแวะพักระหว่างทาง (ออกจากหางโจวตอน 6 โมงเช้า ถึงเฉิงตูตอนบ่าย) หลังแวะพัก 11 ชั่วโมงจึงบินต่อตอนเที่ยงคืนเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองซีหนิง หลังจากนั้นต้องต่อรถบัสจากเมืองซีหนิงไปเมืองโกลมุด กว่าจะถึงเมืองโกลมุดก็ 3 ทุ่มแล้ว แต่เขายังต้องไปต่ออีก 3 กม.ด้วยรถตุ๊กตุ๊กจึงจะไปถึงสถานพักฟื้นโกลมุด (จริงๆ แล้วมีเที่ยวบินตรงสู่โกลมุด และยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟซึ่งสะดวกรวดเร็วกว่า แต่หวังเหมิงกลับเลือกเส้นทางที่สมบุกสมบันให้อู๋เสีย) หลังไปส่งอู๋เสียที่หน้าสถานพักฟื้นโกลมุด (ตามที่อยู่บนกระดาษในม้วนวิดีโอ) แล้ว คนขับรถตุ๊กตุ๊กก็รีบซิ่งกลับทันที (เป็นสถานพักฟื้นของกองทัพปลดแอกยุคปี 60 ที่ถูกทิ้งร้างมานาน)



อู๋เสียเดินเข้าไปสำรวจด้านในอย่างระมัดระวัง พอไปถึงห้องโถงใหญ่ที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมเขาก็จำได้ว่าเป็นจุดที่คนหน้าเหมือนตนคลานบนพื้นในวิดีโอของอาหนิง เขาหยิบกล้องถ่ายวิดีโอมาบันทึกภาพ โดยแจ้งชื่อ-ที่อยู่ของตน และบอกว่าตนกำลังบันทึกวิดีโอในสถานพักฟื้นโกลมุด หากใครพบกล้องวิดีโอนี้ขอให้นำส่งคนที่ชื่อหวังเหมิงแห่งร้านอู๋ซานจวี ขณะสำรวจบรรยากาศชวนขนหัวลุก อู๋เสียรู้สึกได้ว่ามีพลังงานบางอย่างแต่เขายังคงถ่ายวิดีโอต่อไป (กล้องจับภาพอะไรบางอย่างทางด้านหลังเขาได้)   พอเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง (บนบันไดมีรอยพื้นรองเท้า) เขาพบว่าหน้าโถงทางเดินมีการก่อผนังปูนแบบปิดตาย บนผนังที่ฉาบปูนแบบลวกๆ มีรูปสัญลักษณ์บางอย่าง (หญิงปริศนาคนหนึ่งใช้เล็บขูดตอนที่ปูนยังไม่แห้ง) 

เมื่ออู๋เสียขึ้นไปที่ชั้นสามก็พบห้องหมายเลข 306 เขาได้กลิ่นเหม็นตลบอบอวลตั้งแต่อยู่หน้าห้อง ถึงกระนั้นเขาก็ไขกุญแจ (ที่ถูกส่งมาพร้อมม้วนวิดีโอ) แล้วใช้ตัวกระแทกให้ประตูเปิดออก นั่นจึงทำให้เขาเสียหลักล้มลง แถมไฟฉายยังหลุดมือและกลิ้งไปที่ใต้เตียง ภายในห้องทั้งมืดและเหม็นอับ ที่แท้มันคือห้องนอนที่มีผ้าห่มเน่าๆ กองอยู่บนเตียง อู๋เสียเอื้อมมือไปเก็บไฟฉายใต้เตียงและเกือบโดนมือปริศนาตะปบโดยไม่รู้ตัว (เขาไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง) หลังกวาดตาดูทั่วห้องแล้วไม่พบอะไร เขาเลยงัดประตูตู้ไม้ขนาดใหญ่ที่ล็อกกุญแจอยู่  ที่แท้ตู้นี้คือประตูลับที่ซ่อนบันไดวนลงไปสู่ห้องใต้ดิน 




ครั้นลงไปสำรวจแล้วพบว่าไฟสำรองในห้องใต้ดินยังคงใช้การได้อู๋เสียก็รู้สึกแปลกใจ (เขาได้กลิ่นหอมประหลาดที่ชั้นใต้ดินด้วย) ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือบริเวณกลางห้องมีโลงศพโบราณสีดำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ (เป็นโลงชั้นนอก ใช้บรรจุโลงศพอีกทีหนึ่ง) โลงนี้น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 500-600 ปี ตรงฝาโลงมีร่องรอยถูกงัดแงะ เขาคารวะผู้ที่อยู่ในโลงและขอให้ต่างคนต่างอยู่ พอหันไปเห็นประตูอู๋เสียจึงลองเปิดเข้าไปดู เขาจำได้ว่านี่คือห้องที่ฮั่วหลิงนั่งหวีผม (ในวิดีโอ) แถมบนโต๊ะยังมีหวีและกระจกที่เต็มไปด้วยฝุ่นวางอยู่ อู๋เสียเชื่อว่าหากมีคนจงใจใช้วิดีโอล่อให้ตนมาที่นี่ เขาหรือเธอจะต้องทิ้งเบาะแสบางอย่างเอาไว้ให้ตน 



อีกด้านหนึ่ง อู๋ซานเสิ่ง (อาสาม) กำลังนอนฟังงิ้วอย่างสบายอารมณ์ที่บ้านสกุลเซี่ย "ฮั่วซิ่วซิ่ว" (หลานฮั่วหลิง) ซึ่งนั่งดูงิ้วอยู่บนเชือกเส้นหนึ่ง เห็นอู๋ซานเสิ่งนอนอ้าปากหวอแกล้งเลยโยนองุ่นใส่ หลังสะดุ้งตื่นโดยมีองุ่นอยู่ในปาก  อู๋ซานเสิ่งก็ลุกมาปรบมือให้ "เซี่ยอวี่เฉิน" (เสี่ยวฮัว / เซี่ยอวี่ฮัว) เจ้าบ้านสกุลเซี่ย ที่กำลังร้องและร่ายรำบนเวที ก่อนหันไปถามฮั่วซิ่วซิ่วว่าย่าของเธอสอนวิธีนอนบนเชือกให้ด้วยหรือ ฮั่วซิ่วซิ่วกล่าวว่าเธอยังนอนบนเชือกไม่ได้เพราะนอนไม่หลับ หลังแสดงจบเซี่ยอวี่เฉินก็เดินไปทักทายอู๋ซานเสิ่งอย่างสนิทสนม ทว่าสายตาของเขานั้นกลับแข็งกร้าว (เขาชี้ให้อู๋ซานเสิ่งดูภาพฉากหลังบนเวที ซึ่งเป็นภาพที่คัดลอกมาจากภาพบน "ผ้าไหมจารึกแห่งหลู่" ในยุคจ้านกั๋ว)


ในที่สุด อู๋เสียก็ค้นเจอสมุดบันทึกเก่าๆ ในซองกระดาษ หน้าแรกมีข้อความเขียนด้วยลายมือว่า "ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเป็นคนไหนในสามคน ไม่ว่าคุณเป็นใคร ในเมื่อคุณมาที่นี่และพบสมุดบันทึกเล่มนี้ เชื่อว่าต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้แล้ว สมุดบันทึกเล่มนี้รวบรวมประสบการณ์และการทำงานอย่างหนักในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของพวกเรา ขอเตือนว่าเนื้อหาข้างในมีข้อมูลที่เป็นความลับอันใหญ่หลวง และมีทุกคำตอบที่คุณแสวงหา แต่หลังอ่านมันแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ วิดีโอเทปคือหลักประกันสุดท้ายของพวกเรา เมื่อม้วนวิดีโอถูกส่งออกไปแสดงว่าผู้ดูแลมันติดต่อฉันไม่ได้ หรือไม่ฉันก็ตายไปแล้ว หรือ "มัน" อาจพบฉันแล้ว และฉันไม่อยู่ในเมืองอีกต่อไป..." อู๋เสียสงสัยว่าทำไมเจ้าของสมุดบันทึกถึงใช้คำว่า "มัน" ทั้งยังสงสัยว่านอกจากตนกับอาหนิงแล้ว อีกคนที่ได้รับม้วนวิดีโอเป็นใคร (ผู้เขียนบันทึกคือ "เฉินเหวินจิ่น")



อู๋ซานเสิ่งจะกลับบ้านแต่เซี่ยอวี่เฉินรั้งเขาเอาไว้ ก่อนกล่าวว่าบรรพชนเก้าสกุลใหญ่รุ่นแล้วรุ่นเล่าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบขุดสุสานครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ ล้วนประสบเคราะห์กรรมและต้องจบชีวิตลงอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้อาวุโสสกุลเซี่ย, อู๋เหลาโก่ว (ปู่ของอู๋เสีย), เอ้อร์เยว่หง (อาจารย์ของเซี่ยอวี่เฉิน), จางฉี่ซาน (จางต้าโฝเหยีย หรือ "พ่อพระใหญ่จาง") เขาอยากรู้ว่าคนรุ่นก่อนทำอะไรไว้กันแน่ อู๋ซานเสิ่งออกตัวว่าตนไม่ได้แก่ขนาดนั้น ถ้าเซี่ยอวี่เฉินอยากรู้เรื่องของคนรุ่นเก่าต้องไปถามย่าของฮั่วซิ่วซิ่ว (ฮั่วเซียนกู) ฮั่วซิ่วซิ่วสวนทันควันว่าลืมเรื่องนั้นไปได้เลย พวกตนพูดถึงเรื่องที่อาฮั่วหลิงหายตัวไปต่อหน้าย่าไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอกล่าวว่าตอนคณะสำรวจทางโบราณคดีของอู๋ซานเสิ่งไปที่เกาะซีซา ทั้งอาตน เฉินเหวินจิ่น และเซี่ยเหลี่ยนหวน ล้วนหายสาบสูญ อู๋ซานเสิ่งเป็นคนเดียวที่กลับออกมาได้จึงน่าจะรู้อะไรบ้าง อู๋ซานเสิ่งกล่าวเพียงว่าคนรุ่นตนได้ชดใช้สิ่งที่ควรชดใช้และจัดการทุกสิ่งที่จำเป็นแล้ว  จึงหวังว่าคนรุ่นใหม่จะไม่รื้อฟื้น แต่ฮั่วซิ่วซิ่วกับเซี่ยอวี่เฉินยังคงอยากรู้ความจริงจากปากอู๋ซานเสิ่ง เพราะอู๋ซานเสิ่งเป็นคนเดียวในคณะสำรวจ (เกาะซีซา) ที่ยังอยู่


หลังค่อยๆ อ่านบันทึกของเฉินเหวินจิ่น อู๋เสียก็พบภาพวาดที่มีลายเส้นแบบเดียวกับรอยขูดบนผนังปูนที่เขาเพิ่งพบบริเวณชั้นสอง แต่ภาพบนสมุดชัดเจนกว่า ในภาพมีหกเส้นและหนึ่งวงกลม (เป็นภาพที่ได้จากการถอดรหัสบันทึกผ้าไหมจ้านกั๋ว) บนเส้นมีจุดดำพร้อมข้อความกำกับ ได้แก่ ฉางไป๋ซาน ตำหนักทิพย์พิมานเมฆ, กัวจื่อเมี่ยว ตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา, เนินพระนอน เจดีย์วัดเทียนกวนซื่อ และซาโถวเจียว สุสานเรือจมใต้สมุทร ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสถานที่ๆ อู๋เสียเคยไปมาก่อน เขาเข้าใจในบัดดลว่าลายเส้นดังกล่าวคือรูปมังกร (ถ้าลากลายเส้นเชื่อมต่อกันจะเป็นรูปมังกร) และภาพนี้ก็คือทิวมังกรในศาสตร์ฮวงจุ้ยใหญ่ ทั้งยังเป็นสถานที่ๆ พระเจ้าโจวมู่แสวงหาความเป็นอมตะ ทว่ามีสถานหนึ่งที่ไม่อยู่บนแนวเส้นทิวมังกร หากอยู่ในวงกลมและแยกตัวเป็นอิสระ โดยมีจุดดำพร้อมข้อความกำกับว่า...ไฉต๋ามู่ ถ่ามู่ถัว

อู๋เสียพอเข้าใจได้ที่คนยุคโบราณแสวงหาความเป็นอมตะ แต่นึกไม่ถึงว่าคนยุคปัจจุบันจะยังเชื่อเรื่องนี้ด้วย  (อู๋เสียไม่รู้ว่าขณะนั้นมีใครบางคนกำลังเดินเข้ามาในสถานพักฟื้นโกลมุด) ครั้นพบข้อความที่เฉินเหวินจิ่นเขียนว่าพวกเธอเข้าไปในประตูสัมฤทธิ์และได้เห็นขั้วสุดท้าย อู๋เสียก็รู้สึกตกใจ 

** จบตอนที่หนึ่ง **

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ


เจิงซุ่นซี
รับบท อู๋เสีย
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)



เซียวอวี่เหลียง
รับบท จางฉี่หลิง / เสี่ยวเกอ
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)



ฮานีเค่อจือ
รับบท อาหนิง
(นักแสดง ชาวจีน)

อื่นๆ


หลิวอวี่หนิง
รับบท เฮยเหยี่ยนจิ้ง (แว่นดำ)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)



ฟ่านหมิง
รับบท อู๋ซานเสิ่ง (อาสาม)
(นักแสดง / ผู้กำกับ ชาวจีน)



หวังจิ้นซง
รับบท อู๋เอ้อร์ไป๋ (อารอง)
(นักแสดง ชาวจีน)



หลิวเสวี่ยหัว
รับบท ฮั่วเซียนกู
(นักแสดง ชาวจีน)



เฉิงฟางซวี่
รับบท เจ้าอ้วนหวัง (หวังพ่างจื่อ)
(นักแสดง ชาวจีน)



หลิวอวี้หาน
รับบท เซี่ยอวี่เฉิน / เสี่ยวฮัว
(นักแสดง ชาวจีน)



หลิวรั่วเยียน
รับบท ฮั่วซิ่วซิ่ว
(นักแสดง ชาวจีน)



เถาลั่วอี
รับบท เฉินเหวินจิ่น
(นักแสดง ชาวจีน)





เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา