วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เรื่องย่อ ศึกไข่มุกสวรรค์แห่งแดนบูรพา (An Oriental Odyssey)




กำกับ: โจวเสี่ยวเผิง
เขียนบท: เมี่ยวเจวียน
แนวละคร: แฟนตาซี, สืบสวน
จำนวนตอน: 50 (ตอนละประมาณ 45 นาที)
ออกอากาศ: จีน - 18 ตุลาคม 2561 - 6 ธันวาคม 2561 ทางเถิงซวิ่น วิดีโอ (Tencent Video)
                  ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00 น. ทางช่อง 9 MCOT HD (หมายเลข 30) ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2564 - 12 กันยายน 2564



 


เรื่องย่อ



ละคร "ศึกไข่มุกสวรรค์แห่งแดนบูรพา" (An Oriental Odyssey) นำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ถัง เนื้อหากล่าวถึง "เย่หย่วนอัน" ธิดารองเจ้ากรมการคลัง ที่ลุกขึ้นมาทวงความเป็นธรรมให้หญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าชิงทรัพย์นางคณิกาชื่อดังและกำลังจะถูกประหารชีวิต หลังพบว่าคดีนี้มีเงื่อนงำ เธอและ "จ้าวหลานจือ" หัวหน้ามือปราบแห่งที่ว่าการเมืองลั่วหยาง จึงเร่งสืบหาความจริงโดยมีเวลาเพียงสามวัน ระหว่างนั้นเย่หย่วนอันได้ช่วยซื้อตัวทาสหนุ่มผู้สูญเสียความทรงจำมาจากตลาดมืด เธอนำเขามาเป็นทาสรับใช้ในจวนโดยตั้งชื่อให้ใหม่ว่า "มู่เล่อ" แม้มู่เล่อจะไม่ยอมรับสถานะทาส แต่เขาก็คอยตามปกป้องเย่หย่วนอันและเชื่อฟังเธอเพียงผู้เดียว ทั้งสามคนช่วยกันคลี่คลายคดีของนางคณิกาได้สำเร็จและพบว่าคดีนี้มีความเกี่ยวพันกับขบวนการลักลอบค้าฝิ่น  แต่ทว่ายิ่งสืบกลับยิ่งเจอเงื่อนงำ 

พวกเขาไม่รู้ว่าคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับลูกปัดจิ่วซิง (หรือ "จิ่วซิงเทียนจู" ซึ่งมีทั้งหมด 9 ลูก) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นกำไลลูกประคำของพระอาจารย์ "เสวียนจ้าง" (พระถังซัมจั๋ง) แต่หลังพระอาจารย์เสวียนจ้างมรณภาพเมื่อ 19 ปีก่อน สองศิษย์เอก "เทียนเฉียว" และ "เทียนซู" ได้เปิดศึกแย่งชิงลูกปัดจิ่วซิง แต่เหตุการณ์กลับบานปลายจนกลายเป็นการสังหารหมู่ศิษย์อารามสือเอิน หลังห้ำหั่นกันจนตายเกลื่อนลูกปัดจิ่วซิงกลับกระจัดกระจายหายไป หลังเหตุการณ์ในครั้งนั้นเทียนเฉียวถูกแต่งตั้งเป็นราชครูแห่งต้าถัง ส่วนเทียนซูหายสาบสูญและกลายเป็นนักโทษที่ราชสำนักต้องการตัวมากที่สุด 

หลังช่วยกันคลี่คลายคดี ในที่สุดเย่หย่วนอันกับจ้าวหลานจือก็พบว่าผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องราวต่างๆ คือเทียนเฉียว ที่ผ่านมาเทียนเฉียวคิดครอบครองลูกปัดจิ่วซิงทั้งเก้าจึงสั่งให้ท่านหญิง "หมิงฮุ่ย" ออกตามหาและนำมาให้ตน แต่หลังรวบรวมจนครบเขาก็ถูกเปิดโปงความชั่วช้าต่อหน้า "เทียนโฮ่ว" (เป็นคำเรียกขาน "อู่เจ๋อเทียน" หรือ "บูเช็คเทียน") หลังพ้นมลทินเทียนซูก็ถูกแต่งตั้งเป็นราชครูและมีหน้าดูแลรักษาลูกปัดจิ่วซิง ท่านหญิงหมิงฮุ่ยรู้ดีว่าเย่หย่วนอันกับจ้าวหลานจือมีใจให้กัน แต่เธอหลงรักจ้าวหลานจือจึงนำชีวิตของเย่หย่วนอันมาข่มขู่และบีบบังคับให้เขาแต่งงานกับตน เย่หย่วนอันทั้งโกรธและเสียใจจึงประชดด้วยการไหว้ฟ้าดิน (แต่งงาน) กับมูเล่อ หลังมีเรื่องเข้าใจผิดกันมู่เล่อซึ่งหลงรักเย่หย่วนอันมาตั้งแต่ต้นจึงรู้สึกเสียใจ 

หลังกินยาฟื้นความทรงจำ (แต่ทำให้ลืมช่วงเวลาที่เป็นทาส) มู่เล่อพบว่าแท้จริงแล้วตนเป็นองค์ชายจากต่างแดน นาม "อาอิง" บ้านของเขาไม่ใช่ต้าถังแต่เป็นอาณาจักรซัวหลัว* ที่อยู่ห่างไกล (ตอนสูญเสียความทรงจำเขามักเพ้อคำว่า "หั่วเล่อเตอะทัวทัว" ซึ่งหมายถึง "ลูกปัดจิ่วชิง" แต่ชาวต้าถังได้ยินแล้วไม่เข้าใจ) ครั้นพบว่าภารกิจของตนคือการอัญเชิญลูกปัดจิ่วชิงกลับไปยังซัวหลัวเพื่อรักษาพระบิดาที่กำลังป่วยหนัก เขาจึงชิงลูกปัดจิ่วชิงจากเทียนซูแล้วเดินทางกลับซัวหลัวทันที หลังรู้วีรกรรมและฐานะที่แท้จริงของมู่เล่อ เย่หย่วนอันจึงอาสาเดินทางไปซัวหลัวเพื่อนำลูกปัดจิ่วซิงมาคืนต้าถัง...

หมายเหตุ:

 * ซัวหลัว เป็นชื่อจีนโบราณที่หมายถึงประเทศอินเดีย แต่ในละครอาจเป็นแดนสมมุติเพราะชาวซัวหลัวในละครใช้อักษรไทย จึงมีภาษาไทยปรากฏหลายฉาก แม้แต่ป้ายพระราชวังยังเขียนเป็นภาษาไทยว่า "ซันพาเลซ" 

เนื้อหาตอนที่ 1-2


ตำนานเล่าขานว่ายุคเทพปกรณัมสิ้นสุดลงเมื่อเทพบรรพกาล "หนี่วา" สร้างมนุษย์ขึ้นจากดินแล้วมอบปัญญาให้พวกเขาเพื่อจะได้เอาตัวรอด โดยเหล่ามวลมนุษย์ได้แบ่งออกเป็นเก้าชนเผ่า แต่ละชนเผ่ามีความสามารถเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน เมื่อเวลาผ่านพ้นมวลมนุษย์ก็เริ่มมีกิเลส     นั่นจึงทำให้ไฟสงครามลุกโชนขึ้น หลังจากนั้นเก้าชนเผ่าก็สู้รบกันไม่เลิกราเพราะความปรารถนาของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด เทพหนี่วาทรงเมตตาต่อสรรพสัตว์จึงปิดผนึกความปรารถนาและความสามารถพิเศษของเก้าชนเผ่าโบราณไว้ในศิลา (ห้าสี) ที่เหลือจากการซ่อมฟ้า แล้วหลอมจนกลายเป็นลูกปัดจิ่วซิง (จิ่วซิงเทียนจู) จากนั้นจึงปิดผนึกไว้ในทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้โลกมนุษย์เกิดสันติสุขชั่วคราว

ลูกปัดจิ่วซิง (จิ่วซิงเทียนจู) คือ ลูกปัดหินเก้าดารา หรือลูกปัดนพเคราะห์ บนลูกปัดแต่ละลูกจะมีอักขระ (อาคมหรือวิชาลับของเก้าชนเผ่าโบราณ) จารึกอยู่



ลูกปัดจิ่วซิงปรากฏบนโลกมนุษย์ครั้งแรกที่อาณาจักรซัวหลัว หลังชาวบ้านคนหนึ่งขุดพบโดยบังเอิญ (ในสมัยโบราณบริเวณดังกล่าวเป็นทะเลสาบ) เมื่อชาวบ้านอีกคนเห็นเข้าก็ถูกความโลภเข้าครอบงำจึงลงมือฆ่าเพื่อนเพื่อแย่งของวิเศษมาครอง หลังจากนั้นลูกปัดจิ่วซิงได้ถูกเก็บรักษาในอาณาจักรซัวหลัวเรื่อยมา กระทั่งเมื่อ 100 ปีก่อน องค์ชายทั้งสองของอาณาจักรซัวหลัวได้เปิดศึกแย่งชิงลูกปัดจิ่วซิง ฝ่ายหนึ่งเป็นคนจิตใจดี ยึดมั่นในพุทธศาสนา ส่วนอีกฝ่ายเป็นคนทะเยอทะยาน ต้องการลูกปัดจิ่วซิงหวังครองโลก ในที่สุดองค์ชายใหญ่ผู้ทะเยอทะยานก็ลงมือสังหารน้องชายของตน องค์ชายรองคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จึงฝากลูกปัดจิ่วซิงไปกับพระภิกษุที่กำลังเดินทางไปเทียนจู (ชมพูทวีป) ก่อนหน้านี้แล้ว ครั้นเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมที่เทียนจู (เข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงลูกปัดจิ่วซิง) พระภิกษุจึงนำลูกปัดจิ่วซิงไปมอบให้พระอาจารย์ "เสวียนจ้าง" (พระถังซัมจั๋ง) ซึ่งศึกษาพระธรรมอยู่ที่นั่น เมื่อพระอาจารย์เสวียนจ้างเดินทางกลับต้าถังจึงนำลูกปัดจิ่วซิงกลับมาด้วย



หลังพระอาจารย์เสวียนจ้างมรณภาพขณะปฏิบัติธรรม ณ อารามสือเอิน ในเมืองลั่วหยาง ลูกปัดจิ่วซิงที่พระอาจารย์เสวียนจ้างนำมาร้อยเป็นกำไลลูกประคำก็ร่วงตกลงพื้นห้าลูก "เทียนเฉียว" กับ "เทียนซู" (ซึ่งต่างได้รับลูกปัดจิ่วซิงจากพระอาจารย์เสวียนจ้างแล้วคนละสองลูก) จึงต่อสู้กันหมายแย่งชิงลูกปัดจิ่วซิง หลังจากนั้นเหล่าศิษยานุศิษย์ของอารามสือเอินก็ต่อสู้กันจนเกิดเหตุสลด แต่ลูกปัดจิ่วซิงทั้งห้ากลับกระจัดกระจายหายไป "จักรพรรดิถังเกาจง" เห็นว่าเทียนเฉียวช่วยถวายคำแนะนำจนทำให้กองทัพต้าถังมีชัยในการสู้รบ ทั้งยังรักษาสรีระธาตุของพระอาจารย์เสวียนจ้างเอาไว้ได้ จึงแต่งตั้งเทียนเฉียวเป็น "ท่านราชครู" (กั๋วซือ) และให้เป็นผู้บูรณะอารามสือเอินหรือเป็นเจ้าอารามนั่นเอง (เทียนซูหายตัวลึกลับหลังเกิดเหตุนองเลือดที่อารามสือเอิน เขาจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นศิษย์ทรยศที่สังหารหมู่ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ทำให้ถูกราชสำนักหมายหัว) 



สิบเก้าปีต่อมา กลุ่มผู้ลักลอบค้าของเถื่อน (นำโดยชายสวมหน้ากากเหล็ก) บังเอิญพบเด็กหนุ่มนอนสลบไสลกลางป่าในแถบอันหนาน*จึงนำตัวมาเป็นแรงงานทาส ครั้นพบว่าทาสหนุ่มมีพละกำลังมหาศาลผิดมนุษย์ "เสิ่นต้า" (เจ้าของเรือ) จึงขอซื้อทาสหนุ่มคนดังกล่าว แต่ยังไม่ทันได้ตกลงกัน "จ้าวหลานจือ" หัวหน้ามือปราบแห่งที่ว่าการเมืองลั่วหยาง ก็นำกำลังมาตรวจค้นเสียก่อน เสิ่นต้าอ้างว่าตนเป็นพ่อค้าข้าวแต่จ้าวหลานจือเป็นคนช่างสังเกตจึงรู้ทัน เสิ่นต้าและพวกไม่ยอมให้ตรวจค้นจึงนำอาวุธที่ซุกซ่อนไว้มาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ แม้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แต่ทาสหนุ่มไม่ยอมให้ใครจับกุมจึงต่อสู้กับจ้าวหลานจือ จ้าวหลานจือเห็นทาสหนุ่มมีพลังกล้าแกร่ง ทั้งยังเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วทั้งที่แขนขาถูกล่ามโซ่จึงสงสัยว่าทาสหนุ่มเป็นใครกันแน่ แต่ยังไม่ทันหาคำตอบเขาก็ถูกชายสวมหน้ากากลอบโจมตีเสียก่อน เขาฟันดาบเข้าที่ต้นแขนของชายสวมหน้ากากเลยเห็นรอยสักที่แขนของชายคนดังกล่าว ครั้นสบโอกาสชายสวมหน้ากากจึงพาทาสหนุ่มหนีลงเรือเล็ก เสิ่นต้าเห็นดังนั้นจึงกระโดดน้ำตามไป (แต่โดนจับพร้อมเหล่าสมุนในที่สุด) 

*อันหนาน คือ ชื่อโบราณของเขตปกครองจีนในเวียดนาม (สมัยราชวงศ์ถัง) 


เมื่อตรวจค้นบนเรืออย่างละเอียดจ้าวหลานจือก็พบ "ฝิ่น" ซึ่งเป็นของต้องห้ามซุกซ่อนอยู่ในลังข้าว เขารู้จักฝิ่นดีเพราะเมื่อก่อนเคยเป็นทหารรักษาการณ์ที่อันหนานซึ่งเป็นแหล่งผลิตฝิ่น เขาบอก "เสี้ยวหู่" (ลูกน้องคนสนิท) ว่า แม้ฝิ่นมีโทษต่อร่างกายแต่ถ้านำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะเป็นยาแก้ปวดชั้นดี ด้วยเหตุนี้หมอทหารที่นั่นจึงมักนำฝิ่นมารักษาไพร่พลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส   หมอยังบอกตนด้วยว่าหากใช้ฝิ่นเกินขนาดจะถึงแก่ความตาย จึงไม่ควรปล่อยให้นำเข้าหรือค้าขายอย่างเสรี มิเช่นนั้นจะเป็นภัยต่อบ้านเมืองและราษฎร ครั้นเห็นเรือหรูลำใหญ่ยักษ์แล่นผ่านมา จ้าวหลานจือจึงสงสัยว่าทำไมเรือลำดังกล่าวถึงอลังการดุจพระราชวังลอยน้ำ เสี้ยวหู่กล่าวว่าเรือลำดังกล่าวคือหอเชียนตวน (เป็นหอคณิกาลอยน้ำ/สถานบันเทิงสำหรับชนชั้นสูงและพ่อค้าผู้มั่งคั่ง) บนนั้นมีสตรีที่เลื่องชื่อด้านการร่ายรำแต่ทว่าเธอเพิ่งเสียชีวิตเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จ้าวหลานจือเพิ่งรู้จากปากเสี้ยวหู่ว่า 'ผู้อาวุโส' เป็นคนรับผิดชอบคดีนี้ แถมเขายังตัดสินคดีอย่างรวดเร็วโดยอ้างว่ามีหลักฐานชัดเจน 




"เย่หย่วนอัน" (ธิดารองเจ้ากรมการคลัง) ปลอมตัวเป็นบุรุษแล้วควบม้าออกจากจวนสกุลเย่โดยไม่รู้ว่าสายบังเหียนชำรุด ขณะแวะซื้อซาลาเปาในตลาดเธอสังเกตเห็นทาสหนุ่มกำลังหิวจนไส้กิ่วเลยแบ่งซาลาเปาให้เขาหนึ่งลูก แต่เขายังไม่ทันได้กินก็ถูก "หลี่กุ้ย" และพวกเฆี่ยนตีโทษฐานที่อู้งาน เย่หย่วนอันเห็นดังนั้นจึงเข้าไปตำหนิและมีปากเสียงกับหลี่กุ้ยซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าของทาสหนุ่ม  ครั้นเห็นม้าวิ่งเตลิดด้วยความตกใจ เย่หย่วนอันจึงรีบตามไปควบคุมม้าแต่กลับพบว่าสายบังเหียนขาด ทาสหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบตามไปช่วย จ้าวหลานจือ (ซึ่งกำลังสืบหาเบาะแสของชายสวมหน้ากาก) เห็นม้าพยศวิ่งเตลิดบนถนนจึงรีบตามไปช่วยเช่นกัน     แม้ทาสหนุ่มจอมพลังจะช่วยหยุดม้าเอาไว้ได้แต่เย่หย่วนอันก็ถูกม้าสะบัดจนร่างกระเด็น โชคดีที่จ้าวหลานจือช่วยรับตัวเธอเอาไว้ได้ทัน ครั้นเห็นทาสหนุ่มจ้าวหลานจือจึงรีบตามไปจับเพราะจำได้ว่าเขาอยู่บนเรือขนฝิ่น แต่ทาสหนุ่มถูกหลี่กุ้ยและพวกจับกลับไปเสียก่อน


ครั้นรู้ว่า "ต้วนเสี่ยวอวี้" คนรักของ "สือโถว" (บ่าวที่มีหน้าที่ดูแลม้าในจวนสกุลเย่) กำลังจะถูกประหารอย่างไม่เป็นธรรมในวันรุ่งขึ้น หลังถูกใส่ความว่าฆ่าชิงทรัพย์นางคณิกาชื่อดังนาม "หรูเยว่" (ต้วนเสี่ยวอวี้เป็นสาวใช้ของหรูเยว่) เย่หย่วนอันจึงลอบพาต้วนเสี่ยวอวี้หนีออกจากคุกโดยมีอุปกรณ์สุดล้ำหน้าตาเหมือนแมงมุมเป็นตัวช่วย (เธอได้อุปกรณ์มาจากชายลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดิน) จ้าวหลานจือสืบจนพบเบาะแสว่าเย่หย่วนอันเป็นผู้ชิงตัวนักโทษแต่เขายังไม่มีหลักฐานจึงคอยจับตาดูเธอ (แม้เย่หย่วนอันจะปลอมตัวเป็นบุรุษแต่จ้าวหลานจือมองปราดเดียวก็รู้ว่าเธอเป็นสตรีเพราะมีรอยเจาะหู) เมื่อเย่หย่วนอันไปส่งต้วนเสี่ยวอวี้กับสือโถวที่ท่าเรือ จ้าวหลานจือกับเสี้ยวหู่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม (ต้วนเสี่ยวอวี้พยายามฆ่าตัวตายแต่เย่หย่วนอันช่วยไว้ได้ทัน)




ต้วนเสี่ยวอวี้ยืนยันว่าตนไม่ได้ฆ่าชิงทรัพย์หรูเยว่ เธอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้จ้าวหลานจือฟังและยอมมอบตัวแต่โดยดี ครั้นพบว่าคดีนี้มีเงื่อนงำเย่หย่วนอันจึงขอเวลาพิสูจน์ความจริง แต่จ้าวหลานจือช่วยยื้อเวลาได้เพียงสามวัน เขากับเย่หย่วนอันช่วยกันสืบหาความจริงโดยเริ่มจากการไปตรวจสภาพศพ หลังรู้ว่าขณะเสียชีวิตหรูเยว่ถือเครื่องเงินรูปงูไว้ในมือ ทั้งคู่จึงไปสืบหาเบาะแสในตลาดผี (กุ่ยซื่อ) ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนที่ขายของเถื่อน สินค้าแปลกๆ และของจากต่างแดน เย่หย่วนอันเห็นทาสหนุ่มถูกนำมาขายเยี่ยงสัตว์ เธอจึงช่วยซื้อเขาและทายาสมานแผลให้ แต่หลังถอดโซ่ตรวนทาสหนุ่มก็เปิดกรงขังให้ทาสคนอื่นๆ ก่อนหลบหนีไป แก๊งค้าทาสจึงล้อมเย่หย่วนอันเอาไว้ ชายสวมหน้ากากจะปรี่ไปเล่นงานเย่หย่วนอันแต่ถูกจ้าวหลานจือขวางเอาไว้ (จ้าวหลานจือกำลังตามจับชายสวมหน้ากากพอดี แต่ทว่าชายสวมหน้ากากที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้กลับไม่ใช่คนที่เขากำลังตามหา ทั้งนี้เพราะต้นแขนของชายคนดังกล่าวไม่มีรอยสัก) หลังคว้าน้ำเหลวเพราะมัวมีเรื่องกับกลุ่มค้าทาส จ้าวหลานจือจึงเตือนเย่หย่วนอันว่าเธอมีเวลาเพียงสามวัน



ท่านหญิง "หมิงฮุ่ย" แห่งจวนอวี้หวัง นัดพบ "เผยเสียนหยา" ที่วัดแห่งหนึ่งเพื่อสารภาพความในใจและยืนยันว่านอกจากเขาแล้วเธอจะไม่แต่งงานกับชายอื่น (ทั้งคู่หมั้นหมายกันแล้ว) ครั้นเผยเสียนหยาให้คำมั่นว่าจะไม่แต่งงานกับหญิงอื่นและจะไม่นอกใจ หมิงฮุ่ยจึงบอกว่าเธอเชื่อทุกการกระทำและคำพูดของเขา เพราะเขานับถือพุทธองค์และได้ครอบครองลูกปัดจิ่วซิง เผยเสียนหยาตกใจเมื่อได้ยินหมิงฮุยพูดถึงลูกปัดจิ่วซิง เขาไม่ยอมรับว่าตนมีของวิเศษในตำนานไว้ครอบครอง โดยอ้างว่าตนเป็นแค่คนธรรมดาจะโชคดีมีของวิเศษได้อย่างไร หมิงฮุ่ยแย้งว่าหากเขาไม่โชคดีเช่นนั้น พวกตนคงไม่ได้มาพบเจอกัน "เจียงเหริน" เห็นภาพบาดตาบาดใจจึงกำหมัดแน่น

หลังโดนจ้าวหลานจือทรมานด้วยการให้อดข้าวอดน้ำ เสิ่นต้าจึงยอมสารภาพว่าชายสวมหน้ากากที่อยู่บนเรือคือคนที่ลักลอบค้าฝิ่นให้ตน แม้ไม่รู้จักชื่อแต่ตนเคยเห็นหน้าเขามาก่อน หลังตกลงซื้อขายกันแล้วเขาได้เชิญตนไปดื่มสุราที่หอเชียนตวน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลูกค้าขาประจำเพราะสนิทสนมกับพวกผู้หญิงที่นั่น ครั้นเสิ่นต้าบอกว่าไม่เคยเห็นรอยสักที่แขนของชายคนดังกล่าว จ้าวหลานจือจึงเรียกนักวาดภาพมาสเก็ตช์ภาพชายสวมหน้ากากตามคำกล่าวของเสิ่นต้า (ภาพที่ปรากฏคือใบหน้าของหลี่กุ้ย) อีกด้านหนึ่งเย่หย่วนอันนำคดีของหรูเยว่มาปรึกษาชายในห้องใต้ดิน (เธอเรียกเขาว่า "ซูซู") หลังสันนิษฐานว่าหรูเยว่อาจตายเพราะหลอนยา เธอจึงไปหอเชียนตวนเพื่อหาหลักฐาน (โดยปลอมตัวเป็นบุรุษเหมือนเช่นเคย) 



คืนนั้นทาสหนุ่มกับจ้าวหลานจือต่างไปที่หอเชียนตวนเช่นกัน (ทาสหนุ่มแอบตามเย่หย่วนอันมา ส่วนจ้าวหลานจือมาตามจับหลี่กุ้ย)  เย่หย่วนอันลอบเข้าไปในห้องของหรูเยว่และเกือบถูกจับได้ โชคดีที่จ้าวหลานจือมาช่วยไว้ได้ทัน เธอพบว่าแท้จริงแล้วเครื่องเงินรูปงูที่อยู่ในมือหรูเยว่คือฝาครอบกระถางกำยาน (เป็นกระถางกำยานแบบ "เซียงจ้วน" ซึ่งใช้จุดผงเครื่องหอม) เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเครื่องหอมชนิดใดที่ทำให้หรูเยว่ถึงแก่ความตาย หลังถูกจับได้ว่าซ่อนตัวอยู่ในห้องของหรูเยว่ ทาสหนุ่มจึงต่อสู้กับจ้าวหลานจือแล้วหนีไป จ้าวหลานจือกับเย่หย่วนอันรีบไล่ตามไปติดๆ หลังทั้งสามคนออกไปแล้วชายสวมหน้ากากจึงถาม "จางมามา" (แม่เล้า) ว่า เย่หย่วนอันกับจ้าวหลานจือเห็นกระถางกำยานแล้วใช่ไหม จางมามาพยักหน้าพลางกล่าวว่าพวกเขาน่าจะรู้อะไรบางอย่างแล้ว ชายสวมหน้ากากได้ยินดังนั้นก็รู้สึกพึงพอใจ (เป็นไปตามแผน) 



ที่แท้ทาสหนุ่มต้องการพาจ้าวหลานจือกับเย่หย่วนอันไปที่ร้านขายเครื่องหอมซึ่งมีภาพวาดงู (เหมือนฝาครอบกระถางกำยาน) แขวนอยู่ที่หน้าร้าน หลังโดนเค้นถามเจ้าของร้านจึงยอมบอกว่ากระถางกำยานรูปงูเป็นของที่ทางร้านผลิตขึ้นเป็นพิเศษสำหรับจุดผงฝิ่นโดยเฉพาะ  แต่เขาไม่ยอมบอกว่าได้ของมาจากที่ไหน ครั้นเห็นหลี่กุ้ยเดินออกจากร้านจ้าวหลานจือกับเย่หย่วนอันจึงรีบตามไป แต่เจ้าของร้านพาลูกน้องมาขวางไว้เสียก่อน ทั้งสองฝ่ายกำลังจะเปิดฉากต่อสู้กัน แต่แล้วอยู่ๆ ทาสหนุ่มก็กระโดดลงมาจากหลังคาแล้วแบกเย่หย่วนอันหนีไปหน้าตาเฉย จ้าวหลานจือเลยต่อสู้เพียงลำพัง หลังจัดการสมุนของร้านขายเครื่องหอมแล้วจ้าวหลานจือจึงรีบออกตามหาหลี่กุ้ย แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเจียงเหรินช่วยจับหลี่กุ้ยให้แล้ว


เสิ่นต้ายืนยันว่าหลี่กุ้ยคือคนที่ขายฝิ่นให้ตน หลี่กุ้ยอ้างว่าตนเป็นเพียงพ่อค้าไม้ ไม่ได้ค้าฝิ่น แต่พอเห็นชายสวมหน้ากากเทอะไรบางอย่างลงในถ้วยยา (ด้วยสายตาอันพร่ามัว) เขาจึงไม่ยอมกินยาที่เจ้าหน้าที่นำมาป้อนเพราะกลัวถูกฆ่าปิดปาก (โดนวางยาพิษ) และยอมสารภาพอย่างหมดเปลือก เขาเล่าว่ามีการลักลอบค้าฝิ่นอย่างเป็นล่ำเป็นสันในลั่วหยาง พวกตนนำเข้าฝิ่นจำนวนมากจากต่างแดนโดยอ้างว่าเป็นเวชภัณฑ์ทางการทหารเพื่อให้ผ่านด่านได้โดยสะดวก ฝิ่นที่นำเข้ามาเกือบครึ่งจะถูกขายอย่างลับๆ ที่หอเชียนตวนโดยมีตนและจางมามาเป็นผู้ดำเนินการ หอเชียนตวนจึงเป็นทั้งแหล่งค้า แหล่งฟอกเงิน และสถานที่เก็บซ่อนฝิ่น จ้าวหลานจือเดาว่าชายสวมหน้ากากที่ต่อสู้กับตนบนเรือของเสิ่นต้าคือตัวการใหญ่ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง หลี่กุ้ยยอมรับว่าชายคนดังกล่าวอยู่เบื้องหลังตนจริง แต่ตนไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา 

หลี่กุ้ยเล่าว่าความจริงแล้ววันนั้นตนต้องเป็นคนส่งของให้เสิ่นต้า แต่ตนดันปวดท้องเขา (ชายสวมหน้ากากเหล็ก) เลยต้องไปส่งของด้วยตนเอง หลังเสิ่นต้าถูกจับ เขาให้ตนไปกบดานนอกเขตอันหนานแต่ตนดันเจอตัวซวยที่ท่าเรือและเกิดมีปากเสียงกัน ระหว่างนั้นม้าของเจ้านั่นเกิดพยศขึ้นมา ทาสจอมพลังที่ลูกน้องตนนำมาจากอันหนานจึงกระโจนเข้าไปหยุดและช่วยปลอบประโลมม้าทำให้ตัวตนถูกเปิดเผย ชายสวมหน้ากากไม่พอใจมาก เขาคิดว่าทาสคนดังกล่าวเป็นตัวปัญหาจึงสั่งให้ตนฆ่าทิ้งเสีย แต่ตนไม่อยากมีชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายอีกต่อไป ตนคิดว่าทาสนั่นไม่ธรรมดาเลยพาไปตลาดผีหวังว่าจะขายให้ได้ราคาดีๆ แล้วนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่จ้าวหลานจือดันไปโผล่ที่นั่น ตนไปไหนไม่รอดเพราะติดฝิ่น แต่ตนไม่กล้ากลับหอเชียนตวนเพราะถูกหมายหัว เลยต้องไปเอาฝิ่นที่ร้านขายเครื่องหอมแทน หลี่กุ้ยเย้ยจ้าวหลานจือที่คิดเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ทั้งยังบอกเป็นนัยๆ ว่าอาจมีขุนนางใหญ่หรือคนใกล้ชิดราชสำนักอยู่เบื้องหลังขบวนการค้าฝิ่นของพวกตน

** จบตอนที่สอง **

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ

 

อู๋เชี่ยน
รับบท เย่หย่วนอัน
(นักแสดง ชาวจีน)

** ภรรยาของ "จางอวี่เจี้ยน" **


 

เจิ้งเย่เฉิง
รับบท มู่เล่อ / อาอิง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จางอวี่เจี้ยน
รับบท จ้าวหลานจือ
(นักแสดง ชาวจีน)

** สามีของ "อู๋เชี่ยน" **


 

ต่งฉี
รับบท หมิงฮุ่ย
(นักแสดง ชาวจีน)

อื่นๆ
 

หยวนเหวินคัง
รับบท เฉินเทียนซู
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลิวเทียนจั่ว
รับบท เทียนเฉียว
(นักแสดง ชาวจีน)


 

อวี๋หมิงเจีย
รับบท อู่เจ๋อเทียน (บูเช็คเทียน)
(นักแสดง ชาวจีน)



หวังเหรินจวิน
รับบท จักรพรรดิถังเกาจง
(นักแสดง ชาวจีน)



หลิวซวิ่น
รับบท เสี้ยวหู่
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่จื้อหนาน
รับบท เผยเสียนหยา
(นักแสดง ชาวจีน)



หยางอี้
รับบท เจียงเหริน
(นักแสดง ชาวจีน)



โจวอวิ้นหรู
รับบท เจินเจิน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เจิ้งเสี่ยวหนิง
รับบท ซัวหลัวกั๋วหวัง (ราชาอาณาจักรซัวหลัว)
(นักแสดง ชาวจีน)



เถียนลี่
รับบท ทั่วเยว่หวังโฮ่ว (พระมเหสีทั่วเยว่)
(นักแสดง / นักร้อง / ผู้ดำเนินรายการ  ชาวไต้หวัน)



ฉี่เจี๋ย
รับบท อาเหิง
(นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)


 

จวีหลายถี
รับบท หลิงซี
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)



เหลียงเชา
รับบท หลิงซี (ตอนสวมหน้ากาก)
(นักแสดง ชาวจีน)



หลี่ไท่เหยียน
รับบท แม่ทัพโปข่าย
(นักแสดง ชาวจีน)




คลิปตัวอย่างและเพลงประกอบจาก 华策影视官方频道 China Huace TV Official Channel




รวมเบื้องหลังจาก 华策影视官方频道 China Huace TV Official Channel

*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา