กำกับ: หลินเจี้ยนหลง, หลิวเจิ้นหมิง
เขียนบท: จินหยวนหยวน
แนวละคร: โรแมนติก, ย้อนยุค
จำนวนตอน: 48 (+2)
ออกอากาศ: จีน - 25 มิถุนายน 2561 - 15 สิงหาคม 2561 ทางอ้ายฉีอี้
(iQiyi)
ไทย -
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.15 น. ทาง MONO29 ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2564 - 22 กุมภาพันธ์ 2565 (ดูครบทุกตอนทาง
MONOMAX)
เรื่องย่อ
ละคร "หยุนซี หมอพิษหญิงยอดอัจฉริยะ" (Legend of Yun Xi) ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง
"ชายาหมื่นพิษยอดอัจฉริยะ" (天才小毒妃) ของนักประพันธ์หญิง "เจี้ยโม่"
เนื้อหากล่าวถึง "หานอวิ๋นซี" ลูกสาวคนโตบ้านสกุลหาน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการใช้พิษรักษาพิษ กับ "หลงเฟยเย่" (ตำแหน่ง "ฉินหวัง" แห่งแคว้นเทียนหนิง) พระอนุชาของฮ่องเต้แคว้นเทียนหนิง ซึ่งมีอำนาจเหนือคนนับหมื่นและอยู่ใต้คนเพียงเดียว
อวิ๋นซีกับฉินหวังพบกันครั้งแรกโดยบังเอิญ
คืนนั้นอวิ๋นซีแอบมาเก็บหญ้าเสินโยวบนผาสูงชันตามลำพัง
ขณะที่ฉินหวังพาลูกน้องบุกไปชิงตัวเด็กที่ถูกไท่จื่อ
(รัชทายาท) จับมาลองยา (พิษ)
ในเทวสถานบนยอดผา แม้ฉินหวังจะช่วยชีวิตอวิ๋นซีจากการตกหน้าผา
แต่เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใครเลยจ่อปลายกระบี่ไปที่หน้าของเธอ
ทั้งยังเขี่ยผ้าคลุมเพื่อดูรอยพิษบนใบหน้า อวิ๋นซีจึงสาดพิษใส่และทำร้ายเขาเพื่อป้องกันตัว
ซ้ำยังยึดตำราพิษแทนคำขอโทษที่เขาลบหลู่เธอ ฉินหวังตามไล่ล่าอวิ๋นซีอย่างไม่ลดละเพื่อชิงตำราคืน และคิดฆ่าปิดปากโทษฐานที่เธอเห็นใบหน้าเขาขณะทำภารกิจลับ
แต่อวิ๋นซีหนีเข้าไปในหมอกพิษกั้นอาณาเขตของหุบเขาเย่ากุ่ย
ฉินหวังเลยตามเข้าไปไม่ได้
แม้เป็นลูกสาวภรรยาเอกแต่เนื่องจากอวิ๋นซีสูญเสียมารดาตั้งแต่ยังเยาว์
เธอจึงมักถูกภรรยารองของบิดาและลูกสาว
กดขี่ข่มเหงทั้งต่อหน้าและลับหลังบิดาอยู่เสมอ
แต่ทว่าบิดาไม่เพียงไม่ปกป้องเธอ
หากยังชอบดุด่าและลงโทษเธอต่อหน้าคนอื่นเป็นประจำ
คงมีเพียงภรรยาคนที่สามของบิดาและลูกชายที่ดีกับเธอ ถึงกระนั้นอวิ๋นซีก็เป็นคนร่าเริงและมองโลกในแง่ดี
ตลอดสองปีที่ผ่านมาเธอพยายามดั้นด้นหาหญ้าเสินโยวมารักษารอยพิษบนใบหน้า
(เธอคิดค้นสูตรยาขึ้นเอง)
ในที่สุดก็ได้หญ้าเสินโยวมาจากหุบเขาเย่ากุ่ย (หุบเขาภูติโอสถ) แต่บิดาเธอกลับแอบเปลี่ยนตัวยาทำให้การรักษาไม่ได้ผล
(เขาเป็นคนวางยาพิษให้เธอเสียโฉม)
หลังชนะศึกที่ซีชิวและขยายดินแดนได้สำเร็จ ฉินหวังจึงเดินทางกลับเมืองหลวง "ฮ่องเต้เทียนฮุย"
สั่งให้เจ้ากรมพิธีการส่งราชพาหนะ (เกี้ยว) ไปรับฉินหวัง
ทั้งยังอ้างว่าตนป่วยจึงไม่ให้ฉินหวังเข้าเฝ้าในวันนี้
เมื่อฉินหวังไปเข้าเฝ้าไทเฮา
ไทเฮาจึงต้อนรับด้วยชาเฟิงลู่ซึ่งเป็นชาบรรณาการที่ได้มาจากอดีตฮ่องเต้
แต่ฉินหวังกลับดื่มรวดเดียวหมดโดยบอกว่าจะรีบกลับไปหามารดา
ครั้นพบว่าฉินหวังไม่แพ้ชาเฟิงลู่เหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
แถมเขายังเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อหลายปีก่อน
ไทเฮาจึงเริ่มสงสัยในตัวฉินหวัง
(ตอนที่ฉินหวังถือกำเนิดโหรหลวงทำนายว่าชะตาของเขาเป็นอริกับดวงเมือง
อดีตฮ่องเต้จึงพระราชทานตำหนักนอกวังหลวงให้เขาพักอาศัย
ภายหลังไทเฮาส่งคนไปลอบวางเพลิงและลอบสังหารทุกคนในตำหนัก
แต่ฉินหวังกลับรอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นราวปาฏิหาริย์)
เนื่องจากไทเฮาอยู่เบื้องหลังเหตุลอบวางเพลิงเมื่อหลายปีก่อน
เธอเลยต้องตรวจสอบตัวตนของฉินหวังอย่างลับๆ
ครั้นแม่นมหลี่แนะให้ส่งคนไปเป็นสายลับในตำหนักฉินหวัง
ไทเฮาจึงเสนอให้ฮ่องเต้พระราชทานงานอภิเษกให้ฉินหวัง
โดยอ้างว่าเมื่อหลายปีก่อน "เทียนซินฟูเหริน" (มารดาของอวิ๋นซี) เคยช่วยชีวิตตนเอาไว้ ตนจึงพูดเล่นว่าจะหาคู่หมั้นดีๆ ให้ลูกในท้องของเธอ
ในตอนนั้น "อี๋ไท่เฟย" (มารดาฉินหวัง) ก็อยู่ด้วย
ตนจึงบอกว่าหากลูกในท้องของเทียนซินฟูเหรินเป็นสตรี
ตนจะให้แต่งงานกับองค์ชายสี่
(ฉินหวัง) ครั้นรู้ว่าลูกสาวของเทียนซินฟูเหรินคือหานอวิ๋นซี ลูกสาวคนโตของหมอหลวง "หานฉงอัน"
ซึ่งมีรอยแผลบนใบหน้าทำให้หน้าตาอัปลักษณ์ ฮ่องเต้ก็ทำหน้าสะใจ
ที่สำคัญสกุลหานเป็นเพียงหมอจึงไม่มีอำนาจใดๆ ในราชสำนัก
พระองค์เห็นดีด้วยและคิดว่างานอภิเษกสมรสพระราชทานในครั้งนี้ฉินหวังไม่มีทางปฏิเสธได้แน่
ครั้นรู้ว่าหลังหมอกพิษกั้นอาณาเขตคือหุบเขาเย่ากุ่ยที่เต็มไปด้วยสมุนไพรมีพิษ ฉินหวังจึงพาคนบุกไปที่นั่นหมายจับอวิ๋นซี
โดยแสร้งทำเป็นติดต่อขอซื้อสมุนไพรในราคาสูงลิ่ว แต่ "กู้ชีเส่า"
(เจ้าหุบเขา)
ไม่ยอมขายเพราะฉินหวังปกปิดตัวตน
ฉินหวังจึงใช้ไม้แข็งและขู่ว่าจะเผาที่นี่ทิ้งเสีย
ชีเส่ารู้ว่าฉินหวังไม่ใช่คนธรรมดาและเขาแค่ต้องการเข้ามาหาคนจึงไม่หวั่นเกรง
ครั้นเห็นชีเส่าถูกคุกคาม "ไป๋ซู" จึงออกจากเขตหมอกพิษหมายสังหารฉินหวังแต่กลับพ่ายให้ "ฉู่ซีเฟิง"
(รองแม่ทัพและลูกน้องคนสนิทของฉินหวัง)
ครั้นฉินหวังนำยอดสมุนไพรหายาก "ลิ่วซายวนเหว่ย" (ออกเพียงหนึ่งดอกทุก 60 ปี และแก้ได้สารพัดพิษ) มาแลก ชีเส่าจึงยอมให้ฉีหวังและพวกตรวจค้น (เพราะอวิ๋นซีไม่อยู่ที่นี่แล้ว) ครั้นหาไม่พบฉินหวังจึงส่งคนไปคอยจับตาชีเส่า
วันรุ่งขึ้น หัวหน้าขันที "หลี่เฉวียน"
นำราชโองการเรื่องการอภิเษกพระราชทานระหว่างฉินหวังกับอวิ๋นซีไปที่จวนสกุลหาน
(ราชโองการระบุว่างานอภิเษกต้องจัดขึ้นภายในสิ้นเดือน)
และบอกให้อวิ๋นซีไปเข้าเฝ้าไทเฮาทันที
แต่หานฉงอันพยายามถ่วงเวลาโดยขอให้อวิ๋นซีได้อาบน้ำแต่งตัวใหม่ก่อน เขาบอกอวิ๋นซีว่าตนจะหาทางยับยั้งการอภิเษกในครั้งนี้ให้ได้ สตรีหน้าตาอัปลักษณ์เช่นอวิ๋นซีไม่คู่ควรกับฉินหวัง
ขืนดันทุรังมีแต่จะทำให้สกุลหานอับอาย
แต่อวิ๋นซีคิดที่จะไปตายดาบหน้าเพราะไม่อยากเป็นหมาหัวเน่าในบ้านหลังนี้อีกต่อไป
เธอบอกให้บิดาวางใจเพราะเธอจะไม่เอาคืนบิดาที่ทอดทิ้งเธอตั้งแต่เด็ก อี๋ไท่เฟยโกรธมากเมื่อรู้ว่าไทเฮาจับฉินหวังอภิเษกกับสตรีไร้ค่าหน้าตาอัปลักษณ์อย่างอวิ๋นซี
ทั้งๆ ที่ตนเล็งลูกสาวแม่ทัพอย่าง "ไป๋หลี่หมิงเซียง" เอาไว้แล้ว
เธอมิอาจขัดราชโองการจึงคิดหาทางทำให้อวิ๋นซีไม่ได้เข้าพิธีฯ
โดยหมายมั่นว่าหากทำไม่สำเร็จเธอจะเฉดหัวอวิ๋นซีออกจากบ้านภายในหนึ่งปี
หลังได้รับรายงานว่ามีผู้บุกรุกเทวสถาน เป็นชาย 14 และสตรี 1 คน
ผู้ชายใช้กระบี่แคว้นเป่ยลี่ หัวหน้ากลุ่มฝีมือสูงส่ง
เพลงกระบี่รวดเร็วแม่นยำ คาดว่าน่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์เป่ยลี่ ไท่จื่อ
(รัชทายาท) จึงวิ่งหน้าตื่นไปหา
"กั๋วจิ้ว" โดยเล่าว่ามีผู้บุกมาชิงตัวเด็กที่พวกตนจับมาทดลองพิษ ปัญหาคือเด็กคนนั้นยังไม่ตาย
(ก่อนหน้านี้เขาโกหกฮ่องเต้และกั๋วจิ้วว่าเด็กตายแล้ว)
แถมผู้บุกรุกยังขโมยตำราพิษของตนไปด้วย กั๋วจิ้วตำหนิไท่จื่อที่ไม่เพียงแอบนำเด็กมาทดลองพิษ
แต่ยังซ่อนตำราพิษเอาไว้ด้วย
(ความผิดทั้งสองเรื่องนี้ล้วนมีโทษมหันต์)
ไท่จื่อออกตัวว่าตนแค่ไม่อยากเสียตำแหน่งไท่จื่อให้องค์ชายรอง "หลงเทียนชิง"
กั๋วจิ้วชี้ว่าฝ่าบาทมอบเจ้าสำนักพิษให้องค์ชายรองดูแลเพราะเกรงว่าจะมีคนคอยจับจ้อง ไท่จือมีกำลังทหารที่จงรักภักดีคอยหนุนหลัง
หากไม่ทำความผิดร้ายแรงฝ่าบาทไม่มีทางถอดเขาออกจากตำแหน่งแน่
แต่เขากลับหลอกลวงเบื้องสูง หากฝ่าบาทรู้เข้าคงจบไม่สวยแน่
ไท่จื่อขอให้กั๋วจิ้วช่วยตน โดยบอกว่าตนสังหารทุกคนที่รู้เห็นเรื่องนี้แล้ว
กั๋วจิ้วกล่าวว่าสถานที่แห่งนั้นเคยใช้ทดสอบพิษตู๋กู่จึงเป็นเขตต้องห้ามของเชื้อพระวงศ์ หากเกิดอะไรขึ้นพวกเขาย่อมไม่กล้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพวกตนไม่ปริปากฝ่าบาทไม่มีทางรู้เร็วๆ นี้แน่ ถึงกระนั้นพวกตนก็ต้องรีบสืบหาตัวผู้บุกรุกก่อนที่เรื่องนี้จะถูกแพร่งพรายออกไป
ฉินหวัง ซีเฟิง และแม่ทัพไป๋หลี่ สวมชุดเกราะมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่ท้องพระโรง
แต่ทหารยามขอให้ถอดชุดเกราะและปลดอาวุธตามกฏ
ทั้งที่ฮ่องเต้เทียนฮุยเคยอนุญาตให้ฉินหวังสวมชุดเกราะ (พร้อมอาวุธ)
เข้าท้องพระโรงได้ มิหนำซ้ำฉินหวังยังต้องยืนรอจนกว่าจะมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า
ในตอนนั้นฮ่องเต้กำลังว่าราชการอยู่ในท้องพระโรง รองเจ้ากรมคลัง "อันจงกู่"
ได้ยื่นฎีการ้องเรียนฉินหวัง
โดยกล่าวหาว่าการทำศึกกับแคว้นซีชิวสิ้นเปลืองทั้งกำลังคนและงบประมาณ ทำให้ราษฎรอดอยาก เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ทั้งยังเก็บภาษีได้ลดลง
ครั้นรู้ว่าฉินหวังถูกขุนนางใส่ร้าย แถมฮ่องเต้ยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้เข้าเฝ้า
ซีเฟิงก็ทั้งโกรธและผิดหวัง
เพราะก่อนทำศึกฉินหวังยืนกรานว่าควรลงนามในสัญญาสงบศึกเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม แต่เหล่าขุนนางต่างพากันคัดค้าน ในที่สุดฉินหวังเลยต้องทำศึกกับซีชิว
เพื่อชนะศึกครั้งนี้ฉินหวังเกือบพลีชีพในสนามรบ แทนที่จะได้รับความดีความชอบกลับต้องโดนลงอาญาแทน
ฉินหวังแก้เกมด้วยการสั่งให้คนไปทูลฮ่องเต้ว่า ตนจะถอดชุดเกราะ ปลดอาวุธ
แล้วเข้าไปขอรับโทษ
หากฮ่องเต้ยังไม่ยอมให้เข้าเฝ้าตนจะไปสุสานบูรพกษัตริย์แล้วคุกเข่าต่อหน้าอดีตฮ่องเต้
แม่ทัพไป๋หลี่เข้าใจเจตนาของฉินหวังจึงช่วยถอดชุดเกราะ เขารู้ว่าการที่ฮ่องเต้ส่งราชพาหนะ
(เกี้ยว) มารับฉินหวังเป็นเพียงการสร้างภาพ
ส่วนคำสั่งให้ถอดชุดเกราะเป็นการหยามเกียรติและทำให้ฉินหวังลำบากใจ
เมื่อถูกรองเจ้ากรมคลังร้องเรียนฉินหวังจึงถอดชุดเกราะเพื่อขอรับโทษ
เป็นการแสดงให้เห็นว่าฉินหวังน้อมรับพระบัญชา
ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้กันทั่วว่าวีรบุรุษอย่างฉินหวังกำลังจะถูกลงโทษที่ชนะศึกกลับมา
หลังรู้ว่าตนเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
(กลายเป็นฝ่ายเสื่อมเสียเอง)
ฮ่องเต้จึงยอมให้ฉินหวังเข้าเฝ้า
ฉินหวังเปิดโปงความผิดของอันจงกู่ซึ่งเป็นขุนนางฉ้อฉลที่ขูดเลือดขูดเนื้อและรีดนาทาเร้นราษฎรแม้ในยามที่เกิดศึกสงคราม
ทำให้สถานการณ์พลิกร้ายกลายเป็นดี
(แม้จะมีผู้บงการแต่อันจงกู่โดนบีบให้ยอมรับผิดเพียงผู้เดียว
เขาจึงถูกนำตัวไปลงโทษทันที)
เมื่ออวิ๋นซีไปเข้าเฝ้าไทเฮาจึงรู้ว่างานอภิเษกพระราชทานระหว่างเธอกับฉินหวังเป็นเพียงฉากบังหน้า
แท้จริงแล้วไทเฮาต้องการส่งเธอไปสอดแนมฉินหวังโดยนำมารดาเธอมาเป็นเครื่องต่อรอง
ไทเฮาไม่เพียงบอกว่ามารดาเธอยังไม่ตาย
แต่ยังรับปากว่าจะให้เธอพบมารดาหลังทำงานสำเร็จลุล่วง
อวิ๋นซีเดาว่าไทเฮาคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของมารดาจึงไม่วางใจ
ครั้นเห็นว่าอวิ๋นซียังไม่ปักใจเชื่อไทเฮาจึงนำกำไลมามอบให้อวิ๋นซี อวิ๋นซีจำได้ว่าเป็นกำไลของมารดาจึงยอมรับเงื่อนไข ไทเฮาต้องการให้อวิ๋นซีตรวจสอบเรือนร่างของฉินหวังว่ามีสัญลักษณ์ของเผ่าวายุหรือไม่
อวิ๋นซีขอพบมารดาก่อนโดยอ้างว่าอยากให้มารดาช่วยรักษารอยพิษบนใบหน้า แต่ไทเฮาปฏิเสธ
หานฉงอันพยายามยับยั้งการอภิเษกระหว่างฉินหวังกับอวิ๋นซี
โดยบอกว่าฉินหวังเพิ่งรบชนะแคว้นซีชิว (ฉินหวังเป็นคนสังหารเจ้าครองแคว้นซีชิว) แต่กลับมีข่าวลือแพร่สะพัดเกี่ยวกับการอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างซีชิวกับเทียนหนิง เขาไม่ต้องการให้อวิ๋นซีเข้าไปพัวพันกับศึกชิงอำนาจ ทั้งยังเตือนว่าตำหนักฉินหวังอาจไม่ปลอดภัย แต่อวิ๋นซีไม่หวั่นเพราะจวนสกุลหานไม่เคยมีที่สำหรับเธอ เนื่องจากอวิ๋นซีขาดความรักจากบิดาเธอจึงไม่เชื่อว่าบิดาเตือนด้วยความเป็นห่วง
แต่มองว่าเขาเตือนเพราะกลัวสกุลหานจะพลอยเดือดร้อนไปด้วยมากกว่า
ครั้นเตือนแล้วไม่เป็นผลหานฉงอันจึงได้แต่ขอโทษอวิ๋นซีในใจ
เพราะเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้อวิ๋นซีเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งในราชสำนัก
หลังชม "อวี่เจ๋อ" ร่ายรำที่หอว่านเยี่ยน ไท่จื่อได้รับรายงานว่ายังหาเด็กที่ถูกชิงตัวไปไม่เจอ
อวี่เจ๋อจึงแนะให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากชีเส่า
ไท่จื่อนำเลือดของเด็กคนดังกล่าวไปให้ชีเส่า ชีเส่าจึงส่งแมลงพิษออกตามหา
(ตามกลิ่นเลือดเด็ก) แมลงพิษมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆ
ฉินหวังซ่อนเด็กเอาไว้และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ในตอนนั้นเด็กที่ถูกไท่จื่อจับมาทดสอบพิษ (เสี่ยวตู๋กู่เหริน) มีอาการพิษกำเริบจึงทำร้ายคนของฉินหวัง
โชคดีที่ฉินหวังมาช่วยซีเฟิงไว้ได้ทัน
แถมเขายังนำยาระงับพิษเม็ดสุดท้ายมาป้อนให้เด็กโดยไม่สนความเป็นความตายของตน
เขารู้ว่ามีคนพบที่ซ่อนเด็กแล้วจึงสั่งให้ย้ายเด็กไปที่อื่นทันที
ครั้นรู้ว่าผู้ที่ชิงตัวเด็กคือฉินหวัง
ไท่จื่อก็ทั้งตกใจและหวาดกลัว (ชีเส่าเลยพลอยรู้ว่าผู้ที่บุกมาตามหาอวิ๋นซีเมื่อวันก่อนคือฉินหวัง
เขาจึงส่งจดหมายไปให้อวี๋เจ๋อซึ่งเป็นสายของตน) เพื่อปกปิดความผิดของไท่จื่อ (และกลัวว่าฉินหวังจะใช้สำนักพิษเป็นเครื่องมือในการก้าวสู่บัลลังก์เช่นกัน) กั๋วจิ้วจึงวางแผนลอบสังหารฉินหวังในวันอภิเษก
ขณะแต่งตัว อวิ๋นซี
(ซึ่งสวมชุดเจ้าสาว) พบว่ารอยพิษบนใบหน้าชัดเจนและลามหนักขึ้น ซ้ำยังไอเป็นเลือด
เธอจึงคิดว่าตนจะตายในไม่ช้า ครั้นรู้ว่าบิดาเป็นคนปรุงยา อวิ๋นซีจึงเดาว่าบิดาลอบวางยาพิษเธอ (ความจริงแล้วเธอจดสูตรให้ภรรยาคนที่สามของบิดาช่วยปรุงให้) เธอรู้ว่าบิดาไม่ชอบเธอแต่นึกไม่ถึงว่าบิดาจะเกลียดเธอถึงเพียงนี้ "ซานอี๋เหนียง" (ภรรยาคนที่สามของบิดา) แย้งว่าหานฉงอันรักอวิ๋นซีมากจึงไม่มีทางทำร้ายอวิ๋นซีอย่างแน่นอน
เนื่องจากวันนี้อวิ๋นซีต้องเข้าพิธีอภิเษกเธอจึงขอให้ซานอี๋เหนียงช่วยปรุงยาบรรเทาพิษให้เธอชั่วคราว
ในเวลาเดียวกันนั้น
ซีเฟิงมาเตือนฉินหวังให้เปลี่ยนชุดเพราะใกล้ถึงเวลาแล้ว
และบอกว่าตอนนี้เด็ก
(ที่ถูกลองยาพิษ)
อยู่ในความดูแลของไป๋หลี่หมิงเซียง
ครั้นได้ยินเสียงคนวิ่งบนหลังคาฉินหวังจึงไล่ตามไปโดยไม่รู้ว่าเป็นกับดัก สตรีชุดดำลวงฉินหวังให้ตามไปยังจวนผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ (เพื่อจัดฉากใส่ร้ายว่าเขาฆ่าล้างครัวผู้พิพากษา) แล้วหนีไป ฉินหวังไล่ตามสาวชุดดำเข้าไปในป่าและถูกชีเส่า (ซึ่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า) เล่นงานด้วยแมลงพิษ
เนื่องจากฝูงแมลงพิษมีจำนวนมากเกินรับมือไหว
เขาจึงถูกแมลงพิษตัวหนึ่งกัดเข้าที่ลำคอ ทั้งยังถูกชีเส่าเป่าเข็มพิษเข้าที่ลำตัว หลังจากนั้นชีเส่ากับสาวชุดดำก็หนีไป (แท้จริงแล้วสาวชุดดำคือ "อวี่เจ๋อ" ซึ่งแปลงโฉมเป็นอวิ๋นซี)
หานฉงอันนึกไม่ถึงว่าอวิ๋นซีจะอาการดีขึ้นจนสามารถเข้าพิธีอภิเษกได้
เขาพยายามหว่านล้อมให้อวิ๋นซีเปลี่ยนใจมิเช่นนั้นจะเป็นได้เพียงเจ้าสาวขี้โรค
เพราะนอกจากเจ้าสำนักพิษที่หายตัวไปแล้ว มีเพียงตนที่ถอนพิษให้อวิ๋นซีได้
ครั้นได้ยินเองกับหูว่าบิดาเป็นคนวางยาพิษตน
อวิ๋นซีจึงตัดสัมพันธ์พ่อลูกแล้วเดินไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นฉินหวังพยายามลากสังขารที่ถูกพิษกลับตำหนัก แต่ถูกนักฆ่าอีกกลุ่มขวางไว้เสียก่อน
อวิ๋นซีมาถึงตำหนักฉินหวังด้วยใบหน้าที่สดใสไร้รอยพิษ
แม้ถูกกลั่นแกล้งให้มาถึงไม่ทัน
(พลาดฤกษ์มงคล)
แต่อวิ๋นซีใช้ไหวพริบเจรจาจนเข้าตำหนักฉินหวังได้สำเร็จ หลังนั่งรอในห้องหอหลายชั่วยาม ชายคนหนึ่งได้บุกเข้ามาในสภาพเจียนตาย
ครั้นพบว่าเขาถูกพิษร้ายแรงอวิ๋นซีจึงช่วยรักษาโดยไม่รู้ว่าเขาคือฉินหวัง
(แต่เธอจำได้ว่าเขาคือคนที่ตามไล่ล่าเธอ) ฉินหวังยอมกินยาของอวิ๋นซีแต่โดยดี
หลังรักษาเสร็จอวิ๋นซีช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้นแล้วไล่ออกจากตำหนักทันที ฉินหวังแย้งว่านี่เป็นคืนเข้าหอของพวกตน และบอกให้อวิ๋นซีประคองตนไปที่เตียง
(ฉินหวังคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจออวิ๋นซีมาก่อน
แต่เนื่องจากวันนี้อวี่เจ๋อแปลงโฉมเป็นอวิ๋นซี ทั้งยังสวมชุดดำ
ใช้ผ้าคลุมหน้า และสาดพิษใส่เขาเหมือนที่อวิ๋นซีเคยทำ เขาจึงคิดว่าอวี่เจ๋อคือสตรีที่ขโมยตำราพิษไปจากตน)
หลังรู้ว่าเลือดที่ไท่จื่อนำมาเมื่อวันก่อนมีพิษตู๋กู่เจือปนอยู่
ชีเส่าจึงรู้ได้ทันทีว่าไท่จื่อต้องการสร้าง 'ตู๋กู่เหริน' (ผู้ที่ถูกวางยาพิษให้กลายเป็นเครื่องมือสังหาร)
ความจริงแล้วชีเส่าเองก็สงสัยมานานว่าไท่จื่อกับกั๋วจิ้วแอบคุมขังเจ้าสำนักพิษเอาไว้
แต่เขานึกไม่ถึงว่าฉินหวังเองก็ต้องการตัวเจ้าสำนักพิษเช่นกัน
ไป๋ซูตั้งข้อสังเกตว่าการที่ไท่จื่อไม่กล้าทูลฮ่องเต้เรื่องฉินหวังชิงตัวเด็ก
(เสี่ยวตู๋กู่เหริน) ไป
แสดงว่าพวกเขาต้องการปิดบังบางอย่าง ชีเส่าชี้ว่าไท่จื่อ ฉินหวัง
และฮ่องเต้เทียนฮุย ไม่ค่อยลงรอยกัน แค่เติมเชื้อไฟลงไปพวกเขาจะห้ำหั่นกันเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้นชีเส่าจึงออกไปพบไท่จื่อทันที
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือที่มาและจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของฉินหวังกับอวิ๋นซี
แม้ถูกส่งมาเป็นสายลับในตำหนักฉินหวังแต่อวิ๋นซีไม่เคยทรยศเขา
ทั้งยังใช้ความรู้เรื่องพิษคอยช่วยเหลือ คืนความเป็นธรรม และหาทางช่วยยับยั้งพิษในกายฉินหวัง
ฉินหวังรู้ว่าไทเฮาส่งอวิ๋นซีมาสอดแนมตนจึงไม่วางใจและไม่ยอมนอนร่วมห้องกับเธอ
ถึงกระนั้นเขาก็ออกโรงปกป้องเธอทุกครั้งที่ถูกรังแก ครั้นรู้ว่าอวิ๋นซีคือบุตรสาวของผู้มีพระคุณ ฉินหวังจึงเริ่มเปิดใจและดีกับเธอ แท้จริงแล้วฉินหวังคือเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ฉินซีที่ล่มสลาย
เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเขาถูกแคว้นเทียนหนิงจับมาทดลองพิษตู๋กู่และกลายเป็นตู๋กู่เหริน
แม้บิดาแท้ๆ ของอวิ๋นซี
(เจ้าสำนักพิษ) จะเป็นคนวางยาพิษเขา
แต่มารดาของอวิ๋นซีได้สละชีวิตเพื่อช่วยเขาเอาไว้
(เขาสวมรอยเป็นฉินหวังเพื่อรอโอกาสเอาคืนแคว้นเทียนหนิงและฟื้นฟูราชวงศ์ฉินซี)
ขณะที่ความสัมพันธ์ของฉินหวังกับอวิ๋นซีเริ่มดีขึ้น
ไป๋หลี่หมิงเซียงก็เข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่
ส่วนชีเส่าซึ่งเป็นองค์ชายรองแคว้นเป่ยลี่ที่มาปักหลักสอดแนมและสร้างความร้าวฉานให้แคว้นเทียนหนิง พยายามเข้าหาและคอยช่วยเหลืออวิ๋นซีหวังเอาชนะใจ (เขาหลงรักเธอตั้งแต่แรกพบ ขณะเดียวกันก็ต้องการสืบข่าวของฉินหวังจากเธอ) แต่อวิ๋นซีรักมั่นเพียงฉินหวังจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
เนื้อหาตอนที่หนึ่ง
ละครเปิดฉากขึ้นในวันอภิเษกสมรสระหว่าง "ฉินหวัง" แห่งแคว้นเทียนหนิง
(นาม "หลงเฟยเย่") กับ
"หานอวิ๋นซี"
ลูกสาวคนโตของหมอหลวง "หานฉงอัน"... ขณะที่ขบวนเจ้าสาวกำลังมุ่งหน้าไปยังตำหนักฉินหวัง
แม่สื่อบ่นเสียงดังว่าพวกตนมาผิดทางและสั่งให้ขบวนเจ้าสาวเปลี่ยนไปใช้เส้นทางใหม่
(ขบวนรับเจ้าสาววนซ้ำที่เดิมคล้ายจงใจให้ไม่ทันฤกษ์มงคล
ซ้ำยังส่งมาเพียงแม่สื่อแต่ไม่มีคนของตำหนักฉินหวังมารับตัวเจ้าสาว) อวิ๋นซีนั่งฟังด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
เธอรู้ดีว่าตำหนักฉินหวังไม่ต้อนรับและดูแคลนสตรีที่เสียโฉมอย่างเธอ
ถึงกระนั้นเธอก็พร้อมเผชิญทุกสิ่ง แม้ตายก็ไม่เสียใจ
เพราะมีกำไลของมารดาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
อยู่ๆ อวิ๋นซีก็ไอเป็นเลือด
แต่เธอยังคงมองในแง่ดีว่าสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล
หลังเลือดกระเซ็นไปโดนกำไล (วิเศษ) ของมารดาก็มีปฏิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้น
หลังจากนั้นอวิ๋นซีได้เข้าไปอยู่ในแดนพิศวงที่เต็มไปด้วยตำราและข้อมูลสมุนไพร (เป็นโลกอีกมิติที่เพิ่งปรากฏในห้วงความคิดของอวิ๋นซีเป็นครั้งแรก เพียงแค่หลับตาก็สามารถเรียกดูข้อมูลได้)
อวิ๋นซีดีใจเมื่อพบว่าสูตรยาของตนถูกต้อง
เพราะตำราระบุว่าหญ้าเสินโยวรักษารอยพิษที่ทำให้ใบหน้าเสียโฉมได้
เธอคาดว่าที่รอยพิษบนใบหน้ายังไม่จางหายคงเป็นเพราะบิดาแอบสับเปลี่ยนตัวยาของเธอ
นอกจากนี้ อวิ๋นซียังพบตำราของสำนักพิษที่ใช้พิษเป็นยารักษาผู้คน
ทั้งยังได้เรียนรู้วิธีฝังเข็มรักษารอยพิษบนใบหน้าและถอนพิษร้ายในร่างกายเธอ
"ฉู่ซีเฟิง" เห็นว่าฉินหวังยังไม่ยอมเปลี่ยนชุด
(เจ้าบ่าว) จึงเตือนว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว
แต่ฉินหวังยังคงนิ่งเฉย เขาถามซีเฟิงว่า 'เสี่ยวตู๋กู่เหริน*'
อยู่ที่ไหน ซีเฟิงขอให้ฉินหวังวางใจเพราะตนส่งเด็กคนดังกล่าวไปให้
"ไป๋หลี่หมิงเซียง"
ช่วยดูแลแล้ว ครั้นได้ยินเสียงคนวิ่งอยู่บนหลังคา
ฉินหวังเลยไล่ตามไปโดยไม่สนใจงานอภิเษก
* "เสี่ยวตู๋กู่เหริน " คือ "ตู๋กู่เหริน" ที่เป็นเด็ก ส่วน "ตู๋กู่เหริน" คือ คนที่เป็น "กู่พิษ" พวกเขาคือผู้ที่ถูก (วางยา)
พิษของสำนักพิษแล้วยังรอดชีวิต เมื่อพิษแผ่ซ่านพวกเขาจะทุกข์ทรมานและกลายร่าง
ทั้งยังมีพละกำลังที่แข็งแกร่งเหนือคนธรรมดา
ผู้วางยาจึงใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือในการเข่นฆ่าผู้คน ("ตู๋" แปลว่า พิษ ยาพิษ หรือการวางยาพิษ / "กู่" คือ
พิษจากสัตว์พิษชนิดต่าง ๆ ทั้งนี้ตามความเชื่อโบราณในแถบจีนตอนใต้
พวกเขาจะจับสัตว์มีพิษชนิดต่างๆ ใส่ลงในหม้อแล้วขังไว้
จากนั้นก็ปล่อยให้พวกมันกัดกินกันเอง ตัวใดรอดชีวิตจะถูกนำมาใช้ฆ่าคน
(ทั้งทางตรงและผ่านการทำคุณไสย) เพราะถือว่าแข็งแกร่งและมีพิษร้ายแรงสุด
โดยสัตว์พิษที่ถูกนำมาใช้ฆ่าคนนี้เรียกว่า "กู่" /
"เหริน" แปลว่า คน)
เมื่อขบวนเจ้าสาวมาถึงตำหนักฉินหวังกลับไม่มีใครมาต้อนรับ
คงมีเพียงพ่อบ้านวัยชราที่ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ตามลำพัง
แถมเขายังไล่ทุกคนกลับโดยอ้างว่าพ้นฤกษ์มงคลแล้ว
แม่สื่อได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้ส่งตัวเจ้าสาวกลับไป "อี๋ไท่เฟย"
(มารดาฉินหวัง / พระสนมของอดีตฮ่องเต้) ซึ่งยืนดูอยู่ด้านใน เห็นคนแบกเกี้ยวยกเกี้ยวเจ้าสาวขึ้นทั้งที่เพิ่งวางลงหมาดๆ
จึงยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่อวิ๋นซีจะต้องเข้าตำหนักฉินหวังวันนี้ให้ได้ เพราะถ้าเธอโดนส่งตัวกลับก็เท่ากับถูกแห่ประจานไปทั่วทั้งเมือง
เช่นนั้นแล้วทั้งเธอและคนสกุลหานคงถูกผู้คนหัวเราะเยาะและโดนติฉินนินทาไปอีกนาน
เมื่อคนแบกเกี้ยวหันเกี้ยวกลับอวิ๋นซีจึงสั่งให้หยุด เธอกล่าวว่าฝ่าบาทเป็นผู้พระราชทานการอภิเษกระหว่างฉินหวังกับตนด้วยพระองค์เอง
ใครบังอาจส่งตนกลับเท่ากับขัดราชโองการ
อี๋ไท่เฟยเห็นว่าอวิ๋นซียังไม่ทันแต่งเข้าเรือนก็บังอาจนำฮ่องเต้มาอ้างเพื่อบีบคั้นตนแล้ว
เธอเลยชักอยากเห็นหน้าอวิ๋นซี
อวิ๋นซีลงจากเกี้ยวแล้วเดินเข้าตำหนักฉินหวังทันที (ความจริงแล้วเจ้าบ่าวต้องเตะประตูเกี้ยวก่อน เจ้าสาวจึงจะออกจากเกี้ยวได้
โดยเจ้าบ่าวจะเป็นคนพาเจ้าสาวเข้าบ้านตามธรรมเนียม)
แถมเธอยังเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกเพื่อให้อี๋ไท่เฟยเห็นใบหน้าเธอชัดๆ
อี๋ไท่เฟยแทบไม่เชื่อสายตาตนเองเมื่อพบว่าอวิ๋นซีไม่ได้มีหน้าตาอัปลักษณ์ดังคำร่ำลือ
แต่กลับเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงาม
(อวิ๋นซีฝังเข็มรักษารอยพิษและขับพิษตามตำราขณะอยู่บนเกี้ยว)
อวิ๋นซีคารวะอี๋ไท่เฟยในฐานะมารดา
แต่อี๋ไท่เฟยไม่ยอมรับโดยอ้างว่าอวิ๋นซียังไม่ได้เข้าพิธีกับลูกชายตน
แต่อวิ๋นซีไม่สนเพราะเธอเข้าตำหนักมาแล้ว เธอยังคงเรียกอี๋ไท่เฟยว่า "หมู่เฟย"
(คำเรียกมารดาที่เป็นพระสนม) แล้วถามหาฉินหวัง หลังกวาดตามองรอบๆ แล้วไม่เห็นแม้แต่เงา
อี๋ไท่เฟยยืนกรานว่าตนไม่ใช่มารดาของอวิ๋นซี
อวิ๋นซีชี้ว่านี่เป็นงานอภิเษกพระราชทาน แต่ตำหนักฉินหวังกลับไม่ส่งตัวแทนไปรับเจ้าสาว แถมเจ้าบ่าวยังไม่ปรากฏตัว หรือว่าฉินหวังจงใจขัดราชโองการ อี๋ไท่เฟยได้ยินแล้วยิ่งโมโหหนัก
แม้โดนตวาดเสียงดังลั่นแต่อวิ๋นซียังคงยิ้มรับ
เธอชี้ว่าอี๋ไท่เฟยควรรีบให้ตนเข้าห้องหอโดยเร็วเพื่อปกปิดเรื่องที่ฉินหวังไม่อยู่ ฝ่าบาทกับไทเฮาจะได้ไม่รู้เรื่องนี้
เธอยืนยันว่าตนไม่ได้ข่มขู่แต่กำลังปกป้องฉินหวัง อี๋ไท่เฟยไม่มีทางเลือกเพราะฉินหวังหายตัวไปจริงๆ
เธอจึงสั่งให้แม่สื่อพาอวิ๋นซีเข้าห้องหอ
อวิ๋นซีนั่งรอฉินหวังในห้องหอพลางนึกถึงมารดา
เธอเข้ามาอยู่ในตำหนักฉินหวังเพื่อทำภารกิจที่ไทเฮามอบหมาย หากภารกิจสำเร็จลุล่วงเธอจะได้พบมารดาที่พลัดพรากจากกันมานาน วันนี้เธอเข้าตำหนักฉินหวังได้สำเร็จโอกาสที่จะได้พบมารดาจึงใกล้เข้ามาทุกที อวิ๋นซีนั่งรอฉินหวังอยู่บนเตียงจนค่ำแต่ไม่มีใครหน้าไหนโผล่มาสักคน
กลางดึกคืนนั้นเธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเลยเดินออกไปดู
ทันใดนั้นก็มีชายผู้หนึ่งโผเข้าหาเธอ
เขาบาดเจ็บหนักจนแทบยืนไม่อยู่แต่ยังคงบีบคอข่มขู่ไม่ให้เธอส่งเสียงดัง
อวิ๋นซีไม่รู้ว่าชายผู้นี้คือฉินหวัง แต่เธอเคยเจอและเคยสร้างวีรกรรมกับเขามาก่อน
เธอจึงระแวงว่าเขาอาจตามมาฆ่าเธอถึงที่นี่
ถึงกระนั้นเธอก็มองในแง่ดีว่าเขาคงจำเธอไม่ได้เพราะตอนนี้ใบหน้าเธอไม่เสียโฉมแล้ว
แถมตอนที่พบกันคราวก่อนเธอสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า
อวิ๋นซีเตือนว่าเขาอยู่ในตำหนักฉินหวัง และเธอคือ "ฉินหวังเฟย"
(ชายาฉินหวัง) จากนั้นก็ขู่ว่า
ฉินหวังคือผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดรองจากฮ่องเต้ หากเขาฆ่าเธอ
ฉินหวังไม่อยู่เฉยแน่ ฉินหวังทรงตัวไม่อยู่จึงโผเข้าหาอวิ๋นซี
อวิ๋นซีรับน้ำหนักไม่ไหวเลยพยายามผลักเขาออกแต่เขาบอกให้เธออยู่นิ่งๆ
ครั้นพบว่าเขาหัวใจเต้นช้า ลมหายใจหนักหน่วง
อวิ๋นซีก็รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังเจ็บปวดทรมานจากพิษมากกว่าหนึ่งชนิด
ที่ร้ายแรงสุดคือพิษงูซึ่งอยู่ห่างจากหัวใจ 4 ชุ่น
(4 นิ้ว) (ประเมินจากรอยเสื้อที่เป็นรู)
เธอยังรู้ด้วยว่าเขาเพิ่งถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน (หนึ่งชั่วโมงก่อน) อวิ๋นซียังพูดไม่ทันจบเขาก็หมดสติ แม้ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเป็นใคร
แต่อวิ๋นซีไม่อาจปล่อยให้มีคนตายในวันอภิเษก มิเช่นนั้นอี๋ไทเฟยคงหาเรื่องเฉดหัวเธอออกจากตำหนัก
เพื่อมารดาแล้วอวิ๋นซีจำต้องอยู่ที่นี่ให้ตลอดรอดฝั่ง
เธอต้องเข้าหาฉินหวังและหาสัญลักษณ์ที่ไทเฮาพูดถึง
อวิ๋นซีเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดหมายช่วยขับพิษให้
แต่เขาสะดุ้งตื่นและขัดขืนเสียก่อน เธอจึงบอกให้เขาอยู่นิ่งๆ
มิเช่นนั้นพิษจะเข้าสู่หัวใจเร็วขึ้น ครั้นชายหนุ่มไม่ยอมให้ปลดเสื้อผ้า
อวิ๋นซีจึงโวยว่าถ้าไม่ถอดแล้วจะรักษาได้อย่างไร
เขายืนกรานว่าจะถอดเองทั้งที่ไม่มีแรง
แต่อวิ๋นซีมิอาจรอช้าจึงลงมือถอดเสื้อผ้าเขาด้วยตนเอง พลางกล่าวว่าไม่ต้องอาย
ตนเป็นหมอ เวลารักษาไม่แบ่งแยกชายหญิง ที่สำคัญเขาเป็นบุรุษ ตนเป็นสตรี
คนที่เสียหายย่อมเป็นตนไม่ใช่เขา
อวิ๋นซีเทยาลงบนแผลแล้วทำการฝังเข็มให้เขาอย่างคล่องแคล่ว
เธอสงสัยว่าเขาอาจมาที่นี่เพื่อลอบสังหารฉินหวังจึงบอกว่าฉินหวังไม่อยู่
หากรักษาเสร็จให้รีบไปแล้วเธอจะไม่บอกใคร ครั้้นเห็นหน้าอวิ๋นซีชัดๆ
ฉินหวังก็นึกถึงสาวชุดดำที่ตนเคยพบก่อนหน้านี้ และกล่าวว่าพวกตนเคยพบกันมาก่อน
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
อวิ๋นซีเสี่ยงชีวิตปีนผาสูงชันในยามค่ำคืนเพื่อขึ้นไปเก็บหญ้าเสินโยวบนชะง่อนหิน (บนยอดผาดังกล่าวเป็นที่ตั้งเทวสถานซึ่งมีเวรยามแน่นหนา) คืนเดียวกันนั้น
เฉินหวังได้นำกำลังบุกไปยังเทวสถานบนยอดผาและพบทางเข้าห้องลับใต้ดินโดยบังเอิญ
ภายในห้องมีเด็กคนหนึ่งถูกจับมาเป็นหนูลองยา
หลังถูกกรอกยาพิษเด็กชายคนดังกล่าวก็เริ่มกลายร่าง
(เหมือนซอมบี้ผมขาว) และกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ครั้นเห็นเด็กมีพละกำลังเหนือคนธรรมดาทั่วไป
ชายที่กรอกยาพิษให้เด็กก็อดทึ่งในสูตรสร้างตู๋กู่เหรินของเจ้าสำนักพิษไม่ได้
เขาถึงกับกล่าวว่าผู้ใดครอบครองตู๋กู่เหรินย่อมได้ครองใต้หล้า
ทันใดนั้น ฉินหวังและพวกก็บุกเข้ามาในห้องและสังหารทุกคนในชั่วพริบตา
ฉินหวังเห็นเด็กถูกล่ามโซ่และกำลังคลุ้มคลั่งเลยนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งยังเยาว์
ที่แท้ตอนเป็นเด็กเขาเคยถูกเจ้าสำนักพิษ
"ไป๋เยี่ยนชิง" จับมาลองยาเพื่อให้กลายเป็นตู๋กู่เหรินเช่นกัน
(เขาเป็นตู๋กู่เหรินรุ่นแรกซึ่งแข็งแกร่งที่สุด และเป็นคนเดียวที่ยังรอดชีวิต
ทว่าพิษร้ายยังคงอยู่ในตัวเขา) หลังหายจากอาการคลุ้มคลั่งเด็กชายจึงขอร้องฉินหวังให้ฆ่าตนเสีย
เพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอีกต่อไป
ฉินหวังกำดาบแน่นแล้วฟันโซ่ที่ล่ามเด็กทันที หลังจากนั้นเด็กชายก็สิ้นสติ
ซีเฟิงพบตำราเล่มหนึ่งของสำนักพิษจึงนำไปให้ฉินหวังดู
ก่อนรายงานว่าที่นี่เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของรัชทายาท
ฉินหวังรู้สึกแปลกใจที่ในนี้มีตำราเพียงเล่มเดียว
ตอนถูกจับมาทดลองยาพิษเขาเห็นตำราที่เขียน
(อย่างเป็นระเบียบ) โดยเจ้าสำนักพิษ
แต่ตำราที่ซีเฟิงพบต่างจากตำราที่ตนเคยเห็น
เขารู้ว่าฮ่องเต้เทียนฮุยไม่มีทางมอบตำราของสำนักพิษให้คนอื่นเก็บรักษา
จึงคาดว่าตำราเล่มนี้ไท่จื่อ
(รัชทายาท) น่าจะแอบเก็บเอาไว้ หลังลูกน้องค้นจนทั่วแล้วไม่พบเจ้าสำนักพิษ
ฉินหวังจึงสั่งให้ซีเฟิงพาเด็กชายที่ถูกจับมาทดลองยาพิษ
(เสี่ยวตู๋กู่เหริน) กลับไปด้วย
ในที่สุด อวิ๋นซีก็พบหญ้าเสินโยวบนผาสูงชัน
โชคร้ายที่บนยอดผาเกิดการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายของฉินหวังกับกลุ่มชายชุดดำ
ฉินหวังสั่งให้ซีเฟิงพาเด็กหนีไปก่อน
จากนั้นก็เข้าไปต่อสู้กับกลุ่มชายชุดดำเพียงลำพัง
เมื่อซีเฟิงสั่งให้ล่าถอยทุกคนจึงกระโดดลงจากหน้าผา
(ด้วยวิชาตัวเบาอันล้ำเลิศ) อวิ๋นซี
(ซึ่งพยายามเอื้อมจนสุดแขนเพื่อเด็ดหญ้าเสินโยว แต่ยังเอื้อมไม่ถึง)
เห็นดังนั้นเลยรีบเบี่ยงตัวหลบ
เมื่อซีเฟิงและพวกผ่านไปแล้วอวิ๋นซีจึงพยายามเก็บหญ้าเสินโยวอีกครั้ง
แต่ทว่าบนยอดผายังคงมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
กลุ่มชายชุดดำมิอาจปราบฉินหวังได้จึงพร้อมใจกันปาอาวุธลับ
(คล้ายระเบิด)
ใส่เขาจนหินบริเวณดังกล่าวแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
ฉินหวังรีบกระโดดหนีแต่ไม่วายโดนแรงอัดซัดตกจากหน้าผา
อวิ๋นซีเด็ดหญ้าเสินโยวได้สำเร็จแต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเศษหินร่วงลงมา
เธอพยายามเบี่ยงตัวหลบจึงพลัดตกจากผาสูง
โชคดีที่ฉินหวังมาพบเข้าเลยคว้าตัวเธอเอาไว้แล้วพาลงสู่เบื้องล่างอย่างปลอดภัย
เมื่ออวิ๋นซีฟื้นคืนสติในตอนเช้า
ฉินหวังก็ชี้ปลายกระบี่ไปที่เธอแล้วถามว่าเธอเป็นใคร
อวิ๋นซีตอบตามตรงว่าเธอมาหาหญ้าเสินโยวที่ช่วยรักษารอยพิษบนใบหน้า
แต่เนื่องจากตอนกลางวันที่นี่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เธอเลยต้องแอบมาตอนกลางคืน
หลังใช้ปลายกระบี่เขี่ยผ้าคลุมหน้าออกแล้วเห็นรอยพิษ ฉินหวังจึงเริ่มเชื่อเธอ
อวิ๋นซีสบโอกาสสาดพิษใส่ฉินหวังแล้วใช้กิ่งไม้ฟาดเขาไม่ยั้ง
ฉินหวังพยายามตั้งรับแต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวย
เขาถูกอวิ๋นซีใช้ไม้ฟาดหน้าจนผ้าคลุมหลุดออก ครั้นฉินหวังเริ่มขยับตัวไม่ได้
อวิ๋นซีจึงบอกว่าพิษชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายและจะหายเป็นปกติภายในครึ่งชั่วยาม
(หนึ่งชั่วโมง)
เธอแค่ป้องกันตัวเพราะเกรงว่าเขาอาจเป็นคนร้าย
ครั้นเห็นตำราที่ซ่อนอยู่ในตัวฉินหวัง
อวิ๋นซีจึงหยิบออกมาดูและพบว่าสมุนไพรพิษทั้งหมดที่ถูกบันทึกในตำราเล่มนี้เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
เธอจึงยึดตำราแล้วหนีไป
เมื่อซีเฟิงตามมาสมทบฉินหวังจึงสั่งให้เขาไปหา "แม่ทัพไป๋หลี่"
แล้วหาสถานที่ปลอดภัยให้เด็ก (เสี่ยวตู๋กู่เหริน) หลบซ่อนตัว ส่วนเขาจะตามไปในไม่ช้า
หลังหายเป็นปกติฉินหวังจึงตามไล่ล่าอวิ๋นซีเพื่อทวงตำราและฆ่าปิดปาก
(เธอเห็นหน้าเขา)
อวิ๋นซีเห็นท่าไม่ดีเลยวิ่งหนีเข้าไปในหมอกพิษกั้นอาณาเขตแล้วรีบกินยาถอนพิษที่พกติดตัวมาด้วย ฉินหวังไม่อาจฝ่าหมอกพิษตามเข้าไปได้
เลยได้แต่รอทางด้านนอกแล้วมองดูอวิ๋นซีวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา
หลังเข้าไปในหมอกพิษกั้นอาณาเขตแล้วอวิ๋นซีได้พบ
"กู้ชีเส่า"
ซึ่งเป็นเจ้าหุบเขาเย่ากุ่ย (หุบเขาภูติโอสถ) เขาจับตาดูเธอตั้งแต่ต้นเลยสงสัยว่าตอนฝ่าหมอกพิษอวิ๋นซีกินยาอะไร
ครั้นอวิ๋นซีไม่ยอมบอกเขาเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดมกลิ่นยา
อวิ๋นซียอมรับว่าเธอปรุงยาดังกล่าวด้วยตนเองและถามว่าเขามาตามจับเธอด้วยหรือ
พอรู้ว่าชีเส่าไม่ได้เป็นพวกเดียวกับฉินหวัง
อวิ๋นซีจึงขอให้เขาช่วยโดยเยินยอเขายกใหญ่
เธอกล่าวว่าตนหลงทางและไม่อาจย้อนกลับไปทางเดิมได้จึงขอให้เขาช่วยชี้แนะ
หลังชีเส่าช่วยบอกทางอวิ๋นซีจึงกล่าวขอบคุณแล้วจากไปทันที
ฉินหวังยังคงดักรออวิ๋นซีอยู่ทางด้านนอกแต่สุดท้ายก็ยอมถอดใจ
เมื่อฉินหวังกลับไปแล้วชีเส่าจึงออกจากที่ซ่อน
อวิ๋นซีเข้าไปในถ้ำของหุบเขาเย่ากุ่ย
เมื่อชีเส่ากลับมาที่หุบเขาแล้วได้ยินเสียงกระดิ่งเขาจึงยิ้มอย่างพึงพอใจ "ไป๋ซู"
กับ "จูอวี๋" รู้ได้ทันทีว่ามีผู้บุกรุกจึงคิดที่จะออกไปดู
แต่ชีเส่ารู้ว่าคนที่เข้ามาในหุบเขาคืออวิ๋นซีเลยอาสาออกไปดูเอง จูอวี๋รู้สึกแปลกใจที่คราวนี้ชีเส่าไม่โกรธและไม่ส่งเธอกับไป๋ซูไปสังหารบุกรุกเหมือนทุกครั้ง
ซ้ำยังทำหน้าระรื่นอีกต่างหาก ครั้นเห็นอวิ๋นซีนั่งอยู่ในถ้ำชีเส่าจึงแกล้งเคาะผนัง อวิ๋นซีเห็นกระต่ายน้อยได้รับบาดเจ็บเลยอุ้มมารักษา
พลางบ่นว่าเธอถูกคนตามรังควาญไม่เลิก เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เขาไปหรือยัง
แม้เขาจะฝ่าหมอกพิษเข้ามาไม่ได้ แต่เธอเชื่อว่าเขาคงไม่เลิกตามราวีเธอง่ายๆ แน่
เธอเลยตั้งใจว่าหลบอยู่ในนี้สักพัก หลังรักษาเสร็จกระต่ายน้อยก็กระโดดหนี
อวิ๋นซีตามไปอุ้มกระต่ายน้อยและทำผ้าคลุมหน้าหลุด
ชีเส่าเห็นใบหน้าของอวิ๋นซีก็ถึงกับตกตะลึง
อวิ๋นซีตัดพ้อกับกระต่ายว่า
เธอแค่ต้องการเก็บสมุนไพรมารักษารอยพิษบนใบหน้าแต่ดันถูกคนตามล่า
แม้แต่บิดายังเมินเธอ ปล่อยให้เธอถูกสองแม่ลูก "สวีฟูเหริน" กับ
"หานรั่วเสวีย" ข่มเหงรังแก
เธอไม่เชื่อว่ามารดาตายแล้วและอยากให้มารดามาอยู่กับเธอ ครั้นได้ยินอวิ๋นซีตั้งชื่อให้กระต่ายน้อยว่า "ไป๋เอ๋อร์"
(หูขาว)
ชีเส่าก็นึกถึงกระต่ายน้อยที่ตนเคยเลี้ยงเมื่อครั้งยังเด็ก
ตอนนั้นเขาเองก็ตั้งชื่อกระต่ายของตนว่า "ไป๋เอ๋อร์" เช่นกัน
(ชีเส่าเป็นองค์ชายรองแคว้นเป่ยลี่
แต่ไม่เป็นที่ยอมรับเพราะมารดาเป็นเพียงสาวใช้)
ชีเส่าเดินไปหาอวิ๋นซีพลางกล่าวชมว่าเธอเป็นคนดีมีเมตตา
อวิ๋นซีเห็นชีเส่าปรากฏตัวที่นี่จึงรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นเจ้าหุบเขา
เธอกล่าวขอบคุณชีเส่าที่ให้ความช่วยเหลือและถามว่า 'ชายผู้นั้น' (ฉีหวัง)
ยังอยู่หรือไม่
ชีเส่ากล่าวว่าตอนกลับมาที่นี่ตนเห็นเขาอยู่ทางด้านนอก
และหยอกว่าอวิ๋นซีคงต้องหลบอยู่ในนี้ตลอดกาล เมื่ออวิ๋นซีขออยู่ที่นี่นานอีกหน่อย
ชีเส่าจึงถามว่าเหตุใดชายผู้นั้นถึงต้องการเอาชีวิตเธอ
อวิ๋นซีพรรณนาให้ชีเส่าฟังประหนึ่งเป็นนักเล่านิทาน
แต่ชีเส่าแทบไม่ได้ฟังเพราะมัวครุ่นคิดเรื่องฉินหวัง
เขาเห็นฉินหวังถือดาบของเป่ยลี่ ซ้ำยังแลดูสูงส่ง
จึงคิดว่าฉินหวังต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
แต่ทว่าเขาไม่เคยเห็นฉินหวังที่แคว้นเป่ยลี่เลยสงสัยว่าฉินหวังอาจเป็นคนแคว้นเทียนหนิง
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงเขาก็รู้สึกละอายที่ยังหยั่งรากในเทียนหนิงไม่ลึกพอ
อวิ๋นซียืนยันว่าทั้งหมดที่เธอเล่าเป็นเรื่องจริง
ชีเส่ากล่าวว่าตนไม่สนเรื่องจริงเท็จแต่ดูคนที่ความสามารถ
เขาเห็นว่าอวิ๋นซีเก่งทั้งเรื่องปรุงยา (พิษ) และถอนพิษเลยคิดที่จะส่งเสริมเธอ
ชีเส่าพาอวิ๋นซีไปดูทุ่งสมุนไพรอันกว้างใหญ่ไพศาลในหุบเขาเย่ากุ่ย
เขาต้องการทดสอบอวิ๋นซีเลยท้าให้เธอหาสมุนไพรสามชนิดภายในเวลา 2 ชั่วยาม
(4 ชั่วโมง) โดยบอกว่าหากหาเจอตนจะเชื่อและจะช่วยเหลืออวิ๋นซีด้วย
อวิ๋นซีได้ยินดังนั้นจึงจับเขาเกี่ยวก้อยสัญญา
เมื่อชีเส่าบอกชื่อสมุนไพร... ตานไป๋อีหมี่, กุ๋ยต่าเฉียง
และหญ้าเสินโยว
อวิ๋นซีก็แอบดีใจเพราะเธอตามหาหญ้าเสินโยวมานานสองปีเลยรู้จักสมุนไพรชนิดนี้เป็นอย่างดี
แต่ทว่าเธอไม่รู้จักสมุนไพรอีกสองชนิด
ชีเส่าเห็นอวิ๋นซีทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเลยบอกว่าถ้าอยากถอดใจก็ไม่เป็นไร
แต่เธอต้องมาอยู่และทำงานที่หุบเขาเย่ากุ่ยในฐานะสาวใช้ของตน
อวิ๋นซีขอเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป
(30 นาที) เธอพบว่าที่นี่มีสุดยอดสมุนไพรทุกชนิดที่เธอเคยเห็นแต่ในตำรา
แต่ชีเส่าชอบสมุนไพรมีพิษมากกว่าสมุนไพรที่ใช้เป็นยาเช่นเดียวกับเธอ
ชีเส่ากล่าวว่าหากเธอชอบที่นี่ก็มาเป็นสาวใช้ของตนได้ อวิ๋นซีปฏิเสธทันควัน
เธอดูออกว่าชีเส่าอยากให้เธอเจอสมุนไพร
ทั้งนี้เพราะเขาคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิษ
เมื่อเห็นรอยพิษบนใบหน้าและรู้ว่าเธอกำลังหาสมุนไพร
เขาย่อมรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังตามหาหญ้าเสินโยว
เพราะหญ้าเสินโยวแม้จะมีพิษร้ายแต่ถ้านำมาสกัดจะกลายเป็นยาขนานเอกที่ช่วยรักษารอยพิษได้ ชีเส่ายอมรับและชี้ว่าสมุนไพรอีกสองชนิดคือบททดสอบความรู้ของเธอ
แม้ไม่เคยเห็นสมุนไพรทั้งสองชนิดแต่อวิ๋นซีเป็นคนช่างสังเกต รอบรู้
และมีไหวพริบจึงสามารถหาพบในเวลาอันสั้น
หลังภารกิจลุล่วงอวิ๋นซีจึงขอหญ้าเสินโยวเป็นรางวัล
ครั้นรู้ว่าฉินหวังกลับไปแล้วอวิ๋นซีเลยขอตัวกลับจวน โดยฝากไป๋เอ๋อร์
(กระต่าย) ไว้กับชีเส่า จูอวี๋ไม่ไว้ใจอวิ๋นซีเลยถามชีเส่าว่าจะให้ตนตามไปฆ่าปิดปากไหม
ชีเส่าสั่งให้จูอวี๋คอยดูแลไป๋เอ๋อร์
และบอกว่าหากอวิ๋นซีอยากมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ปล่อยให้เธอเข้ามา
ไป๋ซูเกรงว่าพวกตนจะรับมือไม่ไหวหากถูกเปิดโปงในแคว้นเทียนหนิง ทั้งยังเตือนว่าอวิ๋นซีจะพลอยเดือดร้อนไปด้วยหากข้องแวะกับพวกตน แต่ชีเส่า (ซึ่งยังคงมองตามอวิ๋นซีจนลับตา) กล่าวเพียงว่า "ข้ารู้"
อวิ๋นซีแอบย่องเข้าจวนทางประตูหลัง "หานอวิ๋นอี้"
(น้องชาย) ซึ่งมารอเปิดประตูให้เธอตั้งแต่เมื่อคืนรีบพาพี่สาวกลับห้องก่อนมีคนมาพบ แต่ทั้งคู่ดันวิ่งมาเจอบิดา ตลอดจน สวีฟูเหริน (ภรรยาคนที่สองของบิดา), "ซานอี๋เหนียง"
(ภรรยาคนที่สาม / มารดา "อวิ๋นอี้") และหานรั่วเสวีย (ลูกสาวสวีฟูเหริน) เข้าพอดี
** จบตอนที่หนึ่ง **
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้
ที่นี่
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
จวีจิ้งอี
รับบท หานอวิ๋นซี
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
จางเจ๋อฮั่น
รับบท หลงเฟยเย่ (ฉินหวัง)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
จวนฉินหวัง
หวังโย่วซั่ว
รับบท ถังหลี
(นักแสดง ชาวจีน)
หลินซืออี้
รับบท โอวหยางหนิงจิ้ง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
เส้าเสวี่ยชง
รับบท ไป๋หลี่หมิงเซียง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
ถานหลีหมิ่น
รับบท อี๋ไท่เฟย
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท ฉู่ซีเฟิง
(นักแสดง / นายแบบ / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)
จวนสกุลหาน
หลูซิงอวี่
รับบท หานฉงอัน
(นักแสดง ชาวจีน)
ถงถง
รับบท สวีฟูเหริน
(นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)
ซ่างกวนถง
รับบท ซานอี๋เหนียง
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท หานรั่วเสวีย
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
จินเซียงต้ง
รับบท หานอวิ๋นอี้
(นักแสดง ชาวจีน)
หุบเขาเย่ากุ่ย (หุบเขาภูติโอสถ)
หมี่เร่อ
รับบท กู้ชีเส่า (จวินอี้เสีย)
(นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)
รับบท ไป๋ซู
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
หลี่ซูถิง
รับบท จูอวี๋
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท อวี่เจ๋อ
(นักแสดง ชาวจีน)
ราชวงศ์เทียนหนิง
รับบท เทียนฮุยตี้ (หลงอ้าวเทียน)
(นักแสดง / นักร้อง / นายแบบ ชาวจีน)
รับบท ฉู่ชิงเกอ
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
รับบท กู้เป่ยเยว่
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท ไท่โฮ่ว (ไทเฮา)
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท กั๋วจิ้ว
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท หลงเทียนโม่
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท หลงเทียนชิง
(นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)
รับบท องค์หญิงฉางปิง
(นักแสดง ชาวจีน)
อื่นๆ
รับบท ไป๋เยี่ยนชิง
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)
รับบท เทียนซินฟูเหริน
(นักแสดง ชาวจีน)
หูเหวินเจ๋อ
รับบท จวินอี้เจิ้ง
(นักแสดง ชาวจีน)
(นักแสดง ชาวจีน)
* ดูรวมคลิปตัวอย่างจาก MONOMAX ได้
ที่นี่
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้
และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์
luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ
และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา