วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

เรื่องย่อ ลิขิตรักสองราชันย์ (Grand Prince)




กำกับ: คิม จองมิน
เขียนบท: โช ฮยอนคยอง
แนวละคร: อิงประวัติศาสตร์, โรแมนติก, เมโลดราม่า 
จำนวนตอน: 20
ออกอากาศ: เกาหลี - 3 มีนาคม 2561 - 6 พฤษภาคม 2561 ทางทีวีโชซอน
                       ไทย - ทุกวัน เวลาประมาณ 03.25 น. ทางช่อง 3 เอชดี  (หมายเลข 33) ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2565 - 26 มกราคม 2565 (ดูครบทุกตอนได้ทาง Ch3Plus.com)





เรื่องย่อ



ละคร "ลิขิตรักสองราชันย์" (Grand Prince) ดัดแปลงจากชีวิตจริงของสององค์ชายแห่งราชวงศ์โชซอน "ซูยางแทกุน" (พระเจ้าเซโจ พระราชาองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์โชซอน พระโอรสองค์รองของพระเจ้าเซจงมหาราชกับพระมเหสีโซฮอน)  และ "อันพยองแทกุน" (พระโอรสองค์ที่สามของพระเจ้าเซจงมหาราชกับพระมเหสีโซฮอน ผู้มีความสามารถเป็นเลิศด้านการเขียนพู่กัน บทกวี และการวาดภาพ) 

* "แทกุน" เป็นยศและตำแหน่งขององค์ชายในยุคโครยอและโชซอน ทว่าในยุคโชซอนมีเพียงองค์ชายที่เกิดจากพระราชาและพระมเหสีเท่านั้นที่ถูกเรียกขานว่า "แทกุน" ส่วนองค์ชายที่เกิดจากพระสนมจะมีตำแหน่งเป็น "กุน" 

เนื้อหาในละครกล่าวถึง "จินยางแทกุน" (องค์ชายจินยาง นาม "ลีคัง" พระโอรสองค์รอง)  กับ "อึนซองแทกุน" (องค์ชายอึนซอง นาม "ลีฮวี" พระโอรสองค์ที่สาม)  ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา เนื่องจากพระเชษฐาของทั้งคู่เป็นองค์ชายรัชทายาทที่ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก องค์ชายจินยาง (ซึ่งเป็นผู้สืบสันตติวงศ์ลำดับที่สอง) เลยถูกส่งไปอยู่ตำหนักนอกวังตามลำพังตั้งแต่แรกเกิด เพื่อจะได้ไม่เป็นภัยต่อการสืบทอดราชบัลลังก์ของรัชทายาท ถึงกระนั้นเขาก็มี "ยางอันแทกุน" (องค์ชายยางอัน) ผู้เป็นลุงคอย (เสี้ยม) สอน ขัดเกลา และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาได้เป็นพระราชา

ส่วนองค์ชายอึนซองเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม จิตใจดี มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าเป็นอัจฉริยะด้านการวาดภาพและบทกวี เขาเกิดและเติบโตในวังหลวง ไม่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง ไม่เคยคิดแย่งชิงอำนาจหรือราชบัลลังก์ เพียงหวังได้แต่งงานกับสตรีที่ตนรัก หลังได้พบ "ซอง จาฮยอน" ซึ่งเป็นสตรีที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในโชซอน ทั้งยังชอบวาดภาพเหมือนกัน เขาจึงตกหลุมรักเธอ ขณะที่เธอเองก็มีใจให้เขาเช่นกัน  (จาฮยอนเป็นบุตรีของ "ซอง-อกขุนนางขั้นสองตำแหน่ง "แทเจฮัก" (หัวหน้าเหล่าบัณฑิต) ดูแลงานด้านการศึกษา วิชาการ การสอบขุนนาง ฯลฯ) 

หลังรู้ว่าพระสนมที่อยู่นอกวังให้กำเนิดพระโอรส องค์ชายจินยางก็รู้สึกเจ็บใจ (ที่ผ่านมาลุงของเขาวางยาพระมเหสีและเหล่าพระสนมที่กำลังตั้งครรภ์ เพื่อไม่ให้พระราชามีทายาท)   องค์ชายจินยางอยากให้ซอง-อกหันมาสนับสนุนตน (ช่วยให้ตนได้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์) หลังหว่านล้อมแล้วไม่เป็นผลเขาจึงเข้าหาจาฮยอน แต่แล้วเขากลับหลงรักและอยากให้เธอมาเป็นผู้หญิงของตน ทั้งที่เขากำลังจะอภิเษกกับเพื่อนของจาฮยอน แต่จาฮยอนปฏิเสธเขาอย่างไม่ไยดี ครั้นรู้ว่าองค์ชายอึนซองกับจาฮยอนรักกัน องค์ชายจินยางจึงรู้สึกเคียดแค้นและคิดแย่งชิงเธอมาเป็นของตน (อดีตฮ่องเต้เป็นคนพระราชทานงานอภิเษกให้องค์ชายจินยาง โดยจงใจเลือกเจ้าสาวจากสกุลที่ไร้อำนาจให้เขา) 




องค์ชายอึนซองอยากแต่งงานกับจาฮยอนจึงไปขออนุญาต "พระพันปีชิม" (พระมารดา) แต่ชายแดนตอนเหนือถูกชนเผ่ายอจิน (หนี่ว์เจิน) รุกรานเสียก่อน (ความจริงแล้วเป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายองค์ชายจินยาง) มิหนำซ้ำพระราชายังหมดสติหลังรู้ข่าว เหล่าขุนนางที่สนับสนุนองค์ชายจินยางจึงเสนอชื่อเขาเป็นรัชทายาท ขณะที่เหล่าบัณฑิตและราษฎร (นำโดยคนขององค์ชายจินยาง) ต่างมารวมตัวเรียกร้องให้แต่งตั้งรัชทายาทเช่นกัน เนื่องจากโอรสของพระราชายังอยู่ในวัยแบเบาะ พระพันปีจึงคิดแต่งตั้งองค์ชายอึนซองเป็นรัชทายาทชั่วคราว (จนกว่าพระโอรสจะเติบใหญ่) ครั้นองค์ชายอึนซองปฏิเสธ พระพันปีจึงเรียกจาฮยอนมาพบและใช้เธอเป็นเครื่องต่อรอง

องค์ชายจินยางทั้งโกรธและผิดหวังเมื่อรู้ว่าพระพันปีจะแต่งตั้งพระอนุชาเป็นรัชทายาท องค์ชายยางอันคิดกำจัดองค์ชายอึนซองจึงอาสานำทัพไปปราบชนเผ่ายอจินที่รุกรานดินแดนตอนเหนือ โดยขอให้องค์ชายอึนซอง และ "คิมควาน" บุตรชายของขุนพล "คิมชู" (บิดาพระสนม "ฮโยพิน" ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามองค์ชายจินยาง) ไปกับตนด้วย ก่อนเดินทางองค์ชายอึนซองกับจาฮยอนได้สาบานต่อหน้ารูปปั้นพุทธองค์ว่าจะเป็นสามีภรรยาและจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป องค์ชายอึนซองสัญญาว่าจะกลับมาหาจาฮยอน ส่วนจาฮยอนรับปากว่าจะรอเขากลับมา 

หลังองค์ชายยางอันปล่อยให้ชนเผ่ายอจินรุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ โดยไม่ลงมือทำอะไร องค์ชายอึนซองเลยเสนอให้ใช้วิธีเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการสู้รบ เพราะไม่อยากให้ราษฎรเดือดร้อนและไม่อยากเห็นผู้คนล้มตาย องค์ชายยางอันเลยบอกให้องค์ชายอึนซองไปเจรจาด้วยตนเอง เมื่อองค์ชายอึนซอง กีทึก และคิมควาน (รองแม่ทัพ) ไปเจรจาสงบศึกกับหัวหน้าเผ่า องค์ชายยางอันจึงสั่งเคลื่อนทัพทันที (แต่ชนเผ่ายอจินอพยพคนในหมู่บ้านออกไปหมดแล้ว ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ตกลงกันไว้) นั่นจึงทำให้องค์ชายอึนซองตกอยู่ในอันตราย นับว่ายังดีที่มีเด็กสาวเผ่ายอจินนาม "ลูชีแก" คอยช่วยเหลือและนำทางหลบหนี  (มารดาเธอเป็นชาวโชซอน) แต่สุดท้ายทั้งสามคนก็ถูกจับเป็นเชลย (ถึงกระนั้นลูชีแกก็แอบส่งเสบียงให้ทุกคน) 

หนึ่งเดือนต่อมา องค์ชายยางอันนำทัพกลับเมืองหลวงพร้อมประกาศชัยชนะ (ทั้งที่ไม่ได้สู้รบ) ซ้ำยังนำหลักฐานเท็จมาหลอกทุกคนว่าองค์ชายอึนซองตายแล้ว (เขาไม่สนว่าองค์ชายอึนซองจะเป็นหรือตาย เพราะเชื่อว่าองค์ชายจินยางจะได้ครองบัลลังก์ในไม่ช้า ต่อให้องค์ชายอึนซองรอดกลับมาก็ช้าเกินการ)  แม้ทุกคนจะบอกว่าองค์ชายอึนซองตายแล้วแต่จาฮยอนไม่เชื่อเพราะไม่มีใครพบศพ เธอยังคงรักมั่นและเฝ้ารอเขากลับมาจึงไม่ยอมสวมชุดไว้ทุกข์ ที่ผ่านมาองค์ชายจินยางพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจจาฮยอนแต่ไม่เป็นผล เขาอยากให้เธอตัดใจจากองค์ชายอึนซองเลยนำเสื้อเปื้อนเลือดมายืนยัน (เสื้อตัวดังกล่าวเธอเย็บเองกับมือ) ก่อนโผเข้ากอดหมายปลอบประโลมเธอ (ตอนนั้นจาฮยอนกำลังช็อค) เมื่อ "ยูน นา-คยอม" (ชายาองค์ชายจินยางและเพื่อนของจาฮยอน) มาพบเข้าจึงตำหนิจาฮยอน และคิดผลักไสเธอให้แต่งงานกับชายอื่น 




คิมควาน (ซึ่งพูดภาษาของชนเผ่ายอจินได้) เกรงว่าองค์ชายอึนซองจะมีภัยเลยอ้างตนเป็นองค์ชายแทน องค์ชายอึนซองกับกีทึกเลยต้องทำงานเยี่ยงทาสเช่นเดียวกับเชลยชาวโชซอนคนอื่นๆ แต่นั่นก็ทำให้คิมควานล่วงรู้ว่าองค์ชายจินยางลอบติดต่อกับชนเผ่ายอจินอย่างลับๆ โดยเสนอว่าจะแบ่งดินแดนให้ส่วนหนึ่งหลังตนได้ขึ้นครองบัลลังก์ แลกกับการสร้างสถานการณ์ที่ชายแดนตอนเหนือ ครั้นรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนการและกับดักของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงและพี่ชาย องค์ชายอึนซองก็รู้สึกเจ็บปวดใจ

หลังกำจัดเสี้ยนหนาม (องค์ชายอึนซอง) ให้พ้นทางแล้ว องค์ชายจินยางจึงไปทวงตำแหน่งรัชทายาทจากพระพันปี แต่พระพันปียืนกรานปฏิเสธโดยบอกว่าตอนนี้สถานการณ์ในแดนเหนือสงบลงแล้ว แถมพระราชายังอาการดีขึ้น ส่วนองค์ชายน้อย "ซึงพยองกุน" (องค์ชายซึงพยอง) ก็โตวันโตคืน จึงไม่จำเป็นต้องแต่งตั้ง 'แทกุน' เป็นรัชทายาทอีกต่อไป (ตอนนี้ผู้เป็น 'แทกุน' ที่มีสิทธิสืบทอดราชบัลลังก์มีเพียงองค์ชายจินยาง เพราะองค์ชายอึนซองหายตัวไป)  เธอยังดับฝันองค์ชายจินยางด้วยการบอกว่า เสนาซ้ายและเหล่าขุนนางผู้จงรักภักดีจะช่วยพระราชา (ซึ่งกำลังประชวร) ว่าราชกิจ และถ้าองค์ชายน้อยขึ้นครองบัลลังก์ตั้งแต่ยังเล็กเธอจะเป็นผู้สำเร็จราชการแทน 

คิมควานยอมเป็นตัวประกันเพื่อให้องค์ชายอึนซองกลับโชซอนได้อย่างปลอดภัย แต่แผนการกลับล้มเหลวหลังตัวตนขององค์ชายอึนซองถูกเปิดเผย คิมควานเห็นองค์ชายอึนซองถูกธนูยิงขณะพยายามหลบหนีจึงยอมพลีชีพ (เอาตัวบังลูกธนู) เพื่อรักษาชีวิตองค์ชายอึนซองเอาไว้ (เขารับปากบิดาว่าจะปกป้ององค์ชายอึนซองด้วยชีวิต เพราะองค์ชายอึนซองเป็นคนเดียวที่จะปกป้ององค์ชายน้อยได้)  

สามปีต่อมา พระราชาประชวรหนัก พระพันปีจึงสั่งให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ จาฮยอนเฝ้าสวดมนต์อธิษฐานให้องค์ชายอึนซองมาตลอดสามปี ทั้งยังยืนกรานมาโดยตลอดว่านอกจากองค์ชายอึนซองแล้วเธอจะไม่แต่งงานกับชายอื่น ครั้นเดินทางรอนแรมมาถึงเมืองหลวง องค์ชายอึนซองหยุดมองบ้านของจาฮยอนครู่หนึ่งแล้วมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันที หลังมีคนลอบส่งข่าวว่าพระราชาประชวรหนัก องค์ชายจินยางจึงคิดที่จะไปเข้าเฝ้าพร้อมเหล่าขุนนางใหญ่ฝ่ายตน (หวังเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์) แต่จาฮยอนมาขอพบเสียก่อน เธอรู้ว่าเขากับนา-คยอมรวมหัวกันผลักไสเธอให้ชายอื่นจึงมาขอให้ยกเลิกการแต่งงานระหว่างเธอกับเชื้อพระวงศ์ แต่องค์ชายจินยางกลับบอกให้เธอมาเป็นผู้หญิงของตนถ้าไม่อยากแต่งงานกับคนอื่น

องค์ชายอึนซองเข้าวังไม่ได้เลยจับลูชีแกแต่งตัวเป็นนางในแล้วส่งเธอไปหาพระพันปี (เขาจับนางในที่ลอบส่งข่าวให้องค์ชายจินยางได้) พระพันปีทั้งดีใจและโล่งอกที่องค์ชายอึนซองไม่เพียงรอดตายกลับมา แต่เขายังกลับมาทันเวลาเพราะพระราชาใกล้สวรรคตเต็มที พระราชาไม่ต้องการยกบัลลังก์ให้องค์ชายจินยาง แต่พระองค์รู้ดีว่าองค์ชายจินยางต้องหาทางกำจัด "รัชทายาท" แน่ แม้แต่องค์ชายอึนซองเองก็ไม่ปลอดภัย พระองค์จึงขอให้องค์ชายอึนซองช่วยปกป้องรัชทายาทและราชวงศ์ (อย่าให้เกิดการเข่นฆ่าเพื่อแย่งชิงบัลลังก์) ครั้นพูดจบก็สวรรคตทันที เมื่อองค์ชายจินยางมาถึงก็พบว่าพระราชาสวรรคตแล้ว เขาจึงโกรธพระพันปีที่ไม่เรียกตนมาดูใจและรับฟังคำสั่งเสียของพระราชา ครั้นพบว่าองค์ชายอึนซองกลับมาแล้ว ทั้งเขาและเหล่าขุนนางที่ติดตามมาด้วยต่างพากันตกตะลึง องค์ชายอึนซองประกาศว่า "พระพันปีจะเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินจนกว่ารัชทายาทจะเติบใหญ่ และเหล่าองค์ชายจะต้องจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาท" โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งเสียของพระราชา 




หลังหนีออกจากบ้านไม่สำเร็จ จาฮยอนจึงตัดผมตัวเองหมายหลีกเลี่ยงการแต่งงาน (ยอมเป็นแม่ชี) ครั้นองค์ชายจินยางบอกว่าจาฮยอนกำลังจะแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ องค์ชายอึนซองจึงบุกไปหาจาฮยอนที่บ้านทันที ที่แท้นั่นเป็นแผนลวงองค์ชายอึนซองออกนอกวัง องค์ชายจินยางคิดใช้ช่วงเวลานี้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเสียของพระราชา จึงไปหาพระมารดาและขอให้พระองค์มอบบัลลังก์ให้ตนแทน แต่พระพันปียืนกรานปฏิเสธ (องค์ชายจินยางมีเวลาแก้ไขสถานการณ์สามวัน ก่อนที่รัชทายาทจะขึ้นครองบัลลังก์) องค์ชายจินยางคิดต่อกรกับพระมารดาจึงสั่งให้ "ยูน จาจุน" (พี่ชายนา-คยอม เป็นหัวหน้าราชองครักษ์หน่วย "แนกึมวี" ในขณะนั้น) เปลี่ยนทหารที่อารักขาตำหนักรัชทายาทเป็นคนของตนทั้งหมด และให้ส่งข้ารับใช้ในตำหนักพระราชา (ที่เป็นคนของตน)  ไปจับตาความเคลื่อนไหวของรัชทายาท (เขาคิดจับรัชทายาทเป็นตัวประกันและต้องการชิงพระราชลัญจกร)  
 
องค์ชายอึนซองเตือนพระเชษฐาว่าอย่าคิดทำเรื่องชั่วช้า และขู่ว่าตนมีจดหมายลับที่องค์ชายจินยางลอบทำข้อตกลงขายชาติกับชนเผ่ายอจิน ถึงกระนั้นองค์ชายจินยาง องค์ชายยางอัน และขุนนางใหญ่บางส่วนก็คิดก่อกบฏอยู่ดี เพื่อปกป้องพระราชาองค์น้อยที่เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ พระพันปีจึงมอบอำนาจทางการทหารให้องค์ชายอึนซอง และสิ่งแรกที่องค์ชายอึนซองทำคือการสั่งย้ายจาจุน องค์ชายจินยางตอบโต้ด้วยการจัดฉากสร้างสถานการณ์ว่าองค์ชายอึนซองก่อกบฏ โดยเลือกลงมือในวันแต่งงานขององค์ชายอึนซองกับจาฮยอน ครั้นพยานบุคคลและหลักฐาน (เท็จ) มัดตัวแน่นหนา (แม้แต่บิดาของจาฮยอนก็ถูกบีบให้ใส่ร้ายองค์ชายอึนซอง) องค์ชายอึนซองจึงถูกเนรเทศไปยังเกาะคโยดง (จาฮยอนยอมทำข้อตกลงกับองค์ชายจินยาง เพื่อรักษาชีวิตองค์ชายอึนซอง) ลูชีแกขอตามไปเกาะคโยดงด้วย แต่องค์ชายอึนซองขอให้เธอช่วยอยู่ดูแลจาฮยอน 

องค์ชายยางอันต้องการกำจัดองค์ชายอึนซองจึงส่ง "ออ อึลอุน" ไปที่เกาะคโยดง เพื่อแจ้ง "โด จองกุก" (ผู้ว่าการเกาะคโยดง) ว่าบิดาของเขาถูกกบฏ (องค์ชายอึนซอง) ฆ่าตาย หลังเนรเทศพระอนุชาแล้วองค์ชายจินยางจึงคิดแย่งชิงจาฮยอนมาเป็นของตน หลังรู้ว่าองค์ชายอึนซองจะถูกสังหารบนเกาะคโยดง จาฮยอนจึงแอบเดินทางไปที่เกาะดังกล่าวพร้อมลูชีแก แต่พอไปถึงกลับพบเพียงศพ เธอจึงกลับเมืองหลวงด้วยหัวใจที่แตกสลาย (ลูชีแกไม่เชื่อว่าเป็นศพองค์ชายอึนซองเลยซ่อนตัวอยู่บนเกาะ) ที่แท้องค์ชายอึนซองร่วมมือกับจองกุก โดยจัดฉากหลอกมือสังหารขององค์ชายยางอันว่าองค์ชายอึนซองถูกฆ่าตายขณะหลบหนี 

"พระพันปีคิม" (ฮโยพิน) ซึ่งกำลังเสียขวัญหลังแทจอนซังกุงแจ้งว่าในอาหารของพระราชาองค์น้อยมียาพิษ บังเอิญได้ยินองค์ชายจินยางทูลพระพันปีชิมว่าองค์ชายอึนซองตายแล้ว เธอจึงขอให้พระพันปีชิมยกบัลลังก์ให้องค์ชายจินยางเพื่อแลกกับชีวิตของพระราชาองค์น้อย (ทั้งบิดาและพี่ชายเธอล้วนตายเพราะความโลภขององค์ชายจินยาง เธอจึงไม่อยากเสียลูกน้อยไปอีกคน) ในที่สุดองค์ชายจินยางก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์สมใจ คืนแรกหลังรับตำแหน่งเขาได้เรียกจาฮยอนมารับใช้ตนกลางดึกหมายแต่งตั้งเธอเป็นพระสนม จาฮยอนจึงคิดใช้โอกาสนี้สังหารเขาแต่ทำไม่สำเร็จ เธอจึงถูกนา-คยอมจับไปทรมาน เมื่อพระราชาองค์ใหม่ (องค์ชายจินยาง) รู้เข้าจึงรีบไปช่วยจาฮยอน แต่เธอโดนทรมานจนร่างกายบอบช้ำหนักจึงต้องรักษาตัวในวังชั่วคราว

จองกุกพาองค์ชายอึนซองกลับเมืองหลวงพร้อมกีทึกและลูชีแกโดยให้พักที่วัดชั่วคราว ครั้นรู้ว่าพระมารดาสั่งให้จาฮยอนไปบวชชีที่วัดบนภูเขา องค์ชายอึนซองและพวกจึงตามไปดูห่างๆ แต่พอเห็นว่าคนของพระเชษฐาจะลักพาตัวจาฮยอน เขาจึงบุกไปชิงตัวเธอ ซอง-อก (บิดาจาฮยอน) ยืนกรานมาโดยตลอดว่าจะเข้าข้างความถูกต้อง (ไม่ยอมเป็นสุนัขรับใช้ใคร) แต่จองกุกแอบนำจดหมายของจาฮยอนมาให้ และแนะให้เขาเขียนพระราชสาส์นถึงฮ่องเต้ต้าหมิงตามที่พระราชาองค์ใหม่ (องค์ชายจินยาง) รับสั่งแต่โดยดี (ขอให้ต้าหมิงรับรองตำแหน่งพระราชาโชซอน) โดยเขาจะต้องเป็นทูตอัญเชิญพระราชสาส์นไปยังต้าหมิงด้วยตนเอง เพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะคืนบัลลังก์ให้พระราชาองค์น้อย 




องค์ชายยางอันแนะให้กำจัดองค์ชายซึงพยอง (อดีตพระราชาองค์น้อยแต่พระราชา (องค์ชายจินยาง) ไม่เห็นด้วย เขาจึงสร้างสถานการณ์ว่ามีคนปองร้ายหมายโค่นบัลลังก์พระราชา พระราชาเลยสั่งเนรเทศองค์ชายซึงพยอง เขาไม่ต้องการสังหารหลานของตนแต่องค์ชายยางอันกลับสั่งให้จองกุกวางยาพิษองค์ชายซึงพยอง จองกุกร่วมมือกับองค์ชายอึนซองชิงตัวองค์ชายซึงพยอง จากนั้นจึงนำมาอยู่ด้วยกันที่วัด หลังรู้ว่าองค์ชายยางอันอยู่เบื้องหลังการวางยาพิษบนสิ่งของต่างๆ ของตน พระราชาจึงสั่งกักบริเวณองค์ชายยางอันโดยห้ามเขาออกจากตำหนักชั่วชีวิต ชนเผ่ายอจินส่งทูตมาขอเข้าเฝ้าเพื่อแสดงความยินดีและทวงสัญญา (ที่บอกว่าจะยกดินแดนส่วนหนึ่งให้) พระราชาต้องการปิดเรื่องนี้เป็นความลับจึงฆ่าปิดปากทูตคนหนึ่ง และสั่งให้ทหารค้นที่พักรับรองคณะทูตเพื่อชิงหนังสือสัญญาคืนมาแต่หาไม่พบ องค์ชายอึนซองแอบไปพบคณะทูตโดยยื่นข้อเสนอว่าจะให้ความช่วยเหลือชนเผ่ายอจินเรื่องการพลิกฟื้นผืนดินสำหรับเพาะปลูกและส่งเสริมด้านการค้า คณะทูตจึงมอบหนังสือสัญญา (ที่ลงนามโดยองค์ชายจินยางเมื่อหลายปีก่อน) ให้องค์ชายอึนซอง

หลังสืบจนรู้ว่าจาฮยอนอยู่ที่วัดบนเขา พระราชาจึงบุกไปหาเธอกลางดึก (เขาไม่รู้ว่าองค์ชายซึงพยองและองค์ชายอึนซองอยู่ที่นี่ด้วย) โชคดีที่องค์ชายอึนซองกับลูชีแกไหวตัวทันเสียก่อนจึงรีบพาองค์ชายซึงพยองหนีไป จาฮยอนขออยู่รับหน้าพระราชาแต่องค์ชายอึนซองไม่วางใจเลยให้กีทึกและพวกพาองค์ชายซึงพยองหนีไปก่อน (นางโลม "โช โย-คยอง" หันมาเป็นฝ่ายองค์ชายอึนซองและคอยช่วยเหลือพวกเขาอย่างลับๆ) องค์ชายอึนซองกลับไปที่วัดแล้วคอยจับตาดูจาฮยอนห่างๆ จาฮยอนแกล้งต่อรองกับพระราชาโดยบอกว่าเธอจะยอมเป็นผู้หญิงของเขาต่อเมื่อเขาแต่งตั้งเธอเป็นพระมเหสี ทำให้พระราชารู้สึกหนักใจและแอบผิดหวังที่เธอเปลี่ยนไป เขาพาเธอไปส่งที่บ้านแล้วให้คนเฝ้าเวรยามตลอดเวลาเพราะเกรงว่าเธอจะหนีไป (เพื่อไม่ให้เธอมีความผิดฐานขัดรับสั่งพระพันปี เขาจึงให้เธอบอกทุกคนว่าตนลงเขามารักษาตัว)

จองกุกและองค์ชายอึนซองร่วมกันจัดฉากสร้างสถานการณ์ให้พระราชาแตกคอกับองค์ชายยางอัน องค์ชายยางอันจึงถูกประหารชีวิต หลังจากนั้นองค์ชายอึนซองก็เขียนประกาศปลุกระดมและเปิดโปงความผิดของพระราชาที่ไม่เพียงฆ่าน้อง ชิงบัลลังก์หลาน แต่ยังขายชาติอีกด้วย พระราชาเห็นข้อความปลุกระดมก็จำได้ทันทีว่าเป็นลายมือขององค์ชายอึนซอง ครั้นอึลอุนนึกขึ้นได้ว่าตนเห็นชายที่มีลักษณะคล้ายองค์ชายอึนซองที่วัด พระราชาจึงสงสัยว่าองค์ชายอึนซองอาจยังมีชีวิตอยู่ เพื่อคืนบัลลังก์ให้องค์ชายซึงพยอง องค์ชายอึนซองจำต้องได้รับความร่วมมือจากพระมารดา จาฮยอนจึงขอเข้าเฝ้าพระพันปีเพื่อนำข้อความขององค์ชายอึนซองไปถวาย ครั้นรู้ว่าองค์ชายอึนซองยังมีชีวิตอยู่ แถมองค์ชายซึงพยองยังอยู่ในความดูแลขององค์ชายอึนซอง พระพันปีชิมและพระพันปีคิมจึงต่างร่ำไห้ด้วยความดีใจ

หลังซอง-อกกลับจากต้าหมิงแล้วแจ้งว่า ราชสำนักต้าหมิงจะส่งคณะทูตมาพบองค์ชายซึงพยองก่อน (ยังไม่รับรององค์ชายจินยางเป็นพระราชาแห่งโชซอน) หมายตรวจสอบให้แน่ชัดว่าอดีตพระราชาองค์น้อยสละบัลลังก์ให้องค์ชายจินยางจริงหรือไม่ พระราชาจึงยิ่งสงสัยหนักว่าองค์ชายอึนซองอาจยังมีชีวิตอยู่ และกำลังวางแผนทวงบัลลังก์คืนให้องค์ชายซึงพยอง เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงตั้งใจว่าจะชิงลงมือก่อน องค์ชายอึนซองคิดฉวยโอกาสลงมือตอนที่พระราชาเสด็จออกนอกวัง เขาและพวกเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพราะถ้าทำไม่สำเร็จจะกลายกบฏและมีโทษถึงตาย (เขาแค่ต้องการควบคุมตัวพระเชษฐา เพื่อเปิดทางให้พระพันปีแต่งตั้งองค์ชายซึงพยองเป็นพระราชาดังเดิม ไม่ได้คิดลอบปลงพระชนม์และไม่ต้องการให้เกิดเหตุนองเลือด) 




กว่าจะรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนลวงของพระราชา (พระราชาไม่ได้มาสุสานหลวง) องค์ชายอึนซองและจองกุกก็ตกอยู่ในวงล้อมของทหาร (นำโดยจาจุนและอึลอุน) ลูชีแกบอกให้องค์ชายรีบไปช่วยองค์ชายซึงพยอง ส่วนเธอและคนที่เหลือจะรับมือทหารเอง ทว่าฝ่ายองค์ชายอึนซองมีแต่ชาวบ้านเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทหาร ลูชีแกเป็นคนเดียวที่เหลือรอด แต่เธอได้รับบาดเจ็บจึงถูกอึลอูจับเป็นตัวประกัน จาฮยอนกับกีทึกจะพาองค์ชายซึงพยองไปส่งที่ตำหนักพระพันปี แต่พระราชารู้ทันเลยมาชิงตัวองค์ชายซึงพยองแล้วส่งไปที่ตำหนักพระมเหสี (นา-คยอม) จากนั้นจึงนำจาฮยอนกับกีทึกไปขังไว้ในตำหนักลับ หลังได้รับรายงานว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน (กบฏโดนปราบ) พระราชาจึงสั่งให้ยกระดับการอารักขาทั้งด้านในและด้านนอกวังหลวง และให้นำตัวหัวหน้ากบฏ (องค์ชายอึนซอง) มาพบตน

องค์ชายอึนซองกับจองกุกนำกำลังส่วนหนึ่งมาที่วังหลวงและควบคุมสถานการณ์ในวังได้สำเร็จ ในที่สุดองค์ชายอึนซองและพระราชาก็หันดาบเข้าหากัน  องค์ชายอึนซองไม่คิดสังหารพระเชษฐาจึงนำตัวไปขังที่ตำหนักลับ หลังสถานการณ์คลี่คลายพระพันปีกับจาฮยอนจึงไปรับตัวองค์ชายซึงพยองที่ตำหนักพระมเหสี ในเวลาเดียวกันนั้น จาจุน (เจ้ากรมกลาโหม) กับอึลอุน (หัวหน้าราชองครักษ์) พร้อมเหล่าทหารคุมตัวลูชีแกมาที่วังหลวง แต่ทหารหลวง (ซึ่งไม่มีหน้าที่รักษาวัง) ขวางเอาไว้ องค์ชายอึนซองนำราชโองการของพระพันปีมาประกาศต่อหน้าทุกคน เนื้อหาในราชโองการระบุความผิดขององค์ชายจินยาง และประกาศคืนบัลลังก์ให้อดีตพระราชาองค์น้อย ทั้งยังสั่งให้เหล่าขุนนางไปรวมตัวกันที่ท้องพระโรงเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระราชา ครั้นได้ยินว่าขุนนางคนใดอยู่ฝ่ายองค์ชายจินยางจะมีความผิดฐานก่อกบฏและจะถูกประหารสามชั่วโคตร เหล่าขุนนางใหญ่ที่เคยรับใช้องค์ชายจินยางจึงแปรพักตร์ทันที 

อึลอุนขู่ว่าจะสังหารลูชีแกหากองค์ชายอึนซองไม่ยอมปล่อยตัวองค์ชายจินยาง ลูชีแกไม่ต้องการให้แผนขององค์ชายอึนซองล้มเหลวจึงยอมพลีชีพ จาจุนกับอึลอุนลอบบุกเข้าวังหลวงเพื่อพาองค์ชายจินยางและนา-คยอมหนีออกนอกวัง จาจุนยอมสละชีวิตเพื่อยื้อเวลาให้นา-คยอมหลบหนี แต่องค์ชายจินยางไม่ต้องการออกจากวังและยืนกรานว่าจะขอตายในวังหลวง เขาบอกให้อึลอุนไปตามองค์ชายอึนซองมาพบตนและนั่งรอบนบัลลังก์ในท้องพระโรง เขายอมตายแต่ไม่ยอมโดนลากลงจากบัลลังก์จึงขอให้องค์ชายอึนซองฆ่าตนเสีย เขารู้ว่าองค์ชายอึนซองไม่ยอมฆ่าตนแน่จึงวางแผนให้อึลอุนเป็นคนปลิดชีพตน

เนื้อหาตอนที่หนึ่ง



"องค์ชายอึนซอง" (อึนซองแทกุน นาม "ลีฮวี"), "ปาร์ค กีทึก" (บ่าวรับใช้) และ "ลูชีแก" (เด็กสาวจากเผ่ายอจิน หรือ "หนี่ว์เจิน" (แมนจู) ในภาษาจีน) เดินทางรอนแรมฝ่าพายุหิมะบนภูเขาสูงของดินแดนทางตอนเหนือโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่วังหลวงของราชวงศ์โชซอน ซึ่งนับเป็นการเดินทางอันแสนทรหดและยาวไกล


 

อีกด้านหนึ่ง ในวังหลวงของราชวงศ์โชซอน "พระพันปีชิม" (พระพันปีแห่งสกุลชิม) และ "พระมเหสีคิม" ต่างช่วยกันดูแลพระราชาที่กำลังประชวรหนัก ขณะที่ "รัชทายาท" (ซึงพยองกุน นาม "ลี-มยอง") นั่งเฝ้าพระบิดาไม่ห่าง พระพันปีต้องการปกปิดอาการประชวรจึงกำชับ "แทจอนซังกุง" (ตำแหน่งซังกุงประจำตำหนักพระราชา) ว่าอย่าให้ใครแพร่งพรายเรื่องนี้ ทั้งยังห้ามเหล่านางในนำเรื่องนี้มาพูดคุยกันมิเช่นนั้นทุกคนจะมีโทษถึงตาย พระมเหสีทั้งสงสารและเห็นใจพระสวามีที่ฝืนสังขารมานานหลายปี ถึงกระนั้นพระพันปีก็ยังอยากให้พระราชาต่อสู้กับอาการประชวรต่อไปเพราะรัชทายาทยังเยาว์นัก ปรากฏว่าแทจอนซังกุงเป็นสายของ "องค์ชายจินยาง" (จินยางแทกุน นาม "ลีคัง") พอสบโอกาสเธอจึงสั่งให้นางในคนหนึ่งนำจดหมายไปส่งที่ตำหนักมยองรเยขององค์ชายจินยาง (ซึ่งตั้งอยู่นอกวัง) 


 

ในที่สุด องค์ชายอึนซองและพวกก็เดินทางมาถึงวังหลวง แต่ทหารรักษาวังไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปข้างใน กีทึกสั่งให้ทหารหลีกทางโดยบอกว่าองค์ชายอึนซองเพิ่งกลับมาจากแดนเหนือ แต่ทหารไม่เชื่อจึงบอกให้แสดง 'ชินบู' (ป้ายสำหรับเข้าวังหลวงโชซอน) หรือไม่ก็รีบไปเสีย กีทึกพยายามเจรจาอย่างไม่ลดละ แต่องค์ชายอึนซองรู้ว่าไม่มีประโยชน์เลยยอมถอย (เพราะทุกคนคิดว่าเขาตายแล้ว) นึกไม่ถึงว่าเหล่าทหารจะตามมาหาเรื่องและพยายามจับพวกเขาไปสอบสวน (ทหารไม่พอใจที่กีทึกบังอาจสั่งตน ทั้งยังหาว่าทั้งสามคนคิดก่อกบฏเพราะแต่ละคนพกอาวุธมาด้วย)  เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมทั้งสามคนจำเป็นต้องต่อสู้ ลูชีแกสบโอกาสสังหารทหารคนหนึ่งแต่องค์ชายอึนซองห้ามไว้เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ครั้นเห็นนางในคนหนึ่งลอบออกจากวังช่วงชุลมุน องค์ชายและพวกจึงรีบตามไป 



นางในคนดังกล่าวนำจดหมายของแทจอนซังกุงไปมอบให้องค์ชายจินยาง หลัง "ยูน นา-คยอม" (ชายาองค์ชายจินยาง) มอบค่าตอบแทนให้เธอจึงรีบกลับวังแต่ถูกกีทึกจับตัวไปเสียก่อน หลังรู้ว่าพระราชาประชวรหนักและใกล้สวรรคตเต็มทีองค์ชายจินยางก็มีสีหน้าเป็นกังวล นา-คยอมชี้ว่าตอนนี้ฝ่ายของพวกตนและฝ่ายพระราชากับพระพันปีมีจำนวนผู้สนับสนุนพอๆ กัน "ยูน จาจุน" (พี่ชายนา-คยอม) สงสัยว่าองค์ชายจินยางจะรับมือเช่นไร พระราชาประชวรหนักแต่พระพันปีกลับไม่ยอมให้องค์ชายจินยางและขุนนางใหญ่เข้าเฝ้า เขาจึงเกรงว่าองค์ชายจินยางจะพลาดโอกาสสำคัญ องค์ชายจินยางกล่าวว่าก่อนเกิดเรื่องไม่คาดฝันพวกตนจำเป็นต้องได้รับ 'โก-มยอง' (คำสั่งเสียที่พระราชาตรัสแก่องค์ชายหรือขุนนางก่อนสวรรคต ซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งผู้สืบทอดราชบัลลังก์) นา-คยอมเห็นด้วย เธอกล่าวว่าองค์ชายอึนซองไม่อยู่เป็นเสี้ยนหนามแล้ว หากองค์ชายจินยางรับโก-มยอง ราชบัลลังก์ย่อมเป็นของพระองค์ เมื่อองค์ชายจินยางตัดสินใจว่าจะเข้าวัง นา-คยอมจึงฝากจาจุนไปบอกเจ้ากรมการคลังและขุนนางใหญ่ในราชสำนักให้เข้าวังโดยพร้อมเพรียง



องค์ชายจินยางยังไม่ทันเปลี่ยนชุด "ซอง จาฮยอน" ก็บุกมาขอพบเสียก่อน เธอรู้ว่าองค์ชายจินยางเป็นคนจับคู่ (แต่งงาน) ตนกับเชื้อพระวงศ์นาม "วอลยอง" จึงมาขอร้องให้ยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้ ที่แท้องค์ชายจินยางยัดเยียดจาฮยอนให้ชายอื่นหมายบีบคั้นเธอ เพราะเธอปฏิเสธที่จะเป็นผู้หญิงของเขามาตลอดสามปี เขาย้ำว่า "ฮวี" (ชื่อจริงขององค์ชายอึนซอง) ตายแล้วและบอกให้เธอยอมรับความจริง จาฮยอนแย้งว่าคนที่ผลักไสพระอนุชาให้ไปตายอย่างเลือดเย็นคือพระองค์เอง องค์ชายจินยางกล่าวว่าน้องชายตนไปด้วยความเต็มใจในฐานะที่เป็นองค์ชายของแผ่นดินนี้ จาฮยอนยืนกรานว่าเธอไม่อยากเป็นเจ้าสาวของใครทั้งนั้น องค์ชายจินยางกล่าวว่าหากจาฮยอนไม่ชอบวอลยองก็จงมาเป็นผู้หญิงของตน จาฮยอนทั้งโกรธและผิดหวัง เธอลุกขึ้นและกล่าวว่าตนโง่เองที่เชื่อว่าองค์ชายจินยางยังมีความเป็นสุภาพบุรุษหลงเหลืออยู่บ้าง ครั้นโดนปฏิเสธอีกครั้งองค์ชายจินยางจึงบอกให้จาฮยอนรักษาตัว เพราะเธอกำลังจะเป็นเจ้าสาวในไม่ช้า ทันทีที่ออกจากเรือนจาฮยอนก็ถูกนา-คยอมตบหน้าและเยาะเย้ยเรื่องแต่งงาน (ยา-คยอมเคียดแค้นเพราะรู้ว่าองค์ชายจินยางมีใจให้จาฮยอน)



กีทึกจับลูชีแกล้างหน้าล้างตาแล้วให้เธอสวมชุดนางใน ก่อนส่งลูชีแกเข้าวังองค์ชายอึนซองมอบชินบู (ป้ายสำหรับผ่านเข้าวัง) ให้เธอ จากนั้นก็เปิดกระโปรงแล้วมุดเข้าไปฉีกผ้าซับในสีขาว หมายฝากหลักฐานเป็นอักษรจีนที่เขียนด้วยเลือดไปให้พระมารดา (เขียนคำว่า "徽" (ฮุย) ซึ่งอ่านว่า "ฮวี" ในภาษาเกาหลี - ขณะนั้นโชซอนยังไม่ได้ประดิษฐ์อักษรเกาหลีเลยต้องยืมอักษรจีนมาใช้) เนื่องจากลูชีแกเป็นคนชนเผ่ายอจิน (หนี่ว์เจิน) เธอจึงพูดภาษาโชซอนไม่ค่อยได้ ถึงกระนั้นเธอก็พยายามท่องคำว่า "แทบีมามา" (คำเรียกพระพันปี) หลังแสดงป้ายผ่านและยิ้มหวานให้ทหารยามแล้ว ลูชีแกจึงทำตามที่องค์ชายอึนซองสั่งคือเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม (กีทึกและองค์ชายอึนซองทำได้เพียงรอลุ้นอยู่นอกวัง) 



ในที่สุดลูชีแกก็เดินมาเจอพระพันปีที่อยู่ในสภาพอ่อนล้า (หลังเฝ้าอาการพระราชาแบบหามรุ่งหามค่ำ) "จางซังกุง" ตำหนิลูชีแกที่บังอาจขวางทางพระพันปี ลูชีแกรู้ว่าตนมาหาถูกคนจึงเรียกพระองค์ว่า "แทบี...มามา" เพื่อไม่ให้จางซังกุงเรียกทหาร ลูชีแกจึงปิดปากเธอไว้แล้วยื่นข้อความที่เขียนด้วยเลือดให้พระพันปีดู ครั้นรู้ว่าองค์ชายอึนซองยังมีชีวิตอยู่พระพันปีก็ร่ำไห้ด้วยความดีใจ หลังจากนั้นทหารองครักษ์ได้ออกมารับองค์ชายอึนซองกับกีทึกแล้วพาไปเข้าเฝ้าพระพันปี ทุกคนต่างกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นพระพันปีสวมกอดพระโอรสที่หายตัวไปนานสามปี แม้ดีใจที่องค์ชายอึนซองยังมีชีวิตอยู่แต่เห็นสภาพเขาแล้วคนเป็นแม่อย่างเธอรู้สึกสงสารและเจ็บปวดใจ ขณะเดียวกันเธอรู้สึกโล่งใจที่องค์ชายอึนซองกลับมาทันเวลาพอดี ครั้นรู้ว่าพระราชา (พระเชษฐา) ใกล้สวรรคตองค์ชายอึนซองก็รู้สึกตกใจ



องค์ชายจินยางพาเหล่าขุนนางมาขอเข้าเฝ้าพระราชากลางดึกโดยอ้างว่านำยามาถวาย แต่หัวหน้าขันทีไม่ยอมให้เข้าไปและขอให้มาใหม่วันพรุ่งนี้ (เพราะพระพันปีสั่งเอาไว้) ทำให้จาจุนไม่พอใจมาก องค์ชายจินยางวางอำนาจข่มขู่หัวหน้าขันทีและยืนกรานว่าจะเข้าไป แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องระงมดังมาจากในตำหนัก องค์ชายจินยางจะเข้าไปดูแต่พระพันปีเดินออกมาเสียก่อน ครั้นรู้ว่าพระราชาสวรรคตแล้วองค์ชายจินยางจึงตำหนิพระมารดาที่ไม่เรียกตนมารับโก-มยอง (คำสั่งเสียของพระราชาเรื่องการแต่งตั้งผู้สืบทอดราชบัลลังก์) ทั้งยังคาดคั้นว่าถ้าไม่ใช่ตนแล้วคนที่รับโก-มยองเป็นใคร

ครั้นเห็นองค์ชายอึนซองเดินออกมาจากตำหนัก องค์ชายจินยางและเหล่าขุนนางต่างพากันตกใจ องค์ชายอึนซองถ่ายทอดคำสั่งเสีย (โก-มยอง) ของพระราชาผู้ล่วงลับให้ทุกคนฟัง โดยกล่าวว่าพระพันปีจะเป็นผู้สำเร็จราชจนกว่ารัชทายาทจะเติบใหญ่ และให้เหล่าแทกุนจงรักภักดีต่อรัชทายาท   (แทกุนในที่นี้คือ องค์ชายจินยาง, องค์ชายอึนซอง และ "องค์ชายยางอัน" ซึ่งเป็นลุงของพระราชาผู้ล่วงลับและองค์ชายทั้งสอง) หลังจากนั้นองค์ชายอึนซองก็เดินไปกอดพระเชษฐาพลางกล่าวว่าตนกลับมาแล้ว ตนยังไม่ตาย องค์ชายจินยางไม่อยากเชื่อว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตร เขาไม่เพียงไม่ได้เป็นพระราชา แต่องค์ชายอึนซอง (ซึ่งเขามองว่าเป็นหอกข้างแคร่มาโดยตลอด) ยังกลับมาแบบตัวเป็นๆ




หลังรู้จากปากพระเชษฐาว่าจาฮยอนกำลังจะแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ องค์ชายอึนซองจึงบุกไปที่บ้านของจาฮยอนทันที "ซอง-อก" (บิดาจาฮยอน) แทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นองค์ชายอึนซอง (ซึ่งสวมชุดไว้ทุกข์) มาที่บ้านตอนเช้าตรู่ (เขาคิดว่าองค์ชายตายแล้ว เลยไม่แน่ใจว่าตนเห็นคนหรือเห็นผี) พอรู้ว่าพระราชาสวรรคตเขาก็ก้มลงกราบด้วยความอาลัย  "นายหญิงชุกซาน อัน" (มารดาของจาฮยอน - "ชุกซาน อัน" เป็นชื่อสกุล) รีบไปหาจาฮยอนที่ห้อง แต่แล้วกลับพบว่าจาฮยอนได้ตัดผมและเตรียมขึ้นเขาไปบวชชีที่วัดพุทธหมายหลีกเลี่ยงการแต่งงาน เธอบอกจาฮยอนว่าองค์ชายอึนซองมาหา จาฮยอนไม่นึกฝันว่าองค์ชายอึนซองยังมีชีวิตอยู่ องค์ชายอึนซองขอให้ซอง-อกไปบอกจาฮยอนว่าตนมาหา ซอง-อกปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าจาฮยอนกำลังจะแต่งงานกับชายอื่น องค์ชายอึนซองจึงบุกเข้าไปในเขตเรือนชั้นในพลางร้องเรียกจาฮยอน จาฮยอนได้ยินเสียงองค์ชายอึนซองจึงออกไปหา หลังจากนั้นทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกัน



ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน องค์ชายอึนซองในวัยเด็กนั่งเขียนบทกวีในวังหลวงโดยมีกีทึกคอยรับใช้ไม่ห่าง กีทึกเห็นจิ้งหรีดตัวหนึ่งบินมาเกาะบนกระดาษขององค์ชายเลยคิดที่จะตีให้ตาย แต่องค์ชายอึนซองไม่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจึงห้ามไว้แล้วนำไปปล่อยลงบนต้นไม้อย่างอ่อนโยน (ในตอนนั้นนางในฝึกหัดชื่อ "ยอนอี" แอบดูองค์ชายอึนซองห่างๆ อย่างชื่นชม)


อีกด้านหนึ่ง องค์ชายจินยาง (ซึ่งพำนักที่ตำหนักนอกวังหลวงตามลำพัง) ทั้งโกรธและผิดหวังที่พระบิดา/มารดาเลื่อนกำหนดเข้าวังของตนอีกตามเคยเลยโวยใส่ "ยอนซังกุง" เสียงดังลั่น เขาบอกยอนซังกุงว่าตนจะเข้าวังวันนี้ ตนอยู่ที่นี่ตามลำพังจนจำหน้าพระบิดาและจำสัมผัสของพระมารดาไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ เขายืนกรานว่าตนจะไม่อยู่ที่นี่คนเดียวอีกต่อไป ยอนซังกุงพยายามอธิบายว่า ที่องค์ชายจินยางถูกห้ามเข้าวังมิได้เป็นเพราะไม่เป็นที่โปรดปราน แต่เป็นเพราะในวังมีเรื่องที่ต้องจัดการ องค์ชายจินยางยืนกรานเสียงแข็งว่าตนจะไปเข้าเฝ้า และหากเกิดเรื่องเช่นนั้นจริงตนยิ่งจำเป็นต้องรู้ ตนจะไม่อดทนรออีกต่อไปเพราะตนเป็นองค์ชายแห่งโชซอน

ขณะ "พระมเหสี" กำลังเช็ดตัวให้รัชทายาทที่กำลังล้มป่วย (พระมเหสีในอดีตคือพระพันปีในปัจจุบัน ส่วนรัชทายาทที่กำลังล้มป่วยในตอนนั้น คือ พระราชาผู้ล่วงลับหรือพระเชษฐาขององค์ชายจินยางและองค์ชายอึนซอง) จางซังกุงเข้ามารายงานว่าองค์ชายจินยางอยู่ที่ประตูด้านทิศตะวันออกและขออนุญาตเข้าวัง ครั้นพระมเหสีสั่งให้ไล่องค์ชายจินยางกลับไป จางซังกุงจึงแย้งว่าพระองค์ทรงบอกปัดองค์ชายจินยางมาหลายครั้งแล้ว พระมเหสีไม่อยากให้องค์ชายจินยางเข้าวังในยามที่รัชทายาทกำลังล้มป่วยจึงบอกจางซังกุงว่ายังไม่ถึงเวลา (หากรัชทายาทเป็นอะไรไป องค์ชายจินยางคือผู้สืบทอดตำแหน่งลำดับถัดไป) 



ครั้นถูกทหารยามขัดขวางองค์ชายจินยางจึงโวยลั่นว่าตนคือ "ลีคัง" องค์ชายรองของแผ่นดินนี้ แต่ทหารยามไม่ยอมเปิดทางให้เพราะไม่มีคำสั่งจากเบื้องบน ยอนซังกุงพยายามหว่านล้อมให้องค์ชายจินยางกลับไปก่อน โดยบอกว่าเธอจะไปเข้าเฝ้าพระมเหสีเพื่อสอบถามว่าองค์ชายจินยางจะเข้าวังได้เมื่อใด องค์ชายจินยางยืนกรานว่าตนจะไม่รออีกต่อไป ไม่ว่ายังไงตนจะต้องเข้าวังตอนนี้...วันนี้! องค์ชายอึนซองพับบทกวีที่ตนเขียนใส่ซอง ก่อนถามกีทึกว่าพระเชษฐาของตนเข้าวังมาแล้วหรือยัง ครั้นรู้ว่าองค์ชายจินยางถูกห้ามไม่ให้เข้าวัง องค์ชายอึนซองจึงออกไปรับโดยบอกยอนซังกุงว่าตนจะรับผิดชอบเอง  



พระมเหสีตำหนิองค์ชายจินยางที่ขัดคำสั่งตน (เธอสั่งเลื่อนกำหนดการเข้าวังขององค์ชายจินยาง) ทั้งยังไม่ฟังคำทัดทานของซังกุงและทหารยาม แต่องค์ชายอึนซองออกรับแทนโดยบอกว่าตนเป็นคนพาพระเชษฐาเข้ามาเอง องค์ชายจินยางกล่าวว่าตนเพิ่งได้เข้าเฝ้าหลังรอคอยมานานหลายปี เขาขอให้พระมารดาเห็นใจโดยกล่าวว่าตนจำต้องขัดคำสั่งเพราะคิดถึงพระมารดาเกินทน องค์ชายอึนซองบอกพระมารดาว่าตนทำความสะอาดและช่วยตกแต่งห้องให้พระเชษฐาแล้ว แต่องค์ชายจินยางได้ยินแล้วกลับมีท่าทีเฉยเมย ซ้ำยังโวยใส่พระอนุชาที่นั่งในตำแหน่งสูงกว่าตน องค์ชายอึนซองรีบกล่าวคำขอโทษแล้วลุกไปนั่งข้างๆ พระเชษฐาทันที 

พระมเหสีชี้ว่าองค์ชายอึนซองแค่อยากเห็นหน้า หาได้ยกตนข่มองค์ชายจินยาง องค์ชายอึนซองยอมรับว่าตนผิดเองที่ไม่คิดให้ถี่ถ้วน แต่พระมเหสีรู้ว่าองค์ชายจินยางพูดกระทบตนจึงกล่าวว่า องค์ชายจินยางไม่เพียงเป็นโอรสตนแต่ยังเป็นองค์ชายของแผ่นดินนี้ ตนจำเป็นต้องส่งองค์ชายจินยางออกไปอยู่นอกวังเพื่ออนาคตของบ้านเมือง องค์ชายจินยางจึงควรภาคภูมิใจในตัวเองแทนที่จะตีโพยตีพาย องค์ชายอึนซองนำบทกวีที่แต่งเองมามอบให้องค์ชายจินยางแต่องค์ชายจินยางไม่แยแส เขาจึงอ่านบทกวีให้ฟังแทน 

องค์ชายอึนซองเปรียบความรักของพระบิดา/มารดาดั่งแสงจันทร์ที่ส่องสว่างไปทั่วทุกหนแห่ง แต่เนื่องจากตนกับพระเชษฐาอยู่ห่างไกลกัน ตนจึงหวังติดตามแสงจันทร์ไปยังตำหนัก (นอกวัง) ของพระเชษฐาทุกค่ำคืน พระมเหสีชื่นชมความสามารถด้านบทกวีขององค์ชายอึนซอง (แม้แต่คณะทูตต้าหมิงยังชื่นชอบ) เธอกล่าวว่าบทกวีขององค์ชายอึนซองตรงกับใจตน เพราะขณะรอเวลา (ที่เหมาะสม) เธอเองก็ห่วงหาองค์ชายจินยางเช่นกัน องค์ชายอึนซองจับมือพระเชษฐาหมายปลอบประโลม แต่องค์ชายจินยางชักมือออกทันที 



หลังออกจากตำหนักพระมเหสี องค์ชายอึนซองบ่นเสียดายที่พระเชษฐาเข้าวังขณะรัชทายาทล้มป่วย มิเช่นนั้นตนคงได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ องค์ชายจินยางแย้งว่าตน 'กลับวัง' ไม่ใช่ 'เข้าวัง' และชี้ว่าตนก็แค่กลับมาอยู่ในที่ๆ ตนควรอยู่ องค์ชายอึนซองได้ยินดังนั้นจึงเกาะแขนพระเชษฐาด้วยความดีใจ เพราะเขาเฝ้ารอวันนี้มานาน แต่องค์ชายจินยางกลับปัดแขนพระอนุชาออกด้วยความรำคาญ ครั้นเห็น "ยอนอี" ทำความสะอาดรองเท้าให้ตนทั้งที่แขนยังบาดเจ็บ องค์ชายอึนซองจึงตำหนิเธอที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดีก่อน จากนั้นก็ไล่เธอไปพักผ่อน โดยบอกว่าหากเธอหายดีแล้วพวกตนจะได้เล่นซ่อนหาด้วยกัน

ยอนซังกุงขออภัยพระมเหสีที่มิอาจหยุดยั้งองค์ชายจินยางได้ พระมเหสีกล่าวว่า 'คัง' (องค์ชายจินยาง) ไม่ควรมาที่นี่ในตอนนี้เพราะรัชทายาทมีอาการทรุดลง (ไข้สูงขึ้น) แต่จางซังกุงมองว่าองค์ชายจินยางน่าเห็นใจยิ่งกว่า เพราะเขาต้องระเห็จออกไปอยู่นอกวังตามลำพังนานหลายปี (ตั้งแต่เกิด) พระมเหสีกล่าวว่าแม้เหล่าองค์ชายควรเติบโตและถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี แต่เหนือสิ่งอื่นใดองค์ชายรัชทายาทจะต้องแข็งแรงเพื่อความมั่นคงของราชสำนัก พระพันปีต้องการให้รัชทายาทซึ่งเป็นพระโอรสองค์โตได้ขึ้นครองบัลลังก์ แต่รัชทายาทร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก แถมไม่เคยมีโอรสองค์โตได้ขึ้นเป็นพระราชานับตั้งแต่สถาปนาราชวงศ์โชซอนเป็นต้นมา นั่นจึงทำให้พระพันปีรู้สึกเป็นกังวล


ขณะที่องค์ชายจินยางกำลังซ้อมยิงธนู "องค์ชายยางอัน" (ยางอันแทกุน) ซึ่งเป็นโอรสองค์โตของพระราชาองค์ก่อน และเป็นพระเชษฐาของพระราชาในขณะนั้น (เป็นพระปิตุลา (ลุง) ขององค์ชายรัชทายาท องค์ชายจินยาง และองค์ชายอึนซอง) ได้มาหาองค์ชายจินยางและพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เขาบอกว่าที่ทุกคนทำดีต่อองค์ชายจินยางเป็นเพราะรู้สึกผิด ทั้งยังบอกด้วยว่าองค์ชายจินยางไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่นอกวังเพราะเกิดมาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะที่ผ่านมาผู้ขึ้นครองบัลลังก์โชซอนล้วนไม่ใช่โอรสองค์โต  หากองค์ชายจินยาง (ซึ่งเป็นองค์ชายรอง) อยู่ที่นี่จะเป็นภัยต่อการสืบทอดราชบัลลังก์ของรัชทายาท รัชทายาทร่างกายไม่แข็งแรง แต่ทุกคนกลับโยนบาปให้องค์ชายจินยางและส่งเขาออกไปอยู่นอกวังตั้งแต่แรกเกิด องค์ชายยางอันกล่าวว่าช่างเป็นเรื่องน่าขัน พระอนุชา (โอรสองค์รอง) ที่ขึ้นครองบัลลังก์แทนตน กลับส่งเสริมโอรสองค์โตเป็นรัชทายาท และทอดทิ้งโอรสองค์รองเพื่อปกป้องโอรสองค์โต

องค์ชายจินยางสงสัยว่าทำไม 'ฮวี' (องค์ชายอึนซอง) ถึงไม่ถูกขับออกจากวังเหมือนตนทั้งที่เป็นพระอนุชาของรัชทายาทเช่นกัน องค์ชายยางอันกล่าวว่าเพราะองค์ชายจินยางเป็นภัยต่อการสืบทอดราชบัลลังก์ของรัชทายาทมากกว่า องค์ชายอึนซองได้รับยกย่องว่าเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม และถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะเพราะมีพรสวรรค์ด้านศิลปะและบทกวี หากองค์ชายจินยางได้รับการศึกษาที่ดีในวังเช่นเดียวกับองค์ชายคนอื่นๆ จะต้องเก่งกว่าองค์ชายอึนซองแน่นอน เขาชี้ว่าคนที่คู่ควรกับตำแหน่งพระราชาและเป็นภัยต่อรัชทายาทมากที่สุดคือองค์ชายจินยาง ทั้งยังรับปากว่าจะอยู่เคียงข้างและคอยหนุนหลัง โดยบอกว่าแม้ตนจะเสียบัลลังก์ให้พระอนุชาไปแล้ว แต่ยังคงอาวุโสที่สุดในวัง เขาบอกให้องค์ชายจินยางตั้งใจฝึกยิงธนู เพื่อที่วันหน้าพวกตนจะได้ออกไปล่าสัตว์ด้วยกัน



ขณะเล่นซ่อนหา ยอนอี (ซึ่งเป็น 'ผู้หา') เห็นองค์ชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมสระจึงเข้าไปแตะตัวเพราะนึกว่าเป็นองค์ชายอึนซอง (ผู้ซ่อนที่ถูกแตะตัวจะกลายเป็น 'ผู้หา' แทน) ครั้นพบว่าคนที่ตนแตะคือองค์ชายจินยาง ยอนอีจึงขอโทษแล้วบอกให้เขาไปซ่อนตัวใหม่ ส่วนเธอจะไปหาคนอื่นต่อ องค์ชายจินยางเดาว่ายอนอีคงอยากเจอ 'ฮวี' มากกว่าตน ยอนอีกล่าวอย่างชื่นชมว่าองค์ชายอึนซองซ่อนเก่งจึงยากที่จะหาตัวพบ องค์ชายจินยางไม่พอใจที่พระอนุชามีแต่คนชื่นชม ทั้งยังเก่งไปเสียทุกเรื่อง จึงสั่งให้ยอนอีมารับใช้ตนที่ตำหนักนับตั้งแต่วันนี้ ยอนอีชี้ว่าตนเป็นข้ารับใช้ขององค์ชายอึนซอง (การรับใช้นายเดียวเป็นธรรมเนียมของวังหลวง) องค์ชายจินยางกล่าวว่าตนมีศักดิ์สูงกว่าฮวี ของๆ ฮวีไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของหากตนอยากได้ล้วนต้องได้ (กีทึกบังเอิญผ่านมาเห็นยอนอีถูกองค์ชายจินยางคุกคามจึงรีบวิ่งไปบอกองค์ชายอึนซอง)

องค์ชายจินยางไม่พอใจยอนอีที่ภักดีต่อฮวีเพียงผู้เดียว (เขาคิดว่ายอนอีดูแคลนองค์ชายที่เติบโตนอกวังอย่างตน) จึงโวยลั่นและเดินเข้าไปหาด้วยท่าทางเอาเรื่อง ยอนอีค่อยๆ ถอยหนีแต่ยังคงยืนกรานว่าจะรับใช้และทำตามคำสั่งองค์ชายอึนซองเท่านั้น องค์ชายจินยางได้ยินดังนั้นเลยผลักยอนอีตกลงไปในสระน้ำด้วยความโกรธ ยอนอีว่ายน้ำไม่เป็นจึงร้องขอความช่วยเหลือ องค์ชายจินยางยืนดูยอนอีตะเกียกตะกายขึ้นเหนือน้ำพลางกล่าวว่าในเมื่อเกลียดตนนักก็จงตายเสีย องค์ชายอึนซองกับกีทึกเห็นร่างยอนอีอยู่ในสระน้ำ เลยช่วยกันนำตัวเธอขึ้นมา องค์ชายจินยางอ้างว่ายอนอีตกลงไปเอง ตนว่ายน้ำไม่เป็นเลยลงไปช่วยไม่ได้ แต่องค์ชายอึนซองไม่เชื่อและบอกว่ากีทึกเห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ตนได้ยินไม่ใช่แบบนี้ หลังรู้ว่ายอนอีเสียชีวิตองค์ชายอึนซองจึงจ้องมองพระเชษฐาด้วยความโกรธ แม้องค์ชายจินยางจะทำเหมือนไม่สะทกสะท้าน แต่พอเห็นหน้าองค์ชายยางอันเขาก็ร้องไห้โฮเพราะกลัวโดนขับออกจากวังหรือไม่ก็ถูกจองจำ (องค์ชายยางอันนำธนูคันใหม่มาให้เขาที่ตำหนักพอดี) 


หลังกีทึกเล่าทุกสิ่งที่ตนเห็น องค์ชายอึนซองคิดที่จะไปหาพระเชษฐาจึงสั่งให้กีทึกไปนำชุดใหม่มาให้ตนเปลี่ยน แต่กีทึกกลับหายตัวไป (ถูกจับตัวไป) องค์ชายอึนซองไปหาองค์ชายจินยางที่ตำหนักหมายสืบหาความจริงแต่ถูกองค์ชายยางอันขัดขวางและไล่กลับ โดยบอกให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะ 'คัง' (องค์ชายจินยาง) ไม่มีทางถูกลงโทษ เขากล่าวว่าราชวงศ์ย่อมเลือกปกป้ององค์ชายที่ยังมีชีวิตอยู่ มากกว่านางในฝึกหัดที่ตายไปแล้ว และถ้าพระมเหสีรู้เข้า พระองค์จะกำจัดทุกคนที่รู้เห็น องค์ชายอึนซองเป็นสายเลือดของพระองค์ย่อมอยู่รอดปลอดภัยแต่คนอื่นไม่รอดแน่ เขาคุกคามองค์ชายอึนซองด้วยการบีบไหล่และจ้องหน้าพลางบอกให้ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสีย เช่นนี้แล้วเรื่องจะเงียบไปเองและไม่ต้องมีใครตายอีก เมื่อองค์ชายอึนซองถามหากีทึก องค์ชายยางอันก็หัวเราะและถามว่าอยากช่วยกีทึกหรือ เขาอ้างว่าตนไม่ได้ข่มขู่ คนที่ยกบัลลังก์ให้น้องชายเพราะเห็นแก่บ้านเมืองอย่างตน เพียงหวังให้คนในราชวงศ์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เพื่อปกป้องกีทึกองค์ชายอึนซองเลยไม่บอกพระมารดาเรื่ององค์ชายจินยางฆ่ายอนอี

องค์ชายจินยางนั่งอ่านบทกวีที่พระอนุชาแต่งให้ตน พลางนึกถึงคำพูดของพระมารดาที่บอกว่าโหยหาตนทุกวันคืน เขาเปรยว่าตนก็เป็นเช่นนั้น ตนโหยหาวังหลวงทั้งที่จำแทบไม่ได้และร้องไห้จนหมอนเปียกทุกคืน พูดจบเขาก็ฉีกบทกวีเป็นชิ้นๆ ด้วยความเคียดแค้น หลังได้คันธนูใหม่องค์ชายจินยางก็ยิงธนูได้แม่นและไกลขึ้น องค์ชายยางอันกล่าวว่านี่ไม่ใช่ธนูสำหรับฝึกซ้อมแต่เป็นคันธนูที่ใช้ทำศึก องค์ชายจินยางยังคงกังวลว่าพระบิดามารดาจะรู้เรื่องการตายของยอนอี แต่องค์ชายยางอันบอกให้เขาวางใจเพราะ 'ฮวี' ไม่มีทางเปิดปากเรื่องนี้ เขากล่าวว่าองค์ชายจินยางจะไม่โดนฮวีเล่นงานจุดอ่อน แต่เป็นฮวีที่ถูกองค์ชายจินยางโจมตีจุดอ่อนเสียเอง ตอนนี้ความลับขององค์ชายจินยางกลายเป็นบ่วงรัดคอฮวีไปแล้ว เขาบอกให้องค์ชายจินยางเลิกคิดเรื่องนี้แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง และชี้ว่าอำนาจช่วยปกปิดความผิดได้ ถ้าไม่อยากโดนใครเปิดโปงองค์ชายจินยางจำเป็นต้องมีอำนาจ


องค์ชายอึนซองนำดอกไม้ไปลอยในสระน้ำเพื่อรำลึกถึงยอนอี เขากับกีทึกต่างพากันร่ำไห้เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เขารู้ว่ายอนอีทำเพื่อตนมาโดยตลอด ทั้งยังคอยเฝ้าดูและตามรับใช้ไม่ห่าง เธอแขนหักเพราะปีนขึ้นไปเก็บผลไม้หมายนำมาให้เขาแต่เกิดพลัดตกลงมา แม้แต่กีทึกยังดูออกว่าสายตาเธอมีเพียงองค์ชายอึนซอง องค์ชายอึนซองรู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ทำตัวเย็นชาใส่ยอนอี ด้วยเกรงว่ายอนอีจะทุ่มเทเพื่อตนมากเกินไป หากรู้ว่ายอนอีอายุสั้นถึงเพียงนี้เขาจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ องค์ชายอึนซองเสียยอนอีไปแล้วคนหนึ่งจึงไม่อยากเสียกีทึกอีก เขาบอกให้กีทึกอยู่ข้างกายตนตลอดเวลาและจงลืมทุกสิ่งที่รู้เห็นในวันเกิดเหตุ เพราะพวกตนไม่อาจแตะต้องหรือเปิดโปงความผิดขององค์ชายจินยางได้ เขากล่าวว่าตนยังเด็กและไม่มีอำนาจจึงไม่อาจทวงความเป็นธรรมให้ยอนอีได้ ทั้งหมดที่ตนทำได้ตอนนี้คือปกป้องกีทึก ดังนั้นตนกับกีทึกต้องแข็งแกร่งขึ้น เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะปกป้องกันและกันได้



หลายปีต่อมา องค์ชายอึนซองยังคงโยนดอกไม้สีขาวลงไปในสระน้ำเพื่อรำลึกถึงยอนอี พลางถามว่าเธอสบายดีไหม เขาสงสัยว่าเธอยังเป็นเด็กเช่นเดิมหรือโตเป็นผู้ใหญ่ และยอมรับว่าตอนนี้เขาจำหน้าเธอไม่ได้แล้ว เขาไม่รู้ว่าในตอนนั้นมีใครคนหนึ่งเล็งธนูมาที่ตน แต่สุดท้ายลูกธนูกลับพุ่งตรงไปยังดอกไม้ที่ลอยอยู่ในน้ำ เมื่อองค์ชายอึนซองหันไปมองก็พบว่าผู้ที่ยิงธนูคือ...องค์ชายจินยาง 

** จบตอนที่หนึ่ง **

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ


ยูน ชียูน
รับบท อึนซองแทกุน (องค์ชายอึนซอง) / นาม "ลีฮวี"



ชิน เซยอน
รับบท ซอง จาฮยอน



จู ซังอุก
รับบท จินยางแทกุน (องค์ชายจินยาง) / นาม "ลีคัง"

ฝ่ายลีฮวี


ซน จีฮยอน
รับบท ลูชีแก



แจโฮ
รับบท ปาร์ค กีทึก



ยาง มีคยอง
รับบท พระพันปีชิม (สกุลชิม)



จาง อินซ็อบ
รับบท โด จองกุก

ฝ่ายลีคัง


ซน พยองโฮ
รับบท ยางอันแทกุน (องค์ชายยางอัน)



รยู ฮโยยอง
รับบท ยูน นา-คยอม



ชู ซูฮยอน
รับบท โช โย-คยอง



คิม บอมจิน
รับบท ออ อึลอุน

ครอบครัว ซอง จาฮยอน


ลี กียอง
รับบท ซอง อก



คิม มีคยอง
รับบท ชุกซาน อัน



ฮัน แจซอก
รับบท ซอง ดึกฉิก



มุน จีอิน
รับบท กึดทัน

ราชวงศ์


ซง แจฮี
รับบท พระราชา



โอ ซึงอา
รับบท ฮโยพินแห่งสกุลคิม


 

คิม จุนอึย และ ชอน ยุนซอก
รับบท ซึงพยองกุน (องค์ชายซึงพยอง) / รัชทายาท นาม "ลี-มยอง"




รวมคลิปตัวอย่างจาก TVCHOSUN




รวมคลิปเบื้องหลังจาก TVCHOSUN




เพลงประกอบละคร


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา