วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เรื่องย่อ ครึ่งปีศาจซือเถิง (Rattan)

 


กำกับ: หลี่มู่เกอ
เขียนบท: หลี่หมิน, วังหง
แนวละคร: แฟนตาซี, ซับซ้อนซ่อนเงื่อน
จำนวนตอน: 30 (+1)
ออกอากาศ: จีน - 8 มีนาคม 2564 - 26 เมษายน 2564 ทาง โยวคู่ (Youku), เถิงซวิ่น (Tencent) และ อ้ายฉีอี้ (iQiyi)
                 ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00 น. ทางช่อง MONO29 (หมายเลข 29) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 - 11 สิงหาคม 2564


 




เรื่องย่อ



"ครึ่งปีศาจซือเถิง" (Rattan) ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง "ป้านเยาซือเถิง" (半妖司藤) ของ "เหว่ยอวี๋" เหตุการณ์ในละครเริ่มต้นขึ้นยุคสาธารณรัฐจีน หลัง "ซือเถิง" ถูกฆ่าตายที่เซี่ยงไฮ้ในปี ค.ศ. 1937 (ช่วงเริ่มต้นของสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง) ร่างของเธอได้ถูกนำไปฝังที่เมืองต๋าน่า* เธอหลับใหลอยู่ที่นั่นนานกว่า 80 ปี กระทั่งในปี ค.ศ. 2020 "ฉินฟ่าง" ได้พาแฟนสาวเดินทางมาตามหาสุสานผู้มีพระคุณที่ต๋าน่า แต่เขาถูกแฟนสาววางยานอนหลับ แถมรถที่เขานั่งมายังตกจากหน้าผาสูงชันทำให้ร่างของเขาถูกเสาไม้เสียบทะลุกลางอก เลือดที่ไหลรินจากอกฉินฟ่างทำให้ซือเถิงฟื้นคืนชีพ ซือเถิงช่วยถ่ายพลังหล่อเลี้ยงชีวิตและรักษาอาการบาดเจ็บของฉินฟ่างจนหายเป็นปลิดทิ้ง หลังจากนั้นเธอก็ตั้งตนเป็น 'นาย' ของเขา

* เมืองที่ถูกเรียกว่า "ต๋าน่า" ในละคร ถ่ายทำที่เมือง "แชงกรี-ล่า" ในเขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตของมณฑลยูนนาน 

ฉินฟ่างไม่อยากตกอยู่ใต้อาณัติของซือเถิง ทั้งยังเป็นห่วงแฟนสาวจึงคิดที่จะหนีไป แต่แล้วเขากลับพบว่าตนไม่สามารถอยู่ห่างจากซือเถิงได้ไกลเกินรัศมี 30 กม. มิเช่นนั้นสภาพร่างกายเขาจะค่อยๆ เหี่ยวแห้งจนกลายเป็นซากศพ (ยิ่งไปไกลยิ่งเหลือแต่หนังแห้งๆ หุ้มกระดูก) เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเขาเลยจำต้องกลับไปหาซือเถิง ซือเถิงตั้งกฎให้ฉินฟ่างยึดถือ 3 ข้อ ข้อแรกเธอเตือนฉินฟ่างว่า 'เขาเป็นฝ่ายไปจากเธอไม่ได้ ไม่ใช่เธอที่ไปจากเขาไม่ได้' ดังนั้นก่อนที่จะโวยวายว่าไม่อยากติดตามเธอ เธออยากให้ฉินฟ่างตรองดูว่าเธอยินดีให้เขาติดสอยห้อยตามหรือไม่ ข้อสองหากฉินฟ่างเลือกที่จะติดตามเธอก็ต้องเชื่อฟังคำสั่ง ต้องหัวไว และต้องเคารพยำเกรงเธอ ข้อสามต้องจำไว้ว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ จึงไม่อยู่ภายใต้กรอบศีลธรรม กฎเกณฑ์ หรือกฎหมายใดๆ

ความฝันของฉินฟ่างคือการกลับไปเป็นมนุษย์ดังเดิม จะได้ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของซือเถิงและสามารถไปจากเธอโดยที่ยังมีลมหายใจ  ส่วนซือเถิงฝันอยากกลับไปเป็นตัวเองโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่มีเพียง 'ครึ่ง' ดังเช่นตอนนี้ ฉินฟ่างอยากให้ความฝันของซือเถิงเป็นจริงจึงอาสายื่นมือเข้าช่วย (ขอเพียงซือเถิงกลับไปเป็นตัวเองโดยสมบูรณ์ เขาก็มีหวังว่าจะได้กลับไปเป็นมนุษย์ดังเดิม) ซือเถิงกล่าวว่าเพื่อที่จะกลับไปเป็นตัวเองโดยสมบูรณ์เธอต้องทำห้าเรื่องให้สำเร็จ เรื่องแรกเธอหลับใหลไปนานจึงต้องการตามโลกให้ทันและเข้าใจสังคมปัจจุบันให้เร็วที่สุด (ก่อนหน้านี้ฉินฟ่างบอกให้เธอดูทีวีที่โฮมสเตย์) เรื่องที่สอง เธอจำเป็นต้องมีผู้ช่วยที่ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ และเชื่อฟัง (เธอไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากฉินฟ่าง) ฉินฟ่างเห็นว่าซือเถิงทำสองเรื่องแรกสำเร็จแล้วจึงถามว่าเรื่องที่สามคืออะไร ครั้นซือเถิงบอกว่าเธออยากไปเขาชางเฉิงซึ่งเป็นดินแดนเลื่องชื่อเรื่องลัทธิเต๋า ฉินฟ่างจึงวางแผนการเดินทางและพาเธอไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ทันที



ที่แท้ซือเถิงต้องการไปหา "ชิวซาน" ซึ่งเป็นอดีตนักพรตของสำนักเสวียนเหมิน หลังสืบจนรู้ว่านักพรตชิวซานมีศิษย์คนหนึ่ง ฉินฟ่านจึงพาซือเถิงไปหาศิษย์ของนักพรตชิวซานที่หอซิงอวิ๋นบนเขาชางเฉิง ปรากฏว่าศิษย์คนดังกล่าวคือ "เหยียนฝูรุ่ย" เขาเพิ่งเห็นข้อความที่อาจารย์ชิวซานทิ้งไว้ให้เมื่อไม่นานมานี้ โดยอาจารย์ได้เตือนให้เขาสานต่อภารกิจหลักของสำนักเต๋าเสวียนเหมินในการกำจัด "อี้จู๋" (เผ่าพันธุ์แปลกปลอม) และชี้เป้ามาที่พืชกลายร่างอย่าง 'ซือเถิง' ซึ่งเดิมเป็น 'ไป๋เถิง' (พืชสกุลหวาย) ที่กลายพันธุ์ (เกิดจากยีนของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกหลอมรวมกับยีนของพืชบนโลก และมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องยาวนานจนสามารถกลายร่างได้) 

อาจารย์ชิวซานยังบรรยายถึงความเก่งกาจและดุร้ายของซือเถิงที่แม้แต่สำนักเสวียนเหมินยังหวาดกลัว ถึงกระนั้นเขาก็สังหารซือเถิงได้สำเร็จ แต่ทว่าก่อนตายซือเถิงได้ลั่นวาจาว่าจะกลับมาแก้แค้น อาจารย์ชิวซานจึงเขียนข้อความเพื่อเตือนลูกศิษย์ว่า หากซือเถิงฟื้นคืนชีพจะเกิดอาเพศที่หอซิงอวิ๋น หลังลานด้านนอกของหอซิงอวิ๋นพังถล่มจนเผยให้เห็นอุโมงค์ใต้ดินที่ภายในมีต้นไป๋เถิงกลายพันธุ์ เหยียนฝูรุ่ยจึงรู้ว่าซือเถิงฟื้นคืนชีพแล้ว ด้วยความที่ไม่รู้วิชาของสำนักเสวียนเหมิน เขาจึงรีบติดต่อขอความช่วยเหลือจากนักพรต "หลี่เจิ้งหยวน" แห่งเขาชางหมิง แต่คนที่เดินทางมาหาเขากลับเป็นเด็กหนุ่มหน้าซื่อ "หวังเฉียนคุน" (หลี่เจิ้งหยวนเป็นอาจารย์ปู่ของเขา) ครั้นรู้ว่านักพรตหลี่เจิ้งหยวนลาโลกไปแล้ว เหยียนฝูรุ่ยเลยฝากความหวังไว้ที่หวังเฉียนคุน แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะหวังเฉียนคุนไม่เชื่อเรื่องผิดธรรมชาติ (เขาเชื่อในวิทยาศาสตร์) ซ้ำยังปราบซือเถิงไม่เป็นเช่นเดียวกับเหยียนฝูรุ่ย

ครั้นได้พบซือเถิงตัวเป็นๆ เหยียนฝูรุ่ยก็รู้สึกตกใจ แต่สุดท้ายกลับพบว่าซือเถิงไม่โหดร้ายอย่างที่อาจารย์เขียนบอก (แม้ว่าเธอจะใช้เถาไม้รัดร่างหวังเฉียนคุนไว้เพราะรำคาญที่เขาพูดมากก็ตาม) ซือเถิงยอมรับว่าเธอมีแค้นที่ต้องชำระกับเหล่านักพรตเสวียนเหมินจริง  (โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิวซานซึ่งหายตัวลึกลับ) แต่เธอจะไม่ชำระแค้นกับผู้เป็นศิษย์อย่างเหยียนฝูรุ่ยกับหวังเฉียนคุน เหยียนฝูรุ่ยอ่านข้อความที่อาจารย์เขียนให้ซือเถิงฟัง ครั้นอ่านถึงประโยคที่ว่า "...โชคดีที่ในปี ค.ศ. 1946 นักพรตชิวซานได้ปราบและสังหารซือเถิงที่เซี่ยงไฮ้" ซือเถิงก็สั่งให้เหยียนฝูรุ่ยอ่านประโยคนี้ซ้ำๆ จนกว่าเธอจะบอกให้หยุด (เพราะเธอถูกฆ่าตายที่โกดังร้างเมื่อปี ค.ศ. 1937 และเพิ่งฟื้นคืนชีพหลังหลับใหลมานานกว่า 80 ปี) หลังจากนั้นเธอก็พาฉินฟ่างลงไปสำรวจในอุโมงค์ที่ชิวซานสร้างขึ้น ที่แท้ชิวซานขุดรากเธอ (ต้นไป๋เถิงกลายพันธุ์) แล้วนำมาปลูกที่นี่ ดังนั้น ต้นไป๋เถิงที่อยู่ในนี้ก็คือร่างเดิมของซือเถิง (เดิมทีซือเถิงเป็นต้นไป๋เถิงอายุไม่กี่ร้อยปี เลยยังไม่ถึงเวลากลายร่าง แต่ชิวซานใช้ลูกปัดเทียนจูเก้าตาเร่งให้เธอกลายร่างเป็นเด็กผู้หญิงแล้วเลี้ยงเธอไว้ จากนั้นก็ตัดเส้นผมเธอปอยหนึ่งแล้วนำมาเก็บไว้ที่นี่ อุโมงค์แห่งนี้คือสถานที่ๆ ชิวซานใช้สยบซือเถิงนั่นเอง) 

หวังเฉียนคุนไม่อยากเชื่อว่าซือเถิงคือพืชกลายร่างซึ่งมีที่มาจากนอกโลก เขาพยายามร้องบอกตัวเองว่าสิ่งที่เห็นคือภาพลวงตา ซือเถิงมีบางอย่างให้หวังเฉียนคุนช่วย แต่เขาโวยวายไม่เลิกซือเถิงจึงปล่อยเถาไม้ห้าเส้น (เถาสังหาร) เข้าไปในตัวหวังเฉียนคุน หลังไม่ได้ข้อมูลใดๆ ที่เป็นประโยชน์ (เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ) ซือเถิงจึงสั่งให้หวังเฉียนคุนรีบกลับไปที่เขาชางหมิงพร้อมเหยียนฝูรุ่ย (ทุกสิบสองชั่วยามเถาสังหารจะกำเริบ เธอเลยให้เหยียนฝูรุ่ยตามไปดูแลเขา) เธอต้องการให้ทั้งคู่ไปหาอาจารย์ "ชางหง" (อาจารย์ของหวังเฉียนคุน) เพื่อหารือเรื่องที่เธอต้องการความช่วยเหลือ และให้ระดมนักพรตเสวียนเหมินที่มีฝีมือแก่กล้า (จากสี่สำนักเจ็ดถ้ำเก้าถนนเต๋าซึ่งเคยร่วมปราบเธอในอดีต) มาช่วยรักษาหวังเฉียนคุน หากทำไม่ได้ภายในเก้าวันให้ทุกคนรีบพาหวังเฉียนคุนมาพบเธอที่เขาชางเฉินก่อนที่จะสายเกินไป (พ้นวันที่สิบเถาสังหารจะเล่นงานหัวใจทำให้หวังเฉียนคุนถึงแก่ความตาย) 




เนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยนไปชางหงจึงรวบรวมลูกหลานนักพรตเสวียนเหมินที่มีฝีมือได้เพียง 5 คน รวมทั้งตัวเขาเองด้วย แต่ทว่าพวกเขาไม่สามารถแก้เถาสังหารให้หวังเฉียนคุนได้ แถมส่วนใหญ่ยังพลอยถูกพิษของเถาสังหารเล่นงานไปตามๆ กัน นักพรตรุ่นใหม่สงสัยว่าซือเถิงคิดอะไรอยู่กันแน่ คำตอบที่ได้รับกลับทำให้ทุกคนยิ่งงงหนัก เพราะซือเถิงบอก (ทางโทรศัพท์) ว่า อยากเชิญทุกคนมาทานข้าว! ฉินฟ่างไม่อยากเชื่อว่าซือเถิงจะกล้าเผชิญหน้ากับเหล่านักพรตเสวียนเหมินทั้งที่เธอไม่มีพลัง 

หลังแก้เถาสังหารไม่ได้ เหล่านักพรตเสวียนเหมินจึงหารือกับยาย "หวงชุ่ยหลาน" (ซึ่งรู้วิธีแก้เถาสังหาร) ผ่านวิดิโอคอล และนั่นก็ทำให้เหยียนฝูรุ่ยได้รู้ความจริงอีกด้านของอาจารย์ตน  ยายหวงเล่าว่า "นักพรตชิวซานเคยทำเรื่องผิดมหันต์จึงไม่อาจรับศิษย์ได้ (เหยียนฝูรุ่ยเป็นศิษย์ชิวซานแต่ไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาของสำนักเสวียนเหมิน) ทั้งนี้เพราะชิวซานคือผู้ที่กระตุ้นให้ซือเถิงกลายร่างก่อนเวลาอันควร จากนั้นก็เลี้ยงเธอไว้ใช้งานเยี่ยงทาส โดยให้อยู่ในกรงหมา ทารุณสารพัด และสั่งให้เธอกำจัดพวกเดียวกัน (อี้จู๋) จากนั้นก็นำมาอ้างว่าเป็นผลงานตน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นนักพรตที่มีผลงานในการปราบอี้จู๋โดดเด่นเกินใคร  เมื่อซือเถิงโตเป็นสาวและมีความรักกับคุณชายผู้มั่งคั่ง ชิวซานจึงพยายามขัดขวางเพราะเห็นว่าเป็นความรักต่างเผ่าพันธุ์ เขาถึงขั้นทำให้ซือเถิงเผยร่างเดิมต่อหน้าคนรัก เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงวิ่งหนีไปด้วยความตกใจกลัว หลังจากนั้นชิวซานก็ถูกเปิดโปงความชั่วช้าขณะกำลังจะถูกแต่งตั้งให้เป็น "เทียนซือ" (ปรมาจารย์) แห่งเขาชางเฉิง และผู้ที่ออกมาแฉเขาต่อหน้าเหล่านักพรตเสวียนเหมินก็คือซือเถิงนั่นเอง หลังถูกสำนักเต๋าขึ้นบัญชีดำ ชิวซานขอร้องทุกคนให้ไว้หน้าและอย่าป่าวประกาศเรื่องนี้ (ชิวซานเคยช่วยชีวิตพวกเขา) ทั้งยังให้คำมั่นว่าจะกำราบและสังหารซือเถิงเองกับมือ" 

ซือเถิงให้ฉินฟ่างจองโรงแรมและจัดเลี้ยงเหล่านักพรตเสวียนเหมินเป็นอย่างดี ที่แท้เธอต้องการให้เหล่านักพรตเสวียนเหมินช่วยสืบหาเบาะแสของอี้จู๋แบบเธอโดยให้เวลาสามวัน นั่นหมายความว่าถ้าไม่อยากตายเหล่านักพรตจะต้องหาอี้จู๋ที่กลายร่างเป็นมนุษย์ มีพลังแก่กล้า และแฝงตัวอยู่ในโลกมนุษย์ไม่ต่ำกว่า 100 ปีให้ได้ภายในสามวัน  (ซือเถิงต้องการตามหาตัวตนอีกครึ่งหนึ่งของเธอ) หลังรู้ว่าอาจารย์ทำไม่ดีกับซือเถิง เหยียนฝูรุ่ยจึงหันมาเป็นพวกและคอยสอดแนมความเคลื่อนไหวของศัตรู (เหล่านักพรตเสวียนเหมิน) ให้เธอ ขณะที่ฉินฟ่างเองก็อยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือเธอเช่นกัน นั่นจึงทำให้เขาได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวต่างๆ ที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน รวมทั้งเรื่องประวัติความเป็นมาของตัวเขาเอง นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าการที่เขาได้มาพบและทำให้ซือเถิงฟื้นคืนชีพไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่ใครบางคนวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อ 70 ปีก่อน

เนื้อหาตอนที่ 1




ละครเปิดฉากขึ้น ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ในปี ค.ศ. 1937 (พ.ศ 2480)  "ซือเถิง" ออกจากบ้านหลังใหญ่ยามวิกาลโดยสวมเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่หรูหราราคาแพง (ทุกคนในละแวกดังกล่าวต่างพากันทักทายเธออย่างเกรงอกเกรงใจ และเธอได้แอบใช้พลังพิเศษช่วยเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังจะพลัดตกบันได)  เธอมีนัดกับใครบางคนจึงว่าจ้างคนลากรถชื่อ "เจี่ยซาน" ให้ไปส่งที่โกดังร้างของโรงงานทอผ้าหวาเหม่ย ครั้นไปถึงเธอก็เดินเข้าไปในโกดังตามลำพังอย่างไม่หวั่นเกรง ภายในมีหญิงสาวที่สวมเสื้อคลุมมิดชิดยืนรอเธออยู่ หลังการเจรจา (เรื่องผู้ชาย) ไม่เป็นผล ซือเถิงจึงคิดที่จะไปคุยกับฝ่ายชายแทน สาวเสื้อคลุมไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นจึงใช้พลังพิเศษลอบสังหารซือเถิงจากทางด้านหลังทันที คนลากรถ (ซึ่งแอบดูอยู่ทางด้านนอก) เห็นซือเถิงโดนปลายแหลมของเถาวัลย์แทงทะลุอกต่อหน้าต่อตาจึงรีบวิ่งหนีอย่างลนลานแต่ถูกเถาวัลย์เส้นหนึ่งลากกลับเข้าไปในโกดัง  เมื่อสาวเสื้อคลุมเดินตรงเข้าไปหา ชายคนดังกล่าวจึงร้องขอชีวิต หญิงสาวเสนอทางรอดให้เขา โดยสั่งให้นำร่างของซือเถิงไปฝังที่เมืองต๋าน่าและให้เขาย้ายครอบครัวไปตั้งรกรากที่นั่นเสียเลย เพื่อที่เขาและคนในตระกูลจะได้เฝ้าร่างซือเถิงชั่วลูกชั่วหลาน


ณ ปี ค.ศ. 2020 "ฉินฟ่าง" เดินทางไปที่เมืองต๋าน่าหมายคำนับสุสานผู้มีพระคุณของย่าทวด โดยเขาได้พา "อันม่าน" มาคำนับเซ่นไหว้ (ในฐานะว่าที่ภรรยา) ด้วย ระหว่างอยู่บนรถโดยสารทั้งคู่ได้ฟังคนดังบนโลกออนไลน์ "ไป๋จิน" วิเคราะห์ (ผ่านหน้าจอทีวี)  ในประเด็น 'ผลกระทบของสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่มีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก' โดยไป๋จินได้หยิบยกเนื้อหาบางส่วนจากเอกสารทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์ เนื้อหาที่ว่าเป็นบันทึกเหตุการณ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (สมัยราชวงศ์เซี่ย) เนื้อความระบุว่า ปีที่ 8 รัชสมัยเซี่ยตี้ (จักรพรรดิเซี่ย)  หรือ 1914 ปีก่อนคริสตกาล ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นบนท้องฟ้า โดยมีลูกไฟสว่างจ้าพาดผ่านท้องฟ้าและตกลงมายังโลก หลังจากนั้นหลายพื้นที่ก็เต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมที่เป็นภัยต่อโลกมนุษย์

ไป๋จินเชื่อว่าสิ่งแปลกปลอมดังกล่าวมาจากยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว เขากล่าวว่ายีนของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกได้หลอมรวมกับพืชบางชนิดบนโลก หลังมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน พืชกลายพันธุ์เหล่านี้จะค่อยๆ มีความรู้สึกนึกคิดและมีพฤติกรรมต่างๆ เหมือนผู้คนบนโลก เพื่อการดำรงอยู่พวกเขาจำต้องแย่งชิงทรัพยากรกับชนพื้นเมืองดั้งเดิม และเพื่อต่อกรกับสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ ชนพื้นเมืองดั้งเดิมจึงก่อตั้งองค์กรที่มีชื่อว่า "เสวียนเหมิน" พวกเขาเรียกเหล่าพืชกลายพันธุ์นี้ว่า "อี้จู๋" (เผ่าพันธุ์อี้ / เผ่าพันธุ์แปลกปลอม) ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันมานานนับพันปีเพื่อสิ่งเดียว นั่นคือซุปเปอร์แม่เหล็กทรงกลมที่มีลักษณะคล้ายลูกปัดหินธิเบตเทียนจู (Dzi bead) ความจริงแล้วซุปเปอร์แม่เหล็กดังกล่าวเป็นเศษชิ้นส่วนจากยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวที่ตกลงมาเมื่อครั้งนั้น และคุณสมบัติพิเศษของมันก็คือความสามารถในการทำลายและก่อร่างอี้จู๋ขึ้นมาใหม่ (อันม่านสนใจเรื่องที่ไป๋จินพูดแต่ฉินฟ่างมองว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ) 



ครั้นไปถึงเมืองต๋าน่าซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ห่างไกล ฉินฟ่างจึงเช่ารถแล้วพาอันม่านเดินทางต่อไปยังบ้านผู้มีพระคุณ (เส้นทางนี้เจี่ยซานเคยใช้เมื่อกว่า 80 ปีก่อน ตอนนำร่างซือเถิงมาที่เมืองต๋าน่า) พอไปถึง (บ้านที่เจี่ยซานเคยอยู่) กลับพบเพียงความว่างเปล่า ฉินฟ่างเล่าให้อันม่านฟังว่า สมัยก่อนย่าทวดของตนหนีตายมาที่เมืองต๋าน่าระหว่างเกิดทุพภิกขภัยครั้งใหญ่  (ภัยจากการขาดแคลนอาหาร)  ขณะที่ย่าทวดกำลังจะหิวตายมีคนใจดีช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ทั้งยังรับอุปการะและดูแลเธอเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ คนหนึ่ง ความจริงแล้วฉินฟ่างเองเพิ่งรู้เรื่องนี้เพราะพ่อบอกเขาก่อนเสียชีวิต หลังรู้ว่าครอบครัวตนเป็นหนี้บุญคุณผู้ใจดีท่านนี้ ฉินฟ่างเลยตั้งใจว่าจะเดินทางมาที่นี่เพื่อคุกเข่าคำนับหน้าหลุมศพแทนปู่กับพ่อ อันม่านได้ยินแล้วอดทึ่งในตัวฉินฟ่างไม่ได้ เพราะเขาอุตส่าห์ดั้นดนเดินทางมายังแดนขุนเขาห่างไกล (ทิเบต) เพื่อทำตามสัญญา ทั้งที่เรื่องผ่านมานานแปดสิบปีแล้ว

อธิบายเนื้อหาเพิ่มเติม (ข้อมูลจากนิยาย)

* ผู้มีพระคุณของครอบครัวฉินฟ่างมีลูกสาวอายุมากกว่าย่าทวดของฉินฟ่างหนึ่งปี หลังลูกสาวป่วยตายเพราะโรคระบาด ผู้มีพระคุณจึงเลี้ยงดูย่าทวดเหมือนลูกและยังให้หมั้นหมายแทนลูกสาวตนซึ่งดองกันไว้แต่เล็ก ด้วยความที่ลูกสาวของผู้มีคุณเสียชีวิตโดยที่ยังไม่ออกเรือน (เลยไม่มีลูกหลานมาคอยคุกเข่าคำนับเซ่นไหว้และปัดกวาดหน้าหลุมศพ) ย่าทวดของฉินฟ่างจึงสัญญาว่าจะให้ลูกหลานของตนมาคุกเข่าคำนับเซ่นไหว้สุสานของลูกสาวผู้มีพระคุณ แต่ภายหลังย่าทวดของเขาได้ย้ายตามสามีไปตั้งถิ่นฐานที่อื่นจึงไม่ได้กลับบ้านเดิมตราบจนสิ้นลม เนื่องจากปู่ของฉินฟ่างมัวยุ่งอยู่กับการทำสงครามสร้างชาติ ส่วนพ่อของเขาขัดสนเกินกว่าจะเดินทางไปยังสถานที่ห่างไกลเพียงเพื่อคำนับหลุมศพ ทั้งปู่และพ่อจึงไม่ได้ทำตามสัญญา ที่ฉินฟ่างพาอันม่านมาด้วยเป็นเพราะพ่อเขาบอกว่ารอให้มีภรรยาก่อนแล้วค่อยไป (ไปเป็นคู่) เพื่อเห็นแก่ผู้ที่นอนอยู่ในสุสาน (ฉินฟ่างกำลังจะแต่งงานกันอันม่าน) 




หลังตามแผนที่มาที่บ้านสกุลเจี่ยแล้วพบว่าเป็นบ้านร้าง ฉินฟ่างจึงสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นจนได้ความว่าคนสกุลเจี่ยเคยอยู่ที่นี่จริงเมื่อหลายสิบปีก่อนแต่หลังจากนั้นได้ย้ายออกไป ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน หลังคว้าน้ำเหลวอันม่านจึงชวนฉินฟ่างไปพักที่โฮมสเตย์แห่งหนึ่ง ระหว่างรอเช็คอินทั้งคู่นั่งดื่มชานมร้อนๆ ที่ทางโฮมาสเตย์เตรียมไว้ให้แขกผู้มาเยือนได้ดื่มคลายหนาว ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาสอบถามทางไปเมืองโบราณกับเจ้าของโฮมสเตย์ อันม่านเห็นชายคนดังกล่าวแล้วถึงกับหน้าถอดสี เธอพยายามเบือนหน้าหนีแต่ชายคนดังกล่าวกลับเดินมานั่งร่วมโต๊ะกับฉินฟ่างและอันม่าน

ชายแปลกหน้าตักชานมร้อนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพลางชวนฉินฟ่างพูดคุยอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง เขาบอกว่าตนแซ่หม่า ขับรถมาท่องเที่ยวที่นี่หลังถูกคนสวมเขาหวังชำระล้างจิตวิญญาณ (ละแวกดังกล่าวเป็นดินแดนแห่งภูเขาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์) ครั้นชายแซ่หม่าทักว่าสีหน้า 'แฟน' ของฉินฟ่างดูไม่สู้ดี อันม่านจึงออกตัวว่าตนอาจเป็นโรคแพ้ที่สูง (High altitude sickness) ฉินฟ่างได้ยินดังนั้นจึงขอพาอันม่านไปพักผ่อนที่ห้อง ชายแซ่หม่าชวนฉินฟ่างกับอันม่านไปคุยต่อที่ห้องพักของตนในคืนนี้โดยอ้างว่าโชคชะตานำพาพวกตนมาพบกัน เขายื่นมือถือให้ฉินฟ่างกับอันม่านดูชื่อ-ที่อยู่โรงแรม ก่อนบอกว่าตนพักที่ห้อง 188 และย้ำว่าต้องมาให้ได้

* โรคแพ้ที่สูง (High altitude sickness) เป็นภาวะหรือโรคที่พบในนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากๆ แล้วร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ในภาวะที่มีออกซิเจนน้อย



ฉินฟ่างรู้สึกว่าชายแซ่หม่าเป็นคนพิลึก พวกตนเพิ่งพบกันแท้ๆ แต่เขากลับทำเหมือนเป็นคนคุ้นเคย ความจริงแล้วตอนนั้นชายแซ่หม่าไม่ได้ตั้งใจเชิญฉินฟ่างไปคุยต่อที่ห้องพัก แต่เขากำลังบอกอันม่านให้ไปพบตนที่นั่น คืนนั้นอันม่านจึงแอบวางยานอนหลับฉินฟ่างแล้วขับรถไปหาชายแซ่หม่าที่โรงแรมตามลำพัง ที่แท้ชายคนดังกล่าวไม่ได้แซ่หม่า แต่เขาคือ "จ้าวเจียงหลง" (อันม่านเรียกเขาว่า "พี่จ้าว") ส่วนอันม่านมีชื่อจริงว่า "อันเสี่ยวถิง" เป็นชู้รักที่จ้าวเจียงหลงเคยเลี้ยงดู จ้าวเจียงหลงรู้ว่าอันม่านอยู่ที่นี่เพราะก่อนหน้านี้อันม่านได้แชร์โลเคชั่น โพสต์รูปวิวเมืองต๋าน่า และพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับความรักลงในวีแชตว่า "ในโลกใบนี้ มีคนๆ หนึ่งที่ฟ้าลิขิตให้คุณเฝ้ารอ เมื่อถึงเวลาคุณจะเข้าใจเองว่าทำไมถึงไม่อาจลงเอยกับคนที่ไม่ใช่" จ้าวเจียงหลงทั้งโกรธและผิดหวังที่อันมั่นมองว่าฉินฟ่างคือคนที่ใช่ ส่วนตนที่คอยหาเงินมาปรนเปรอกลับเป็นคนที่ 'ไม่ใช่' ในสายตาเธอ 

จ้าวเจียงหลงขอคำอธิบายว่าตนผิดอะไร ไม่ใช่ตรงไหน อันม่านไม่ตอบ เธอรู้นิสัยเขาดีเลยได้แต่ยืนน้ำตาร่วงตัวแข็งทื่อ ครั้นไม่ได้คำตอบจ้าวเจียงหลงจึงพับนิตยสารแล้วนำมาฟาดศีรษะและใบหน้าอันม่านแบบไม่ยั้ง อันม่านรีบคุกเข่าขอความเมตตา เธอขอให้เขาปล่อยเธอไปแล้วเธอจะสำนึกบุญคุณเขาชั่วชีวิต เธอสัญญาด้วยว่าจะหาเงินมาคืน ขอเพียงอย่าบอกความจริงกับฉินฟ่าง จ้าวเจียงหลงได้ยินอันม่านพูดถึงฉินฟ่างแล้วยิ่งโมโห 



ภาพตัดไปที่โฮมสเตย์ อันม่านขับรถกลับมาในสภาพสะบักสะบอม เธอรีบวิ่งกลับไปที่ห้องแล้วพยายามตั้งสติ เนื่องจากฉินฟ่างยังคงไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ยา อันม่านเลยต้องประคองเขาขึ้นรถแล้วพากันหลบหนีโดยไม่รู้ว่ามีชายสองคนสะกดรอยตาม ระหว่างขับรถเลียบผาสูงชันบนเส้นทางลัดเลาะภูเขาอันแสนคดเคี้ยว อันม่านหวนนึกถึงเหตุการณ์ระทึกก่อนหน้านี้... ในตอนนั้นอันม่านขอร้องจ้าวเจียงหลงว่าอย่าเผยเรื่องราวในอดีตของเธอให้ฉินฟ่างรู้  จ้าวเจียงหลงได้ยินแล้วยิ่งโกรธ เขาจิกหัวเธอพลางขู่ว่าตนจะทำให้ฉินฟ่างได้เห็นธาตุแท้ของเธอ อันม่านได้ยินดังนั้นเลยสู้ยิบตา เธอหลับหูหลับตาใช้กระเป๋าฟาดจ้าวเจียงหลงไม่ยั้ง... ครั้นนึกถึงตอนนั้นอันม่านก็เหยียบเบรคเพื่อจอดรถทันที เธอจำได้ว่าตนใช้กระเป๋าฟาดจ้าวเจียงหลงนับครั้งไม่ถ้วน แต่พอลืมตามองอีกครั้งกลับพบว่าจ้าวเจียงหลงถูกมีดปอกผลไม้เสียบเข้าที่บริเวณท้อง เธอเห็นแล้วถึงกับช็อคเพราะนึกว่าตนพลั้งมือฆ่าเขาเลยวิ่งเตลิดออกจากห้องด้วยความตกใจ



หลังทบทวนเหตุการณ์แล้วอันม่านก็มั่นใจว่าเธอไม่ได้แทงจ้าวเจียงหลง เพราะเธอไม่มีมีดและไม่ได้แตะต้องมีดเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นในห้องนั้นมีเพียงเธอกับจ้าวเจียงหลง ในเมื่อเธอไม่ได้แทงก็แสดงว่าจ้าวเจียงหลงจงใจจัดฉากใส่ร้ายเธอ อันม่านเข้าเกียร์เดินหน้าแต่รถยังไม่ทันออกตัวก็โดนชนท้ายเข้าอย่างจัง ทำให้รถไถลและหมุนคว้างจนเกือบตกหน้าผา โชคดีที่ล้อหน้าเกยกิ่งไม้ใหญ่อยู่จึงยังไม่ร่วงลงไป (แต่ท้ายรถลอยคว้างกลางอากาศแล้ว) ที่แท้รถคันดังกล่าวสะกดรอยตามอันม่านมาตั้งแต่แรก ชายที่อยู่ในรถมีด้วยกันสองคน หนึ่งในนั้นคือ "โจวว่านตง" ซึ่งตรงมาฉุดกระชากลากตัวอันม่านลงจากรถ จากนั้นก็จิกหัวเธอแล้วลากไปที่รถของตนเพื่อเค้นถามว่า 'ของ' ของจ้าวเจียงหลงอยู่ที่ไหน ปรากฏว่า 'ของ' ที่ชายทั้งสองตามหาคือ จิ๋วเหยี่ยนเทียนจู (ลูกปัดหินทิเบตเทียนจู 9 ตา) อันม่านปฏิเสธว่าเธอไม่รู้ ไม่เห็น และไม่รู้จักจ้าวเจียงหลง

ฉินฟ่าง (ซึ่งศีรษะโดนกระแทกจนเลือดไหลอาบใบหน้า) ได้ยินเสียงอันม่านร้องลั่นจึงเริ่มรู้สึกตัว ครั้นเห็นอันม่านถูกชายสองคนรุมทำร้ายเขาจึงคิดที่จะลงไปช่วย แต่ทว่ายายังไม่หมดฤทธิ์ ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ พอเขาขยับตัวรถก็เริ่มโอนเอนก่อนที่ท้ายรถจะเริ่มเอียงลง โจวว่านตงกับคู่หูที่ชื่อ "ฉีเกอ" ทั้งขู่ ทั้งทุบตีอันม่านแต่ยังคงไม่ได้รับคำตอบว่าของอยู่ที่ไหน พวกเขาจึงขู่ว่าจะไปถามฉินฟ่างแทน ครั้นเห็นโจวว่านตงเดินตรงไปที่รถซึ่งใกล้ตกหน้าผาเต็มที อันม่านจึงวิ่งไปกอดขาเขาไว้พลางบอกว่าฉินฟ่างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่แท้โจวว่านตงกับฉีเกอแอบจับตาดูจ้าวเจียงหลงตลอดเวลา พวกเขาเชื่อว่าของอยู่ที่อันม่านเพราะเธอเป็นคนเดียวที่เข้าไปในห้องของจ้าวเจียงหลง แต่อันม่านยืนกรานว่าเธอไม่รู้เรื่องจริงๆ หลังทั้งคู่เอาชีวิตของฉินฟ่างมาข่มขู่อันม่านเลยโกหกว่าของอยู่ในตู้ที่โรงแรม พอได้คำตอบแล้วโจวว่านตงกลับส่งสัญญาณให้ฉีเกอกำจัดฉินฟ่าง ฉีเกอยิ้มอย่างเลือดเย็นก่อนผลักรถตกหน้าผา อันม่านเห็นแล้วถึงกับช็อค หลังจากนั้นโจวว่านตงกับฉีเกอก็ลากอันม่านขึ้นรถ 



หลังรถกลิ้งตกเขาหลายสิบตลบ ร่างของฉินฟ่างก็ถูกปลายแหลมของไม้ลักษณะคล้ายเสาเสียบทะลุกลางอกจนเลือดไหลนอง (ร่างเสียบคาอยู่กลางไม้) ในตอนแรกเขายังคงมีสติแต่ไม่นานก็แน่นิ่งไป (เลือดของเขาไหลอาบเสาไม้ลงสู่พื้นดิน) วันรุ่งขึ้นร่างของฉินฟ่างยังคงเสียบคาอยู่บนเสาไม้ แม้ถูกไม้ขนาดใหญ่เสียบแทงทะลุร่างแต่เขากลับยังคงมีชีวิตอยู่ (มีของเหลวสีเขียวไหลรินบนเสาไม้ใต้ร่างเขา) ฉินฟ่างฝันว่าตนเองกำลังเดินเข้าไปในโรงงิ้วเก่าแก่ นอกจากเขาแล้วไม่มีคนดูคนอื่น แต่ทว่านักดนตรีและนักแสดงบนเวทียังคงทำการแสดงแบบจัดเต็ม ขณะที่นักแสดงงิ้วกำลังโรมรันในฉากต่อสู้ อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงสวมกี่เพ้าและรองเท้าส้นสูงสีขาวเดินผ่านบริเวณด้านหลังนักแสดง ฉินฟ่างเห็นเธอเดินหายไปทางด้านหลังเวทีจึงตามไปดูและพบว่าเธอกำลังอยู่ในห้องแต่งตัวตามลำพัง แต่เขาไม่ทันได้เห็นใบหน้าเธอก็รู้สึกตัวเสียก่อน ทันใดนั้นพื้นดินบริเวณโดยรอบฉินฟ่างก็เริ่มขยับเขยื้อนและค่อยๆ นูนขึ้น ทั้งยังสั่นสะเทือนจนสัตว์ป่าพากันหนีหาย แม้แต่นกบนต้นไม้ยังพากันบินว่อน


ในเวลาเดียวกันนั้น แผ่นศิลาซึ่งตั้งอยู่กลางลานโล่งในหอซิงอวิ๋นแถบเขาชางเฉิง (อดีตเคยเป็นอารามเต๋า) ซึ่งเริ่มสั่นไหวตั้งแต่เมื่อคืนก็เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น "เหยียนฝูรุ่ย" กับศิษย์ตัวน้อย "เหยียนหว่าฝาง" จึงสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ เมื่อเหยียนฝูรุ่ยออกไปดูทางด้านนอกก็ร้องลั่นเพราะแผ่นศิลาที่ตั้งอยู่กลางลานแตกเป็นเสี่ยงๆ และมีหลุมลึกที่พื้น นอกจากนี้เขายังพบสมุดพับเล่มหนึ่งตกอยู่ในบริเวณดังกล่าว เมื่อคลี่ออกดูก็พบข้อความที่อาจารย์เขียนถึงตน   เนื้อความระบุว่าแม้ไม่อาจเรียนวิชาของสำนักเสวียนเหมิน แต่จงจำภารกิจของสำนักเสวียนเหมินให้ขึ้นใจว่า การกวาดล้าง "อี้จู๋" (เผ่าพันธุ์แปลกปลอม) คือภารกิจหลักที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด อาจารย์ของเหยียนฝูรุ่ยยังเขียนเล่าเรื่องราวของซือเถิงไว้ในสมุดเล่มดังกล่าวว่า 'ที่ผ่านมาตนสังหารอี้จู๋มานับไม่ถ้วนแต่เกือบพ่ายให้ซือเถิง ซือเถิงกลายร่างที่ซีหนาน เดิมเป็น 'ไป๋เถิง' (พืชสกุลหวาย) ที่อยู่เคียงข้างต้นไม้สูงใหญ่และเป็นผลพวงของอี้จู๋จากนอกโลก เธอชำนาญการรัด นิสัยดุร้าย ฆ่าพวกเดียวกัน โดดเด่นเป็นหนึ่งไม่มีสอง ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อศัตรู ขนาดพวกเดียวกันยังยอมสยบ  แม้แต่เสวียนเหมินยังหวาดกลัว....'   เหยียนฝูรุ่ยอ่านแล้วถึงกับช็อค



ตัดกลับไปที่กลางป่า อยู่ๆ พื้นดินใต้ร่างฉินฟ่างก็สั่นสะเทือนคล้ายเกิดแผ่นดินไหว ไม่นานก็มีแรงอัดรุนแรงคล้ายระเบิดส่งผลให้ทั้งรถและร่างของฉินฟ่างกระเด็นไปคนละทิศละทาง ทันใดนั้นเวลาก็หยุดนิ่ง ทุกสรรพสิ่งหยุดการเคลื่อนไหว (ฉินฟ่างยังคงลอยคว้างกลางอากาศ) คงมีเพียงต้นไป๋เถิงที่งอกและเติบโตอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำกิ่งก้านสาขา (เถา) ของมันยังผสานและหลอมรวมกันเป็นโครงร่างของหญิงสาว ฉินฟ่างแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นต้นไม้กลายร่างเป็นหญิงงามในชุดกี่เพ้า และหญิงงามคนที่ว่าก็คือซือเถิงซึ่งถูกฆ่าเมื่อกว่า 80 ปีก่อนนั่นเอง (เลือดของฉินฟ่างทำให้ซือเถิงฟื้นคืนชีพ) หลังซือเถิงช่วยรักษาบาดแผลให้ฉินฟ่างเวลาที่หยุดนิ่งชั่วขณะก็กลับมาเดินหน้าอีกครั้ง ทำให้ร่างของฉินฟ่าง (ซึ่งโดนแรงอัดจนกระเด็นขึ้นไปลอยคว้างกลางอากาศ) ตกกระแทกลงบนพื้น



ครั้นพบว่าร่างกายไม่มีอะไรบุบสลาย แถมบาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าอกยังมลายหายไป คงเหลือไว้เพียงรูบนเสื้อและคราบเลือด ฉินฟ่างก็หันกลับไปมองซือเถิงด้วยความประหลาดใจ ซือเถิงไม่แม้แต่ปรายตามองฉินฟ่าง เธอแลดูเย่อหยิ่งเย็นชา เพียงชั่วพริบตาเธอก็พุ่งตัวขึ้นไปบนฟ้าราวติดจรวด หลังจากนั้นไม่นานมีวัตถุบางอย่างตกลงมาจากท้องฟ้า ฉินฟ่างรีบคลานไปหลบหลังต้นไม้ด้วยความตกใจกลัว เมื่อเขายื่นหน้าออกไปดูก็พบว่าสิ่งที่ตกลงมาเมื่อครู่คือ...ซือเถิง! หลังตกลงมาจากฟ้าซือเถิงก็จัดกระดูกของตนให้เข้าที่ก่อนหันไปมองฉินฟ่างด้วยสายตาอันคมกริบ ฉินฟ่างเห็นดังนั้นเลยวิ่งป่าราบ ครั้นถูกซือเถิงลากตัวกลับมา (ด้วยเถาไม้) ฉินฟ่างจึงร้องลั่นด้วยความตกใจกลัว 


ซือเถิงชี้ว่าฉินฟ่างเป็นคนปลุกตนขึ้นมา  ฉินฟ่างอยากให้สิ่งที่ตนพานพบเป็นเพียงความฝันแต่ไม่อาจหลีกหนีความจริงที่อยู่ตรงหน้า ซือเถิงสงสัยว่าฉินฟ่างเป็นใคร เขาทำให้เธอฟื้นคืนชีพได้อย่างไร ฉินฟ่างกล่าวว่าตนเป็นแค่คนธรรมดา ไม่เคยคิดที่จะลบหลู่เธอ ครั้งนี้ตนมาทำธุระที่เมืองต๋าน่า ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงง่วงนอน และรู้สึกมึนงงตอนที่อยู่บนรถ หลังจากนั้นรถก็ตกจากหน้าผา ตนจำได้ว่าถูกเสาแหลมแทงทะลุอก ฉินฟ่างรู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆ เสาดังกล่าวก็อันตรธานหายไป เขาไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ทั้งกับตนและหญิงสาว เพราะนอกจากตัวเขาจะรอดตายแบบเหลือเชื่อแล้ว เขายังช่วยให้เธอฟื้นคืนชีพอีกด้วย ถึงกระนั้นเขาก็อดถามเธอไม่ได้ว่า 'พวกตน' ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม ซือเถิงปฏิเสธทันควันว่าเธอไม่ใช่ 'พวก' เดียวกับฉินฟ่าง (คนละเผ่าพันธุ์) หลังรู้ว่าปีนี้คือปี ค.ศ. 2020 ซือเถิงก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะ เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองหลับใหลไปนาน 83 ปี ฉินฟ่างถึงกับอึ้งพูดไม่ออกเมื่อซือเถิงบอกว่า นับจากนี้เธอคือ 'นาย' ของเขา เขาต้องเชื่อฟังเธอ และจงจำไว้ว่าเธอชื่อ "ซือเถิง"

* ในนิยายระบุว่า เสาแหลมที่เสียบทะลุหัวใจของฉินฟ่างคือปลายเถาไม้ที่เสียบแทงทะลุหัวใจของซือเถิง ในปี 1937 เมื่อเลือดของฉินฟ่างไหลรินลงบนเสา เลือดของเขาจึงไหลลงสู่หัวใจของซือเถิงทำให้เธอฟื้นคืนชีพ ส่วนเธอใช้ไอปีศาจของตนหล่อเลี้ยงชีวิตฉินฟ่างเอาไว้ (ในนิยายซือเถิงคือปีศาจ แต่ในละครซือเถิงคือผลพวงของวิวัฒนาการและการกลายพันธุ์ระหว่างยีนที่มาจากนอกโลกกับยีนของพืชบนโลกมนุษย์)



ตัดกลับไปที่หอซิงอวิ๋น เหยียนฝูรุ่ยยังคงนั่งอ่านข้อความที่อาจารย์เขียนลงบนสมุด เนื้อความกล่าวว่า ในปี ค.ศ. 1946 อาจารย์ของเหยียนฝูรุ่ยได้กำจัดซือเถิงที่เซี่ยงไฮ้ แต่ก่อนตายซือเถิงลั่นวาจาว่าจะกลับมาแก้แค้น... ครั้นเหยียนฝูรุ่ยอ่านถึงประโยคที่ว่า 'หากซือเถิงฟื้นคืนชีพจะเกิดอาเพศที่หอซิงอวิ๋น' อยู่ๆ พื้นที่ลานด้านนอกก็พังถล่มจนเผยให้เห็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน  



ระหว่างรอฉินฟ่างเปลี่ยนเสื้อผ้า ตลอดจนเก็บข้าวของและกระเป๋าเดินทางในซากรถ ซือเถิงถามฉินฟ่างว่าที่นี่ที่ไหน? ฉินฟ่างบอกเธอว่าพวกตนอยู่ต๋าน่า เขานึกขึ้นได้ว่าตอนนั่งรถโดยสารมาที่เมืองต๋าน่ากับอันม่าน พวกตนได้ฟังไป๋จิ๋นพูดถึง "อี้จู๋" ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่หลอมรวมกับพืชบางชนิดบนโลกจนเกิดมีวิวัฒนาการและการกลายพันธุ์จนมีลักษณะคล้ายมนุษย์โลก ถ้าไม่เห็นเองกับตาเขาไม่มีทางเชื่อเรื่องพวกนี้ ที่แท้ซือเถิงคือ "อี้จู๋" ที่ไป๋จินพูดถึงนั่นเอง เขาเห็นว่าขืนปล่อยให้ซือเถิงสวมชุดกี่เพ้าที่บางเบาและเน้นทรวดทรงบนดินแดนอันรกร้างและหนาวเหน็บคงไม่เหมาะนัก (อากาศหนาวเย็นและเป็นที่สะดุดตาเกินไป) จึงยื่นเสื้อแจ็คเกตสีชมพูสุดหวานแหวว (ของอันม่าน) ให้เธอสวม ซือเถิงใช้สองนิ้วคีบมาดูใกล้ๆ ก่อนโยนทิ้งด้วยท่าทางรังเกียจ ฉินฟ่างโวยว่าถ้าไม่ใส่ตัวนี้ก็ไม่มีตัวอื่นให้เลือกแล้ว  แต่ซือเถิงยืนกรานว่าไม่ใส่ ก่อนวางท่าดุจนางพญาผู้เย่อหยิ่งและสูงส่ง




ขณะเดินออกจากป่า ซือเถิง (ซึ่งเดินเท้าเปล่า) สั่งให้ฉินฟ่างถอดรองเท้าออกมาให้เธอ ฉินฟ่างยอมทำตามแต่โดยดี หลังสละรองเท้าให้ซือเถิงแล้วเขายังต้องยื่นแขนให้เธอเกาะเพื่อให้เธอสวมรองเท้าได้โดยสะดวก ทันทีที่สวมรองเท้าเสร็จซือเถิงก็ปล่อยมือจากฉินฟ่างแล้วเดินต่อโดยไม่ขอบคุณ แถมเธอยังสะบัดและปัดมือราวกับกลัวว่าจะมีสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคมาแปดเปื้อนมือเธอ ฉินฟ่างเห็นแล้วได้แต่ยืนอึ้ง ระหว่างเดินไปตามถนนอันคดเคี้ยว ซือเถิงไม่ชอบใจที่ฉินฟ่างพูดจากับเธอแบบห้วนๆ เลยสอนให้เขาพูดกับเธออย่างนอบน้อม หลังจากนั้นเธอก็ยื่นเท้าให้ฉินฟ่างช่วยผูกเชือกรองเท้าให้ หลังช่วยผูกเชือกรองเท้าแล้วฉินฟ่างก็ถอดเสื้อตัวนอกแล้วยื่นให้เธอด้วยเห็นว่าอากาศหนาวเย็น ซือเถิงออกตัวว่าฉินฟ่างเป็นฝ่ายร้องขอให้เธอใส่ จากนั้นก็หยิบเสื้อมาสะบัดแล้วนำมาห่มคลุมกาย



ฉินฟ่างพาซือเถิงกลับมาพักที่โฮมสเตย์แห่งเก่า ขณะตักชานมร้อนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาดื่มคลายหนาว เขาเห็นซือเถิงหยิบกระถางไม้เลื้อยมาวางตากแดดจึงเตือนว่าอย่าแตะต้องของๆ คนอื่น แต่ซือเถิงแย้งว่ามันหนาว ฉินฟ่างสวนกลับว่ารู้ได้ยังไง ครั้นเห็นซือเถิงใช้เถาไม้ที่ยื่นออกมาจากปลายนิ้วเขี่ยต้นไม้เล่น เขาจึงเปรยว่า "อ๋อ ใช่ๆ เธอไม่ใช่มนุษย์" ซือเถิงหันไปมองฉินฟ่างด้วยสายตาดุดัน ฉินฟ่างเห็นท่าไม่ดีเลยร้องเรียกเจ้าของโฮมสเตย์ นาม "ลั่วหรงเอ๋อร์เจี่ย" ก่อนถามว่าตนมีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมไหม เจ้าของโฮมสเตย์เห็นว่าขากางเกงของฉินฟ่างค่อนข้างมอมแมม แถมเขายังไม่สวมรองเท้าจึงถามว่าเขาไปทำอะไรมา หลังรู้ว่าตนไม่มีอะไรผิดปกติฉินฟ่างจึงตัดบทด้วยการถามถึงอันม่าน เจ้าของโฮมสเตย์กล่าวอย่างหัวเสียว่าอันม่านกลับมาที่นี่แล้วทำห้องเละเทะไปหมด นับเป็นบุญของฉินฟ่างแล้วที่ทิ้งเธอไป ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนเขาเองก็ไม่รู้ 



ซือเถิงตัดบทด้วยการสั่งให้ทำความสะอาดห้องเพราะเธอต้องการพักผ่อน ชาวทิเบตซึ่งปากตรงกับใจอย่างเจ้าของโฮมสเตย์จึงถามฉินฟ่างตรงๆ ว่าทำไมถึงพาผู้หญิงอีกคนมาด้วย ซือเถิงได้ยินดังนั้นจึงหันขวับแล้วถามเจ้าของโฮมสเตย์อย่างเอาเรื่องว่ามีปัญหาหรือ เจ้าของโฮมสเตย์ได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้นมาชี้หน้าซือเถิง ฉินฟ่างไม่อยากให้เรื่องบานปลายเลยรีบบอกเจ้าของโฮมสเตย์ว่าไม่มีปัญหา แล้วพาซือเถิงไปยังห้องพักที่อยู่ห่างออกไปทันที ระหว่างทางฉินฟ่างขอให้ซือเถิงเคารพกฎกติกาของสังคมมนุษย์ เขายอมรับว่าตนไม่รู้กฎของอี้จู๋ แต่ตอนนี้ซือเถิงอยู่ที่นี่กับพวกตนเขาจึงขอให้ซือเถิงรอดูสถานการณ์ให้มากขึ้นและก่อเรื่องให้น้อยลง ซือเถิงไม่พอใจฉินฟ่างที่บังอาจสั่งสอนตน หลังตำหนิเขาแล้วเธอจึงสะบัดผมแล้วเดินจากไป


 

พอมาถึงห้องพักซือเถิงก็สะบัดรองเท้าออกทั้งสองข้าง ก่อนถอดเสื้อของฉินฟ่างแล้วทิ้งลงพื้น ฉินฟ่างรีบตามเก็บแต่เก็บยังไม่ทันเสร็จซือเถิงก็บอกว่าเธออยากอาบน้ำ (แปลว่าไปเตรียมน้ำอุ่นให้เธอเดี๋ยวนี้) ขณะอาบน้ำซือเถิงพยายามครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต รวมถึงวันที่เธอถูกหญิงสาวคนหนึ่งฆ่าตายในโกดังที่เซี่ยงไฮ้ ซือเถิงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เพราะเธอตายที่เซี่ยงไฮ้แต่กลับฟื้นคืนชีพที่ต๋าน่า เธอจึงสงสัยว่าใครกันที่พาเธอมาถึงที่นี่

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ


จิ่งเถียน
รับบท ซือเถิง
(นักแสดง ชาวจีน)



จางปินปิน
รับบท ฉินฟ่าง
(นักแสดง ชาวจีน)

อื่นๆ

 

(ซ้าย) หลี่มู่เฉิน รับบท เสิ่นอิ๋นเติง - (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) จางอี้ฉือ รับบท เหยียนฝูรุ่ย - (นักแสดง ชาวจีน)



(ซ้าย) อู๋จวิ้นอวี๋ รับบท หวังเฉียนคุน - (นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
(ขวา) กัวเฮ่อเซวียน รับบท เหยียนหว่าฝาง - (นักแสดง ชาวจีน)



(ซ้าย) จินเจ๋อฮ่าว รับบท ตานจื้อกัง - (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) พานอีอี รับบท อันม่าน - (นักแสดง ชาวจีน)


 

(ซ้าย) เส้าเฟิง รับบท ชิวซาน - (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) หลี่อีเสี่ยว รับบท ไป๋อิง - (นักแสดง ชาวจีน)



(ซ้าย) หลี่มู่เกอ รับบท ไป๋จิน - (ผู้กำกับ ชาวจีน - กำกับละครเรื่องนี้ และเรื่อง "ตงกง")
(ขวา) หยวนเฉิงเจี๋ย รับบท เส้าเหยี่ยนควน - (นักแสดง / นักร้อง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)



(ซ้าย) จางติ้งหาน รับบท เจี่ยกุ้ยจือ - (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) หลี่ว์สิง รับบท จ้าวเจียงหลง - (นักแสดง ชาวจีน)


 

(ซ้าย) หวังกวน 
รับบท โจวว่านตง - (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) อวี๋ยวน รับบท ฉีเกอ - (นักแสดง ชาวจีน)





*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา