กำกับ: หลี่มู่เกอ
เขียนบท: เฉียนเจว๋, หวังอี่หาน, สวีเสี่ยวหลิน, หูหรง, หลิวเซี่ยว, เคออี๋ถง
แนวละคร: ย้อนยุค, โรแมนติก, เมโลดราม่า
จำนวนตอน: 52 (เดิม) / 55 (เวอร์ชั่นใหม่ - อันคัท - ในไทยฉายเวอร์ชั่นนี้)
ออกอากาศ: จีน - 14 กุมภาพันธ์ 2562 ทางโยวคู่ (Youku)
ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.25 น. ทางช่องโมโน 29 ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2563 - 14 กรกฎาคม 2563
เรื่องย่อ
ละคร "ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา" (Good Bye, My Princess) ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง "ตงกง" (Eastern Palace) ของนักเขียนหญิงชาวอู่ฮั่น เจ้าของนามปากกา "เฝยหว่อซือฉุน" เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวความรักอันลึกซึ้งและสุดแสนสะเทือนอารมณ์ระหว่าง "ชวีเสี่ยวเฟิง" องค์หญิงเก้าแห่งแคว้นซีโจว กับ "หลี่เฉิงอิ๋น" องค์ชายห้าแห่งราชวงศ์หลี่
* ตงกง (ตำหนักบูรพา) คือ ที่ประทับขององค์รัชทายาท
หลังเฉิงจี้เสียชีวิตสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ซีเป่ย) ก็เริ่มตึงเครียด แถมชนเผ่าตานชือซึ่งมีตาของเสี่ยวเฟิงเป็นผู้นำยังกลายเป็นแพะและศัตรูของราชวงศ์หลี่โดยไม่รู้ตัว องค์ชายรองคิดใช้โอกาสนี้สร้างผลงานจึงอาสากวาดล้างเผ่าตานชือในแดนซีเป่ย ฮ่องเต้ไม่สนว่าเผ่าตานชือก่อเหตุจริงหรือไม่ พระองค์จ้องกำจัดชนเผ่าตานชือมานานแต่ยังหาเหตุผลอันควรไม่ได้ ครั้นสบโอกาสจึงไม่ลังเล เสนาเกาซึ่งแกล้งป่วยต่อหน้าทุกคนรู้ดีว่าชนเผ่าตานชือถูกใส่ร้ายแต่ทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ หลังรู้ว่าฮองเฮาเป็นคนวางยาพิษมารดาผู้ให้กำเนิดตน (ซึ่งเป็นคนสกุลกู้) ส่วนเสนาเกาเป็นคนให้ร้ายและฆ่าล้างสกุลกู้กับสกุลเฉิน เฉิงอิ๋นจึงรู้สึกเจ็บแค้นที่นับถือศัตรูเป็นแม่มาโดยตลอด เดิมทีเขาไม่เคยคิดครอบครองตำหนักบูรพา ไม่ยุ่งเรื่องการเมือง และเป็นคนซื่อตรง แต่พอรู้ความจริงเรื่องมารดาและล่วงรู้แผนการของฮองเฮา ความคิดเขาจึงเปลี่ยนไป
องค์ชายรองคิดกำจัดเฉิงอิ๋นแต่ไม่มีโอกาสจึงใช้เฉิงอิ๋นไปทำงานที่เสี่ยงชีวิตแทน และงานที่ว่าก็คือการเป็นสายแทรกซึมเข้าไปหาจุดยุทธศาสตร์ (กระโจมผู้นำ) ในเผ่าตานชือ เฉิงอิ๋นต้องการสร้างผลงานและสืบหาความจริงเรื่องการลอบสังหารเฉิงจี้จึงยินดีทำภารกิจโดยไม่หวั่นเกรง ไฉมู่เป็นห่วงความปลอดภัยของเฉิงอิ๋นจึงบอกให้ "กู้เจี้ยน" (ญาติฝ่ายมารดาของเฉิงอิ๋น / อาจารย์ของเสี่ยวเฟิง) คอยคุ้มกัน เขามองว่าเสี่ยวเฟิงคือตัวช่วยที่ดีที่สุดของเฉิงอิ๋น จึงบอกให้กู้เจี้ยนปล่อยวางความรู้สึกส่วนตัวแล้วพาเสี่ยวเฟิงไปพบเฉิงอิ๋น เพื่อที่เฉิงอิ๋นจะได้ตีสนิทและล้วงข้อมูลจากเธอ (เฉิงอิ๋นโกหกว่าตนเป็นพ่อค้าชื่อ "กู้เสียวอู่") หลังฝ่าฟันความยากลำบากและผ่านพ้นความเป็นความตายมาด้วยกัน ในที่สุดเสี่ยวเฟิงกับเสียวอู่ก็ตกหลุมรักกัน แต่ทว่าช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นแสนสั้น หลังเผ่าตานชือของผู้เป็นตาถูกราชวงศ์หลี่กวาดล้าง เสี่ยวเฟิงจึงรู้ว่าตนถูกหลอกใช้ เธอเสียใจและต้องการตัดขาดจากเขาจึงกระโดดแม่น้ำวั่งชวน (ธาราลืมเลือน) ในตำนานหมายให้ลืมรักและความทรงจำอันเลวร้าย เฉิงอิ๋นเห็นดังนั้นจึงกระโดดตามเธอไปโดยไม่ลังเล หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ลืมกันและกันจนหมดสิ้น
หลังสร้างผลงานครั้งยิ่งใหญ่เฉิงอิ๋นก็ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทและได้อภิเษกกับเสี่ยวเฟิง แม้ตำแหน่งรัชทายาทจะเป็นรองเพียงฮ่องเต้ แต่ตำหนักบูรพาคือสถานที่ๆ อันตรายที่สุด เขาจึงต้องระวังตัวทุกฝีก้าว พยายามไม่เผยจุดอ่อนให้ใครเห็น และจุดอ่อนของเขาก็คือ....เสี่ยวเฟิง (เขาตกหลุมรักเสี่ยวเฟิงอีกครั้ง) จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความทรงจำอันแสนปวดร้าวของเสี่ยวเฟิงเริ่มหวนคืน แต่ทว่าเฉิงอิ๋นกลับยังจำเรื่องราวในอดีตระหว่างเธอกับเขาไม่ได้ เขาจึงรู้สึกปวดใจที่เสี่ยวเฟิงไม่เคยลืมอดีตคนรักนาม 'เสียวอู่' สุดท้ายแล้วเสี่ยวเฟิงจะปล่อยวางความแค้นได้หรือไม่ ความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร ติดตามชมได้ใน "ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา (Good Bye, My Princess)"
เนื้อหาตอนที่หนึ่ง
ณ พรมแดนด้านทิศตะวันตกของจีน "ชวีเสี่ยวเฟิง" องค์หญิงเก้าแห่งแคว้นซีโจว พร้อมผู้ติดตาม รีบควบม้าพาสาวใช้ชื่อ "ตี๋ม่อ" ซึ่งอยู่ในสภาพหมดสติมาส่งให้ทหารยามที่เฝ้าหน้าประตูวังนำตัวไปให้หมอรักษา ครั้นรู้ว่าผู้เป็นอาจารย์อยู่ในสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลชีซี* เธอจึงรีบควบม้าไปหาอาจารย์ทันที
* "เทศกาลชีซี" หรือ "วันแห่งความรัก" ของคนจีน ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำเดือน 7 ตามปฎิทินจันทรคติ เป็นเทศกาลเก่าแก่ที่สืบทอดมานานนับพันปี มีจุดเริ่มต้นมาจาก "ตำนานรักหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า" ปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก
ในเวลาเดียวกันนั้น "ชวีเหวินเฉิง" (เจ้าครองแคว้นซีโจว หรือ "ซีโจวหวัง" - บิดาของเสี่ยวเฟิง) และ "อาสื่อน่าอวิ๋น" (ชายาเจ้าครองแคว้นซีโจว หรือ "ซีโจวต้าเฟย" - มารดาเสี่ยวเฟิง) ได้มาตรวจดูรายละเอียดและความพร้อมในการจัดงาน ปรากฏว่างานดังกล่าวจัดเตรียมโดย "องค์หญิงหมิงหย่วน" (น้องสาวฮ่องเต้ราชวงศ์หลี่ / ชายารองของเจ้าครองแคว้นซีโจว) ด้วยความที่งานดังกล่าวไม่ใช่ประเพณีของผู้คนในแถบตะวันตกแต่เป็นงานเฉลิมฉลองของชาวจงหยวน (ชาวฮั่นที่อาศัยอยู่ในที่ราบตอนกลาง) และเพิ่งถูกจัดขึ้นในเมืองเยียนจื่อของซีโจวเป็นครั้งแรก ซีโจวหวังจึงเชื่อว่าจะเป็นงานที่น่าตื่นตาตื่นใจและควรค่าแก่การรอคอย ผิดกับซีโจวต้าเฟยที่มองว่างานดังกล่าวไม่จำเป็นเลยสักนิด ทั้งยังเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
เสี่ยวเฟิงรีบวิ่งไปหา "กู้เจี้ยน" ผู้เป็นอาจารย์ (ซึ่งยืนสังเกตการณ์บนป้อมกำแพงเมืองใกล้ๆ กับสถานที่จัดงานเฉลิมฉลอง) เพื่อบอกว่าเธอเจอแม่น้ำวั่งชวน (ธาราลืมเลือน) แล้ว แถมยังนำน้ำที่ตักจากแม่น้ำมายืนยันด้วยความมั่นใจ โดยเล่าว่าหลังตี๋ม่อพลัดตกลงไปในแม่น้ำก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย กู้เจี้ยนกรอกน้ำ (ที่เสี่ยวเฟิงนำมาอวด) ใส่ปากหน้าตาเฉย เสี่ยวเฟิงเห็นแล้วแทบช็อคเพราะกลัวว่าเขาจะลืมเธอจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานกู้เจี้ยนก็ร้องโอดโอยว่าปวดหัว เสี่ยวเฟิงเห็นกู้เจี้ยนมองหน้าตนแบบเบลอๆ เลยร้องไห้เสียใจ แต่แล้วอยู่ๆ ตี๋ม่อก็วิ่งมาบอกว่าตนไม่ได้เป็นอะไร (แค่ศีรษะถูกกระแทกจนหมดสติ แต่ความทรงจำยังอยู่ครบ) ที่แท้กู้เจี้ยนรู้แต่แรกว่าเสี่ยวเฟิงมโนไปเองแต่แกล้งทำเป็นเล่นใหญ่ ครั้นรู้ว่ากู้เจี้ยนยังไม่ลืมตนเสี่ยวเฟิงก็รู้สึกโล่งใจ กู้เจี้ยนชี้ว่าน้ำจากแม่น้ำวั่งชวนในตำนานจะหาพบง่ายๆ ได้อย่างไร เสี่ยวเฟิงเลยแก้เก้อด้วยการเรียกแม่น้ำที่ตนพบว่าแม่น้ำวั่งชวนเสียเลย กู้เจี้ยนกล่าวว่าถ้าอยากเรียกเช่นนั้นก็เรียกไป ถึงยังไงแม่น้ำที่ว่าก็ไม่ใช่แม่น้ำวั่งชวนในตำนานอยู่ดี
ทันใดนั้นเสาขนาดใหญ่ก็ล้มลง ซ้ำยังลากเสาต้นอื่นๆ รวมทั้งฉากหลังบนเวทีให้ล้มลงมาด้วย องค์หญิงหมิงหย่วนถูกเสากระแทกร่างจนหมดสติ กู้เจี้ยนเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปช่วย หมอหลวงบอกซีโจวหวังว่าอาการบาดเจ็บขององค์หญิงหมิงหย่วนไม่ร้ายแรงเท่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ครั้นรู้ว่าองค์หญิงหมิงหย่วนมีภาวะปอดเสื่อมถอย (เฟ่ยเหลา) เสี่ยวเฟิงก็รู้สึกตกใจ ซีโจวหวังบอกให้ทุกคนออกไปก่อนจากนั้นก็เข้าไปปลอบประโลมองค์หญิงหมิงหย่วนเพื่อไม่ให้เธอเป็นกังวล องค์หญิงหมิงหย่วนซาบซึ้งใจที่ซีโจวหวังให้เกียรติและดูแลเธอเป็นอย่างดี เธอกล่าวว่าหลังเจ้าครองแคว้นคนก่อนเสียชีวิต เธอก็แต่งงานใหม่กับซีโจวหวัง แม้ฐานะเธอจะด้อยกว่าซีโจวต้าเฟยแต่เขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกเป็นรอง หากไม่ได้รับความรักจากเขาหญิงที่แต่งงานสองครั้งอย่างเธอคงอับอายจนไม่กล้าอยู่สู้หน้าใครในวัง ซีโจวหวังกล่าวว่าตนไม่เคยถือสาในเรื่องนั้น ทั้งยังต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำ หากไม่เป็นเพราะเธอพรมแดนตะวันตกคงอยู่ในภาวะสงคราม แทนที่จะสงบสุขนานนับทศวรรษดังเช่นทุกวันนี้ (ทั้งคู่แต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง)
องค์หญิงหมิงหย่วนเกรงว่าหากตนตายไปแล้ว ซีโจวหวังจะอยู่ท่ามกลางความบาดหมางระหว่างชนเผ่าตานชือกับราชวงศ์หลี่ และจะโดนทั้งสองฝ่ายกดดันอีกครั้ง เธอชี้ว่าหากเสี่ยวเฟิงสมรสกับไท่จื่อ (รัชทายาท) แห่งราชวงศ์หลี่ แล้วครองตำแหน่งไท่จื่อเฟย (ชายาไท่จื่อ) วันหนึ่งเสี่ยวเฟิงย่อมได้เป็นฮองเฮาราชวงศ์หลี่ ขณะที่ลูกชายเธอจะมีสายเลือดชนเผ่าตานชือและซีโจว องค์หญิงหมิงหย่วนกล่าวว่า ตนจากบ้าน (แดนจงหยวน) มาแต่งงานกับซีโจวหวัง ย่อมรู้ดีว่าซีโจวหวังกับซีโจวต้าเฟยไม่ต้องการส่งเสี่ยวเฟิงไปแต่งงานในที่ไกลหูไกลตา แต่ที่ผ่านมาราษฎรของราชวงศ์หลี่และซีโจวต่างมีชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุข หากพวกเขาต้องประสบภัยสงครามอีกครั้งตนคงหัวใจสลาย สิ่งที่ตนปรารถนาไม่ใช่แค่จัดงานเฉลิมฉลองที่ซีโจว แต่หวังให้สองแผ่นดินปรองดองนานนับร้อยปี ซีโจวหวังได้ฟังดังนั้นจึงรับปากว่าจะให้เสี่ยวเฟิงแต่งงานกับรัชทายาทแห่งราชวงศ์หลี่ (ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีสาวใช้คนหนึ่งแอบฟังอยู่ทางด้านใน และมีทหารอีกคนแอบฟังอยู่ทางด้านนอก)
ครั้นได้รับรายงานจากสาวใช้ ซีโจวต้าเฟย (ซึ่งชิงชังองค์หญิงหมิงหย่วนเป็นทุนเดิม) ยิ่งไม่พอใจองค์หญิงหมิงหย่วนที่เจ้ากี้เจ้าการเรื่องการแต่งงานของธิดาตน เธอไม่ต้องการเกี่ยวดองกับราชวงศ์หลี่จึงคิดตัดไฟเสียแต่ต้นลมด้วยการส่งสารไปยังเผ่าตานชือทันที (เธอเป็นธิดาของผู้นำชนเผ่า) หลังได้รับสาร "เฮ่อซือ" รีบนำไปมอบให้ "เถี่ยต๋าเอ่อร์หวัง" (ตาของเสี่ยวเฟิง) ซึ่งเป็นผู้นำชนเผ่านักรบตานชือ (ตานชือหวัง) หลังอ่านข้อความในสาร ตานชือหวังถึงกับถอนใจ เขาเห็นว่า "อาตู้" (น้องสาวเฮ่อซือ) สนิทสนมกับเสี่ยวเฟิง ซ้ำยังเป็นยอดฝีมือ จึงบอกให้เฮ่อซือส่งอาตู้ไปช่วยอาสื่อน่าอวิ๋น (ซีโจวต้าเฟย) ที่ซีโจวเพื่อจะได้ไม่มีใครสงสัย
อีกด้านหนึ่ง สายของแคว้นซั่วป๋อ (หนึ่งในกลุ่มชาติพันธ์ตามท้องเรื่อง) ได้ส่งสารมารายงาน "ซั่วป๋อหวัง" เรื่องการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างองค์หญิงซีโจวกับราชวงศ์หลี่ ซั่วป๋อหวังนึกไม่ถึงว่าคนใกล้ตายอย่างองค์หญิงหมิงหย่วนจะมีใจคิดถึงเรื่องบ้านเมืองเช่นนี้ "ลี่ตุนหวัง" (หลานซั่วป๋อหวัง) ชี้ว่าหากราชวงศ์หลี่ต้องการเกี่ยวดองกับซีโจว ซั่วป๋อย่อมทำได้เช่นกัน เขาชี้ว่าหากซั่วป๋อหวังแต่งงานกับองค์หญิงเก้า (เสี่ยวเฟิง) แคว้นซั่วป๋อจะได้รับการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและการค้าจากซีโจว แถมยังได้รับการสนับสนุนด้านการทหารจากชนเผ่าตานชืออีกด้วย เช่นนี้แล้วพวกตนจะได้ไม่โดนใครข่มเหงอีก ซั่วป๋อหวังได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้ลี่ตุนรีบเดินทางไปสู่ขอองค์หญิงเก้ามาให้ตน
ราชวงศ์หลี่และแคว้นซีโจวต้องการเจริญสัมพันธไมตรีผ่านการอภิเษกหมายให้สองดินแดนสงบสุข "ชวีเสี่ยวเฟิง" องค์หญิงเก้าแห่งซีโจวจึงถูกวางตัวให้แต่งงานกับรัชทายาทแห่งราชวงศ์หลี่ แต่เนื่องจาก "หลี่เฉิงจี้" องค์ชายใหญ่และรัชทายาทแห่งราชวงศ์หลี่เพิ่งถูกฮ่องเต้ปลดจากตำแหน่งอย่างลับๆ (รู้กันภายใน) หลังถูก "เกาอวี๋หมิง" (เสนาเกา) ใส่ร้าย ฮ่องเต้จึงให้โอกาสเฉิงจี้ทำคุณไถ่โทษด้วยการเป็นทูตเจรจาและเชิญพระราชสาส์นเรื่องการอภิเษกไปที่แคว้นซีโจว หลังภารกิจแรกเสร็จสิ้นให้ตรงไปที่จวนอันฮู่ในซีจิ้ง (พรมแดนด้านทิศตะวันตก) เพื่อสร้างผลงานด้านการทหาร องค์ชายห้า "หลี่เฉิงอิ๋น" ซึ่งเป็นโอรสบุญธรรมฮองเฮาจึงถือโอกาสติดตามไปด้วย
หลังตำหนักบูรพาว่างเปล่า (ตำแหน่งรัชทายาทว่างลง) จึงมีผู้หวังครอบครองและคิดครอบงำตำหนักบูรพา เพื่อไม่ให้เฉิงจี้มีความดีความชอบและหวนคืนสู่ตำหนักบูรพาอีกครั้ง ทั้งองค์ชายรอง "หลี่เฉิงเย่" และ "ฮองเฮา" (ซึ่งสมคบคิดกับเสนาเกา) ต่างส่งคนไปกำจัดเฉิงจี้ เฉิงจี้สังหรณ์ใจว่าตนคงไม่รอดจึงฝากพระราชสาสน์ให้เฉิงอิ๋นช่วยเก็บรักษา หลังจากนั้นไม่นานเฉิงจี้ก็ถูกคนขององค์ชายรอง (ที่สวมรอยเป็นชนเผ่าตานชือ) รุมสังหารอย่างเหี้ยมโหด ก่อนเสียชีวิตเฉิงจี้ยอมสละตัวเองเพื่อช่วยให้เฉิงอิ๋นหนีรอดไปได้ เสี่ยวเฟิงเห็นเฉิงอิ๋นตกจากหลังม้าในสภาพหมดสติจึงช่วยทำแผลให้เขา เฉิงอิ๋นรับปากว่าจะทำตามคำขอเสี่ยวเฟิงสามอย่างเพื่อเป็นการตอบแทน ทั้งยังหลอกเธอว่าตนเป็นพ่อค้าใบชาที่โดนโจรปล้นสะดม ครั้นเห็นว่าเสี่ยวเฟิงเป็นพวกเดียวกันกับชนเผ่าตานชือ เฉิงอิ๋นจึงจากไปเงียบๆ โดยไม่ร่ำลาและทิ้งข้อความสั้นๆ ไว้บนเศษผ้า (เขารู้ว่าเสี่ยวเฟิงไม่รู้จักตัวอักษรของชาวจงหยวน เพราะตอนที่เธอแย่งพระราชสาสน์ไปดู เขาเห็นกับตาว่าเธอถือกลับหัว)
องค์ชายรองคิดกำจัดเฉิงอิ๋นแต่ไม่มีโอกาสจึงใช้เฉิงอิ๋นไปทำงานที่เสี่ยงชีวิตแทน และงานที่ว่าก็คือการเป็นสายแทรกซึมเข้าไปหาจุดยุทธศาสตร์ (กระโจมผู้นำ) ในเผ่าตานชือ เฉิงอิ๋นต้องการสร้างผลงานและสืบหาความจริงเรื่องการลอบสังหารเฉิงจี้จึงยินดีทำภารกิจโดยไม่หวั่นเกรง ไฉมู่เป็นห่วงความปลอดภัยของเฉิงอิ๋นจึงบอกให้ "กู้เจี้ยน" (ญาติฝ่ายมารดาของเฉิงอิ๋น / อาจารย์ของเสี่ยวเฟิง) คอยคุ้มกัน เขามองว่าเสี่ยวเฟิงคือตัวช่วยที่ดีที่สุดของเฉิงอิ๋น จึงบอกให้กู้เจี้ยนปล่อยวางความรู้สึกส่วนตัวแล้วพาเสี่ยวเฟิงไปพบเฉิงอิ๋น เพื่อที่เฉิงอิ๋นจะได้ตีสนิทและล้วงข้อมูลจากเธอ (เฉิงอิ๋นโกหกว่าตนเป็นพ่อค้าชื่อ "กู้เสียวอู่") หลังฝ่าฟันความยากลำบากและผ่านพ้นความเป็นความตายมาด้วยกัน ในที่สุดเสี่ยวเฟิงกับเสียวอู่ก็ตกหลุมรักกัน แต่ทว่าช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นแสนสั้น หลังเผ่าตานชือของผู้เป็นตาถูกราชวงศ์หลี่กวาดล้าง เสี่ยวเฟิงจึงรู้ว่าตนถูกหลอกใช้ เธอเสียใจและต้องการตัดขาดจากเขาจึงกระโดดแม่น้ำวั่งชวน (ธาราลืมเลือน) ในตำนานหมายให้ลืมรักและความทรงจำอันเลวร้าย เฉิงอิ๋นเห็นดังนั้นจึงกระโดดตามเธอไปโดยไม่ลังเล หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ลืมกันและกันจนหมดสิ้น
หลังสร้างผลงานครั้งยิ่งใหญ่เฉิงอิ๋นก็ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทและได้อภิเษกกับเสี่ยวเฟิง แม้ตำแหน่งรัชทายาทจะเป็นรองเพียงฮ่องเต้ แต่ตำหนักบูรพาคือสถานที่ๆ อันตรายที่สุด เขาจึงต้องระวังตัวทุกฝีก้าว พยายามไม่เผยจุดอ่อนให้ใครเห็น และจุดอ่อนของเขาก็คือ....เสี่ยวเฟิง (เขาตกหลุมรักเสี่ยวเฟิงอีกครั้ง) จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความทรงจำอันแสนปวดร้าวของเสี่ยวเฟิงเริ่มหวนคืน แต่ทว่าเฉิงอิ๋นกลับยังจำเรื่องราวในอดีตระหว่างเธอกับเขาไม่ได้ เขาจึงรู้สึกปวดใจที่เสี่ยวเฟิงไม่เคยลืมอดีตคนรักนาม 'เสียวอู่' สุดท้ายแล้วเสี่ยวเฟิงจะปล่อยวางความแค้นได้หรือไม่ ความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร ติดตามชมได้ใน "ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา (Good Bye, My Princess)"
เนื้อหาตอนที่หนึ่ง
ละครเริ่มต้นด้วยบทสรุปของเรื่องราว โดยเปิดฉากด้วยภาพ "หลี่เฉิงอิ๋น" ในวัยกลางคน กำลังดำดิ่งลงไปในแม่น้ำวั่งชวน (ธาราลืมเลือน) หมายให้ลืม "ชวีเสี่ยวเฟิง" หลังภาพของเธอยังคงตราตรึงในความทรงจำและทำให้เขาทุกข์ทรมาน (สมัยยังเป็นหนุ่มสาวเขาและเธอเคยกระโดดแม่น้ำแห่งนี้ด้วยกันมาแล้ว) หลังจากนั้นภาพก็ตัดไปที่ทะเลทรายในแดนตะวันตกของจีน หลี่เฉิงอิ๋นในวัยกลางคนเดินระหกระเหินกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างตามลำพัง และมีเสียงชายคนหนึ่ง (เดาว่าน่าเป็น "เผยจ้าว") บรรยายว่า...
"ข้ารู้จักเขามานาน 30 ปี... เวลา 30 ปีมันนานพอที่คนๆ หนึ่งจะไต่เต้าจนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งขุนนางใหญ่ และนานพอสำหรับแม่ทัพที่จะได้หวนคืนสู่ราชสำนักหลังกรำศึกมานาน แม้แต่ตัวข้าเองในตอนนี้ยังมีหลานตัวอ้วนจ้ำม่ำ แต่เขากลับใช้เวลา 30 ปีในการออกตามหาสถานที่แห่งหนึ่ง... มีตำนานเล่าขานในดินแดนตะวันตก (ของจีน) ว่า 'น้ำในแม่น้ำวั่งชวน (ธาราลืมเลือน) ทำให้ลืมรัก' หากผู้ใดดำดิ่งลงไปในแม่น้ำวั่งชวน ความทุกข์ใจต่างๆ นานาจะถูกลบเลือนจนหมดสิ้น"
หลี่เฉิงอิ๋นเดินลัดเลาะไปตามทุ่งหญ้า ก่อนไต่เขาขึ้นไปบนหน้าผาสูงและยืนมองสายน้ำที่ทอดตัวเป็นแนวยาวเบื้องล่าง จากนั้นก็ปล่อยผ้าคลุมสีแดงของสตรีให้หลุดลอยไปจากมือ ในเวลาเดียวกันนั้นมีเสียงชายคนเดิมบรรยายว่า "บางทีบทลงทัณฑ์จากสวรรค์อาจไม่ใช่การลืมเลือน... หากเป็นการจำได้ไม่รู้ลืม"
ณ พรมแดนด้านทิศตะวันตกของจีน "ชวีเสี่ยวเฟิง" องค์หญิงเก้าแห่งแคว้นซีโจว พร้อมผู้ติดตาม รีบควบม้าพาสาวใช้ชื่อ "ตี๋ม่อ" ซึ่งอยู่ในสภาพหมดสติมาส่งให้ทหารยามที่เฝ้าหน้าประตูวังนำตัวไปให้หมอรักษา ครั้นรู้ว่าผู้เป็นอาจารย์อยู่ในสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลชีซี* เธอจึงรีบควบม้าไปหาอาจารย์ทันที
* "เทศกาลชีซี" หรือ "วันแห่งความรัก" ของคนจีน ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำเดือน 7 ตามปฎิทินจันทรคติ เป็นเทศกาลเก่าแก่ที่สืบทอดมานานนับพันปี มีจุดเริ่มต้นมาจาก "ตำนานรักหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า" ปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก
ในเวลาเดียวกันนั้น "ชวีเหวินเฉิง" (เจ้าครองแคว้นซีโจว หรือ "ซีโจวหวัง" - บิดาของเสี่ยวเฟิง) และ "อาสื่อน่าอวิ๋น" (ชายาเจ้าครองแคว้นซีโจว หรือ "ซีโจวต้าเฟย" - มารดาเสี่ยวเฟิง) ได้มาตรวจดูรายละเอียดและความพร้อมในการจัดงาน ปรากฏว่างานดังกล่าวจัดเตรียมโดย "องค์หญิงหมิงหย่วน" (น้องสาวฮ่องเต้ราชวงศ์หลี่ / ชายารองของเจ้าครองแคว้นซีโจว) ด้วยความที่งานดังกล่าวไม่ใช่ประเพณีของผู้คนในแถบตะวันตกแต่เป็นงานเฉลิมฉลองของชาวจงหยวน (ชาวฮั่นที่อาศัยอยู่ในที่ราบตอนกลาง) และเพิ่งถูกจัดขึ้นในเมืองเยียนจื่อของซีโจวเป็นครั้งแรก ซีโจวหวังจึงเชื่อว่าจะเป็นงานที่น่าตื่นตาตื่นใจและควรค่าแก่การรอคอย ผิดกับซีโจวต้าเฟยที่มองว่างานดังกล่าวไม่จำเป็นเลยสักนิด ทั้งยังเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ครั้นเห็นเสี่ยวเฟิงวิ่งวุ่นพลางร้องตะโกนโหวกเหวก (เรียกหาอาจารย์) ซ้ำยังไม่เข้ามาคารวะพวกตนตามมารยาทแต่กลับร้องทักแล้วผ่านเลยไป ซีโจวหวังจึงตำหนิซีโจวต้าเฟยที่ตามใจเสี่ยวเฟิงมากเกินไป ซีโจวต้าเฟยแย้งว่าคนผิดไม่ใช่ตนแต่เป็นอาจารย์จากแดนจงหยวนที่ขลุกอยู่กับเสี่ยวเฟิงทั้งวัน พูดจบเธอก็ชวนซีโจวหวังกลับวังและแอบส่งสัญญาณให้คนของตน ที่แท้ซีโจวต้าเฟยสั่งให้สมุนแอบเลื่อยเสาไม้ขนาดใหญ่หมายทำลายงานและทำร้ายองค์หญิงหมิงหย่วน
เสี่ยวเฟิงรีบวิ่งไปหา "กู้เจี้ยน" ผู้เป็นอาจารย์ (ซึ่งยืนสังเกตการณ์บนป้อมกำแพงเมืองใกล้ๆ กับสถานที่จัดงานเฉลิมฉลอง) เพื่อบอกว่าเธอเจอแม่น้ำวั่งชวน (ธาราลืมเลือน) แล้ว แถมยังนำน้ำที่ตักจากแม่น้ำมายืนยันด้วยความมั่นใจ โดยเล่าว่าหลังตี๋ม่อพลัดตกลงไปในแม่น้ำก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย กู้เจี้ยนกรอกน้ำ (ที่เสี่ยวเฟิงนำมาอวด) ใส่ปากหน้าตาเฉย เสี่ยวเฟิงเห็นแล้วแทบช็อคเพราะกลัวว่าเขาจะลืมเธอจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานกู้เจี้ยนก็ร้องโอดโอยว่าปวดหัว เสี่ยวเฟิงเห็นกู้เจี้ยนมองหน้าตนแบบเบลอๆ เลยร้องไห้เสียใจ แต่แล้วอยู่ๆ ตี๋ม่อก็วิ่งมาบอกว่าตนไม่ได้เป็นอะไร (แค่ศีรษะถูกกระแทกจนหมดสติ แต่ความทรงจำยังอยู่ครบ) ที่แท้กู้เจี้ยนรู้แต่แรกว่าเสี่ยวเฟิงมโนไปเองแต่แกล้งทำเป็นเล่นใหญ่ ครั้นรู้ว่ากู้เจี้ยนยังไม่ลืมตนเสี่ยวเฟิงก็รู้สึกโล่งใจ กู้เจี้ยนชี้ว่าน้ำจากแม่น้ำวั่งชวนในตำนานจะหาพบง่ายๆ ได้อย่างไร เสี่ยวเฟิงเลยแก้เก้อด้วยการเรียกแม่น้ำที่ตนพบว่าแม่น้ำวั่งชวนเสียเลย กู้เจี้ยนกล่าวว่าถ้าอยากเรียกเช่นนั้นก็เรียกไป ถึงยังไงแม่น้ำที่ว่าก็ไม่ใช่แม่น้ำวั่งชวนในตำนานอยู่ดี
ทันใดนั้นเสาขนาดใหญ่ก็ล้มลง ซ้ำยังลากเสาต้นอื่นๆ รวมทั้งฉากหลังบนเวทีให้ล้มลงมาด้วย องค์หญิงหมิงหย่วนถูกเสากระแทกร่างจนหมดสติ กู้เจี้ยนเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปช่วย หมอหลวงบอกซีโจวหวังว่าอาการบาดเจ็บขององค์หญิงหมิงหย่วนไม่ร้ายแรงเท่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ครั้นรู้ว่าองค์หญิงหมิงหย่วนมีภาวะปอดเสื่อมถอย (เฟ่ยเหลา) เสี่ยวเฟิงก็รู้สึกตกใจ ซีโจวหวังบอกให้ทุกคนออกไปก่อนจากนั้นก็เข้าไปปลอบประโลมองค์หญิงหมิงหย่วนเพื่อไม่ให้เธอเป็นกังวล องค์หญิงหมิงหย่วนซาบซึ้งใจที่ซีโจวหวังให้เกียรติและดูแลเธอเป็นอย่างดี เธอกล่าวว่าหลังเจ้าครองแคว้นคนก่อนเสียชีวิต เธอก็แต่งงานใหม่กับซีโจวหวัง แม้ฐานะเธอจะด้อยกว่าซีโจวต้าเฟยแต่เขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกเป็นรอง หากไม่ได้รับความรักจากเขาหญิงที่แต่งงานสองครั้งอย่างเธอคงอับอายจนไม่กล้าอยู่สู้หน้าใครในวัง ซีโจวหวังกล่าวว่าตนไม่เคยถือสาในเรื่องนั้น ทั้งยังต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำ หากไม่เป็นเพราะเธอพรมแดนตะวันตกคงอยู่ในภาวะสงคราม แทนที่จะสงบสุขนานนับทศวรรษดังเช่นทุกวันนี้ (ทั้งคู่แต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง)
องค์หญิงหมิงหย่วนเกรงว่าหากตนตายไปแล้ว ซีโจวหวังจะอยู่ท่ามกลางความบาดหมางระหว่างชนเผ่าตานชือกับราชวงศ์หลี่ และจะโดนทั้งสองฝ่ายกดดันอีกครั้ง เธอชี้ว่าหากเสี่ยวเฟิงสมรสกับไท่จื่อ (รัชทายาท) แห่งราชวงศ์หลี่ แล้วครองตำแหน่งไท่จื่อเฟย (ชายาไท่จื่อ) วันหนึ่งเสี่ยวเฟิงย่อมได้เป็นฮองเฮาราชวงศ์หลี่ ขณะที่ลูกชายเธอจะมีสายเลือดชนเผ่าตานชือและซีโจว องค์หญิงหมิงหย่วนกล่าวว่า ตนจากบ้าน (แดนจงหยวน) มาแต่งงานกับซีโจวหวัง ย่อมรู้ดีว่าซีโจวหวังกับซีโจวต้าเฟยไม่ต้องการส่งเสี่ยวเฟิงไปแต่งงานในที่ไกลหูไกลตา แต่ที่ผ่านมาราษฎรของราชวงศ์หลี่และซีโจวต่างมีชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุข หากพวกเขาต้องประสบภัยสงครามอีกครั้งตนคงหัวใจสลาย สิ่งที่ตนปรารถนาไม่ใช่แค่จัดงานเฉลิมฉลองที่ซีโจว แต่หวังให้สองแผ่นดินปรองดองนานนับร้อยปี ซีโจวหวังได้ฟังดังนั้นจึงรับปากว่าจะให้เสี่ยวเฟิงแต่งงานกับรัชทายาทแห่งราชวงศ์หลี่ (ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีสาวใช้คนหนึ่งแอบฟังอยู่ทางด้านใน และมีทหารอีกคนแอบฟังอยู่ทางด้านนอก)
ครั้นได้รับรายงานจากสาวใช้ ซีโจวต้าเฟย (ซึ่งชิงชังองค์หญิงหมิงหย่วนเป็นทุนเดิม) ยิ่งไม่พอใจองค์หญิงหมิงหย่วนที่เจ้ากี้เจ้าการเรื่องการแต่งงานของธิดาตน เธอไม่ต้องการเกี่ยวดองกับราชวงศ์หลี่จึงคิดตัดไฟเสียแต่ต้นลมด้วยการส่งสารไปยังเผ่าตานชือทันที (เธอเป็นธิดาของผู้นำชนเผ่า) หลังได้รับสาร "เฮ่อซือ" รีบนำไปมอบให้ "เถี่ยต๋าเอ่อร์หวัง" (ตาของเสี่ยวเฟิง) ซึ่งเป็นผู้นำชนเผ่านักรบตานชือ (ตานชือหวัง) หลังอ่านข้อความในสาร ตานชือหวังถึงกับถอนใจ เขาเห็นว่า "อาตู้" (น้องสาวเฮ่อซือ) สนิทสนมกับเสี่ยวเฟิง ซ้ำยังเป็นยอดฝีมือ จึงบอกให้เฮ่อซือส่งอาตู้ไปช่วยอาสื่อน่าอวิ๋น (ซีโจวต้าเฟย) ที่ซีโจวเพื่อจะได้ไม่มีใครสงสัย
อีกด้านหนึ่ง สายของแคว้นซั่วป๋อ (หนึ่งในกลุ่มชาติพันธ์ตามท้องเรื่อง) ได้ส่งสารมารายงาน "ซั่วป๋อหวัง" เรื่องการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างองค์หญิงซีโจวกับราชวงศ์หลี่ ซั่วป๋อหวังนึกไม่ถึงว่าคนใกล้ตายอย่างองค์หญิงหมิงหย่วนจะมีใจคิดถึงเรื่องบ้านเมืองเช่นนี้ "ลี่ตุนหวัง" (หลานซั่วป๋อหวัง) ชี้ว่าหากราชวงศ์หลี่ต้องการเกี่ยวดองกับซีโจว ซั่วป๋อย่อมทำได้เช่นกัน เขาชี้ว่าหากซั่วป๋อหวังแต่งงานกับองค์หญิงเก้า (เสี่ยวเฟิง) แคว้นซั่วป๋อจะได้รับการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและการค้าจากซีโจว แถมยังได้รับการสนับสนุนด้านการทหารจากชนเผ่าตานชืออีกด้วย เช่นนี้แล้วพวกตนจะได้ไม่โดนใครข่มเหงอีก ซั่วป๋อหวังได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้ลี่ตุนรีบเดินทางไปสู่ขอองค์หญิงเก้ามาให้ตน
ณ วังหลวงของราชวงศ์หลี่ หลังได้รับสารจากองค์หญิงหมิงหย่วน ขันทีหนุ่มจึงรีบนำสารไปมอบให้ "เฉาจี" (เฉากงกง) ที่หน้าตำหนักบูรพา แต่ทว่าในตอนนั้น "หลี่เฉิงจี้" (องค์ชายใหญ่และรัชทายาท) กำลังถูก "ฮ่องเต้" ตำหนิ (ต่อหน้าเหล่าองค์ชาย) ด้วยความโกรธโทษฐานที่บังอาจสวมชุดไว้ทุกข์ในวัง หลี่เฉิงจี้กล่าวว่าตนสวมชุดไว้ทุกข์เพื่อแสดงความไว้อาลัยแก่เจ็ดผู้เข้าสอบคัดเลือกขุนนางที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ ฮ่องเต้แย้งว่าศาลต้าหลี่ตัดสินคดีนี้เสร็จสิ้นแล้ว หลี่เฉิงจี้ชี้ว่า "เกาอวี๋หมิง" (เสนาเกา) เป็นผู้คุมสอบแต่กลับทุจริตเสียเอง ทั้งยังแทรกแซงกระบวนการสอบด้วยการซื้อขายตำแหน่งในราชสำนัก ราชสำนักจึงเต็มไปด้วยผู้ที่มีเส้นสายแต่ไร้ความสามารถ ส่วนบัณฑิตผู้รอบรู้และเก่งกล้าสามารถกลับไม่ผ่านการคัดเลือก ทั้งหมดล้วนเป็นไปตามอำเภอใจของเกาอวี๋หมิง
แม้ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงแต่หลี่เฉิงจี้ให้ร้ายเสนาเกาโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน ซ้ำยังไม่มีคนหนุนหลัง เขาจึงถูกเล่นงานกลับจนกลายเป็นคนผิด และถูกเหล่าขุนนางในราชสำนักร้องเรียนเสียเอง ถึงกระนั้นหลี่เฉิงจี้ยังคงยืนกรานว่าทั้งหมดที่ตนพูดเป็นเรื่องจริง และขอให้พระบิดาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง ครั้นเห็นว่าหลี่เฉิงจี้ยังคงดึงดัน ฮ่องเต้จึงสั่งกักบริเวณเขาในตำหนักและห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวเรื่องบ้านเมือง หลี่เฉิงจี้นำหลักการปกครองมากล่าวอ้าง เขาชี้ว่าถ้าแม้แต่ฮ่องเต้ยังหลงเชื่อคนถ่อย ปล่อยคนชั่วลอยนวล และเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ สักวันราษฎรจะสิ้นศรัทธาและอาจนำมาซึ่งการสิ้นชาติ ฮ่องเต้ได้ยินแล้วยิ่งโกรธจึงเฆี่ยนตีหลี่เฉิงจี้หลายครั้ง แต่หลี่เฉิงจี้ยังไม่ยอมสงบปากสงบคำและพยายามทวงความเป็นธรรมให้ผู้เข้าสอบที่ตายไป
ครั้นเห็นฝ่ายอาลักษณ์กำลังจดบันทึกเหตุการณ์ (พงศาวดาร) ฮ่องเต้จึงฟาดแส้ใส่และห้ามไม่ให้จดบันทึกเพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัวตน แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวทูลว่าเรื่องภายในครอบครัวของฮ่องเต้ถือเป็นเรื่องบ้านเมืองด้วยเช่นกัน ฮ่องเต้เตือนหลี่เฉิงจี้ว่าถ้ายังอยากรักษาตำแหน่งไท่จื่อ (รัชทายาท) เอาไว้ จงถอดชุดไว้ทุกข์ออกเดี๋ยวนี้และห้ามพูดถึงคดีดังกล่าวอีก หลี่เฉิงจี้กล่าวว่าตนครองตำแหน่งไท่จื่อมานานกว่า 20 ปีแล้วและไม่เคยขัดพระประสงค์เลยสักครั้ง แต่ตนไม่ใช่คนเลือดเย็นเหมือนพระบิดาเลยไม่อาจปล่อยให้ผู้เข้าสอบตายโดยเปล่าประโยชน์ ตนไม่เข้าใจว่าทำไมพระบิดาถึงไม่อยากแตะต้องคดีนี้ หรือพระองค์ต้องการปกป้องคนโฉดจึงหันหลังให้กฏหมายบ้านเมือง ทรงอยากให้ประวัติศาสตร์จารึกว่าเป็นฮ่องเต้ที่โง่เขลางั้นหรือ
ฮ่องเต้ได้ยินแล้วเลือดขึ้นหน้าเลยเงื้อแขนที่ถือแส้หมายฟาดหลี่เฉิงจี้สุดแรง หลี่เฉิงอิ๋น (องค์ชายห้า) เห็นดังนั้นเลยรีบเอาตัวเข้าไปขวางทำให้โดนฟาดหลังเต็มๆ เขาพยายามออกโรงปกป้องหลี่เฉิงจี้ แต่ฮ่องเต้สั่งให้เขาหุบปากมิเช่นนั้นจะโดนลงโทษสถานเดียวกัน หลี่เฉิงจี้บอกหลี่เฉิงอิ๋นว่าอย่าเสียเวลาปกป้องตน ที่พระบิดาทรงปิดหูปิดตาเพราะไม่อยากรับรู้ความจริง รอให้พวกสกุลเกายึดครองราชวงศ์หลี่ก่อนพระองค์จึงจะเข้าใจสิ่งที่ตนพูด ฮ่องเต้เหลืออดจึงขู่ฆ่าหลี่เฉิงจี้พลางชักดาบของทหารองครักษ์ออกมากวัดแกว่งท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน มีเพียงหลี่เฉิงอิ๋นที่ปรี่เข้าไปขวาง หลี่เฉิงจี้หัวเราะลั่นก่อนกล่าวว่าแผ่นดินนี้กำลังจะมีฮ่องเต้โง่เขลาที่ฆ่าลูกชายตนเองเพิ่มอีกคน ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นจึงถือดาบตรงเข้าไปหาหลี่เฉิงอิ๋น เฉากงกงเห็นท่าไม่ดีเลยรีบร้องห้าม ก่อนวิ่งเข้าไปรายงานว่ามีสารด่วนจากซีโจว
ณ ท้องพระโรงราชวงศ์หลี่ "จงหวัง" (ตำแหน่ง "หวังเหยีย") ทูลเสนอฮ่องเต้ให้ส่ง "เซวียนเต๋อหวัง" (ชื่อตำแหน่งขององค์ชายรอง "หลี่เฉิงเย่") เป็นทูตไปเจรจาเรื่องการอภิเษกระหว่างแคว้นที่ซีโจว โดยอ้างเหตุผลสามประการคือ หนึ่ง เซวียนเต๋อหวังจะได้ใช้โอกาสนี้สำรวจสถานการณ์ที่แท้จริงของแว่นแคว้นและดินแดนต่างๆ ที่อยู่ในซีจิ้ง (พรมแดนด้านทิศตะวันตก) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าชายแดนของพวกตนมีความมั่นคงปลอดภัย สอง การส่งองค์ชายไปทำหน้าที่ทูตแสดงถึงความจริงใจในการเจรจาสู่ขอ สาม เซวียนเต๋อหวังสามารถเป็นตัวแทนฮ่องเต้ในการเข้าเยี่ยมองค์หญิงหมิงหย่วน ครั้นจงหวังพูดจบ เสนาเกาก็ลากสังขารเข้ามาในท้องพระโรง ก่อนแย้งว่าการส่งเซวียนเต๋อหวังไปทำหน้าที่แทนองค์ชายใหญ่ นับเป็นการกระทำที่ผิดจารีตประเพณี จงหวังแย้งกลับว่ารัชทายาทขาดคุณธรรมจึงไม่สมควรทำหน้าที่นี้ เขาชี้ว่าทุกคนในที่นี้ต่างรู้ว่ารัชทายาทมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีผู้เข้าสอบคัดเลือกขุนนาง เสนาเกาแย้งว่าคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังไม่ได้มีการตัดสินแต่อย่างใด จงหวังสวนกลับว่าวันนี้ฮ่องเต้นำกฏครอบครัวมาลงโทษที่ตำหนักบูรพา แสดงว่าพระองค์คิดปลดรัชทายาท ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นจึงเหน็บจงหวังว่าหูตาช่างกว้างไกล
ณ ตำหนักบูรพา หลี่เฉิงอิ๋นประคองพระเชษฐา (รัชทายาท) ให้ลุกขึ้นพลางปลอบว่าหากพระบิดาหายกริ้วเมื่อไหร่จะทรงเข้าใจและให้ความเป็นธรรม หลี่เฉิงจี้หัวเราะด้วยความเจ็บปวดใจ ก่อนชี้ว่าพระบิดาเป็นคนฉลาดหลักแหลม ในเมื่อตนไม่ทำในสิ่งที่รัชทายาทควรทำ พระองค์เลยต้องทำสิ่งที่ฮ่องเต้สมควรทำ ตนทำให้พระบิดาผิดหวังมานานแล้ว หลี่เฉิงอิ๋นไม่เห็นด้วย เขาแย้งว่าหลี่เฉิงจี้เป็นคนใจกว้าง ขยันหมั่นเพียร ทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ดีของเหล่าองค์ชาย และเป็นที่ไว้วางใจของพระบิดา ขนาดตนยังแอบอิจฉามาตั้งแต่เด็ก ตนไม่ได้อิจฉาหลี่เฉิงจี้ที่ได้เป็นรัชทายาท แต่เป็นเพราะพระบิดามักทำตัวเหมือนพ่อคนทั่วไปทุกครั้งเวลาที่มองหลี่เฉิงจี้ หลี่เฉิงจี้ชี้ว่าพระบิดาต้องการหมาป่า ส่วนตนเป็นแค่หมาบ้านเชื่องๆ ตัวหนึ่ง เขาบอกหลี่เฉิงอิ๋นว่าสถานที่ๆ อันตรายกว่า "หวงกง" (วัง / ที่ประทับของฮ่องเต้) คือ "ตงกง" (ตำหนักบูรพา) และการเป็นรัชทายาทนั้นยากกว่าการเป็นฮ่องเต้
ตัดกลับมายังท้องพระโรง "ฮองเฮา" (มารดาบุญธรรมของหลี่เฉิงอิ๋น / หลานเสนาเกา) ทูลฮ่องเต้ว่าการอภิเษกเป็นเรื่องของวังหลัง เธอจึงขอออกความเห็นในฐานะที่เป็นสตรีว่า ในเมื่อองค์หญิงเก้าแห่งซีโจวจะต้องอภิเษกกับองค์รัชทายาท และใครก็ตามที่เป็นรัชทายาทจะต้องพำนักที่ตำหนักบูรพา จึงควรส่งทูตไปเจรจาในนามตำหนักบูรพาเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนอันเกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมือง จงหวังจะแย้งแต่เสนาเกาชิงเสนอให้แต่งตั้งรัชทายาทเป็นผู้นำคณะทูตไปเจรจาเรื่องการอภิเษกที่ซีโจว ทั้งยังพูดแก้ต่างเรื่องที่รัชทายาทกล่าวหาตน โดยทำทีเป็นเห็นอกเห็นใจและกล่าวว่ารัชทายาทยังหนุ่มเลยใจร้อนวู่วาม ทำให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีผู้เข้าสอบเพราะหลงเชื่อข่าวลือผิดๆ และมองตนผิดไป ตนรู้สึกซาบซึ้งใจที่ฮ่องเต้เชื่อใจตน ในฐานะที่ตนเองก็เป็นพ่อคน ตนจึงเข้าใจว่ายิ่งเรารักลูกมากเท่าไหร่จะยิ่งลงโทษหนักเท่านั้น เสนาเกาขอฮ่องเต้ให้โอกาสรัชทายาทได้ทำคุณไถ่โทษ หากรัชทายาทปฏิบัติภารกิจสำเร็จเหล่าขุนนางในราชสำนักจะได้สงบปากสงบคำ
ในที่สุดฮ่องเต้ก็จำใจปลดหลี่เฉิงจี้จากตำแหน่งรัชทายาทและลดบรรดาศักดิ์เป็น "ชินหวัง" แต่คำสั่งดังกล่าวถือเป็นเรื่องภายในและจะไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ พระองค์ยังสั่งให้หลี่เฉิงจี้เดินทางไปที่ซีโจวภายในสามวันเพื่อเยี่ยมเยียนองค์หญิงหมิงหย่วน และนำคณะทูตไปเจรจาสู่ขอองค์หญิงแห่งซีโจว หลังจากนั้นให้ตรงไปที่จวนอันฮู่ในซีจิ้ง (พรมแดนด้านทิศตะวันตก) ทันที และห้ามกลับราชสำนักจนกว่าจะประสบความสำเร็จทางการทหาร ครั้นสบโอกาสเฉากงกงจึงทูลถามฮ่องเต้ว่าไม่ใจร้ายกับรัชทายาทไปหน่อยหรือ ฮ่องเต้แย้งว่าตนไม่ได้ใจร้ายกับรัชทายาทแต่ใจร้ายกับฮ่องเต้ในอนาคตของราชวงศ์หลี่ หากเขาครองตำหนักบูรพาไม่ได้ แล้วจะขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างไร
ณ แคว้นซีโจว เสี่ยวเฟิงร่วมลงแข่งขี่ม้าชิงลูกบอลผ้าไหม (ลูกบอลสื่อรัก) โดยมีกู้เจี้ยนนั่งมองดูห่างๆ อย่างห่วงๆ หลังคว้าลูกบอลมาครองได้สำเร็จ เสี่ยวเฟิงก็แกว่งลูกบอลอวดกู้เจี้ยนด้วยความดีใจ แต่แกว่งไปแกว่งมาลูกบอลดันไปฟาดหน้าม้าตัวหนึ่ง ม้าตัวดังกล่าวจึงวิ่งเตลิดด้วยความตกใจ แถมสายจูงของม้าตัวดังกล่าวยังกระเด็นมาพันตัวเสี่ยวเฟิงและลากเธอกับม้าคู่ใจไปด้วย กู้เจี้ยนเห็นดังนั่นจึงรีบควบม้าตามไปช่วย หลังจากนั้นก็ให้เธอขี่หลังแล้วพากลับวัง ครั้นเสี่ยวเฟิงบอกว่าจะมอบลูกบอลผ้าไหมให้เขา กู้เจี้ยนจึงบอกว่าในแดนจงหยวนของตน หากสตรีคนใดมอบลูกบอลผ้าไหมให้ชายหนุ่ม หมายความว่าเธอรักและจะแต่งงานกับเขา เสี่ยวเฟิงกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่าหากเป็นกู้เจี้ยนเธอยินดีแต่งงานด้วย จากนั้นก็ถามกู้เจี้ยนว่ายินดีแต่งงานกับตนไหม กู้เจี้ยนยิ้มหน้าบานและบ่นพึมพำว่า "ยัยเด็กโง่"
"ไฉมู่" (ชื่อจริงคือ "เฉินเจิง" เป็นอดีตแม่ทัพใหญ่) ไปพบองค์หญิงหมิงหย่วนในยามวิกาล องค์หญิงหมิงหย่วน (ซึ่งเจ็บออดๆ แอดๆ มานาน) บอกไฉมู่ว่าซีโจวหวังรับปากแล้วว่าจะให้เสี่ยวเฟิงอภิเษกเชื่อมสัมพันธไมตรีกับราชวงศ์หลี่ ไฉมู่กล่าวว่าเสี่ยวเฟิงเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ (เกิดจากมารดาที่เป็นองค์หญิงและเป็นชายาเจ้าครองแคว้น) ทั้งยังเป็นหลานตานชือหวัง (ผู้นำชนเผ่าตานชือ) หากเธออภิเษกกับราชวงศ์หลี่จะทำให้ชายแดนสงบไปอีกหลายสิบปี องค์หญิงหมิงหย่วนเป็นห่วงเรื่องเสี่ยวเฟิงกับกู้เจี้ยนที่ต่างสนิทสนมและชอบพอกัน แม้แลดูน่าอิจฉาแต่ทว่าทั้งคู่ต่างมีภาระอันหนักอึ้งที่ต้องรับผิดชอบ เธอจึงอยากให้ไฉมู่ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของกู้เจี้ยน เตือนกู้เจี้ยนว่าอย่าปล่อยใจให้ถลำลึก มิเช่นนั้นจะถอนตัวไม่ขึ้น ไฉมู่ได้ยินแล้วรู้สึกหนักใจ ถึงกระนั้นเขาก็รับปากองค์หญิงหมิงหย่วนว่าจะคอยดูแลไม่ให้กู้เจี้ยนออกนอกลู่นอกทาง (กู้เจี้ยนเป็นสายเลือดคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของสกุลกู้)
หลี่เฉิงจี้ขอให้หลี่เฉิงอิ๋นช่วยส่ง "ไท่ฟู่" ไปที่ซ่างจิงอย่างลับๆ ("ไท่ฟู่" เป็นชื่อตำแหน่งขุนนาง เขาเป็นอาจารย์ของหลี่เฉิงจี้และเป็นพยานเพียงคนเดียวในคดีผู้เข้าสอบคัดเลือกขุนนาง) โดยกำชับว่าอย่าให้ใครรู้ที่อยู่ของไท่ฟู่โดยเด็ดขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสนาเกา เขารู้ว่าเป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตรายและไม่อยากลากหลี่เฉิงอิ๋นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ทว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดี แม้แต่ตนยังไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอด ตนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอความช่วยเหลือจากน้องรักอย่างหลี่เฉิงอิ๋น หลี่เฉิงอิ๋นรับปากช่วยด้วยโดยไม่ลังเล เขาลอบพาไท่ฟู่ออกนอกเมืองหลวง ทั้งยังช่วยจัดเตรียมสัมภาระและเตรียมการทุกสิ่งเอาไว้ให้เรียบร้อย หลังเสร็จธุระเขาถ่ายทอดคำพูดของหลี่เฉิงจี้ที่ฝากบอกไท่ฟู่ว่า "สักวันความจริงต้องปรากฏ" ไท่ฟู่รู้สึกซาบซึ้งใจที่หลี่เฉิงอิ๋นช่วยเหลือตนจึงกล่าวว่าตนจะไม่มีวันลืมบุญคุณของหลี่เฉิงอิ๋น
ฮองเฮาขอบคุณเสนาเกาที่วางแผนอันแยบยลจนทำให้รัชทายาทถูกปลดจากตำแหน่งในที่สุด (เธอเป็นหลานของเสนาเกา) เธอหวังว่าหลังจากนี้เสนาเกาจะช่วยส่งเสริมหลี่เฉิงอิ๋นให้ครองตำหนักบูรพา (ครองตำแหน่งรัชทายาท) โดยเร็ว เสนาเกาออกตัวว่าการแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่เป็นพระบรมราชวินิจฉัยของฮ่องเต้ ไม่มีอะไรสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน แต่ฮองเฮารู้ดีว่าทุกสิ่งอย่างล้วนอยู่ในกำมือของเสนาเกา เธอสัญญาว่าหากหลี่เฉิงอิ๋นได้เป็นรัชทายาท เธอกับหลี่เฉิงอิ๋นจะไม่ลืมพระคุณของเสนาเกาอย่างแน่นอน
"หลี่เยี่ยน" (บุตรชายจงหวัง) ตั้งข้อสังเกตว่าการที่ฮ่องเต้สั่งปลดรัชทายาทอย่างลับๆ ซ้ำยังมอบหมายภารกิจสำคัญอย่างการนำคณะทูตไปเจรจาเรื่องการอภิเษกทางการเมือง แสดงว่าพระองค์ต้องการมอบโอกาสให้รัชทายาทได้ทำคุณไถ่โทษ เพื่อที่เขาจะได้กอบกู้ศักดิ์ศรีและได้รับความไว้วางใจจากราชสำนัก จงหวังเสริมว่าการถอดถอนและแต่งตั้งรัชทายาทล้วนเป็นการตัดสินใจเพียงชั่ววูบของฮ่องเต้ แม้ยามนี้รัชทายาทจะไม่เป็นที่โปรดปรานแต่ถ้าเขากลับมาพร้อมความสำเร็จแล้วละก็... เซวียนเต๋อหวัง (องค์ชายรอง "หลี่เฉิงเย่") กล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "ถ้าเช่นนั้นก็อย่าให้เขามีโอกาสทำสำเร็จ"
ฮองเฮาไม่เข้าใจว่าทำไมเสนาเกาถึงเสนอให้รัชทายาทเดินทางไปเจรจาเรื่องการอภิเษกระหว่างแคว้นที่ซีโจว เธอเกรงว่ารัชทายาทจะกลับมาพร้อมความสำเร็จและมีอำนาจอีกครั้ง แต่เสนาเกามั่นใจว่าไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ครั้นหลี่เฉิงอิ๋นมาถึงก็ถูกฮองเฮาตำหนิที่ออกโรงปกป้องรัชทายาทซึ่งกำลังตกกระป๋อง แทนที่จะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ แต่หลี่เฉิงอิ๋นเชื่อมั่นในตัวรัชทายาทจึงมั่นใจว่าเขาไม่มีทางใส่ร้ายหมายแย่งชิงอำนาจใคร เสนาเกาซึ่งเป็นคู่กรณีของรัชทายาทได้ยินดังนั้นจึงถามขึ้นว่า องค์ชายห้าคิดเหมือนรัชทายาทว่าตนอยู่เบื้องหลังคดีผู้เข้าสอบคัดเลือกขุนนางงั้นหรือ หลี่เฉิงอิ๋นได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง ฮองเฮาเตือนหลี่เฉิงอิ๋นว่าอย่าหลงกลรัชทายาท และแนะให้เขาหาโอกาสประจบฮ่องเต้เพื่อปูทางสู่ตำหนักบูรพา
หลี่เฉิงอิ๋นไม่ชอบวิธีที่การฮองเฮาที่แนะนำและไม่คิดครอบครองตำหนักบูรพา เขาชี้ว่ารัชทายาทเป็นพี่ชายตน ยามนี้เขากำลังมีภัยตนไม่มีทางฉวยโอกาสแน่นอน ฮองเฮาเห็นว่าหลี่เฉิงอิ๋นไม่ได้ดั่งใจจึงตบหน้าสั่งสอนเต็มแรงและไล่เขาออกจากห้องไป ฮองเฮาแก้ตัวแทนหลี่เฉิงอิ๋นโดยบอกว่าปกติแล้วเขาเป็นเด็กดีและเชื่อฟัง ที่เป็นเช่นนี้คงเป็นเพราะเพิ่งเกิดเรื่องกับรัชทายาท เสนาเกาจงอย่าถือสา เสนาเกาถามฮองเฮาว่าต้องเลือกคนอย่างองค์ชายห้ามาเป็นรัชทายาทอย่างนั้นหรือ ฮองเฮากล่าวว่าแม้หลี่เฉิงอิ๋นไม่ใช่ลูกในไส้ของเธอ แต่เธออบรมสั่งสอนและทุ่มเทเพื่อเขามานานหลายปี จึงขอให้เสนาเกาช่วยส่งเสริมหลี่เฉิงอิ๋นจนสุดกำลัง
หลี่เฉิงจี้ถวายบังคมลาฮ่องเต้ก่อนออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ซีจิ้ง (ชายแดนด้านทิศตะวันตก) แต่แล้วอยู่ๆ หลี่เฉิงอิ๋นก็ขอติดตามไปด้วย ฮองเฮาเกรงว่าจะเสียงานใหญ่และกลัวว่าฮ่องเต้จะพลอยโกรธหลี่เฉิงอิ๋นอีกคนจึงรีบแก้ตัวแทน แม้แต่เซวียนเต๋อหวัง (องค์ชายรอง) ยังออกโรงทูลฮ่องเต้ว่า หนทางข้างหน้ายาวไกลและยากลำบากเกินไปสำหรับคนที่ไม่เคยลำบากและอยู่สุขสบายมาตั้งแต่เด็กอย่างหลี่เฉิงอิ๋น ฮองเฮาเห็นด้วยกับเซวียนเต๋อหวังและบอกให้หลี่เฉิงอิ๋นรีบลุกขึ้น ครั้นเห็นว่าหลี่เฉิงอิ๋นตัดสินใจแน่วแน่โดยอ้างว่าจะใช้โอกาสนี้เรียนรู้และแสวงหาประสบการณ์ (ความจริงแล้วเขาเป็นห่วงพระเชษฐา) ฮ่องเต้จึงอนุญาตให้หลี่เฉิงอิ๋นร่วมเดินทางไปซีจิ้ง
หลังมีเรื่องผิดคาดเซวียนเต๋อหวังจึงรีบเดินทางไปหาจงหวังทันที ส่วนฮองเฮารีบเดินทางไปที่จวนเสนา เธอขอให้เสนาเการะงับแผนการที่วางไว้เพราะเกรงว่าหลี่เฉิงอิ๋นจะเป็นอันตราย เสนาเกาแย้งว่าแม้เป็นเรื่องไม่คาดฝันแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นดี เขาชี้ว่าตอนนี้ตำหนักบูรพาไร้ผู้ครอบครอง หากอดีตรัชทายาทถูกลอบสังหารขณะเดินทางไปซีจิ้ง คนแรกที่จะถูกสงสัยคือองค์ชายที่จ้องตำแหน่งรัชทายาทตาเป็นมัน ส่วนองค์ชายห้าซึ่งร่วมเดินทางไปด้วยจะเป็นคนแรกที่ถูกตัดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ถึงกระนั้นฮองเฮายังไม่วายเป็นกังวลเพราะกระบี่ไม่มีตา เสนาเกาจึงกล่าวว่าคนที่ตนส่งไปทำงานนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือ ดังนั้นองค์ชายห้าต้องปลอดภัยแน่
จงหวังเตือนเซวียนเต๋อหวังผู้เป็นหลานว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตขององค์ชายถึงสองคน หากฮ่องเต้กริ้วหนักแล้วคิดสืบสาวราวเรื่อง ตนเกรงว่า... เซวียนเต๋อหวังชิงพูดขึ้นว่า วันนี้ตนพยายามห้ามเขาแล้ว แต่เขารนหาที่ตายเอง ใครก็ตามที่ขวางอนาคตตน มันผู้นั้นจะต้องตายสถานเดียว
ณ แคว้นซีโจว เสี่ยวเฟิงร่วมลงแข่งขี่ม้าชิงลูกบอลผ้าไหม (ลูกบอลสื่อรัก) โดยมีกู้เจี้ยนนั่งมองดูห่างๆ อย่างห่วงๆ หลังคว้าลูกบอลมาครองได้สำเร็จ เสี่ยวเฟิงก็แกว่งลูกบอลอวดกู้เจี้ยนด้วยความดีใจ แต่แกว่งไปแกว่งมาลูกบอลดันไปฟาดหน้าม้าตัวหนึ่ง ม้าตัวดังกล่าวจึงวิ่งเตลิดด้วยความตกใจ แถมสายจูงของม้าตัวดังกล่าวยังกระเด็นมาพันตัวเสี่ยวเฟิงและลากเธอกับม้าคู่ใจไปด้วย กู้เจี้ยนเห็นดังนั่นจึงรีบควบม้าตามไปช่วย หลังจากนั้นก็ให้เธอขี่หลังแล้วพากลับวัง ครั้นเสี่ยวเฟิงบอกว่าจะมอบลูกบอลผ้าไหมให้เขา กู้เจี้ยนจึงบอกว่าในแดนจงหยวนของตน หากสตรีคนใดมอบลูกบอลผ้าไหมให้ชายหนุ่ม หมายความว่าเธอรักและจะแต่งงานกับเขา เสี่ยวเฟิงกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่าหากเป็นกู้เจี้ยนเธอยินดีแต่งงานด้วย จากนั้นก็ถามกู้เจี้ยนว่ายินดีแต่งงานกับตนไหม กู้เจี้ยนยิ้มหน้าบานและบ่นพึมพำว่า "ยัยเด็กโง่"
"ไฉมู่" (ชื่อจริงคือ "เฉินเจิง" เป็นอดีตแม่ทัพใหญ่) ไปพบองค์หญิงหมิงหย่วนในยามวิกาล องค์หญิงหมิงหย่วน (ซึ่งเจ็บออดๆ แอดๆ มานาน) บอกไฉมู่ว่าซีโจวหวังรับปากแล้วว่าจะให้เสี่ยวเฟิงอภิเษกเชื่อมสัมพันธไมตรีกับราชวงศ์หลี่ ไฉมู่กล่าวว่าเสี่ยวเฟิงเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ (เกิดจากมารดาที่เป็นองค์หญิงและเป็นชายาเจ้าครองแคว้น) ทั้งยังเป็นหลานตานชือหวัง (ผู้นำชนเผ่าตานชือ) หากเธออภิเษกกับราชวงศ์หลี่จะทำให้ชายแดนสงบไปอีกหลายสิบปี องค์หญิงหมิงหย่วนเป็นห่วงเรื่องเสี่ยวเฟิงกับกู้เจี้ยนที่ต่างสนิทสนมและชอบพอกัน แม้แลดูน่าอิจฉาแต่ทว่าทั้งคู่ต่างมีภาระอันหนักอึ้งที่ต้องรับผิดชอบ เธอจึงอยากให้ไฉมู่ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของกู้เจี้ยน เตือนกู้เจี้ยนว่าอย่าปล่อยใจให้ถลำลึก มิเช่นนั้นจะถอนตัวไม่ขึ้น ไฉมู่ได้ยินแล้วรู้สึกหนักใจ ถึงกระนั้นเขาก็รับปากองค์หญิงหมิงหย่วนว่าจะคอยดูแลไม่ให้กู้เจี้ยนออกนอกลู่นอกทาง (กู้เจี้ยนเป็นสายเลือดคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของสกุลกู้)
หลี่เฉิงจี้ขอให้หลี่เฉิงอิ๋นช่วยส่ง "ไท่ฟู่" ไปที่ซ่างจิงอย่างลับๆ ("ไท่ฟู่" เป็นชื่อตำแหน่งขุนนาง เขาเป็นอาจารย์ของหลี่เฉิงจี้และเป็นพยานเพียงคนเดียวในคดีผู้เข้าสอบคัดเลือกขุนนาง) โดยกำชับว่าอย่าให้ใครรู้ที่อยู่ของไท่ฟู่โดยเด็ดขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสนาเกา เขารู้ว่าเป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตรายและไม่อยากลากหลี่เฉิงอิ๋นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ทว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดี แม้แต่ตนยังไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอด ตนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอความช่วยเหลือจากน้องรักอย่างหลี่เฉิงอิ๋น หลี่เฉิงอิ๋นรับปากช่วยด้วยโดยไม่ลังเล เขาลอบพาไท่ฟู่ออกนอกเมืองหลวง ทั้งยังช่วยจัดเตรียมสัมภาระและเตรียมการทุกสิ่งเอาไว้ให้เรียบร้อย หลังเสร็จธุระเขาถ่ายทอดคำพูดของหลี่เฉิงจี้ที่ฝากบอกไท่ฟู่ว่า "สักวันความจริงต้องปรากฏ" ไท่ฟู่รู้สึกซาบซึ้งใจที่หลี่เฉิงอิ๋นช่วยเหลือตนจึงกล่าวว่าตนจะไม่มีวันลืมบุญคุณของหลี่เฉิงอิ๋น
"หลี่เยี่ยน" (บุตรชายจงหวัง) ตั้งข้อสังเกตว่าการที่ฮ่องเต้สั่งปลดรัชทายาทอย่างลับๆ ซ้ำยังมอบหมายภารกิจสำคัญอย่างการนำคณะทูตไปเจรจาเรื่องการอภิเษกทางการเมือง แสดงว่าพระองค์ต้องการมอบโอกาสให้รัชทายาทได้ทำคุณไถ่โทษ เพื่อที่เขาจะได้กอบกู้ศักดิ์ศรีและได้รับความไว้วางใจจากราชสำนัก จงหวังเสริมว่าการถอดถอนและแต่งตั้งรัชทายาทล้วนเป็นการตัดสินใจเพียงชั่ววูบของฮ่องเต้ แม้ยามนี้รัชทายาทจะไม่เป็นที่โปรดปรานแต่ถ้าเขากลับมาพร้อมความสำเร็จแล้วละก็... เซวียนเต๋อหวัง (องค์ชายรอง "หลี่เฉิงเย่") กล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "ถ้าเช่นนั้นก็อย่าให้เขามีโอกาสทำสำเร็จ"
ฮองเฮาไม่เข้าใจว่าทำไมเสนาเกาถึงเสนอให้รัชทายาทเดินทางไปเจรจาเรื่องการอภิเษกระหว่างแคว้นที่ซีโจว เธอเกรงว่ารัชทายาทจะกลับมาพร้อมความสำเร็จและมีอำนาจอีกครั้ง แต่เสนาเกามั่นใจว่าไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ครั้นหลี่เฉิงอิ๋นมาถึงก็ถูกฮองเฮาตำหนิที่ออกโรงปกป้องรัชทายาทซึ่งกำลังตกกระป๋อง แทนที่จะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ แต่หลี่เฉิงอิ๋นเชื่อมั่นในตัวรัชทายาทจึงมั่นใจว่าเขาไม่มีทางใส่ร้ายหมายแย่งชิงอำนาจใคร เสนาเกาซึ่งเป็นคู่กรณีของรัชทายาทได้ยินดังนั้นจึงถามขึ้นว่า องค์ชายห้าคิดเหมือนรัชทายาทว่าตนอยู่เบื้องหลังคดีผู้เข้าสอบคัดเลือกขุนนางงั้นหรือ หลี่เฉิงอิ๋นได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง ฮองเฮาเตือนหลี่เฉิงอิ๋นว่าอย่าหลงกลรัชทายาท และแนะให้เขาหาโอกาสประจบฮ่องเต้เพื่อปูทางสู่ตำหนักบูรพา
หลี่เฉิงอิ๋นไม่ชอบวิธีที่การฮองเฮาที่แนะนำและไม่คิดครอบครองตำหนักบูรพา เขาชี้ว่ารัชทายาทเป็นพี่ชายตน ยามนี้เขากำลังมีภัยตนไม่มีทางฉวยโอกาสแน่นอน ฮองเฮาเห็นว่าหลี่เฉิงอิ๋นไม่ได้ดั่งใจจึงตบหน้าสั่งสอนเต็มแรงและไล่เขาออกจากห้องไป ฮองเฮาแก้ตัวแทนหลี่เฉิงอิ๋นโดยบอกว่าปกติแล้วเขาเป็นเด็กดีและเชื่อฟัง ที่เป็นเช่นนี้คงเป็นเพราะเพิ่งเกิดเรื่องกับรัชทายาท เสนาเกาจงอย่าถือสา เสนาเกาถามฮองเฮาว่าต้องเลือกคนอย่างองค์ชายห้ามาเป็นรัชทายาทอย่างนั้นหรือ ฮองเฮากล่าวว่าแม้หลี่เฉิงอิ๋นไม่ใช่ลูกในไส้ของเธอ แต่เธออบรมสั่งสอนและทุ่มเทเพื่อเขามานานหลายปี จึงขอให้เสนาเกาช่วยส่งเสริมหลี่เฉิงอิ๋นจนสุดกำลัง
หลี่เฉิงจี้ถวายบังคมลาฮ่องเต้ก่อนออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ซีจิ้ง (ชายแดนด้านทิศตะวันตก) แต่แล้วอยู่ๆ หลี่เฉิงอิ๋นก็ขอติดตามไปด้วย ฮองเฮาเกรงว่าจะเสียงานใหญ่และกลัวว่าฮ่องเต้จะพลอยโกรธหลี่เฉิงอิ๋นอีกคนจึงรีบแก้ตัวแทน แม้แต่เซวียนเต๋อหวัง (องค์ชายรอง) ยังออกโรงทูลฮ่องเต้ว่า หนทางข้างหน้ายาวไกลและยากลำบากเกินไปสำหรับคนที่ไม่เคยลำบากและอยู่สุขสบายมาตั้งแต่เด็กอย่างหลี่เฉิงอิ๋น ฮองเฮาเห็นด้วยกับเซวียนเต๋อหวังและบอกให้หลี่เฉิงอิ๋นรีบลุกขึ้น ครั้นเห็นว่าหลี่เฉิงอิ๋นตัดสินใจแน่วแน่โดยอ้างว่าจะใช้โอกาสนี้เรียนรู้และแสวงหาประสบการณ์ (ความจริงแล้วเขาเป็นห่วงพระเชษฐา) ฮ่องเต้จึงอนุญาตให้หลี่เฉิงอิ๋นร่วมเดินทางไปซีจิ้ง
หลังมีเรื่องผิดคาดเซวียนเต๋อหวังจึงรีบเดินทางไปหาจงหวังทันที ส่วนฮองเฮารีบเดินทางไปที่จวนเสนา เธอขอให้เสนาเการะงับแผนการที่วางไว้เพราะเกรงว่าหลี่เฉิงอิ๋นจะเป็นอันตราย เสนาเกาแย้งว่าแม้เป็นเรื่องไม่คาดฝันแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นดี เขาชี้ว่าตอนนี้ตำหนักบูรพาไร้ผู้ครอบครอง หากอดีตรัชทายาทถูกลอบสังหารขณะเดินทางไปซีจิ้ง คนแรกที่จะถูกสงสัยคือองค์ชายที่จ้องตำแหน่งรัชทายาทตาเป็นมัน ส่วนองค์ชายห้าซึ่งร่วมเดินทางไปด้วยจะเป็นคนแรกที่ถูกตัดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ถึงกระนั้นฮองเฮายังไม่วายเป็นกังวลเพราะกระบี่ไม่มีตา เสนาเกาจึงกล่าวว่าคนที่ตนส่งไปทำงานนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือ ดังนั้นองค์ชายห้าต้องปลอดภัยแน่
จงหวังเตือนเซวียนเต๋อหวังผู้เป็นหลานว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตขององค์ชายถึงสองคน หากฮ่องเต้กริ้วหนักแล้วคิดสืบสาวราวเรื่อง ตนเกรงว่า... เซวียนเต๋อหวังชิงพูดขึ้นว่า วันนี้ตนพยายามห้ามเขาแล้ว แต่เขารนหาที่ตายเอง ใครก็ตามที่ขวางอนาคตตน มันผู้นั้นจะต้องตายสถานเดียว
** จบตอนที่หนึ่ง **
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
(ซ้าย) เกาหย่วน รับบท สือเอิน (นักแสดง ชาวจีน)
รับบท หลี่เฉิงอิ๋น / กู้เสียวอู่
(นักแสดง ชาวจีน)
เผิงเสียวหร่าน
รับบท ชวีเสี่ยวเฟิง
(นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)
เว่ยเชียนเสียง
รับบท กู้เจี้ยน
(นักแสดง ชาวจีน)
ราชวงศ์หลี่
(ซ้าย) ซือฉินเกาหวา รับบท ไท่หวงไท่โฮ่ว (นักแสดง ชาวจีนเชื้อสายมองโกล)
(ขวา) หลัวเจียเหลียง รับบท หลี่เจ๋อ (ฮ่องเต้) (นักแสดง / นักร้อง ชาวฮ่องกง)
(ซ้าย) หยางกงหรู รับบท องค์หญิงหมิงหย่วน (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) จางติ้งหาน รับบท จางเหมยเหนียง (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) จางถง รับบท เว่ยซิวอี๋ (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) หวังฉวนอี รับบท หลี่เฉิงเย่ (องค์ชายรอง) - (นักแสดง / นักร้อง ชาวไต้หวัน)
(ซ้าย) หยางถง รับบท หลี่เฉิงเหวิน (องค์ชายสาม) - (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) จินเสวียนอวี่ รับบท หลี่เฉิงหยวน (องค์ชายสี่) - (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) เฉิงเสี่ยวเหมิง รับบท องค์หญิงหย่งหนิง (นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)
(ซ้าย) เฉินจิ่นหรู รับบท องค์หญิงรั่วซี (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) เหยาอันเหลียน รับบท จงหวัง (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) ฝานหลินเฟิง รับบท หลี่เยี่ยน (นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)
(ขวา) หวังจื้อเฟย รับบท เกาอวี๋หมิง (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) หลี่ว์สิง รับบท เกาเสี่ยน (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) อวี๋ปิน รับบท เกาคุน (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) เฝิงเสี่ยวถง รับบท เกาเจิ้น (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) เกาอี้หาน รับบท เกาหรูอี้ (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) เส้าเฟิง รับบท ไฉมู่ (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) เว่ยเสี่ยวหาน รับบท หมิงเยว่ (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) กว่านเล่อ รับบท หมี่หลัว (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) หวังกวน รับบท เผยจ้าว (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) เกาหย่วน รับบท สือเอิน (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) เจี่ยงชางอี้ รับบท เฉาจี (เฉากงกง) (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) โจวเสี่ยนซิน รับบท ฟางซ่างอี๋ (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) กู้เจีย รับบท หย่งเหนียง (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) อี้หาน รับบท ซวี่เหนียง (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) จูจ้านจิ่น รับบท จ้าวซื่อเสวียน (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) อี้หาน รับบท ซวี่เหนียง (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) จูจ้านจิ่น รับบท จ้าวซื่อเสวียน (นักแสดง ชาวจีน)
ซีโจว
(ขวา) เถียนหลิง รับบท อาสื่อน่าอวิ๋น (นักแสดง ชาวจีน)
หูชุนหย่ง รับบท ชวีเทียนเจ๋อ (นักแสดง ชาวจีน)
เผ่าตานชือ
(ซ้าย) เจิ้งเสี่ยวหนิง รับบท เถี่ยต๋าเอ่อร์หวัง (นักแสดง ชาวจีน)
(ขวา) จางเกอ รับบท อีโม่เหยียน (นักแสดง ชาวจีน)
(ซ้าย) จางเหิงรุ่ย รับบท เฮ่อซือ (นักแสดง / นักกีฬา ชาวจีน)
(ขวา) น่าจี๋หม่า รับบท อาตู้ (นักแสดง ชาวจีน)
คลิปเบื้องหลัง
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา