กำกับ: หลี่เหวินหลง, เย่เจาอี๋
เขียนบท: เฉินสือซาน
แนวละคร: ย้อนยุค, สืบสวน
จำนวนตอน: 66
ออกอากาศ: จีน - 21 สิงหาคม 2560 ทางอันฮุยทีวี
ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.30 - 13.15 น. ทางช่อง 3 เอชดี (หมายเลข 33) ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2561 - 21 มีนาคม 2562
รัชสมัยถังเกาจง เหยียนลี่เปิ่นบังเอิญพบว่า ตี๋เหรินเจี๋ยถูกใส่ร้ายป้ายสีจนติดคุก ดังนั้นจึงตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ เหยียนลี่เปิ่นพบว่าตี๋เหรินเจี๋ยเป็นผู้มีความสามารถในการวิเคราะห์วินิจฉัยคดี ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชาให้เหยียนลี่เปิ่นไปสืบคดีที่วัดกั่นเย่ เหยียนลี่เปิ่นจึงตัดสินใจพาตี๋เหรินเจี๋ยร่วมเดินทางไปด้วยที่วัดกั่นเย่ ตี๋เหรินเจี๋ยปิดคดีได้สำเร็จยุติหายนะในอันที่จะเกิดขึ้นกับศาสนา ทั้งยังได้รู้จักกับอู๋เม่ยเหนียงอีกด้วย ด้วยความสามารถของตี๋เหรินเจี๋ย จึงได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้เดินทางไปปิ้งโจว ในช่วงเวลานี้เอง ตี๋เหยินเจี๋ยปิดคดีแปลกๆ มากมายจนได้รับฉายา “ตุลาการเทวดา”
ต่อมามีคดีฆาตกรรมขุนนางราชวงศ์ก่อน ตี๋เหรินเจี๋ยสืบคดีพบว่าขุมทรัพย์ของราชวงศ์ก่อนเกี่ยวพันกับการก่อกบฏของหลี่ไท่ แต่นึกไม่ถึงว่าหลักฐานกลับถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถสืบคดีต่อไปได้ ขณะเดียวกัน พบว่าอู๋เม่ยเหนียงฆ่าคนโยนความผิดให้หวังฮองเฮา ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งเรียกตี๋เหรินเจี๋ยกลับมาฉางอันเพื่อสืบคดี จากเบาะแสที่ได้มาจากอู๋เม่ยเหนียง ทำให้ตี๋เหรินเจี๋ยปิดคดีสำเร็จ ทั้งยังพบขุมทรัพย์ของราชวงศ์ก่อนในที่พักของหลี่ไท่อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญเพื่อเอาผิดการก่อกบฏ และนอกจากนี้ตี๋เหรินเจี๋ยยังพบว่าทุกครั้งที่ตนสืบคดีและพบทางตัน คนที่ช่วยตนไขปริศนาก็คือ อู๋เม่ยเหนียงทำให้รู้สึกว่าสติปัญญานางลึกล้ำยากหยั่งถึงความทะเยอทะยานมักเกินความคาดหมายและแล้วไม่นานนัก ถังเกาจงทรงประชวร ทำให้อู๋เม่ยเหนียงได้มีโอกาสรับใช้ราชสำนักด้วยกันกับตี๋เหรินเจี๋ย เป็นปราชญ์คู่แห่งราชสำนัก
* ข้อมูลจาก ช่อง 3
เนื้อหาตอนต้น
กล่าวถึงการพบกันครั้งแรกระหว่าง "ตี๋เหรินเจี๋ย" กับ "เหยียนลี่เปิ่น"
ละคร "ตี๋เหรินเจี๋ย นักสืบราชวงศ์ถัง" (Detective Dee) กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัชสมัยถังเกาจง (จักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์ถัง) เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ "วังจื่อเฟิง" ผู้ว่าการเมืองเปี้ยนโจว ตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองฉางอันหมายร้องเรียนพฤติกรรมชั่วของ "เซียวเฉาเทียน" ที่ศาลต้าหลี่ หลัง "ตี๋เหรินเจี๋ย" เตือนสติและแนะนำ แม้ภรรยาของเขาพยายามคัดค้านเพราะเกรงกลัวอิทธิพลของเซียวเฉาเทียน ทั้งยังเตือนเรื่องที่เซียวเฉาเทียนเคยข่มขู่ว่าหากพวกตนคิดแข็งข้อหรือกล้าเป็นปรปักษ์จะถูกฆ่ายกครัว แต่จื่อเฟิงเชื่อว่าตุลาการศาลต้าหลี่ "หวังฮ่าวเต๋อ" ซึ่งเป็นเพื่อนของตี๋เหรินเจี๋ย จะให้ความเป็นธรรมและช่วยคุ้มครองพวกตน เขาจึงพาลูกเมียออกเดินทางเงียบๆ ท่ามกลางสายฝนตามที่ได้นัดแนะกับตี๋เหรินเจี๋ย โชคร้ายที่ยังไม่ทันก้าวเท้าออกจากหยาเหมิน (จวนและที่ว่าการ) ก็ถูกเซียวเฉาเทียนบุกมาฆ่าล้างครัวเสียก่อน
หมายเหตุ: เปี้ยนโจว เป็นชื่อเดิมของเมือง "ไคเฟิง" อยู่ในมณฑลเหอหนาน / ฉางอัน คือ เมืองหลวงของราชวงศ์ถังในปี ค.ศ. 618–684 และ 705–904 ปัจจุบันคือเมือง "ซีอาน" อยู่ในมณฑลส่านซี / ศาลต้าหลี่ คือ ศาลสูงสังกัดกรมอาญาที่พิจารณาความผิดของเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ / หยาเหมิน เป็นที่ตั้งจวนและที่ทำการขุนนางฝ่ายปกครองท้องถิ่น ทั้งยังเป็นสถานที่รับเรื่องร้องทุกข์และพิจารณาคดีอีกด้วย
เซียวเฉาเทียนไม่เพียงฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม แต่ยังสร้างหลักฐานเท็จเพื่อโยนความผิดให้ตี๋เหรินเจี๋ยอีกด้วย ก่อนถูกจับกุมตี๋เหรินเจี๋ยได้สั่งให้ "โม่อวี่" (ลูกน้องคนสนิทและผู้ช่วย) พาชาวเมืองนับร้อยไปร้องทุกข์กับขุนนางใหญ่ประจำมณฑลเหอหนาน นามว่า "เหยียนลี่เปิ่น" ซึ่งดำรงตำแหน่ง "โย่วเซี่ยง" (เสนาฯ ขวาและหัวหน้าสำนักตรวจสอบ) ด้วยรู้ว่าใต้เท้าเหยียนกำลังเดินทางไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ตามพระบัญชาและต้องผ่านเมืองเปี้ยนโจว โม่อวี่จึงพาชาวบ้านไปขวางรถม้าของใต้เท้าเหยียนแล้วรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทราบ โดยบอกว่าแม่ทัพเซียวซึ่งถูกส่งมาประจำที่เมืองเปี้ยนโจว ทั้งรับสินบน หาผลประโยชน์จากชาวบ้าน และทำเรื่องชั่วช้าสารพัด ตนร้องทุกข์ที่หยาเหมินไม่ได้เพราะแม้แต่ผู้ว่าการเมืองเปี้ยนโจว "วังจื่อเฟิง" ยังเอาไม่อยู่ ซ้ำยังโดนข่มขู่และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการข่มเหงรังแกประชาชน ครั้นรู้ว่าแม่ทัพเซียวคนดังกล่าวคือ "เซียวเฉาเทียน" ญาติผู้น้องของ "พระสนมเซียว" (หรือ "เซียวซูเฟย" สนมคนโปรดของฮ่องเต้) ใต้เท้าเหยียนก็รู้สึกตกใจ
โม่อวี่ยังบอกด้วยว่า เมื่อตี๋เหรินเจี๋ยซึ่งถูกแต่งตั้งเป็นรองผู้ว่าการเมืองเปี้ยนโจวได้ไม่นาน (หลังสอบขุนนางได้ที่หนึ่ง) รู้เรื่องนี้เข้า จึงพยายามเกลี้ยกล่อมใต้เท้าวังและแนะให้นำเรื่องเซียวเฉาเทียนไปร้องเรียนที่ศาลต้าหลี่ ใต้เท้าวังตระหนักในความจริงใจของตี๋เหรินเจี๋ยเลยนัดหมายกันว่าจะออกเดินทางคืนนี้ ครั้นถึงเวลานัดหมายเมื่อสามชั่วยามก่อน (หกชั่วโมงก่อน) ตี๋เหรินเจี๋ยกับตนจึงไปที่หยาเหมิน แต่แล้วกลับพบว่าใต้เท้าวังพร้อมภรรยาและบุตรชายวัย 5 ปี เพิ่งถูกเซียวเฉาเทียนฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม (ศพยังอุ่นๆ) แถมในที่เกิดเหตุยังมีคำว่า "ตี๋" ซึ่งถูกเขียนด้วยเลือดปรากฏอยู่
ใต้เท้าเหยียนไม่อาจปักใจเชื่อว่าตี๋เหรินเจี๋ยถูกใส่ร้ายจริงดังที่โม่อวี่กล่าวอ้างเพราะเป็นการฟังความข้างเดียว ซ้ำยังไม่มีหลักฐาน พอรู้ว่าตี๋เหรินเจี๋ยจะถูกเซียวเฉาเทียนประหารในตอนเช้า ใต้เท้าเหยียนจึงไม่อาจทนนิ่งดูดาย แต่ "จ้าวเป่า" (หัวหน้าหน่วยองครักษ์) ไม่อาจรอช้าเลยนำราชโองการมาประกาศต่อหน้าทุกคน เนื้อหาในราชโองการระบุว่าฮ่องเต้ทรงมีเรื่องสำคัญและเร่งด่วนที่อยากหารือกับใต้เท้าเหยียน จึงขอให้ใต้เท้าเหยียนรีบเข้าวังโดยเร็วที่สุด หากใครคิดขัดขวางให้สังหารได้ทันที ใต้เท้าเหยียนไม่มีทางเลือกเลยจำต้องกลับขึ้นรถม้าท่ามกลางเสียงร้องระงมของชาวบ้าน ถึงกระนั้นโม่อวี่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาลงทุนระเบิดภูเขาเพื่อให้หินถล่มลงมาขวางทางออกเมืองเปี้ยนโจว ก่อนยอมรับตามตรงว่าตนเป็นคนลงมือและยินดีรับโทษทัณฑ์ ใต้เท้าเหยียนเห็นโม่อวี่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องผู้เป็นนายก็รู้สึกประทับใจ ครั้นเห็นเหล่าชาวบ้านตามมาวิงวอนให้ช่วยชีวิตตี๋เหรินเจี๋ย ใต้เท้าเหยียนจึงสั่งให้จ้าวเป่ารีบจัดการเรื่องถนนที่ถูกตัดขาดเพื่อจะได้เดินทางต่อ และถือโอกาสระหว่างรอเดินทางไปพบตี๋เหรินเจี๋ยในคุก
ครั้นไปถึงก็ได้ยินเหล่านักโทษร้องเพลงสาธยายความชั่วช้าของเซียวเฉาเทียน (ซึ่งแต่งโดยตี๋เหรินเจี๋ย) แถมตี๋เหรินเจี๋ยยังนั่งเขียนรายงานอยู่ด้านนอกห้องขัง เมื่อเห็นว่าใต้เท้าเหยียนมาหาตน ตี๋เหรินเจี๋ยก็เดินกลับเข้าไปในห้องขังก่อนใช้กุญแจล็อกประตูขังตัวเอง จากนั้นจึงแนะนำตัว ใต้เท้าเหยียนเห็นตี๋เหรินเจี๋ยเข้าออกห้องขังได้โดยอิสระจึงตำหนิเจ้าหน้าที่ๆ ทำงานหละหลวม แต่แล้วก็ถึงกับอึ้งเมื่อเจ้าหน้าที่กล่าวว่าที่พวกตนไม่คุมขังเพราะรู้ว่าตี๋เหรินเจี๋ยไม่มีทางหลบหนี โม่อวี่ชี้ว่าแม้เพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่ถึงปีแต่ตี๋เหรินเจี๋ยมักมาที่นี่เพื่อสอบปากคำเหล่านักโทษและจดบันทึกคำให้การทั้งหมด ทุกคนในที่นี้จึงยกย่องและเชื่อใจตี๋เหรินเจี๋ยเป็นอย่างมาก เหล่านักโทษต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าตี๋เหรินเจี๋ยไม่หลบหนีแน่นอน เพราะถ้าเขาหนีไปแล้วใครจะช่วยทวงความเป็นธรรมให้พวกตน
ตี๋เหรินเจี๋ยมอบคู่มือล้างมลทิน (สี่เยวียนซู) ให้ใต้เท้าเหยียน โดยกล่าวว่าภายในเล่มมีหลักฐานเกี่ยวกับการรับสินบนและการใส่ร้ายป้ายสีเหล่าขุนนางของเซียวเฉาเทียนด้วย เขาเขียนหนังสือเล่มดังกล่าวหลังสอบปากคำผู้ต้องหาใหม่เกือบ 30 คดี ทุกคดีล้วนถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งเขาได้ระบุข้อกังขาพร้อมเบาะแสต่างๆ ของแต่ละคดีไว้เป็นแนวทางสำหรับการพิจารณาคดีใหม่ในอนาคต ใต้เท้าเหยียนรู้สึกแปลกใจที่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ตี๋เหรินเจี๋ยกลับคิดที่จะทวงความเป็นธรรมให้คนอื่นแทนที่จะห่วงชีวิตของตน ตี๋เหรินเจี๋ยชี้ว่านั่นเป็นเพราะตนเชื่อว่าโม่อวี่จะเชิญใต้เท้าเหยียนมาพบตนที่นี่ได้ และเชื่อว่าใต้เท้าเหยียนไม่มีทางนิ่งดูดายเมื่อเห็นชาวเปี้ยนโจวเดือดร้อน ต่อให้ตนไม่อาจล้างมลทินให้ตัวเองได้ แต่อย่างน้อยตนก็รู้สึกวางใจที่ได้มอบหนังสือเล่มนี้ให้ใต้เท้าเหยียน ตนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าใต้เท้าเหยียนจะช่วยคืนความเป็นธรรมให้แก่ชาวเปี้ยนโจว
ใต้เท้าเหยียนอยากรู้ว่าตี๋เหรินเจี๋ยจะพลิกคดีอย่างไรหากตนยอมให้โอกาส ตี๋เหรินเจี๋ยชี้ว่าขอเพียงใต้เท้าเหยียนไปสถานที่เกิดเหตุกับตนและให้ตนเผชิญหน้าเซียวเฉาเทียนที่นั่น แล้วตนจะพิสูจน์ให้เห็นว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะฆาตกรตัวจริงทิ้งหลักฐานสำคัญเอาไว้ในที่เกิดเหตุ ใต้เท้าเหยียนกล่าวว่าตนต้องรีบเดินทางไปเข้าเฝ้าจึงมีเวลาไม่มาก เขาให้เวลาตี๋เหรินเจี๋ยพิสูจน์ตัวเองสองชั่วยาม (4 ชั่วโมง) แต่ตี๋เหรินเจี๋ยขอเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป (ราว 30 นาที) หลังครุ่นคิดครู่หนึ่งใต้เท้าเหยียนจึงสั่งให้ปล่อยตัวตี๋เหรินเจี๋ย
ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงสองคนบุกเข้ามาในคุก คนหนึ่งต้องการฆ่าตี๋เหรินเจี๋ยส่วนอีกคนตามมาปกป้องเขา หลังสู้กันเองครู่หนึ่งทั้งคู่ก็ลักพาตัวตี๋เหรินเจี๋ยไป โม่อวี่ขอให้ใต้เท้าเหยียนทำตามที่ตี๋เหรินเจี๋ยบอกและขอให้ไปรอที่หยาเหมิน (สถานที่เกิดเหตุ) จากนั้นก็รีบตามไปช่วยตี๋เหรินเจี๋ย ครั้นได้รับรายงานว่าใต้เท้าเหยียนปล่อยตี๋เหรินเจี๋ยออกมาสู้คดีกลางดึกแต่มีผู้หญิงชิงตัวตี๋เหรินเจี๋ยไป เซียวเฉาเทียนจึงสั่งปิดประตูเมือง ก่อนย้ำกับลูกสมุนว่าตนต้องเห็นร่างไร้วิญญาณของตี๋เหรินเจี๋ยภายในหนึ่งชั่วยาม (2 ชั่วโมง) หลังจากนั้นเขาก็ออกไปพบใต้เท้าเหยียนซึ่งกำลังรอตี๋เหรินเจี๋ยที่หยาเหมิน
ปรากฏว่าสองสาวที่บุกมาชิงตัวตี๋เหรินเจี๋ยคือ "เฟยหงจิน" (สาวชุดแดง) ที่อ้างว่าตนมีแค้นต้องชำระเลยมาเอาชีวิตตี๋เหรินเจี๋ย และ "เฟยหลานหลิง" (สาวชุดน้ำเงิน) ซึ่งบอกว่าตี๋เหรินเจี๋ยมีบุญคุณกับตนๆ จึงตามมาปกป้อง ตี๋เหรินเจี๋ยเห็นลักษณะการแต่งกายและอาวุธประจำกายของทั้งคู่ก็รู้ว่าพวกเธอเป็นสองพี่น้องที่ปล้นคนรวยช่วยคนจน ทำให้ถูกทางการประกาศจับเมื่อสองปีก่อน (ตี๋เหรินเจี๋ยเป็นคนช่างสังเกตและมีความจำเป็นเลิศ) แต่เขาไม่รู้ว่าตนไปมีบุญคุณความแค้นกับพวกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ หงจินเล่าว่าเมื่อสองปีก่อนตนหลงรักชายคนหนึ่งแต่เขากลับทิ้งตนไปหาพี่สาว (ทั้งคู่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่รักใคร่นับถือกันดุจพี่น้อง) หลานหลิงซึ่งเป็นคนรักของนี่เทียนได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจ ครั้นสองสาวเปิดฉากทะเลาะกันเรื่องชายที่ชื่อ "นี่เทียน" ตี๋เหรินเจี๋ยจึงแย้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน หลานหลิงชี้ว่านี่เทียนคือโจรที่ถูกวังจื่อเฟิงสั่งประหารเมื่อหนึ่งปีก่อน (ซึ่งเป็นช่วงที่ตี๋เหรินเจี๋ยเพิ่งมารับตำแหน่ง) ตี๋เหรินเจี๋ยได้ยินดังนั้นจึงเดาออกทันทีว่าพวกเธอเข้าใจผิดคิดว่าตนฆ่าวังจื่อเฟิง
พี่น้องสองสาวต่างยึดมั่นในบุญคุณความแค้น หงจินจึงมาฆ่าตี๋เหรินเจี๋ยหมายแก้แค้นให้วังจื่อเฟิงซึ่งเป็นผู้มีคุณของเธอ (วังจื่อเฟิงสั่งประหารชายที่ทรยศเธอ) ส่วนหลานหลิงเห็นตี๋เหรินเจี๋ยเป็นผู้มีคุณที่ช่วยกำจัดศัตรูอย่างวังจื่อเฟิง (ซึ่งสั่งประหารคนรักของเธอ) เธอจึงมาปกป้องเขา ตี๋เหรินเจี๋ยชี้ว่าตนไม่ได้ฆ่าวังจื่อเฟิง จากนั้นก็ชวนสองสาวไปพิสูจน์ความจริงที่หยาเหมินด้วยกัน
หลังอ่านหนังสือที่ตี๋เหรินเจี๋ยเขียน ใต้เท้าเหยียนซึ่งนั่งรอหน้าหยาเหมินก็รู้สึกทึ่งและชื่นชมจึงกล่าวกับจ้าวเป่าว่าตี๋เหรินเจี๋ยเป็นคนละเอียดรอบคอบ ช่างสังเกต และฉลาดเฉลียว นับว่าเป็นบุญของต้าถังที่มีขุนนางเก่งๆ เช่นนี้ เมื่อเซียวเฉาเทียนมาถึงและได้ยินเข้าจึงแย้งว่าตี๋เหรินเจี๋ยเป็นฆาตกร ใต้เท้าเหยียนแย้งกลับว่ามีชาวบ้านนับร้อยมาร้องทุกข์กับตนว่าเซียวเฉาเทียนฆ่าวังจื่อเฟิงและครอบครัวแล้วป้ายความผิดให้ตี๋เหรินเจี๋ย ตนจึงต้องการสืบหาความจริงในเรื่องนี้ ที่สำคัญตนมีหนังสือที่ตี๋เหรินเจี๋ยเขียนจาระไนความผิดทั้งหมดของเซียวเฉาเทียนอยู่ในมือ หากสิ่งที่ตนได้เห็นได้อ่านเป็นเรื่องจริง ตนจะใช้กฏหมายจัดการขั้นเด็ดขาดในฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นผู้ตรวจสอบการทำงานและความประพฤติของเหล่าขุนนาง
เซียวเฉาเทียนหาได้เกรงกลัวซ้ำยังหัวเราะร่า จ้าวเป่าเห็นเซียวเฉาเทียนลบหลู่ใต้เท้าเหยียนแล้วอดรนทนไม่ได้จึงออกอาการไม่พอใจ เซียวเฉาเทียนจึงใช้จ้าวเป่าเป็นเครื่องมือในการแดกดันใต้เท้าเหยียน โดยชี้ว่าจ้าวเป่าเป็นคนต่ำต้อยและเป็นเพียงสุนัขรับใช้ของฮ่องเต้ จึงควรหัดเจียมเนื้อเจียมตัวแทนที่จะแส่เรื่องของคนอื่น จากนั้นก็เตือนว่าเป็นหมาอย่าเที่ยวกัดไปทั่ว เพราะถ้ากัดผิดคน... (เขาจ้องหน้าใต้เท้าเหยียนแล้วกล่าวต่อว่า) "อาจตายไม่รู้ตัว" เซียวเฉาเทียนประกาศว่าพระสนมเซียวเป็นญาติของตน ตนกับฮ่องเต้จึงเป็นครอบครัวเดียวกัน จากนั้นก็เอ่ยปากไล่จ้าวเป่าให้ไปเห่าหอนที่อื่น ใต้เท้าเหยียนเห็นจ้าวเป่ายืนลังเลและพยายามระงับอารมณ์จึงส่งสัญญาณบอกให้จ้าวเป่าถอยออกไปก่อน เซียวเฉาเทียนกล่าวว่าตี๋เหรินเจี๋ยทั้งฆ่าคนและแหกคุก เช่นนี้แล้วพวกตนจะเชื่อสิ่งที่คนอย่างตี๋เหรินเจี๋ยเขียนขึ้นได้อย่างไร พูดจบเขาก็อาสาพาใต้เท้าเหยียนเข้าไปสืบหาความจริงด้านใน โดยบอกว่าตนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังเอง
พี่น้องสองสาวคุมตัวตี๋เหรินเจี๋ยไปพิสูจน์ความจริงที่หยาเหมิน ระหว่างทางตี๋เหรินเจี๋ยรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลจึงเตือนสองสาวว่าอาจเดือดร้อนเพราะตน ครั้นตี๋เหรินเจี๋ยบอกว่าตนเคยอ่านตำรายุทธ์แต่ไม่สนใจฝึกปรือเพราะบัณฑิตอย่างตนชอบใช้สมองมากกว่าใช้กำลัง และคิดว่าสามารถเอาชนะศัตรูนับพันนับหมื่นได้ด้วยการจรดพู่กัน สองสาวจึงหาว่าเขาขี้โม้และบอกให้เขาหลบอยู่ด้านหลังพวกตน เมื่อสมุนของเซียวเฉาเทียนเปิดฉากโจมตีตี๋เหรินเจี๋ย หงจินกับหลานหลิงจึงออกโรงปกป้องและกำจัดเหล่าสมุนของเซียวเฉาเทียนที่ดักซุ่มโจมตีตี๋เหรินเจี๋ยจนหมดสิ้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับสองพี่น้อง "อู่ลิ่ว" และ "อู่ชี" ที่ขายชีวิตให้เซียวเฉาเทียน ตี๋เหรินเจี๋ยจึงเตือนสองสาวให้ระวังตัว หลังพยายามปกป้องตี๋เหรินเจี๋ยจนได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ ซ้ำยังมีทหารของเซียวเฉาเทียนตามมาสมทบอีกจำนวนหนึ่ง ตี๋เหรินเจี๋ยจึงพาสองสาวหนีไป
เซียวเฉาเทียนพาใต้เท้าเหยียนมาดูจุดเกิดเหตุพลางกล่าวว่าตี๋เหรินเจี๋ยเป็นฆาตกรใจคอโหดเหี้ยม เมื่อใต้เท้าเหยียนตัดบทว่าตนจะรอฟังคำอธิบายจากปากตี๋เหรินเจี๋ยก่อน เซียวเฉาเทียนแย้งว่าถ้าเช่นนั้นใต้เท้าเหยียนคงต้องเดินทางไปฟังที่ปรโลก เพราะตนส่งคนไปจับนักโทษแหกคุกตี๋เหรินเจี๋ยแล้วและสั่งให้ฆ่าทันทีหากขัดขืน ใต้เท้าเหยียนได้ยินดังนั้นจึงประณามเซียวเฉาเทียนที่คิดฆ่าตัดตอนทั้งที่ความจริงยังไม่กระจ่าง เซียวเฉาเทียนชักดาบออกมาข่มขู่พลางแย้งว่ามีหลักฐานปรากฏตำตาว่าตี๋เหรินเจี๋ยฆ่าวังจื่อเฟิงและครอบครัว เขาจงใจสาธิตและเล่าให้ใต้เท้าเหยียนฟังเป็นฉากๆ ว่าตนสังหารวังจื่อเฟิงและลูกเมียยังไง ตรงจุดไหนบ้าง (แต่อ้างว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมของตี๋เหรินเจี๋ย) จากนั้นก็ใช้ดาบชี้ไปยังตัวอักษร "ตี๋" ที่เขียนด้วยเลือดโดยบอกว่านี่คือเบาะแสที่วังจื่อเฟิงทิ้งไว้ก่อนตาย
หลังใส่ความตี๋เหรินเจี๋ยแล้ว เซียวเฉาเทียนก็เชิญใต้เท้าเหยียนไปพักผ่อนระหว่างรอให้ถนนซ่อมเสร็จ ใต้เท้าเหยียนครุ่นคิดและทบทวนเหตุการณ์ครู่หนึ่งก่อนเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบ ในที่สุดเขาก็พบว่ามีปลายดาบหักปักติดคาเสา (ซึ่งตรงกับรอยหักที่ดาบของเซียวเฉาเทียน) เขาจึงนึกถึงคำพูดของตี๋เหรินเจี๋ยที่บอกตอนอยู่ในคุกว่าฆาตกรตัวจริงทิ้งหลักฐานสำคัญเอาไว้ในที่เกิดเหตุ
ในเวลาเดียวกันนั้นตี๋เหรินเจี๋ยกับสองสาวยังคงถูกเหล่าสมุนของเซียวเฉาเทียนตามไล่ล่า หลังพบว่ามีคนร้ายทั้งหมด 22 คน (ทหาร 20 นาย และอู่ลิ่วกับอู่ชี) ตี๋เหรินเจี๋ยจึงบอกสองสาวให้หลบหลังตนเพราะคราวนี้ตนจะออกโรงเอง หงจินไม่เชื่อว่าบัณฑิตไร้ฝีมืออย่างตี๋เหรินเจี๋ยจะจัดการคนที่แข็งแกร่งและมีฝีมือ 22 คนได้โดยลำพังเลยลั่นวาจาว่าหากตี๋เหรินเจี๋ยทำได้จริงดังที่พูดพวกตนจะตามรับใช้เขาชั่วชีวิต ปรากฏว่าตี๋เหรินเจี๋ยอาศัยความช่างสังเกต ไหวพริบ และปัญญา ลวงคน 22 คนมาตายในกับดักได้โดยไม่ต้องลงมือ สองสาวเห็นดังนั้นก็รู้สึกทึ่งแต่ยังคงมองว่าเขาแค่บังเอิญโชคดี
ในที่สุดโม่อวี่ก็ตามหาตี๋เหรินเจี๋ยจนเจอ ทั้งหมดจึงรีบไปที่หยาเหมิน ครั้นเห็นว่าด้านนอกไม่มีคน ตี๋เหรินเจี๋ยจึงเดาว่าใต้เท้าเหยียนคงอยู่ด้านใน เขาอนุญาตให้สองสาวตามตนเข้าไปในหยาเหมินแต่มีข้อแม้ว่าต้องเชื่อฟังตนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม โม่อวี่รู้สึกแปลกใจที่เห็นเซียวเฉาเทียนอยู่ด้านในกับใต้เท้าเหยียน ปรากฏว่าใต้เท้าเหยียนมีท่าทีที่เปลี่ยนไป ซ้ำยังบอกให้ตี๋เหรินเจี๋ยยอมมอบตัวแต่โดยดีแล้วตนจะขอพระราชทานอภัยโทษให้ โม่อวี่ได้ยินดังนั้นจึงโวยลั่น ผิดกับตี๋เหรินเจี๋ยที่มีท่าทีสงบนิ่ง เพราะรู้ว่าใต้เท้าเหยียนเห็นปลายดาบหักและเก็บไว้เป็นหลักฐานแล้ว เขายังรู้ด้วยว่าที่ขุนนางใจซื่อมือสะอาดอย่างใต้เท้าเหยียนแปรเปลี่ยนไปและไม่กล้าสู้หน้าตน เป็นเพราะโดนเซียวเฉาเทียนขู่ว่าจะฆ่าล้างครัวแบบเดียวกับวังจื่อเฟิง ตี๋เหรินเจี๋ยยอมให้เซียวเฉาเทียนจับตนและพวกไปประหารแต่โดยดี ถึงกระนั้นเขาก็มีคำขอสุดท้ายโดยบอกว่าหากตนตายแล้วขอให้ใต้เท้าเหยียนกลับไปเป็นคนใจสัตย์ซื่อถือคุณธรรมดังเดิม เพราะราษฎรจำเป็นต้องมีขุนนางดีเป็นที่พึ่ง
เมื่อจ้าวเป่าแจ้งว่าถนนซ่อมเสร็จแล้วและเตือนให้รีบเดินทาง ใต้เท้าเหยียนจึงตัดใจตามจ้าวเป่าไป เซียวเฉาเทียนประกาศความผิดของตี๋เหรินเจี๋ยซึ่งมีโทษประหารโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของชาวบ้าน ตี๋เหรินเจี๋ยไม่สะทกสะท้านซ้ำยังเตือนว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเซียวเฉาเทียน หากเขาสารภาพความผิดบาปทั้งหมดที่เคยก่อและยอมรับว่าตนคือฆาตกรตัวจริง ไม่แน่ว่าอาจหายใจได้นานขึ้นสักสองสามวัน มิเช่นนั้นวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเขา เซียวเฉาเทียนไม่สนใจคำขู่และชักดาบออกจากฝักทันที เขากำลังจะลงดาบสังหารตี๋เหรินเจี๋ยแต่ใต้เท้าเหยียนกลับมาห้ามเอาไว้ได้ทัน หลังจากนั้นก็ประกาศความผิดของเซียวเฉาเทียนให้ทุกคนรับรู้ โดยนำหลักฐาน (ปลายดาบหัก) มาแสดงต่อหน้าทุกคน
หลังจำนนต่อหลักฐานทั้งยังขู่ฆ่าล้างครัวไม่สำเร็จ เซียวเฉาเทียนจึงถามว่าถ้าจับตนแล้วจะชี้แจงเรื่องนี้กับพระสนมเซียวอย่างไร ใต้เท้าเหยียนชี้ว่าตนเป็นขุนนางในราชสำนักจึงรับใช้เพียงฝ่าบาทและประชาชน จากนั้นก็สั่งให้ปล่อยตี๋เหรินเจี๋ยและพวกทันที เซียวเฉาเทียนไม่ยอมให้ทหารจับกุมเลยชิงจับใต้เท้าเหยียนเป็นตัวประกัน จ้าวเป่าเตือนว่าการทำเช่นนั้นกับขุนนางใหญ่ในราชสำนักมีโทษมหันต์ เซียวเฉาเทียนไล่จ้าวเป่าไปเห่าหอนที่อื่น ก่อนประกาศว่าการใส่ความขุนนางในราชสำนักก็มีโทษมหันต์เช่นกัน (เซียวเฉาเทียนหาว่าใต้เท้าเหยียนใส่ความตน) ดังนั้นตนจะสังหารใต้เท้าเหยียนแล้วค่อยไปทูลฝ่าบาทที่ฉางอัน ตี๋เหรินเจี๋ยเห็นดังนั้นจึงยิงลูกเหล็กจากปลายพู่กันไปที่ข้อมือเซียวเฉาเทียนทำให้ดาบหลุดมือ โม่อวี่รีบตามไปถีบซ้ำทำให้เซียวเฉาเทียนล้มลงไปกองกับพื้น
ถึงกระนั้นเซียวเฉาเทียนก็ยังไม่หมดฤทธิ์ เขาอวดเสื้อคลุมสีเหลืองลายกิเลนที่ใส่อยู่ด้านในพลางบอกว่าเป็นเสื้อที่พระสนมเซียวมอบให้ตน ถึงตนจะฆ่าล้างครัววังจื่อเฟิงแต่มีเสื้อตัวนี้แล้วไม่ว่าใครก็ฆ่าตนไม่ได้นอกจากฮ่องเต้ เขาเดินเข้าไปหาใต้เท้าเหยียนอย่างท้าทายเพราะเชื่อว่าไม่มีใครกล้าสังหารตน ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งแทงเซียวเฉาเทียนจากทางด้านหลัง เซียวเฉาเทียนนึกไม่ถึงว่าคนที่กล้าสังหารตนคือจ้าวเป่า จ้าวเป่าอ้างราชโองการฮ่องเต้ที่มีบัญชาให้ใต้เท้าเหยียนเข้าวังโดยเร็วที่สุด หากใครขัดขวางให้สังหารได้ทันที จากนั้นก็ชี้ว่าคนที่สังหารเซียวเฉาเทียนไม่ใช่ตนแต่เป็นฮ่องเต้ เหล่าชาวบ้านต่างพากันดีใจที่คนชั่วอย่างเซียวเฉาเทียนถูกกำจัดจึงพากันสรรเสริญใต้เท้าเหยียนกับตี๋เหรินเจี๋ย ใต้เท้าเหยียนกล่าวต่อหน้าทุกคนว่าตี๋เหรินเจี๋ยเปรียบดังไข่มุกของเมืองเปี้ยนโจว ตนเชื่อว่าวันหน้าตี๋เหรินเจี๋ยจะต้องฉายแสงและสร้างคุณูปการให้ต้าถังอย่างแน่นอน
เรื่องราวทั้งหมดคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันดีระหว่างใต้เท้าเหยียนกับตี๋เหรินเจี๋ย ใต้เท้าเหยียนประทับใจในความสามารถและปัญญาของตี๋เหรินเจี๋ยจึงอยากผลักดันเขาให้เข้ามาทำงานรับใช้ราชสำนัก แต่ตี๋เหรินเจี๋ยปฏิเสธเพราะอยากทำงานรับใช้ประชาชนมากกว่า ขณะที่หงจินกับหลานหลิงกลับมารักใคร่ปรองดองกันดังเดิม และตั้งใจว่าหากจัดการธุระส่วนตัวแล้วเสร็จ พวกเธอจะทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้กับตี๋เหรินเจี๋ย (จะติดตามรับใช้เขาชั่วชีวิต)
รายชื่อนักแสดง
เหรินเจียหลุน
รับบท ตี๋เหรินเจี๋ย
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน - อดีตนักเทเบิลเทนนิส)
คั่นชิงจื่อ
รับบท มู่หรงชิง (ฮัวเฟยฮัว)
(นักแสดง ชาวจีน)
เจียวจวิ้นเยี่ยน
รับบท อู่เจ๋อเทียน (บูเช็กเทียน)
(นักแสดง ชาวจีน)
เมี่ยวจวิ้นเจี๋ย
รับบท โม่อวี่
(นักแสดง ชาวจีน)
หลี่จิ้นหรง
รับบท เหยียนลี่เปิ่น
(นักแสดง ชาวจีน)
เฉินอี้
รับบท เจี่ยงฮ่าวเฉิน
(นักแสดง / นักร้อง ชาวไต้หวัน)
หวังอวี่
รับบท หลี่ไท่ (ผูอ๋อง)
(นักแสดง ชาวจีน)
จางเสี่ยวหนิง
รับบท จ่างซุนอู๋จี้
(นักแสดง ชาวจีน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา