วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เรื่องย่อ หมาป่าจอมราชันย์ (The Wolf)




กํากับ: เฉินอวี้ซาน, หวังเว่ย, เฉาหัว 
เขียนบท: เฉินอวี้ซาน, อู๋จื้อเหว่ย, หวงจี้โหรว, เฉินเจี้ยนหาว, เมิ่งจือ, เฉินเผิงเหวิน
แนวละคร: ย้อนยุค, โรแมนติก 
จํานวนตอน: 49 
ออกอากาศ:จีน - 19 พฤศจิกายน 2563 ทางอยฉือ เก๋งซวน, โยวคู่
                  ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.55 น. ทางช่อง MONO29 ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 - 23 กรกฎาคม 2564





เรื่องย่อ



ละคร "หมาป่าจอมราชันย์ (The Wolf)" นำเสนอเรื่องราวของ "หม่าไจซิง" เด็กสาวที่ชาญฉลาดและจิตใจดี กับเมาคลีหนุ่มที่เติบโตบนเขาท่ามกลางฝูงหมาป่า ทั้งคู่เป็นหวานใจวัยเยาว์ที่มีความรักอันบริสุทธิ์ต่อกัน และต่างช่วยกันปกป้องฝูงหมาป่าจากการถูกนายพรานล่า โดยหม่าไจซิงเรียกเขาว่า "หลางไจ่" หลังหลางไจ่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นปีศาจหมาป่าที่ลงเขามาฆ่าคน มิหนำซ้ำคนที่ถูกฆ่ายังเป็นพี่น้องร่วมสาบานของ "ฉู่ขุย" (เจ้าครองแคว้นหยาง) "หม่าอิง" เจ้าเมืองขุยโจวและบิดาของหม่าไจซิง จึงสั่งให้ทหารเร่งตามจับหลางไจ่ก่อนที่ฉู่ขุยจะเดินทางมาถึงเมืองขุยโจว  หม่าไจซิงต้องการปกป้องหลางไจ่เลยจำต้องทำร้ายจิตใจและตัดสัมพันธ์กับเขาเพื่อให้เขายอมหนีไป แต่หลางไจเชื่อใจหม่าไจซิงจึงไม่ยอมหนีไปไหน  

หม่าไจซิงสืบจนพบว่าคนร้ายตัวจริงที่สังหารพี่น้องร่วมสาบานของฉู่ขุยแล้วโยนความผิดให้หลางไจ่คือคนใกล้ตัวอย่าง "วังเสียง" (พ่อบ้านในจวนหม่าซึ่งรู้ความลับเรื่องชาติกำเนิดของหม่าไจซิง) หลังความจริงปรากฏหม่าไจซิงจึงรีบขึ้นเขาเพื่อไปบอก "หม่าจวิ้น" (พี่ชายต่างสายเลือดของหม่าไจซิง) ว่าหลางไจ่ไม่ใช่คนร้ายแต่ทว่าสายเกินไป ก่อนหน้านี้หม่าจวิ้นได้ลวงหลางไจ่ให้มาติดกับ ซ้ำยังโกหกว่าหม่าไจซิงสมคบคิดกับตน เขากับเหล่าทหารไม่เพียงทำร้ายหลางไจ่แต่ยังฆ่าครอบครัวหมาป่าทั้งหมด (รวมทั้งลูกหมาป่า) ที่พยายามปกป้องหลางไจ่อีกด้วย หลางไจ่โกรธแค้นมากจึงไล่ล่าหม่าจวิ้นไปจนถึงริมหน้าผา เขาจะฆ่าหม่าจวิ้นแต่ถูกธนูยิงเข้าที่หน้าอกเสียก่อน เมื่อหม่าไจซิงมาถึงก็เห็นหลางไจ่พลัดตกจากหน้าผาต่อหน้าต่อตา หม่าจวิ้นยังไม่หนำใจจึงสั่งให้ทหารยิงธนูตามลงไป หม่าไจซิงรีบเข้าไปห้ามและบอกว่าคนร้ายตัวจริงถูกจับแล้ว แต่หม่าจวิ้นไม่สนทั้งยังทำร้ายหม่าไจซิงจนขาหัก 

ฉู่ขุยประทับใจในความสามารถของหลางไจ่จึงสั่งให้ทหารหลวงออกตามหาแล้วนำตัวหลางไจ่มารักษาอย่างลับๆ หมายนำเขามาฝึกหนักเพื่อทำงานรับใช้ตน (ฉู่ขุยต้องการฝึกหลางไจ่ให้กลายเป็นนักฆ่าเลือดเย็นที่เชื่อฟังคำสั่งตน โดยไม่สนว่าการรักษาจะมีผลข้างเคียงที่รุนแรง) แปดปีต่อมา หม่าไจซิงได้เป็นรักษาการเจ้าเมืองขุยโจว  ส่วนหลางไจ่กลายเป็นโอรสบุญธรรมของฉู่ขุยและได้รับการแต่งตั้งเป็น "ป๋อหวัง" แห่งแคว้นหยาง หลังรู้ว่าฉู่ขุยจะประหาร "เจิ้นกั๋วโหว" (บรรดาศักดิ์ของแม่ทัพ "เซียวกุ้ย") โทษฐานก่อกบฎ หม่าอิงจึงรีบเดินทางมายังเมืองซู่หยาง (เมืองหลวง) เพื่อร้องขอความเมตตาให้ครอบครัวของเจิ้นกั๋วโหว แต่สุดท้ายกลับพบว่าฉู่ขุยกำลังเชือดไก่ให้ลิงดู (ฉู่ขุยต้องการยึดอำนาจทางการทหารจึงยัดข้อหากบฎให้เจิ้นกั๋วโหว และผู้ที่รับหน้าที่เป็นมือสังหารก็คือป๋อหวัง) เพื่อปกป้องคนในตระกูลหม่าอิงจึงตัดสินใจว่าจะมอบอำนาจทางการทหารให้ฉู่ขุย (ฉู่ขุยสั่งให้แบ่งไพร่พลสกุลหม่ามาให้ตน) เพื่อการนี้เขาจึงรีบเดินทางกลับเมืองขุยโจวทันที 




ป๋อหวังได้รับคำสั่งให้เดินทางไปยังเมืองขุยโจวพร้อมสมาชิกหน่วยเย่ซาเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของหม่าอิง  เขาไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของภารกิจในครั้งนี้คือการสังหารหม่าอิง กวาดล้างสกุลหม่า และลักพาตัวหม่าไจซิง โดยโยนบาปให้แคว้นจิ้น (ฉู่ขุยแอบสั่งการลับหลังป๋อหวัง) หลังได้พบหม่าไจซิงอีกครั้ง ป๋อหวังไม่ยอมรับว่าตนคือหลางไจ่ ทั้งยังรู้สึกแค้นเคืองเพราะคิดว่าเธอหักหลังเขา ขณะที่หม่าไจซิงและทัพสกุลหม่าหลงคิดว่าฉู่ขุยกับป๋อหวังคือผู้มีพระคุณของพวกตน ฉู่ขุยต้องการตัวหม่าไจซิงไว้ควบคุมทัพสกุลหม่าจึงคิดให้เธออภิเษกกับป๋อหวัง แม้ยังเฝ้ารอหลางไจ่แต่เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักกับทัพสกุลหม่า หม่าไจซิงเลยจำต้องตอบตกลงแต่มีข้อแม้ว่าเธอจะยังไม่เข้าพิธีอภิเษกจนกว่าจะได้ล้างแค้นให้บิดาและคนสกุลหม่า (จนกว่าจะบุกตีแคว้นจิ้นได้สำเร็จ) หลังรู้ความจริงว่าเมื่อแปดปีก่อนหม่าไจซิงไม่ได้สมคบคิดกับพี่ชายและไม่เคยหักหลังตน ป๋อหวังจึงหันมาทำดีกับหม่าไจซิงและเริ่มกลับมาเป็นหลางไจ่คนเดิม 

ฉู่ขุยไม่ปลื้มเมื่อรู้ถึงความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างป๋อหวังกับหม่าไจซิง เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าป๋อหวังคือหลางไจ่ ทั้งยังเริ่มระแวงสงสัยในความภักดีของป๋อหวัง ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างป๋อหวังกับหม่าไจซิงเริ่มดีวันดีคืน หม่าไจซิงก็รู้ว่าป๋อหวังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของบิดาและการกวาดล้างสกุลหม่า ซ้ำยังรู้ด้วยว่าตนเป็นธิดาขององค์หญิงราชวงศ์ก่อน เมื่อคนรักและคนที่เคยคิดว่าเป็นมิตรกลับกลายเป็นศัตรู หม่าไจซิงจะทำเช่นไร ความรักระหว่างเธอกับป๋อหวังจะสมหวังหรือไม่ ติดตามชม "หมาป่าจอมราชันย์ (The Wolf)" ได้ทางช่อง MONO29 และทาง MONOMAX
 
เนื้อหาตอนที่หนึ่ง





ละครเปิดฉากโดยกล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีต ในตอนนั้นเจ้าครองแคว้นหยาง (หยางหวัง) นาม "ฉู่ขุย" ได้ก่อศึกครั้งใหญ่ ส่งผลให้ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยไฟสงคราม เจ้าครองแคว้นจิ้น (จิ้นหวัง) ผู้ภักดีและทรงธรรม ไม่อาจต้านทานทัพของฉู่ขุยจึงถอยร่นขึ้นไปทางเหนือ หมายฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กองทัพเพื่อเตรียมทำศึกกับศัตรูในอนาคต (แคว้นหยางและแคว้นจิ้นเป็นดินแดนที่มักรบราและเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน) ด้วยความที่ฉู่ขุยเป็นทรราชใจคอเหี้ยมโหด เขาจึงสังหารผู้เป็นปรปักษ์แบบถอนรากถอนโคนและไร้ซึ่งความปราณี เขาหมายมั่นว่าโค่นล้มแคว้นจิ้นและรวมแผ่นดินให้อยู่ภายใต้การปกครองของคนๆ เดียว เพื่อการนี้ฉู่ขุยได้มอบหมายให้รองแม่ทัพ "เซี่ยโหวอี้" บุกเข้าวังหลวงและฆ่าไม่เว้น   (ในตอนนั้นองค์หญิงของราชวงศ์ก่อนซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดพยายามหลบซ่อนตัวแต่มีทหารมาพบเข้า)  นับจากนั้นสองมหาอำนาจฝ่ายธรรมะและอธรรมในใต้หล้าก็แบ่งออกเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้


กว่าสิบปีต่อมา ณ เขาหลางโซ่ว (เขาล่าหมาป่า) ในเมืองขุยโจวของแคว้นหยาง นายพรานสองพ่อลูกขึ้นเขาเพื่อล่าหมาป่าหวังได้เงินก้อนโต   เพราะหลังมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเนื้อหมาป่ารักษาได้ทุกโรค เนื้อหมาป่าจึงมีค่าดั่งทอง พรานหนุ่มเห็นบิดาแขวนเครื่องรางปราบปีศาจไว้บนกิ่งไม้เลยอดแย้งไม่ได้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวง เขาไม่เชื่อคำร่ำลือที่ว่าภูเขาแห่งนี้มีปีศาจหมาป่า ด้วยเห็นว่าตั้งแต่ขึ้นมาบนเขายังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีปีศาจสักตน แต่บิดาเขาเกรงว่าขืนรอให้เห็นวี่แววก่อนจะช้าเกินการณ์ เมื่อพรานหนุ่มเห็นหมาป่าตัวใหญ่ติดบ่วงของพวกตนเขาก็รู้สึกดีใจ เขาจะลงมือสังหารหมาป่าตัวดังกล่าวแต่ยังไม่ทันลงมือก็มีเสียงฟ้าร้องและเสียงหมาป่าคำรามกึกก้อง หลังจากนั้นสภาพอากาศก็เริ่มแปรปรวน แถมอยู่ๆ ก็มีหมอกและลมกระโชก นายพรานผู้พ่อเชื่อว่าปีศาจหมาป่ากำลังจะปรากฏตัวจึงบอกลูกชายให้รีบเผ่น แต่พรานหนุ่มเสียดายหมาป่าเลยไม่ยอมไป หลังยื้อยุดกันไปมาทั้งคู่ก็พบว่าพวกตนกำลังตกอยู่ในวงล้อมของฝูงหมาป่า 

* หมายเหตุ: 
เครื่องรางปราบปีศาจที่นายพรานผู้พ่อนำมาผูกไว้ตามต้นไม้คือ "เจี้ยงโหมวฉู" (จินกังฉู) หรือ "วัชระ" ความจริงแล้ววัชระเป็นหนึ่งในของประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนานิกายตันตระของชาวธิเบต (ภาษาธิเบตเรียกว่า "ดอร์เจ" ใช้คู่กับ "กันตะ" หรือกระดิ่ง)  ถือเป็นสัญลักษณ์ของปัญญาและการบรรลุธรรม นอกจากนี้ วัชระยังเป็นสัญลักษณ์ของอสุนีบาตหรือสายฟ้าที่พระอินทร์ (เทพเจ้าของชาวฮินดู) ใช้กวัดแกว่งเป็นอาวุธ และยังหมายถึง "เพชร" อีกด้วย จึงเชื่อกันว่าของสิ่งนี้สามารถตัดปัญหาอุปสรรค และขจัดปีศาจ (มารผจญ) ได้ทุกชนิด  



ณ เมืองขุยโจว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาหลางโซ่ว พรานหนุ่มรีบรุดไปที่จวนหม่า (จวนของเจ้าเมืองสกุลหม่า) เพื่อร้องเรียนเรื่องปีศาจหมาป่าบนเขาหลางโซ่ว ในตอนนั้นเจ้าเมืองไม่อยู่ "หม่าจวิ้น" บุตรชายคนโตของเจ้าเมืองจึงรักษาการแทนบิดาชั่วคราว พรานหนุ่มยืนยันว่าตนเห็นปีศาจหมาป่าอาละวาดบนเขาหลางโซ่วเองกับตา ทั้งยังนำซองใส่ลูกธนูที่ถูกปีศาจหมาป่าตะปบมาให้หม่าจวิ้นดูเป็นหลักฐาน เขายังบอกด้วยว่าปีศาจตนดังกล่าวแลดูคล้ายมนุษย์และหมาป่า ลักษณะท่าทางดุร้ายน่ากลัว บิดาตนเห็นแล้วหวาดกลัวถึงขั้นล้มป่วย ครั้นพรานหนุ่มร้องขอให้ช่วยปราบปีศาจ หม่าจวิ้นจึงตัดบทด้วยท่าทีเบื่อหน่าย เขาไม่ใส่ใจคำพูดของพรานหนุ่มจึงประกาศต่อหน้าชาวบ้านที่มามุงดูว่าบนเขาหลางโซ่วไม่มีปีศาจหมาป่าแต่อย่างใด หากมีปีศาจจริงพรานหนุ่มกับบิดาจะรอดพ้นจากความตายมาได้อย่างไร 

พรานหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงตัดพ้อว่า ทั้งท่านเจ้าเมืองและ 'ไจซิงจวิ้นจู่*' (ท่านหญิงไจซิง) ต่างรักและห่วงใยชาวบ้านตาดำๆ เหตุใดจึงมีเพียงหม่าจวิ้นที่ไม่ใส่ใจทุกข์สุขของประชาชน ครั้นถูกเปรียบเทียบกับน้องสาวต่างสายเลือดหม่าจวิ้นก็รู้สึกโกรธ เขาชี้ว่าตอนนี้ตนต่างหากที่รักษาการแทนเจ้าเมือง ก่อนโวยว่าตำนานเล่าขานเกี่ยวกับปีศาจหมาป่าเป็นเรื่องเหลวใหลทั้งเพ ตนอุตส่าห์สละเวลามานั่งฟังเรื่องไร้สาระจนจบก็นับว่าบุญแล้ว เขาสั่งให้ทหารลากตัวพรานหนุ่มออกจากจวนโดยกล่าวหาว่าพรานหนุ่มกุเรื่องขึ้น แต่ "หม่าไจซิง"   (ซึ่งยืนฟังทางด้านนอก) ขวางเอาไว้ เธอกล่าวว่าเมื่อไม่นานมานี้ตำนานเล่าขานเรื่องปีศาจหมาป่าได้แพร่สะพัดไปทั่วทุกหนแห่ง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน (ทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนก) เหล่าชาวบ้านจึงหวังพึ่งพาจวนหม่าให้ช่วยสืบหาคำตอบว่าคำร่ำลือดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ 

* จวิ้นจู่ เป็นบรรดาศักดิ์ของสตรีที่อยู่ในชนชั้นปกครองของยุคศักดินา ในที่นี้เป็นคำเรียกธิดาของเจ้าเมือง


ครั้นบุตรชายโดนหม่าไจซิงตำหนิว่าทำหน้าที่บกพร่อง "หม่าฟูเหริน" จึงออกโรงปกป้องลูกชายและชี้ว่าลูกสาวอนุไม่มีสิทธิเข้ามายุ่งวุ่นวายที่นี่ หม่าไจซิงออกตัวว่าเธอแค่อยากมาเตือนพี่ชาย เพราะถ้าหากบิดากลับจวนแล้วรู้ว่าเขาละเลยความปลอดภัยของชาวบ้าน เขาอาจโดนปลดจากตำแหน่งรักษาการฯ  ก็เป็นได้ หม่าจวิ้นได้ยินแล้วยิ่งไม่พอใจ หม่าฟูเหรินรู้ดีว่าหม่าไจซิงเป็นลูกสาวคนโปรดของสามี เธอจึงเตือนหม่าจวิ้นว่าอย่าให้หม่าไจซิงเห็นข้อบกพร่องเป็นอันขาด   หม่าจวิ้นจำต้องยอมรับฟังความเห็นของหม่าไจซิง หม่าไจซิงเสนอให้หม่าจวิ้นนำทัพขึ้นไปบนเขาหลางโซ่วเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องปีศาจหมาป่า หากบนเขามีปีศาจหมาป่าจริงให้สั่งปิดภูเขาทันที และออกคำสั่งห้ามกินเนื้อหรือล่าหมาป่าเพื่อความปลอดภัย  

ครั้นหม่าไจซิงส่งสัญญาณให้ช่วยกันกดดัน เหล่าชาวบ้านจึงพากันคุกเข่าอ้อนวอนหม่าจวิ้นให้ขึ้นไปพิสูจน์ความจริงบนเขา หม่าจวิ้นไม่มีทางเลือกเลยจำต้องรับปากทั้งที่ไม่มั่นใจ เขาถามหม่าไจซิงว่าจะรับโทษสถานใดหากตนขึ้นเขาแล้วไม่พบปีศาจหมาป่า หม่าไจซิงกล่าวว่าหากเป็นเช่นนั้นก็นับเป็นเรื่องดี เหล่าชาวบ้านจะได้เลิกหวาดกลัวและบิดาจะภูมิใจในตัวหม่าจวิ้น เธออาสาร่วมเดินทางขึ้นเขาเพื่อเป็นกำลังใจและช่วยกำจัดปีศาจ แต่หม่าจวิ้นอยากสร้างผลงานจึงปฏิเสธ โดยกล่าวว่าหากมี 'ไจซิง' (灾星) อยู่ใกล้ๆ คงไม่มีเรื่องดี ('ไจซิง' (灾星) หมายถึง "ตัวหายนะ" ออกเสียงคล้ายคำว่า "ไจซิง" (摘星) ที่เป็นชื่อของนางเอก) 


ในเวลาต่อมา หม่าจวิ้นพร้อมเหล่าทหารสกุลหม่าได้ขึ้นไปพิสูจน์ความจริงบนเขาหลางโซ่ว (ยอดเขาหลางโซ่วมีรูปร่างคล้ายหัวหมาป่าที่กำลังร้องคำราม)  หลังขึ้นเขาได้ไม่นานหม่าจวิ้นก็เห็นปีศาจหมาป่าและพบว่าพวกตนถูกฝูงหมาป่ารุมล้อม ครั้นเจอดีและมีอาการประสาทหลอนหม่าจวิ้นก็หวาดกลัวถึงขั้นสติแตก เขาจะวิ่งเตลิดลงเขาแต่ขาดันติดบ่วงนายพรานเสียก่อนจึงร้องเสียงหลง   เมื่อเหล่าทหารเข้ามาช่วยหม่าจวิ้นจึงสั่งปิดทางขึ้นเขาทุกด้านทันที 



ที่แท้ปีศาจหมาป่าที่ทุกคนกล่าวถึงคือเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งสวมชุดหมาป่า ด้วยความที่ถูกหมาป่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กและยังเติบโตในป่า เขาจึงสามารถสื่อสารกับบรรดาหมาป่า ทั้งยังมีทักษะและลักษณะท่าทางดุจหมาป่าอีกด้วย เขากับหม่าไจซิงร่วมกันจัดฉากสร้างสถานการณ์ว่ามีปีศาจบนเขาหลางโซ่วหวังปกป้องหมาป่าจากการถูกล่า หม่าไจซิงเรียกเขาว่า "หลางไจ่" (แปลว่า "ลูกหมาป่า" หรือ "เจ้าหนุ่มหมาป่า") แม้เขาจะพูดไม่ค่อยเป็นแต่ก็เข้าใจสิ่งที่เธอพูดได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาหม่าไจซิงจะขึ้นไปอยู่บนต้นไม้เพื่อรมยาเหล่านายพรานที่ขึ้นมาล่าหมาป่าบนเขา (เธอแอบเรียนวิธีปรุงยามาจาก "พ่อบ้านวัง") วันนี้เธอขึ้นเขาเพื่อมารมยาหม่าจวิ้นและพวกตามแผน และยานี้นี่เองที่ทำให้หม่าจวิ้นเห็นภาพหลอนจนหลงนึกไปว่าตนเองเห็นปีศาจหมาป่า หลังครอบครัวหมาป่าของหลางไจ่ไปจากบริเวณดังกล่าวแล้ว หม่าไจซิงจึงอยากลงจากต้นไม้บ้างแต่ดันพลัดตกลงมาเสียก่อน โชคดีที่หลางไจ่พุ่งตัวไปรับเธอไว้ได้ทัน 

หม่าไจซิงรู้สึกโล่งใจที่แผนการสำเร็จลงด้วยดี หลังปิดภูเขาแล้วเธอจะได้หมดห่วง ไม่ต้องคอยกังวลว่าหลางไจ่กับฝูงหมาป่าจะถูกนายพรานล่าอีก   และไม่ต้องกลัวว่าหลางไจ่จะติดกับดักนายพรานแล้วไม่มีใครช่วย เธอรู้จักหลางไจ่มานานกว่าหนึ่งปี ที่ผ่านมาเธอพยายามสื่อสารภาษาคนกับเขา ด้วยความที่เป็นคนหัวไวหลางไจ่จึงฟังภาษาคนรู้เรื่องภายในเวลาไม่นาน หม่าไจซิงเคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่ในเมืองเล่าว่า กว่าสิบปีก่อนมีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่บนเขา ผู้เป็นสามีเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปสอบจอหงวน หลังจากนั้นไม่นานภรรยาก็เสียชีวิตอีกคนหลังคลอดบุตร ทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน หม่าไจซิงเดาว่าหลางไจ่อาจเป็นเด็กคนนั้น เธอบอกหลางไจ่ว่าในเมื่อหมาป่าปลอดภัยและไม่มีใครกินเนื้อหมาป่าแล้ว พวกตนก็ไม่จำเป็นต้องกุเรื่องปีศาจหมาป่าอีก เธอกล่าวชมหลางไจ่ว่าทำได้ดีก่อนมอบผลไม้เคลือบน้ำตาล (ปิงถังหูลู่) ให้เป็นรางวัล 


แม้หลางไจ่จะมีลักษณะนิสัยและท่าทางเหมือนหมาป่าแต่หม่าไจซิงมองว่าเขาเป็นคน ถึงอย่างไรก็ต้องกลับมาอยู่กับคนสักวัน เธออยากให้หลางไจ่เรียนรู้และปรับตัวเสียแต่เนิ่นๆ จึงชวนหลางไจ่ลงเขาเพื่อไปทานของโปรดและเที่ยวชมเมือง หลางไจ่ (ซึ่งกำลังเดินมาส่งเธอลงจากเขา) ได้ยินดังนั้นจึงเดินหนีและเผลอเหยียบกับดักนายพราน ครั้นเห็นว่าท่อนซุงกำลังพุ่งตรงไปที่หม่าไจซิง หลางไจ่จึงรีบเอาตัวเข้ากำบังทำให้โดนซุงกระแทกหลังเต็มๆ  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลางไจ่ต้องเจ็บตัวเพราะมนุษย์  เนื้อตัวเขายังมีร่องรอยแผลเป็นอีกหลายจุด (เขามีแผลเป็นขนาดใหญ่เหนือหน้าอกด้านขวา) เขาจึงเชื่อว่าคนที่อยู่ด้านล่างไม่ต่างจากนายพรานที่ขึ้นมาวางกับดัก หม่าไจซิงยอมรับว่านายพรานที่วางกับดักเป็นคนไม่ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่อยู่ทางด้านล่างจะไม่ดีไปเสียหมด หลางไจ่ไม่เชื่อเลยหนีไปนั่งห่างๆ อย่างงอนๆ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ไว้ใจคนอยู่ดี หม่าไจซิงชี้ว่าหลางไจ่เป็นคนไม่ใช่หมาป่าจึงไม่อาจซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป ช้าเร็วก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดา  หากเขาไม่ลองพบปะผู้คนแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครดีใครเลว เธออยากให้หลางไจ่เห็นเองกับตาว่าใต้หล้านี้มีคนดีมากมายจึงบอกให้หลางไจ่รีบกลับไปพักผ่อนและเตรียมตัวลงเขาในวันรุ่งขึ้น



วันรุ่งขึ้น "หม่าอิง" เจ้าเมืองขุยโจว เดินทางกลับมาถึงจวนหม่าท่ามกลางการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ หม่าจวิ้นปรี่เข้าไปหาบิดาอย่างประจบประแจงและชวนบิดาไปทานอาหารที่มารดาเตรียมไว้ให้ แต่หม่าอิงขอตัวไปดูแลแขกคนสำคัญ (ที่ร่วมเดินทางไกลมาด้วยกัน) ก่อน หม่าฟูเหรินสงสัยว่าแขกคนดังกล่าวเป็นใครกันแน่ หม่าจวิ้นเดาว่าแขกคนนี้ต้องไม่ธรรมดา เพราะใต้หล้านี้มีไม่กี่คนที่บิดาตนต้องต้อนรับดูแลด้วยตนเอง "หม่าเฟิงเฉิง(รองแม่ทัพของทัพสกุลหม่า) เล่าว่าแขกคนดังกล่าวคือเซี่ยโหวอี้ เขาดั้นด้นเดินทางมาที่เมืองขุยโจวเพราะได้ยินข่าวลือเรื่องเนื้อหมาป่ารักษาได้ทุกโรค "วังเสียง" (พ่อบ้านสกุลหม่า) ได้ยินดังนั้นจึงจ้องมองเกี้ยวของเซี่ยโหวอี้ด้วยสายตาเคียดแค้น 


ในเวลาเดียวกันนั้น หม่าไจซิง (ซึ่งแต่งตัวเป็นชาย) ได้พาหลางไจ่มาเดินชมเมืองและพบเจอผู้คนเป็นครั้งแรก  หลางไจ่ชอบเล่นกับผีเสื้อเป็นทุนเดิม พอเห็นภาพวาดที่มีรูปผีเสื้อจึงเดินไปเขี่ยเล่น พ่อค้าภาพวาดเห็นดังนั้นเลยรีบร้องห้าม ครั้นเห็นไก่ถูกขังอยู่ในกรงเขาจึงเดินไปเปิดกรงและปล่อยลูกไก่ออกมา ระหว่างทางหม่าไจซิงต้องคอยตามแก้ไขสถานการณ์และไม่อาจปล่อยให้เขาคลาดสายตา เธอพาหลางไจ่ไปชมละครหุ่นเงาที่จัดเตรียมไว้เพื่อเขาโดยเฉพาะ ละครที่จัดแสดงในวันนี้เป็นเรื่องราวของหม่าไจซิงกับหลางไจ่ โดยหม่าไจซิงเป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยตนเอง 

เธอเล่าว่า... 

"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนทางตอนเหนืออันไกลโพ้น มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ "ซิงเอ๋อร์" (หลางไจ่ได้ยินแล้วหูผึ่งเพราะรู้ว่าซิงเอ๋อร์คือหม่าไจซิง) หลังมารดาเสียชีวิต บิดาเธอมักไม่ค่อยอยู่บ้าน เธอจึงรู้สึกหดหู่และโดดเดี่ยวมาก วันหนึ่งซิงเอ๋อร์ได้ยินว่าบนเขาหลางโซ่วมีสมุนไพร "หนี่ว์หลัว" ที่มารดาชอบ เธอจึงยอมเสี่ยงขึ้นเขาเพื่อไปหาสมุนไพรดังกล่าวอย่างกล้าหาญ ซิงเอ๋อร์บังเอิญเข้าไปในอาณาเขตของหมาป่าและกลายเป็นเหยื่อของ 'เสี่ยวหลาง' (หรือ "หมาป่าน้อย" ซึ่งก็คือหลางไจ่ที่กระโจนเข้าใส่เธอนั่นเอง) ขณะที่ซิงเอ๋อร์คิดว่าตนเองกำลังจะตาย เธอกลับพบว่าเสี่ยวหลางกำลังป่วย (หลางไจ่มีไข้สูงและหมดสติต่อหน้าเธอ) ซิงเอ๋อร์ไม่พบสมุนไพรที่มารดาชอบ เธอเลยเก็บใบสาระแหน่มาช่วยรักษาอาการป่วยของเสี่ยวหลาง 

เนื่องจากหมาป่าเป็นสัตว์ที่รู้คุณคน เสี่ยวหลางจึงรอซิงเอ๋อร์ขึ้นเขาและพาเธอไปหาต้นหนี่ว์หลัว  (หลางไจ่เห็นภาพวาดดอกไม้ที่หม่าไจซิงพกมาด้วย ครั้นพบต้นหนี่ว์หลัวหม่าไจซิงก็โผเข้ากอดหลางไจ่ด้วยความดีใจ) หลังซิงเอ๋อร์ได้พบเสี่ยวหลาง เธอก็ค่อยๆ ลืมความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียมารดา เสี่ยวหลางกลายเป็นเพื่อนเล่นของซิงเอ๋อร์นับแต่นั้นมา ซิงเอ๋อร์มักขึ้นเขาไปหาเสี่ยวหลางตามลำพัง เสี่ยวหลางพาเธอเข้าไปสัมผัสโลกหมาป่าของเขา เขาคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของซิงเอ๋อร์ และทำให้ชีวิตเธอสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะเสี่ยวหลาง...ซิงเอ๋อร์ถึงได้รู้ว่าสายลมเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ (ดูจากกลีบดอกไม้ที่ล่องลอยตามสายลม) และเพราะเสี่ยวหลาง...ซิงเอ๋อร์จึงรู้ว่าเวลาผีเสี้อขยับปีกบินก็มีเสียงเช่นกัน (แม้ในยามหลับตาหลางไจ่ก็รู้ได้ว่าผีเสื้อบินอยู่ตรงไหน  และในตอนนั้นหม่าไจซิงได้มอบสร้อยเขี้ยวหมาป่าให้หลางไจ่สวมไว้เป็นเครื่องรางคุ้มภัย) ซิงเอ๋อร์อยากถามเสี่ยวหลางว่าเขาอยากเป็นมนุษย์และอยู่เคียงข้างซิงเอ๋อร์ตลอดไปหรือไม่..."



ขณะที่หม่าไจซิงกำลังเล่าเรื่องก็มีเสียงพ่อค้าร้องขายผลไม้เคลือบน้ำตาลแว่วมาแต่ไกล หลางไจ่ (ซึ่งหูและจมูกดีกว่าคนทั่วไป) ทำจมูกฟุดฟิดและมองหาที่มาของกลิ่นดังกล่าว หลังเล่าเรื่องราวจนจบใบหน้าของหม่าไจซิงก็ร้อนผ่าว (เธอเผยความในใจผ่านละครหุ่นเงาและลุ้นว่าหลางไจ่จะเข้าใจไหม) ครั้นพบว่าหลางไจ่หายไปหม่าไจซิงก็รู้สึกเป็นห่วงและเกรงว่าจะเกิดเรื่อง หลางไจ่เดินไปหาพ่อค้าแล้วดึงผลไม้เคลือบน้ำตาลออกมาไม้หนึ่ง พ่อค้าเห็นหลางไจ่หยิบของแล้วไม่จ่ายเงินเลยดึงแขนเขาไว้ หลางไจ่ตกใจเลยสะบัดแขนออกทำให้พ่อค้าเสียหลักล้มลง เขายื่นมือให้พ่อค้าจับหมายช่วยดึงให้ลุกขึ้น แต่ดันมีคนเข้าใจผิดคิดว่าหลางไจ่รังแกผู้อื่นทำให้หลางไจ่โดนผู้คนรุมประณาม 

หลางไจ่ทั้งโกรธและตกใจ โชคดีที่หญิงชราคนหนึ่ง (แม่ค้าซาลาเปา) ออกโรงปกป้องหลางไจ่ก่อนที่เขาจะลงมือทำร้ายคนจริงๆ พ่อค้าผลไม้เคลือบน้ำตาลยืนยันว่าหลางไจ่ไม่ได้ทำร้ายตน ส่วนหญิงชราช่วยแก้ต่างว่าหลางไจ่ไม่ได้หนีไปไหนแล้วจะเป็นขโมยได้อย่างไร เธอจ่ายเงินค่าผลไม้เคลือบน้ำตาลแทนหลางไจ่โดยอ้างว่าเป็นเงินที่หลางไจ่ทำตกก่อนหน้านี้ พ่อค้าเองก็รับมุกจึงร้องบอกทุกคนว่าหลางไจ่จ่ายเงินแล้วแต่ตนไม่เห็นเอง หม่าไจซิงซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอ ในที่สุดหลางไจ่ก็เห็นแล้วว่าคนดีมีอยู่จริง หลังสถานการณ์คลี่คลายหญิงชราจึงสอนหลางไจ่ว่าการขโมยของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ผิด เธอไม่เพียงช่วยจ่ายเงินแทนแต่ยังมอบซาลาเปาให้หลางไจ่ลูกหนึ่งด้วย 

 


ที่แท้หลางไจ่ต้องการนำผลไม้เคลือบน้ำตาลมาให้หม่าไจซิง ครั้นหันไปเห็นสองแม่ลูกหอมแก้มกัน หม่าไจซิงจึงชี้ให้หลางไจ่ดูแล้วบอกว่านั่นคือความรัก เธอถามหลางไจ่ว่าเชื่อแล้วหรือยังว่าคนดีมีอยู่จริง เมื่อหลางไจ่พยักหน้าหม่าไจซิงจึงกล่าวชมและมอบ (คืน) ผลไม้เคลือบน้ำตาลให้เขา ครั้นหลางไจ่ยื่นซาลาเปาให้ทั้งที่เป็นของโปรด หม่าไจซิงก็รับมาทานอย่างมีความสุข 



คืนเดียวกันนั้น เซี่ยโหวอี้นั่งดูรายงานก่อนกล่าวกับหม่าอิงว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้าฝ่าบาท (ฉู่ขุย) จะเดินทางมาที่นี่เป็นการส่วนตัว แต่ทัพสกุลหม่าซึ่งปกป้องเมืองขุยโจวมานานหลายปีกลับเก็บส่วยส่งราชสำนักได้เพียงน้อยนิด เขาชี้ว่าหม่าอิงควรเร่งสร้างผลงานให้สมกับที่ได้รับความเมตตา ก่อนเย้ยว่าพวกตนต่างเป็นมือซ้าย/มือขวาของฝ่าบาท และต่างเป็นคนของราชสำนัก แต่ตำแหน่งที่ฝ่าบาทมอบให้พวกตนนั้นช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ทั้งนี้เพราะในสายตาของฝ่าบาท... หม่าอิงเป็นเพียงหมาเฝ้ายามตัวหนึ่งที่ประจำอยู่นอกเมืองหลวงมานาน ผิดกับตนซึ่งเป็นหมาป่าไร้พ่ายที่คอยช่วยฝ่าบาทปราบทั่วทั้งสี่ทิศ  



เมื่อหม่าไจซิงกลับจวนก็ได้ยินเสียงบิดาพูดคุยกับใครคนหนึ่ง (เธอเพิ่งรู้ว่าบิดากลับบ้านแล้ว) ครั้นแอบฟังแล้วได้ยินว่าบิดากำลังโดนลบหลู่ หม่าไจซิงจึงเดินเข้าไปในห้องพลางแย้งว่า ความจริงแล้วหมาป่าใช่ว่าไม่เคยพ่าย เวลาเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันก็รู้จักล่าถอยและเก็บแรงไว้ด้วยเช่นกัน นั่นคือความชาญฉลาดของหมาป่า มีเพียงหมาจิ้งจอกที่พอมีคนถือหางก็จะเริ่มอวดเบ่งเพราะกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าตอนนี้ตนมีอำนาจเพียงใด (คนสกุลหม่าได้ยินแล้วต่างสะใจ) หม่าไจซิงแนะนำตัวกับเซี่ยโหวอี้ ก่อนออกตัวว่าเมื่อครู่เธอแค่พูดถึงสัญชาตญาณของสัตว์ และขออภัยหากทำให้ขุ่นเคือง แต่เธอเชื่อว่าคนอย่างเซี่ยโหวอี้คงไม่ใจแคบเช่นนั้น เซี่ยโหวอี้กระแทกแก้วลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ เพื่อไม่ให้หม่าไจซิงโดนเซี่ยโหวอี้เล่นงานหม่าอิงเลยชิงตำหนิและสั่งลงโทษเธอทันที เขาบอกให้หม่าไจซิงกลับไปที่ห้องเพื่อสำนึกผิดและห้ามออกจากห้องเป็นเวลาเจ็ดวัน (เขาสั่งให้พ่อบ้านวังขังหม่าไจซิงไว้ในห้อง) หม่าจวิ้นได้ยินดังนั้นก็แอบสะใจ



หลังจากนั้น หม่าอิงก็ย่องมาหาหม่าไจซิงที่ห้องด้วยความเป็นห่วง ครั้นเห็นหม่าไจซิงคุกเข่าสำนึกผิดเขาจึงเข้าไปพยุงเธอให้ลุกขึ้นก่อนติงว่าตนไม่ได้สั่งให้คุกเข่า หม่าไจซิงกล่าวว่าสมัยยังเด็กเวลาที่ตนทำผิดมารดามักทำโทษด้วยการสั่งให้คุกเข่า แต่บิดาจะคอยแย้งมารดาเสมอว่าตนเป็นเด็กผู้หญิงแค่หันหน้าชนกำแพงแล้วสำนึกผิดก็พอ หม่าอิงยอมรับว่ามารดาของหม่าไจซิงเข้มงวดกว่านักรบอย่างตน ขณะทานข้าวหม่าอิงเตือนหม่าไจซิงให้อยู่ห่างจากเซี่ยโหวอี้  หม่าไจซิงไม่อยากให้บิดาลำบากใจเลยคิดที่จะไปขอโทษเซี่ยโหวอี้อย่างเป็นทางการในวันรุ่งขึ้น แต่หม่าอิงบอกว่าไม่จำเป็น เขากล่าวว่าตอนนี้ทุกคนในราชสำนักต่างเกรงกลัวเซี่ยโหวอี้เพราะเซี่ยโหวอี้เป็นพี่น้องร่วมสาบานของฝ่าบาท เพื่อชาวเมืองขุยโจวและคนสกุลหม่าตนจำต้องยอมก้มหัวให้เซี่ยโหวอี้ แต่วันนี้หม่าไจซิงช่วยบรรเทาความโกรธแค้นให้ตนแล้ว 

หม่าอิงไม่เอาเรื่องหม่าไจซิงที่ลบหลู่เซี่ยโหวอี้ แต่เขาไม่ปลื้มที่เธอไม่คำนึงถึงสถานะและกลับบ้านยามวิกาล (ที่ผ่านมาเขาไม่เคยห้ามหม่าไจซิงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเพราะเชื่อมั่นในตัวเธอ)  หม่าไจซิงรีบประจบบิดาพลางรับปากว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก เธอเล่าว่าตนมีเพื่อนรู้ใจที่แสนดีคนหนึ่ง เขาเพิ่งเข้าเมืองขุยโจวเป็นครั้งแรกตนเลยพาเขาเที่ยวชมเมือง ครั้นหม่าไจซิงเล่าว่าเพื่อนของเธอเป็นคนว่านอนสอนง่าย ซื่อสัตย์ รับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนทำ และยังเป็นคนตะกละอีกด้วย หม่าอิงจึงบอกให้หม่าไจซิงหาโอกาสพาเพื่อนคนที่ว่ามาพบตนสักวัน



คืนเดียวกันนั้น เซี่ยโหวอี้ยังคงแค้นเคืองหม่าไจซิง (หากไม่เห็นแก่หม่าอิงเขาคงเล่นงานเธอไปแล้ว)   เมื่อพ่อบ้านวังยกยาต้มมาให้เซี่ยโหวอี้ที่ห้อง เขาก็ถือโอกาสออกตัวแทนหม่าไจซิงและขอให้เซี่ยโหวอี้อภัยให้เธอ เขาตักยาใส่ถ้วยให้เซี่ยโหวอี้พลางกล่าวว่า ท่านเจ้าเมือง (หม่าอิง) สั่งให้ตนต้มยาบำรุงมาให้ (เซี่ยโหวอี้กรำศึกมานานและปวดข้อเรื้อรั้ง) เซี่ยโหวอี้เห็นยาต้มแล้วนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ หลังรู้ว่าพ่อบ้านวังมีความรู้เรื่องโอสถและเคยขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนเขาหลางโซ่ว เขาจึงสั่งให้พ่อบ้านวังขึ้นเขาไปจับลูกหมาป่า โดยขู่ว่าหากไม่ยอมทำตามตนจะฟ้องฝ่าบาทว่าหม่าไจซิงลบหลู่ตน (เซี่ยโหวอี้ได้ยินว่าเลือดและเนื้อหมาป่าเป็นยารักษาโรคข้ออักเสบชั้นยอด) พ่อบ้านวังได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ครั้นพ่อบ้านวังร้องขอความเมตตาให้หม่าไจซิง เซี่ยโหวอี้จึงบอกให้พ่อบ้านวังรีบทำตามที่ตนสั่ง เพราะถ้าหากกินยาแล้วได้ผลตนอาจเลิกแค้นเคืองหม่าไจซิง



วันรุ่งขึ้น พ่อบ้านวังขึ้นไปดักจับลูกหมาป่าริมลำธารบนเขาหลางโซ่ว (เพราะอยู่ใกล้บริเวณที่เขาเคยเห็นหมาป่ามากที่สุด) เมื่อลูกหมาป่าเคราะห์ร้ายตัวหนึ่งเดินมากินน้ำพ่อบ้านวังจึงจับยัดกระสอบทันที ในเวลาเดียวกันนั้น หม่าไจซิงได้พาหลางไจ่มาที่ตลาดอีกครั้ง หลังหลางไจ่บอกว่าอยากนำผลไม้ไปขอบคุณพ่อค้าแม่ค้าที่ช่วยตนเมื่อวานนี้ (พ่อค้าผลไม้เคลือบน้ำตาลกับแม่ค้าซาลาเปา) หลางไจ่มอบแอปเปิ้ลให้ผู้มีคุณคนละลูกแล้ววิ่งกลับไปหาหม่าไจซิงทันที หม่าไจซิงกล่าวชมหลางไจ่ที่รู้จักยอมรับและทำดีกับผู้อื่น เธอจะลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดูเหมือนเช่นเคยแต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อหลางไจ่เบี่ยงตัวหลบ ครั้นถูกหลางไจ่หอมแก้มโดยไม่ทันตั้งตัวหม่าไจซิงก็รู้สึกตกใจ (เมื่อวานหม่าไจซิงเพิ่งบอกเขาว่าการทำเช่นนี้เป็นการแสดงออกซึ่งความรัก) หลางไจ่ไม่เพียงหอมแก้มแต่ยังพูดด้วยว่า "ชอบซิงเอ๋อร์!" หม่าไจซิงบอกหลางไจ่ว่าสิ่งที่เขาพูดและทำเมื่อครู่ นอกจากเธอแล้วห้ามทำกับใครไม่ว่าจะเป็นคนหรือหมาป่าก็ตาม  และตัวเธอเองก็จะไม่พูดหรือทำแบบนั้นกับคนอื่นเช่นกัน เธอสัญญาว่าหากหลางไจ่ไม่ทำให้เธอเสียใจ เธอก็จะไม่ทำร้ายจิตใจหลางไจ่เช่นกัน เพราะพวกตนต่างเชื่อใจกัน 



หลางไจ่ได้ยินเสียงลูกหมาป่าร้องจึงมองหาอย่างเป็นกังวล (รถม้าของพ่อบ้านวังเพิ่งวิ่งผ่านไป ภายในรถมีกระสอบใส่น้องหมา) หม่าไจซิงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนึกว่าเขาแค่เดินตามของกินเหมือนเช่นเคย  เนื่องจากวันนี้หม่าไจซิงรับปากบิดาว่าจะกลับบ้านเร็วขึ้น เธอจึงบอกให้หลางไจ่ให้กลับขึ้นเขาเอง หลางไจ่ยิ้มให้เธอแล้ววิ่งกลับขึ้นเขาอย่างร้อนใจ ครั้นไม่เห็นหมาป่าน้อย (เขากับลูกหมาป่าชอบเล่นด้วยกัน) หลางไจ่จึงวิ่งกลับมาที่เมืองขุยโจวด้วยความโกรธ ด้วยความที่ลูกหมาป่ายังคงร้องไม่หยุดหลางไจ่จึงตามเสียงร้องจนไปถึงจวนสกุลหม่า

** จบตอนที่หนึ่ง **

* เนื้อหาโดย luvasianseries /  ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่    





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ

 

หวังต้าลู่
รับบท หลางไจ่ / ฉูโหยว่เหวิน (ป๋อหวัง)
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)


 

หลี่ชิ่น
รับบท หม่าไจซิง / องค์หญิงผิงเหยียน (มารดาหม่าไจซิง)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เซียวจ้าน
รับบท จี๋ชง / หลี่จวี้เหยา
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

ซินจื๋อเหล่ย
รับบท เหยาจี
(นักแสดง ชาวจีน)


 

กัวซูเหยา
รับบท เยลี่ว์เป่าน่า
(นักแสดง / นักร้อง / นางแบบ / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)

แคว้นหยาง

สมาชิกราชวงศ์

 

ติงหย่งไต้
รับบท ฉู่ขุย
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลินโย่วเวย
รับบท ฉูโหย่วกุย (อวิ่นหวัง)
(นักแสดง / นักร้อง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)


 

หลินเฉิง
รับบท จิ้งฉูฉู่
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หวังเจียอี
รับบท ฉูโหย่วเจิน (ซวินหวัง)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

หน่วยเย่ซา

 

จางซิน
รับบท เหวินเหยี่ยน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หม่าตงเฉิน
รับบท โม่เซียว
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จ้าวชุยเหวย
รับบท ไห่เตี๋ย
(นักแสดง ชาวจีน)

สกุลหม่า

 

เหยียนซื่อขุย
รับบท หม่าอิง
(นักแสดง / ผู้กำกับ ชาวจีน)


 

ซ่งเหวินจั้ว
รับบท หม่าจวิ้น
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หูเสี่ยวถิง
รับบท ต้าฟูเหริน (ฮูหยินใหญ่)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

ฟู่เหลย
รับบท หม่าเฟิงเฉิง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จางหงน่า
รับบท หม่าจิ้ง
(นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)

แคว้นจิ้น

 

สือเหลียง
รับบท หลี่ฉุนซวี่ (จิ้นหวัง)
(นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)





*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา