วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564

เรื่องย่อ ตำนานเทพกระบี่จ้าวพิภพ (Swords of Legends 2)




กำกับ: ไช่จิงเซิ่ง
เขียนบท: เหลยซินหลิน, เฉินไท่หลง
แนวละคร: แฟนตาซี
จำนวนตอน: 48
ออกอากาศ: จีน - 12 กรกฎาคม 2561 - 16 สิงหาคม 2561 ทางเว็บไซต์โยวคู่ (Youku)
                  ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.05-15.55 น. ทางช่อง 9 MCOT HD (หมายเลข 30) ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2564 - 19 มิถุนายน 2564





เรื่องย่อ



ละคร "ตำนานเทพกระบี่จ้าวพิภพ" (Swords of Legends 2) ดัดแปลงจากเกมอาร์พีจี "กู่เจี้ยนฉีถาน 2: หย่งเย่ชูหานหนิงปี้เทียน" (古剑奇谭二:永夜初晗凝碧天) เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวการผจญภัยของ "เยว่อู๋อี้" ซึ่งหลงใหลและมีพรสวรรค์ด้านเหยี่ยนซู่ (ระบบกลไก) ตั้งแต่เด็ก ตลอดจนเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายอีกสามคน ได้แก่ "เหวินเหรินอวี๋" นักรบเทียนกังแห่งหุบเขาไป๋เฉา, "เซี่ยอี๋เจ๋อ" (องค์ชายหลี่เยี่ยน) ศิษย์วัดไท่หัว และ "อาหร่วน" หญิงงามผู้สูญเสียความทรงจำ แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาร่วมออกเดินทางเพื่อตามหา "ปรมาจารย์เซี่ยอี" หลังประสบเภทภัยที่เกิดจากแผนสมคบคิดของปีศาจและชาวเมืองหลิวเย่ว พวกเขาจึงช่วยปรมาจารย์เซี่ยอีตามหากระบี่โบราณที่ชื่อ "เจาหมิง" ระหว่างนั้นคนของเมืองหลิวเยว่ยังคงตามราวีพวกเขาไม่เลิกรา เพื่อปกป้องทุกคนปรมาจารย์เซี่ยอีจึงยอมสละชีวิตของตน หลังรู้ว่าเมืองหลิวเยว่สมคบคิดกับปีศาจและอาจนำภัยอันใหญ่หลวงมาสู่โลกมนุษย์ เยว่อู๋อี้และพวกจึงสานต่อภารกิจของปรมาจารย์เซี่ยอีในการตามหากระบี่เจาหมิง หมายนำมาหยุดยั้งแผนสมคบคิดของเมืองหลิวเยว่และกำจัดปีศาจ เพื่อไม่ให้โลกมนุษย์เกิดมหันตภัย

หมายเหตุ:

"เหยี่ยนซือ" คือ คำเรียกช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์เหยียนเจี่ย เช่น "เหยี่ยนซือเซี่ยอี" / "เหยียนเจี่ย" คือ หุ่นไม้หรือสิ่งประดิษฐ์ที่มีเหยี่ยนซู่เป็นตัวขับเคลื่อน  / "เหยี่ยนซู่" คือ ระบบกลไกในสมัยโบราณ (จุดเริ่มต้นมาจากตอนที่เทพเฉินหนงสอนมนุษย์ประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อทำเกษตรกรรม)

แซ่เยว่ (乐) ของเยว่อู๋อี้ มีที่มาจากตำแหน่งขุนนางในสมัยโบราณที่เรียกว่า "เยว่เจิ้ง" ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการบรรเลงดนตรี และการควบคุมดูแลนักดนตรี ส่วนชื่อ "อู๋อี้" (แปลว่า ไม่แตกต่าง)  พ้องเสียงกับคำว่า "อู๋อี้" ที่เป็นหนึ่งใน 12 คีย์หรือสเกลดนตรีในสมัยโบราณ (อักษร "" ถ้าอ่านว่า "เล่อ" แปลว่า ความสุข / รื่นเริง แต่ถ้าออกเสียง "เยว่" จะแปลว่า ดนตรี / บทเพลง / รื่นรมย์)

เนื้อหาตอนที่หนึ่ง



ละครเปิดฉากด้วยการกล่าวถึงเหตุการณ์ในยุคบรรพกาล เมื่อเขาปู้โจวซึ่งเป็นหนึ่งในเสาค้ำฟ้าได้พังถล่มลงมา เป็นเหตุให้ท้องฟ้า (ที่ครอบพื้นปฐพี) มีรอยแตกแยก หลังฟ้ารั่วฝนจึงตกไม่หยุดและเกิดอุทกภัยร้ายแรงอย่างต่อเนื่อง "เทพเสินหนง" จึงมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือของรอยแยกแล้วสร้างเมืองหลิวเยว่บนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จวี่มู่ ณ ที่นั่นพระองค์ได้แนะให้เหล่าทวยเทพช่วยกันหลอมศิลาห้าสีด้วยพลังจิตวิญญาณ เพื่อนำไปให้ "เจ้าแม่หนี่วา" ใช้ซ่อมแซม (อุดรูรั่ว) ท้องฟ้า แต่ทว่าการซ่อมแซมท้องฟ้าต้องใช้เวลายาวนาน ผู้คนบนโลกมนุษย์จึงบาดเจ็บล้มตายจากเหตุเภทภัยเป็นจำนวนมาก 

ชนเผ่า "เลี่ยซาน" ซึ่งเชื่อถือศรัทธาในเทพเสินหนง ทั้งยังมีอายุยืนยาวและมีความสามารถในการควบคุมพลังจิตวิญญาณ มิอาจทนทุกขเวทนาได้อีกต่อไปจึงขอลี้ภัยและอาสาช่วยงานที่เมืองหลิวเยว่ เทพเสินหนงสัมผัสได้ถึงความจริงใจและประทับใจในความภักดีของชนเผ่าเลี่ยซาน จึงปิดผนึกโลหิตเทพหนึ่งหยดไว้ในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จวี่มู่ (ต้นจวี่มู่ที่เดิมคล้ายยืนต้นตายพลันแตกกิ่งก้านสาขาและผลิใบ) พลังชีวิตที่อยู่ในโลหิตเทพได้แผ่ซ่านไปตามกิ่งก้านและใบของต้นจวี่มู่ ชนเผ่าเลี่ยซานจึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ในเมืองหลิวเยว่ได้โดยไม่ต้องดื่มกิน 



ด้วยความที่การซ่อมแซมท้องฟ้าดำเนินไปด้วยความยากลำบาก "เทพฝูซี" จึงนำกระบี่เทพเจาหมิงไปสังหารเต่ายักษ์ที่ตงไห่ (ทะเลบูรพา) แล้วนำขาทั้งสี่ของเต่ายักษ์มาช่วยพยุงเสาค้ำฟ้าทั้งสี่เพื่อหยุดยั้งการพังถล่มของท้องฟ้าชั่วคราว เหตุอุทกภัยจึงเริ่มบรรเทาเบาบางลง หลังจากนั้นไม่นานการซ่อมแซมท้องฟ้าก็สำเร็จลุล่วง อย่างไรก็ตามกระบี่เทพเจาหมิงได้หักออกเป็นสามท่อนในระหว่างการต่อสู้ และไม่อาจคืนสภาพเป็นกระบี่เทพดังเดิม 

หลังเกิดภัยพิบัติ บรรยากาศในโลกมนุษย์ก็ขุ่นมัว (เกิดมลพิษทางอากาศ) ผู้คนจึงล้มป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โชคดีที่เมืองหลิวเยว่ตั้งอยู่บนท้องฟ้า บรรยากาศอันขุ่นมัวจึงเจือจาง เทพเสินหนงสั่งให้ชนเผ่าเลี่ยซานพำนักอยู่ในเมืองหลิวเยว่เป็นการชั่วคราว และให้รอจนกว่าพระองค์จะหาที่อยู่ที่เหมาะสมให้ใหม่ โดยพระองค์ได้ร่ายเขตอาคมเพื่อเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ นับจากนั้นชนเผ่าเลี่ยซานจึงถูกกักอยู่บนท้องฟ้าเหนือแดนเป่ยเจียง พวกเขาได้สร้างวิหารสูงตระหง่านแล้วเฝ้าอธิษฐานทั้งกลางวันกลางคืน โดยหวังว่าเทพเสินหนงจะกลับมาในเร็ววัน

หลังผ่านไปนานนับพันปี บรรยากาศอันขุ่นมัวจากโลกมนุษย์ยังคงคละคลุ้งและบั่นทอนสุขภาพของชนเผ่าเลี่ยซานในเมืองหลิวเย่ แต่ไร้ซึ่งวี่แววของเทพเสินหนง หัวหน้านักบวชจื่อเวย (จื่อเวยต้าจี้ซือ) นาม "เสิ่นเย่" เป็นห่วงชีวิตของคนในเผ่าเลยจับมือกับปีศาจร้าย "ลี่อิง" หมายกู้วิกฤติด้วยพลังปีศาจ แต่ศิษย์ของเสิ่นเย่นาม "เซี่ยอี" ไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับปีศาจจึงนำมาซึ่งความขัดแย้งและเกิดการเข่นฆ่าในเมืองหลิวเยว่

* เนื่องจากพลังเทพที่ปกป้องเมืองหลิวเยว่กำลังเสื่อมถอย พวกเขาเลยเตรียมย้ายลงมาอยู่ดินแดนเบื้องล่าง หากไม่ดูดซับพลังปีศาจมาไว้ในตัว ชนเผ่าเลี่ยซานในเมืองหลิวเยว่จะไม่สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพอากาศที่ขุ่นมัวในแดนมนุษย์ (พวกเขาต้องอยู่ในสถานที่ๆ มีอากาศบริสุทธิ์ มิเช่นนั้นอายุขัยจะสั้นลง สุขภาพทรุดโทรม และล้มป่วย) ส่วนปีศาจร้ายลี่อิงจำเป็นต้องดูดกลืนจิตใจและอารมณ์ทั้งเจ็ดของมนุษย์เพื่อเพิ่มพลัง แต่ถ้าอยู่ในแดนมนุษย์เป็นเวลานานพลังปีศาจของลี่อิงจะเสื่อมถอย ลี่อิงจึงต้องการให้ชนเผ่าเลี่ยซานในเมืองหลิวเยว่แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาของต้นจวี่มู่ลงไปยังแดนมนุษย์เบื้องล่างให้มากที่สุด เพื่อที่ตนจะได้ดูดกลืนจิตใจและอารมณ์ทั้งเจ็ดของมนุษย์อย่างต่อเนื่องผ่านทางกิ่งก้านสาขาของต้นจวี่มู่




ณ เมืองฉางอัน "องค์หญิงเจาหนิง" แอบไปหา "เยว่อู๋อี้" ในจวนเยว่โดยไม่สนใจคำเตือนของขันทีที่บอกให้รู้จักสงวนท่าที ครั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากห้องประดิษฐ์เหยียนเจี่ย องค์หญิงเจาหนิงจึงรีบวิ่งไปดูด้วยความเป็นห่วง แม้สภาพห้องจะพังยับเยินแต่เยว่อู๋อี้ยังคงปลอดภัยดี แถมเขายังตื่นเต้นดีใจเมื่อพบว่าวิหคเหยียนเจี่ยที่ 'พี่ใหญ่' มอบให้ไม่บุบสลายแม้โดนแรงระเบิด 


อีกด้านหนึ่ง นักรบสาว "เหวินเหรินอวี๋" แห่งหุบเขาไป๋เฉา นำเหยียนเจี่ยรูปทรงไข่มาให้เจ้าของร้านจวี้เป่าเก๋อในเมืองฉางอันช่วยไขปริศนา แต่กลับต้องผิดหวังเพราะไม่ได้เบาะแสใดๆ เพิ่มเติม แม้เจ้าของร้านจะรู้ว่าผลงานชิ้นนี้สร้างสรรค์โดย "เหยี่ยนซือเซี่ยอี" นักประดิษฐ์เหยียนเจี่ยอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่เขาไม่รู้ว่าเหยียนเจี่ยอันที่ว่านี้คืออะไรและใช้งานอย่างไร เหวินเหรินอวี๋หวังว่าในเมืองฉางอันอาจมีใครรู้เรื่องกลไกเหยียนเจี่ยบ้าง แต่เจ้าของร้านกล่าวว่าขนาดร้านตนขายของล้ำค่าหายากทุกวัน ยังแทบไม่เคยเจอเหยียนเจี่ย แล้วคนทั่วไปจะมีโอกาสเห็นหรือรู้วิธีใช้งานสิ่งประดิษฐ์เหยียนเจี่ยได้อย่างไร 


องค์หญิงเจาหนิงแย่งวิหคเหยียนเจี่ยไปจากเยว่อู๋อี้หน้าตาเฉย เยว่อู๋อี้รีบตามไปทวงคืนเพราะเป็นของสำคัญและมีค่าทางจิตใจ แต่องค์หญิงเจาหนิงไม่ยอมคืนให้เพราะก่อนหน้านี้เยว่อู๋อี้เคยรับปากว่าจะทำวิหคไม้ตัวน้อยที่บินได้ให้เธอ เยว่อู๋อี้สัญญาว่าจะทำวิหคไม้ตัวใหม่ให้ แต่องค์หญิงเจาหนิงยืนกรานว่าจะเอาตัวนี้ เยว่อู๋อี้กล่าวอย่างวิงวอนว่าตนให้องค์หญิงเจาหนิงได้ทุกอย่างยกเว้นวิหคเหยียนเจี่ยตัวนี้ เพราะถ้าไม่มีมันตนอาจไม่ได้พบพี่ใหญ่อีกเลย องค์หญิงเจาหนิงได้ทีจึงนำวิหคเหยียนเจี่ยมาต่อรองกับเยว่อู๋อี้



ครั้นเหวินเหรินอวี๋เดินออกจากร้านจวี้เป่าเก๋อก็พบศิษย์พี่ "ฉินหยาง" ดักรออยู่ เธอจะหนีไปทางอื่นแต่ถูก "ซูฉยง" ขวางไว้เช่นกัน ถึงกระนั้นเธอก็พยายามหลบหนี แต่ฉินหยางกับซูฉยงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ซูฉยงชี้ว่าเหวินเหรินอวี๋มีความผิดร้ายแรงโทษฐานที่ลอบออกจากหุบเขาไป๋เฉาโดยพลการ ซ้ำยังหลีกหนีการจับกุม ฉินหยางพยายามหว่านล้อมให้ศิษย์ผู้น้องยอมกลับไปกับพวกตนแต่โดยดี ปกติแล้วเหวินเหรินอวี๋เชื่อฟังศิษย์พี่ทุกอย่างแต่คราวนี้เธอไม่อาจทำตาม เธอไม่ต้องการต่อสู้กับศิษย์พี่และซูฉยงจึงหาทางหลบเลี่ยง แต่ฉินหยางกับซูฉยงตามจับกุมเธออย่างไม่ลดละ ทั้งสามคนจึงต่อสู้กันอย่างดุเดือดกลางตลาดก่อนที่เหวินเหรินอวี๋จะสบโอกาสหนีไป



หลังตามเอาใจองค์หญิงเจาหนิงมาตลอดทั้งวัน เยว่อู๋อี้จึงทวงถามเรื่องวิหคเหยียนเจี่ย แต่องค์หญิงแกล้งทำเป็นหูทวนลมและบอกว่าเธออยากกินปูราคาแพงที่ร้านชุ่ยจู๋เซวียน เยว่อู๋อี้ได้ยินดังนั้นจึงตอบตกลง ขณะทานอาหารที่ร้านดังกล่าว องค์หญิงเจาหนิงถามเยว่อู๋อี้ว่าเขาชอบสตรีเช่นไร เยว่อู๋อี้กล่าวว่าตนอ่อนด้อยเรื่องวรยุทธ์ สตรีที่ตนชอบย่อมต้องเป็นแบบเดียวกัน มิเช่นนั้นเวลาทะเลาะกันตนมีหวังโดนเล่นงานจนน่วม นอกจากนี้ นางจะต้องผมยาวสลวย อ่อนโยน มีคุณธรรม และไม่เจ้ากี้เจ้าการ ที่สำคัญนางจะต้องไม่เหมือนมารดาตน ตนถูกมารดาข่มเหงมานาน 20 ปี ขืนได้สตรีที่มีนิสัยเหมือนมารดามาเป็นภรรยาอีก ตนมีหวังเป็นทาสชั่วชีวิต องค์หญิงเจาหนิงกล่าวด้วยท่าทางเอียงอายว่า ลักษณะสตรีที่เขาพูดมาแลดูละม้ายคล้ายตัวเธอไม่มีผิด เยว่อู๋อี้ได้ยินแล้วขำกลิ้ง ในสายตาเขาองค์หญิงเจาหนิงไม่ใช่สตรีที่อ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม 

องค์หญิงเจาหนิงโวยลั่นว่าเยว่อู๋อี้เองก็เป็นบุรุษที่ทั้งโง่และอ่อนแอ สิ่งเดียวที่เขารู้คือการเล่นสนุกกับกล่องไม้ เยว่อู๋อี้กล่าวว่าอย่าดูถูกงานไม้ของตน ตนมีฝีมือในเรื่องที่ไม่ธรรมดา หลังทักษะล้ำเลิศตนจะประดิษฐ์หุ่นเหยียนเจี่ยนับหมื่นนับพันตัว พวกมันจะสามารถร่ายบทกวีหรือแม้กระทั่งต่อสู้ และจะเชื่อฟังตนเพียงผู้เดียว เมื่อถึงเวลานั้นสตรีทุกคนในฉางอันจะต้องหลงใหลในฝีมืออันล้ำเลิศของตน องค์หญิงเจาหนิงเย้ยด้วยความหมั่นไส้ว่าแค่มีสตรีสักคนในร้านชุ่ยจู๋เซวียนหลงใหลเยว่อู๋อี้ก็นับเป็นเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว  เยว่อู๋อี้จึงท้าพนันกับองค์หญิงว่าในชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปจะมีสตรีแปลกหน้าจากชั้นล่างเลี้ยงสุราตนหนึ่งจอก องค์หญิงเจาหนิงรับคำท้าโดยบอกว่าหากสตรีคนที่ว่าไม่ยอมเลี้ยงสุราเยว่อู๋อี้ วิหคเหยียนเจี่ยจะกลายเป็นของขวัญที่เยว่อู๋อี้มอบให้เธอเนื่องในพิธีเข้าสู่วัยสาว*ทันที 

* พิธีเข้าสู่วัยสาว หรือ "จี้หลี่" (笄礼) เป็นพิธีโบราณมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว จัดขึ้นสำหรับเด็กสาวอายุตั้งแต่ 15 ปีที่โตเป็นสาวเต็มตัวและพร้อมที่จะแต่งงาน ในพิธีจะมีการนำปิ่นมาปักผมของเธอ เพื่อแสดงถึงความพร้อมที่จะถูกครอบครอง



ครั้นเห็นเหวินเหรินอวี๋เดินขึ้นบันไดมานั่งโต๊ะใกล้ๆ เยว่อู๋อี้จึงเริ่มแผนทันที เขาพยายามเข้าไปผูกมิตรกับเหวินเหรินอวี๋ แต่เหวินเหรินอวี๋ไม่สะดวกที่จะคุยด้วย เธอต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาเพราะเกรงว่าฉินหยางกับซูฉยงจะมาพบเข้า เยว่อู๋อี้ไม่อยากเสียวิหคเหยียนเจี่ยไปจึงบอกวัตถุประสงค์ที่แท้จริงให้เหวินเหรินอวี๋รู้และขอให้เธอช่วยเลี้ยงสุราตน เหวินเหรินอวี๋เห็นฉินหยางกับซูฉยงเข้ามาในร้านโดยนั่งที่โต๊ะชั้นล่างก็รู้สึกตกใจ  เยว่อู๋อี้เห็นดังนั้นจึงคิดว่าเธอกำลังหลบเจ้าหนี้  เหวินเหรินอวี๋ไม่อยากให้เยว่อู๋อี้ส่งเสียงดังจึงขอให้เขากลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง เยว่อู๋อี้ขอให้เหวินเหรินอวี๋เลี้ยงสุราตนก่อนแล้วตนจะกลับโต๊ะทันที เหวินเหรินอวี๋จำใจรับปากแต่ทว่าสุราที่ร้านชุ่ยจู๋เซวียนราคาแพงเกินกว่าเธอจะจ่ายไหว เยว่อู๋อี้จึงแสร้งโยนเงินลงบนพื้นแล้วบอกว่าเหวินเหรินอวี๋ทำเงินตก เหวินเหรินอวี๋ปฏิเสธทันควันว่าไม่ใช่เงินของเธอ (เธอและคนงานในร้านเห็นกับตาว่าเยว่อู๋อี้โยนเงินตัวเองลงบนพื้น) 



หลังรู้ว่าเยว่อู๋อี้ขี้โกงองค์หญิงเจาหนิงจึงโวยลั่นร้าน ซูฉยงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงเงยหน้ามองและเห็นเหวินเหรินอวี๋ที่ชั้นสอง เหวินเหรินอวี๋จะหนีออกจากร้านแต่เยว่อู๋อี้ดึงมือเธอไว้เพราะไม่อยากแพ้พนัน ครั้นหนีไม่ทันเหวินเหรินอวี๋จึงปะทะกับฉินหยางและซูฉยงในร้านอย่างดุเดือด องค์หญิงเจาหนิงเห็นท่าไม่ดีเลยชวนเยว่อู๋อี้ออกจากร้าน แต่เยว่อู๋อี้ยังคงไม่ยอมแพ้ เขาคิดที่จะช่วยเหวินเหรินอวี๋หมายให้เธอเลี้ยงสุราเป็นการตอบแทนจึงกระโดดเข้าไปขวางเพื่อหย่าศึก ซูฉยงเป็นงงเมื่อเยว่อู๋อี้ขอใช้หนี้แทนเหวินเหรินอวี๋ ฉินหยางขอให้เยว่อู๋อี้หลีกทางเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เยว่อู๋อี้สวนกลับว่าอย่ามาขวางการช่วยเหลือผู้อื่นของตน ครั้นเห็นว่าเยว่อู๋อี้ไม่ยอมถอยฉินหยางเลยจำต้องใช้กำลัง แต่เขายังไม่ทันเริ่มลงมือเยว่อู๋อี้ก็เรียกใช้ตัวช่วยเสียก่อน และตัวช่วยที่ว่าก็คือ หุ่น "จินกัง (คิงคอง) หมายเลขหนึ่ง" ซึ่งเป็นองครักษ์เหยียนเจี่ยที่เยว่อู๋อี้ประดิษฐ์เองกับมือ

ในตอนแรก จินกังหมายเลขหนึ่งสาดกระสุน (เหรียญทองแดง) ใส่ฉินหยางกับซูฉยงตามคำสั่งแบบรัวๆ จนทั้งคู่ต้องรีบหาที่หลบ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าจินกังก็เริ่มรวนและเสียการควบคุม จึงสาดกระสุนใส่ผู้คนทุกทิศทุกทาง คนในร้านจึงวิ่งหนีกันวุ่น แม้แต่เยว่อู๋อี้เองยังต้องกระโดดหนีทางหน้าต่างอย่างลืมตัว เหวินเหรินอวี๋เห็นดังนั้นจึงรีบตามลงไปช่วยก่อนที่ร่างเขาจะตกกระแทกพื้น จากนั้นจึงวิ่งหนีไปโดยมีฉินหยางกับซูฉยงวิ่งตามไปติดๆ สุดท้ายแล้วเยว่อู๋อี้ก็เป็นฝ่ายแพ้พนัน



องค์ชายสาม "หลี่เยี่ยน" เพิ่งกลับวังหลวงหลังออกไปบำเพ็ญเพียรตามแนวทางของลัทธิเต๋าบนเขาไท่หัวตั้งแต่เด็ก องค์ชายรอง "หลีเหมี่ยว" ซึ่งมาดักรอเห็นน้องชายต่างมารดาสวมชุดธรรมดาสีขาวจึงถามว่าไม่ได้รับชุดกวนฝู (ชุดราชสำนัก) ที่ตนส่งไปให้หรือ องค์ชายสามกล่าวว่าชุดนี้สะดวกต่อการเดินทางมากกว่า องค์ชายรองชวนน้องชายต่างมารดาไปร่ำสุราและพูดคุยที่ตำหนักของตนในตอนเย็น แต่องค์ชายสามออกจากวังไปนานหลายปีจึงอยากใช้เวลาอันมีค่ากับพระมารดามากกว่า หลังจากนั้น องค์ชายสามก็ไปเข้าเฝ้า "จักรพรรดิเซิ่งหยวน" ผู้เป็นพระบิดา จักรพรรดิเซิ่งหยวนกล่าวว่าตอนเด็กๆ องค์ชายสามทั้งอ่อนแอและขี้โรค ตนเลยจำต้องส่งองค์ชายสามไปฝึกตนที่วัดไท่หัว ตนได้ยินว่าภูเขาหิมะไท่หัวทอดตัวยาวนับพันลี้ แต่ไม่รู้ว่าที่ไหนดีกว่ากันระหว่างพระราชวังที่ภายในตกแต่งด้วยอิฐทองและหยกกับภูเขาหิมะไท่หัว องค์ชายสามตอบอย่างเอาใจว่า พระราชวังย่อมต้องดีกว่า... จักรพรรดิเซิ่งหยวนได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอย่างพอใจ 

องค์ชายสามกล่าวต่อว่า ...แต่ทว่าตนศรัทธาในลัทธิเต๋า แม้เขาไท่หัวจะไม่ใช่สถานที่ๆ มีทัศนียภาพแตกต่างไปตามฤดูกาล (เนื่องจากมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี) แต่ก็เหมาะสำหรับการบำเพ็ญเพียรมากกว่า จักรพรรดิเซิ่งหยวนได้ยินแล้วแอบผิดหวัง ครั้นองค์ชายสามขออนุญาตติดตามอาจารย์ "ชิงเหอ" หลังจากอาจารย์ผ่านด่านเคราะห์ที่เขาจีซาน จักรพรรดิเซิ่งหยวนก็รู้สึกยินดีที่ได้ยินว่าสหายเก่ามีพลังแก่กล้าขึ้น พระองค์ถอนใจก่อนกล่าวว่าตนมัวแต่ยุ่งเรื่องราชกิจเลยไม่ได้พบนักพรตชิงเหอมานานหลายปี พระองค์รู้สึกซาบซึ้งที่นักพรตชิงเหออบรมสั่งสอนองค์ชายสามมาเป็นอย่างดี หลังรู้ว่าพระบิดาอยากให้กลับมาอยู่ในวังองค์ชายสามจึงพยายามทัดทาน จักรพรรดิเซิ่งหยวนชิงตัดบทโดยอ้างว่าตนรู้สึกอ่อนล้า พระองค์แนะให้องค์ชายสามรีบไปหามารดาแล้วเดินจากไปทันที 

* ภายหลังองค์ชายสามใช้ชื่อ "เซี่ยอี๋เจ๋อ" เพื่อปกปิดฐานะของตน 

 

บนเขาสูงนอกเมืองฉางอัน กลุ่มโจรบนหลังม้าจากแดนซีอวี้ (ดินแดนด้านทิศตะวันตกของจีน) กำลังรอข่าวจากใครบางคนบน ครั้นมีคนส่งสารมาบอกว่า "เยว่เส้าเฉิง" กลับมาถึงจวนได้ครึ่งชั่วยามแล้ว "อันหนีหวาเอ่อร์" หัวหน้ากลุ่มโจรหลางถีในแดนซีอวี้ (ฉายา "หลางหวัง" เป็นบุตรชายคนโตของ "อู้หั่วหลัว" แม่ทัพแห่งอาณาจักรเจวียนตู๋ที่ล่มสลาย) จึงกล่าวด้วยความคับแค้นใจว่า หลังอดทนรอมานาน 20 ปี ในที่สุดหนี้เลือดระหว่างพวกตนกับเยว่เส้าเฉิงจะจบสิ้นลงในวันนี้เสียที



ณ เมืองฉางอัน... เยว่อู๋อี้ย่องเข้าบ้านตอนกลางคืนโดยมี "หรูอี้" บ่าวรับใช้คนสนิทมาเปิดประตูให้ในสภาพก้นระบม (มารดาหาเยว่อู๋อี้ไม่พบเลยลงโทษบ่าวรับใช้แทน)  ครั้นพบว่ามารดากำลังโวยใส่บิดาเสียงดังลั่น (เรื่องที่เยว่อู๋อี้ทำห้องระเบิด) เยว่อู๋อี้จึงไม่กล้าเข้าไปข้างใน "ฟู่ชิงเจียว" (มารดาบุญธรรมของเย่วอู๋อี้) บ่นว่าตนออกไปข้างนอกเพียงไม่นานก็เกิดเรื่อง "เยว่เส้าเฉิง" (บิดาบุญธรรมของเยว่อู๋อี้) ชี้ว่าในตอนนั้นตนไม่ได้อยู่ในจวนเช่นกัน สาเหตุที่ฟู่ชิงเจียวเดือดดาลเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เยว่อู๋อี้ทำข้าวของเสียหาย ก่อนหน้านี้ เยว่อู๋อี้เคยรื้อเตียงบิดามารดาเพราะต้องการไม้เพียงแผ่นเดียว วันนี้ถึงกับระเบิดห้อง เธอเกรงว่าคราวหน้าเยว่อู๋อี้จะทำจวนถล่มหรืออาจเป็นอันตราย เยว่เส้าเฉิงเห็นเยว่อู๋อี้แอบดูอยู่ทางด้านนอกจึงแอบส่งสายตาบอกให้ลูกหลบไปก่อน เยว่อู๋อี้เห็นบิดาโดนตำหนิชุดใหญ่ก็ถึงกับอกสั่นขวัญแขวน เขารู้ซึ้งถึงสัจธรรมข้อที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เพราะแม้แต่วีรบุรุษยังต้องพ่ายให้เสียงคำรามของสิงโต (ภรรยาที่ดุด่าด้วยความโกรธ) ครั้นหรูอี้แนะให้เอาตัวรอดก่อน เยว่อู๋อี้จึงรีบเผ่น 

* "เยว่เส้าเฉิง" เป็นอดีตแม่ทัพ ตำแหน่งพระราชทานคือ "ติ้งกั๋วกง" ภายหลังผันตัวมาค้าขายจนมีฐานะร่ำรวยที่สุดในฉางอัน



ในที่สุด กลุ่มโจรจากแดนซีอวี้นำโดยอันหนีหวาเอ่อร์ (หลางหวัง) ก็บุกมาถึงจวนเยว่ ในตอนนั้นฟู่ชิงเจียวยังบ่นไม่เลิก แต่เยว่เส้าเฉิงยังคงรับฟังอย่างใจเย็นและพยายามระงับโทสะภรรยา ทันใดนั้น เขาก็รู้ตัวว่ามีผู้บุกรุก ครั้นออกไปดูทางด้านนอกก็ถูกอันหนีหวาเอ่อร์จู่โจม ฟู่ชิงเจียวเห็นว่าสามีกำลังจะเพลี่ยงพล้ำจึงเข้าไปช่วยรับมือ (เธอเป็นยอดฝีมือเช่นกัน) ไม่นาน "ตู๋ซิว" และ "มู่ช่า" ก็นำกำลังมาสมทบอันหนีหวาเอ่อร์ เยว่เส้าเฉิงไม่รู้ว่าอันหนีหวาเอ่อร์และพวกเป็นใครมาจากไหน ทั้งยังไม่รู้ว่าพวกตนเคยมีเรื่องบาดหมางอันใด อันหนีหวาเอ่อร์ประณามเยว่เส้าเฉิงที่เคยนำทัพบุกไปโจมตีอาณาจักรเจวียนตู๋ สังหารราษฎรและบิดาของตน เยว่เส้าเฉิงได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกตะลึง เขารู้ได้ทันทีว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคือบุตรชายของอู้หั่วหลัว (เพื่อนของเยว่เส้าเฉิง / พี่ชายเจ้าครองอาณาจักรเจวียนตู๋ "หุนเสียหวัง") อันหนีหวาเอ่อร์ประกาศว่า อู้หั่วหลัว...บิดาตนและแม่ทัพแห่งอาณาจักรเจวียนตู๋ ถูกเด็กเมื่อวานซืนอย่างเยว่เส้าเฉิงสังหาร วันนี้ตนจะนำชีวิตของเยว่เส้าเฉิงมาสังเวยเหล่าดวงวิญญาณของเจวียนตู๋ พูดจบเขาก็สั่งให้สมุนของตนลงมือ



ขณะจัดเก็บข้าวของเยว่อู๋อี้บังเอิญพบห้องลับในห้องประดิษฐ์เหยียนเจี่ย ภายในห้องมีกระบี่เหล็กเล่มหนึ่งถูกล่ามโซ่ไว้อย่างแน่นหนา  เมื่อเยว่อู๋อี้เข้าไปดูใกล้ๆ กระบี่ก็เริ่มเปล่งแสงและสั่นอย่างรุนแรงจนโซ่ขาด หลังหลุดพ้นจากพันธนาการกระบี่เล่มดังกล่าวก็ลอยมาหยุดตรงหน้าเยว่อู๋อี้ เยว่อู๋อี้เอื้อมมือไปคว้ากระบี่มาชื่นชมใกล้ๆ ทันใดนั้น กระบี่ก็เริ่มสั่นและพาเยว่อู๋อี้พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า ก่อนลงมาลอยวนรอบๆ บริเวณที่มีการต่อสู้กัน (เยว่อู๋อี้ไมสามารถควบคุมกระบี่ได้) เยว่เส้าเฉิงกับอันหนีหวาเอ่อร์จำต้องหยุดต่อสู้ อันหนีหวาเอ่อร์จำได้ทันทีว่าสิ่งที่อยู่ในมือเยว่อู๋อี้คือกระบี่หานกวงของบิดาตน เขาจึงยิ่งโกรธเยว่เส้าเฉิงและมั่นใจว่าเยว่เส้าเฉิงเป็นคนลงมือสังหารบิดา เยว่เส้าเฉิงพยายามชี้แจงแต่ไม่มีโอกาส เพราะกระบี่พาเยว่อู๋อี้พุ่งเข้าไปหาอันหนีหวาเอ่อร์และเบี่ยงออกกระทันหันอย่างฉิวเฉียด ร่างของเยว่อู๋อี้จึงลอยกระแทกเสาโคมไฟก่อนร่วงลงไปนอนจุกที่พื้น 

อันหนีหวาเอ่อร์จะฉวยโอกาสทำร้ายเยว่อู๋อี้ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อกระบี่หานกวงของบิดาหันปลายกระบี่เข้าหาตน เขาบอกกระบี่หานกวงว่าตนเป็นบุตรชายของอู้หั่วหลัว (นายของกระบี่หานกวง) แต่กระบี่หานกวงยังคงปกป้องเยว่อู๋อี้จากอันหนีหวาเอ่อร์ ทั้งยังเลือกเยว่อู๋อี้เป็นนายใหม่ของตน อันหนีหวาเอ่อร์สงสัยว่าเยว่เส้าเฉิงทำอะไรกับกระบี่หานกวง เยว่เส้าเฉิงกล่าวว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาตนไม่เคยแตะต้องกระบี่เล่มดังกล่าว อันหนีหวาเอ่อร์ไม่อยากเชื่อว่ากระบี่ของบิดาจะเป็นปฏิปักษ์กับตน เขาเห็นว่าวันนี้กระบี่หานกวงเลือกอยู่ข้างเยว่เส้าเฉิงจึงจำใจถอยชั่วคราว แต่ยังคงยืนกรานว่าเลือดจะต้องล้างด้วยเลือด 


หลังอันหนีหวาเอ่อร์และพวกออกจากจวนไปแล้ว เยว่อู๋อี้ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน เมื่ออาการดีขึ้นเยว่อู๋อี้จึงถามบิดาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ยังคงไม่ได้รับความกระจ่าง ถึงกระนั้นเยว่เส้าเฉิงก็ยอมเล่าที่มาของกระบี่หานกวงให้เยว่อู๋อี้ฟังสั้นๆ โดยบอกเพียงว่าตนได้กระบี่หานกวงที่แสนชั่วร้ายมาครองตอนไปแดนซีอวี้ ไม่แน่ว่าคนพวกนั้นอาจต้องการชิงกระบี่กลับไป เขาไม่ตอบคำถามเรื่องห้องลับใต้ดิน ซ้ำยังห้ามไม่ให้เยว่อู๋อี้แตะต้องกระบี่หานกวงอีกโดยเด็ดขาด


ณ วังหลวง "พระสนมซู" (มารดาขององค์ชายสาม "หลี่เยี่ยน") บอกองค์ชายสามว่า เมื่อไม่นานมานี้เหล่าขุนนางทั้งหมดในราชสำนักต่างพากันทูลเสนอให้จักรพรรดิเซิ่งหยวนเลือกผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายสามเดาออกทันทีว่าพระบิดาเลือกตน เพราะก่อนหน้านี้ที่ตำหนักไท่เหอพระบิดาได้พูดเป็นนัยๆ สองแม่ลูกต่างรู้สึกหนักใจ ที่ผ่านมาทั้งคู่พยายามอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวแต่วันนี้ก็มาถึงจนได้ พระสนมซูเตือนองค์ชายสามว่าเขามิอาจเป็นฮ่องเต้ องค์ชายสามรู้ตัวดีจึงบอกพระมารดาว่าจะรีบหาทางออกโดยเร็วที่สุด


ครั้นอยู่กันตามลำพัง ฟู่ชิงเจียวอดถามเยว่เส้าเฉิงเรื่องอันหนีหวาเอ่อร์และพวกไม่ได้ เธอได้ยินว่าพวกเขามาจากเจวียนตู๋เลยสงสัยว่าจะมาด้วยเรื่องเมื่อ 20 ปีก่อนหรือไม่ เยว่เส้าเฉิงขอให้ภรรยาหยุดซักถามเพราะตนเคยรับปากฮ่องเต้ว่าจะไม่ปริปากถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเจวียนตู๋อีก สิ่งที่เขาเป็นห่วงในตอนนี้คือความปลอดภัยของเยว่อู๋อี้ เขาจึงคิดที่จะจัดวางเวรยามให้แน่นหนาขึ้น พร้อมทั้งส่งคนออกตามหาอันหนีหวาเอ่อร์และพวก


อีกด้านหนึ่ง เหวินเหรินอวี๋ได้นัดพบศิษย์พี่ฉินหยางตามลำพัง ฉินหยางพยายามหว่านล้อมเหวินเหรินอวี๋ให้กลับหุบเขาไป๋เฉาเพื่อรับโทษ เหวินเหรินอวี๋เห็นฉินหยางมาคนเดียวจึงรู้ว่าเขาไม่ได้มาเพื่อจับกุมตน ฉินหยางตำหนิเหวินเหรินอวี๋ที่กระทำการโดยบุ่มบ่าม เหวินเหรินอวี๋ยอมรับว่าเธอขโมยป้ายประจำตัวของฉินหยาง อ้างคำสั่งเท็จ และออกจากหุบเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉินหยางเตือนว่าความผิดที่เหวินเหรินอวี๋ก่อมีโทษถึงตาย เหวินเหรินอวี๋กล่าวว่าอาจารย์ของพวกตนออกจากหุบเขาเพื่อไปตามหาปรมาจารย์เซี่ยอีนานหลายเดือนแล้วแต่ไม่เคยส่งข่าวกลับมา ไม่รู้ว่าป่านนี้อาจารย์จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอเป็นห่วงอาจารย์มากจึงไม่อยากเสียเวลารออยู่ในหุบเขาไป๋เฉา 

ฉินหยางกล่าวว่าตนเป็นห่วงอาจารย์เช่นกัน แต่เหวินเหรินอวี๋หนีออกมาเช่นนี้ไม่มีประโยชน์อันใด ซ้ำยังมีความผิดติดตัว เขาขอให้เหวินเหรินอวี๋กลับหุบเขาไป๋เฉากับตน โดยบอกว่าตนจะขอความเมตตาจาก "แม่ทัพใหญ่" ไม่ให้ลงโทษเหวินเหรินอวี๋สถานหนัก ทั้งยังวางแผนให้เหวินเหรินอวี๋โกหกว่าตนเป็นคนมอบป้ายและสั่งให้เหวินเหรินอวี๋ออกจากหุบเขาเพื่อไปตามหาอาจารย์ เหวินเหรินอวี๋ปฏิเสธทันควันเพราะไม่ต้องการให้ศิษย์พี่เดือดร้อน เธอยืนกรานว่าจะยังไม่กลับตอนนี้เพราะยังมีความหวังสุดท้าย และความหวังที่ว่านี้ก็คือ 'ไข่เหยียนเจี่ย' ซึ่งเป็นเบาะแสเดียวเกี่ยวกับปรมาจารย์เซี่ยอีที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้ หากไม่พบเบาะแสใดๆ เพิ่มเติมในเมืองฉางอัน เธอจะกลับไปรับโทษที่หุบเขาไป๋เฉาแต่โดยดี ไม่ว่าแม่ทัพใหญ่จะลงโทษเธอสถานใดเธอก็พร้อมยอมรับ ฉินหยางได้ยินดังนั้นจึงรับปากว่าจะให้โอกาสเหวินเหรินอวี๋อีกครั้ง


ขณะที่องค์ชายสามกำลังเดินครุ่นคิดอยู่ในวังหลวง องค์หญิงเจาหนิงแกล้งจู่โจมองค์ชายสามทำให้โดนเล่นงานกลับ โชคดีที่องค์ชายสามยั้งมือทัน  ที่แท้องค์หญิงเจาหนิงได้ยินว่า 'พี่สาม' ของตนได้ผ่านการฝึกปรือท่าร่าง (เซินฝ่า)* ณ เขาไท่หัว เธอจึงอยากลองทดสอบดู องค์ชายสามตำหนิองค์หญิงเจาหนิงที่ซุกซนเกินเหตุ ขณะเดียวกันก็โล่งอกที่น้องสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ เขากล่าวว่าตนกำลังจะไปหาองค์หญิงเจาหนิงพอดี องค์หญิงเจาหนิงเดาว่าพี่สามจะนำของขวัญมาให้ เพราะในอีกสองวันข้างหน้าจะมีพิธีเข้าสู่วัยสาวของเธอ องค์ชายสามโกหกว่าตนเพิ่งมาถึงจึงไม่มีเวลาเตรียมของขวัญ องค์หญิงเจาหนิงแอบผิดหวังแต่ยังคงยิ้มให้พี่ชายและบอกว่าเธอเข้าใจดี 

ครั้นองค์ชายสามมอบปิ่นไม้ให้องค์หญิงเจาหนิงก็รู้สึกดีใจ องค์ชายสามกล่าวว่าดอกไม้ที่อยู่บนปิ่นเรียกว่า 'เซิ่งเสวีย' ทำจากต้นสนพันปีบนเขาไท่หัว กลีบของมันถูกร่ายมนต์เอาไว้จึงไม่เหี่ยวเฉานานนับร้อยปี ทั้งยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้อีกด้วย องค์หญิงเจาหนิงถูกใจของขวัญชิ้นนี้มากจึงโผเข้ากอดองค์ชายสามอย่างมีความสุข องค์ชายสามรีบผลักน้องสาวออกพลางเตือนว่าเป็นสาวแล้วต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว องค์หญิงเจาหนิงกล่าวว่าเธอจะสงวนท่าทีเวลาอยู่กับคนอื่น แต่องค์ชายสามไม่เหมือนคนอื่นเพราะเป็นพี่ชายตน

* ท่าร่าง (เซินฝ่า) - เป็นหนึ่งในวิทยายุทธพื้นฐาน



หลังซ่อมกลไกในอุปกรณ์เหยียนเจี่ยเสร็จ เยว่อู๋อี้จึงรีบนำไปทดสอบทันที (อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเหมือนปืนยิงสลิงสำหรับโหนข้ามตึก เยว่อู๋อี้เลยนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการลอบออกจากบ้าน) บังเอิญว่าในตอนนั้นเหวินเหรินอวี๋กำลังตามหาเบาะแสในเมืองฉางอัน ครั้นเห็นเยว่อู๋อี้ใช้อุปกรณ์เหยียนเจี่ยเหินข้ามหลังคา และได้ยินชาวบ้านเรียกเขาว่า 'นายน้อย (แห่ง) จวนเยว่' เธอเลยนึกถึงคำพูดของเถ้าแก่ร้านจวี้เป่าเก๋อที่บอกเธอว่า... ตนรู้จักเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งชอบสะสมสิ่งประดิษฐ์เหยียนเจี่ยและจะเหมาซื้อทั้งหมดที่มี เขาเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องมีทักษะด้านเหยียนเจี่ยสูงเกินใครในเมืองฉางอันเป็นแน่ ครั้นนึกขึ้นได้เถ้าแก่คนดังกล่าวจึงบอกเหวินเหรินอวี๋ว่าเด็กหนุ่มที่ตนพูดถึงมาจากจวนเยว่...  เหวินเหรินอวี๋มั่นใจว่าเด็กหนุ่มที่เถ้าแก่ร้านจวี้เป่าเก๋อพูดถึงคือเยว่อู๋อี้ เธอจึงแอบตามเขาไปหมายให้ช่วยไขปริศนาไข่เหยียนเจี่ย แต่ทว่าคนที่สะกดรอยตามเยว่อู๋อี้ไม่ได้มีเพียงเหวินเหรินอวี๋ เพราะหลังเยว่อู๋อี้เดินชมตลาดได้ไม่นาน เขาก็ถูกอันหนีหวาเอ่อร์และพวกลักพาตัว

** จบตอนที่หนึ่ง **

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่



 


รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ

 

ฟู่ซินป๋อ
รับบท เย่วอู๋อี้ / อ้ายหลี่ซีเอ่อร์
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

* สามีของ "อิ่งเอ๋อร์" *


 

อิ่งเอ๋อร์
รับบท เหวินเหรินอวี๋
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

* ภรรยาของ "ฟู่ซินป๋อ" *


 

หลี่จื้อถิง
รับบท เซี่ยอี๋เจ๋อ (หลี่เยี่ยน)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวฮ่องกง)


 

เจียงเหวิน
รับบท อาหร่วน
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

เทียนเฉา (หนึ่งในชื่อโบราณของประเทศจีน)

เมืองฉางอัน


 

เจิงหลี
รับบท ฟู่ชิงเจียว
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หูปิง
รับบท เยว่เส้าเฉิง
(นักแสดง / นักร้อง / นายแบบ ชาวจีน)


 

เหอจงหัว
รับบท เซิ่งหยวนตี้ (จักรพรรดิเซิ่งหยวน)
(นักแสดง / ผู้กำกับ ชาวจีน)


 

จินเฉียวเฉี่ยว
รับบท เซี่ยหงซาน (พระสนมซู) 
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

อู๋โม่ถง
รับบท องค์หญิงเจาหนิง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

กัวจื่ออวี๋
รับบท หลีเหมี่ยว
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

จี้ตงหราน
รับบท จินเซิง
(นักแสดง ชาวจีน)

เทียนกัง

 

โหวเสียงหลิง
รับบท เฉินถิงจวิน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เหยาหย่วน
รับบท ฉินหยาง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลิวหลี่โยวโยว
รับบท ซูฉยง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่จี้หลง
รับบท ซือหม่าจั๋ว
(นักแสดง ชาวจีน)


 

กั่วจิ้งหลิน
รับบท แม่ทัพใหญ่ (หลี่ตั้ง)
(นักแสดง / นักเขียนบท ชาวจีน)

เมืองหลิวเยว่

 

จางหรูอี้
รับบท ชางหมิง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

เส้าปิง
รับบท เสิ่นเย่ (จื่อเวยต้าจี้ซือ)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จางจื้อเหยา
รับบท เซี่ยอี / ชูชี
(นักแสดง / นักร้อง ชาวไต้หวัน)


 

กัวผิ่นเชา
รับบท ถง (ชีซาจี้ซือ)
(นักแสดง / นักร้อง / ผู้ดำเนินรายการ / นายแบบ ชาวไต้หวัน)


 

อู๋เต๋อซิน
รับบท เฟิงหยา (ทานหลางจี้ซือ)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เหยียนเซี่ยว
รับบท ฮว๋าเยว่ (เหลียนเจินจี้ซือ)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่อี้เสียง
รับบท หมิงชวน (ไท่อินจี้ซือ)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จ้าวอี๋ซิน
รับบท เสิ่นซี
(นักแสดง ชาวจีน)


 

สวี่เกอ
รับบท หลีจู
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

เจวียนตู๋

 

เจียงฮ่าวเหยียน
รับบท อันหนีหวาเอ่อร์ (หลางหวัง)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หยางฮ่าวอวี้
รับบท ตู๋ซิว
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หวังซีเหวย
รับบท มู่ช่า
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)


 

จ้าวเวยหลิน
รับบท เจียพ่าเอ่อร์
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)

ไท่หัวซาน

 

กัวเสี่ยวเฟิง
รับบท ชิงเหอเจินเหริน (ปรมาจารย์เต๋าชิงเหอ) / ผู้อาวุโสเจวี๋ยเวยแห่งไท่หัวซาน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

อู๋ป๋อหลุน
รับบท ชิงเหอเจินเหริน (ตอนหนุ่ม)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

เติ้งอิง
รับบท หนานซวินเจินเหริน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จางเหวิน
รับบท อี้ชิง
(นักแสดง ชาวจีน)

อื่นๆ

 

ฟ่านจวิ้นเหลียง
รับบท อวี๋ชี
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จางเหย่
รับบท ถวนจื่อ
(นักแสดง / ผู้กำกับ ชาวจีน)


 

ฉือจื้อเฉียง
รับบท สือไป๋จื่อ
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

เซี่ยเหวินเซวียน
รับบท พี่เฉิน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จงเว่ยหัว
รับบท โม่อี
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เสวี่ยซุน
รับบท หยวนเอ้อร์
(นักแสดง / นักดนตรี / ผู้กำกับ ชาวจีน)


 

เย่เชา
รับบท ฝูอิง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลิวเจียถง
รับบท ซีเมี่ยวหัว
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เจิ้งชิงเหวิน
รับบท เสวี่ยจี
(นักแสดง ชาวจีน)





รวมคลิปเบื้องหลังจาก 华策影视官方频道 China Huace TV Official Channel


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา