วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เรื่องย่อ ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซาน (Douluo Continent)




กำกับ: หยางเจิ้นอวี่
เขียนบท: หวังเจวี้ยน
แนวละคร: แฟนตาซี
จำนวนตอน: 40
ออกอากาศ: จีน - 5 กุมภาพันธ์ 2564 ทาง Tencent Video และ CCTV 
              ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.10 น. ทางช่อง 7 เอชดี  (หมายเลข 35) ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 - 9 กรกฎาคม 2565 (ออกอากาศครบทุกตอนทาง WeTV.vip)  





เรื่องย่อ



ละคร "ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซาน" (Douluo Continent) ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง "โต้วหลัวต้าลู่" ของ "ถังเจียซานเส้า" เนื้อหากล่าวถึงเหตุการณ์ในโลกสมมุติที่เรียกว่า "แผ่นดินโต้วหลัว" (แผ่นดินพรหมยุทธ์) ซึ่งประกอบด้วยสองจักรวรรดิใหญ่ ได้แก่ จักรวรรดิเทียนโต่ว และจักรวรรดิซิงหลัว (ทั้งสองจักรวรรดินี้ต่างประกอบด้วยหลายอาณาจักร แต่ละอาณาจักรมีผู้ปกครองของตน แต่อยู่ภายใต้การปกครองของราชา) บนแผ่นดินโต้วหลัวนี้ไม่มีวรยุทธ์ แต่มีสิ่งที่เรียกว่า "วิญญาณยุทธ์" ทุกคนล้วนมีวิญญาณยุทธ์เป็นของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่มักไม่มี "พลังวิญญาณ" จึงไม่อาจเป็น "วิญญาจารย์" ส่วนผู้ที่มีพลังวิญญาณแม้เพียงน้อยนิดสามารถฝึกฝนจนเป็นวิญญาจารย์ได้ แต่การเลื่อนระดับขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูงกว่า (และมีพลังแข็งแกร่งขึ้น) จำเป็นต้องมี "วงแหวนวิญญาณ"  ที่เหมาะสม ทว่าวิธีเดียวที่จะได้มาคือต้องฆ่า "สัตว์วิญญาณ" แล้วดูดซับวงแหวนวิญญาณของพวกมัน วิญญาจารย์กับเหล่าสัตว์วิญญาณจึงเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ 

เนื้อหาในละครกล่าวถึงเส้นทางสายวิญญาจารย์ของเด็กหนุ่มที่ชื่อ "ถังซาน" เขาเติบโตในหมู่บ้านเซิ่งหุน (อยู่ทางตอนใต้ของเมืองนั่วติง) อาศัยอยู่กับบิดาที่เป็นช่างตีเหล็กขี้เมานาม "ถังฮ่าว" ด้วยความที่กำพร้ามารดาตั้งแต่แบเบาะถังซานจึงไม่รู้จักหน้าค่าตาและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามารดาเป็นใคร ที่ผ่านมาถังฮ่าวไม่เคยพูดถึงภรรยาและไม่เคยเล่าเรื่องราวของเธอให้ลูกชายฟัง โดยอ้างว่าถังซานยังไม่แกร่งพอที่จะรับรู้ เขาให้ถังซานฝึกวิชาลับในคัมภีร์เสวียนเทียนตั้งแต่เด็ก หวังให้ถังซานแข็งแกร่งและเก่งกล้าที่สุดบนแผ่นดินโต้วหลัว แต่เขาไม่เคยพาถังซานออกไปดูโลกภายนอก และไม่เคยบอกถังซานเรื่องโลกวิญญาณยุทธ์  

หลังได้พบ "ซู่อวิ๋นเทา" ซึ่งเป็นคนของหอวิญญาณยุทธ์ (อู่หุนเตี้ยน - สำนักวิญญาจารย์อันดับหนึ่งบนแผ่นดินโต้วหลัว) ถังซานก็เหมือนถูกเบิกเนตร เขาเพิ่งรู้ว่าบนแผ่นดินโต้วหลัวมีสิ่งที่เรียกว่า วิญญาณยุทธ์ สัตว์วิญญาณ และวิญญาจารย์ ครั้นรู้ว่าทางเดียวที่จะช่วยให้ตนแข็งแกร่งขึ้นคือการเป็นวิญญาจารย์ ถังซานจึงเลือกเดินบนหนทางนี้และเข้าพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ แต่แล้วกลับต้องผิดหวังเมื่อพบว่าวิญญาณยุทธ์ของตนคือ "หญ้าเงินคราม" ซึ่งจัดเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ไร้ประโยชน์ เพราะใช้ป้องกันไม่ได้ โจมตีไม่ได้ เกื้อหนุนผู้อื่นไม่ได้ ปกติแล้วผู้มีวิญญาณยุทธ์ที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ชั่วชีวิตมิอาจเป็นวิญญาจารย์ แต่เนื่องจากถังซานมีพลังวิญญาณเต็มแต่กำเนิด ซู่อวิ๋นเทาเลยให้โอกาสถังซานได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวิญญาจารย์ขั้นต้นประจำเมืองนั่วติง (โรงเรียนนั่วติง)

ถังฮ่าวยอมให้ถังซานเข้าโรงเรียนวิญญาจารย์ แต่ถังซานต้องสาบานว่าจะไม่เข้าร่วมหอวิญญาณยุทธ์ และต้องตีแท่งเหล็กให้กลายเป็นเข็มก่อน (ฝึกวิชา "หัตถ์หยกเร้นลับ" ในคัมภีร์เสวียนเทียน) ครั้นพบว่าถังซานมีวิญญาณยุทธ์คู่ (หญ้าเงินครามในมือขวา + ค้อนฮ่าวเทียนในมือซ้าย) ถังฮ่าวจึงกำชับบุตรชายว่าอย่าให้ใครเห็นวิญญาณยุทธ์ในมือซ้ายโดยเด็ดขาด และให้จำไว้ว่าค้อนในมือซ้ายไม่ได้มีไว้เพื่อเข่นฆ่า แต่มีไว้เพื่อปกป้องหญ้าเงินครามในมือขวา หลังตีแท่งเหล็กเป็นเข็มได้สำเร็จถังซานจึงเริ่มก้าวเดินบนเส้นทางสายวิญญาจารย์ 



ณ โรงเรียนนั่วติง ถังซานได้เรียนรู้เรื่องวิญญาณยุทธ์และได้รับคำแนะนำต่างๆ จาก "อวี้เสี่ยวกัง" ปรมาจารย์สองวงแหวนที่ศึกษาเรื่องวิญญาณยุทธ์แปรผันมานาน และเชี่ยวชาญเรื่องทฤษฎีวิญญาณยุทธ์ (ความจริงแล้วเขาเป็นคนตระกูลราชามังกรสายฟ้า ทุกคนเรียกเขาว่า "ต้าซือ" หรือ "ปรมาจารย์" มีวิญญาณยุทธเป็นหมาหน้าหมูชื่อ "หลัวซานเพ่า" ซึ่งแปรผัน (กลายพันธ์) มาจากราชามังกรสายฟ้า และจะโจมตีศัตรูด้วยการผายลม) ทั้งยังได้พบเพื่อนใหม่สายบู๊ที่แสนซุกซนอย่าง "เสียวอู่" ซึ่งมีวิญญาณยุทธ "กระต่าย" (ความจริงแล้วเธอคือสัตว์วิญญาณแสนปีที่กลายร่างเป็นมนุษย์ เพื่อหาวิธีให้วิญญาจารย์เลื่อนระดับได้โดยไม่ต้องล่าสัตว์วิญญาณ  มนุษย์และสัตว์วิญญาณจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เธอสามารถดูดซับพลังวงแหวนโดยไม่ต้องฆ่าสัตว์วิญญาณ และถ่ายทอดพลังวิญญาณได้) แม้ถูกคนอื่นเยาะเย้ยถากถางว่ามีวิญญาณยุทธ์หญ้าเงินครามที่ไร้ประโยชน์ แต่ถังซานไม่ใส่ใจ เพราะยึดมั่นในคำสอนของอวี้เสี่ยวกังที่ว่า "ไม่มีวิญญาณยุทธ์ใดไร้ประโยชน์ มีแต่คนที่ไร้ประโยชน์" 

เพื่อปกป้องตนเองและพวกพ้องจาก "เซียวต้าเส้า" (บุตรชายเจ้าเมืองนั่วติง) ถังซานจำต้องสังหาร "อสรพิษม่านถัวหลัว" (สัตว์วิญญาณ 400 ปี)  แล้วดูดซับวงแหวนวิญญาณวงแรก เพื่อให้เป็น "วิญญาจารย์" ที่แท้จริงและมีพลังวงแหวนระดับเดียวกับเซียวต้าเส้า (ถังซานเชื่อมั่นในทฤษฎีของอวี้เสี่ยวกังจึงกล้าดูดซับวงแหวนวิญญาณจากสัตว์มีพิษ ทั้งที่ตนมีวิญญาณยุทธ์พืชและไม่เคยมีใครทำเช่นนี้มาก่อน ทว่าหลังช่วยเสียวอู่กับอวี้เสี่ยวกังแล้ว วิญญาณยุทธ์หญ้าเงินครามของถังซานเกิดเสียหายหนักจนใช้การไม่ได้ เพื่อฟื้นฟูวิญญาณยุทธ์หญ้าเงินครามถังซานจึงดูดซับวงแหวนวิญญาณวงที่สองจากต้น "กุ่ยเถิง" (สัตว์วิญญาณ 600 ปีประเภทพืช ซึ่งถูกผนึกอยู่ใต้บ้านของถังซาน) และเอาดีด้านการเป็นวิญญาจารย์สายควบคุมตามคำแนะนำของอวี้เสี่ยวกัง (ตอนนี้ถังซานเป็นวิญญาจารย์ที่มี 2 วงแหวน เรียกว่า "มหาวิญญาจารย์")

* หมายเหตุ: สัตว์วิญญาณ 10 ปี (พลังบำเพ็ญ 10 ปี อายุ 10-99 ปี) มีวงแหวนวิญญาณสีขาว, สัตว์วิญญาณ 100 ปี (พลังบำเพ็ญ 100 ปี อายุ 100-999 ปี) มีวงแหวนวิญญาณสีเหลือง, สัตว์วิญญาณ 1,000 ปี (พลังบำเพ็ญ 1,000 ปี อายุ 1,000-9,999 ปี) มีวงแหวนวิญญาณสีม่วง, สัตว์วิญญาณ 10,000 ปี (พลังบำเพ็ญ 10,000 ปี อายุ 10,000-99,999 ปี) มีวงแหวนวิญญาณสีดำ,  สัตว์วิญญาณ 100,000 ปี (พลังบำเพ็ญ 100,000 ปี อายุ 100,000-999,999 ปี) มีวงแหวนวิญญาณสีแดง

หลังผ่านพ้นความเป็นความตายมาด้วยกัน ถังซานจึงฝากตัวเป็นศิษย์อวี้เสี่ยวกัง ทั้งยังตกลงเป็นพี่น้องกับเสียวอู่ อวี้เสี่ยวกังแนะให้ถังซานกับเสียวอู่ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนสื่อหลานเค่อเพื่อความปลอดภัย (ถังซานถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สังหารบุตรเจ้าเมืองเลยถูกทางการเมืองนั่วติงประกาศจับ) ทั้งสามคนจึงมุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของเมืองสั่วทัวในอาณาจักรปาลาเค่อซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสื่อหลานเค่อ (ในนิยายใช้ชื่อ "สื่อหลายเค่อ") โดยอวี้เสี่ยวกังได้ตามไปเป็นอาจารย์ที่นั่นด้วย (เนื่องจากโรงเรียนสื่อหลานเค่อไม่สังกัดสำนักใดจึงตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ เพราะขาดเงินทุน ถึงกระนั้นโรงเรียนดังกล่าวจะรับเฉพาะคนที่ไม่ธรรมดาหรือได้ชื่อว่าเป็นตัวประหลาดเท่านั้น)




ณ โรงเรียนสื่อหลานเค่อ ซึ่งมีสหายเก่าของอวี้เสี่ยวกังนาม "หลานเต๋อ" เป็นผู้อำนวยการ ถังซานและเสียวอู่ได้พบเพื่อนใหม่ห้าคน ได้แก่ "ไต้มู่ไป๋" องค์ชายรองของจักรวรรดิซิงหลัว ซึ่งมีวิญญาณยุทธ์ "พยัคฆ์ขาว", "จูจู๋ชิง" ชนชั้นสูงของจักรวรรดิซิงหลัว เป็นคู่หมั้นของไต้มู่ไป๋ มีวิญญาณยุทธ์ "วิฬารโลกันต์", "โอวซือเค่อ" (ในนิยายชื่อ "อ้าวซือข่า" หรือ "ออสการ์") บุตรบุญธรรมของหลานเต๋อ พลังวิญญาณเต็มแต่กำเนิด มีวิญญาณยุทธ์ประเภท "อาหาร" เป็นสายเกื้อหนุน ชอบศิลปะการแสดง, "หนิงหรงหรง" องค์หญิงตัวน้อยของสำนักหอแก้วเจ็ดสมบัติ มีวิญญาณยุทธ์ "เจดีย์หอแก้วเจ็ดสมบัติ" เป็นสายเกื้อหนุน และน้องเล็ก  "หม่าหงจวิ้น" เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านเย่หั่ว เดิมมีวิญญาณยุทธ์ไก่ที่ไร้พลัง แต่ภายหลังวิญญาณยุทธ์แปรผันเป็น "หงส์เพลิง"

ในเวลาเดียวกันนั้นได้มีสตรีลึกลับจากหอวิญญาณยุทธ์นาม "หูเลี่ยน่า" แฝงตัวเข้ามาสังเกตการณ์ในโรงเรียนสื่อหลานเค่อ เธอติดตามพวกเขาไปทุกที่ แต่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานกลับไม่คิดช่วยเหลือหรือร่วมเผชิญชะตากรรมกับผู้ใด (แท้จริงแล้วเธอคือ "เชียนเริ่นเสวี่ย" ลูกสาวประมุขหอวิญญาณยุทธ์ "ปี๋ปี่ตง" เธอรู้ฐานะที่แท้จริงของไต้มู่ไป๋เลยหวังใช้เขาเป็นเครื่องมือในการควบคุมอาณาจักรซิงหลัว แต่พอรู้ว่าพี่ชายเขามีพลังที่แข็งแกร่งกว่า เธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็น "เสวี่ยชิงเหอ" รัชทายาทของอาณาจักรเทียนโต่วแทน) 

หลังรู้ว่าบิดาของหม่าหงจวิ้นต้องทนทุกข์ทรมานและถูกวิญญาณยุทธ์แผดเผา เพราะถูกผู้ใหญ่บ้านควบคุมด้วยยาชนิดพิเศษที่ได้มาจาก "ปู๋เล่อ" (ผู้ใหญ่บ้านใช้ทุกคนเป็นหนูลองยา หวังให้คนในหมู่บ้านมีวิญญาณยุทธ์แปรผัน)  ถังซาน เสียวอู่ และไต้มู่ไป๋ จึงพาหม่าหงจวิ้นไปขึ้นเวทีประลองที่เมืองสั่วทัวหมายล่อให้ปู๋เล่อปรากฏตัวแต่ไม่เป็นผล เพราะหม่าหงจวิ้นยังควบคุมวิญญาณยุทธ์ของตนไม่ได้ ถังซานกับเสียวอู่จึงไปหาปู๋เล่อที่โรงเตี๊ยมและบีบให้ปู๋เล่อมอบยาวิญญาณยุทธ์กลายพันธุ์ให้พวกตน ปู๋เล่อหลอกให้เสียวอู่ไปหยิบยาในกล่องที่มีไอพิษ แล้วบอกว่าหากไม่มียาถอนพิษเธอจะอยู่ได้ไม่เกินครึ่งเดือน เนื่องจากปู๋เล่อไม่มียาถอนพิษ เขาจึงบอกให้ถังซานนำจดหมายของตนไปให้ใครคนหนึ่ง (ซึ่งมียาถอนพิษ) ที่หมู่บ้านซิงโต่ว  

อวี้เสี่ยวกังกับหลานเต๋อเป็นห่วงความปลอดภัยของถังซานกับเสียวอู่ จึงถือโอกาสนี้พานักเรียนไปที่ป่าซิงโต่ว (ซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้านซิงโต่ว) โดยอ้างว่าจะไปล่าสัตว์วิญญาณให้โอวซือเค่อ (อวี้เสี่ยวกังพาถังซานกับเสียวอู่เดินทางล่วงหน้าไปก่อน) ครั้นได้พบ "เย่จือชิวถังซานจึงรีบขอยาถอนพิษ แต่เย่จือชิวต้องการให้ถังซานนำขวดยาพิษไปทุบต่อหน้า "ตู๋กู่เยี่ยน" ในป่าซิงโต่วก่อน (ตู๋กูเยี่ยนจะมาล่าสัตว์มีพิษในป่าเพื่อดูดซับวงแหวนวิญญาณวงที่สาม) วันรุ่งขึ้นอวี้เสี่ยวกังกับหลานเต๋อจึงพานักเรียนเข้าป่าซิงโต่วเพื่อตามหาตู๋กูเยี่ยน และช่วยกันล่า "อสรพิษหงอนไก่หางหงส์พันปี" ให้โอวซือเค่อ  ครั้นพบร่องรอยของซู่อวิ๋นเทาในป่า (เขาตามมาปกป้องหูเลี่ยน่า) อวี้เสี่ยวกังจึงปลีกตัวไปตามหาซู่อวิ๋นเทาหมายสอบถามว่าหูเลี่ยน่ามาสื่อหลานเค่อทำไม แต่แล้วเขากลับพบว่าซู่อวิ๋นเทาถูกใครคนหนึ่งฆ่าตาย (ซู่อวิ๋นเทาถูกฆ่าปิดปากหลังพบ "คนคุ้นเคย" ในป่า ซึ่งมาในสภาพเงา (ควัน) ดำ และคนๆ นั้นยังคิดฆ่าอาจารย์ของซู่อวิ๋นเทา (ปี๋ปี่ตง) เป็นรายต่อไป)




แท้จริงแล้วเงาดำที่ฆ่าซู่อวิ๋นเทาเข้ามาในป่าซิงโต่วเพื่อเจรจากับสัตว์วิญญาณแสนปี "งูหลามวัวฟ้าคราม" (ตัวเป็นงู หัวคล้ายกระทิง  อาศัยอยู่ในทะเลสาบกลางป่าซิงโต่ว เป็นสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งสุดในป่า) เขาอยากให้งูหลามวัวฟ้าครามร่วมมือกับตน แต่งูหลามวัวฟ้าครามปฏิเสธเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวความขัดแย้งของมนุษย์ เงาดำชี้ว่าจำนวนสัตว์วิญญาณในป่าซิงโต่วลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เมื่อ 100 ปีก่อน หากไม่ร่วมมือกับตนสัตว์วิญญาณคงสูญพันธุ์ในไม่ช้า เขาขอให้งูหลามวัวฟ้าครามช่วยตนกำจัดศัตรู แต่งูหลามวัวฟ้าครามไม่ไว้ใจมนุษย์เลยยังไม่รับปาก เงาดำไม่ขอให้งูหลามวัวฟ้าครามเชื่อใจตน แต่ขอให้เชื่อในสถานการณ์และผลลัพธ์ที่จะตามมา จากนั้นก็ตัดบทว่าจะรองูหลามวัวฟ้าครามตามวันเวลาที่ตกลงกันไว้

แม้ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าสัตว์วิญญาณ แต่เสียวอู่ก็มีส่วนช่วยให้โอวซือเค่อได้ดูดซับวงแหวนวิญญาณวงที่สาม ครั้นเสียวอู่ถูกมหาวานรยักษ์ชิงตัวไป ถังซานจึงใช้ค้อนฮ่าวเทียนสังหารแมงมุมปีศาจหน้าคน แล้วดูดซับพลังวงแหวนวิญญาณสองพันปีทั้งที่รู้ว่าเกินขีดจำกัดของตน (เขาไม่รู้ว่ามหาวานรยักษ์ที่ทุกคนเกรงขาม คือ "เออร์หมิง" เพื่อนของเสียวอู่) ตู๋กูเยี่ยนเห็นถังซานหมดสติจึงเข้าไปดูและถูกไอพิษสีเขียวจากมือถังซานแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย (ถังซานล้มทับขวดยาพิษของเย่จือชิว) ไม่นานถังซานก็ถูกพลังวิญญาณของแมงมุมปีศาจหน้าคนเข้าควบคุมร่างกายและจิตใจ (พลังวิญญาณสะท้อนกลับเพราะดูดซับพลังวงแหวนเกินขีดจำกัด) ทั้งยังมีขาแมงมุมงอกออกมาจากกลางหลัง เพื่อไม่ให้ถังซานกลายเป็นแมงมุมปีศาจที่โหดร้าย อวี้เสี่ยวกังจึงคิดที่จะดึงขาทั้งสี่ออกจากหลังของถังซาน แต่หลานเต๋อห้ามไว้เพราะหากทำเช่นนั้นถังซานจะมีสามวงแหวนชั่วชีวิต (ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีกต่อไป) 

หลังดูดซับพลังวิญญาณจากเอ้อร์หมิงแล้ว เสียวอู่ก็ได้พลังวงแหวนวิญญาณเพิ่มอีกสองวง ครั้นพบว่าถังซานดูดซับพลังเกินขีดจำกัด เธอจึงถ่ายพลังส่วนเกินมาไว้ที่ตนและถูกขาแมงมุมแทงเข้าที่อก เมื่อถังซานฟื้นคืนสติแล้วพบว่าเสียวอู่บาดเจ็บเพราะตนเขาจึงรู้สึกเสียใจ เย่จือชิวรู้สึกประหลาดใจที่ถังซานถูกพิษของตนแล้วยังไม่ตาย เขามอบยาถอนพิษให้ถังซานและชวนถังซานเข้าร่วมองค์กรของพวกตน (ทำให้คนมีวิญญาณยุทธ์แปรผัน จะได้แข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ต้องล่าสัตว์วิญญาณ) ถังซานเห็นกับตาว่าคนที่ถูกลองยา (บิดาของหม่าหงจวิ้น) มีจุดจบเช่นไรจึงปฏิเสธทันควัน 

ครั้นได้ยินว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการใช้ยาควบคุมหมู่บ้านเย่หัวและหมู่บ้านอื่นๆ คือ ราชทินนามพรหมยุทธ์เก้าวงแหวน "ถังฮ่าว" ผู้มีวิญญาณยุทธ์ค้อนฮ่าวเทียน ถังซานก็ถึงกับช็อค เขาคิดที่จะไปหาบิดาเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่เย่จือชิวบอกว่าหากถังซานอยากเข้าร่วมกับพวกตนจะต้องผ่านการทดสอบก่อน เขาบอกให้ถังซานเข้าร่วมการประลองกับกลุ่มปีศาจที่เมืองซีซือ หากเป็นฝ่ายชนะให้ไปหาตนที่โรงเรียนชางฮุยในเมืองเทียนโต่ว เมื่อถังซานถามถึงถังฮ่าว เย่จือชิวจึงเตือนว่าห้ามเอ่ยชื่อเขา (ถังฮ่าว) ตามอำเภอใจ เพราะหอวิญญาณยุทธ์กำลังตามไล่ล่าเขาอยู่ ถังซานกล่าวว่าหลังถอนพิษให้เสียวอู่แล้วตนจะไปเมืองซีซือ แต่เย่จือชิวเตือนว่าถังซานต้องแข็งแกร่งกว่านี้ก่อนจึงจะประลองกับกลุ่มปีศาจได้ (ถังซานเพิ่งเป็นวิญญาจารย์ที่มี 3 วงแหวน หรือ "อัคราจารย์วิญญาณ" มาหมาดๆ)




หลังกลับสื่อหลานเค่อแล้ว อวี้เสี่ยวกังจึงจับนักเรียนทั้งเจ็ดคนมาฝึกฝนอย่างหนัก ทั้งยังบำรุงด้วยแกงเนื้อสูตรลับของราชวงศ์ซิงหลัวทุกวัน เพื่อให้ทุกคนแข็งแกร่งขึ้นทั้งในด้านทักษะ พลัง และจิตใจ โดยแยกฝึกให้สอดคล้องกับวิญญาณยุทธ์ของแต่ละคน ทั้งยังชี้ให้เห็นข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข การฝึกฝนครั้งนี้ทำให้ทุกคนยิ่งสนิทสนม รักใคร่ เรียนรู้ที่จะเชื่อใจ และรู้จักทำงานเป็นทีม หลังฝึกฝนจนแข็งแกร่งพวกเขาได้เข้าร่วมการประลองต่างๆ หลังเอาชนะกลุ่มปีศาจที่ชอบข่มเหงรังแกชาวบ้าน พวกเขายิ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือ และเป็นที่รู้จักในนาม "เจ็ดประหลาดแห่งสื่อหลานเค่อ" (โรงเรียนสื่อหลานเค่อมีศิษย์เพียง 7 คน) 

เพื่อให้เจ็ดประหลาดแห่งสื่อหลานเค่อมีสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันสุดยอดโรงเรียนวิญญาจารย์ที่จัดโดยหอวิญญาณยุทธ์ หลานเต๋อกับอวี้เสี่ยวกังเลยพานักเรียนไปที่โรงเรียน "หลานป้า" (ซึ่งไม่มีนักเรียน) หมายขอลงแข่งขันในนามโรงเรียนดังกล่าว (สื่อหลานเค่อไร้สังกัดเลยส่งนักเรียนลงแข่งขันไม่ได้) นึกไม่ถึงว่าผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวคือสหายเก่า "หลิ่วเอ้อร์หลง" (เธอ หลานเต๋อ และอวี้เสี่ยวกัง เคยรวมตัวและเป็นที่รู้จักในนาม "สามเหลี่ยมเหล็กทองคำ" แถมเธอยังคลั่งรักอวี้เสี่ยวกังอีกด้วย) หลิ่วเอ้อร์หลงถึงขั้นยอมเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็นสื่อหลานเค่อ เพื่อช่วยให้เจ็ดประหลาดฯ ได้ลงแข่ง ทั้งยังยกตำแหน่งผู้อำนวยการให้หลานเต๋อ ส่วนเธอขอเป็นอาจารย์เคียงข้างอวี้เสี่ยวกัง ทว่าพวกเขาไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันได้ เพราะถูกองค์ชาย "เสวี่ยซิง" (ตำแหน่ง "ชินหวัง") กลั่นแกล้ง (บีบให้โรงเรียนหลานป้าใช้หนี้ก้อนโตที่ติดค้างอาณาจักรเทียนโต่วก่อน)
 
ถังซานสงสัยว่าโรงเรียนชางฮุยมีแผนอะไรกันแน่ จึงไปหาเย่จือชิวที่นั่นและขอพบราชทินนามพรหมยุทธ์ฮ่าวเทียน แต่ "สือเหนียน" (อาจารย์โรงเรียนชางฮุย เป็นวิญญาจารย์สายควบคุมจิตใจ) บอกว่าถังซานต้องเข้ารอบสุดท้าย (การแข่งขันสุดยอดโรงเรียนวิญญาจารย์) ให้ได้เสียก่อน ถังซานอาสาถอนพิษให้ตู๋กูเยี่ยน  โดยมีเงื่อนไขสองข้อ ข้อแรก "ตู๋กูป๋อ" จะต้องมอบค่าตอบแทน 2 พันเหรียญวิญญาณทองให้ตนเป็น (ถังซานต้องการนำเงินจำนวนนี้ไปใช้หนี้ให้โรงเรียน เพื่อจะได้ลงทะเบียนแข่งขัน) ข้อสอง ตู๋กูป๋อต้องช่วยตนสืบหาราชทินนามพรหมยุทธ์เก้าวงแหวนที่อยู่เบื้องหลังโรงเรียนชางฮุย (โรงเรียนชางฮุยวางยาพิษตู๋กูเยี่ยน ตู๋กูป๋อซึ่งเป็น "พรหมยุทธ์พิษ" กลับถอนพิษให้หลานสาวไม่ได้ เพราะพิษชนิดนี้แปรผันตลอดเวลา แถมตัวเขายังพลอยถูกพิษไปด้วย)  

* ตู๋กูป๋อ หรือ "ตู๋โต้วหลัว" มีเก้าวงแหวนวิญญาณ เชี่ยวชาญเรื่องพิษ เป็นอาวุธลับของราชวงศ์เทียนโต่ว เขาเรียกถังซานว่า "เสี่ยวตู๋อู้" (พิษน้อย)

เมื่อตู๋กูป๋อรับปาก ถังซานจึงใช้หญ้าเงินครามถ่ายเลือดมีพิษของตู๋กูเยี่ยนมาไว้ที่ตน ทว่าวิธีนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากและมิอาจหยุดกลางคันได้ เสียวอู่เห็นว่าพลังวิญญาณของถังซานเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ เลยถ่ายทอดพลังวิญญาณของตนให้ถังซาน นั่นจึงทำให้เธอสูญเสียวงแหวนวิญญาณไปสองวง (หากไม่ทำเช่นนี้ถังซานและตู๋กูเยี่ยนจะตายทั้งคู่) หลังช่วยตู๋กูเยี่ยนได้สำเร็จตู๋กูป๋อกลับบอกถังซานว่าตนไม่มีเงินและพาถังซานกับเสียวอู่ไปยังหุบเขาลับที่อยู่ภายในภูเขาแทน เขาเล่าว่าเดิมทีบริเวณนี้เคยเป็นภูเขา แต่เมื่อหลายปีก่อนราชทินนามพรหมยุทธ์เก้าวงแหวนคนหนึ่งได้ต่อสู้กับหอวิญญาณยุทธ์ที่นี่ บริเวณนี้เลยราบเป็นหน้ากลองและเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรนานาชนิด (ตู๋กูป๋อไม่รู้ว่าราชทินนามพรหมยุทธ์เก้าวงแหวนคนดังกล่าวเป็นใคร) 




ถังซานโอดว่าตนต้องถอนสมุนไพรไปขายกี่ต้นถึงจะได้ 2 พันเหรียญวิญญาณทอง ตู๋กูป๋อจึงพาถังซานกับเสียวอู่ไปดูเขตแดนเร้นลับที่แม้แต่ตัวเขาเองยังผ่านเข้าไปไม่ได้ จากนั้นจึงบอกให้ถังซานลองเสี่ยงดวงดู ไม่แน่ว่าในนั้นอาจมีของล้ำค่า เมื่อถังซานยื่นมือไปสัมผัสเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูเรียกชื่อตน (เสียงผู้หญิงที่อยู่ในฝัน) เธอบอกให้ถังซานใช้หญ้าเงินครามนำทาง ถังซานเลยจับมือเสียวอู๋แล้วเดินหายเข้าไปข้างใน ตู๋กูป๋อเห็นดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ ปรากฏว่าด้านในคือดินแดนที่ถังซานมักฝันถึงบ่อยๆ แถมในนั้นยังเต็มไปด้วยสุดยอดสมุนไพรเซียนที่ล้ำค่าหายากและมีพลังวิญญาณ หลังเสียวอู่หมดสติถังซานก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนเดิมอีกครั้ง  

ที่แท้นั่นคือเสียงมารดาของถังซาน เธอซ่อนพลังหญ้าเงินครามไว้ในหัวใจของถังซานก่อนตาย ถังซานเลยมักฝันเห็นที่นี่ เธอเล่าว่าเธอเป็นคนขอให้ถังฮ่าวปิดบังเรื่องของตน เพราะอยากให้ถังซานเลือกทางเดินของตนเอง หากไม่ได้เป็นวิญญาจารย์และฝึกวิชาเสวียนเทียนไม่สำเร็จ ถังซานจะมีชีวิตที่สงบสุข ไม่ต้องรับรู้อะไร และไม่ได้มาที่นี่ ในเมื่อถังซานมาที่นี่แสดงว่ามีศักยภาพและเป็นความหวังให้เธอได้ เธอกล่าวว่าตนทิ้งคัมภีร์เสวียนเทียนไว้ให้ถังซาน และการตายของตนก็เกี่ยวข้องกับมัน ในวันที่ถังซานลืมตาดูโลก "เชียนสวินจี๋" (อดีตประมุขหอวิญญาณยุทธ์ / สามีปี๋ปี่ตง) ได้นำเหล่าวิญญาจารย์ของหอวิญญาณยุทธ์มาล่าสังหารเธอด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกสืบเนื่องมาจากตัวตนที่แท้จริงของเธอ (แต่เธอยังไม่บอกถังซานว่าตนเองเป็นใคร) ประการที่สองเป็นเพราะคัมภีร์เสวียนเทียน 

เธอกล่าวว่า วิถีวิญญาจารย์ฝังรากลึกบนแผ่นดินโต้วหลัวมานานนับพันปี วิญญาจารย์และสัตว์วิญญาณเลยอยู่ร่วมกันไม่ได้และต้องเปิดศึกกันสักวัน คัมภีร์เสวียนเทียนเป็นวิธีฝึกตนอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นพลังอีกประเภทที่ไม่ต้องใช้วิญญาณยุทธ์อีกต่อไป หากนำกลับมาฝึกแทนกันได้สำเร็จวิญญาจารย์จะกลายเป็นอดีต หอวิญญาณยุทธ์ก็จะหายไปเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ประมุขหอวิญญาณยุทธ์จึงตามไล่ล่าเธอ โชคร้ายที่เธอกับถังฮ่าวไม่สามารถฝึกวิชาเสวียนเทียนได้ เธอเลยตั้งข้อสังเกตว่าอาจต้องฝึกวิชาเสวียนเทียนให้สำเร็จก่อน จากนั้นจึงใช้พลังเสวียนเทียนเป็นฐานในการฝึกทักษะวิญญาณและเป็นวิญญาจารย์ เช่นนี้แล้วจึงจะใช้พลังเสวียนเทียนได้อย่างสมบูรณ์ ถังซานมาที่นี่ได้แสดงว่าทฤษฎีนี้ถูกต้อง 

เธอไม่ต้องการให้ถังซานแก้แค้น แต่หวังว่าถังซานจะปล่อยวางความโกรธแค้นในใจ ความเคียดแค้นจะได้ไม่บังตาจนทำลายชีวิต เธอเพียงหวังให้ถังซานมีชีวิตที่ดี มุ่งพัฒนาทักษะวิญญาณและฝึกวิชาเสวียนเทียนให้ถึงระดับสูงสุด แล้วหาหนทางให้วิญญาจารย์ไม่ต้องพึ่งพาวิญญาณยุทธ์อีกต่อไป (จะได้ไม่ต้องฆ่าสัตว์วิญญาณ) เธอสร้างมิติเร้นลับไว้ให้ถังซานโดยเฉพาะ และได้ทิ้งสมุนไพรเซียนนานาชนิดเอาไว้ให้ แต่มีของสองสิ่งที่เธออยากมอบให้ถังซานเป็นของขวัญ นั่นคือสุดยอดสมุนไพรเซียน "ฤดีอาวรณ์" และบ่อน้ำพุ "ธาราสองขั้ว"

มารดาถังซานกล่าวว่า ดอกฤดีอาวรณ์หล่อเลี้ยงด้วยความรัก มีคุณประโยชน์มหาศาล ก่อนตายเธอได้ซ่อนพลังวิญญาณทั้งหมดไว้ในดอกไม้นี้หวังช่วยให้ถังซานมีพลังที่แข็งแกร่ง (แต่พลังวิญญาณดังกล่าวได้แทรกซึมเข้าไปในตัวเสียวอู่) ส่วนธาราสองขั้วเป็นบ่อน้ำพุที่จะช่วยให้ถังซานสามารถดูดซับพลังวงแหวนที่เกินขีดจำกัด เธอใช้พลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่สร้างมิติเร้นลับแห่งนี้ นอกจากถังซานแล้วไม่มีใครเข้ามาได้ (แม้กระทั่งถังฮ่าวบิดาของถังซาน) เธอไม่รู้ว่าถังฮ่าวโกรธแค้นหอวิญญาณยุทธ์มากเพียงใด เลยขอให้ถังซานคอยอยู่เคียงข้างถังฮ่าว อย่าให้เขาจมอยู่กับความแค้นจนสูญเสียความเป็นมนุษย์ หลังเธอสั่งเสียและบอกลาถังซานแล้วทุกอย่างก็เงียบสงบลง  (ทั้งหมดเป็นคำพูดที่เธอทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต) 




เมื่อเสียวอู่ฟื้นคืนสติก็รู้สึกแปลกใจที่อยู่ดีๆ วิญญาณยุทธ์ของตนกลับฟื้นคืน ซ้ำยังมีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมจนสามารถเลื่อนระดับเป็นสี่วงแหวนได้ ขณะที่ถังซานก็มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมและพร้อมเลื่อนระดับเช่นกัน เสียวอู่รู้สึกผูกพันกับดอกฤดีอาวรณ์อย่างประหลาด ทั้งยังรู้สึกว่าดอกไม้นี้กำลังปกป้องตน ถังซานให้เสียวอู่เก็บดอกฤดีอาวรณ์เอาไว้เพราะเธอเป็นคนแรกที่สัมผัสมัน ก่อนออกจากมิติเร้นลับทั้งคู่ได้เก็บสมุนไพรเซียนจำนวนหนึ่งไปฝากเพื่อนและอาจารย์ที่สื่อหลานเค่อ ส่วนที่เหลือให้หลานเต๋อนำไปขายใช้หนี้ (เขามอบดอกไม้พิษให้ตู๋กูป๋อใช้ถอนพิษด้วย) หลังรู้ว่าถังซานเข้าไปในมิติเร้นลับที่มารดาสร้างขึ้น อวี้เสี่ยวกังก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะมิติเร้นลับมีราชทินนามพรหมยุทธ์เพียงไม่กี่คนที่สามารถสร้างได้ เขาไม่แน่ใจว่ามารดาถังซานเป็นวิญญาจารย์ระดับราชทินนามพรหมยุทธ์หรือไม่ เลยแนะให้ถังซานไปหาข้อมูลที่หอสมุดของหอวิญญาณยุทธ์ 

เขายังบอกด้วยว่าเชียนสวินจี๋ (อดีตประมุขหอวิญญาณยุทธ์) ตายแล้ว และเตือนสติถังซานว่าอย่าคิดจองเวรกับคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ครั้นรู้ว่าในอดีตหอวิญญาณยุทธ์เคยศึกษาค้นคว้าเรื่องวิญญาณยุทธ์แปรผัน แถมบิดายังเคยเป็นมือขวาของเชียนสวินจี๋ ถังซานเลยคิดว่าบิดาอาจอยู่เบื้องหลังโรงเรียนชางฮุยจริง และกำลังวางแผนเอาคืนหอวิญญาณยุทธ์ เขาตั้งใจว่าจะพาสื่อหลานเค่อเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้ เพื่อที่ตนจะได้หยุดยั้งบิดาไม่ให้ทำร้ายและเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ (สือเหนียนบอกถังซานว่าถ้าเข้ารอบฯ แล้วจะได้เจอราชทินนามพรหมยุทธ์ฮ่าวเทียน)

หลังช่วยกันฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคจนลงทะเบียนแข่งขันได้สำเร็จ อวี้เสี่ยวกัง หลานเต๋อ และหลิ่วเอ้อร์หลง จึงพาเจ็ดประหลาดแห่งสื่อหลานเค่อเข้าป่าลั่วรื่อที่อยู่ไม่ไกลเพื่อล่าสัตว์วิญญาณ (หลังกินสมุนไพรเซียนที่ถังซานนำมาให้ ทุกคนต่างมีพลังเต็มเปี่ยมจนสามารถเลื่อนขั้นเป็นสี่วงแหวนได้) ถังซานเลือกดูดซับวงแหวนหมื่นปีของแมงมุมปีศาจใต้ดินทั้งที่เกินขีดจำกัดเพราะมีธาราสองขั้ว ขณะที่คนอื่นๆ (ยกเว้นเสียวอู่ซึ่งไม่ฆ่าสัตว์วิญญาณ) ต่างเลื่อนขั้นเป็นวิญญาจารย์สี่วงแหวน (เรียกว่า "ปรมาจารย์วิญญาณ") เจ็ดประหลาดแห่งสื่อหลานเค่อลงแข่งขันกับโรงเรียนวิญญาจารย์ต่างๆ โดยใช้ทั้งสติปัญญาและทักษะวิญญายุทธ์ พวกเขาต่อสู้อย่างกล้าหาญ ร่วมแรงร่วมใจ และเชื่อใจกัน จนผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ และต้องไปแข่งขันที่หอวิญญาณยุทธ์




ถังซานใช้โอกาสนี้สืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของมารดา และพยายามไขปริศนาต่างๆ กระทั่งพบว่าบิดาไม่ได้อยู่เบื้องหลังโรงเรียนชางฮุย (โรงเรียนชางฮุยคิดลอบสังหารปี๋ปี่ตง) หลังต่อสู้กับคู่แข่งขันที่เหี้ยมโหดและแข็งแกร่งกว่า (มีห้าวงแหวน) เจ็ดประหลาดแห่งสื่อหลานเค่อก็บาดเจ็บกันระนาว ถึงกระนั้นทุกคนต่างไม่ยอมแพ้และเป็นฝ่ายชนะผู้แข่งขันจากหอวิญญาณยุทธ์ในที่สุด (ถังซานจำต้องเผยวิญญาณยุทธ์ค้อนฮ่าวเทียน) พวกเขายังไม่ทันได้รับรางวัล อยู่ๆ เงาดำ หรือ "กุ่ยโต้วหลัว" ("พรหมยุทธ์ผี" ผู้อยู่เบื้องหลังโรงเรียนชางฮุย สามารถล่องหนได้) ก็พาราชทินนามพรหมยุทธ์จำนวนหนึ่งบุกมาสังหารปี๋ปี่ตง (พวกเขาต้องการแก้แค้นให้อดีตประมุขที่ถูกปี๋ปี่ตงสังหาร) แต่ปี๋ปี่ตงรู้เท่าทันแผนการของกุ่ยโต้วหลัวเลยจัดการทุกคนได้อย่างง่ายดาย

ปี๋ปี่ตงบอกให้ "จวี๋โต้วหลัว" (พรหมยุทธ์เบญจมาศ) มอบรางวัลให้นักเรียนสื่อหลานเค่อทุกคน ยกเว้นเสียวอู่ เธอจับตัวเสียวอู่ ก่อนเผยว่าแท้จริงแล้วเสียวอู่เป็นสัตว์วิญญาณแสนปี แม้เพิ่งรู้ความจริงแต่ถังซานไม่สน สำหรับเขาแล้วเสียวอู่เป็นทั้งน้องสาวและคนรัก เขาจึงประกาศว่าหากใครคิดทำร้ายเสียวอู่ต้องข้ามศพตนไปก่อน ปี๋ปี่ตงซึ่งมีเก้าวงแหวนและแข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินโต้วหลัวจึงลงมือกับถังซานทันที เธอจะสังหารถังซานแต่ถังฮ่าวมาช่วยเอาไว้ได้ทันเวลา หลังจากนั้นถังฮ่าวก็พาถังซาน (ซึ่งบอบช้ำหนักและหมดสติ) และเสียวอู่หนีออกจากหอวิญญาณยุทธ์ (เขาช่วยถังซานได้ แต่เอาชนะปี๋ปี่ตงไม่ได้)

ถังฮ่าวบอกเสียวอู่ว่าในฐานะที่เป็นวิญญาจารย์ตนควรจับเสียวอู่ เพราะถังซานอาจต้องการพลังวงแหวนของสัตว์วิญญาณแสนปีสักวัน เสียวอู่กล่าวโดยไม่ลังเลว่า หากช่วยถังซานได้เธอก็พร้อมยอมรับชะตากรรม ถังฮ่าวยอมรับว่าตนช่วยเสียวอู่เพราะเสียวอู่เหมือนมารดาของถังซาน (มารดาของถังซานก็เป็นสัตว์วิญญาณแสนปีเช่นกัน) เขาเตือนเสียวอู่ว่าวิญญาจารย์กับสัตว์วิญญาณไม่มีทางใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสงบสุข ตอนนี้เสียวอู่ยังอ่อนแอเกินกว่าจะรับมือไหว หากอยู่เคียงข้างถังซาน ทั้งเธอและยังซานจะยิ่งเป็นอันตราย  เขาไม่อยากให้ถังซานกับเสียวอู่ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับตนและภรรยา จึงแนะให้เสียวอู่ไปจากถังซาน และอยู่ให้ห่างถังซานจนกว่าเธอจะแข็งแกร่งขึ้นจนไร้ซึ่งความหวาดกลัว 

เสียวอู่เข้าใจเจตนาของถังฮ่าวจึงรับปากว่าจะไป เธอหวนนึกถึงความหลังก่อนจูบลาถังซานทั้งน้ำตา ถังซานน้ำตาไหลทั้งที่หมดสติ เมื่อน้ำตาของเสียวอู่หยดลงบนผืนทราย (คล้ายชายหาดหรืออยู่ในมิติเร้นลับ) หญ้าเงินครามก็งอกขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงปลุกให้ถังซานตื่นขึ้นมาค้นหาความจริงและค้นหาตัวตนที่แท้จริง  

เนื้อหาตอนที่หนึ่ง



เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ณ บริเวณท้ายหมู่บ้านเซิ่งหุน* อาณาจักรเทียนโต่ว ในแผ่นดินโต้วหลัว ขณะที่เด็กหนุ่มนาม "ถังซาน" กำลังนอนหลับใหล เขาฝันว่าตนเข้าไปอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยหญ้าเงินครามและสมุนไพรนานาชนิด ทั้งยังฝันเห็นเหตุการณ์สุดระทึก (เป็นเหตุการณ์ในอนาคต) ขณะกำลังฝันร้ายถังซานได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องเรียกและปลุกให้เขาตื่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอแนะให้ถังซานตื่นขึ้นมาค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ โดยบอกว่าเมื่อตื่นขึ้นแล้วเขาจะค้นพบตัวตนที่แท้จริง และจะสามารถเปิดเผยความจริงที่ถูกซ่อนเร้นอำพราง เธอยังบอกด้วยว่าหากถังซานทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจแล้วออกไปเผชิญโลกภายนอก ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจจะกลายเป็นคนใหม่ (เหมือนได้เกิดใหม่) หรือไม่ก็ดำดิ่งสู่ความมืดมน หลังสิ้นเสียงผู้หญิงคนดังกล่าวถังซานก็กลิ้งตกจากเตียง 

* "เซิ่งหุน" เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ในชนบทห่างไกล ตำนานเล่าขานว่าสาเหตุที่ชื่อหมู่บ้าน "เซิ่งหุน" (วิญญาณมหาปราชญ์)  เป็นเพราะเมื่อร้อยปีก่อนเคยมีวิญญาจารย์ระดับ "หุนเซิ่ง" หรือระดับ "มหาปราชญ์วิญญาณ"  (มี 7 วงแหวนวิญญาณ) มาจากหมู่บ้านแห่งนี้

ทุกวันหลังตื่นนอนตอนรุ่งสาง ถังซานจะโยนก้อนเหล็กใส่เตาเผา (บิดาเขาเป็นช่างตีเหล็ก) แล้วออกไปผ่าฟืนเพื่อก่อไฟสำหรับหุงหาอาหาร หลังทำอาหารเช้าเสร็จเขาจะยกไปให้ "ถังฮ่าว" (บิดา) ทานที่ห้องเป็นประจำ เช้านี้ถังซานยกโจ๊กไปให้บิดาพลางเตือนว่าวันนี้ต้องส่งตะปูให้ผู้ใหญ่บ้าน ครั้นพบว่าบิดายังคงเมามายไม่ได้สติเขาจึงพาบิดาไปนอนบนเตียง แล้วลงมือตีเหล็ก (ทำตะปู) ด้วยตัวเอง (นับตั้งแต่ "ซานเม่ย" หรือ "อาอิ๋น" ผู้เป็นภรรยาเสียชีวิต ถังฮ่าวก็กลายเป็นปีศาจสุรา) 



ก่อนนำตะปูไปส่งให้ผู้ใหญ่บ้าน ถังซานแอบแวะกลางป่าเพื่อฝึกวิชาในคัมภีร์ลับ "เสวียนเทียน"* หลังเสร็จธุระและกำลังเดินทางกลับบ้าน เขาพบรถเข็นล้มคว่ำและมีข้าวของตกกระจายเกลื่อนพื้น แต่กลับไร้เงาผู้เป็นเจ้าของ ครั้นได้ยินเสียงแปลกๆ หลังพงหญ้าถังซานจึงเดินไปดู พอแหวกหญ้าแล้วพบ "แมงมุมปีศาจหน้าคน" ถังซานจึงรีบเผ่นทันที แต่แมงมุมเจ้ากรรมดันตามไล่ล่าเขาอย่างไม่ลดละ ถังซานไม่อาจต่อกรกับแมงมุมยักษ์ที่แสนดุร้ายเลยทำได้เพียงหลบหลีกและวิ่งหนี (โชคดีที่เขาฝึกวิชาลับมาตั้งแต่เด็กเลยเอาตัวรอดได้) ถังซานไม่กล้าวิ่งกลับบ้านเพราะกลัวเจ้าแมงมุมยักษ์ไล่ตามไป เขาไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ใดเลยได้แต่วิ่งวนอยู่ในป่า หลังพบว่าแมงมุมปีศาจหน้าคนไม่ยอมเลิกรา ถังซานเลยใช้วิชาเนตรปีศาจสีม่วงแล้วซัดอาวุธลับใส่ตาเจ้าแมงมุมจนมันตาบอดข้างหนึ่ง และนั่นก็ทำให้มันโมโหหนักขึ้น    

* ในนิยายระบุว่าคัมภีร์เสวียนเทียน (เสวียนเทียนเป่าลู่) เป็นเคล็ดวิชาลับของสำนักถังซึ่งอยู่อีกภพหนึ่ง (ถังซานฝึกสำเร็จก่อนตายในชาติก่อน) เนื้อหาประกอบด้วยวิทยายุทธ์เพียง 6 อย่าง ได้แก่ วิธีฝึกกำลังภายในและลมปราณ "เสวียนเทียนกง", วิชาฝึกมือ "เสวียนอวี้โส่ว" (หัตถ์หยกเร้นลับ), วิชาฝึกการมองเห็น "จื่อจี๋โหมวถง" (เนตรปีศาจสีม่วง), วิชาฝึกการหยิบฉวย "ค่งเฮ่อฉินหลง" (คุมกระเรียนจับมังกร), วิชาฝึกการเคลื่อนไหวร่างกาย "กุ๋ยอิ่งหมีจง" (เงาพรายเร้นกาย) และการฝึกใช้อาวุธลับนานาวิธี "อั้นชี่ไป๋เจี๋ย" ทั้งนี้ วิทยายุทธ์ดังกล่าวไม่เคยปรากฏในแผ่นดินโต้วหลัว  เพราะแผ่นดินโต้วหลัวมีแต่วิญญาณยุทธ์ ไม่มีวรยุทธ์ 



ถังซานหวิดโดนแมงมุมปีศาจหน้าคนสังหาร โชคดีที่ "ซู่อวิ๋นเทา" (หัวหน้าผู้ดูแล "หอวิญญาณยุทธ์" และศิษย์ของ "ปี๋ปี่ตง") มาช่วยไว้ได้ทัน ครั้นเห็นว่าวิญญาณยุทธ์ของซู่อวิ๋นเทาคือ "หมาป่าเดียวดาย" (มี 3 วงแหวนวิญญาณ) เจ้าแมงมุมยักษ์ก็รีบเผ่น ถังซานไม่เคยรู้เรื่องวิญญาณยุทธ์มาก่อน พอเห็นวิญญาณยุทธ์หมาป่าเดียวดายครองร่างซู่อวิ๋นเทา เขาก็รู้สึกตกใจ หลังแนะนำตัวแล้วซู่อวิ๋นเทาจึงเตือนถังซานว่าแมงมุมปีศาจหน้าคนเป็นสัตว์วิญญาณที่น่ากลัวและดุร้ายมาก แม้แต่สัตว์วิญญาณด้วยกันยังหวั่นเกรง นับว่าวันนี้ถังซานโชคดีที่ไม่ถูกมันกิน แต่ต่อไปอย่ามาวิ่งเล่นในป่าอีก ถังซานสวนทันควันว่าตนไม่ใช่เด็ก ครั้นพบว่าถังซานยังไม่ได้ปลุกวิญญาณยุทธ์แต่กลับทำลายดวงตาข้างหนึ่งของแมงมุมปีศาจหน้าคนได้ ซู่อวิ๋นเทาก็รู้สึกแปลกใจและอดคิดไม่ได้ว่าในตัวถังซานอาจมีวิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลังซ่อนอยู่ (ปกติแล้วมีเพียงวิญญาจารย์ที่สามารถต่อกรกับสัตว์วิญญาณได้) แต่ถังซานออกตัวว่าทั้งหมดเป็นเพราะโชคช่วย



ถังซานเดินอ่านตำราที่ซู่อวิ๋นเทาให้มาด้วยความสนใจใคร่รู้  ทันทีที่กลับถึงบ้านเขาก็เล่าเหตุการณ์สุดระทึกในป่าให้บิดาฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นโดยไม่สนว่าบิดาจะรับฟังหรือไม่ ทั้งยังบอกด้วยว่าเดิมทีตนคิดว่าซู่อวิ๋นเทาเป็นคนประหลาด แต่สุดท้ายกลับพบว่าพวกตนประหลาดที่สุดในแผ่นดินโต้วหลัว เขายื่นตำราให้บิดาดูพลางถามว่าเชื่อถือได้หรือไม่ ในตำราระบุว่าทุกคนบนแผ่นดินโต้วหลัวล้วนมีวิญญาณยุทธ์เป็นของตัวเอง ถังซานชักเริ่มอยากรู้อยากเห็นเลยถามว่านอกจากหมู่บ้านเซิ่งหุนแล้วบิดาเคยไปที่อื่นหรือไม่ แต่ถังฮ่าวทำเหมือนไม่ได้ยินและบ่นว่าสุราหมดแล้ว ถังซานรับปากว่าจะไปซื้อสุรามาให้ใหม่ จากนั้นก็ตามไปช่วยสูบลมให้บิดาที่หน้าเตาเผาเหล็กและยังคงพูดถึงซู่อวิ๋นเทาอย่างชื่นชม โดยกล่าวว่าซู่อวิ๋นเทามีวิญญาณยุทธ์ที่กลายร่างได้ ลักษณะคล้ายหมาป่า ถึงจะแลดูน่ากลัวแต่ก็ช่วยจัดการเจ้าแมงมุมยักษ์ได้ 

ครั้นถังซานเล่าว่าซู่อวิ๋นเทาเป็นวิญญาจารย์ที่มาจากหอวิญญาณยุทธ์ถังฮ่าวก็หูผึ่ง แต่เขายังคงแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ถังซานถามบิดาว่าวิญญาจารย์คืออะไร และเล่าต่อโดยไม่รอคำตอบว่าแมงมุมยักษ์ที่ตนพบในป่าเป็นสัตว์วิญญาณที่เรียกว่าแมงมุมปีศาจหน้าคน วันนี้ตนทำให้เจ้าแมงมุมยักษ์ตาบอดข้างหนึ่ง (ถังฮ่าวได้ยินดังนั้นจึงหันหน้ามาฟัง) ถังซานเปรยว่าคงดีไม่น้อยหากตนได้เป็นวิญญาจารย์ที่เก่งกาจเหมือนซู่อวิ๋นเทา ถังฮ่าวได้ยินว่าถังซานทำให้แมงมุมปีศาจหน้าคนตาบอดข้างหนึ่งจึงเดาว่าถังซานแอบใช้เคล็ดวิชาในคัมภีร์เสวียนเทียน ถังซานยอมรับว่าตนใช้วิชาเนตรปีศาจสีม่วง เคลื่อนไหวดุจเงาพรายเร้นกาย และใช้วิชาอาวุธลับบางส่วน ทั้งยังยืนยันหนักแน่นว่าซู่อวิ๋นเทาไม่เห็นตนใช้วิชาเหล่านั้น


ถังซานไม่พบเนื้อหาเกี่ยวกับสัตว์วิญญาณในตำราเลยถามบิดาว่าสัตว์วิญญาณคืออะไร ถังฮ่าวอธิบายว่าพวกมันเป็นสัตว์วิเศษที่มีพลังวงแหวนวิญญาณ อาจเป็นสัตว์ชนิดใดก็ได้ มีทั้งดีและร้ายเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่ทว่าสัตว์วิญญาณไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน พวกมันมีปัญญาเหนือสัตว์เดรัจฉานมากมายหลายเท่า สัตว์วิญญาณที่มีชีวิตยืนยาวกว่าแสนปีสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ หลังกลายร่างแล้วพวกมันแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากมนุษย์ ถังซานสงสัยว่าสัตว์วิญญาณที่กลายร่างเป็นมนุษย์มีจำนวนมากน้อยเพียงใด ถังฮ่าวกล่าวว่า วิญญาจารย์และสัตว์วิญญาณเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ เหล่าวิญญาจารย์ออกไล่ล่าและเข่นฆ่าสัตว์วิญญาณไม่เลิกรา จึงไม่ง่ายเลยที่สัตว์วิญญาณจะมีอายุยืนยาวกว่าแสนปี


ผู้ใหญ่บ้านเห็นซู่อวิ๋นเทามาที่หมู่บ้านเซิ่งหุนจึงต้อนรับอย่างนอบน้อม ด้วยรู้ว่าซู่อวิ๋นเทาเป็นคนของหอวิญญาณยุทธ์ ซู่อวิ๋นเทาเดาว่าหมู่บ้านเซิ่งหุนคงไม่ได้จัดพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์มาเนิ่นนาน ผู้ใหญ่บ้านยอมรับว่าเป็นเช่นนั้นจริง เขากล่าวว่าหมู่บ้านตนอยู่ห่างไกลและทุรกันดาร นานมากแล้วที่ไม่มีวิญญาจารย์มาที่นี่ ผู้ใหญ่บ้านอยากให้หอวิญญาณยุทธ์ส่งคนมาทำพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ที่หมู่บ้านตนบ้างจึงถือโอกาสร้องขอผ่านซู่อวิ๋นเทา ซู่อวิ๋นเทาตั้งใจว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสองวัน (เขาเกรงว่าแมงมุมปีศาจหน้าคนจะกลับมาอีก) เลยรับปากผู้ใหญ่บ้านว่าจะช่วยทำพิธีฯ ให้ ผู้ใหญ่บ้านได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าตนจะพาลูกหลานในหมู่บ้านมาเข้าพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์วันพรุ่งนี้



หลังได้พบและได้อ่านหนังสือของซู่อวิ๋นเทา ถังซานก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกภายนอก (เขาไม่เคยออกจากหมู่บ้านเซิ่งหุน) เขาอยากออกไปดูให้เห็นกับตาว่าโลกวิญญาณยุทธ์เป็นเช่นไร แต่สุดท้ายก็พยายามตัดใจโดยบอกตัวเองว่า โลกวิญญาณยุทธ์อาจไม่ดีเหมือนที่ซู่อวิ๋นเทาบอก ถึงยังไงหมู่บ้านเซิ่งหุนก็ปลอดภัยกว่าเพราะไม่มีทั้งสัตว์วิญญาณและวิญญาจารย์ แต่แล้วอยู่ๆ ผู้ใหญ่บ้านก็มาหาและบอกถังซานให้ไปบ้านตนหลังตื่นนอนตอนเช้า ถังซานนึกว่าผู้ใหญ่บ้านมาตามตนไปซ่อมหลังคาเหมือนเช่นเคย พอรู้ว่าวันพรุ่งนี้ซู่อวิ๋นเทาจะทำพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ให้คนในหมู่บ้านถังซานก็หูผึ่ง 

ผู้ใหญ่บ้านอธิบายว่าวิญญาณยุทธ์เปรียบดังเมล็ดพันธุ์ที่ถูกเพาะในหัวใจทุกคน เมื่อมันถูกปลุกให้ตื่นแล้วจะไม่มีวันหลับใหลอีกเลย เขายังบอกด้วยว่าหากผ่านการปลุกวิญญาณยุทธ์ และได้วงแหวนวิญญาณที่เหมาะสมในอนาคต ถังซานจะเป็นวิญญาจารย์ที่ผู้คนยกย่องนับถือ ผู้ใหญ่บ้านไม่อยากให้ถังซานจมปลักอยู่ที่นี่เหมือนบิดาเลยมาชวนถังซานไปร่วมพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายของถังซาน (หากอายุเกินเกณฑ์จะเข้าพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ไม่ได้และหมดสิทธิ์เป็นวิญญาจารย์ชั่วชีวิต) แต่ถังฮ่าวกลับไม่อนุญาตให้ถังซานไปร่วมพิธี

คืนนั้นถังซานคืนคัมภีร์เสวียนเทียนให้บิดา พลางออกตัวว่าหากวันนี้ตนหลบเลี่ยง (แมงมุมยักษ์) ได้นานขึ้นคงหนีรอดเองได้  ถังฮ่าวแย้งว่าคัมภีร์เสวียนเทียนไม่ได้มีไว้ฝึกเพื่อให้หนีพ้น แต่ถังซานต้องฝึกเพื่อเอาชนะสัตว์วิญญาณและวิญญาจารย์ทั้งหลายทั้งปวง แล้วเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินโต้วหลัว ถังซานไม่อยากเชื่อว่าบิดาจะคาดหวังกับตนถึงเพียงนั้น เขาตัดพ้อว่าที่ผ่านมาบิดาไม่เคยเล่าเรื่องวิญญาณยุทธ์ สัตว์วิญญาณ และวิญญาจารย์ ให้ตนฟังทั้งที่รู้เรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี ถังฮ่าวย้อนว่าแม้ตนไม่เคยบอกแต่ตอนนี้ถังซานก็รู้หมดแล้ว 


ถังฮ่าวถามถังซานว่าจำเนื้อหาทั้งหมดในคัมภีร์เสวียนเทียนได้หรือยัง เมื่อถังซานยืนยันว่าจำได้แม่นยำทั้งหมด ถังฮ่าวจึงเผาคัมภีร์เสวียนเทียนทิ้งทันที ถังซานเห็นดังนั้นก็ทั้งตกใจและเสียดาย     ถังฮ่าวชี้ว่าเพราะมีคนของหอวิญญาณยุทธ์มาที่หมู่บ้านเซิ่งหุน ตนจึงเก็บคัมภีร์เล่มนี้ไว้ไม่ได้ ถังซานอยากรู้เหตุผลแต่ถังฮ่าวไม่ยอมปริปาก เขากำชับถังซานให้เก็บเรื่องคัมภีร์เสวียนเทียนเป็นความลับ ห้ามบอกใครโดยเด็ดขาด ถังซานรับปากบิดาแต่โดยดี ถึงกระนั้นเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคัมภีร์เสวียนเทียนมีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะเหตุใดบิดาถึงให้ตนฝึกตั้งแต่เด็กและห้ามบอกใคร แต่ถังฮ่าวไม่ตอบอีกตามเคย ถังซานไม่ยอมแพ้และถามต่อว่าคัมภีร์เสวียนเทียนมีความเกี่ยวข้องกับมารดาหรือไม่ (ถังซานไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวมารดา เพราะมารดาเสียชีวิตขณะเขายังเป็นเพียงเด็กทารก) ถังฮ่าวไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เลยเดินหนีไปโดยไม่พูดจา 

คืนนั้นถังซานฝันว่าตนอยู่ในดินแดนที่เต็มไปด้วยหญ้าเงินครามอีกเช่นเคย ในความฝันเขากำลังจะตกเป็นเหยื่อของแมงมุมยักษ์เลยพยายามร้องขอชีวิต ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงคนเดิมร้องเรียกถังซานและบอกว่าเธอกำลังรอเขา ถังซานได้ยินแล้วน้ำตาไหลนองหน้า เขาจึงปาดน้ำตาและสงสัยว่าตนร้องไห้ทำไม ถังซานมองหาผู้หญิงคนดังกล่าวพลางร้องถามว่าเธอเป็นใคร แต่กลับไม่ได้รับคำตอบและไม่พบเจอผู้ใด พอลืมตาตื่นแล้วเห็นบิดายืนอยู่ตรงหน้าถังซานก็รู้สึกตกใจ ถังฮ่าวโยนขวดสุราให้ถังซานแล้วเตือนว่าอย่าลืมซื้อสุรามาให้ตน 


ถังซานบอกบิดาว่าตนฝันถึงทุ่งหญ้าเงินครามอีกแล้ว ในฝันมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องเรียกและบอกว่ากำลังรอตน ถังซานรู้สึกว่าเสียงของเธอช่างอบอุ่นและอ่อนโยนยิ่งนักเลยสงสัยว่าอาจเป็นเสียงของมารดา ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่านับตั้งแต่ฝึกวิชาลับในคัมภีร์เสวียนเทียนตนมักฝันเช่นนี้ เขาถามบิดาว่าเสียงนั้นใช่มารดาหรือไม่ และคัมภีร์เสวียนเทียนเกี่ยวข้องอะไรกับมารดาตน ถังฮ่าวกล่าวว่ายังไม่ถึงเวลาที่ควรรู้ เขาจะบอกทุกอย่างต่อเมื่อถังซานแข็งแกร่งมากพอ ถังซานสงสัยว่าตนต้องแข็งแกร่งมากเพียงไหนถึงจะรู้เรื่องมารดาได้ แต่ถังฮ่าวกลับตัดบทด้วยการบอกให้ถังซานฝึกวิชาเสวียนเทียนต่อไป ถังซานถามบิดาว่าหลังปลุกวิญญาณยุทธ์แล้วตนจะแข็งแกร่งขึ้นใช่หรือไม่ เมื่อบิดาตอบว่าใช่ถังซานจึงขอไปเข้าพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน แต่ถังฮ่าวยืนกรานไม่ยอมให้ไป ถังซานไม่เห็นคู่มือวิญญาจารย์ (ที่ซู่อวิ๋นเทาให้มา) จึงถามบิดาว่าตำราตนอยู่ที่ไหน ถังฮ่าวบอกหน้าตาเฉยว่าฟืนไม่พอตนเลยนำไปเผา จากนั้นก็เดินหนีไป ถังซานอึ้งไปชั่วขณะก่อนพูดพึมพำว่าขากลับตนจะเก็บฟืนมาให้


ถังซานออกไปซื้อสุราให้บิดา และถือโอกาสนี้แวะบ้านผู้ใหญ่เพื่อแอบดูซู่อวิ๋นเทาทำพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ นั่นจึงทำให้เขาได้รู้ว่า ผู้ที่ไม่มี "พลังวิญญาณ" จะไม่สามารถเป็นวิญญาจารย์ได้     (เด็กหนุ่มสาวที่มาเข้าพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ในวันนี้ล้วนไม่มีพลังวิญญาณ) หลังพิธีเสร็จสิ้นแล้วถังซานจึงเดินคอตกออกจากบ้านผู้ใหญ่บ้าน ซู่อวิ๋นเทาเห็นดังนั้นเลยชวนถังซานมาเข้าพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ โดยบอกว่าถ้าถังซานอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกวิญญาณยุทธ์ก็ต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง (แทนที่จะฟังจากปากคนอื่นซึ่งพูดกันคนละทาง) ถังซานรู้สึกตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าการเข้าพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ไม่เพียงทำให้รู้ว่าวิญญาณยุทธ์ของตนคืออะไร แต่ยังรู้ว่าวิญญาณยุทธ์ของบิดาหรือมารดาคืออะไรอีกด้วย (วิญญาณยุทธ์ของบิดาหรือมารดา (คนใดคนหนึ่ง) จะถ่ายทอดสู่ลูก) 

ซู่อวิ๋นเทาเห็นว่าถังซานมีหัวใจที่แข็งแกร่งเพราะกล้าเผชิญหน้ากับแมงมุมปีศาจหน้าคนที่ดุร้าย   เลยเชื่อว่าวิญญาณยุทธ์ของถังซานต้องไม่ธรรมดาแน่ ถังซานจึงน่าจะเป็นวิญญาจารย์ได้  ถังซานสงสัยว่ามีวิธีอื่นที่ช่วยให้ตนแข็งแกร่งขึ้นนอกเหนือจากการเป็นวิญญาจารย์หรือไม่ ซู่อวิ๋นเทากล่าวว่าบนแผ่นดินโต้วหลัวนี้ไม่มีหนทางอื่น ถังซานอยากแข็งแกร่งขึ้นจึงตัดสินใจว่าจะเป็นวิญญาจารย์



ขณะเข้าพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ ถังซานเห็นพืชชนิดหนึ่งปรากฏขึ้นที่กลางมือขวาก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่ซู่อวิ๋นเทาและผู้ใหญ่บ้านเห็นแล้วต่างผิดหวัง (พวกเขาไม่รู้ว่ามือซ้ายของถังซานมีปฏิกิริยาบางอย่าง) ซู่อวิ๋นเทาชี้ว่าหญ้าเงินครามเป็นวิญญาณยุทธ์สุดธรรมดาและไร้ประโยชน์ เพราะไม่สามารถนำมาใช้ป้องกัน โจมตี หรือเกื้อหนุน ผู้มีวิญญาณยุทธ์ที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้มิอาจเป็นวิญญาจารย์ได้ ถังซานทั้งตกใจและผิดหวังเมื่อรู้ว่าตนไม่มีทางแข็งแกร่งขึ้น  ซู่อวิ๋นเทาเห็นว่าไหนๆ ถังซานก็มาแล้วจึงช่วยทดสอบพลังวิญญาณให้ถังซาน แม้ผู้ใหญ่บ้านจะมองว่าไร้ประโยชน์ก็ตาม (ต่อให้มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งก็ไม่มีความหมาย เพราะวิญญาณยุทธ์ของถังซานคือหญ้าเงินคราม ) 

ครั้นพบว่าถังซานมีพลังวิญญาณเต็มแต่กำเนิด ซู่อวิ๋นเทาและผู้ใหญ่บ้านจึงต่างพากันประหลาดใจ เพราะคนที่เกิดมาพร้อมพลังวิญญาณอันเต็มเปี่ยมมีน้อยมาก ถังซานขอบคุณซู่อวิ๋นเทาแล้วขอตัวกลับบ้านด้วยความรู้สึกผิดหวัง แต่ซู่อวิ๋นเทาเชื่อว่าถังซานเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่ธรรมดาเลยให้โอกาสเขาเข้าเรียนที่ "สำนักศึกษานั่วติง" ซึ่งเป็นโรงเรียนวิญญาจารย์ชั้นต้น (คนส่วนใหญ่ในแผ่นดินโต้วหลัวมักไม่มีพลังวิญญาณ บางส่วนมีพลังวิญญาณแต่กำเนิดเพียงเล็กน้อย ต้องผ่านการฝึกฝนก่อนจึงจะมีพลังวิญญาณเพิ่มขึ้น แต่ถังซานเกิดมาพร้อมพลังวิญญาณขั้นสูงสุด (ระดับสิบ) หากได้วงแหวนวิญญาณที่เหมาะสมมาครองก็จะเป็นวิญญาจารย์ทันที) 



ถังฮ่าวเหน็บถังซานว่าทำไมถึงไม่ไปกับซู่อวิ๋นเทาเสียเลย ถังซานกล่าวว่าตนไปไม่ได้เพราะบิดาไม่เห็นด้วย ทั้งยังออกตัวว่าที่ตนแอบไปร่วมพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ทั้งที่บิดาไม่อนุญาติ เป็นเพราะตนอยากรู้เรื่องมารดามากกว่านี้ (ซู่อวิ๋นเทาบอกถังซานว่าหากเข้าพิธีฯ จะรู้ว่าวิญญาณยุทธ์ของบิดาหรือมารดาคืออะไร) ถังฮ่าวถามว่าวิญญาณยุทธ์ของถังซานคืออะไร ถังซานเลยแสดงวิญญาณยุทธ์หญ้าเงินครามให้บิดาดู ก่อนบอกว่าแม้เป็นวิญญาณยุทธ์ที่ไร้ประโยชน์แต่ตนยังมีโอกาสเป็นวิญญาจารย์ และสามารถเข้าโรงเรียนวิญญาจารย์ได้ ครั้นเห็นว่าถังซานอยากเป็นวิญญาจารย์จริงๆ ถังฮ่าวจึงยอมให้ถังซานไปเรียนที่สำนักศึกษานั่วติงโดยมีเงื่อนไขสองข้อ ข้อแรก...ถังซานต้องสาบานว่าจะไม่เข้าร่วมหอวิญญาณยุทธ์ ถังซานรีบสาบานทันที แต่ไม่วายกังวลเรื่องวิญญาณยุทธ์ (ที่ไร้ประโยชน์) ของตน


 

ถังฮ่าวเดินนำถังซานไปที่โรงตีเหล็กในบ้านและบอกให้ถังซานเร่งไฟในเตาเผา เขาตั้งใจว่าวันนี้จะบอกถังซานเรื่องการใช้วิชาหัตถ์หยกเร้นลับ (หนึ่งในเคล็ดวิชาลับที่อยู่ในคัมภีร์เสวียนเทียน) ถังซานมีเรื่องค้างคาใจเลยเอ่ยถามบิดาว่าวิญญาณยุทธ์จะปรากฏที่มือขวาเท่านั้นหรือ เขากล่าวว่าขณะเข้าพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ตนรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งซ่อนอยู่ในมือซ้าย หลังตรวจสอบแล้วพบว่าถังซานมีวิญญาณยุทธ์คู่ ถังฮ่าวจึงบอกให้ถังซานเผยรูปร่างวิญญาณยุทธ์ให้ตนดู ถังซานต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าจะปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ในมือซ้ายออกมาได้ 

ในที่สุดถังฮ่าวก็พบว่าวิญญาณยุทธ์ในมือซ้ายของถังซานคือค้อนฮ่าวเทียน ถังซานบ่นว่าค้อนในมือตนรูปร่างน่าเกลียด ซ้ำยังหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเกินรับไหว ถังฮ่าวเลยบอกให้เก็บกลับไป เขาบอกถังซานว่าอย่าให้ใครเห็นวิญญาณยุทธ์ในมือซ้ายโดยเด็ดขาด ถังซานถามว่าตนสืบทอดวิญญาณยุทธ์หญ้าเงินครามและค้อนฮ่าวเทียนมาจากบิดามารดาใช่ไหม แต่ถังฮ่าวแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน เขาบอกถังซานว่าหากวันหนึ่งวันใดค้อนนี้อยู่เหนือการควบคุม (ปรากฏออกมา) ให้จำไว้ว่าค้อนในมือซ้ายมิได้มีไว้เพื่อเข่นฆ่า แต่มีไว้เพื่อปกป้องหญ้าเงินครามในมือขวาของถังซาน (ถังซานเป็นคนที่สามในรอบร้อยปีที่มีวิญญาณยุทธ์คู่)



ถังฮ่าวโยนเหล็กแท่งหนึ่งไปที่หน้าเตาเผาแล้วบอกเงื่อนไขข้อที่สอง หลังรู้ว่าตนต้องตีเหล็กแท่งนี้ให้กลายเป็นเข็มก่อนจึงจะไปเรียนได้ ถังซานก็โอดว่าบิดาให้ตนทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถังฮ่าวแค่นหัวเราะก่อนสาธิตวิธีตีเหล็กขั้นเทพให้ถังซานดู ครั้นถังซานบ่นว่าดูไม่ทันถังฮ่าวจึงบอกให้ใช้วิชาเนตรปีศาจสีม่วง ในที่สุดถังซานก็พบว่าบิดาใช้ค้อนตีลงตรงจุดเดิมทุกครั้งอย่างแม่นยำ ถังฮ่าวบอกให้ถังซานทุ่มเทพลังทั้งหมดไปที่จุดเดียวแล้ว "เปลี่ยนโลหะธรรมดาให้กลายเป็นอาวุธวิเศษ" (ตีเหล็กให้เป็นอาวุธลับ) เขาโยนค้อนให้ถังซานพลางบอกว่านี่คือวิชาหัตถ์หยกเร้นลับ ทั้งยังแนะด้วยว่าเวลาใช้ค้อนให้ส่งลมปราณ (วิชาเสวียนเทียนกง) ไปที่มือทั้งสองข้าง

หลังจากนั้นถังซานก็ตีเหล็กตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวันจนมือเป็นแผลพุพอง เมื่อถังฮ่าวมาเห็นเข้าจึงช่วยพันแผลขณะถังซานกำลังหลับ ครั้นตื่นขึ้นแล้วพบว่าบิดาแอบนำผ้ามาพันแผลที่มือให้ ถังซานก็ยิ้มอย่างมีความสุข แม้มือเจ็บแต่ถังซานยังคงตีเหล็กต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เมื่อเวลาผันผ่าน ฤดูกาลแปรผัน ในที่สุดถังซานก็ตีเหล็กให้กลายเป็นเข็มได้สำเร็จ ถังฮ่าวเห็นดังนั้นจึงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ


เมื่อผู้ใหญ่บ้านมารับถังซานแล้วไม่เห็นถังฮ่าวออกมาส่ง เขาจึงบ่นว่าลูกชายกำลังจะออกจากอ้อมอกแต่ถังฮ่าวกลับไม่ยอมสั่งลา ถังซานออกตัวว่าความจริงแล้วบิดาดีกับตน เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร ในเวลาเดียวกันนั้นถังฮ่าวกำลังนั่งครุ่นคิดเรื่องถังซานภายในบ้านที่เงียบเหงา เขาหวังว่าถังซานจะจดจำสิ่งที่ตนเคยบอก (อย่าให้ใครเห็นค้อนในมือซ้าย / อย่าบอกใครเรื่องคัมภีร์เสวียนเทียน)  และยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ทันใดนั้นถังซานก็โผล่พรวดเข้ามาในบ้านโดยอ้างว่าตนลืมตะปู

** จบตอนที่หนึ่ง **
 
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่




รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ



เซียวจ้าน
รับบท ถังซาน
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

** หนึ่งในเจ็ดประหลาดแห่งสื่อหลานเค่อ **




อู๋เซวียนอี๋
รับบท เสียวอู่
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

** หนึ่งในเจ็ดประหลาดแห่งสื่อหลานเค่อ **

เจ็ดประหลาดแห่งสื่อหลานเค่อ



เกาไท่อวี๋
รับบท ไต้มู่ไป๋
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

** องค์ชายรองแห่งอาณาจักรซิงหลัว คู่หมั้นของจูจู๋ชิง **




หลิวเหม่ยถง
รับบท จูจู๋ชิง
(นักแสดง ชาวจีน)




หลิวรุ่นหนาน
รับบท โอวซือเค่อ
(นักแสดง ชาวจีน)




ติงเซี่ยวอิ๋ง
รับบท หนิงหรงหรง
(นักแสดง ชาวจีน)




อ๋าวจื่ออี้
รับบท หม่าหงจวิ้น
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

โรงเรียนวิญญาจารย์สื่อหลานเค่อ



เฉินอี้หรู (คาลวิน เฉิน)
รับบท อวี้เสี่ยวกัง / ต้าซือ (ปรมาจารย์)
(นักแสดง / นักร้อง / นายแบบ / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)




ชิวซินจื้อ
รับบท หลานเต๋อ
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)




จางเหวิน
รับบท หลิ่วเอ้อร์หลง
(นักแสดง ชาวจีน)

อื่นๆ



จงเจิ้นเทา
รับบท ถังฮ่าว
(นักแสดง / นักร้อง / นักดนตรี ชาวฮ่องกง)




หวงซ่านซ่าน
รับบท หูเลี่ยน่า / เชียนเริ่นเสวี่ย
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)




จูจู
รับบท ปี๋ปี่ตง
(นักแสดง / นักร้อง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)




เปาเสี่ยวซง
รับบท เสวี่ยซิงชินหวัง (องค์ชายเสวี่ยชิง ตำแหน่งชินหวัง)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวไต้หวัน)




เสิ่นเสียวไห่
รับบท หนิงเฟิงจื้อ
(นักแสดง ชาวจีน)




เวินเซิงหาว
รับบท จวี๋โต้วหลัว
(นักแสดง / นายแบบ / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)




หลิวเจียวซิน
รับบท ตู๋กูป๋อ
(นักแสดง ชาวจีน)




โจวเสี่ยวชวน
รับบท เฉินซิน
(นักแสดง ชาวจีน)




กัวจื่ออวี๋
รับบท กุ่ยโต้วหลัว
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)




กัวเจียนั่ว
รับบท สือเหนียน
(นักแสดง ชาวจีน)




หวังอี้ฝาน
รับบท เย่จือชิว
(นักแสดง ชาวจีน)




เหรินชิงน่าหมู่
รับบท ตู๋กูเยี่ยน
(นักแสดง ชาวจีน)




อวี๋อัน
รับบท ไท่หลง
(นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)




จางเหิงรุ่ย
รับบท ไท่ถาน
(นักแสดง / นักกีฬา ชาวจีน)




ตู้จวิ้นเจ๋อ
รับบท ไต้เหวยซื่อ
(นักแสดง ชาวจีน)




หลี่จี้หยาง
รับบท เสียเยว่
(นักแสดง ชาวจีน)




หลี่เต๋อซิน
รับบท อวี้เทียนเหิง
(นักแสดง ชาวจีน)




ชุยเผิง
รับบท ซู่อวิ๋นเทา
(นักแสดง ชาวจีน)




หลี่หาว
รับบท หวังเซิ่ง
(นักแสดง ชาวจีน)





*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา