จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - 28 เมษายน 2557 - 17 มิถุนายน 2557 ทางเคบีเอส2
ไทย - ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 21.25-23.00 น. ทางพีพีทีวี ตั้งแต่ 5 มกราคม 2558 - 24 กุมภาพันธ์ 2558
เรื่องย่อ
ละคร "Big Man หัวใจและไฟแค้น" นำเสนอเรื่องราวของชายหนุ่มที่พยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อปกป้องผู้คนจากความอยุติธรรมและอำนาจเงินตราของบรรดาอภิสิทธิ์ชน เขาเป็นเพียงคนรากหญ้าธรรมดาๆ แต่โชคชะตากลับพลิกผันให้ต้องกลายเป็นฮีโร่และผู้นำการต่อสู้ (Big Man)
"คิม จีฮยอก" เป็นชายหนุ่มที่มีแต่ตัว ไร้การศึกษา และเติบโตมาเพียงลำพังเพราะถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่ยังเด็ก เขาดิ้นรนเอาตัวรอดและทำงานหามรุ่งหามค่ำโดยฝันว่าสักวันจะมีร้านอาหารเล็กๆ เป็นของตัวเอง แต่แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืน เมื่ออยู่ๆ เขาได้กลายเป็นบุตรชายที่พรัดพรากของประธาน "ฮยอนซอง กรุ๊ป" ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่และทรงอิทธิพลมากที่สุดในเกาหลีใต้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจีฮยอกโหยหาความรักความอบอุ่นจากครอบครัวมาโดยตลอด พอมีพ่อแม่และครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ เขาจึงตัดสินใจว่าจะอุทิศชีวิตเพื่อครอบครัวและทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อบริษัทโดยไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวง ความจริงแล้วสิ่งที่ครอบครัวจอมปลอมต้องการไม่ใช่ตัวจีฮยอก หากเป็น "หัวใจ" ของเขา เพื่อที่จะนำไปปลูกถ่ายให้กับลูกชายคนเดียวของครอบครัว "คัง ดงซอก" แม้แต่ผู้หญิงที่เขาหลงรักอย่าง "โซ มีรา" ก็เคยคิดที่จะฆ่าเขาเพื่อแย่งชิงหัวใจมาให้ดงซอกเช่นกัน
พอรู้ตัวว่าถูกครอบครัวจอมปลอมหักหลัง จีฮยอกก็ลุกขึ้นมาต่อกรเพื่อทวงความเป็นธรรมและชำระแค้นให้แก่ตนเองและผู้คนรอบตัว
เรื่องราวในละครเริ่มต้นขึ้นบนดาดฟ้าอาคารแห่งหนึ่ง "คิม จีฮยอก" ขนเสบียงมาปักหลักส่องดูความเคลื่อนไหวบริเวณโดยรอบและภายในร้านกาแฟฝั่งตรงกันข้าม ส่วน "คัง ดงซอก" หลังซื้อแหวนเพชรแล้วเขาโทรฯ เรียกมีราให้ออกมาพบ มีราปฏิเสธโดยอ้างว่าเธอกำลังงานยุ่ง แต่ดงซอกไม่สนใจและออกคำสั่งในฐานะเจ้านายให้เธอมาหาเขาทันที (ดงซอกตั้งใจว่าจะมอบแหวนให้มีรา)
หลังซุ่มดูอยู่นาน ในที่สุดจีฮยอกก็พบคนที่กำลังตามหา เขาจึงรีบลงไปที่ชั้นล่างทันที พอเห็นหน้าจีฮยอก "ปาร์ก ดงพัล" ก็รีบวิ่งหนี จีฮยอกวิ่งไล่ตามไปติดๆ ดงพัลวิ่งข้ามถนนฝ่าการจราจรไปยังฝั่งตรงข้ามแบบไม่คิดชีวิต จีฮยอกเลยต้องเสี่ยงชีวิตไล่ตามจนเกือบถูกรถชน (เขาวิ่งตัดหน้ารถดงซอก) หลังเหยียบเบรคจนหัวทิ่ม ดงซอกก็ได้แต่นั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างงงๆ หลังจากนั้นเขาก็ตรงไปหามีราที่ร้านอาหาร แต่โชคร้ายที่ไปไม่ถึงเพราะถูกรถบรรทุกพุ่งชนอย่างจัง (ดงซอกมัวแต่สนใจโทรศัพท์เลยไม่ทันมองรถบรรทุก)
ในที่สุดจีฮยอกก็ลากตัวดงพัลไปที่โรงพักได้สำเร็จ แถมยังทำการสอบสวนและบีบให้ดงพัลสารภาพความจริงราวกับตนเองเป็นตำรวจ ตำรวจตัวจริงเห็นดังนั้นจึงสั่งให้จีฮยอกหุบปาก จากนั้นก็ทำการสอบสวนดงพัลต่อโดยถามคำถามเดียวกับจีฮยอก ปรากฏว่าสาเหตุที่จีฮยอกต้องตามไล่ล่าดงพัลแบบเอาเป็นเอาตาย เป็นเพราะเขาถูกตำรวจหมายหัวว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม เขาจึงต้องจับตัวดงพัลซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุแทงคนตายมาส่งตำรวจเพื่อล้างมลทินให้ตัวเอง ถึงกระนั้นตำรวจก็ยังไม่เชื่อว่าจีฮยอกเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ซ้ำยังกล่าวกับจีฮยอกอย่างดูถูกว่า "พวกเศษสวะ ไม่ว่ายังไงก็ยังคงเป็นขยะของสังคมอยู่ดี"
"คัง ซองอุก" (พ่อดงซอก) ไม่พอใจที่ลูกชายขาดประชุม "ชเว ยูนจอง" (แม่ดงซอก) จึงช่วยแก้ตัวแทนลูก ทันใดนั้นก็มีคนโทรฯ มาแจ้งข่าวร้ายว่าดงซอกประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส ในตอนนั้นดงซอกซึ่งกำลังเข้าสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้นถูกนำตัวส่งไปยังแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลฮยอนซอง (หนึ่งในธุรกิจของฮยอนซอง กรุ๊ป) หมอที่นั่นรู้ดีว่าดงซอกเคยผ่านการปลูกถ่ายหัวใจมาก่อน และตอนนี้หัวใจของเขาก็กำลังจะหยุดเต้น เขาจึงจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจใหม่ (ปลูกถ่ายหัวใจ) อีกครั้งโดยเร็วที่สุด
หมอ "ลี ชุงวอน" แจ้งประธานคังว่า หัวใจของดงซอกกำลังจะหยุดทำงาน ในตอนนี้เขาอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยการทำงานของหัวใจ จึงจำเป็นต้องรีบผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจใหม่ พอรู้ว่าทางโรงพยาบาลจะติดต่อไปยังศูนย์บริจาคอวัยวะตามขั้นตอนซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลา ยูนจองก็รู้สึกไม่พอใจและย้ำกับหมอว่าลูกชายตนคือ "คัง ดงซอก แห่งฮยอนซอง กรุ๊ป" (ลูกเจ้าของโรงพยาบาล) หมอจึงแย้งว่านี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิตมนุษย์ ถึงแม้จะมีเงินและมีอำนาจล้นฟ้าก็ไม่อาจแทรกแซง (ลัดคิว) ได้ แต่ยูนจองไม่สนใจและสั่งให้หมอรีบผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ลูกชายตนโดยเร็วที่สุด
"ฮง ดัลซุก" (แม่บุญธรรมของจีฮยอก) ใช้ถาดอาหารไล่ตีจีฮยอกด้วยความโมโห หลังจีฮยอกหายหน้าหายตาไปนานนับเดือนโดยไม่ส่งข่าว แถมยังมีตำรวจมาถามหาเขาที่ร้านอาหารของเธออีก เธอจึงคิดว่าจีฮยอกกลับไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนักเลงอันธพาลและทำเรื่องผิดกฏหมายเหมือนเมื่อครั้งในอดีต จีฮยอกอธิบายว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนี้ตำรวจจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว ถึงกระนั้นดัลซุกก็ยังโกรธที่จีฮยอกหายหัวไปนานและไม่ยอมส่งข่าว จีฮยอกจึงบอกว่าตนไปตามจับคนร้าย เพราะหากตนไม่ทำแล้วใครจะทำ ใครจะช่วยปกป้องคนอย่างตนให้พ้นข้อกล่าวหา ดัลซุกได้ฟังดังนั้นก็พูดไม่ออก เมื่อดัลซุกนำอาหารมาให้ จีฮยอกก็รู้สึกปลาบปลื้มใจและกล่าวว่าเธอเป็นคนเดียวที่คอยดูแลและใส่ใจเขา (เขาเรียกเธอว่าแม่)
ประธานคังถามหมอลีว่านอกจากรอคิวรับบริจาคหัวใจแล้วยังพอมีทางอื่นอีกไหม หมอลีบอกว่ามีทางเดียวคือรับบริจาคจากคนในครอบครัว "ดู ซังโฮ" รายงานประธานคังว่าตอนนี้มีผู้ป่วยรอรับบริจาคหัวใจมากถึง 57 คน ประธานคังรู้สึกหนักใจที่ไม่อาจใช้เส้นสายลัดคิวได้ และคงไม่มีผู้ป่วยรายใดสละสิทธิ์เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย เขาจึงสั่งให้ซังโฮลองหาผู้บริจาคในหมู่ญาติพี่น้องของตนก่อน เพราะถ้าบริจาคโดยคนในครอบครัวก็สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ทันที แต่ถ้าหาในหมู่ญาติไม่ได้ตนก็พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อหาหัวใจดวงใหม่มาเปลี่ยนให้ดงซอก แม้กระทั่งการหาใครสักคนมาสวมรอยเป็นญาติ เขาเชื่อว่าจะต้องมีใครสักคนที่หัวใจเข้ากับดงซอกได้ จึงบอกซังโฮว่าหากพบคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมก็ให้ทำทุกวิถีทางเพื่อพาคนๆ นั้นมาหาตน (หากจำเป็นต้องฆ่า ก็ต้องทำ)
ซังโฮส่งเอกสารด้านเวชระเบียนของทุกโรงพยาบาลในเกาหลีใต้ไปให้โรงพยาบาลฮยอนซองตรวจสอบ เพื่อดูว่ามีใครสามารถบริจาคหัวใจให้ดงซอกได้ (หัวใจเข้ากันได้ โดยพิจารณาจาก เลือด เนื้อเยื่อ ฯลฯ) พร้อมทั้งบอกว่าจะส่งข้อมูลดีเอ็นเอทั้งหมดจากสำนักงานอัยการไปให้ในไม่ช้า จากนั้นก็ย้ำว่าต้องรีบหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมโดยเร็ว
หลังทราบข่าวจากแม่บุญธรรมว่าพ่อของ "ยาง แทซบ" เสียชีวิต จีฮยอกจึงไปหาแทซบซึ่งกำลังจัดงานศพพ่อที่โรงพยาบาล ทันทีที่ไปถึงเขาก็ตรงเข้าไปกอดแทซบเพื่อเป็นการปลอบใจ เมื่อเห็นว่าเป็นงานที่เงียบเหงาและไม่มีอาหารเลี้ยงแขก (เพราะไม่มีแขก) เขาก็โทรฯ สั่งบะหมี่มานั่งทานด้วยกัน จีฮยอกเห็นแทซบกินอะไรไม่ลงก็รู้สึกแปลกใจและไม่เข้าใจว่าทำไมแทซบต้องรู้สึกเศร้า ทั้งๆ ที่พ่อของเขาไม่ค่อยสนใจดูแลและไม่เคยทำหน้าที่พ่อเลย แทซบกล่าวว่าถึงจะเป็นพ่อที่แย่แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นพ่อและความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกนี้ก็เป็นอะไรที่จีฮยอกไม่มีวันเข้าใจ จีฮยอกแย้งว่า การมีลูกไม่ได้ทำให้คนเป็นพ่อแม่ แต่การเลี้ยงดูลูกๆ ต่างหากที่ทำให้พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่คน แทซบแย้งกลับว่าวันใดจีฮยอกได้เจอพ่อแม่แท้ๆ ความรู้สึกของเขาก็จะเปลี่ยนไป จีฮยอกยืนกรานว่าตนจะไม่เหลียวแลหากได้เจอพ่อแม่จริงๆ
จีฮยอกเห็นแทซบนั่งน้ำตาร่วงเพราะรู้สึกผิดที่ไม่มีปัญญาพาพ่อไปเที่ยวเมืองนอกก่อนตายเหมือนคนอื่นๆ เขาจึงนำลูกโป่งไปให้แทซบซึ่งกำลังกำลังโปรยเถ้ากระดูกพ่อลงไปในแม่น้ำ จากนั้นก็ผูกกล่องเถ้ากระดูกไว้กับลูกโป่งแล้วปล่อยให้ลอยขึ้นฟ้าเพื่อพาพ่อแทซบไปเที่ยว
มีราไม่รู้ว่าดงซอกประสบอุบัติเหตุ พอได้ยินข่าวว่าดงซอกไปอเมริกากระทันหันเธอก็รู้สึกสงสัยจึงถามซังโฮซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกเลขาว่า ทำไมอยู่ๆ ดงซอกถึงไปโดยไม่บอกกล่าว แต่ซังโฮไม่ให้ความกระจ่างใดๆ ซ้ำยังบอกว่าเธอมีหน้าที่ทำตามคำสั่งและไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผล หลังมีราออกจากห้องไปแล้ว ซังโฮก็นั่งดูผลการตรวจสอบที่ทางโรงพยาบาลเพิ่งส่งมา (เช็คจากประวัติคนไข้และข้อมูลดีเอ็นเอจากสำนักงานอัยการ) ปรากฏว่าคนส่วนใหญ่จะมีคะแนนหรืออัตราความสำเร็จ (หากนำหัวใจมาปลูกถ่ายให้ดงซอก) อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% คงมีเพียงจีฮยอกที่คะแนนสูงลิ่วถึง 95% ... ในที่สุด ซังโฮก็เจอคน (เหยื่อ) ที่เหมาะสม
แทซบขโมยเนื้อชั้นดีมาย่างทานแกล้มโซจูเพื่อเลี้ยงขอบคุณจีฮยอกที่ส่งพ่อของตนขึ้นลูกโป่งสวรรค์ไปเที่ยวเมืองนอก ไม่นานเจ้าของร้านเนื้อก็ตามมาเอาเรื่องจนทำให้วงแตก จีฮยอกจึงรับปากว่าจะชดใช้ค่าเนื้อให้ในภายหลัง ทันใดนั้น ก็มีคนโทรฯ มาตามให้เขาออกไปขับรถ (คนเกาหลีเมาไม่ขับ หลังดื่มเหล้าเลยต้องจ้างคนมาช่วยขับรถกลับบ้านแทน) แม้จะเพิ่งดื่มโซจูกับแทซบมาหมาดๆ แต่จีฮยอกไม่อยากเสียโอกาสจึงตัดสินใจออกไปทำงาน
ระหว่างทางเขาเจอคู่อริเก่าที่เพิ่งออกจากคุกและเคยอยู่ร่วมแกงค์เดียวกันเมื่อหลายปีก่อน (จีฮยอกเคยเป็นลูกพี่ของเขา) ชายคนดังกล่าวไม่ชอบหน้าจีฮยอกเป็นทุนเดิม หลังจีฮยอกจับดงพัลซึ่งเป็นลูกน้องของเขาไปส่งตำรวจก็ยิ่งทำให้เขาแค้นใจมากยิ่งขึ้นจึงคิดที่จะเอาเรื่อง แต่จีฮยอกต้องรีบไปทำงานเลยไม่มีเวลาใส่ใจมากนัก ถึงกระนั้นเขาก็สั่งสอนชายคนดังกล่าวในฐานะอดีตลูกพี่ว่า ถ้าอยากเป็นพี่เบิ้มที่มีสมุนล้อมหน้าล้อมหลัง ก็หัดให้เกียรติอดีตลูกพี่อย่างตนบ้าง เผื่อว่าลูกน้องจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จีฮยอกยังย้ำด้วยว่าต่อไปนี้ถ้าเจอกันที่ไหนให้แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก เพราะตนหันหลังให้วงการนักเลงมานานและไม่ต้องการข้องแวะด้วยอีก พูดจบจีฮยอกก็เดินหนีไป
พอรู้ว่าจีฮยอกวางมือจากวงการนักเลง ชายคนดังกล่าวก็อดเสียดายไม่ได้เพราะจีฮยอกเป็นนักเลงระดับแถวหน้า ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็เขาก็ดังขึ้น หลังรับสายเขาก็หันไปมองจีฮยอกซึ่งกำลังขึ้นรถแท็กซี่ พลางกล่าวว่า "คิม จีฮยอก เหรอครับ ผมรู้จักมันดีเลยล่ะ"
พอไปถึงหน้าสถานบันเทิง จีฮยอกก็รีบบ้วนปากเพื่อกลบกลิ่นโซจู ปรากฏว่าคนที่เรียกเขามาขับรถให้ คือ "คัง จินอา" (น้องสาวดงซอก) ระหว่างทางจีฮยอกถามจินอาว่าแถวบ้านเธอมีรถเมล์วิ่งผ่านหรือเปล่า (เพราะเป็นย่านคนรวยและค่อนข้างไกล เขาจึงกังวลว่าจะไม่มีรถกลับบ้าน) จินอาตอบว่าแถวบ้านเธอไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน และไม่รู้ด้วยว่าป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหนเพราะเธอไม่เคยขึ้นรถเมล์ จึฮยอกเลยเปลี่ยนมาถามเรื่องรถแท็กซี่แทน พอถูกซักไซ้มากๆ เข้าจินอาก็เริ่มรู้สึกรำคาญ และบอกว่าหากจินฮยอกห่วงตอนขากลับมากนัก เธอจะโทรฯ เรียกคนอื่นมาขับรถให้แทน
จีฮยอกแอบบ่นจินอาว่า "นิสัยเสียชะมัด" พอรู้ว่าจินอาได้ยินเขาก็โกหกว่าตนหมายถึงน้องสาวที่หนีออกจากบ้าน ซึ่งแลดูคล้ายจินอามากและปากเสียเหมือนกัน จินอารู้ทันจึงสวนกลับว่าเขาเองก็ทำให้เธอนึกถึงพี่ชายที่หนีออกจากบ้านไปเช่นกัน พี่ชายของเธอหน้าเหมือนเขามาก แถมยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงและชอบพูดเหน็บแนมคนอื่นเหมือนกันเลย ไม่แน่ว่าตอนนี้พี่ชายเธออาจจะรับจ้างขับรถแทนอยู่ก็ได้
จีฮยอกรู้สึกตกใจเมื่อเห็นตำรวจตั้งด่านอยู่ตรงหน้า เขาไม่อยากโดนจับเลยกลับรถหน้าด่านแล้วซิ่งหนี ตำรวจเห็นดังนั้นจึงออกติดตาม จินอาตกใจมาก เธอพยายามร้องบอกให้จีฮยอกหยุดรถ แต่จีฮยอกไม่ยอมหยุดเพราะมีรถตำรวจสองคันไล่ตามมาติดๆ เขาคอยเช็คลมหายใจตนเองและดื่มน้ำเพื่อกลบกลิ่นโซจู จากนั้นก็ขับรถเข้าไปในตรอกเล็กๆ เพื่อจอดหลบ หลังหนีตำรวจพ้นแล้วจินอาก็ถามจีฮยอกด้วยความโมโหว่าเขาดื่มเหล้ามาใช่ไหม จีฮยอกพยายามอธิบายแต่จินอาไม่ยอมฟัง เธอโกรธมากจึงไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง แถมยังบอกว่าจะไปแจ้งความเขาข้อหาพยายามฆ่าอีกด้วย พูดจบจินอาก็เดินหนีไป จีฮยอกเห็นว่าจินอากำลังจะถูกรถมอเตอร์ไซค์ชนจึงรีบวิ่งไปคว้าตัวเธอและเอาตัวเองบังไว้ ทำให้โดนมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวจนลมลง แม้จะได้รับบาดเจ็บบริเวณท้องแต่เขาเห็นว่าคู่กรณีเป็นพนักงานส่งอาหารที่หาเช้ากินค่ำจึงไม่เอาเรื่อง
จินอาเห็นรถตำรวจวิ่งผ่านมาจึงชี้บอกจีฮยอก จีฮยอกซึ่งยืนหันหลังให้รถตำรวจรีบโผเข้ากอดจินอาและจูบเธอทันที พอตำรวจไปแล้วจินอาก็ผลักจีฮยอกออกพลางเรียกเขาว่า 'ขยะ' จากนั้นก็ตบหน้าจีฮยอกเต็มแรง เธอจะตบซ้ำอีกทีแต่จีฮยอกจับข้อมือเธอไว้แล้วบอกให้คิดดีๆ ก่อนที่จะทำอะไร เพราะตอนนี้เธอกับ 'ขยะ' อยู่ด้วยกันสองต่อสองในมุมมืด จีฮยอกมอบน้ำยาบ้วนปากให้จินอาแล้วบอกให้เธอบ้วนปากเสียเพื่อจะได้ไม่มีกลิ่นขยะ จากนั้นก็เดินโซเซพลางเอามือกุมท้องแล้วมองหารถกลับบ้าน
เนื่องจากจีฮยอกไม่ได้รับค่าจ้างและรถเมล์หยุดให้บริการแล้ว เขาจึงต้องเดินกลับบ้านอย่างอ่อนแรงเพราะได้รับบาดเจ็บ แต่โชคร้ายยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น ระหว่างที่จีฮยอกเดินผ่านซอยเปลี่ยว อยู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของเขาเต็มแรง และคนที่ทำให้จีฮยอกนอนหมดสติแน่นิ่งก็คือคู่อริที่เพิ่งเจอกันก่อนหน้านี้นี่เอง หลังทำร้ายจีฮยอกแล้วเขาก็บอกให้ลูกน้องโทรแจ้งโรงพยาบาล
จีฮยอกถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลฮยอนซองในสภาพมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ หลังดูผลการตรวจเลือดของจีฮยอกแล้วหมอลีก็ยืนยันกับซังโฮว่าสามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ดงซอกได้ ซังโฮจึงสั่งให้คู่อริของจีฮยอกตามมาเก็บจีฮยอกที่โรงพยาบาล (ด้วยการฉีดยาบางอย่าง) ไม่นานอาการของจีฮยอกก็ทรุดหนักลง แพทย์คนหนึ่งรายงานต่อที่ประชุมว่า จีฮยอกได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ขณะนี้มีอาการสมองอักเสบ ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง และมีโอกาสที่สมองจะตาย (หากแพทย์วินิจฉัยว่าคนไข้สมองตาย ถือว่าบุคคลนั้นถึงแก่ความตายแล้ว ถึงแม้ว่าเซลล์เนื้อเยื่อและอวัยวะบางส่วน เช่น หัวใจ จะยังคงทำงานได้อีกระยะหนึ่งก็ตาม (ด้วยการให้สารน้ำ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ) การนำเนื้อเยื่อและอวัยวะของคนไข้สมองตายไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ จึงมักประสบความสำเร็จมากกว่าการปลูกถ่ายด้วยอวัยวะของผู้เสียชีวิตจากสาเหตุอื่น เพราะอวัยวะยังสดมากเนื่องจากมีเลือดไปเลี้ยงตลอดเวลา ส่วนอวัยวะที่มาจากคนหัวใจหยุดเต้นจะไม่มีเลือดไปเลี้ยง)
ขณะเดียวกันซังโฮก็จัดการเรื่องเอกสาร โดยนำชื่อของจีฮยอกมาใส่ไว้ในทะเบียนครอบครัวของตระกูลคัง (แอบอ้างว่าเป็นญาติ เพื่อจะได้นำหัวใจของจีฮยอกมาปลูกถ่ายให้ดงซอกได้ทันที - ทะเบียนครอบครัวของเกาหลีไม่เหมือนทะเบียนบ้าน เพราะคนที่อยู่ในทะเบียนต้องมีความเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือดหรือเป็นญาติที่กฏหมายรับรอง เช่น ภรรยา ลูกสะใภ้ ลูกบุญธรรม) เมื่อประธานคังได้รับรายงานว่าทุกอย่างราบรื่น เขาก็รู้สึกโล่งใจ ในตอนนั้นเขามาร่วมงานเลี้ยงกับภรรยา และจินอา โดยนั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของว่าที่ลูกเขย แต่จินอาขอตัวกลับก่อนโดยบอกว่าตนมีธุระ พ่อของ "มูน มยองโฮ" (คู่หมั้นของจินอา) จึงบอกให้มยองโฮขับรถไปส่งจินอาที่บ้าน
สองครอบครัวซึ่งกำลังจะเกี่ยวดองพูดคุยกันอย่างชื่นมื่น แต่แล้วบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเมื่ออัยการ "จาง วอนแท" เข้ามาทักทายประธานคัง ที่ผ่านมาเขาถูกประธานคังใช้อิทธิพลกลั่นแกล้งจนต้องระเห็จไปทำงานที่ต่างจังหวัด แต่ตอนนี้เขากลับมาทำงานที่โซลแล้ว บังเอิญเขาได้รับเชิญมาร่วมงานในวันนี้ เขาจึงมาบอกประธานคังว่า "ผมว่าจะไปหาคุณเร็วๆ นี้ เวลามีใครทำเรื่องดีๆ ไว้กับผม ผมจะจำใส่กระโหลกและไม่มีวันลืม" พูดจบอัยการจางก็เดินจากไป ขณะที่ประธานคังถึงกับหน้าถอดสี
มีราเดินหน้าเศร้าเข้าไปในห้องทำงานที่ว่างเปล่าของดงซอก จากนั้นก็นึกถึงช่วงเวลาอันแสนหวานที่เธอและดงซอกอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องทำงาน... ในตอนนั้นดงซอกนัดเจอเธอข้างนอกอีกตามเคย มีราถามว่าทำไมถึงไม่ออกไปพร้อมกัน ดงซอกตอบว่ายังไม่ถึงเวลา เขายังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวเธอในฐานะแฟนเพราะกลัวว่าแม่จะถอดออกจากตำแหน่งและตัดแม่ตัดลูก เขาแหย่มีราว่าหากเป็นเช่นนั้นเธอจะอดเป็นภรรยาประธานบริษัททั้งๆ ที่ใฝ่ฝันมานาน มีรายืนกรานว่าเธอไม่เคยคิดเช่นนั้น ดงซอกจึงถามย้ำก่อนพูดว่าหากเธอไม่ต้องการเป็นภรรยาประธานบริษัทจริงๆ ตนก็จะไปให้พ้นหน้า... หลังนึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้วมีราก็ลูบป้ายชื่อดงซกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน (ระบุตำแหน่ง "ประธาน" - บ. ฮยอนซอง ดิสทริบิวชั่น) ก่อนออกจากห้องเธอหันกลับไปมองโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่า พลางกล่าวว่า "คุณหมายความตามที่พูดจริงๆ หรือคะ"
จินอาบุกไปตามหาจีฮยอกที่บริษัทรับจัดหาคนขับรถแทน เมื่อผู้จัดการบริษัทกล่าวว่าทางบริษัทฯ ติดต่อจีฮยอกไม่ได้เธอก็โวยวายลั่นด้วยความไม่พอใจและยืนกรานว่าจะนั่งรอจนกว่าจีฮยอกจะมา สร้างความเอือมระอาให้กับเหล่าพนักงานคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างมาก เธออ้างว่ามีหลายอย่างที่จีฮยอกต้องรับชอบ หากจีฮยอกไม่มาผู้จัดการจะต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด เธอตำหนิผู้จัดการที่ส่งคนเมามาขับรถให้เธอ แถมเขายังซิ่งหนีตำรวจจนเธอเกือบตายเพราะอุบัติเหตุหรือไม่ก็หัวใจวาย
มีราได้รับมอบหมายให้ไปรับจินอาเลยได้เห็นเหตุการณ์ขณะจินอากำลังอาละวาด ขณะนั่งรถกลับบ้านจินอายังไม่วายบ่นว่าจีฮยอกหลบหน้าเธอ แต่ถึงยังไงเธอจะตามหาเขาจนกว่าเจอ มีราได้ยินดังนั้นจึงถามจินอาว่า เธออยากพบคนขับรถแทน (จีฮยอก) ด้วยเหตุผลใดกันแน่ จินอาแกล้งทำเป็นเฉไฉโดยอ้างว่าเธอโวยวายจนเหนื่อยเลยอยากนอนพักเอาแรงสักงีบ พอกลับถึงบ้าน จินอาถามมีราว่าพี่ชายตนหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวมีราเหมือนกันใช่ไหม เธอรู้ว่ามีราผิดหวังที่อยู่ๆ พี่ชายเธอหายตัวไป แต่มีราปฏิเสธโดยบอกว่าตนก็แค่เหนื่อยเพราะมีงานที่ต้องสะสางมากมาย จินอาจึงกล่าวทิ้งท้ายว่า "ชั้นหวังว่าเธอคงเข้าใจ ก็อย่างที่เธอรู้ พี่ชายชั้นน่ะเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้"
ก่อนกลับบ้าน มีราหันกลับไปมองบ้านของดงซอกจากนั้นก็หวนนึกถึงเรื่องราวสมัยที่ยังเป็นเด็ก ในตอนนั้นดงซอกปาเครื่องบินร่อนที่ทำจากไม้และกระดาษลงมาจากชั้นสอง และเครื่องบินก็ร่อนลงตรงหน้ามีราพอดี มีราจึงปาเครื่องบินกลับไปให้แต่เครื่องบินร่วงลงมาก่อนที่จะถึงชั้นสอง พอรู้ว่าส่วนหัวของเครื่องบินปักลงบนพื้นจนพัง ดงซอกก็บอกให้มีราโยนทิ้งไป มีรารู้สึกผิดจึงแย้งว่าถ้านำไปซ่อมก็อาจบินได้อีก ดงซอกกล่าวว่าไม่ใช่ความผิดของมีราเพราะตนเป็นคนบอกให้มีราปาเครื่องบินขึ้นมาเอง แต่ถ้ามีราซ่อมได้จริงๆ ให้ลองปาขึ้นมาที่ชั้นสองอีกครั้ง... หลังจากนั้น ภาพก็ตัดกลับมาในช่วงเวลาปัจจุบัน มีรานั่งน้ำตาซึมอยู่ในห้องนอน โดยถือเครื่องบินร่อนของดงซอกเอาไว้ในมือ (เธอยังคงเก็บเครื่องบินลำนั้นเอาไว้ และเครื่องบินลำดังกล่าวก็ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว)
ประธานคังและยูนจองเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อลุ้นเรื่องการเปลี่ยนถ่ายหัวใจดงซอก ขณะที่หมอลีบอกทีมแพทย์ว่าอีกไม่นานจะมีการประกาศว่าจีฮยอกสมองตาย หลังผ่าหัวใจออกจากอกจีฮยอกแล้วจะนำมาปลูกถ่ายให้ดงซอกทันที เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมเพราะถ้าหากมีอะไรผิดพลาดทุกคนจะโดนไล่ออก
ยูนจองขอบคุณประธานคังที่หาหัวใจมาเปลี่ยนให้ดงซอกได้สำเร็จ เธอดีใจที่อีกไม่นานดงซอกจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติเสียที ประธานคังได้ยินดังนั้นจึงเตือนว่า อย่าดีใจจนออกนอกหน้า เพราะคนไข้ที่กำลังจะถูกแพทย์วินิจฉัยว่าสมองตายได้ชื่อว่าเป็น 'ลูกชาย' อีกคนของเธอ (ตอนนี้ชื่อของจีฮยอกคือ "คัง จีฮยอก" ไม่ใช่ "คิม จีฮยอก" อีกต่อไป) ยูนจองได้ยินดังนั้นจึงนึกถึงเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เมื่อ 6 ปีก่อน
ทีมแพทย์ตรวจสอบอาการจีฮยอกและพบว่าม่านตาของเขาไม่ตอบสนองต่อแสง คลื่นไฟฟ้าสมองเป็นเส้นตรง ไม่สามารถหายใจได้เอง ฯลฯ จึงรายงานประธานคังและยูนจองว่าจีฮยอกสมองตาย หมอคนดังกล่าวยังบอกด้วยว่าหากญาติไม่ยอมรับการวินิจฉัยนี้ สามารถขอให้ตรวจสอบใหม่ได้ ยูนจองหันไปมองประธานคัง (ซึ่งแอบส่ายหน้าเล็กน้อย) แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นก็แกล้งทำเป็นร้องไห้ฟูมฟาย บาทหลวงจึงเริ่มประกอบพิธีสวดวิญญาณ
ทั้งจีฮยอกและดงซอกถูกส่งตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดเพื่อทำการปลูกถ่ายถ่ายหัวใจ แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ขณะที่หมอลีเริ่มกรีดมีดลงบนหน้าอกของจีฮยอก (เพื่อนำหัวใจออกมาปลูกถ่ายให้ดงซอก) หมอคนหนึ่งสังเหตเห็นดวงตาของจีฮยอกมีการเคลื่อนไหวจึงขอให้หมอลีหยุดการผ่าตัด จากนั้นก็นำไฟฉายไปส่องที่ดวงตาของจีฮยอกแต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง หมอลีไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่แล้วเขาก็เห็นกับตาตนเองว่าจีฮยอกกระพริบตา พอหันไปมองจอแสดงผลคลื่นไฟฟ้าสมองก็เห็นว่ายังคงราบเรียบเป็นเส้นตรง หมอลีจึงกดมีดผ่าตัดลงบนหน้าอกของจีฮยอกอีกครั้ง ปรากฏว่ามีเลือดพุ่งกระเด็นเต็มหน้าหมอลี ทันใดนั้น คลื่นไฟฟ้าสมองของจีฮยอกก็ปรากฏเป็นเส้นกราฟอีกครั้ง หมอลีรู้ทั้งรู้ว่าจีฮยอกยังไม่ตายแต่ยังคงอ้างว่านี่เป็นสัญญาณของคนที่กำลังจะตาย เขาเตรียมเดินหน้าผ่าตัดต่อ (ด้วยมืออันสั่นเทา) แต่หมออีกคนไม่เห็นด้วยและห้ามเอาไว้โดยบอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หมอลีหันไปมองแพทย์และพยาบาลที่อยู่ในห้อง และพบว่าทุกคนกำลังจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยเช่นกัน
ประธานคังและยูนจองรู้สึกแปลกใจที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อหมอลีรายงานว่าจีฮยอกฟื้นจากความตาย ทั้งคู่ต่างรู้สึกช็อคและผิดหวัง ยูนจองระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่จึงโวยวายใส่หมอลีเสียงดังลั่น จากนั้นก็ขอให้หมอลีกลับเข้าไปผ่าตัดใหม่อีกครั้ง หมอลีจึงบอกว่าสถานการณ์อย่างนี้หากตนกรีดมีดผ่าตัดลงบนหน้าอกของจีฮยอก ตนจะกลายเป็นฆาตกรทันที ยูนจองได้ยินแล้วถึงกับล้มทั้งยืน
ดงซอกถูกส่งตัวกลับเข้าห้องไอซียู ส่วนจีฮยอกถูกนำตัวไปรักษาที่ห้องพักฟื้น ประธานคังผิดหวังมากที่ไม่สามารถเปลี่ยนหัวใจให้ดงซอกได้ พอซังโฮบอกว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นแค่ 1 ใน 10,000 ซึ่งถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ ประธานคังก็รู้สึกไม่พอใจ เขาถามซังโฮว่ามีโอกาสที่จีฮยอกจะสมองตายอีกครั้งไหม เมื่อซังโฮตอบว่าตนเองก็ไม่แน่ใจ ประธานคังจึงสั่งให้ตรวจสอบรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในต่างประเทศเพิ่มเติม แต่ยังคงเก็บจีฮยอกไว้เป็นตัวเลือก จากนั้นก็ย้ำว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้และให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แทซบเห็นจีฮยอกหายเงียบไปนานจึงมาถามข่าวคราวที่ร้านอาหารของดัลซุก เขารู้สึกสังหรณ์ใจและเป็นห่วงจีฮยอกเพราะที่ผ่านมาจีฮยอกไม่เคยปิดมือถือ ดัลซุกแกล้งทำเป็นไม่สนใจพลางบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนี้ตนตัดความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกกับจีฮยอกแล้ว หากจีฮยอกโทรฯ มาให้บอกด้วยว่าอย่ามาเหยียบที่ร้านอาหารของตนอีก แทซบได้ยินดังนั้นจึงถามดัลซุกอย่างอ่อนใจว่า เธอไม่เป็นห่วงจีฮยอกจริงๆ หรือ ดัลซุกกล่าวด้วยความโมโหว่าจะห่วงไปทำไมในเมื่อจีฮยอกไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตน แต่พอแทซบไปแล้ว ดัลซุกกลับออกมารอจีฮยอกที่หน้าร้านด้วยความเป็นห่วง
ระหว่างการประชุมเพื่อเตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ให้กับครอบครัวประธานคัง มีราสั่งให้ทีมงานจัดหาอาหารและไวน์คุณภาพเยี่ยมที่สุดไว้สำหรับเสิร์ฟให้คนในครอบครัวประธานคังเท่านั้น ส่วนแขกคนอื่นๆ ให้เสิร์ฟอาหารและไวน์ที่ถูกกว่าและมีคุณภาพตามมาตรฐานทั่วไป ทันใดนั้น ก็มีแขกมาถามหาคนที่สนใจ 'เครื่องจักร' จากประเทศจีนถึงหน้าห้องประชุม ซังโฮจึงขอตัวออกไปคุยข้างนอก มีราเห็นดังนั้นก็รู้สึกสงสัยและรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล หลังหลบมาคุยกันตามลำพัง ซังโฮก็ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับดีเอ็นเอของดงซอกให้แขกคนดังกล่าว แล้วสั่งให้หาคนที่ 'เข้ากันได้' (เขาชี้ไปที่หัวใจตนเอง)
หลังจบการประชุม มีราได้ยินพนักงานคนหนึ่งหารือกับเพื่อนร่วมงานว่าจะจัดการรถของดงซอกที่อยู่ในสภาพพังยับเยินอย่างไรดี เธอจึงรีบอาสาทำงานนี้ พอเห็นสภาพรถของดงซอกมีราก็ถึงกับอึ้ง พอเข้าไปดูในรถเธอก็พบโทรศัพท์มือถือและถุงของร้านเพชร เมื่อถูกช่างถามว่าจะให้ซ่อมหรือทำลายทิ้ง มีราก็ถามกลับว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อไหร่และเขา (ช่างซ่อมรถ) อยู่ที่นั่นในวันเกิดเหตุด้วยหรือเปล่า ชายคนดังกล่าวตอบว่าตนเป็นคนไปรับรถที่นั่นด้วยตนเอง มีราจึงถามต่อว่าคนขับเป็นยังไงบ้าง พอถูกถามมากๆ เข้าชายคนดังกล่าวก็ตอบว่า ตนถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดอะไร มีราจึงขอร้องให้ตอบเพียงว่าคนขับรถคันนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พอรู้ว่าดงซอกยังมีชีวิตอยู่ มีราก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากนั้น มีราก็ตรงไปที่โรงพยาบาลฮยอนซอง พอไปถึงได้ไม่นานซังโฮก็โทรฯ มาหา เขารู้เพียงว่าเธอออกมาทำธุระข้างนอกจึงสั่งให้เธอไปโรงพยาบาลฮยอนซองเพื่อสืบดูอาการของคนไข้ชื่อ "คัง จีฮยอก" ที่นอนสลบไสลอยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพี แล้วรายงานทุกอย่างให้ตนทราบโดยละเอียด มีราสงสัยว่าจีฮยอกคือใคร ซังโอจึงเตือนว่าอย่าสงสัยในงานที่ได้รับมอบหมาย ก่อนวางสายมีราถามซังโฮว่าดงซอกไปอเมริกาจริงๆ หรือ ซังโฮตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายว่าดงซอกขึ้นเครื่องบินไปแล้ว ที่ตนรู้มีเพียงเท่านี้ เขายังบอกเธอด้วยว่าอย่ามัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระ และให้ทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว
มีราเข้าไปในห้องของจีฮยอกได้ไม่นาน พยาบาลก็เข้ามาตรวจดูอาการของจีฮยอกและบอกเธอด้วยความรู้สึกทึ่งว่า หลังจีฮยอกถูกแพทย์วินิจฉัยว่าสมองตายได้ไม่นาน เขาก็ฟื้นจากความตายได้ราวปาฏิหาริย์ แถมยังฟื้นตัวเร็วมากอีกด้วย หลังออกจากห้องจีฮยอกแล้ว มีราก็ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถามว่าดงซอกอยู่ห้องไหน เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวบอกว่าตนถูกสั่งห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีราบอกว่าเธอมาจากสำนักงานใหญ่ (ฮยอนซองกรุ๊ป) และถามใหม่ว่าดงซอกถูกส่งมารักษาตัวที่นี่ใช่หรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
มีราเห็นเพื่อนร่วมงานขนของมาที่โรงพยาบาลจึงเข้าไปถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งตอบว่าคุณนายชเว (ยูนจอง) สั่งให้ย้ายของมาไว้ที่นี่ (มีราจำได้ว่าของดังกล่าวเป็นชุดเครื่องเสียงที่อยู่ในห้องทำงานดงซอก) อยู่ๆ ก็มีพนักงานของโรงพยาบาล มาขอรับของที่เพื่อนร่วมงานของเธอขนมา โดยบอกว่าของดังกล่าวจะถูกนำไปไว้ในเขตหวงห้าม บุคคลภายนอกจึงไม่อาจเข้าไปได้
ตัดไปที่ฝ่ายข่าวของสำนักข่าว WBS... หลังได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนนักข่าว "แบ ยองโฮ" รีบเข้าไปรายงานหัวหน้าบก. ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่ามีข่าวเด็ดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากนั้นก็เล่าว่าสำนักงานกำกับดูแลด้านการเงิน* (และอัยการจาง) กำลังเพ่งเล็งฮยอนซองกรุ๊ป หลังทำการตรวจสอบภาษีมรดกพวกเขาพบว่าประธานคังแห่งฮยอนซองกรุ๊ปยังมีลูกชายอีกคนหนึ่งซึ่งเพิ่งถูกนำชื่อมาใส่ในทะเบียนครอบครัวเมื่อไม่นานมานี้ หัวหน้าบก. ได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งจึงสั่งให้รีบสืบหาข้อมูลลูกชายคนดังกล่าวของประธานคัง เพื่อจะได้นำเสนอข่าวเป็นเจ้าแรก
* สำนักงานกำกับดูแลด้านการเงิน เป็นหนึ่งในหน่วยงานภาครัฐของเกาหลีใต้ที่คอยส่งเสริม/กำกับดูแลธุรกิจหรือกิจการด้านการเงินการลงทุน ทั้งที่เป็นแบงค์และนอนแบงค์แบบบูรณาการ รวมทั้งการตรวจสอบสถานะทางการเงิน บัญชี และการทำธุรกรรมทางการเงินของธุรกิจต่างๆ ตลอดจนปกป้องดูแลผู้ใช้บริการด้านการเงินด้วยการให้คำปรึกษา ให้ความรู้ รับเรื่องร้องเรียน และคุ้มครองสิทธิผู้ใช้บริการผ่านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เป็นต้น
ซังโฮรายงานประธานคังว่าจีฮยอกฟื้นตัวเร็วมาก (โอกาสที่สมองจะตายอีกครั้งมีน้อยมาก) ตนจึงต้องมองหาเป้าหมายใหม่ที่ประเทศจีนแทน หากจีฮยอกรู้สึกตัวตนจะส่งเขาไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลอื่น ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปจะรักษาความลับและควบคุมสถานการณ์ลำบากเนื่องจากเป็นโรงพยาบาลใหญ่ ประธานคังได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่าถ้าหมดหนทางจริงๆ ก็ให้กำจัดจีฮยอกโดยไม่ให้เหลือร่องรอยใดๆ
ยูนจองไปเยี่ยมดงซอกพร้อมทั้งเปิดเพลงคลาสสิกให้ลูกชายฟัง หลังยูนจองออกไปแล้ว มีราก็แอบเข้าไปหาดงซอกในห้อง พอเห็นสภาพชายที่ตนรักมีราก็น้ำตาคลอด้วยความสงสารและเป็นห่วง ทันใดนั้นก็มีเสียงคนเปิดประตู มีราจึงรีบเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้า ปรากฏว่าประธานคังและหมอลีเดินเข้ามาในห้อง หมอลีบอกประธานคังว่าตอนนี้ระบบไหลเวียนเลือดของดงซอกยังคงทำงาน (โดยใช้เครื่องช่วย) คาดว่าร่างกายเขาจะอยู่ในสภาพนี้ได้นานถึง 1 เดือน แต่ถ้าปล่อยไว้นานกว่านั้นก็ยากที่ดงซอกจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ยูนจองกลับเข้ามาในห้องและถามหมอลีว่าพวกตนต้องรออีกนานเท่าไหร่ เธอสั่งให้หมอลีรีบทำอะไรสักอย่างเดี๋ยวนี้ จะควักหัวใจออกจากอก 'หมอนั่น' หรือจะทำยังไงก็ได้ ประธานคังเห็นยูนจองเริ่มสติแตกจึงรีบนำตัวออกจากห้อง มีราได้ยินแล้วถึงกับช็อค เธอรู้แล้วว่าทำไมซังโฮถึงสั่งให้เธอไปดูอาการของจีฮยอก ขณะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำมีรานึกถึงตอนที่ดงซอกหมดสติที่ภัตตาคาร หลังรู้สึกตัวดงซอกบอกเธอว่าตนอาจมีอาการแบบนี้บ่อยครั้ง เพราะสิ่งที่อยู่ในนี้ (เขาเคาะบริเวณหน้าอกตนเอง) ไม่ใช่ของตน
หลังพายูนจองไปส่งที่บ้านแล้ว ซังโฮก็ได้รับรายงานว่ามีกองทัพนักข่าวบุกมาที่โรงพยาบาลเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับลูกชายอีกคนของประธานคัง (จีฮยอก) ซังโฮจึงสั่งให้ย้ายจีฮยอกออกจากห้องวีไอพีทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นมีราก็เดินกลับไปที่ห้องของจีฮยอกดุจคนไร้วิญญาณ เธอหยุดยืนที่ข้างเตียงพลางเหลือบมองเครื่องมือทางการแพทย์ที่รายล้อมรอบตัวเขา หลังจากนั้นก็รวบรวมความกล้าแล้วค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปที่หน้ากากเครื่องช่วยหายใจ แต่แล้วเธอก็ชักมือกลับด้วยน้ำตาที่ไหลพราก มีรารวบรวมความกล้าแล้วตั้งสติอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปที่หน้ากากเครื่องช่วยหายใจแบบกล้าๆ กลัวๆ
ทันใดนั้น นิ้วของจีฮยอกก็เริ่มกระดิก มีราจะดึงหน้ากากเครื่องช่วยหายใจออก แต่แล้วอยู่ๆ จีฮยอกก็สะดุ้งฟื้นด้วยอาการเหนื่อยหอบ เขายังไม่อยากไปจากโลกนี้จึงคว้ามือมีราเอาไว้แน่นและจ้องหน้าเธอเขม็ง ส่วนมีราได้แต่ยืนช็อคและน้ำตาไหลพราก
บทสรุปของละครเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ทางพีพีทีวี
* เนื้อหาโดย luvasianseries
"คัง ซองอุก" (พ่อดงซอก) ไม่พอใจที่ลูกชายขาดประชุม "ชเว ยูนจอง" (แม่ดงซอก) จึงช่วยแก้ตัวแทนลูก ทันใดนั้นก็มีคนโทรฯ มาแจ้งข่าวร้ายว่าดงซอกประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส ในตอนนั้นดงซอกซึ่งกำลังเข้าสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้นถูกนำตัวส่งไปยังแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลฮยอนซอง (หนึ่งในธุรกิจของฮยอนซอง กรุ๊ป) หมอที่นั่นรู้ดีว่าดงซอกเคยผ่านการปลูกถ่ายหัวใจมาก่อน และตอนนี้หัวใจของเขาก็กำลังจะหยุดเต้น เขาจึงจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจใหม่ (ปลูกถ่ายหัวใจ) อีกครั้งโดยเร็วที่สุด
หมอ "ลี ชุงวอน" แจ้งประธานคังว่า หัวใจของดงซอกกำลังจะหยุดทำงาน ในตอนนี้เขาอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยการทำงานของหัวใจ จึงจำเป็นต้องรีบผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจใหม่ พอรู้ว่าทางโรงพยาบาลจะติดต่อไปยังศูนย์บริจาคอวัยวะตามขั้นตอนซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลา ยูนจองก็รู้สึกไม่พอใจและย้ำกับหมอว่าลูกชายตนคือ "คัง ดงซอก แห่งฮยอนซอง กรุ๊ป" (ลูกเจ้าของโรงพยาบาล) หมอจึงแย้งว่านี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิตมนุษย์ ถึงแม้จะมีเงินและมีอำนาจล้นฟ้าก็ไม่อาจแทรกแซง (ลัดคิว) ได้ แต่ยูนจองไม่สนใจและสั่งให้หมอรีบผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ลูกชายตนโดยเร็วที่สุด
"ฮง ดัลซุก" (แม่บุญธรรมของจีฮยอก) ใช้ถาดอาหารไล่ตีจีฮยอกด้วยความโมโห หลังจีฮยอกหายหน้าหายตาไปนานนับเดือนโดยไม่ส่งข่าว แถมยังมีตำรวจมาถามหาเขาที่ร้านอาหารของเธออีก เธอจึงคิดว่าจีฮยอกกลับไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนักเลงอันธพาลและทำเรื่องผิดกฏหมายเหมือนเมื่อครั้งในอดีต จีฮยอกอธิบายว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนี้ตำรวจจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว ถึงกระนั้นดัลซุกก็ยังโกรธที่จีฮยอกหายหัวไปนานและไม่ยอมส่งข่าว จีฮยอกจึงบอกว่าตนไปตามจับคนร้าย เพราะหากตนไม่ทำแล้วใครจะทำ ใครจะช่วยปกป้องคนอย่างตนให้พ้นข้อกล่าวหา ดัลซุกได้ฟังดังนั้นก็พูดไม่ออก เมื่อดัลซุกนำอาหารมาให้ จีฮยอกก็รู้สึกปลาบปลื้มใจและกล่าวว่าเธอเป็นคนเดียวที่คอยดูแลและใส่ใจเขา (เขาเรียกเธอว่าแม่)
ประธานคังถามหมอลีว่านอกจากรอคิวรับบริจาคหัวใจแล้วยังพอมีทางอื่นอีกไหม หมอลีบอกว่ามีทางเดียวคือรับบริจาคจากคนในครอบครัว "ดู ซังโฮ" รายงานประธานคังว่าตอนนี้มีผู้ป่วยรอรับบริจาคหัวใจมากถึง 57 คน ประธานคังรู้สึกหนักใจที่ไม่อาจใช้เส้นสายลัดคิวได้ และคงไม่มีผู้ป่วยรายใดสละสิทธิ์เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย เขาจึงสั่งให้ซังโฮลองหาผู้บริจาคในหมู่ญาติพี่น้องของตนก่อน เพราะถ้าบริจาคโดยคนในครอบครัวก็สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ทันที แต่ถ้าหาในหมู่ญาติไม่ได้ตนก็พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อหาหัวใจดวงใหม่มาเปลี่ยนให้ดงซอก แม้กระทั่งการหาใครสักคนมาสวมรอยเป็นญาติ เขาเชื่อว่าจะต้องมีใครสักคนที่หัวใจเข้ากับดงซอกได้ จึงบอกซังโฮว่าหากพบคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมก็ให้ทำทุกวิถีทางเพื่อพาคนๆ นั้นมาหาตน (หากจำเป็นต้องฆ่า ก็ต้องทำ)
ซังโฮส่งเอกสารด้านเวชระเบียนของทุกโรงพยาบาลในเกาหลีใต้ไปให้โรงพยาบาลฮยอนซองตรวจสอบ เพื่อดูว่ามีใครสามารถบริจาคหัวใจให้ดงซอกได้ (หัวใจเข้ากันได้ โดยพิจารณาจาก เลือด เนื้อเยื่อ ฯลฯ) พร้อมทั้งบอกว่าจะส่งข้อมูลดีเอ็นเอทั้งหมดจากสำนักงานอัยการไปให้ในไม่ช้า จากนั้นก็ย้ำว่าต้องรีบหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมโดยเร็ว
หลังทราบข่าวจากแม่บุญธรรมว่าพ่อของ "ยาง แทซบ" เสียชีวิต จีฮยอกจึงไปหาแทซบซึ่งกำลังจัดงานศพพ่อที่โรงพยาบาล ทันทีที่ไปถึงเขาก็ตรงเข้าไปกอดแทซบเพื่อเป็นการปลอบใจ เมื่อเห็นว่าเป็นงานที่เงียบเหงาและไม่มีอาหารเลี้ยงแขก (เพราะไม่มีแขก) เขาก็โทรฯ สั่งบะหมี่มานั่งทานด้วยกัน จีฮยอกเห็นแทซบกินอะไรไม่ลงก็รู้สึกแปลกใจและไม่เข้าใจว่าทำไมแทซบต้องรู้สึกเศร้า ทั้งๆ ที่พ่อของเขาไม่ค่อยสนใจดูแลและไม่เคยทำหน้าที่พ่อเลย แทซบกล่าวว่าถึงจะเป็นพ่อที่แย่แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นพ่อและความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกนี้ก็เป็นอะไรที่จีฮยอกไม่มีวันเข้าใจ จีฮยอกแย้งว่า การมีลูกไม่ได้ทำให้คนเป็นพ่อแม่ แต่การเลี้ยงดูลูกๆ ต่างหากที่ทำให้พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่คน แทซบแย้งกลับว่าวันใดจีฮยอกได้เจอพ่อแม่แท้ๆ ความรู้สึกของเขาก็จะเปลี่ยนไป จีฮยอกยืนกรานว่าตนจะไม่เหลียวแลหากได้เจอพ่อแม่จริงๆ
จีฮยอกเห็นแทซบนั่งน้ำตาร่วงเพราะรู้สึกผิดที่ไม่มีปัญญาพาพ่อไปเที่ยวเมืองนอกก่อนตายเหมือนคนอื่นๆ เขาจึงนำลูกโป่งไปให้แทซบซึ่งกำลังกำลังโปรยเถ้ากระดูกพ่อลงไปในแม่น้ำ จากนั้นก็ผูกกล่องเถ้ากระดูกไว้กับลูกโป่งแล้วปล่อยให้ลอยขึ้นฟ้าเพื่อพาพ่อแทซบไปเที่ยว
มีราไม่รู้ว่าดงซอกประสบอุบัติเหตุ พอได้ยินข่าวว่าดงซอกไปอเมริกากระทันหันเธอก็รู้สึกสงสัยจึงถามซังโฮซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกเลขาว่า ทำไมอยู่ๆ ดงซอกถึงไปโดยไม่บอกกล่าว แต่ซังโฮไม่ให้ความกระจ่างใดๆ ซ้ำยังบอกว่าเธอมีหน้าที่ทำตามคำสั่งและไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผล หลังมีราออกจากห้องไปแล้ว ซังโฮก็นั่งดูผลการตรวจสอบที่ทางโรงพยาบาลเพิ่งส่งมา (เช็คจากประวัติคนไข้และข้อมูลดีเอ็นเอจากสำนักงานอัยการ) ปรากฏว่าคนส่วนใหญ่จะมีคะแนนหรืออัตราความสำเร็จ (หากนำหัวใจมาปลูกถ่ายให้ดงซอก) อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% คงมีเพียงจีฮยอกที่คะแนนสูงลิ่วถึง 95% ... ในที่สุด ซังโฮก็เจอคน (เหยื่อ) ที่เหมาะสม
แทซบขโมยเนื้อชั้นดีมาย่างทานแกล้มโซจูเพื่อเลี้ยงขอบคุณจีฮยอกที่ส่งพ่อของตนขึ้นลูกโป่งสวรรค์ไปเที่ยวเมืองนอก ไม่นานเจ้าของร้านเนื้อก็ตามมาเอาเรื่องจนทำให้วงแตก จีฮยอกจึงรับปากว่าจะชดใช้ค่าเนื้อให้ในภายหลัง ทันใดนั้น ก็มีคนโทรฯ มาตามให้เขาออกไปขับรถ (คนเกาหลีเมาไม่ขับ หลังดื่มเหล้าเลยต้องจ้างคนมาช่วยขับรถกลับบ้านแทน) แม้จะเพิ่งดื่มโซจูกับแทซบมาหมาดๆ แต่จีฮยอกไม่อยากเสียโอกาสจึงตัดสินใจออกไปทำงาน
ระหว่างทางเขาเจอคู่อริเก่าที่เพิ่งออกจากคุกและเคยอยู่ร่วมแกงค์เดียวกันเมื่อหลายปีก่อน (จีฮยอกเคยเป็นลูกพี่ของเขา) ชายคนดังกล่าวไม่ชอบหน้าจีฮยอกเป็นทุนเดิม หลังจีฮยอกจับดงพัลซึ่งเป็นลูกน้องของเขาไปส่งตำรวจก็ยิ่งทำให้เขาแค้นใจมากยิ่งขึ้นจึงคิดที่จะเอาเรื่อง แต่จีฮยอกต้องรีบไปทำงานเลยไม่มีเวลาใส่ใจมากนัก ถึงกระนั้นเขาก็สั่งสอนชายคนดังกล่าวในฐานะอดีตลูกพี่ว่า ถ้าอยากเป็นพี่เบิ้มที่มีสมุนล้อมหน้าล้อมหลัง ก็หัดให้เกียรติอดีตลูกพี่อย่างตนบ้าง เผื่อว่าลูกน้องจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จีฮยอกยังย้ำด้วยว่าต่อไปนี้ถ้าเจอกันที่ไหนให้แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก เพราะตนหันหลังให้วงการนักเลงมานานและไม่ต้องการข้องแวะด้วยอีก พูดจบจีฮยอกก็เดินหนีไป
พอรู้ว่าจีฮยอกวางมือจากวงการนักเลง ชายคนดังกล่าวก็อดเสียดายไม่ได้เพราะจีฮยอกเป็นนักเลงระดับแถวหน้า ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็เขาก็ดังขึ้น หลังรับสายเขาก็หันไปมองจีฮยอกซึ่งกำลังขึ้นรถแท็กซี่ พลางกล่าวว่า "คิม จีฮยอก เหรอครับ ผมรู้จักมันดีเลยล่ะ"
พอไปถึงหน้าสถานบันเทิง จีฮยอกก็รีบบ้วนปากเพื่อกลบกลิ่นโซจู ปรากฏว่าคนที่เรียกเขามาขับรถให้ คือ "คัง จินอา" (น้องสาวดงซอก) ระหว่างทางจีฮยอกถามจินอาว่าแถวบ้านเธอมีรถเมล์วิ่งผ่านหรือเปล่า (เพราะเป็นย่านคนรวยและค่อนข้างไกล เขาจึงกังวลว่าจะไม่มีรถกลับบ้าน) จินอาตอบว่าแถวบ้านเธอไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน และไม่รู้ด้วยว่าป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหนเพราะเธอไม่เคยขึ้นรถเมล์ จึฮยอกเลยเปลี่ยนมาถามเรื่องรถแท็กซี่แทน พอถูกซักไซ้มากๆ เข้าจินอาก็เริ่มรู้สึกรำคาญ และบอกว่าหากจินฮยอกห่วงตอนขากลับมากนัก เธอจะโทรฯ เรียกคนอื่นมาขับรถให้แทน
จีฮยอกแอบบ่นจินอาว่า "นิสัยเสียชะมัด" พอรู้ว่าจินอาได้ยินเขาก็โกหกว่าตนหมายถึงน้องสาวที่หนีออกจากบ้าน ซึ่งแลดูคล้ายจินอามากและปากเสียเหมือนกัน จินอารู้ทันจึงสวนกลับว่าเขาเองก็ทำให้เธอนึกถึงพี่ชายที่หนีออกจากบ้านไปเช่นกัน พี่ชายของเธอหน้าเหมือนเขามาก แถมยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงและชอบพูดเหน็บแนมคนอื่นเหมือนกันเลย ไม่แน่ว่าตอนนี้พี่ชายเธออาจจะรับจ้างขับรถแทนอยู่ก็ได้
จีฮยอกรู้สึกตกใจเมื่อเห็นตำรวจตั้งด่านอยู่ตรงหน้า เขาไม่อยากโดนจับเลยกลับรถหน้าด่านแล้วซิ่งหนี ตำรวจเห็นดังนั้นจึงออกติดตาม จินอาตกใจมาก เธอพยายามร้องบอกให้จีฮยอกหยุดรถ แต่จีฮยอกไม่ยอมหยุดเพราะมีรถตำรวจสองคันไล่ตามมาติดๆ เขาคอยเช็คลมหายใจตนเองและดื่มน้ำเพื่อกลบกลิ่นโซจู จากนั้นก็ขับรถเข้าไปในตรอกเล็กๆ เพื่อจอดหลบ หลังหนีตำรวจพ้นแล้วจินอาก็ถามจีฮยอกด้วยความโมโหว่าเขาดื่มเหล้ามาใช่ไหม จีฮยอกพยายามอธิบายแต่จินอาไม่ยอมฟัง เธอโกรธมากจึงไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง แถมยังบอกว่าจะไปแจ้งความเขาข้อหาพยายามฆ่าอีกด้วย พูดจบจินอาก็เดินหนีไป จีฮยอกเห็นว่าจินอากำลังจะถูกรถมอเตอร์ไซค์ชนจึงรีบวิ่งไปคว้าตัวเธอและเอาตัวเองบังไว้ ทำให้โดนมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวจนลมลง แม้จะได้รับบาดเจ็บบริเวณท้องแต่เขาเห็นว่าคู่กรณีเป็นพนักงานส่งอาหารที่หาเช้ากินค่ำจึงไม่เอาเรื่อง
จินอาเห็นรถตำรวจวิ่งผ่านมาจึงชี้บอกจีฮยอก จีฮยอกซึ่งยืนหันหลังให้รถตำรวจรีบโผเข้ากอดจินอาและจูบเธอทันที พอตำรวจไปแล้วจินอาก็ผลักจีฮยอกออกพลางเรียกเขาว่า 'ขยะ' จากนั้นก็ตบหน้าจีฮยอกเต็มแรง เธอจะตบซ้ำอีกทีแต่จีฮยอกจับข้อมือเธอไว้แล้วบอกให้คิดดีๆ ก่อนที่จะทำอะไร เพราะตอนนี้เธอกับ 'ขยะ' อยู่ด้วยกันสองต่อสองในมุมมืด จีฮยอกมอบน้ำยาบ้วนปากให้จินอาแล้วบอกให้เธอบ้วนปากเสียเพื่อจะได้ไม่มีกลิ่นขยะ จากนั้นก็เดินโซเซพลางเอามือกุมท้องแล้วมองหารถกลับบ้าน
เนื่องจากจีฮยอกไม่ได้รับค่าจ้างและรถเมล์หยุดให้บริการแล้ว เขาจึงต้องเดินกลับบ้านอย่างอ่อนแรงเพราะได้รับบาดเจ็บ แต่โชคร้ายยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น ระหว่างที่จีฮยอกเดินผ่านซอยเปลี่ยว อยู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของเขาเต็มแรง และคนที่ทำให้จีฮยอกนอนหมดสติแน่นิ่งก็คือคู่อริที่เพิ่งเจอกันก่อนหน้านี้นี่เอง หลังทำร้ายจีฮยอกแล้วเขาก็บอกให้ลูกน้องโทรแจ้งโรงพยาบาล
จีฮยอกถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลฮยอนซองในสภาพมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ หลังดูผลการตรวจเลือดของจีฮยอกแล้วหมอลีก็ยืนยันกับซังโฮว่าสามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ดงซอกได้ ซังโฮจึงสั่งให้คู่อริของจีฮยอกตามมาเก็บจีฮยอกที่โรงพยาบาล (ด้วยการฉีดยาบางอย่าง) ไม่นานอาการของจีฮยอกก็ทรุดหนักลง แพทย์คนหนึ่งรายงานต่อที่ประชุมว่า จีฮยอกได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ขณะนี้มีอาการสมองอักเสบ ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง และมีโอกาสที่สมองจะตาย (หากแพทย์วินิจฉัยว่าคนไข้สมองตาย ถือว่าบุคคลนั้นถึงแก่ความตายแล้ว ถึงแม้ว่าเซลล์เนื้อเยื่อและอวัยวะบางส่วน เช่น หัวใจ จะยังคงทำงานได้อีกระยะหนึ่งก็ตาม (ด้วยการให้สารน้ำ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ) การนำเนื้อเยื่อและอวัยวะของคนไข้สมองตายไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ จึงมักประสบความสำเร็จมากกว่าการปลูกถ่ายด้วยอวัยวะของผู้เสียชีวิตจากสาเหตุอื่น เพราะอวัยวะยังสดมากเนื่องจากมีเลือดไปเลี้ยงตลอดเวลา ส่วนอวัยวะที่มาจากคนหัวใจหยุดเต้นจะไม่มีเลือดไปเลี้ยง)
ขณะเดียวกันซังโฮก็จัดการเรื่องเอกสาร โดยนำชื่อของจีฮยอกมาใส่ไว้ในทะเบียนครอบครัวของตระกูลคัง (แอบอ้างว่าเป็นญาติ เพื่อจะได้นำหัวใจของจีฮยอกมาปลูกถ่ายให้ดงซอกได้ทันที - ทะเบียนครอบครัวของเกาหลีไม่เหมือนทะเบียนบ้าน เพราะคนที่อยู่ในทะเบียนต้องมีความเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือดหรือเป็นญาติที่กฏหมายรับรอง เช่น ภรรยา ลูกสะใภ้ ลูกบุญธรรม) เมื่อประธานคังได้รับรายงานว่าทุกอย่างราบรื่น เขาก็รู้สึกโล่งใจ ในตอนนั้นเขามาร่วมงานเลี้ยงกับภรรยา และจินอา โดยนั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของว่าที่ลูกเขย แต่จินอาขอตัวกลับก่อนโดยบอกว่าตนมีธุระ พ่อของ "มูน มยองโฮ" (คู่หมั้นของจินอา) จึงบอกให้มยองโฮขับรถไปส่งจินอาที่บ้าน
สองครอบครัวซึ่งกำลังจะเกี่ยวดองพูดคุยกันอย่างชื่นมื่น แต่แล้วบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเมื่ออัยการ "จาง วอนแท" เข้ามาทักทายประธานคัง ที่ผ่านมาเขาถูกประธานคังใช้อิทธิพลกลั่นแกล้งจนต้องระเห็จไปทำงานที่ต่างจังหวัด แต่ตอนนี้เขากลับมาทำงานที่โซลแล้ว บังเอิญเขาได้รับเชิญมาร่วมงานในวันนี้ เขาจึงมาบอกประธานคังว่า "ผมว่าจะไปหาคุณเร็วๆ นี้ เวลามีใครทำเรื่องดีๆ ไว้กับผม ผมจะจำใส่กระโหลกและไม่มีวันลืม" พูดจบอัยการจางก็เดินจากไป ขณะที่ประธานคังถึงกับหน้าถอดสี
มีราเดินหน้าเศร้าเข้าไปในห้องทำงานที่ว่างเปล่าของดงซอก จากนั้นก็นึกถึงช่วงเวลาอันแสนหวานที่เธอและดงซอกอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องทำงาน... ในตอนนั้นดงซอกนัดเจอเธอข้างนอกอีกตามเคย มีราถามว่าทำไมถึงไม่ออกไปพร้อมกัน ดงซอกตอบว่ายังไม่ถึงเวลา เขายังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวเธอในฐานะแฟนเพราะกลัวว่าแม่จะถอดออกจากตำแหน่งและตัดแม่ตัดลูก เขาแหย่มีราว่าหากเป็นเช่นนั้นเธอจะอดเป็นภรรยาประธานบริษัททั้งๆ ที่ใฝ่ฝันมานาน มีรายืนกรานว่าเธอไม่เคยคิดเช่นนั้น ดงซอกจึงถามย้ำก่อนพูดว่าหากเธอไม่ต้องการเป็นภรรยาประธานบริษัทจริงๆ ตนก็จะไปให้พ้นหน้า... หลังนึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้วมีราก็ลูบป้ายชื่อดงซกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน (ระบุตำแหน่ง "ประธาน" - บ. ฮยอนซอง ดิสทริบิวชั่น) ก่อนออกจากห้องเธอหันกลับไปมองโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่า พลางกล่าวว่า "คุณหมายความตามที่พูดจริงๆ หรือคะ"
จินอาบุกไปตามหาจีฮยอกที่บริษัทรับจัดหาคนขับรถแทน เมื่อผู้จัดการบริษัทกล่าวว่าทางบริษัทฯ ติดต่อจีฮยอกไม่ได้เธอก็โวยวายลั่นด้วยความไม่พอใจและยืนกรานว่าจะนั่งรอจนกว่าจีฮยอกจะมา สร้างความเอือมระอาให้กับเหล่าพนักงานคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างมาก เธออ้างว่ามีหลายอย่างที่จีฮยอกต้องรับชอบ หากจีฮยอกไม่มาผู้จัดการจะต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด เธอตำหนิผู้จัดการที่ส่งคนเมามาขับรถให้เธอ แถมเขายังซิ่งหนีตำรวจจนเธอเกือบตายเพราะอุบัติเหตุหรือไม่ก็หัวใจวาย
มีราได้รับมอบหมายให้ไปรับจินอาเลยได้เห็นเหตุการณ์ขณะจินอากำลังอาละวาด ขณะนั่งรถกลับบ้านจินอายังไม่วายบ่นว่าจีฮยอกหลบหน้าเธอ แต่ถึงยังไงเธอจะตามหาเขาจนกว่าเจอ มีราได้ยินดังนั้นจึงถามจินอาว่า เธออยากพบคนขับรถแทน (จีฮยอก) ด้วยเหตุผลใดกันแน่ จินอาแกล้งทำเป็นเฉไฉโดยอ้างว่าเธอโวยวายจนเหนื่อยเลยอยากนอนพักเอาแรงสักงีบ พอกลับถึงบ้าน จินอาถามมีราว่าพี่ชายตนหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวมีราเหมือนกันใช่ไหม เธอรู้ว่ามีราผิดหวังที่อยู่ๆ พี่ชายเธอหายตัวไป แต่มีราปฏิเสธโดยบอกว่าตนก็แค่เหนื่อยเพราะมีงานที่ต้องสะสางมากมาย จินอาจึงกล่าวทิ้งท้ายว่า "ชั้นหวังว่าเธอคงเข้าใจ ก็อย่างที่เธอรู้ พี่ชายชั้นน่ะเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้"
ก่อนกลับบ้าน มีราหันกลับไปมองบ้านของดงซอกจากนั้นก็หวนนึกถึงเรื่องราวสมัยที่ยังเป็นเด็ก ในตอนนั้นดงซอกปาเครื่องบินร่อนที่ทำจากไม้และกระดาษลงมาจากชั้นสอง และเครื่องบินก็ร่อนลงตรงหน้ามีราพอดี มีราจึงปาเครื่องบินกลับไปให้แต่เครื่องบินร่วงลงมาก่อนที่จะถึงชั้นสอง พอรู้ว่าส่วนหัวของเครื่องบินปักลงบนพื้นจนพัง ดงซอกก็บอกให้มีราโยนทิ้งไป มีรารู้สึกผิดจึงแย้งว่าถ้านำไปซ่อมก็อาจบินได้อีก ดงซอกกล่าวว่าไม่ใช่ความผิดของมีราเพราะตนเป็นคนบอกให้มีราปาเครื่องบินขึ้นมาเอง แต่ถ้ามีราซ่อมได้จริงๆ ให้ลองปาขึ้นมาที่ชั้นสองอีกครั้ง... หลังจากนั้น ภาพก็ตัดกลับมาในช่วงเวลาปัจจุบัน มีรานั่งน้ำตาซึมอยู่ในห้องนอน โดยถือเครื่องบินร่อนของดงซอกเอาไว้ในมือ (เธอยังคงเก็บเครื่องบินลำนั้นเอาไว้ และเครื่องบินลำดังกล่าวก็ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว)
ประธานคังและยูนจองเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อลุ้นเรื่องการเปลี่ยนถ่ายหัวใจดงซอก ขณะที่หมอลีบอกทีมแพทย์ว่าอีกไม่นานจะมีการประกาศว่าจีฮยอกสมองตาย หลังผ่าหัวใจออกจากอกจีฮยอกแล้วจะนำมาปลูกถ่ายให้ดงซอกทันที เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมเพราะถ้าหากมีอะไรผิดพลาดทุกคนจะโดนไล่ออก
ยูนจองขอบคุณประธานคังที่หาหัวใจมาเปลี่ยนให้ดงซอกได้สำเร็จ เธอดีใจที่อีกไม่นานดงซอกจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติเสียที ประธานคังได้ยินดังนั้นจึงเตือนว่า อย่าดีใจจนออกนอกหน้า เพราะคนไข้ที่กำลังจะถูกแพทย์วินิจฉัยว่าสมองตายได้ชื่อว่าเป็น 'ลูกชาย' อีกคนของเธอ (ตอนนี้ชื่อของจีฮยอกคือ "คัง จีฮยอก" ไม่ใช่ "คิม จีฮยอก" อีกต่อไป) ยูนจองได้ยินดังนั้นจึงนึกถึงเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เมื่อ 6 ปีก่อน
ทีมแพทย์ตรวจสอบอาการจีฮยอกและพบว่าม่านตาของเขาไม่ตอบสนองต่อแสง คลื่นไฟฟ้าสมองเป็นเส้นตรง ไม่สามารถหายใจได้เอง ฯลฯ จึงรายงานประธานคังและยูนจองว่าจีฮยอกสมองตาย หมอคนดังกล่าวยังบอกด้วยว่าหากญาติไม่ยอมรับการวินิจฉัยนี้ สามารถขอให้ตรวจสอบใหม่ได้ ยูนจองหันไปมองประธานคัง (ซึ่งแอบส่ายหน้าเล็กน้อย) แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นก็แกล้งทำเป็นร้องไห้ฟูมฟาย บาทหลวงจึงเริ่มประกอบพิธีสวดวิญญาณ
ทั้งจีฮยอกและดงซอกถูกส่งตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดเพื่อทำการปลูกถ่ายถ่ายหัวใจ แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ขณะที่หมอลีเริ่มกรีดมีดลงบนหน้าอกของจีฮยอก (เพื่อนำหัวใจออกมาปลูกถ่ายให้ดงซอก) หมอคนหนึ่งสังเหตเห็นดวงตาของจีฮยอกมีการเคลื่อนไหวจึงขอให้หมอลีหยุดการผ่าตัด จากนั้นก็นำไฟฉายไปส่องที่ดวงตาของจีฮยอกแต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง หมอลีไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่แล้วเขาก็เห็นกับตาตนเองว่าจีฮยอกกระพริบตา พอหันไปมองจอแสดงผลคลื่นไฟฟ้าสมองก็เห็นว่ายังคงราบเรียบเป็นเส้นตรง หมอลีจึงกดมีดผ่าตัดลงบนหน้าอกของจีฮยอกอีกครั้ง ปรากฏว่ามีเลือดพุ่งกระเด็นเต็มหน้าหมอลี ทันใดนั้น คลื่นไฟฟ้าสมองของจีฮยอกก็ปรากฏเป็นเส้นกราฟอีกครั้ง หมอลีรู้ทั้งรู้ว่าจีฮยอกยังไม่ตายแต่ยังคงอ้างว่านี่เป็นสัญญาณของคนที่กำลังจะตาย เขาเตรียมเดินหน้าผ่าตัดต่อ (ด้วยมืออันสั่นเทา) แต่หมออีกคนไม่เห็นด้วยและห้ามเอาไว้โดยบอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หมอลีหันไปมองแพทย์และพยาบาลที่อยู่ในห้อง และพบว่าทุกคนกำลังจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยเช่นกัน
ประธานคังและยูนจองรู้สึกแปลกใจที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อหมอลีรายงานว่าจีฮยอกฟื้นจากความตาย ทั้งคู่ต่างรู้สึกช็อคและผิดหวัง ยูนจองระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่จึงโวยวายใส่หมอลีเสียงดังลั่น จากนั้นก็ขอให้หมอลีกลับเข้าไปผ่าตัดใหม่อีกครั้ง หมอลีจึงบอกว่าสถานการณ์อย่างนี้หากตนกรีดมีดผ่าตัดลงบนหน้าอกของจีฮยอก ตนจะกลายเป็นฆาตกรทันที ยูนจองได้ยินแล้วถึงกับล้มทั้งยืน
ดงซอกถูกส่งตัวกลับเข้าห้องไอซียู ส่วนจีฮยอกถูกนำตัวไปรักษาที่ห้องพักฟื้น ประธานคังผิดหวังมากที่ไม่สามารถเปลี่ยนหัวใจให้ดงซอกได้ พอซังโฮบอกว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นแค่ 1 ใน 10,000 ซึ่งถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ ประธานคังก็รู้สึกไม่พอใจ เขาถามซังโฮว่ามีโอกาสที่จีฮยอกจะสมองตายอีกครั้งไหม เมื่อซังโฮตอบว่าตนเองก็ไม่แน่ใจ ประธานคังจึงสั่งให้ตรวจสอบรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในต่างประเทศเพิ่มเติม แต่ยังคงเก็บจีฮยอกไว้เป็นตัวเลือก จากนั้นก็ย้ำว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้และให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แทซบเห็นจีฮยอกหายเงียบไปนานจึงมาถามข่าวคราวที่ร้านอาหารของดัลซุก เขารู้สึกสังหรณ์ใจและเป็นห่วงจีฮยอกเพราะที่ผ่านมาจีฮยอกไม่เคยปิดมือถือ ดัลซุกแกล้งทำเป็นไม่สนใจพลางบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนี้ตนตัดความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกกับจีฮยอกแล้ว หากจีฮยอกโทรฯ มาให้บอกด้วยว่าอย่ามาเหยียบที่ร้านอาหารของตนอีก แทซบได้ยินดังนั้นจึงถามดัลซุกอย่างอ่อนใจว่า เธอไม่เป็นห่วงจีฮยอกจริงๆ หรือ ดัลซุกกล่าวด้วยความโมโหว่าจะห่วงไปทำไมในเมื่อจีฮยอกไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตน แต่พอแทซบไปแล้ว ดัลซุกกลับออกมารอจีฮยอกที่หน้าร้านด้วยความเป็นห่วง
ระหว่างการประชุมเพื่อเตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ให้กับครอบครัวประธานคัง มีราสั่งให้ทีมงานจัดหาอาหารและไวน์คุณภาพเยี่ยมที่สุดไว้สำหรับเสิร์ฟให้คนในครอบครัวประธานคังเท่านั้น ส่วนแขกคนอื่นๆ ให้เสิร์ฟอาหารและไวน์ที่ถูกกว่าและมีคุณภาพตามมาตรฐานทั่วไป ทันใดนั้น ก็มีแขกมาถามหาคนที่สนใจ 'เครื่องจักร' จากประเทศจีนถึงหน้าห้องประชุม ซังโฮจึงขอตัวออกไปคุยข้างนอก มีราเห็นดังนั้นก็รู้สึกสงสัยและรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล หลังหลบมาคุยกันตามลำพัง ซังโฮก็ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับดีเอ็นเอของดงซอกให้แขกคนดังกล่าว แล้วสั่งให้หาคนที่ 'เข้ากันได้' (เขาชี้ไปที่หัวใจตนเอง)
หลังจบการประชุม มีราได้ยินพนักงานคนหนึ่งหารือกับเพื่อนร่วมงานว่าจะจัดการรถของดงซอกที่อยู่ในสภาพพังยับเยินอย่างไรดี เธอจึงรีบอาสาทำงานนี้ พอเห็นสภาพรถของดงซอกมีราก็ถึงกับอึ้ง พอเข้าไปดูในรถเธอก็พบโทรศัพท์มือถือและถุงของร้านเพชร เมื่อถูกช่างถามว่าจะให้ซ่อมหรือทำลายทิ้ง มีราก็ถามกลับว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อไหร่และเขา (ช่างซ่อมรถ) อยู่ที่นั่นในวันเกิดเหตุด้วยหรือเปล่า ชายคนดังกล่าวตอบว่าตนเป็นคนไปรับรถที่นั่นด้วยตนเอง มีราจึงถามต่อว่าคนขับเป็นยังไงบ้าง พอถูกถามมากๆ เข้าชายคนดังกล่าวก็ตอบว่า ตนถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดอะไร มีราจึงขอร้องให้ตอบเพียงว่าคนขับรถคันนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พอรู้ว่าดงซอกยังมีชีวิตอยู่ มีราก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากนั้น มีราก็ตรงไปที่โรงพยาบาลฮยอนซอง พอไปถึงได้ไม่นานซังโฮก็โทรฯ มาหา เขารู้เพียงว่าเธอออกมาทำธุระข้างนอกจึงสั่งให้เธอไปโรงพยาบาลฮยอนซองเพื่อสืบดูอาการของคนไข้ชื่อ "คัง จีฮยอก" ที่นอนสลบไสลอยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพี แล้วรายงานทุกอย่างให้ตนทราบโดยละเอียด มีราสงสัยว่าจีฮยอกคือใคร ซังโอจึงเตือนว่าอย่าสงสัยในงานที่ได้รับมอบหมาย ก่อนวางสายมีราถามซังโฮว่าดงซอกไปอเมริกาจริงๆ หรือ ซังโฮตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายว่าดงซอกขึ้นเครื่องบินไปแล้ว ที่ตนรู้มีเพียงเท่านี้ เขายังบอกเธอด้วยว่าอย่ามัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระ และให้ทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว
มีราเข้าไปในห้องของจีฮยอกได้ไม่นาน พยาบาลก็เข้ามาตรวจดูอาการของจีฮยอกและบอกเธอด้วยความรู้สึกทึ่งว่า หลังจีฮยอกถูกแพทย์วินิจฉัยว่าสมองตายได้ไม่นาน เขาก็ฟื้นจากความตายได้ราวปาฏิหาริย์ แถมยังฟื้นตัวเร็วมากอีกด้วย หลังออกจากห้องจีฮยอกแล้ว มีราก็ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถามว่าดงซอกอยู่ห้องไหน เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวบอกว่าตนถูกสั่งห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีราบอกว่าเธอมาจากสำนักงานใหญ่ (ฮยอนซองกรุ๊ป) และถามใหม่ว่าดงซอกถูกส่งมารักษาตัวที่นี่ใช่หรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
มีราเห็นเพื่อนร่วมงานขนของมาที่โรงพยาบาลจึงเข้าไปถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งตอบว่าคุณนายชเว (ยูนจอง) สั่งให้ย้ายของมาไว้ที่นี่ (มีราจำได้ว่าของดังกล่าวเป็นชุดเครื่องเสียงที่อยู่ในห้องทำงานดงซอก) อยู่ๆ ก็มีพนักงานของโรงพยาบาล มาขอรับของที่เพื่อนร่วมงานของเธอขนมา โดยบอกว่าของดังกล่าวจะถูกนำไปไว้ในเขตหวงห้าม บุคคลภายนอกจึงไม่อาจเข้าไปได้
ตัดไปที่ฝ่ายข่าวของสำนักข่าว WBS... หลังได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนนักข่าว "แบ ยองโฮ" รีบเข้าไปรายงานหัวหน้าบก. ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่ามีข่าวเด็ดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากนั้นก็เล่าว่าสำนักงานกำกับดูแลด้านการเงิน* (และอัยการจาง) กำลังเพ่งเล็งฮยอนซองกรุ๊ป หลังทำการตรวจสอบภาษีมรดกพวกเขาพบว่าประธานคังแห่งฮยอนซองกรุ๊ปยังมีลูกชายอีกคนหนึ่งซึ่งเพิ่งถูกนำชื่อมาใส่ในทะเบียนครอบครัวเมื่อไม่นานมานี้ หัวหน้าบก. ได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งจึงสั่งให้รีบสืบหาข้อมูลลูกชายคนดังกล่าวของประธานคัง เพื่อจะได้นำเสนอข่าวเป็นเจ้าแรก
* สำนักงานกำกับดูแลด้านการเงิน เป็นหนึ่งในหน่วยงานภาครัฐของเกาหลีใต้ที่คอยส่งเสริม/กำกับดูแลธุรกิจหรือกิจการด้านการเงินการลงทุน ทั้งที่เป็นแบงค์และนอนแบงค์แบบบูรณาการ รวมทั้งการตรวจสอบสถานะทางการเงิน บัญชี และการทำธุรกรรมทางการเงินของธุรกิจต่างๆ ตลอดจนปกป้องดูแลผู้ใช้บริการด้านการเงินด้วยการให้คำปรึกษา ให้ความรู้ รับเรื่องร้องเรียน และคุ้มครองสิทธิผู้ใช้บริการผ่านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เป็นต้น
ซังโฮรายงานประธานคังว่าจีฮยอกฟื้นตัวเร็วมาก (โอกาสที่สมองจะตายอีกครั้งมีน้อยมาก) ตนจึงต้องมองหาเป้าหมายใหม่ที่ประเทศจีนแทน หากจีฮยอกรู้สึกตัวตนจะส่งเขาไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลอื่น ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปจะรักษาความลับและควบคุมสถานการณ์ลำบากเนื่องจากเป็นโรงพยาบาลใหญ่ ประธานคังได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่าถ้าหมดหนทางจริงๆ ก็ให้กำจัดจีฮยอกโดยไม่ให้เหลือร่องรอยใดๆ
ยูนจองไปเยี่ยมดงซอกพร้อมทั้งเปิดเพลงคลาสสิกให้ลูกชายฟัง หลังยูนจองออกไปแล้ว มีราก็แอบเข้าไปหาดงซอกในห้อง พอเห็นสภาพชายที่ตนรักมีราก็น้ำตาคลอด้วยความสงสารและเป็นห่วง ทันใดนั้นก็มีเสียงคนเปิดประตู มีราจึงรีบเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้า ปรากฏว่าประธานคังและหมอลีเดินเข้ามาในห้อง หมอลีบอกประธานคังว่าตอนนี้ระบบไหลเวียนเลือดของดงซอกยังคงทำงาน (โดยใช้เครื่องช่วย) คาดว่าร่างกายเขาจะอยู่ในสภาพนี้ได้นานถึง 1 เดือน แต่ถ้าปล่อยไว้นานกว่านั้นก็ยากที่ดงซอกจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ยูนจองกลับเข้ามาในห้องและถามหมอลีว่าพวกตนต้องรออีกนานเท่าไหร่ เธอสั่งให้หมอลีรีบทำอะไรสักอย่างเดี๋ยวนี้ จะควักหัวใจออกจากอก 'หมอนั่น' หรือจะทำยังไงก็ได้ ประธานคังเห็นยูนจองเริ่มสติแตกจึงรีบนำตัวออกจากห้อง มีราได้ยินแล้วถึงกับช็อค เธอรู้แล้วว่าทำไมซังโฮถึงสั่งให้เธอไปดูอาการของจีฮยอก ขณะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำมีรานึกถึงตอนที่ดงซอกหมดสติที่ภัตตาคาร หลังรู้สึกตัวดงซอกบอกเธอว่าตนอาจมีอาการแบบนี้บ่อยครั้ง เพราะสิ่งที่อยู่ในนี้ (เขาเคาะบริเวณหน้าอกตนเอง) ไม่ใช่ของตน
หลังพายูนจองไปส่งที่บ้านแล้ว ซังโฮก็ได้รับรายงานว่ามีกองทัพนักข่าวบุกมาที่โรงพยาบาลเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับลูกชายอีกคนของประธานคัง (จีฮยอก) ซังโฮจึงสั่งให้ย้ายจีฮยอกออกจากห้องวีไอพีทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นมีราก็เดินกลับไปที่ห้องของจีฮยอกดุจคนไร้วิญญาณ เธอหยุดยืนที่ข้างเตียงพลางเหลือบมองเครื่องมือทางการแพทย์ที่รายล้อมรอบตัวเขา หลังจากนั้นก็รวบรวมความกล้าแล้วค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปที่หน้ากากเครื่องช่วยหายใจ แต่แล้วเธอก็ชักมือกลับด้วยน้ำตาที่ไหลพราก มีรารวบรวมความกล้าแล้วตั้งสติอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปที่หน้ากากเครื่องช่วยหายใจแบบกล้าๆ กลัวๆ
ทันใดนั้น นิ้วของจีฮยอกก็เริ่มกระดิก มีราจะดึงหน้ากากเครื่องช่วยหายใจออก แต่แล้วอยู่ๆ จีฮยอกก็สะดุ้งฟื้นด้วยอาการเหนื่อยหอบ เขายังไม่อยากไปจากโลกนี้จึงคว้ามือมีราเอาไว้แน่นและจ้องหน้าเธอเขม็ง ส่วนมีราได้แต่ยืนช็อคและน้ำตาไหลพราก
บทสรุปของละครเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ทางพีพีทีวี
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
ชเว แดเนียล
รับบท คัง ดงซอก
จอง โซมิน
รับบท คัง จินอา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา