วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เรื่องย่อ ชอน อูชิ (Jeon Woo Chi)




กำกับ:  คัง อิลซู
เขียนบท: โจ มยองจู
แนวละคร: แอ็คชั่น, แฟนตาซี, ย้อนยุค, โรแมนติก  
จำนวนตอน: 24
ออกอากาศ: เกาหลี - 21 พฤศจิกายน 2555 - 7 กุมภาพันธ์ 2556 ทางเคบีเอส2
                ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00 - 23.25 น.ทางเวิร์คพอยท์ทีวี เริ่ม 6 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2557

เรื่องย่อ




ละคร "ชอน อูชิ" ดัดแปลงมาจากนิยายปรำปราในสมัยราชวงศ์โชซอน เนื้อเรื่องกล่าวถึง "ชอน อูชิ" ซึ่งกลืนลูกแก้วของกูมิโฮ (จิ้งจอก 9 หาง) เข้าไป ทำให้มีพลังวิเศษ ทั้งยังเสกคาถาและร่ายเวทมนตร์ของลัทธิเต๋าได้ เขาจึงนำอิทธิฤทธิ์ดังกล่าวมาช่วยเหลือคนยากไร้และผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหงจนกลายเป็นขวัญใจคนยาก (เช่นเดียวกับฮง กิลตง) ในเวลาต่อมา

คนรักของอูชิคือเจ้าหญิง  "ฮง มูยอน" แห่งเมืองยูลโด (ดินแดนแห่งเวทมนต์ที่ก่อตั้งโดยฮง กิลตง)  เธอเป็นหลานสาวของฮง กิลตง แต่ภายหลังถูก "มาซุก" ร่ายมนต์สะกด ทำให้ตกเป็นเบี้ยล่างและกลายเป็นลูกสมุนของมาซุกกับ "มา กังริม" (อดีตเพื่อนรักของอูชิซึ่งตกหลุมรักมูยอน และเป็นหลานชายมาซุก) กังริมฆ่าทุกคนในยูลโดแล้วดูดพลังภายในของเหยื่อมาใส่ร่างตนเอง อูชิพยายามปกป้องบ้านเมืองเอาไว้แต่ไม่สามารถต่อกรกับกังริมได้ เพราะกังริมพามูยอนที่ต้องมนต์สะกดมาร่วมสังหารอูชิ ทำให้อูชิไม่กล้าใช้พลังภายในตอบโต้ เขาจึงถูกกังริมร่ายมนต์สังหารและดูดพลังภายในไป หลังจากนั้น มาซุกและกังริมก็พามูยอนมาที่โชซอน หลังรอดตายมาได้ อูชิจึงออกตามล่ามาซุกกับกังริมโดยแปลงกายเป็นขุนนางชั้นปลายแถวนามว่า "อีชิ"

ละคร "ชอน อูชิ" พาคนดูย้อนกลับไปในยุคกลางของราชวงศ์โชซอน  โดยเริ่มต้นเปิดฉากที่มณฑลฮวางแฮ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรโชซอน (ปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของเกาหลีเหนือ แต่ถูกแบ่งออกเป็นจังหวัดฮวางแฮเหนือและจังหวัดฮวางแฮใต้) 


ชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งร้องไห้หน้าตาตื่นเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทางการ โดยบอกว่าตนกับแม่ถูกเสือทำร้าย และตอนนี้แม่ของตนก็ถูกเสือคาบไปแล้ว ชายคนดังกล่าวพาเจ้าหน้าที่ของสำนักตรวจการขึ้นไปตามหาแม่บนภูเขา หลังพบนายพรานชา (นักล่าเสือที่มีฝีมือขั้นเทพ) กลางป่า เจ้าหน้าที่ซึ่งกลัวเสือจนตัวสั่นก็อ้างว่าพื้นที่รับผิดชอบของพวกตนสิ้นสุดลงที่ตรงนี้และพากันวิ่งหนีไป

ระหว่างเดินเข้าไปในป่าลึก ชาวบ้านคนดังกล่าวเห็นนายพรานชามีเพียงธนูเป็นอาวุธ ซ้ำยังพกลูกธนูติดตัวมาแค่ไม่กี่ดอกจึงสงสัยว่านายพรานชาจะจับเสือได้จริงหรือ นายพรานชาตอบอย่างมั่นใจว่า แค่ธนูเพียงดอกเดียวก็เกินพอ เมื่อเห็นว่าชาวบ้านมีทีท่าเหมือนไม่ค่อยมั่นใจ นายพรานชาจึงยิงธนูขึ้นฟ้าพลางเสกคาถา ทันใดนั้น ลูกธนูก็แตกตัวออกเป็นสิบๆ ดอกก่อนพุ่งลงมาปักที่พื้นและตามโคนต้นไม้ (เฉียดหัวชาวบ้านคนดังกล่าวเพียงนิดเดียว)  


ชาวบ้านถามนายพรานชาว่า สิ่งที่ตนเห็นคือภาพลวงตาใช่หรือไม่ นายพรานชากล่าวว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพลวงตาแต่เป็น 'เวทมนตร์' ชาวบ้านยังคงถามต่อว่านายพรานชาไปเรียนวิชามาจากไหน นายพรานชาตัดบทว่า เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังเพราะตนต้องรีบไปช่วยชีวิตคนก่อน จากนั้นก็เดินนำหน้าไป ชาวบ้านยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วกล่าวว่า "ท่านต้องเรียนมาจากฮง กิลตงแน่ๆ"  นายพรานชาหยุดกึกเมื่อได้ยินคำว่า 'โฮ กิลตง' เขาหันกลับมามองหน้าชาวบ้านคนดังกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ปรากฏว่าจอมวายร้ายกังริมแปลงกายเป็นชาวบ้านมาหลอกลวงนายพรานชา นายพรานชาเห็นร่างที่แท้จริงของชายที่ยืนอยู่หน้าจึงเล็งธนูใส่ด้วยความโกรธแล้วถามว่าเขาเป็นใครกันแน่  แทนที่จะตอบกังริมกลับปล่อยพลังสิงโตคำรามใส่นายพรานชา นายพรานชาโดนพลังดังกล่าวก็ถึงกับแสบแก้วหูเขาจึงเผลอปล่อยมือจากธนู แม้ธนูจะพุ่งเข้าหากังริม แต่กังริมก็จับเอาไว้ได้แบบชิลๆ นายพรานชาเห็นดังนั้นจึงเล็งธนูอีกครั้งพร้อมทั้งถามกังริมว่า ทำไมเขาถึงรู้วิธีใช้พลังสิงโตคำราม กังริมหักลูกธนูของนายพรานชาด้วยมือเพียงข้างเดียว จากนั้นก็บ่นด้วยความผิดหวังว่าเวทมนตร์ของนายพรานชาไม่ขลังดังคำร่ำลือ


นายพรานชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก (พลางเล็งธนูใส่กังริม) ว่ามาหาตนที่นี่ทำไม กังริมเดินเข้าหานายพรานชาอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางตอบว่า "ตัวท่านเองก็เป็นจอมขมังเวทย์แห่งเต๋าด้วยเช่นกัน จึงน่าจะรู้ดีว่าข้าดั้นด้นมาหาท่านที่นี่ทำไม"  นายพรานชาท่องคาถาแล้วยิงธนูใส่กังริม กังริมยืนมองธนูนับสิบดอกพุ่งเข้าหาตนก่อนยกมือขึ้นเพื่อสั่งให้ธนูหยุดค้างกลางอากาศ จากนั้นก็บอกนายพรานชาว่า "ท่านคิดว่าเวทมนตร์พื้นๆ อย่างนี้จะกำจัดข้าได้งั้นรึ" นายพรานชาได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง กังริมถอนเวทมนต์จนเหลือแต่ธนูของจริงเพียงดอกเดียว จากนั้นก็ผลักลูกธนูให้พุ่งกลับไปเสียบร่างนายพรานชา ก่อนท่องคาถาและรวบรวมพลังจากสวรรค์และปฐพีแล้วนำมาหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นลูกไฟกลมๆ ก่อนปาใส่นายพรานชาเป็นชุด

นายพรานชาพยายามกระโดดหลบและยิงธนูดอกสุดท้ายเพื่อเป็นการตอบโต้ หลังจากลูกธนูหมด เขาจึงหนีขึ้นไปบนยอดไม้ แต่กังริมยังคงไล่ตามไปติดๆ แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสและไร้ซึ่งอาวุธแต่นายพรานชาก็พร้อมสู้ตาย หลังถูกฝ่ามือพิฆาตทำร้ายจนตกลงมาจากยอดไม้ นายพรานชาก็พยายามดิ้นรนหลบหนี แต่สุดท้ายก็ถูกดูดพลังภายในและเวทมนตร์แห่งเต๋าไปจนหมดสิ้น ทำให้เสียชีวิตอย่างน่าอนาถ


อีกด้านหนึ่งในเมืองฮันยาง (เมืองหลวงของอาณาจักรโชซอน ปัจจุบันคือ กรุงโซล) อีชิซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยประจำกองข่าวในกรมพระอาลักษณ์ เดินฝ่าแม่ค้าและผู้คนในตลาดอย่างรีบเร่งเพื่อไปพบพ่อค้าที่ลักลอบเปิดบ่อน (แหล่งข่าว) ทันทีที่ไปถึงอีชิก็ถามถึงข่าวลือเรื่องที่มี 'ยอดฝีมือ' มาปรากฏตัวที่นี่ และถามว่าใช่คนที่ตนกำลังตามหารึเปล่า เจ้าของบ่อนปฏิเสธว่าไม่น่าใช่จากนั้นก็เปิดหน้าต่างเพื่อให้อีชิส่องดูนักพนันในห้องลับทางด้านล่าง ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวก็คือ "บองกู" ซึ่งเป็นทาสในโรงม้าของราชสำนัก เจ้าของบ่อนให้ข้อมูลว่าบองกูเป็นยอดฝีมือ (เซียนพนัน) ที่เอาชนะและกวาดเงินนักพนันคนอื่นๆ มาโดยตลอด เขายุให้อีชิให้ลงไปเล่นพนันกับบองกู โดยบอกว่าหากอีชิเอาชนะบองกูได้ เงินทั้งหมดที่บองกูได้มาจากการเล่นพนันตลอด 2 วันที่ผ่านมาจะตกเป็นของอีชิทันที

อีชิได้ยินดังนั้นจึงลงไปเล่นพนันกับบองกูทางด้านล่าง ก่อนหยิบไพ่ (ลักษณะเป็นไม้คล้ายเซียมซีแต่แบนและใหญ่กว่า) อีชิพูดจายียวนกวนประสาทบองกูเล็กน้อยแล้วถามว่าเขาเคยเห็นชายที่กำลังถูกประกาศจับไหม บองกูหันไปมองประกาศจับที่มีภาพของกังริมปิดอยู่บนผนังแต่เขาอ่านหนังสือไม่ออกจึงถามอีชิว่า ตัวหนังสือที่อยู่ข้างๆ รูปคนหมายความว่าอะไร อีชิบอกว่า ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินรางวัล 300 ยาง บองกูถามถึงเหตุผลที่อีชิต้องการตัวชายที่อยู่ในภาพ โดยพูดดักคอว่าชายผู้นั้นคงไม่ใช่นักโทษประหารใช่ไหม อีชิตอบว่า ชายคนนั้นทำผิดร้ายแรงยิ่งกว่าการเป็นนักโทษประหารเพราะบังอาจขโมยเงินตนไป 2,000 ยาง

อีชิกล่าวว่า ตนพร้อมจ่ายเงิน 300 ยางให้ทันทีหากบองกูบอกตนว่าตอนนี้ชายคนดังกล่าวอยู่ที่ไหน บองกูชักเริ่มหงุดหงิดที่อีชิมัวแต่ลีลาไม่ยอมหยิบไพ่เสียที จึงหยิบมีดขึ้นมาปักบนโต๊ะและบอกว่าแม้อีชิจะพยายามทำลายสมาธิของตนแต่มุกนี้ใช้กับตนไม่ได้ผล หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มดวล (ไพ่) กัน อีชิสังเกตปฏิกิริยาของบองกูแล้วพบว่าบองกูพยายามวางท่าและพูดจากลบเกลือนความวิตกกังวล เขาจึงเทหมดหน้าตัก บองกูไม่มีทางเลือกจึงต้องทำตามบ้าง ปรากฏว่าอีชิเป็นฝ่ายชนะและกวาดเงินไปได้ทั้งหมด


ทันใดนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ทางการบุกเข้ามาทลายบ่อน อีชิจึงรีบวิ่งไปแอบหลังหีบเก็บของ แต่บองกูและเจ้าของบ่อน (ซึ่งหอบเงินมาด้วย) ดันตามมาแอบหลบที่เดียวกัน (หีบบังไม่มิด) สุดท้ายทั้งสามคนก็วิ่งขึ้นบันไดหลบหนีออกจากบ่อนไปจนได้ ถึงกระนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ยังคงออกติดตามอย่างไม่ลดละ เจ้าของบ่อนจะหอบเงินวิ่งตามอีชิแต่ถูกอีชิถีบส่งให้วิ่งหนีไปอีกทาง เจ้าหน้าที่จึงต้องกระจายกำลังไล่ล่า อีชิวิ่งไปบ่นไปว่า "คนกันเองแท้ ๆ ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้ พวกเจ้าคิดจะวิ่งไล่ข้าไปถึงไหนเนี่ย เลิกตามก้นข้าเสียที"  แต่หัวหน้าหน่วย "มูน โปเกียว" และผู้ช่วยชเว ยังคงถือกระบองวิ่งไล่ตามไปติดๆ พลางตะโกนเรียกชื่ออีชิแล้วสั่งให้หยุด

อีชิปีนรั้วเข้าไปหลบในบ้านหลังหนึ่ง เจ้าหน้าที่ทั้งสองเห็นดังนั้นก็รีบตามไปจับกุมแต่พอเข้าไปตรวจค้นในบ้านกลับพบไก่เพียงตัวเดียว ที่ผ่านมา อีชิมักเขียนรายงานเกี่ยวกับสำนักตรวจการณ์ในทางที่ไม่ดี เช่นกรณี รับสินบน (รายงานให้ราชสำนักอ่าน) ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่รู้สึกไม่พอใจ ครั้นพอจับอีชิไม่ได้ผู้ช่วยชเวก็ยิ่งรู้สึกเคียดแค้นและพูดจาเหน็บแนมอีชิ ก่อนถ่มน้ำลายลงบนพื้นอย่างดูถูก (ปรากฏว่าโดนไก่เต็มๆ) เมื่อหันมาเห็นไก่ เจ้าหน้าที่ทั้งสองก็จ้องตาเป็นมันหวังนำไก้ไปทำเป็นอาหารชูกำลังก่อนไปเที่ยวหอนางโลมเมียงวอลคืนนี้ ทั้งคู่จึงช่วยกันวิ่งไล่จับไก่เป็นที่ชุลมุน หลังไก่กระโดดหนีขึ้นไปบนหลังคา เจ้าหน้าที่ทั้งสองก็หมดปัญญาตามจับเลยจำเป็นต้องยอมถอดใจ ครั้นพอเจ้าหน้าที่กลับไปแล้ว อูชิ (ซึ่งแปลงร่างเป็นอีชิ ก่อนแปลงเป็นไก่) ก็แปลงร่างกลับมาเป็นอีชิอีกครั้ง


หลังพบความเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารในตอนกลางคืน เกซอนก็รีบกลับไปรายงานเรื่องดังกล่าวให้นายของตนทราบ  โดยบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามคาด เหล่าทหารเคลื่อนพลออกจากที่ตั้งและกำลังมุ่งหน้าไปยังซาริจิน (ปัจจุบันคือ เขตยงซานในกรุงโซล) นายของเขา (นั่งหันหลังให้กล้อง เผยให้เห็นเพียงรอยสักเต็มแผ่นหลังและมือ) จึงสั่งให้เร่งลงมือเพราะตอนนี้ที่ชัมเกนารู (ปัจจุบัน คือ เขตมาโปของกรุงโซล) ไม่มีทหารหลวงหลงเหลืออยู่เลย

อีกด้านหนึ่ง มูยอนก็กำลังนอนแน่นอกพลางร้องครวญครางด้วยความทุกข์ทรมาน (เพราะโดนร่ายมนต์สะกด) ดูเหมือนว่าขณะนี้มนต์สะกดได้เริ่มคลายลง ทำให้ภาพความทรงจำระหว่างเธอและอูชิหวนกลับคืนมาอีกครั้ง


มักแกพาลูกน้องสองคนมาหาอุนโบ  (ซึ่งเป็นปราชญ์และนักปฏิบัติแห่งลัทธิเต๋า) ที่บ้านกลางดึก ลูกน้องคนหนึ่งของมักแกต่อว่าอุนโบที่ทำใบอนุญาตผ่านทางปลอมให้พวกตนจนเกือบถูกจับ เฮรยองเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วย้อนว่า "ก็แหงล่ะ นั่นมันใบผ่านทางปลอมชัดๆ แล้วใครบอกเจ้าว่าเป็นของจริง" เมื่อเห็นเฮรยองมักแกก็จ้องมองอย่างไม่วางตาพลางส่งสายตาหวานหยาดเยิ้ม  ขณะที่ลูกน้องของมักแกได้ยินเฮรยองพูดแล้วยิ่งรู้สึกโกรธจึงชักดาบออกมาขู่ มักแกรีบแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการห้ามไม่ให้ลูกน้องของตนชักดาบต่อหน้าผู้หญิง 

แม้จะโดนลูกน้องมักแกข่มขู่และโวยวายใส่เสียงดังลั่น แต่เฮรยองกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน พอหยิบใบผ่านทางปลอมที่เธอทำให้มักแกและพวกขึ้นมาดูก็พบว่าเลยกำหนดวันใช้งานแล้ว เธอจึงตำหนิมักแกและพวกที่นำใบผ่านหมดอายุไปใช้จนเกือบถูกจับ และถ้าจะทำใหม่อีกครั้งก็ต้องจ่ายให้เธอ 10 ยาง (คราวที่แล้วเธอคิด 5 ยางซึ่งนับว่าแพงมากแล้ว)  ลูกน้องของมักแกได้ยินดังนั้นก็พากันโวยวายยกใหญ่ เฮรยองเลยไล่ให้มักแกและสมุนไปขอใบอนุญาตจากทางการกันเอาเอง มักแกขอร้องให้เฮรยองช่วยทำใบผ่านทางให้เพราะพวกตนจำเป็นต้องใช้คืนนี้ แม้จะต้องจ่าย 10 ยางก็ยอมแต่มีข้อแม้ว่าเฮรยองต้องเดินทางไปกับพวกตนด้วย (หากมีปัญหาเฮรยองจะได้ช่วยจัดการให้) ซึ่งเฮรยองก็ยอมรับปากแต่โดยดี

ขณะทำใบผ่านทางปลอม เฮรยองถามมักแก (ที่ตามมานั่งเฝ้า) ว่า พบเบาะแสพี่ชายของเธอหรือยัง มักแกตอบว่าตนกำลังตามหาให้อยู่  เฮรยองตำหนิมักแกว่าดีแต่พูด เพราะถามกี่ครั้งก็ไม่มีความคืบหน้า ซ้ำยังตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่า 'กำลังตามหา' มักแกยืนยันว่าตนต้องการช่วยเฮรยองตามหาพี่ชายจริงๆ จากนั้นก็เลียบๆ เคียงๆ ถามว่าคนที่เธอกำลังตามหาเป็นพี่ชายแท้ๆ หรือเป็นแค่คนที่เธอนับถือเหมือนพี่กันแน่ เฮรยองไม่ยอมตอบคำถาม ซ้ำยังเร่งให้มักแกรีบตามหาพี่ชายให้พบโดยเร็ว   


อีกด้านหนึ่งที่หอนางโลม โปเกียวเรียกนางโลมน้องใหม่นามว่า  "ซา รางซอน" ให้ขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ตน เมื่อเห็นว่ารางซอนมีท่าทีอิดออดไม่ยอมทำตามที่สั่ง โปเกียวจึงตะคอกใส่ด้วยความโมโห ครั้นพอเห็นรางซอนร้องไห้กระซิกๆ เขาก็รีบปลอบใจและเป็นฝ่ายขยับเข้าไปหาพลางปลอบว่าไม่ต้องกลัว ครั้งแรกก็ต้องประหม่าเป็นธรรมดา แค่ทำตามที่ตนบอกแล้วทุกอย่างก็จะดีเอง อยู่ๆ นางโลมคนสวยก็กลายร่างเป็นหญิงอ้วนที่มีใฝเม็ดเบ้อเริ่มที่มุมปาก (ภรรยาของโปเกียว) เธอทั้งด่าทั้งตบโปเกียวจนล้มคว่ำ (สิ่งที่โปเกียวเห็นเป็นเพียงภาพลวงตา) รางซอนเห็นโปเกียวนั่งอยู่ดีๆ ก็ล้มกลิ้งแถมยังร้องโอดโอยเรียก 'เมียจ๋า' คล้ายกำลังถูกภรรยาตบตี ก็รู้สึกแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานโปเกียวก็เดินล้มลุกคลุกคลานออกจากห้องพลางร้องเสียงหลงว่าตนผิดไปแล้ว 

อีชิเดินหัวเราะร่วนออกมาทางด้านหลังฉากภาพวาด  ที่แท้เขาวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าโดยบอกรางซอนว่าจะช่วยให้เธอไม่ต้องรับแขกในคืนนี้ และจะให้แขกเป็นฝ่ายกลับออกไปด้วยตนเอง รางซอนรู้สึกทึ่งจึงถามอีชิว่าเขาทำได้อย่างไร อีชิตอบทีเล่นทีจริงว่าเขาใช้เวทมนต์เต๋า รางซอนนึกว่าอีชิพูดเล่นจึงไม่ได้ติดใจสงสัย แต่เธอเกิดติดใจอีชิจึงขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วชวนให้ปิดไฟ พอรู้ตัวว่ากำลังจะถูกนางโลมเผด็จศึก อีชิก็รีบชิ่งหนีทันที 


ในเวลาเดียวกันนั้น เฮรยองกับอุนโบซึ่งตามมาช่วยอำนวยความสะดวกในการผ่านด่านให้มักแกและลูกสมุน ก็ผ่านมาเห็นชายกลุ่มใหญ่กำลังลักลอบขนของลงจากเรือเลยพากันแอบดู ลูกน้องมักแกบอกว่าคนเหล่านี้มาจากอึนจองกา ของในหีบที่พวกนั้นขนมาน่าจะเป็นสิ่งของมีค่า จึงชวนมักแกให้ออกไปปล้นโทษฐานที่ลักลอบเข้ามาในถิ่นตน (ชัมเกนารู) มักแกเตือนว่าฝ่ายตนมีกำลังคนน้อยกว่ามาก แต่ลูกน้องของเขาก็ยังพูดพล่ามทำให้โดนเฮรยองหยิกแก้มสั่งสอน ลูกน้องของมักแกเผลอร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทันและส่งคนออกตามไล่ล่า 

ทุกคนต่างพากันวิ่งหนี คงมีเพียงเฮรยองที่แอบหลบใกล้จุดเดิม หลังปลอดคนแล้วเฮรยองก็ย่องเข้าไปหยิบของชิ้นหนึ่งในหีบแล้วรีบหนีออกมา โชคร้ายที่เธอมาเจอกลุ่มคนดังกล่าวกลางทาง ทำให้ต้องรีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน  ในที่สุด เธอก็เอาตัวรอดจนกลับมาถึงที่พักได้ (ระหว่างทางเฮรยองวิ่งตัดหน้าอีชิซึ่งเป็นพี่ชายที่เธอกำลังตามหาโดยไม่รู้ตัว) ครั้นพอเปิดดูถุงที่เพิ่งขโมยมา เฮรยองก็พบว่าข้างในเต็มไปด้วยเมล็ดถั่ว



ระหว่างเดินไปทำงานที่กองข่าว (เข้างานราวตี 2-3 เพราะต้องเขียนรายงานข่าวเพื่อนำขึ้นถวายพระราชาในตอนเช้า) อีชิบังเอิญพบว่าทหารหลวงเพิ่งเคลื่อนพลกลับมายังที่ตั้งในชัมเกนารู เขาได้ยินหัวหน้าหน่วยองครักษ์บ่นกับ "ซอ ชานฮี" (รองหัวหน้า) ว่าพวกตนถูกหลอกให้เคลื่อนกำลังพลออกนอกที่ตั้ง (หลังได้รับแจ้งข้อมูลเท็จ) ชานฮีตั้งข้อสังเกตว่าหากมีคนจงใจสร้างสถานการณ์เพื่อล่อให้ทหารประจำวังหลวงออกจากที่ตั้ง แสดงว่าอาจเกิดเรื่องอะไรบางอย่างในคืนนี้ เขาจึงเสนอให้รีบประสานไปยังสำนักตรวจการณ์ เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้น แต่หัวหน้าหน่วยไม่เห็นด้วยเพราะหากทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และถ้าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดตนก็จะหน้าแตกซ้ำสอง

ชานฮีแย้งว่าการออกคำสั่งให้เคลื่อนพลออกจากที่ตั้งถือเป็นเรื่องใหญ่และไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงควรสืบหาตัวคนผิดมาลงโทษ  หัวหน้าหน่วยเตือนชานฮีว่า เขาเองก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่กลับคิดที่จะทำให้เรื่องบานปลายด้วยการสอบสวนทุกคนที่อยู่ในวังหลวงงั้นหรือ หากทำเช่นนั้นเขาอาจจะตายก่อนรู้ความจริงด้วยซ้ำ หัวหน้าหน่วยยังบอกอีกว่าทางที่ดีควรระวังให้มากขึ้น ทั้งยังสั่งให้ชานฮีบอกทหารทุกคนให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะขณะนี้ใกล้เช้าแล้วแต่เหตุการณ์ยังคงปกติจึงไม่น่ามีเหตุร้ายอะไร หลังทั้งคู่คุยจบ อีชิก็รีบวิ่งไปเข้าทักและถามว่าไปไหนมา ทำไมถึงกลับมาป่านนี้ เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นนอกวังหลวงรึเปล่า หัวหน้าหน่วยตอบเสียงเข้มว่าไม่มีอะไรแล้วรีบเดินหนีไป 


อีชิถือสมุดจดคู่ใจเดินไปที่กองข่าว เมื่อเพื่อนร่วมงานเห็นเข้าจึงตำหนิอีชิที่มาสายทำให้พลาดการประชุม และตอนนี้หัวหน้ากองข่าวก็กำลังโกรธมาก อีชิบอกเพื่อร่วมงานว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ตนเข้าไปบีบนวดให้ หัวหน้าก็หายโกรธแล้ว  อีชิรีบไปพบหัวหน้ากองข่าวที่ห้องหวังประจบประแจง แต่กลับพบว่า "โอ กยู" คู่ปรับเก่าของเขา (ซึ่งเดิมอยู่กรมพิธีการและเป็นลูกชายขุนนางระดับสูง) เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้ากองข่าวคนใหม่  

โอ กยู ถามอีชิว่าทำไมถึงเพิ่งมา อีชิตอบว่าตนมัวแต่ออกไปหาข่าว จากนั้นก็รายงานเรื่องราวต่างๆ ให้โอ กยูทราบ ตอนแรกอีชิรายงานเรื่องที่คนของสำนักตรวจการณ์เข้าไปทลายบ่อน แต่โอ กยูเห็นว่าเป็นเรื่องพื้นๆ จึงไม่ให้ความสำคัญ  อีชิเลยเล่าเรื่องที่ทหารประจำวังหลวงถูกสั่งให้เคลื่อนพลออกไปนอกวังให้โอ กยูฟัง พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของพระราชาโดยตรง หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานกันอย่างหละหลวม อาจเปิดช่องให้พวกกบฏคิดโค่นล้มราชบัลลังก์ของพระราชาได้ 


โอ กยู เริ่มแสดงอำนาจบาตรใหญ่ด้วยการประกาศว่า ต่อไปนี้ตนจะเป็นคนควบคุมเนื้อหาข่าวทั้งหมดที่จะส่งขึ้นถวายพระราชา พร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้การรายงานข่าวร้ายเกี่ยวกับพวกกบฏ เหตุฆาตกรรม และข่าวเกี่ยวกับการแย่งชิงราชบัลลังก์  แต่จะต้องรายงานเฉพาะเรื่องราวดีๆ เท่านั้น หากใครทำไม่ได้หรือไม่เต็มใจทำตามคำสั่งจะถูกไล่ออก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเห็นว่าโอ กยูคอยจ้องจับผิดอีชิตลอดเวลา จึงแอบถามเพื่อนร่วมงานอีกคนว่า สองคนนี้เคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อนหรือเปล่า ปรากฏว่าอีชิและโอ กยูเคยเป็นคู่แข่งกันตอนสอบคัดเลือกขุนนางระดับหัวกะทิ ซึ่งในครั้งนั้นอีชิสอบได้ที่หนึ่ง ส่วนโอ กยูสอบได้ที่สอง 

อิชิแอบติดสินบนคนส่งข่าว (ม้าเร็ว) เพื่อขอดูภาพวาดในประกาศจับก่อนที่คนส่งข่าวจะนำไปแจกจ่ายให้กรมอาญาและสำนักตรวจการณ์ ถึงกระนั้นก็ยังไม่พบเบาะแสของ "มา กังริม"

อุนโบหิวใจจะขาดแต่ไม่กล้าออกจากห้องพัก เพราะเห็นว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมกำลังนั่งร้องเพลงและโชว์เรียวขาอย่างยั่วยวน เขานึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเฮรยองขโมยถั่วมาเก็บไว้ถุงหนึ่ง จึงหยิบถั่วออกมาชิมโดยคิดว่าเป็นอาหารบำรุงราคาแพง ครั้นพอเห็นว่ามีรสชาติอร่อยเขาจึงหยิบเม็ดที่สองใส่ปากและหมดสติทันที เฮรยองเห็นอุนโบล้มลงไปนอนแน่นิ่งจึงรีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความตกใจ


อีชิถูกเจ้ากรมราชเลขาเรียกให้ไปพบด้วยน้ำเสียงโกรธจัด เนื่องจากอีชิมักขาดประชุมบ่อยครั้ง อีชิกำลังจะอธิบายแต่โอ กยูกลับเสนอให้ไล่อีชิออก อีชิเหลือบมองรายงานที่กำลังจะถูกส่งไปถวายพระราชาและพบว่ามีคำหนึ่งสะกดผิดจึงชี้ให้เจ้ากรมราชเลขาดู ทำให้โอ กยูโดนตำหนิที่ทำงานผิดพลาด อีชิตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีคำผิดในรายงานฉบับอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เจ้ากรมราชเลขาสั่งให้โอ กยูเร่งตรวจทานรายงานทุกฉบับเพราะใกล้ถึงเวลานำไปส่งให้พระราชาและเหล่าขุนนางในราชสำนักแล้ว  โอ กยูแสดงท่าทีอิดออดเพราะเกรงว่าจะทำไม่ทัน อีชิจึงรับอาสาตรวจคำผิดให้และพบว่ามีรายงานที่สะกดผิดหลายฉบับ 

โอ กยูเอาคืนด้วยการสั่งให้อีชิทำความสะอาดผนังสำหรับแปะข่าวที่ถูกส่งมาจากหัวเมืองต่างๆ อีชิรู้ว่าถูกโอ กยูกลั่นแกล้งจึงทำไปแช่งไป ในที่สุดเขาก็พบรายงานข่าวฆาตกรรมจากมณฑลฮวางแฮโดยบังเอิญ รายงานข่าวกล่าวว่า เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายพรานชาเสียชีวิตเพราะโดนเสือทำร้าย ที่น่าแปลกก็คือ ไม่มีรอยเขี้ยวที่ศพ อีชิรู้ได้ทันทีว่าเป็นการเสียชีวิตจากเวทมนต์และคนที่จะทำเช่นนี้ได้ก็คือ กังริม


อีชิหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตสมัยที่ยังอยู่ในเมืองยูลโด ในตอนนั้นกังริมและมาซุกพากันก่อกบฏและเข่นฆ่าผู้คนเป็นจำนวนมาก อูชิ (ชอน อูชิ คือ ตัวตนที่แท้จริงของอีชิ) ใช้เวทมนต์แห่งเต๋าต่อกรกับกังริมด้วยความโกรธแค้นและผิดหวังที่ถูกเพื่อนทรยศ แต่สิ่งที่ทำให้อูชิเสียใจมากที่สุดก็คือการที่เห็นมูยอนต้องมนต์สะกดของมาซุกจนจำคนรักอย่างตนไม่ได้ ซ้ำร้ายยังมาช่วยกังริมสังหารตน อูชิไม่กล้าใช้พลังภายในตอบโต้เพราะไม่อยากทำร้ายมูยอน เขาจึงได้แต่หลบเลี่ยงและเสียท่าในที่สุด ก่อนลงมือสังหาร กังริมบอกอูชิว่าจะพามูยอนไปกับตนด้วยเพราะมูยอนเป็นผู้หญิงของตนมาตั้งแต่แรก พูดจบกังริมก็ดูดพลังภายในของอูชิแล้วพามูยอนหนีไป

นับว่ายังโชคดีที่อาจารย์ของอูชินำตัวเขามารักษาตัวในถ้ำ ซ้ำยังถ่ายทอดพลังภายในทั้งหมดของตนมาไว้ในตัวอูชิ เมื่อเห็นว่าอูชิปลอดภัยแล้ว อาจารย์คนดังกล่าวจึงกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า มาซุกคือคนที่ทำให้เมืองยูลโดล่มสลาย แต่เป้าหมายของมาซุกไม่ใช่เมืองยูลโด หากเป็นโชซอน  แม้มาซุกจะเป็นลูกศิษย์ของโฮกิลตงและเป็นสมาชิกกลุ่มฮวาลบินดัง แต่มาซุกกลับทรยศทุกคนแล้วหันไปจับมือกับพวกโชซอน หวังยึดโชซอนมาเป็นอาณาจักรของตนเอง ตอนนี้กังริมและมูยอนก็กำลังเดินทางไปที่โชซอนด้วยเช่นกัน อาจารย์เชื่อว่าพวกนั้นจะต้องมีแผนชั่วจึงสั่งเสียอูชิให้ยุติแผนการของมาซุกและกังริมให้ได้


อาจารย์ของอูชิยังบอกอีกว่า มูยอนกลืนแมลงพิษเข้าไปทำให้อยู่ภายใต้การควบคุมของมาซุก หลังต้องมนต์ของมาซุกแล้ว ใครก็ไม่อาจช่วยเธอได้ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ทางเดียวที่จะช่วยมูยอนได้ก็คือ ต้องฆ่าเธอเสีย อาจารย์บอกให้อูชิเดินทางไปที่โชซอน ถึงแม้ไปแล้วอูชิจะฆ่ามูยอนไม่ลงแต่เขาจะต้องจัดการมาซุกและกังริมให้ได้ นี่คือหนทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยปกป้องโลก หลังสั่งเสียจบอาจารย์ของอูชิก็จากไปอย่างสงบ

ตัดกลับมาในช่วงเวลาปัจจุบัน อูชิในร่างอีชิ ขยำรายงานข่าวด้วยความโกรธแค้นแล้วกล่าวอย่างมุ่งมั่นว่า "มา กังริม... ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอจนได้" หลังจากนั้น อีชิก็รวบรวมพลังภายในแล้วกลายร่างกลับมาเป็นอูชิ ก่อนออกจากห้องด้วยความเร็วแบบไฮสปีดจนเศษกระดาษปลิวว่อน แม้แต่โอ กยูที่เดินผ่านมาก็ยังหมวกปลิวและมองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่


อีชิรีบเหาะเหินเดินอากาศโดยมุ่งหน้าไปที่มณฑลฮวางแฮเพื่อตามหากังริม เขากล่าวอย่างหมายมั่นว่า "ข้า...ชอน อูชิ กำลังจะไปพบเจ้า" ขณะที่กังริมซึ่งยืนอยู่บนยอดสนยิ้มรับและกล่าวว่า "มาแล้วสินะ ข้ากำลังรอเจ้าอยู่พอดี"

* เนื้อหาโดย luvasianseries 

นักแสดงนำ



ชา แทฮยอน
รับบท ชอน อูชิ/ อีชิ



ยูอี
รับบท ฮง มูยอน



ลี ฮีจุน
รับบท มา กังริม



เบ็ค จินฮี
รับบท ลี เฮรยอง



ฮง จอนฮยอน
รับบท ซอ ชานฮี


* ภาพจากเคบีเอส 





* ดูคลิปเบื้องหลังได้ ที่นี่


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา